นกกางเขน | |
---|---|
ตัวผู้ (♂) ที่ดอยอ่างกา | |
ตัวเมีย (♀) ที่ดอยอ่างกา | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Passeriformes |
วงศ์: | Muscicapidae |
สกุล: | |
สปีชีส์: | C. saularis |
ชื่อทวินาม | |
Copsychus saularis (Linnaeus, 1758) |
นกกางเขน หรือ นกกางเขนบ้าน (อังกฤษ: Oriental magpie robin, ชื่อวิทยาศาสตร์: Copsychus saularis) เป็นนกชนิดหนึ่งที่กินแมลง มีขนาดไม่ใหญ่นัก ยาวประมาณ 18-20 เซนติเมตร ส่วนบนลำตัวสีดำเงา ส่วนล่างตั้งแต่หน้าอกลงไปจะเป็นสีขาวหม่น ใต้หางและข้างหางมีสีขาว ปีกมีลายพาดสีขาวทั้งปีก ตัวผู้สีจะชัดกว่าตัวเมีย ส่วนที่เป็นสีดำในตัวผู้ ในตัวเมียจะเป็นสีเทาแก่ ปากและขาสีดำ มักจะพบเป็นตัวเดียวหรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หากินแมลงตามพุ่มไม้ บางครั้งก็โฉบจับแมลงกลางอากาศ หางของมันมักกระดกขึ้นลง ร้องเสียงสูงบ้าง ต่ำบ้าง ฟังไพเราะ ทำรังตามโพรงไม้ที่ไม่สูงนัก มันจะวางไข่ครั้งละ 4-5 ฟองและตัวเมียเท่านั้นจะกกไข่ และจะฟักไข่นานประมาณ 8-14 วัน อายุ 15 วัน แล้วจะเริ่มหัดบิน ในประเทศไทยพบทั่วไปในทุกภาคแม้ในเมืองใหญ่ ๆ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
นกกางเขนเป็นนกเกาะคอน (อันดับ Passeriformes) ที่เคยจัดเป็นวงศ์นกเดินดง (Turdidae) แต่ปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์นกจับแมลงและนกเขน (Muscicapidae) เป็นนกสีดำขาวที่เด่น มองเห็นได้ง่าย มีหางยาวที่จะกระดกขึ้นลงเมื่อหาอาหารที่พื้นหรือจับบนต้นไม้ เป็นนกที่มีอยู่กระจายไปทั่วเอเชียใต้และบางส่วนของเอเชียอาคเนย์ เป็นนกที่สามัญทั้งตามสวนในเมืองและในป่า เป็นนกที่รู้จักกันดีเพราะร้องเสียงเพราะ และเคยเป็นนกเลี้ยงที่นิยม นกกางเขนเป็นนกประจำชาติของประเทศบังกลาเทศ ซึ่งเรียกนกว่า "Doyel"
ชื่ออังกฤษของนกคือ Oriental Magpie Robin อาจจะเป็นเพราะนกดูคล้ายนกสาลิกาปากดำ (Common Magpie)
ลักษณะ
นกสปีชีส์นี้ยาวประมาณ 19 ซ.ม. รวมหาง มีรูปร่างคล้ายกับ European robin (Erithacus rubecula) แต่หางจะยาวกว่า ตัวผู้มีส่วนบนเป็นสีดำตรงส่วนของหัวและคอ ที่ต่างหากจากแถบขาวตรงไหล่และปีก ส่วนข้างล่างและด้านข้างของหางยาวเป็นสีขาว ตัวเมียมีสีดำออกเทาด้านบนและสีขาวออกเทาด้านล่าง ส่วนลูกนกจะมีมีสีน้ำตาลเป็นเกล็ดด้านบนและที่หัว (ดูภาพด้านล่าง) นกกางเขนเป็นนกประจำชาติของประเทศบังกลาเทศ
สปีชีส์ย่อยต้นแบบ (nominate subspecies) พบในเอเชียใต้ ตัวเมียของพันธุ์ย่อยนี้มีสีอ่อนที่สุด ส่วนตัวเมียของหมู่เกาะอันดามันมีชื่อสปีชีส์ย่อยเป็น andamanensis มีสีเข้มกว่า มีปากที่แข็งแรงกว่า และมีหางที่สั้นกว่า ส่วนสปีชีส์ย่อยในประเทศศรีลังกาที่มีชื่อว่า ceylonensis (ซึ่งก่อนหน้านี้รวมนกในอินเดียที่อยู่ทางใต้เขตแม่น้ำกาเวรี) และสปีชีส์ย่อยต้นแบบที่อยู่ทางใต้ของอินเดียประกอบด้วยตัวผู้ตัวเมียที่มีสีเกือบเหมือนกัน
ส่วนนกในเขตประเทศภูฏานและประเทศบังกลาเทศมีขนหางที่ดำมากกว่า และก่อนหน้านี้มีชื่อต่างหากว่า erimelas ส่วนนกในประเทศพม่าและทางใต้ของไทย มีชื่อสปีชีส์ย่อยว่า musicus (เป็นคุณศัพท์ภาษาละตินแปลว่า "เกี่ยวกับดนตรี") ซึ่งต่างที่ขนคือ ขนหางคู่ที่ 3 เป็นสีดำโดยมาก และคู่ที่ 4 เป็นสีดำล้วนหรือเกือบล้วน ส่วนใต้ปีกก็เป็นสีดำล้วนหรือเกือบล้วน มีชื่อสปีชีส์ย่อยอื่น ๆ ตามเขตภูมิภาครวมทั้ง prosthopellus (ฮ่องกง), nesiotes, zacnecus, nesiarchus, masculus, pagiensis, javensis, problematicus, amoenus, adamsi, pluto, deuteronymus และ mindanensis แต่ว่า พันธุ์ย่อย ๆ หลายอย่างเหล่านี้ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจน และยังไม่มีมติที่ลงตัวกัน มีบางสปีชีส์ย่อยเช่น mindanensis ที่นักวิชาการบางพวกปัจจุบันจัดเป็นสปีชีส์ต่างหากเช่น Philippine magpie-robin ขนของตัวเมียต่างไปตามเขตภูมิภาคมากกว่าของตัวผู้
