อิดรีส (อาหรับ: إدريس, อักษรโรมัน: ʾIdrīs) เป็นนบีที่ได้รับการกล่าวถึงในคัมภีร์กุรอาน ชาวมุสลิมเชื่อว่าเป็นนบีคนที่สามถัดจากชีษ ท่านเป็นนบีคนที่สองที่กล่าวถึงในอัลกุรอาน ธรรมเนียมอิสลามระบุอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าอิดรีสเป็นบุคคลเดียวกันกับเอโนคในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่นักวิชาการมุสลิมหลายคนในยุคซะลัฟและยุคเคาะลัฟยังถือว่าอิดรีสเป็นบุคคลเดียวกันกับ บุคคลในตำนานของกรีซโบราณ หรือธอธซึ่งเป็นเทพของอียิปต์โบราณ
อิดรีส إدريس | |
---|---|
ชื่อของนบีอิดรีสเขียนด้วยภาษาอาหรับ ตามด้วยวลี "ขอความสันติจงมีแด่ท่าน" | |
เกิด | เมโสโปเตเมีย, อิรัก |
ตำแหน่ง | นบี |
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน | (ชีษ) |
ผู้สืบตำแหน่ง | นูห์ |
อัลกุรอานบรรยายอิดรีสว่าเป็นผู้มี "ความน่าเชื่อถือ" และ "ความอดทน" และยังกล่าวอีกว่าท่าน "ได้รับการยกย่องให้อยู่ในตำแหน่งที่สูง" ด้วยเหตุนี้และความคล้ายคลึงกันอื่น ๆ ตามคำกล่าวนี้แล้ว จึงมีการเชื่อมโยงอิดรีสกับเอโนคในไบเบิล และนักวิชาการของอิสลามมักจะจัดให้อิดรีสอยู่ในยุคแรก และถือว่าท่านเป็นหนึ่งในบรรดานบีที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงในคัมภีร์กุรอานโดยวางเขาไว้ระหว่างอาดัมกับนูห์
ตาม ฮะดีษ ที่อิมาม มาลิก บิน อะนัส บรรยายไว้ และที่พบใน เศาะฮีห์มุสลิม นั้น ในอิสรออ์และเมียะอ์รอจญ์ของนบีมุฮัมหมัด ท่านพบนบีอิดรีสในชั้นฟ้าที่ 4
เชื้อสายของท่าน
กล่าวถึงเชื้อสายของท่านว่า: อิดรีส (อะลัยฮิสสะลาม) มีชื่อจริงว่า เคาะนูค อิบน์ ยัรด์ อิบน์ มะฮ์ลาอีล อิบน์ ก็อยนาน อิบน์ อะนูช อิบน์ (ชีษ) อิบน์ อาดัม (อะลัยฮิมัสสะลาม) และ อัซซุบัยร์ อิบน์ บักการ กล่าวว่า: อิดรีส อิบน์ ยาริด อิบน์ มะฮ์ลาอีล อิบน์ กีนาน อิบน์ ฏอฮิร อิบน์ ฮุบบะฮ์ หรือว่า ชีษ อิบน์ อาดัม และถูกเรียกว่า อิดรีส เหนื่องจาก ท่านได้เรียนรู้การเขียน
ในคัมภีร์กุรอาน
นบีอิดรีส (อ.ล.) ได้รับการกล่าวถึงในอัลกุรอาน 2 ครั้ง
และจงกล่าวถึงเรื่องของอิดรีสที่อยู่ในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้ซื่อสัตย์ เป็นนบี และเราได้เทิดเกียรติเขาซึ่งตำแหน่งอันสูงส่ง
— บทที่ 19 โองการที่ 56-57
ในซูเราะฮ์ มัรยัม กล่าวว่า นบีอิดรีสเป็นนบีและเป็นผู้ซื่อสัตย์ และพระองค์ทรงเทิดท่านให้สูง ในตัฟซีรกล่าวว่า เทิดเกียรติให้สูง หมายถึง พระองค์ทรงยกท่านขึ้นไปยังชั้นฟ้าที่ 4 มีการตีความสองแบบ อย่างแรกคือ ได้รับการยกขึ้นไปและยังมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน อย่างที่สองคือยกขึ้นไปและเสียชีวิต
และอิสมาอีล อิดรีส และษูลกิฟล์ แต่ละคนอยู่ในหมู่ผู้อดทนขันติ และเราได้ให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเมตตาของเรา แท้จริงพวกเขาอยู่ในหมู่คนดีมีคุณธรรม
