ประวัติศาสตร์รัฐสมัยใหม่ของสิงคโปร์เริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 แต่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีสิงคโปร์เป็นแหล่งการค้าสำคัญในศตวรรษที่ 14 ผู้ปกครองคนสุดท้ายของอาณาจักรสิงคปุระ ปารเมศวรน่าจะถูกพวกมัชปาหิตหรือชาวสยามขับไล่ก่อนที่เขาจะก่อตั้งรัฐสุลต่านมะละกาซึ่งมีสิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่ง ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นรัฐสุลต่านยะโฮร์ ในปี ค.ศ. 1819 รัฐบุรุษชาวอังกฤษ โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ได้เจรจาสนธิสัญญาให้รัฐยะโฮร์จะอนุญาตให้อังกฤษตั้งท่าเรือการค้าบนเกาะสิงคโปร์ ซึ่งท้ายที่สุดนำไปสู่การก่อตั้งอาณานิคมของสิงคโปร์ในปี ค.ศ. 1867 สาเหตุสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์เป็นหมุดหมายสำคัญเนื่องจากอยู่ที่ปลายแหลมมลายูซึ่งขนาบข้างด้วยมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย มีที่จอดเรือตามธรรมชาติ ตลอดจนมีสถานะเป็นท่าเรือเสรี
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สิงคโปร์ถูกรุกรานและยึดครองโดยจักรวรรดิญี่ปุ่นระหว่างปี ค.ศ. 1942 - 1945 เมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนในสงคราม สิงคโปร์ก็กลับสู่การควบคุมของอังกฤษ โดยได้รับมอบอำนาจการปกครองตนเองในระดับที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สิงคโปร์รวมเข้ากับสหพันธรัฐมาลายาเป็น ก่อตั้งประเทศมาเลเซียในปี ค.ศ. 1963 อย่างไรก็ตาม ความไม่สงบในสังคม ความตึงเครียดทางเชื้อชาติ และความแตกต่างทางการเมืองระหว่างพรรคกิจประชาชน(PAP) ที่ปกครองของสิงคโปร์และพรรคพันธมิตรของมาเลเซียส่งผลให้สิงคโปร์ถูกขับออกจากมาเลเซีย สิงคโปร์กลายเป็นสาธารณรัฐเอกราชเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965
สิงคโปร์ต้องเผชิญกับการว่างงานอย่างรุนแรงและวิกฤตที่อยู่อาศัยซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจาก สิงคโปร์เริ่มดำเนินโครงการปรับปรุงให้ทันสมัยโดยเริ่มในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ถึง 1970 โดยมุ่งเน้นที่การสร้างอุตสาหกรรมการผลิต การพัฒนาหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ และการลงทุนอย่างมากในด้านการศึกษาของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน
ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ประเทศสิงคโปร์ได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในโลก ด้วยเศรษฐกิจตลาดเสรีที่พัฒนาอย่างสูงและการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP)ต่อหัวสูงสุดในเอเชีย ซึ่งเป็นอันดับที่ 7 ของโลก และเป็นอันดับที่ 9 ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ
ช่วงต้น
ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ก่อนศตวรรษที่ 14 มิได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนและแน่นอนนัก ในช่วงศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมัชปาหิตแห่งชวา ต่อมาในต้นศตวรรษที่ 15 ก็อยู่ภายใต้การยึดครองของอาณาจักรสยาม จนถูกประมุขแห่งมะละกาเข้ามาแย่งชิงไป และเมื่อโปรตุเกสเข้ายึดครองมะละกา สิงคโปร์ก็กลายเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสในราวปี ค.ศ. 1498 และต่อมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอลันดาในช่วงศตวรรษที่ 17
สิงคโปร์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ปลายสุดแหลมมาลายู เป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก เดิมชื่อว่า เทมาเส็ก (ทูมาสิค) มีกษัตริย์ปกครอง ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีเจ้าผู้ครองนครปาเล็มบังเดินทางแสวงหาดินแดนใหม่เพื่อสร้างเมือง แต่เรือก็อับปางลง พระองค์ได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมีรูปร่างลำตัวสีแดงหัวดำหัวคล้ายสิงโตหน้าอกขาว พระองค์จึงถามคนติดตามว่า สัตว์ตัวนั้นคืออะไรคนติดตามก็ตอบว่ามันคือ สิงโต พระองค์จึงเปลี่ยนชื่อเทมาเส็กเสียใหม่ว่า สิงหปุระ ต่อมาสิงหปุระก็ได้ตกเป็นของสุลต่านแห่งมะละกา