นกมักจะเห็นในที่ใกล้ ๆ พื้น กระโดดไปมาตามกิ่งไม้ หรือหาอาหารตามใบไม้แห้งโดยมีหางกระดกขึ้นลง ตัวผู้จะร้องเสียงดังไพเราะจากกิ่งไม้สูงในฤดูผสมพันธุ์
แถบที่อยู่
นกกางเขนเป็นนกอยู่ประจำในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ตั้งแต่ประเทศบังกลาเทศ, ทางใต้ของประเทศจีน, ประเทศอินเดีย, ทางตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศมาเลเซีย, ทางตะวันออกของประเทศปากีสถาน, ประเทศสิงคโปร์, ประเทศศรีลังกา, ประเทศไทย และเป็นนกนำเข้าในประเทศออสเตรเลีย
นกกางเขนมักจะพบในป่าโปร่ง ป่าชายเลน พื้นที่เกษตรกรรม สวนผลไม้ สวนสาธารณะในเมือง เมืองใหญ่ มักจะอยู่ใกล้ที่อยู่ของมนุษย์ เป็นนกที่พบได้ทั่วประเทศไทย
พฤติกรรม
นกกางเขนผสมพันธุ์กันในระหว่างเดือนมีนาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมในอินเดีย และในระหว่างเดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายนในเอเชียอาคเนย์ ตัวผู้ร้องเสียงไพเราะจากที่สูงในช่วงจีบตัวเมีย ลีลาแสดงตัวของตัวผู้รวมทั้งทำขนให้ฟูขึ้น ยกปาก คลี่หาง และเดินวางมาด นกทำรังในโพรงไม้ หรือที่เวิ้งกำแพงหรืออาคาร และบางครั้งจะเข้าไปอยู่ในกล่องที่ทำไว้ให้นกอยู่ นกจะเอาหญ้าและฟางมาปูรัง ตัวเมียจะทำการสร้างรังมากกว่า และจะทำก่อนการวางไข่ประมาณอาทิตย์หนึ่ง นกจะวางไข่ 4-5 ฟองภายใน 24 ชม. ไข่มีรูปร่างกลมรี มีสีเขียวอ่อน ๆ มีจุดสีน้ำตาล ดูเข้ากับสีของหญ้าและฟางที่ปูในรัง ตัวเมียเท่านั้นจะกกไข่เป็นเวลา 8-14 วัน รังนกจะมีกลิ่นแบบเฉพาะตัว
ตัวเมียเลี้ยงลูกมากกว่าตัวผู้ ส่วนตัวผู้จะค่อนข้างดุในฤดูผสมพันธุ์ จะป้องกันอาณาเขตของตน และจะมีปฏิกิริยาต่อเสียงนกอื่นในอาณาเขต หรือแม้แต่เงาในกระจกของตนเอง ตัวผู้จะทำการป้องกันอาณาเขตมากกว่าตัวเมีย งานศึกษาต่าง ๆ พบว่า เสียงร้องของนกจะต่างไปตามถิ่น แม้แต่นกที่อยู่ใกล้ ๆ กัน นกอาจจะเลียนแบบเสียงร้องของนกสปีชีส์อื่น ๆ ซึ่งอาจจะแสดงว่า นกที่โตแล้วจะย้ายกระจายไปที่อื่น ไม่กลับมาที่กำเนิด (philopatric) ตัวเมียอาจจะส่งเสียงร้องระยะสั้น ๆ เมื่อเจอตัวผู้
นอกจากเพลงที่ร้องแล้ว นกยังส่งเสียงร้องประเภทหลัก ๆ รวมทั้งการประกาศอาณาเขต (territorial call) การออกและการกลับรัง (emergence and roosting call) การแสดงภัย (threat call) การยอมแพ้ (submissive call) การขออาหาร (begging call) และการร้องทุกข์ (distress call) ส่วนเสียงร้องประเภทอื่น ๆ ที่ใช้เป็นบางครั้งคือ เสียงร้องหนี (escape call) และเสียงร้องฉุน (anger call) นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเสียงร้องให้รุมตี (mobbing call) อีกด้วย อาหารโดยมากเป็นแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ แต่บางครั้งก็จะกินน้ำหวานดอกไม้ ตุ๊กแก (และจิ้งจก)ปลิงตะขาบ และแม้แต่ปลาด้วย
นกจะออกมาหากินบ่อยครั้งในยามสายัณห์ บางครั้งจะเล่นน้ำฝนที่รวมอยู่ที่ใบไม้
นกกางเขนเป็นนกขยันทำมาหากิน เมื่ออิ่มก็จะบินขึ้นไปเกาะที่โล่ง ๆ สูง ๆ เช่นสายไฟ เสาอากาศ แล้วร้องเสียงไพเราะ และเมื่อหิวก็จะลงมาหากินใหม่ มักจะได้ยินเสียงทั้งในเวลาอรุณและในยามสายัณห์
สถานะการอนุรักษ์