— บทที่ 21 โองการที่ 85 และ 86
เรื่องราวตรงนี้ทำให้รู้ว่านบีอิดรีสและคนอื่น ๆ นี้เป็นผู้ที่มีความอดทนสูง
เรื่องเล่า
ตามงานเขียนของมุสลิมในยุคต่อมา อิดรีสเกิดในเมโสโปเตเมียซึ่งเป็นดินแดนอิรักปัจจุบัน ก่อนที่ท่านจะได้รับการวะฮีย์ ท่านปฏิบัติตามกฎที่วะฮีย์ต่อนบีชีษบุตรชายของนบีอาดัม เมื่ออิดรีสโตขึ้น อัลลอฮ์ประทานความเป็นนบีแก่ท่าน ในช่วงชีวิตของท่านทุกคนยังไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม หลังจากนั้น อิดรีสก็ออกจากบาบิโลนบ้านเกิดของเขา เพราะมีคนจำนวนมากทำบาปมากมาย แม้ว่าท่านจะบอกพวกท่านว่าอย่าทำเช่นนั้นก็ตาม คนของท่านบางคนจากไปพร้อมกับอิดรีส
พวกเขาถามนบีอิดรีสว่า "ถ้าเราออกจากบาบิโลน เราจะหาสถานที่เช่นนี้ได้ที่ไหน" นบีอิดรีสกล่าวว่า "หากเราอพยพเพื่ออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงเลี้ยงดูเรา" ดังนั้นผู้คนจึงไปกับนบีอิดรีสและพวกท่านก็มาถึงแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาเห็นแม่น้ำไนล์ นบีอิดรีสยืนอยู่ที่ริมฝั่งและกล่าวถึงอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งโดยกล่าวว่า: “ศุบฮานัลลอฮ์”
เรื่องเล่าอิสลามเล่าว่า นบีอิดรีสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบีเมื่อประมาณอายุ 40 ปี ซึ่งตรงกับยุคที่มุฮัมมัดเป็นนบี และอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่ผู้คนเริ่มบูชาไฟ นักตัฟซีรเล่าในช่วงชีวิตของนบีอิดรีส และกล่าวว่า นบีแบ่งเวลาของเขาออกเป็นสองส่วน เป็นเวลาสามวันในสัปดาห์ นบีอิดรีสจะประกาศแก่ผู้คนของท่าน และอีกสี่วัน ท่านจะอุทิศให้กับการนมัสการอัลลอฮ์เพียงอย่างเดียว นักตัฟซีรหลาย ๆ คน เช่น กล่าวว่า นบีอิดรีสว่ามีสติปัญญาและความรู้ที่ยอดเยี่ยม
นักตัฟซีรอธิบายว่า นบีอิดรีส เป็นหนึ่งใน "มนุษย์กลุ่มแรกที่ใช้ปากกาและเป็นหนึ่งในมนุษย์กลุ่มแรก ๆ ที่สังเกตการเคลื่อนที่ของดวงดาวและกำหนดน้ำหนักและมาตราส่วนทางวิทยาศาสตร์" คุณลักษณะเหล่านี้ยังคงสอดคล้องกับการระบุตัวตนของเอโนคกับนบีอิดรีส เนื่องจากคุณลักษณะเหล่านี้ทำให้ชัดเจนว่า นบีอิดรีสน่าจะมีชีวิตอยู่ในช่วงรุ่นแรก ๆ ของอาดัม ยุคเดียวกับที่เอโนค อาศัยอยู่ อธิบายว่า นบีอิดรีสเป็น "นบีแห่งนักปรัชญา" และผลงานจำนวนหนึ่งได้มาจากเขา นักวิชาการบางคนเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับผลงานที่ควรจะเป็นเหล่านี้ในขณะที่นบีอิดรีสยังได้รับการยกย่องจากสิ่งประดิษฐ์หลายอย่าง รวมถึงศิลปะการทำเสื้อผ้าด้วย