ยุคแห่งการล่าอาณานิคม
ดูบทความหลักที่: อาณานิคมช่องแคบ
ประเทศแรกที่มายึดสิงคโปร์ไว้ได้คือโปรตุเกส เมื่อปี ค.ศ. 1511 แล้วก็ถูกชาวดัตช์มาแย่งไป เมื่ออังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาบริเวณแหลมมลายูในกลางศตวรรษที่ 18 แต่ประมาณปี ค.ศ. 1817 อังกฤษได้แข่งขันกับดัตช์ในเรื่องอาณานิคม อังกฤษได้ส่งเซอร์ โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ มาสำรวจดินแดนแถบสิงคโปร์ ตอนนั้นสิงคโปร์ยังมีสุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์ปกครองอยู่ แรฟเฟิลส์ได้ตกลงกับสุลต่านฮุสเซียน ชาห์ว่า จะตั้งสถานีการค้าของอังกฤษที่นี่ แต่สุดท้ายอังกฤษยึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้นได้และก่อตั้งประเทศในปี ค.ศ. 1819 โดยอังกฤษได้ขอเช่าเกาะสิงคโปร์จากจักรวรรดิ์ยะโฮร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดา ในปี ค.ศ. 1824 อังกฤษมีสิทธิครอบครองสิงคโปร์ตามข้อตกลงที่ทำกับฮอลันดา ต่อมาในปี ค.ศ. 1826 สิงคโปร์ถูกปกครองภายใต้ระบบสเตรตส์เซตเทิลเมนต์ (Straits Settlement) ซึ่งบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษควบคุมดูแลสิงคโปร์ รวมทั้งปีนังและมะละกาด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1857 รัฐบาลอังกฤษได้เข้ามาดูแลระบบนี้เอง ในปี ค.ศ. 1867 สิงคโปร์กลายเป็นอาณานิคม (Crown Colony) อย่างสมบูรณ์จนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นจึงได้ขับไล่อังกฤษออกจากสิงคโปร์และเข้าไปยึดครองแทน
อาณานิคมแบบเอกเทศ
ดูบทความหลักที่: และ อาณานิคมสิงคโปร์
ค.ศ. 1946 จึงได้รับการยกฐานะให้เป็นอาณานิคมแบบเอกเทศ (Separate Crown colony) เมื่ออังกฤษกลับมาควบคุมสิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่สิงคโปร์อยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1942-1946)
การรวมชาติเข้ากับมาเลเซีย
เมื่อสิงคโปร์เห็นมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์จึงรีบขอรวมชาติเข้ากับมลายูกลายเป็นสหภาพมลายาทันที เพื่อจะได้ไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีก แต่ภายหลังสิงคโปร์กับมาเลเซียมีปัญหาเรื่องเชื้อชาติอย่างรุนเเรง จนทำให้สิงคโปร์ถูกขับออกจากสหภาพมลายา เเละสิงคโปร์เป็นเอกราชตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965 ตั้งแต่บัดนั้นมาในชื่อ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อแยกตัวออกมาแล้วพรรคกิจประชาชนก็ครองประเทศมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สิงคโปร์ถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นเอาชนะและยึดพื้นที่ตั้งแต่ ค.ศ. 1942 ถึง 1945 เมื่อสงครามสิ้นสุด สิงคโปร์ตกอยู่ในการควบคุมของชาวอังกฤษ โดยมีการยกระดับรัฐบาลปกครองตนเอง ส่งผลให้เข้ากับสหพันธรัฐมาลายา ก่อตั้งเป็นประเทศมาเลเซียใน ค.ศ. 1963 อย่างไรก็ตาม ความไม่สงบและข้อพิพาททางสังคมระหว่างพรรคกิจประชาชนของสิงคโปร์ และพรรคแนวร่วมแห่งชาติของมาเลเซีย ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกจากมาเลเซียได้ สิงคโปร์กลายเป็นสาธารณรัฐอิสระในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965
หลังจากประสบวิกฤติประชาชนว่างงานและขาดที่อยู่อาศัย ประเทศสิงคโปร์เริ่มโครงการทำให้ทันสมัยในปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 ถึง 1970 มุ่งเน้นการสถาปนาอุตสาหกรรมการผลิต พัฒนาที่ดิน และลงทุนด้านการศึกษาอย่างเข้มข้น ตั้งแต่เป็นอิสระ เศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9 ต่อปี จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1990 ประเทศกลายเป็นหนึ่งในชาติที่รุ่งเรืองที่สุด เนื่องจากมีเศรษฐกิจการค้าเสรีที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก การค้าขายกับต่างประเทศที่แข็งแกร่ง และดัชนีมวลรวมสูงที่สุดในเอเชีย หากไม่นับประเทศญี่ปุ่น
อ้างอิง
- Wong Lin, Ken. "Singapore: Its Growth as an Entrepot Port, 1819-1941". Retrieved 31 May 2022.