โดยทั่วไปนกกางเขนนี้มีสถานะความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์ (little concern) แต่ในบางภูมิภาคประชากรเริ่มลดจำนวนลง และบางแห่งลดอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีนักวิชาการท้องถิ่นสนับสนุนมาตรการเพื่อช่วยให้นกสามารถอยู่รอดได้ โดยอ้างว่า
นกกางเขนกำลังหมดไปรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นนกที่รู้จักกันดีเพราะเพลงที่มีเสน่ห์และขนที่สวยงาม เป็นนกที่ช่วยรักษาความสมดุลในระบบนิเวศและมีประโยชน์ต่อเกษตรกรรมเพราะโดยทั่วไปกินแมลงที่ทำอันตรายและหนอนก่อโรค ควรทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนให้มีสำนึกเกี่ยวกับ C. saularis และเพื่อรักษามรดกธรรมชาตินี้
การจับไปเป็นสัตว์เลี้ยงและการเปลี่ยนแปลงทางนิเวศน์ก็มีส่วนทำให้ลดจำนวนลง ดังนั้นจึงเป็นนกที่มีกฎหมายป้องกันในบางพื้นที่
ในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง นกชนิดนี้ค่อนข้างจะสามัญในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 แต่เริ่มลดจำนวนลงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 เชื่อกันว่าเพราะเหตุการแข่งขันจากนกเอี้ยงสาริกาที่นำมาจากถิ่นอื่น ปัจจุบันยังจัดอยู่ในประเภท "สิ่งมีชีวิตที่ใกล้การสูญพันธุ์" (endangered) ในประเทศสิงคโปร์
ในประเทศไทย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 จึงห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธุ์ ห้ามเก็บหรือทำอันตรายรัง การห้ามการครอบครองและการค้ามีผลไปถึงไข่และซาก
นกกางเขนมีนกล่าเหยื่อที่เป็นศัตรูน้อย แต่ว่ามีการรายงานถึงเชื้อโรคและปรสิตหลายอย่าง
- มีการพบปรสิตโรคมาลาเรียนกจากสปีชีส์นี้
- มีการพบไข้หวัดนกประเภท H4N3 และ H5N1 ในหลายกรณี
- มีการพบหนอนตัวกลม (nematode) ในตา
ในวัฒนธรรมต่าง ๆ
ในอดีต คนอินเดียได้เลี้ยงนกกางเขนเพราะมีเสียงเพราะและเพื่อการตีนก และปัจจุบันก็ยังเป็นนกที่ถูกจับมาเลี้ยงในบางส่วนของเอเชียอาคเนย์
นกกางเขนเป็นนกประจำชาติของประเทศบังกลาเทศซึ่งมีนกอยู่ทั่วไปอย่างสามัญโดยเรียกว่า Doyel หรือ Doel (เบงกอล: দোয়েল) มีการใช้เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากในประเทศ รวมทั้งบนธนบัตร มีจุดสำคัญในมหานครธากาที่เรียกว่า Doyel Chatwar แปลว่า จตุรัสนกกางเขน
นกกางเขนเป็นสัญลักษณ์ของสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (Bird Conservation Society of Thailand) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2529 และในวัฒนธรรมปักษ์ใต้ของไทย โดยเฉพาะเพลงร่วมสมัย มักจะมีการอ้างอิงถึงนกกางเขนบ่อย ๆ โดยเรียกว่า "นกบินหลา" ด้วยเป็นนกที่รักและหวงถิ่นฐาน เหมือนคนใต้รักถิ่นที่อยู่
เชิงอรรถและอ้างอิง
- BirdLife International (2004). Copsychus saularis. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 2006-05-12.
- Siddique, Yasir Hasan (2008). "Breeding Behavior of Copsychus saularis in Indian-Sub-Continent: A Personal Experience" (PDF). International Journal of Zoological Research. 4 (2): 135–137. doi:10.3923/ijzr.2008.135.137.
- "Magpie-robin". Banglapedia. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-02. สืบค้นเมื่อ 2010-05-16.
- Pillai,NG (1956). "Incubation period and 'mortality rate' in a brood of the Magpie-Robin Copsychus saularis (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 54 (1): 182–183.
