นิมิต หมายถึงวัตถุที่เป็นเครื่องหมายบอกกำหนดเขตหรือแดนแห่งสีมา เป็นเครื่องหมายบอกเขตสีมาที่พระวินัยกำหนดให้ใช้ได้มี 8 อย่าง คือภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ หนทาง แม่น้ำ น้ำ แต่ที่นิยมกันมากที่สุดคือใช้ศิลาหรือหินเป็นนิมิต
นิมิตที่เป็นศิลาหรือสกัดศิลาให้มีลักษณะกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30-38 เซนติเมตร เรียกว่า ลูกนิมิต แต่ละสีมาจะใช้ 9 ลูก ก่อนทำสังฆกรรมผูกสีมานิยมจัดงานกันเอิกเกริกโดยถือกันว่าเป็นงานบุญใหญ่ เรียกว่า งานปิดทองลูกนิมิต เมื่อทำพิธีตามพระวินัยเสร็จแล้วจะฝังศิลานิมิตนั้นลงไปในดินแล้วสร้างซุ้มครอบไว้ข้างบนโดยมี ใบสีมา เป็นเครื่องหมายสังเกตว่าลูกนิมิตอยู่ตรงนั้น แต่หากใบสีมาเป็นศิลาที่ใหญ่พอ และปักติดลงไปในดิน ก็ไม่จำเป็นต้องมีลูกนิมิต
อุโบสถในภาคอีสาน หรือ สิม มักจะมีลูกนิมิตที่เป็นก้อนหินวางอยู่รอบโบสถ์ แต่ไม่มีใบเสมากำกับ
ที่มา
ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีกุศโลบายที่ต้องการให้มีการทบทวนพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์อยู่เสมอพระองค์จึงได้กำหนดให้พระสงฆ์ต้องประชุมร่วมกัน หรือที่เรียกว่า ทำสังฆกรรม โดยกำหนดให้ทำสังฆกรรมในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้นเพื่อมิให้ฆราวาสมายุ่งเกี่ยว จึงมีการกำหนดเขตแดนด้วยวัตถุบางอย่างขึ้นที่เรียกว่า "การผูกสีมา" (สีมา แปลว่า เขตแดน) พระพุทธองค์กำหนดไว้ 8 อย่าง คือ ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ และ น้ำนิ่ง เรียกเขตแดนนี้ว่า "นิมิต"
ต่อมาจึงมีการพัฒนากำหนดนิมิตใหม่แทนเขตแดนตามธรรมชาติ เป็นการจัดสร้างขึ้นโดยเฉพาะ เช่น บ่อ คู สระ และก้อนหิน โดยเฉพาะก้อนหินเป็นที่นิยมกันมาก ซึ่งต่อมามีการประดิษฐ์ก้อนหินให้เป็นลูกกลม ๆ เป็นเครื่องหมายที่ค่อนข้างถาวรขึ้นแทน เรียกว่า "ลูกนิมิต" ภายหลังมีการจัดพิธีขึ้นเรียกว่า "ฝังลูกนิมิต"
การฝังลูกนิมิต
การฝังลูกนิมิตต้องได้รับพระราชทานเขตวิสุงคามสีมาจากพระเจ้าแผ่นดินเสียก่อน ก่อนจะฝังลูกนิมิตจะต้องมีการสวดถอนพื้นที่ก่อนเพื่อให้พื้นที่นั้นบริสุทธิ์ หากทราบภายหลังว่าพื้นที่นั้นเคยเป็นเขตวัดใดวัดหนึ่งแล้ว การประกาศเขตครั้งนั้นก็จะถือเป็นโมฆะ ในการสวดถอนพื้นที่อาจทำล่วงหน้ากันหลายวันหรืออาจกระทำในวันผูกพัทธสีมา
การฝังลูกนิมิตนิยมฝังตอนเที่ยงคืน เช้าตรู่หรือตอนบ่าย โดยบางวัดอาจจะกราบบังคมทูลองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ หรือสมเด็จพระสังฆราชมาเป็นองค์ประธานในพิธี เพื่อทรงตัดลูกนิมิตด้วยก่อนทำพิธี
ลูกนิมิตที่ใช้ผูกสีมา 9 ลูก ฝังตามทิศต่าง ๆ รอบอุโบสถทั้ง 8 ทิศ ทิศละ 1 ลูก และฝังไว้กลางอุโบสถอีก 1 ลูก เป็น 1 ลูกเอก เมื่อผูกสีมา พระสงฆ์จำนวน 4 รูป จะเดินตรวจลูกนิมิตที่วางตามทิศต่าง ๆ โดยเริ่มต้นจากทิศตะวันออก เรียกว่า สวดทักสีมา เวียนขวาไปจนครบ 8 ลูกนิมิต เมื่อสวดทักนิมิตจบแล้วจึงกลับไปประชุมสงฆ์ในอุโบสถและสวดประกาศสีมาอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงทำการตัดลูกนิมิตลงหลุมเพื่อกลบ แล้วสร้างเป็นซุ้มหรือก่อเป็นฐานตั้งสีมาในเวลาต่อมา หากเป็นวัดราษฎร์นิยมทำใบสีมาซุ้มละแผ่น ส่วนวัดหลวงทำซุ้มละสอง เรียกว่า สีมาคู่
ความเชื่อเรื่องทำบุญในพิธีฝังลูกนิมิต เชื่อกันว่าได้บุญกุศลมาก เพราะถือว่าวัดหนึ่งมีอุโบสถได้แห่งเดียว
อ้างอิง
- พระสิทธินิติธาดา, 232.