- "World Bank Open Data". World Bank Open Data.
- "World Economic Outlook Database, September 2006". International Monetary Fund. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-07. สืบค้นเมื่อ 2015-11-04.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
prawtisastrrthsmyihmkhxngsingkhoprerimtninchwngtnstwrrsthi 19 aetmihlkthanbngchiwamisingkhoprepnaehlngkarkhasakhyinstwrrsthi 14 phupkkhrxngkhnsudthaykhxngxanackrsingkhpura paremswrnacathukphwkmchpahithruxchawsyamkhbilkxnthiekhacakxtngrthsultanmalakasungmisingkhoprepnswnhnung kxncamikarepliynchuxepnrthsultanyaohr inpi kh s 1819 rthburuschawxngkvs othms saetmfxrd aerfefilsidecrcasnthisyyaihrthyaohrcaxnuyatihxngkvstngthaeruxkarkhabnekaasingkhopr sungthaythisudnaipsukarkxtngxananikhmkhxngsingkhoprinpi kh s 1867 saehtusakhythithaihsingkhoprepnhmudhmaysakhyenuxngcakxyuthiplayaehlmmlayusungkhnabkhangdwymhasmuthraepsifikaelamhasmuthrxinediy mithicxderuxtamthrrmchati tlxdcnmisthanaepnthaeruxesri inchwngsngkhramolkkhrngthi 2 singkhoprthukrukranaelayudkhrxngodyckrwrrdiyipunrahwangpi kh s 1942 1945 emuxyipunyxmcanninsngkhram singkhoprkklbsukarkhwbkhumkhxngxngkvs odyidrbmxbxanackarpkkhrxngtnexnginradbthiephimkhun sngphlihsingkhoprrwmekhakbshphnthrthmalayaepn kxtngpraethsmaelesiyinpi kh s 1963 xyangirktam khwamimsngbinsngkhm khwamtungekhriydthangechuxchati aelakhwamaetktangthangkaremuxngrahwangphrrkhkicprachachn PAP thipkkhrxngkhxngsingkhopraelaphrrkhphnthmitrkhxngmaelesiysngphlihsingkhoprthukkhbxxkcakmaelesiy singkhoprklayepnsatharnrthexkrachemuxwnthi 9 singhakhm kh s 1965 singkhoprtxngephchiykbkarwangnganxyangrunaerngaelawikvtthixyuxasysungswnhnungekidcak singkhoprerimdaeninokhrngkarprbprungihthnsmyodyeriminchwngplaythswrrs 1960 thung 1970 odymungennthikarsrangxutsahkrrmkarphlit karphthnahmubancdsrrkhnadihy aelakarlngthunxyangmakindankarsuksakhxngrth aelaokhrngsrangphunthan inchwngthswrrsthi 1990 praethssingkhopridklayepnhnunginpraethsthiecriyrungeruxngmakthisudinolk dwyesrsthkictladesrithiphthnaxyangsungaelakarechuxmoyngkarkharahwangpraethsthiaekhngaekrng pccubnmiphlitphnthmwlrwmphayinpraeths GDP txhwsungsudinexechiy sungepnxndbthi 7 khxngolk aelaepnxndbthi 9 indchnikarphthnamnusykhxngshprachachati chwngtn prawtisastrkhxngsingkhoprkxnstwrrsthi 14 miidthukbnthukxyangchdecnaelaaennxnnk inchwngstwrrsthi 14 singkhoprxyuphayitkarpkkhrxngkhxngxanackrmchpahitaehngchwa txmaintnstwrrsthi 15 kxyuphayitkaryudkhrxngkhxngxanackrsyam cnthukpramukhaehngmalakaekhamaaeyngchingip aelaemuxoprtueksekhayudkhrxngmalaka singkhoprkklayepnemuxngkhunkhxngoprtueksinrawpi kh s 1498 aelatxmaxyuphayitxiththiphlkhxnghxlndainchwngstwrrsthi 17 singkhoprepnemuxngthitngxyuplaysudaehlmmalayu epnsthanphksinkhakhxngphxkhathwolk edimchuxwa ethmaesk thumasikh mikstriypkkhrxng txmainkhriststwrrsthi 17 idmiecaphukhrxngnkhrpaelmbngedinthangaeswnghadinaednihmephuxsrangemuxng aeteruxkxbpanglng phraxngkhidwaynakhunfng aelwkehnstwchnidhnungmirupranglatwsiaednghwdahwkhlaysingothnaxkkhaw phraxngkhcungthamkhntidtamwa stwtwnnkhuxxairkhntidtamktxbwamnkhux singot phraxngkhcungepliynchuxethmaeskesiyihmwa singhpura txmasinghpurakidtkepnkhxngsultanaehngmalaka