- "สัตว์ป่าคุ้มครอง". โลกสีเขียว. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-03-26. สืบค้นเมื่อ 2015-04-23.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) ((help)) - "นกกางเขนบ้าน / Oriental Magpie Robin (Copsychus saularis)". นกป่าสัปดาห์ละตัว. plains-wanderer blog. 2013-01-13.
- Ali, S & S D Ripley (1997). Handbook of the birds of India and Pakistan. Vol. 8 (2 ed.). Oxford University Press. pp. 243–247. ISBN .
- Rasmussen, PC; Anderton, JC (2005). Birds of South Asia. The Ripley Guide. Volume 2. Smithsonian Institution and Lynx Edicions. p. 395.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Baker, ECS (1921). "Handlist of the birds of the Indian empire". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 27 (4): 87–88.
- Baker, ECS (1924). The Fauna of British India, Including Ceylon and Burma. Birds - Volume II. Vol. 2. Taylor and Francis, London. pp. 112–116.
- Ripley, S D (1952). "The thrushes". Postilla. 13: 1–48.
- Hoogerwerf, A (1965). (PDF). Ardea. 53: 32–37. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-24. สืบค้นเมื่อ 2015-04-22.
- Sheldon, FH; Lohman, DH; Lim, HC; Zou, F; Goodman, SM; Prawiradilaga, DM; Winker, K; Braile, TM; Moyle, RG (2009). "Phylogeography of the magpie-robin species complex (Aves: Turdidae: Copsychus) reveals a Philippine species, an interesting isolating barrier and unusual dispersal patterns in the Indian Ocean and Southeast Asia" (PDF). Journal of Biogeography. 36 (6): 1070–1083. doi:10.1111/j.1365-2699.2009.02087.x.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - (PDF). 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-08-25. สืบค้นเมื่อ 2015-04-22.
- . กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-24. สืบค้นเมื่อ 2014-02-05.
- Hume, AO (1890). The nests and eggs of Indian birds. Vol. 2 (2 ed.). London: R H Porter. pp. 80–85.
- Narayanan E. (1984). "Behavioural response of a male Magpie-Robin (Copsychus saularis Sclater) to its own song". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 81 (1): 199–200.
- Cholmondeley,EC (1906). "Note on the Magpie Robin (Copsychus saularis)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 17 (1): 247.
- Sethi, Vinaya Kumar; Bhatt, Dinesh (2007). "Provisioning of young by the Oriental Magpie-robin". The Wilson Journal of Ornithology. 119 (3): 356–360.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Dunmak, Aniroot; Sitasuwan, Narit (2007). (PDF). The Natural History Journal of Chulalongkorn University. 7 (2): 145–153. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-10-06. สืบค้นเมื่อ 2015-04-22.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Neelakantan,KK (1954). "The secondary song of birds". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 52 (3): 615–620.
- Law,SC (1922). "Is the Dhayal Copsychus saularis a mimic?". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 28 (4): 1133.
- Bhattacharya, H.; J. Cirillo, B.R. Subba and D. Todt (2007). "Song Performance Rules in the Oriental Magpie Robin (Copsychus salauris)" (PDF). Our Nature. 5: 1–13. doi:10.3126/on.v5i1.791.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Kumar, Anil; Bhatt, Dinesh (Unknown). "Characteristics and significance of song in female Oriental Magpie-Robin, Copysychus saularis". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 99 (1): 54–58.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|year=
((help))CS1 maint: multiple names: authors list () - Kumar, A; Bhatt, D. (2001). (PDF). Curr. Sci. 80: 77–82. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-03-19. สืบค้นเมื่อ 2015-04-22.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Bonnell,B (1934). "Notes on the habits of the Magpie Robin Copsychus saularis saularis Linn". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 37 (3): 729–730.
- Sumithran,Stephen (1982). "Magpie-Robin feeding on geckos". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 79 (3): 671.
- Saxena, Rajiv (1998). "Geckos as food of Magpie Robin". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 95 (2): 347.
- Karthikeyan,S (1992). "Magpie Robin preying on a leech". Newsletter for Birdwatchers. 32 (3&4): 10.
- Kalita,Simanta Kumar (2000). "Competition for food between a Garden Lizard Calotes versicolor (Daudin) and a Magpie Robin Copsychus saularis Linn". Journal-Bombay Natural. JC Daniel for Bombay. 97 (3): 431.
- Sharma, Satish Kumar (1996). "Attempts of female Magpie Robin to catch a fish". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 93 (3): 586.
- Donahue,Julian P (1962). "The unusual bath of a Lorikeet [Loriculus vernalis (Sparrman)] and a Magpie-Robin [Copsychus saularis (Linn.)]". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 59 (2): 654.
- Yap, Charlotte A. M; Sodhi, Navjot S. (2004). "Southeast Asian invasive birds: ecology, impact and management". Ornithological Science. 3: 57–67. doi:10.2326/osj.3.57.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Huong, SL; Sodhi, NS (1997). "Status of the Oriental Magpie Robin Copsychus saularis in Singapore". Malay Nat. J. 50: 347–354.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - "Oriental Magpie Robins – Father & Son or Brothers?". 2011-10-17. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-01. สืบค้นเมื่อ 2015-05-06.
