ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ปูตรา อัล-ฮัจ อิบนี อัลมาร์ฮุม ซุลตัน อับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ (มลายู: Tunku Abdul Rahman Putra Al-Haj ibni Almarhum Sultan Abdul Hamid Halim Shah, ยาวี: تونكو عبد الرحمن ڤوترا الحاج ابن سلطان عبد الحميد حليم شاه) หรือ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 – 6 ธันวาคม พ.ศ. 2533) ทรงเป็นผู้นำการเรียกร้องเอกราชและนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย ได้รับยกย่องเป็นบิดาแห่งเอกราช (Bapa Kemerdekaan) หรือบิดาแห่งประเทศมาเลเซีย (Bapa Malaysia)
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน | |
---|---|
تونكو عبد الرحمن | |
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คนที่ 1 | |
ได้รับเกียรติเป็น บิดาแห่งอิสรภาพ / บิดาแห่งมาเลเซีย Bapa Kemerdekaan / Bapa Malaysia باڤ مليسيا / باڤ کمرديکاءن | |
ดำรงตำแหน่ง 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 – 22 กันยายน ค.ศ. 1970 | |
กษัตริย์ | |
รอง | อับดุล ราซัก ฮุซเซน |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | อับดุล ราซัก ฮุซเซน |
มุขมนตรีมาลายาคนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 1 สิงหาคม ค.ศ. 1955 – 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 | |
กษัตริย์ | เอลิซาเบธที่ 2 |
ข้าหลวงใหญ่ | |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | ยุบเลิกตำแหน่ง |
คนที่ 2 | |
ดำรงตำแหน่ง 25 สิงหาคม ค.ศ. 1951 – 23 กมราคม ค.ศ. 1971 | |
ก่อนหน้า | |
ถัดไป | อับดุล ราซัก ฮุซเซน |
ดำรงตำแหน่ง 1 กันยายน ค.ศ. 1960 – 22 กันยายน ค.ศ. 1970 | |
กษัตริย์ | |
นายกรัฐมนตรี | ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน |
ก่อนหน้า | |
ถัดไป | อับดุล ราซัก ฮุซเซน |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1964 – ค.ศ. 1966 | |
กษัตริย์ | |
นายกรัฐมนตรี | ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | |
ดำรงตำแหน่ง 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 – 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1959 | |
กษัตริย์ | |
นายกรัฐมนตรี | ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | |
ดำรงตำแหน่ง 9 สิงหาคม ค.ศ. 1955 – 30 สิงหาคม ค.ศ. 1957 | |
กษัตริย์ | เอลิซาเบธที่ 2 |
ข้าหลวงใหญ่ | |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | |
คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1970 – ค.ศ. 1973 | |
ก่อนหน้า | จัดตั้งตำแหน่ง |
ถัดไป | ฮะซัน อัตตุฮามี |
ประธานเอเอฟซี คนที่ 5 | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1958 – 11 ธันวาคม ค.ศ. 1977 | |
ก่อนหน้า | Nam Cheong Chan |
ถัดไป | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1903 อาโลร์เซอตาร์ รัฐสุลต่านเกอดะฮ์ ประเทศสยาม (ปัจจุบันอยู่ในประเทศมาเลเซีย) |
เสียชีวิต | 6 ธันวาคม ค.ศ. 1990 กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย | (87 ปี)
ที่ไว้ศพ | |
สัญชาติ | |
พรรคการเมือง | องค์การมลายูรวมแห่งชาติ (1946–1988) |
คู่สมรส |
|
บุตร | 7 |
บุพการี |
|
การศึกษา | โรงเรียนเทพศิรินทร์ |
ศิษย์เก่า | (BA สาขากฎหมายและประวัติศาสตร์) |
วิชาชีพ | ทนาย |
ลายมือชื่อ | |
พระประวัติ
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ประสูติเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ที่วังเปอลามิน เมืองอาโลร์เซอตาร์ มณฑลไทรบุรี ประเทศสยาม เป็นพระโอรสในเจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่าน (สุลต่านอับดุลฮามิด) (เจ้าพระยาฤทธิสงคราม)สุลต่านองค์ที่ 25 แห่งไทรบุรี กับหม่อมชาวไทยเชื้อสายมอญนามว่า หม่อมเนื่อง นนทนาคร หรือมะเจ๊ะเนื่อง หรืออีกชื่อว่า ปะดูกา ซรี เจ๊ะเมินยาราลา (Paduka Seri Cik Menyelara) ชายาองค์ที่ 6 ซึ่งเป็นบุตรีของหลวงนราบริรักษ์ (เกล็บ นนทนาคร) เจ้าเมืองนนทบุรีในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยตุนกู อับดุล ระฮ์มันเป็นพระโอรพระองค์ที่ 14 จากบรรดาพระบุตร 20 พระองค์ของสุลต่านอับดุลฮามิด