นักประวัติศาสตร์อย่าง อธิบายว่า ท่านเป็นชายคนแรกที่เขียนด้วยปากกาและท่านเกิดในขณะที่อาดัมยังมีชีวิตอีก 308 ปีที่จะมีชีวิตอยู่ ในคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับอัลกุรอาน โองการที่ 19:56-57 อิบน์ กะษีร นักตัฟซีรได้บรรยายว่า "ระหว่างการเดินทางกลางคืน ท่านนบีได้ผ่านท่านไปยังชั้นฟ้าชั้นที่สี่ ในฮะดีษของอิบน์ อับบาส ได้ถามกะอบ์ถึงความหมายของอายะฮ์ที่กล่าวว่า “และเราได้ยกเขาขึ้นสู่ที่สูง” กะอบ์อธิบายว่า: อัลลอฮ์ทรงวะฮีย์แก่นบีอิดรีส: 'ข้าจะเพิ่มผลงานของลูก ๆ ของอาดัมให้กับเจ้าทุกวันในจำนวนที่เท่ากัน' - บางทีอาจหมายถึงเวลาของท่านเท่านั้น ดังนั้น นบีอิดรีสจึงต้องการที่จะเพิ่มพูนการกระทำและความทุ่มเทของท่าน เพื่อนของท่าน มลาอิกะฮ์มาเยี่ยม และนบีอิดรีสกล่าวแก่เขาว่า 'อัลลอฮ์ได้ทรงวะฮีย์แก่ข้าในเรื่องดังกล่าวแล้ว ดังนั้น ท่านช่วยพูดกับมะลาอิกะฮ์แห่งความตายได้ไหม ทูตสวรรค์ได้อุ้มท่านด้วยปีกของท่านและขึ้นไปบนชั้นฟ้า เมื่อพวกเขามาถึงสวรรค์ชั้นที่ 4 พวกเขาได้พบกับทูตสวรรค์แห่งความตายที่กำลังร่อนลงสู่พื้นดิน ทูตสวรรค์พูดกับท่านเกี่ยวกับสิ่งที่นบีอิดรีสเคยพูดกับท่านก่อนหน้านี้ ทูตแห่งความตายกล่าวว่า 'แต่นบีอิดรีสอยู่ที่ไหน' ท่านตอบว่า 'ท่านอยู่บนหลังของข้า' ทูตแห่งความตายกล่าวว่า: 'ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ ! ข้าถูกส่งไปและบอกให้ไปจับวิญญาณของท่าน ในสวรรค์ชั้นที่สี่ ท่านเอาแต่คิดว่า ข้าจะยึดสวรรค์ชั้นที่สี่ได้อย่างไรในตอนที่พระองค์อยู่บนโลก?' แล้วเขาได้เอาวิญญาณของเขาออกจากร่างกายของเขา และนั่นคือความหมายของโองการที่ว่า : 'และเราได้ให้เขามีตำแหน่งสูง'
เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของนบีอิดรีสในช่วงต้นระบุว่า ดังนั้น นักตัฟซีรในยุคแรก ๆ จึงเข้าใจว่านบีอิดรีสเป็นทั้งนบีและเราะซูล นักตัฟซีรสมัยใหม่หลายคนเชื่อมโยงความรู้สึกนี้กับคัมภีร์นอกสารบบในคัมภีร์ไบเบิล เช่นพระธรรมของเอโนคและพระธรรมเล่มที่สองของเอโนค
ตัวตน
เอโนค
นบีอิดรีสเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเหมือนกับเอโนคผู้ที่อาศัยอยู่ในรุ่นของอาดัม นักตัฟซีรอัลกุรอานหลายคน เช่น , เป็นต้น ระบุว่านบีอิดรีสคือ บัยฎอวีย์กล่าวว่า "นบีอิดรีส เป็นลูกหลานของนบีชีษ และเป็นบรรพบุรุษของนบีนูห์ และชื่อของท่านคือ เอโนค หรือในภาษาอาหรับคือ อุคนูค" (อาหรับ: أخنوخ, อักษรโรมัน: Ukhnūkh) คำอธิบายของ Bursalı İsmail Hakkı เกี่ยวกับ Fuṣūṣ al-Ḥikam โดย
อย่างไรก็ตามนักวิชาการสมัยใหม่ไม่เห็นด้วยกับการระบุนี้เพราะพวกเขาโต้แย้งว่าขาดหลักฐานที่ชัดเจน ดังที่ ผู้แปลและนักตัฟซีรอัลกุรอาน กล่าวไว้ในหมายเหตุ 2508 เกี่ยวกับการแปลอัลกุรอานของเขา :