- Ogaki, M. (1949). "Bird Malaria Parasites Found in Malay Peninsula". Am. J. Trop. Med. 29 (4): 459–462.
- Alexander, Dennis J. (1992). Avian Influenza in the Eastern Hemisphere 1986-1992. Avian Diseases 47. Special Issue. Third International Symposium on Avian Influenza. 1992 Proceedings. pp. 7–19.
- Quarterly Epidemiology Report Jan-Mar 2006 (PDF). Hong Kong Government. 2006.
- Sultana, Ameer (1961). "A Known and a New Filariid from Indian Birds". The Journal of Parasitology. The American Society of Parasitologists. 47 (5): 713–714. doi:10.2307/3275453. JSTOR 3275453. PMID 13918345.
- Law, Satya Churn (1923). Pet birds of Bengal. Thacker, Spink & Co.
- "ทำไมนกบินหลา ถึงพูดถึงในเพลงปักษ์ใต้มีความสำคัญต่อชีวิตชาวใต้อย่างไรครับ". พันทิปดอตคอม. 6 April 2014. สืบค้นเมื่อ 30 December 2015.
แหล่งข้อมูลอื่น
- รูปที่สวยงามของนก "นกกางเขนบ้าน / Oriental Magpie Robin (Copsychus saularis)". นกป่าสัปดาห์ละตัว. plains-wanderer blog. 2013-01-13. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-05-06. สืบค้นเมื่อ 2015-05-06.
- ภาพยนตร์ รูป และเสียงร้อง ของนกกางเขน on the Internet Bird Collection
- Mehrotra, P. N (1982). "Morphophysiology of the cloacal protuberance in the male Copsychus saularis (L.) (Aves, Passeriformes)". Science and Culture. 48: 244–246.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nkkangekhntwphu thidxyxangkatwemiy thidxyxangkasthanakarxnurkskhwamesiyngta IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Avesxndb Passeriformeswngs Muscicapidaeskul spichis C saularischuxthwinamCopsychus saularis Linnaeus 1758 nkkangekhn hrux nkkangekhnban xngkvs Oriental magpie robin chuxwithyasastr Copsychus saularis epnnkchnidhnungthikinaemlng mikhnadimihynk yawpraman 18 20 esntiemtr swnbnlatwsidaenga swnlangtngaethnaxklngipcaepnsikhawhmn ithangaelakhanghangmisikhaw pikmilayphadsikhawthngpik twphusicachdkwatwemiy swnthiepnsidaintwphu intwemiycaepnsiethaaek pakaelakhasida mkcaphbepntwediywhruxepnklumelk hakinaemlngtamphumim bangkhrngkochbcbaemlngklangxakas hangkhxngmnmkkradkkhunlng rxngesiyngsungbang tabang fngipheraa tharngtamophrngimthiimsungnk mncawangikhkhrngla 4 5 fxngaelatwemiyethanncakkikh aelacafkikhnanpraman 8 14 wn xayu 15 wn aelwcaerimhdbin inpraethsithyphbthwipinthukphakhaeminemuxngihy epnstwpakhumkhrxngtamphrarachbyytisngwnaelakhumkhrxngstwpa phuththskrach 2535 nkkangekhnepnnkekaakhxn xndb Passeriformes thiekhycdepnwngsnkedindng Turdidae aetpccubncdxyuinwngsnkcbaemlngaelankekhn Muscicapidae epnnksidakhawthiedn mxngehnidngay mihangyawthicakradkkhunlngemuxhaxaharthiphunhruxcbbntnim epnnkthimixyukracayipthwexechiyitaelabangswnkhxngexechiyxakheny epnnkthisamythngtamswninemuxngaelainpa epnnkthiruckkndiephraarxngesiyngephraa aelaekhyepnnkeliyngthiniym nkkangekhnepnnkpracachatikhxngpraethsbngklaeths sungeriyknkwa Doyel chuxxngkvskhxngnkkhux Oriental Magpie Robin xaccaepnephraankdukhlaynksalikapakda Common Magpie lksnasaytwphu khwatwemiy thaythirthmharastra praethsxinediytwemiykhxngspichisyxythiepntnaebb nkspichisniyawpraman 19 s m rwmhang miruprangkhlaykb European robin Erithacus rubecula aethangcayawkwa twphumiswnbnepnsidatrngswnkhxnghwaelakhx thitanghakcakaethbkhawtrngihlaelapik swnkhanglangaeladankhangkhxnghangyawepnsikhaw twemiymisidaxxkethadanbnaelasikhawxxkethadanlang swnluknkcamimisinatalepneklddanbnaelathihw duphaphdanlang nkkangekhnepnnkpracachatikhxngpraethsbngklaeths spichisyxytnaebb nominate subspecies phbinexechiyit twemiykhxngphnthuyxynimisixxnthisud swntwemiykhxnghmuekaaxndamnmichuxspichisyxyepn andamanensis misiekhmkwa mipakthiaekhngaerngkwa aelamihangthisnkwa swnspichisyxyinpraethssrilngkathimichuxwa ceylonensis sungkxnhnanirwmnkinxinediythixyuthangitekhtaemnakaewri aelaspichisyxytnaebbthixyuthangitkhxngxinediyprakxbdwytwphutwemiythimisiekuxbehmuxnkn swnnkinekhtpraethsphutanaelapraethsbngklaethsmikhnhangthidamakkwa aelakxnhnanimichuxtanghakwa erimelas swnnkinpraethsphmaaelathangitkhxngithy