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน มีพระเชษฐาร่วมพระมารดาคือ ร้อยเอก (รับราชการในกรมตำรวจ) เพื่อนสนิทของ
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน มีพระเชษฐาต่างพระมารดาคือ สุลต่านบาดิร ชาฮ์ (Sultan Badlishah) สุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์องค์ที่ 26 (ค.ศ. 1943 – ค.ศ. 1958) ผู้เป็นพระราชบิดาของสมเด็จพระราชาธิบดี อัลมูตัสสิมู บิลลาฮี มูฮิบบุดดิน ตวนกู อัลฮัจญ์ อับดุล ฮาลิม มูฮัซซัม ชาห์ อิบนี อัลมาฮูม สุลต่าน บาดลิชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียลำดับที่ 5 และ 14 หรือสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม สุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์องค์ที่ 27
สมรส
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ได้สมรสรวมทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่
- ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2476 กับสตรีชาวไทยเชื้อสายจีนชื่อ ท่านผู้หญิงมาเรียม จง หรือมาเรียม อับดุลละห์ (Meriam Chong หรือ Meriam Abdullah) มีบุตร 2 พระองค์คือ ตุนกู คาดีจะฮ์ (Tunku Khadijah) และตุนกู อะฮ์มัด เนอรัง (Tunku Ahmad Nerang) และพระชายาคนแรกมาเรียม จง ได้เสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2478
- ครั้งที่สอง สมรสใหม่ที่อังกฤษกับสตรีชาวอังกฤษที่ชื่อว่า (Violet Coulson) แต่ได้หย่าร้างกันในปี พ.ศ. 2489
- ครั้งที่สามในปี พ.ศ. 2482 กับสตรีเชื้อสายอาหรับและมลายู ชื่อชารีฟะฮ์ โรเซียะฮ์ บินตี ไซยิด อัลวี บารักบะฮ์ (Sharifah Rodziah binti Syed Alwi Barakbah) ที่ต่อมากลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของมาเลเซียในเวลาต่อมาที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีพระบุตรธิดา 4 ท่าน คือ ซูไลมัน (Sulaiman), มาเรียม (Mariam), ชารีฟะฮ์ ฮานีซะฮ์ (Sharifah Hanizah) และฟารีดะฮ์ (Faridah)
- ครั้งที่สี่ กับสตรีเชื้อสายจีน ชื่อบีบี จง (Bibi Chong) มีพระบุตร 2 พระองค์ คือ ตุนกู นูร์ ฮายาตี (Tunku Noor Hayati) และตุนกู มัซตูรา (Tunku Mastura)[]
อับดุล ระฮ์มัน สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ที่กัวลาลัมเปอร์ สิริพระชันษา 87 ปี พระศพถูกฝังที่ the Langgar Royal Mausoleum ในเมืองอาโลร์เซอตาร์ รัฐเกอดะฮ์
ประวัติการศึกษา
เมื่อปี พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ทรงได้เข้าศึกษาในชั้นประถมมลายู (Malay Primary School) ที่ถนนบาฮารู (Jalan Baharu) ในเมืองอาโลร์เซอตาร์ ประเทศมาเลเซีย ต่อด้วยเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนในปกครองของอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็น
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ทรงเป็นนักเรียนเก่าของโรงเรียนมัธยมเทพศิรินทร์ (ท.ศ.1233) ในปี พ.ศ. 2456 ขณะที่มีพระชันษาเพียง 10 ขวบ ถูกส่งตัวมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับพระเชษฐาอีก 3 พระองค์ ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีพระสหายร่วมรุ่นและพระสหายสนิท คือ (อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ของไทย ช่วง พ.ศ. 2498-2503) เรียนอยู่ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ 2 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2456-2458 ต่อมาปี พ.ศ. 2458 เข้าเรียนต่อที่ (Penang Free School)