- "พัทธสีมา-ใบเสมาและลูกนิมิต : คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์ สถาปัตยกรรม". ข่าวสด.
- . กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-09-15. สืบค้นเมื่อ 2021-09-15.
- พระสิทธินิติธาดา, 234.
- พระสิทธินิติธาดา, 110.
บรรณานุกรม
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
- ดร. พระสิทธินิติธาดา. "สถานภาพทางกฎหมายของวัดที่มิได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาและสำนักสงฆ์". วารสารรามคำแหง ฉบับนิติศาสตร์.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nimit hmaythungwtthuthiepnekhruxnghmaybxkkahndekhthruxaednaehngsima epnekhruxnghmaybxkekhtsimathiphrawinykahndihichidmi 8 xyang khuxphuekha sila paim tnim hnthang aemna na aetthiniymknmakthisudkhuxichsilahruxhinepnnimitluknimitthiwdophthiyan phisnuolk nimitthiepnsilahruxskdsilaihmilksnaklmesnphasunyklangpraman 30 38 esntiemtr eriykwa luknimit aetlasimacaich 9 luk kxnthasngkhkrrmphuksimaniymcdnganknexikekrikodythuxknwaepnnganbuyihy eriykwa nganpidthxngluknimit emuxthaphithitamphrawinyesrcaelwcafngsilanimitnnlngipindinaelwsrangsumkhrxbiwkhangbnodymi ibsima epnekhruxnghmaysngektwaluknimitxyutrngnn aethakibsimaepnsilathiihyphx aelapktidlngipindin kimcaepntxngmiluknimit xuobsthinphakhxisan hrux sim mkcamiluknimitthiepnkxnhinwangxyurxbobsth aetimmiibesmakakbthimacudthabuypidthxngluknimitinwdrxngesuxetn echiyngray insmyphuththkal smedcphrasmmasmphuththecamikusolbaythitxngkarihmikarthbthwnphrathrrmkhasngsxnkhxngphraxngkhxyuesmxphraxngkhcungidkahndihphrasngkhtxngprachumrwmkn hruxthieriykwa thasngkhkrrm odykahndihthasngkhkrrminbriewnthikahndiwethannephuxmiihkhrawasmayungekiyw cungmikarkahndekhtaedndwywtthubangxyangkhunthieriykwa karphuksima sima aeplwa ekhtaedn phraphuththxngkhkahndiw 8 xyang khux phuekha sila paim tnim cxmplwk hnthang aemna aela naning eriykekhtaednniwa nimit txmacungmikarphthnakahndnimitihmaethnekhtaedntamthrrmchati epnkarcdsrangkhunodyechphaa echn bx khu sra aelakxnhin odyechphaakxnhinepnthiniymknmak sungtxmamikarpradisthkxnhinihepnlukklm epnekhruxnghmaythikhxnkhangthawrkhunaethn eriykwa luknimit phayhlngmikarcdphithikhuneriykwa fngluknimit karfngluknimitomedlcalxngkarfngluknimitinphiphithphnthksapn krungethphmhankhr karfngluknimittxngidrbphrarachthanekhtwisungkhamsimacakphraecaaephndinesiykxn kxncafngluknimitcatxngmikarswdthxnphunthikxnephuxihphunthinnbrisuththi hakthrabphayhlngwaphunthinnekhyepnekhtwdidwdhnungaelw karprakasekhtkhrngnnkcathuxepnomkha inkarswdthxnphunthixacthalwnghnaknhlaywnhruxxackrathainwnphukphththsima karfngluknimitniymfngtxnethiyngkhun echatruhruxtxnbay odybangwdxaccakrabbngkhmthulxngkhphrabathsmedcphraecaxyuhw phrabrmwngsanuwngs hruxsmedcphrasngkhrachmaepnxngkhprathaninphithi ephuxthrngtdluknimitdwykxnthaphithi luknimitthiichphuksima 9 luk fngtamthistang rxbxuobsththng 8 this thisla 1 luk aelafngiwklangxuobsthxik 1 luk epn 1 lukexk emuxphuksima phrasngkhcanwn 4 rup caedintrwcluknimitthiwangtamthistang odyerimtncakthistawnxxk eriykwa swdthksima ewiynkhwaipcnkhrb 8 luknimit emuxswdthknimitcbaelwcungklbipprachumsngkhinxuobsthaelaswdprakassimaxikkhrng hlngcaknncungthakartdluknimitlnghlumephuxklb aelwsrangepnsumhruxkxepnthantngsimainewlatxma hakepnwdrasdrniymthaibsimasumlaaephn swnwdhlwngthasumlasxng eriykwa simakhu khwamechuxeruxngthabuyinphithifngluknimit echuxknwaidbuykuslmak ephraathuxwawdhnungmixuobsthidaehngediywxangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb luknimit phrasiththinitithada 232 phththsima ibesmaaelaluknimit khxlmn khti sylksn sthaptykrrm khawsd krmsngesrimwthnthrrm khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2021 09 15 subkhnemux 2021 09 15 phrasiththinitithada 234 phrasiththinitithada 110 brrnanukrm phrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch p th 9 rachbnthit phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd wdrachoxrsaram krungethph ph s 2548 dr phrasiththinitithada sthanphaphthangkdhmaykhxngwdthimiidrbphrarachthan wisungkhamsimaaelasanksngkh warsarramkhaaehng chbbnitisastr