michuxspichisyxywa musicus epnkhunsphthphasalatinaeplwa ekiywkbdntri sungtangthikhnkhux khnhangkhuthi 3 epnsidaodymak aelakhuthi 4 epnsidalwnhruxekuxblwn swnitpikkepnsidalwnhruxekuxblwn michuxspichisyxyxun tamekhtphumiphakhrwmthng prosthopellus hxngkng nesiotes zacnecus nesiarchus masculus pagiensis javensis problematicus amoenus adamsi pluto deuteronymus aela mindanensis aetwa phnthuyxy hlayxyangehlaniimmikhwamaetktangthichdecn aelayngimmimtithilngtwkn mibangspichisyxyechn mindanensis thinkwichakarbangphwkpccubncdepnspichistanghakechn Philippine magpie robin khnkhxngtwemiytangiptamekhtphumiphakhmakkwakhxngtwphu nkmkcaehninthiikl phun kraoddipmatamkingim hruxhaxahartamibimaehngodymihangkradkkhunlng twphucarxngesiyngdngipheraacakkingimsunginvduphsmphnthuaethbthixyunkkangekhnepnnkxyupracainekhtrxnkhxngthwipexechiy tngaetpraethsbngklaeths thangitkhxngpraethscin praethsxinediy thangtawnxxkkhxngpraethsxinodniesiy praethsmaelesiy thangtawnxxkkhxngpraethspakisthan praethssingkhopr praethssrilngka praethsithy aelaepnnknaekhainpraethsxxsetreliy nkkangekhnmkcaphbinpaoprng pachayeln phunthiekstrkrrm swnphlim swnsatharnainemuxng emuxngihy mkcaxyuiklthixyukhxngmnusy epnnkthiphbidthwpraethsithyphvtikrrmikhnkkangekhnluknkinpraethssrilngka sinatalepnlayekldthidanbnaelahw tangcaknkthiotetmthiaelw nkkangekhnphsmphnthukninrahwangeduxnminakhmcnthungeduxnkrkdakhminxinediy aelainrahwangeduxnmkrakhmcnthungeduxnmithunayninexechiyxakheny twphurxngesiyngipheraacakthisunginchwngcibtwemiy lilaaesdngtwkhxngtwphurwmthngthakhnihfukhun ykpak khlihang aelaedinwangmad nktharnginophrngim hruxthiewingkaaephnghruxxakhar aelabangkhrngcaekhaipxyuinklxngthithaiwihnkxyu nkcaexahyaaelafangmapurng twemiycathakarsrangrngmakkwa aelacathakxnkarwangikhpramanxathityhnung nkcawangikh 4 5 fxngphayin 24 chm ikhmiruprangklmri misiekhiywxxn micudsinatal duekhakbsikhxnghyaaelafangthipuinrng twemiyethanncakkikhepnewla 8 14 wn rngnkcamiklinaebbechphaatw twemiyeliynglukmakkwatwphu swntwphucakhxnkhangduinvduphsmphnthu capxngknxanaekhtkhxngtn aelacamiptikiriyatxesiyngnkxuninxanaekht hruxaemaetengainkrackkhxngtnexng twphucathakarpxngknxanaekhtmakkwatwemiy ngansuksatang phbwa esiyngrxngkhxngnkcatangiptamthin aemaetnkthixyuikl kn nkxaccaeliynaebbesiyngrxngkhxngnkspichisxun sungxaccaaesdngwa nkthiotaelwcayaykracayipthixun imklbmathikaenid philopatric twemiyxaccasngesiyngrxngrayasn emuxecxtwphu nxkcakephlngthirxngaelw nkyngsngesiyngrxngpraephthhlk rwmthngkarprakasxanaekht territorial call karxxkaelakarklbrng emergence and roosting call karaesdngphy threat call karyxmaeph submissive call karkhxxahar begging call aelakarrxngthukkh distress call swnesiyngrxngpraephthxun thiichepnbangkhrngkhux esiyngrxnghni escape call aelaesiyngrxngchun anger call nxkcaknnaelw yngmiesiyngrxngihrumti mobbing call xikdwy xaharodymakepnaemlngaelastwimmikraduksnhlngxun aetbangkhrngkcakinnahwandxkim tukaek aelacingck plingtakhab aelaaemaetpladwy nkcaxxkmahakinbxykhrnginyamsaynh bangkhrngcaelnnafnthirwmxyuthiibim nkkangekhnepnnkkhynthamahakin emuxximkcabinkhunipekaathiolng sung echnsayif esaxakas aelwrxngesiyngipheraa aelaemuxhiwkcalngmahakinihm mkcaidyinesiyngthnginewlaxrunaelainyamsaynhsthanakarxnurksodythwipnkkangekhnnimisthanakhwamesiyngtatxkarsuyphnthu little concern aetinbangphumiphakhprachakrerimldcanwnlng aelabangaehngldxyangrwderwcnkrathngminkwichakarthxngthinsnbsnunmatrkarephuxchwyihnksamarthxyurxdid odyxangwa nkkangekhnkalnghmdiprwderwxyangimnaechux epnnkthiruckkndiephraaephlngthimiesnhaelakhnthiswyngam epnnkthichwyrksakhwamsmdulinrabbniewsaelamipraoychntxekstrkrrmephraaodythwipkinaemlngthithaxntrayaelahnxnkxorkh khwrthathukxyangephuxsnbsnunihmisanukekiywkb C saularis aelaephuxrksamrdkthrrmchatini karcbipepnstweliyngaelakarepliynaeplngthangniewsnkmiswnthaihldcanwnlng dngnncungepnnkthimikdhmaypxngkninbangphunthi inpraethssingkhopraelahxngkng nkchnidnikhxnkhangcasamyinchwngkhristthswrrs 