นบีอิดรีสถูกกล่าวถึงสองครั้งในอัลกุรอาน ได้แก่ ที่นี่ (19:56-57) และในบทที่ 21 ข้อ 85 ซึ่งเขาถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้ที่อดทน การระบุตัวตนของท่านกับเอโนค ในพระคัมภีร์ไบเบิลอาจถูกต้องหรือไม่ก็ได้ เราไม่มีเหตุผลสมควรในการตีความข้อ 57 ที่นี่ว่ามีความหมายเดียวกับในปฐมกาลข้อ 24 ("พระเจ้ารับเขาไป") ว่าท่านถูกพาขึ้นไปโดยไม่ได้ผ่านมิติแห่งความตาย ทั้งหมดที่เราทราบคือเขาเป็นคนที่พูดความจริงและจริงใจ เป็นนบีและท่านมีตำแหน่งสูงในบรรดาผู้คนของท่าน
— อับดุลลอฮ์ ยูซุฟ อาลี,
ด้วยการระบุตัวตนนี้ บิดาของนบีอิดรีสกลายเป็นบุตรยะรีด (يريد) มารดาของท่านคือบัรกานะห์ และภรรยาของท่านคืออะดานะห์ เมธูเสลาห์ ( มัตตูชาลัค ) เป็นบุตรชายของนบีอิดรีสจะเป็น ซึ่งเป็นปู่ของนบีนูห์ (โนอาห์) ดังนั้นนบีอิดรีสจึงได้รับการระบุว่าเป็นปู่ทวดของนบีนูห์
เฮอร์เมส ทริสเมกิสตุส
Antoine Faivre ใน The Eternal Hermes (1995) ได้ชี้ให้เห็นว่า (การรวมกันของเทพเจ้าเฮอร์เมสของกรีกและเทพเจ้าธอธของอียิปต์) ในศาสนาอิสลามแม้ว่าชื่อ เฮร์แมส จะไม่ปรากฏในอัลกุรอาน นักเขียนชีวประวัติและนักบันทึกเหตุการณ์ในศตวรรษแรกของฮิจญ์เราะห์ศักราช ระบุว่าเฮร์แมส ตริซเมกิสโตส คืออิดรีสอย่างรวดเร็วในซูเราะฮ์ 19.56-57 และ 21.85 ซึ่งชาวอาหรับระบุด้วย (เปรียบเทียบ ปฐมกาล 5.18–24) อิดรีส/เฮอร์เมส ถูกเรียกว่า เฮร์แมส ตริซเมกิสโตส "Thrice-Wise" เนื่องจากเขามีต้นกำเนิดสามประการ เฮร์แมสคนแรกเทียบได้กับธอธเป็น "วีรบุรุษที่มีอารยธรรม" ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มเข้าสู่ความลึกลับของวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้โลกมีชีวิตชีวา เขาสลักหลักการของศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ในอักษรอียิปต์โบราณ เฮร์แมสองค์ที่สองในบาบิโลนเป็นผู้ริเริ่มพีทาโกรัส เฮร์แมสที่สามเป็นครูคนแรกของการเล่นแร่แปรธาตุ "นบีไร้ใบหน้า" ผู้นับถือศาสนาอิสลามเขียน "เฮร์แมสไม่มีลักษณะที่เป็นรูปธรรมหรือโดดเด่น ซึ่งแตกต่างจากบุคคลสำคัญส่วนใหญ่ในพระคัมภีร์ไบเบิลและอัลกุรอานในเรื่องนี้การตีความทั่วไปของการเป็นตัวแทนของ "ตริซเมกิสโตส" เป็น "ผู้ยิ่งใหญ่คนที่สาม" ทำให้นึกถึงลักษณะสามประการของอิดรีส: ในฐานะผู้ส่งสารของพระเจ้าหรือผู้เผยพระวจนะ; เป็นแหล่งของปัญญาหรือ (ภูมิปัญญาจาก hokhmah) ; และในฐานะราชาแห่งระเบียบโลกหรือ "สุลต่าน " เหล่านี้เรียกว่า müselles bin ni'me
นิกายบูชาดวงดาวที่รู้จักกันในชื่อศอเบียะอ์แห่งฮัรรอนยังเชื่อว่าหลักคำสอนของพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากเฮร์แมส ตริซเมกิสโตส
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Kīsāʾī, Qiṣaṣ, i, 81-5
- "İDRÎS - TDV İslâm Ansiklopedisi". islamansiklopedisi.org.tr (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-08-11.