yukhaehngkarlaxananikhm dubthkhwamhlkthi xananikhmchxngaekhb praethsaerkthimayudsingkhopriwidkhuxoprtueks emuxpi kh s 1511 aelwkthukchawdtchmaaeyngip emuxxngkvskhyayxiththiphlekhamabriewnaehlmmlayuinklangstwrrsthi 18 aetpramanpi kh s 1817 xngkvsidaekhngkhnkbdtchineruxngxananikhm xngkvsidsngesxr othms saetmfxrd aerfefils masarwcdinaednaethbsingkhopr txnnnsingkhopryngmisultanaehngrthyaohrpkkhrxngxyu aerfefilsidtklngkbsultanhusesiyn chahwa catngsthanikarkhakhxngxngkvsthini aetsudthayxngkvsyudsingkhopriwepnemuxngkhunidaelakxtngpraethsinpi kh s 1819 odyxngkvsidkhxechaekaasingkhoprcakckrwrrdiyaohrsungxyuphayitkarpkkhrxngkhxnghxlnda inpi kh s 1824 xngkvsmisiththikhrxbkhrxngsingkhoprtamkhxtklngthithakbhxlnda txmainpi kh s 1826 singkhoprthukpkkhrxngphayitrabbsetrtsestethilemnt Straits Settlement sungbristhxinediytawnxxkkhxngxngkvskhwbkhumduaelsingkhopr rwmthngpinngaelamalakadwy txmainpi kh s 1857 rthbalxngkvsidekhamaduaelrabbniexng inpi kh s 1867 singkhoprklayepnxananikhm Crown Colony xyangsmburncnthungchwngsngkhramolkkhrngthisxng yipuncungidkhbilxngkvsxxkcaksingkhopraelaekhaipyudkhrxngaethn xananikhmaebbexkeths dubthkhwamhlkthi aela xananikhmsingkhopr kh s 1946 cungidrbkarykthanaihepnxananikhmaebbexkeths Separate Crown colony emuxxngkvsklbmakhwbkhumsingkhoprxikkhrnghnung phayhlngcakthisingkhoprxyuphayitkaryudkhrxngkhxngyipunrahwangsngkhramolkkhrngthisxng kh s 1942 1946 karrwmchatiekhakbmaelesiy emuxsingkhoprehnmaelesiyidrbexkrachcakxngkvs singkhoprcungribkhxrwmchatiekhakbmlayuklayepnshphaphmlayathnthi ephuxcaidimepnemuxngkhunkhxngxngkvsxik aetphayhlngsingkhoprkbmaelesiymipyhaeruxngechuxchatixyangruneerng cnthaihsingkhoprthukkhbxxkcakshphaphmlaya eelasingkhoprepnexkrachtngaetwnthi 9 singhakhm kh s 1965 tngaetbdnnmainchux satharnrthsingkhopr emuxaeyktwxxkmaaelwphrrkhkicprachachnkkhrxngpraethsmatlxdcnthungthukwnni rahwangsngkhramolkkhrngthi 2 singkhoprthukckrwrrdiyipunexachnaaelayudphunthitngaet kh s 1942 thung 1945 emuxsngkhramsinsud singkhoprtkxyuinkarkhwbkhumkhxngchawxngkvs odymikarykradbrthbalpkkhrxngtnexng sngphlihekhakbshphnthrthmalaya kxtngepnpraethsmaelesiyin kh s 1963 xyangirktam khwamimsngbaelakhxphiphaththangsngkhmrahwangphrrkhkicprachachnkhxngsingkhopr aelaphrrkhaenwrwmaehngchatikhxngmaelesiy thaihsingkhopraeyktwxxkcakmaelesiyid singkhoprklayepnsatharnrthxisrainwnthi 9 singhakhm kh s 1965 hlngcakprasbwikvtiprachachnwangnganaelakhadthixyuxasy praethssingkhoprerimokhrngkarthaihthnsmyinplaykhristthswrrs 1960 thung 1970 mungennkarsthapnaxutsahkrrmkarphlit phthnathidin aelalngthundankarsuksaxyangekhmkhn tngaetepnxisra esrsthkickhxngpraethssingkhopretibotechliyrxyla 9 txpi cnthungkhristthswrrs 1990 praethsklayepnhnunginchatithirungeruxngthisud enuxngcakmiesrsthkickarkhaesrithiphthnakhunxyangmak karkhakhaykbtangpraethsthiaekhngaekrng aeladchnimwlrwmsungthisudinexechiy hakimnbpraethsyipunxangxingWong Lin Ken Singapore Its Growth as an Entrepot Port 1819 1941 Retrieved 31 May 2022 World Bank Open Data World Bank Open Data World Economic Outlook Database September 2006 International Monetary Fund ekbcakaehlngedimemux 2009 05 07 subkhnemux 2015 11 04