1920 aeterimldcanwnlnginchwngkhristthswrrs 1970 echuxknwaephraaehtukaraekhngkhncaknkexiyngsarikathinamacakthinxun pccubnyngcdxyuinpraephth singmichiwitthiiklkarsuyphnthu endangered inpraethssingkhopr inpraethsithy epnstwpakhumkhrxng tamphrarachbyytisngwnaelakhumkhrxngstwpa phuththskrach 2535 cunghamla phyayamla hamkha hamnaekhahruxsngxxk hamkhrxbkhrxng hamephaaphnthu hamekbhruxthaxntrayrng karhamkarkhrxbkhrxngaelakarkhamiphlipthungikhaelasak nkkangekhnminklaehyuxthiepnstrunxy aetwamikarraynganthungechuxorkhaelaprsithlayxyang mikarphbprsitorkhmalaeriynkcakspichisni mikarphbikhhwdnkpraephth H4N3 aela H5N1 inhlaykrni mikarphbhnxntwklm nematode intainwthnthrrmtang ruppnnkthictursnkkangekhn Doyel Chatwar mhankhrthaka praethsbngklaeths inxdit khnxinediyideliyngnkkangekhnephraamiesiyngephraaaelaephuxkartink aelapccubnkyngepnnkthithukcbmaeliynginbangswnkhxngexechiyxakheny nkkangekhnepnnkpracachatikhxngpraethsbngklaethssungminkxyuthwipxyangsamyodyeriykwa Doyel hrux Doel ebngkxl দ য ল mikarichepnsylksntang epncanwnmakinpraeths rwmthngbnthnbtr micudsakhyinmhankhrthakathieriykwa Doyel Chatwar aeplwa ctursnkkangekhn nkkangekhnepnsylksnkhxngsmakhmxnurksnkaelathrrmchatiaehngpraethsithy Bird Conservation Society of Thailand kxtngkhunemux ph s 2529 aelainwthnthrrmpksitkhxngithy odyechphaaephlngrwmsmy mkcamikarxangxingthungnkkangekhnbxy odyeriykwa nkbinhla dwyepnnkthirkaelahwngthinthan ehmuxnkhnitrkthinthixyuechingxrrthaelaxangxingBirdLife International 2004 Copsychus saularis 2006 IUCN Red List of Threatened Species IUCN 2006 Retrieved on 2006 05 12 Siddique Yasir Hasan 2008 Breeding Behavior of Copsychus saularis in Indian Sub Continent A Personal Experience PDF International Journal of Zoological Research 4 2 135 137 doi 10 3923 ijzr 2008 135 137 Magpie robin Banglapedia cakaehlngedimemux 2009 06 02 subkhnemux 2010 05 16 Pillai NG 1956 Incubation period and mortality rate in a brood of the Magpie Robin Copsychus saularis Linn J Bombay Nat Hist Soc 54 1 182 183 stwpakhumkhrxng olksiekhiyw cakaehlngedimemux 2015 03 26 subkhnemux 2015 04 23 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a imruckpharamietxr deadurl thuklaewn aenana url status help nkkangekhnban Oriental Magpie Robin Copsychus saularis nkpaspdahlatw plains wanderer blog 2013 01 13 Ali S amp S D Ripley 1997 Handbook of the birds of India and Pakistan Vol 8 2 ed Oxford University Press pp 243 247 ISBN 0 19 562063 1 Rasmussen PC Anderton JC 2005 Birds of South Asia The Ripley Guide Volume 2 Smithsonian Institution and Lynx Edicions p 395 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Baker ECS 1921 Handlist of the birds of the Indian empire J Bombay Nat Hist Soc 27 4 87 88 Baker ECS 1924 The Fauna of British India Including Ceylon and Burma Birds Volume II Vol 2 Taylor and Francis London pp 112 116 Ripley S D 1952 The thrushes Postilla 13 1 48 Hoogerwerf A 1965 PDF Ardea 53 32 37 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 07 24 subkhnemux 2015 04 22 Sheldon FH Lohman DH Lim HC Zou F Goodman SM Prawiradilaga DM Winker K Braile TM Moyle RG 2009 Phylogeography of the magpie robin species complex Aves Turdidae Copsychus reveals a Philippine species an interesting isolating barrier and unusual dispersal patterns in the Indian Ocean and Southeast Asia PDF Journal of Biogeography 36 6 1070 1083 doi 10 1111 j 1365 2699 2009 02087 x a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk PDF 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2008 08 25 subkhnemux 2015 04 22 kxngkayphaphaelasingaewdlxm mhawithyalymhidl khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 11 24 subkhnemux 2014 02 05 Hume AO 1890 The nests and eggs of Indian birds Vol 2 2 ed London R H Porter pp 80 85 Narayanan E 1984 Behavioural response of a male Magpie Robin Copsychus saularis Sclater to its own song J Bombay Nat Hist Soc 81 1 199 200 Cholmondeley EC 1906 Note on the