- Erder, Yoram, “Idrīs”, in: Encyclopaedia of the Qurʾān, General Editor: Jane Dammen McAuliffe, Georgetown University, Washington DC.
- P. S. Alexander, "Jewish tradition in early Islam: The case of Enoch/Idrīs," in G. R. Hawting, J. A. Mojaddedi and A. Samely (eds.), Studies in Islamic and Middle Eastern texts and traditions in memory of Norman Calder ( jss Supp. 12), Oxford 2000, 11-29
- W.F. Albright, Review of Th. Boylan, The hermes of Egypt, in Journal of the Palestine Oriental Society 2 (1922), 190-8
- H. T. Halman, "Idris," in Holy People of the World: A Cross-Cultural Encyclopedia (ABC-CLIO, 2004), p. 388
- Qur'an 19:56-57 and Qur'an 21:85-86
- อัลกุรอาน 19:56–57
- Encyclopedia of Islam, "Idris", Juan Eduardo Campo, Infobase Publishing, 2009, pg. 344
- Encyclopedia of Islam, Juan Eduardo Campo, Infobase Publishing, 2009, pg. 559
- Encyclopedia of Islam, Juan Eduardo Campo, Infobase Publishing, 2009, pg. 344: (His translation made him) "Islamic tradition places him sometime between Adam and Noah."
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xidris xahrb إدريس xksrormn ʾIdris epnnbithiidrbkarklawthunginkhmphirkurxan chawmuslimechuxwaepnnbikhnthisamthdcakchis thanepnnbikhnthisxngthiklawthunginxlkurxan thrrmeniymxislamrabuxyangepnexkchnthwaxidrisepnbukhkhlediywknkbexonkhinphrakhmphiribebil aetnkwichakarmuslimhlaykhninyukhsalfaelayukhekhaalfyngthuxwaxidrisepnbukhkhlediywknkb bukhkhlintanankhxngkrisobran hruxthxthsungepnethphkhxngxiyiptobrannbi xidris إدريس chuxkhxngnbixidrisekhiyndwyphasaxahrb tamdwywli khxkhwamsnticngmiaedthan ekidemosopetemiy xirktaaehnngnbiphudarngtaaehnngkxnchisphusubtaaehnngnuh xlkurxanbrryayxidriswaepnphumi khwamnaechuxthux aela khwamxdthn aelayngklawxikwathan idrbkarykyxngihxyuintaaehnngthisung dwyehtuniaelakhwamkhlaykhlungknxun tamkhaklawniaelw cungmikarechuxmoyngxidriskbexonkhinibebil aelankwichakarkhxngxislammkcacdihxidrisxyuinyukhaerk aelathuxwathanepnhnunginbrrdanbithiekaaekthisudthiklawthunginkhmphirkurxanodywangekhaiwrahwangxadmkbnuh tam hadis thiximam malik bin xans brryayiw aelathiphbin esaahihmuslim nn inxisrxxaelaemiyaxrxcykhxngnbimuhmhmd thanphbnbixidrisinchnfathi 4echuxsaykhxngthanklawthungechuxsaykhxngthanwa xidris xalyhissalam michuxcringwa ekhaanukh xibn yrd xibn mahlaxil xibn kxynan xibn xanuch xibn chis xibn xadm xalyhimssalam aela xssubyr xibn bkkar klawwa xidris xibn yarid xibn mahlaxil xibn kinan xibn txhir xibn hubbah hruxwa chis xibn xadm aelathukeriykwa xidris ehnuxngcak thanideriynrukarekhiyninkhmphirkurxannbixidris x l idrbkarklawthunginxlkurxan 2 khrng