Magpie Robin Copsychus saularis J Bombay Nat Hist Soc 17 1 247 Sethi Vinaya Kumar Bhatt Dinesh 2007 Provisioning of young by the Oriental Magpie robin The Wilson Journal of Ornithology 119 3 356 360 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Dunmak Aniroot Sitasuwan Narit 2007 PDF The Natural History Journal of Chulalongkorn University 7 2 145 153 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 10 06 subkhnemux 2015 04 22 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Neelakantan KK 1954 The secondary song of birds J Bombay Nat Hist Soc 52 3 615 620 Law SC 1922 Is the Dhayal Copsychus saularis a mimic J Bombay Nat Hist Soc 28 4 1133 Bhattacharya H J Cirillo B R Subba and D Todt 2007 Song Performance Rules in the Oriental Magpie Robin Copsychus salauris PDF Our Nature 5 1 13 doi 10 3126 on v5i1 791 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Kumar Anil Bhatt Dinesh Unknown Characteristics and significance of song in female Oriental Magpie Robin Copysychus saularis J Bombay Nat Hist Soc 99 1 54 58 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a trwcsxbkhawnthiin year help CS1 maint multiple names authors list lingk Kumar A Bhatt D 2001 PDF Curr Sci 80 77 82 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2009 03 19 subkhnemux 2015 04 22 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Bonnell B 1934 Notes on the habits of the Magpie Robin Copsychus saularis saularis Linn J Bombay Nat Hist Soc 37 3 729 730 Sumithran Stephen 1982 Magpie Robin feeding on geckos J Bombay Nat Hist Soc 79 3 671 Saxena Rajiv 1998 Geckos as food of Magpie Robin J Bombay Nat Hist Soc 95 2 347 Karthikeyan S 1992 Magpie Robin preying on a leech Newsletter for Birdwatchers 32 3 amp 4 10 Kalita Simanta Kumar 2000 Competition for food between a Garden Lizard Calotes versicolor Daudin and a Magpie Robin Copsychus saularis Linn Journal Bombay Natural JC Daniel for Bombay 97 3 431 Sharma Satish Kumar 1996 Attempts of female Magpie Robin to catch a fish J Bombay Nat Hist Soc 93 3 586 Donahue Julian P 1962 The unusual bath of a Lorikeet Loriculus vernalis Sparrman and a Magpie Robin Copsychus saularis Linn J Bombay Nat Hist Soc 59 2 654 Yap Charlotte A M Sodhi Navjot S 2004 Southeast Asian invasive birds ecology impact and management Ornithological Science 3 57 67 doi 10 2326 osj 3 57 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Huong SL Sodhi NS 1997 Status of the Oriental Magpie Robin Copsychus saularis in Singapore Malay Nat J 50 347 354 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Oriental Magpie Robins Father amp Son or Brothers 2011 10 17 cakaehlngedimemux 2014 08 01 subkhnemux 2015 05 06 Ogaki M 1949 Bird Malaria Parasites Found in Malay Peninsula Am J Trop Med 29 4 459 462 Alexander Dennis J 1992 Avian Influenza in the Eastern Hemisphere 1986 1992 Avian Diseases 47 Special Issue Third International Symposium on Avian Influenza 1992 Proceedings pp 7 19 Quarterly Epidemiology Report Jan Mar 2006 PDF Hong Kong Government 2006 Sultana Ameer 1961 A Known and a New Filariid from Indian Birds The Journal of Parasitology The American Society of Parasitologists 47 5 713 714 doi 10 2307 3275453 JSTOR 3275453 PMID 13918345 Law Satya Churn 1923 Pet birds of Bengal Thacker Spink amp Co thaimnkbinhla thungphudthunginephlngpksitmikhwamsakhytxchiwitchawitxyangirkhrb phnthipdxtkhxm 6 April 2014 subkhnemux 30 December 2015 aehlngkhxmulxun wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Copsychus saularis rupthiswyngamkhxngnk nkkangekhnban Oriental Magpie Robin Copsychus saularis nkpaspdahlatw plains wanderer blog 2013 01 13 cakaehlngedimemux 2015 05 06 subkhnemux 2015 05 06 phaphyntr rup aelaesiyngrxng khxngnkkangekhn on the Internet Bird Collection Mehrotra P N 1982 Morphophysiology of the cloacal protuberance in the male Copsychus saularis L Aves Passeriformes Science and Culture 48 244 246