aelacngklawthungeruxngkhxngxidristhixyuinkhmphir aethcringekhaepnphusuxsty epnnbi aelaeraidethidekiyrtiekhasungtaaehnngxnsungsng bththi 19 oxngkarthi 56 57 insueraah mrym klawwa nbixidrisepnnbiaelaepnphusuxsty aelaphraxngkhthrngethidthanihsung intfsirklawwa ethidekiyrtiihsung hmaythung phraxngkhthrngykthankhunipyngchnfathi 4 mikartikhwamsxngaebb xyangaerkkhux idrbkarykkhunipaelayngmichiwitxyuthungpccubn xyangthisxngkhuxykkhunipaelaesiychiwit aelaxismaxil xidris aelasulkifl aetlakhnxyuinhmuphuxdthnkhnti aelaeraidihphwkekhaekhaxyuinkhwamemttakhxngera aethcringphwkekhaxyuinhmukhndimikhunthrrm bththi 21 oxngkarthi 85 aela 86 eruxngrawtrngnithaihruwanbixidrisaelakhnxun niepnphuthimikhwamxdthnsungeruxngelatamnganekhiynkhxngmusliminyukhtxma xidrisekidinemosopetemiysungepndinaednxirkpccubn kxnthithancaidrbkarwahiy thanptibtitamkdthiwahiytxnbichisbutrchaykhxngnbixadm emuxxidrisotkhun xllxhprathankhwamepnnbiaekthan inchwngchiwitkhxngthanthukkhnyngimidnbthuxsasnaxislam hlngcaknn xidriskxxkcakbabiolnbanekidkhxngekha ephraamikhncanwnmakthabapmakmay aemwathancabxkphwkthanwaxyathaechnnnktam khnkhxngthanbangkhncakipphrxmkbxidris phwkekhathamnbixidriswa thaeraxxkcakbabioln eracahasthanthiechnniidthiihn nbixidrisklawwa hakeraxphyphephuxxllxh phraxngkhcathrngeliyngduera dngnnphukhncungipkbnbixidrisaelaphwkthankmathungaephndinxiyipt phwkekhaehnaemnainl nbixidrisyunxyuthirimfngaelaklawthungxllxhphuthrngsungsngodyklawwa subhanllxh eruxngelaxislamelawa nbixidrisidrbkaraetngtngihepnnbiemuxpramanxayu 40 pi sungtrngkbyukhthimuhmmdepnnbi aelaxasyxyuinchwngewlathiphukhnerimbuchaif nktfsirelainchwngchiwitkhxngnbixidris aelaklawwa nbiaebngewlakhxngekhaxxkepnsxngswn epnewlasamwninspdah nbixidriscaprakasaekphukhnkhxngthan aelaxiksiwn thancaxuthisihkbkarnmskarxllxhephiyngxyangediyw nktfsirhlay khn echn klawwa nbixidriswamistipyyaaelakhwamruthiyxdeyiym nktfsirxthibaywa nbixidris epnhnungin mnusyklumaerkthiichpakkaaelaepnhnunginmnusyklumaerk thisngektkarekhluxnthikhxngdwngdawaelakahndnahnkaelamatraswnthangwithyasastr khunlksnaehlaniyngkhngsxdkhlxngkbkarrabutwtnkhxngexonkhkbnbixidris enuxngcakkhunlksnaehlanithaihchdecnwa nbixidrisnacamichiwitxyuinchwngrunaerk khxngxadm yukhediywkbthiexonkh xasyxyu xthibaywa nbixidrisepn nbiaehngnkprchya aelaphlngancanwnhnungidmacakekha nkwichakarbangkhnekhiynkhaxthibayekiywkbphlnganthikhwrcaepnehlaniinkhnathinbixidrisyngidrbkarykyxngcaksingpradisthhlayxyang rwmthungsilpakarthaesuxphadwy nkprawtisastrxyang xthibaywa thanepnchaykhnaerkthiekhiyndwypakkaaelathanekidinkhnathixadmyngmichiwitxik 308 pithicamichiwitxyu inkhaxthibaykhxngekhaekiywkbxlkurxan oxngkarthi 19 56 57 xibn kasir nktfsiridbrryaywa rahwangkaredinthangklangkhun thannbiidphanthanipyngchnfachnthisi inhadiskhxngxibn xbbas idthamkaxbthungkhwamhmaykhxngxayahthiklawwa aelaeraidykekhakhunsuthisung kaxbxthibaywa xllxhthrngwahiyaeknbixidris khacaephimphlngankhxngluk khxngxadmihkbecathukwnincanwnthiethakn bangthixachmaythungewlakhxngthanethann dngnn nbixidriscungtxngkarthicaephimphunkarkrathaaelakhwamthumethkhxngthan ephuxnkhxngthan mlaxikahmaeyiym aelanbixidrisklawaekekhawa xllxhidthrngwahiyaekkhaineruxngdngklawaelw dngnn thanchwyphudkbmalaxikahaehngkhwamtayidihm thutswrrkhidxumthandwypikkhxngthanaelakhunipbnchnfa emuxphwkekhamathungswrrkhchnthi 4 phwkekhaidphbkbthutswrrkhaehngkhwamtaythikalngrxnlngsuphundin thutswrrkhphudkbthanekiywkbsingthinbixidrisekhyphudkbthankxnhnani thutaehngkhwamtayklawwa aetnbixidrisxyuthiihn thantxbwa thanxyubnhlngkhxngkha thutaehngkhwamtayklawwa changnaxscrrycring khathuksngipaelabxkihipcbwiyyankhxngthan inswrrkhchnthisi thanexaaetkhidwa khacayudswrrkhchnthisiidxyangirintxnthiphraxngkhxyubnolk aelwekhaidexawiyyankhxngekhaxxkcakrangkaykhxngekha aelannkhuxkhwamhmaykhxngoxngkarthiwa aelaeraidihekhamitaaehnngsung eruxngrawekiywkbchiwitkhxngnbixidrisinchwngtnrabuwa dngnn nktfsirinyukhaerk cungekhaicwanbixidrisepnthngnbiaelaeraasul nktfsirsmyihmhlaykhnechuxmoyngkhwamrusuknikbkhmphirnxksarbbinkhmphiribebil echnphrathrrmkhxngexonkhaelaphrathrrmelmthisxngkhxngexonkhtwtnnbixilyasaela odysilpinchawopaelndexonkh nbixidrisepnthiyxmrbodythwipwaehmuxnkbexonkhphuthixasyxyuinrunkhxngxadm nktfsirxlkurxanhlaykhn echn epntn rabuwanbixidriskhux bydxwiyklawwa nbixidris epnlukhlankhxngnbichis aelaepnbrrphburuskhxngnbinuh aelachuxkhxngthankhux exonkh hruxinphasaxahrbkhux xukhnukh xahrb أخنوخ xksrormn Ukhnukh khaxthibaykhxng Bursali Ismail Hakki ekiywkb Fuṣuṣ al Ḥikam ody xyangirktamnkwichakarsmyihmimehndwykbkarrabuniephraaphwkekhaotaeyngwakhadhlkthanthichdecn dngthi phuaeplaelanktfsirxlkurxan klawiwinhmayehtu 2508 ekiywkbkaraeplxlkurxankhxngekha nbixidristhukklawthungsxngkhrnginxlkurxan idaek thini 19 56 57 aelainbththi 21 khx 85 sungekhathukklawthungwaepnphuthixdthn karrabutwtnkhxngthankbexonkh inphrakhmphiribebilxacthuktxnghruximkid eraimmiehtuphlsmkhwrinkartikhwamkhx 57 thiniwamikhwamhmayediywkbinpthmkalkhx 24 phraecarbekhaip wathanthukphakhunipodyimidphanmitiaehngkhwamtay thnghmdthierathrabkhuxekhaepnkhnthiphudkhwamcringaelacringic epnnbiaelathanmitaaehnngsunginbrrdaphukhnkhxngthan xbdullxh yusuf xali dwykarrabutwtnni bidakhxngnbixidrisklayepnbutryarid يريد mardakhxngthankhuxbrkanah aelaphrryakhxngthankhuxxadanah emthueslah mttuchalkh epnbutrchaykhxngnbixidriscaepn sungepnpukhxngnbinuh onxah dngnnnbixidriscungidrbkarrabuwaepnputhwdkhxngnbinuh ehxrems thrisemkistus Antoine Faivre in The Eternal Hermes 1995 idchiihehnwa karrwmknkhxngethphecaehxremskhxngkrikaelaethphecathxthkhxngxiyipt insasnaxislamaemwachux ehraems caimpraktinxlkurxan nkekhiynchiwprawtiaelankbnthukehtukarninstwrrsaerkkhxnghicyeraahskrach rabuwaehraems trisemkisots khuxxidrisxyangrwderwinsueraah 19 56 57 aela 21 85 sungchawxahrbrabudwy epriybethiyb pthmkal 5 18 24 xidris ehxrems thukeriykwa ehraems trisemkisots Thrice Wise enuxngcakekhamitnkaenidsamprakar ehraemskhnaerkethiybidkbthxthepn wirburusthimixarythrrm sungepnphurierimekhasukhwamluklbkhxngwithyasastraelaphumipyyaxnskdisiththithithaiholkmichiwitchiwa ekhaslkhlkkarkhxngsastrxnskdisiththiniiwinxksrxiyiptobran ehraemsxngkhthisxnginbabiolnepnphurierimphithaokrs ehraemsthisamepnkhrukhnaerkkhxngkarelnaeraeprthatu nbiiribhna phunbthuxsasnaxislamekhiyn ehraemsimmilksnathiepnrupthrrmhruxoddedn sungaetktangcakbukhkhlsakhyswnihyinphrakhmphiribebilaelaxlkurxanineruxngnikartikhwamthwipkhxngkarepntwaethnkhxng trisemkisots epn phuyingihykhnthisam thaihnukthunglksnasamprakarkhxngxidris inthanaphusngsarkhxngphraecahruxphuephyphrawcna epnaehlngkhxngpyyahrux phumipyyacak hokhmah aelainthanarachaaehngraebiybolkhrux sultan ehlanieriykwa muselles bin ni me nikaybuchadwngdawthiruckkninchuxsxebiyaxaehnghrrxnyngechuxwahlkkhasxnkhxngphwkekhasubechuxsaymacakehraems trisemkisotsduephimphuephyphrawcnakhxngsasnaxislamxangxingKisaʾi Qiṣaṣ i 81 5 IDRIS TDV Islam Ansiklopedisi islamansiklopedisi org tr phasaxngkvs subkhnemux 2020 08 11 Erder Yoram Idris in Encyclopaedia of the Qurʾan General Editor Jane Dammen McAuliffe Georgetown University Washington DC P S Alexander Jewish tradition in early Islam The case of Enoch Idris in G R Hawting J A Mojaddedi and A Samely eds Studies in Islamic and Middle Eastern texts and traditions in memory of Norman Calder jss Supp 12 Oxford 2000 11 29 W F Albright Review of Th Boylan The hermes of Egypt in Journal of the Palestine Oriental Society 2 1922 190 8 H T Halman Idris in Holy People of the World A Cross Cultural Encyclopedia ABC CLIO 2004 p 388 Qur an 19 56 57 and Qur an 21 85 86 xlkurxan 19 56 57 Encyclopedia of Islam Idris Juan Eduardo Campo Infobase Publishing 2009 pg 344 Encyclopedia of Islam Juan Eduardo Campo Infobase Publishing 2009 pg 559 Encyclopedia of Islam Juan Eduardo Campo Infobase Publishing 2009 pg 344 His translation made him Islamic tradition places him sometime between Adam and Noah