ปี พ.ศ. 2461 ทรงเป็นนักเรียนคนแรกที่ได้ทุนจากรัฐบาลของรัฐเกอดะฮ์ ที่ไปศึกษาในสหราชอาณาจักร ไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยเซนต์แคทรีน (St Catharine's College) ในมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และได้รับปริญญาบัณฑิตสาขาศิลปศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1925
หลังจากกลับมาจากอังกฤษทรงได้ทำงานอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ได้ทรงเดินทางไปศึกษาวิชากฎหมายต่อ ที่ Inner Temple ที่ประเทศอังกฤษ แต่ต้องหยุดเรียน ในปี ค.ศ. 1938 เนื่องจากช่วงนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2ขึ้น ทำให้พระองค์ต้องทรงหยุดเรียนและเสด็จกลับมาที่มาเลเซีย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ในปี ค.ศ. 1947 จึงเสด็จกลับไปศึกษาที่ Inner Temple อีก และจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1949
ประวัติการทำงาน
หลังทรงจบการศึกษาอับดุลระฮ์มันเข้ารับราชการในเกอดะฮ์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองที่เขตกูลิม (Kulim) และซูไงเปอตานี (Sungai Petani) ในอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ได้รับเลือกให้เป็นประธานของสมาคมมลายูของสหราชอาณาจักร (the Malay Society of Great Britain)
ปี ค.ศ. 1949 ในช่วงแรกของอาชีพนักการเมือง พระองค์ได้เข้ารับงานราชการเป็นที่แรกที่สำนักงานกฎหมายของเมืองอาโลร์เซอตาร์ ต่อมาเมื่อทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นอัยการก็มีคำสั่งให้ย้ายไปประจำที่ กัวลาลัมเปอร์ และหลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานศาล ในช่วงเวลานั้นได้มีกลุ่มลัทธิชาตินิยมในมลายู ในการต่อต้านสหภาพมาลายาของอังกฤษ (Britain's Malayan Union) นำโดย ดาโต๊ะอันจาฟาร์ (Datuk Onn Jaafar) นักการเมืองของมาเลเซียที่เป็นผู้นำของหรือพรรคแนวร่วมแห่งสหพันธ์มลายา (UMNO ที่เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในมาเลเซีย) และพระองค์ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ได้สมัครเข้าร่วมกับพรรคอัมโน (UMNO) ทรงเป็นนักการเมืองเชื้อสายชาวมลายูที่ได้รับความนิยมและยอมรับจนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าสาขาของพรรคอัมโนในรัฐเกอดะฮ์
เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1951 เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้นทรงได้รับเลือกให้เป็นประธานพรรคแนวร่วมแห่งสหพันธ์มาลายา (UMNO) คนใหม่และทรงดำรงตำแหน่งเป็นเวลานานถึง 20 ปี และ จนในปี ทรงเป็นตัวแทนคณะผู้แทนเจรจาขอเอกราชมาเลเซียคืนจากสหราชอาณาจักร
ปี ค.ศ. 1955 มีการเลือกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก พรรคชนะการเลือกตั้งได้เสียงข้างมากแบบถล่มทลายในสภา พระองค์ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย นับเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 จนถึง 22 กันยายน ค.ศ. 1970 และหลังชัยชนะจากการเลือกตั้งพระองค์ยังทรงรณรงค์ต่อสู่เรียกร้องเอกราชคืนจากสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา
31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 เป็นวันที่สหพันธ์มาเลเซียได้รับอิสรภาพคืนจากอังกฤษ พระองค์ได้ทรงนำฝูงชน ไปตะโกนร้องว่า "Merdeka!" หมายถึง อิสรภาพ ต่อมาในปี ค.ศ. 1963 รวมรัฐซาบะฮ์และซาราวัก รวมทั้งสิงคโปร์เข้าด้วยกัน จึงเป็นประเทศมาเลเซียอย่างสมบูรณ์แบบ
ปี ค.ศ. 1961 ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมอาเซียน (ASA - the Association of Southeast Asia) ที่ภายหลังในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1967 เปลี่ยนมาเป็น ASEAN (the Association of Southeast Asian Nations)
ในด้านศาสนา ทรงเป็นผู้ริเริ่มงานให้กับศาสนาอิสลามในรัฐเกอดะฮ์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 จนพัฒนาความคิดต่อยอด จัดตั้งองค์กร Islamic Welfare Organisation (PERKIM) ในปี ค.ศ. 1960 ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของ PERKIM จนถึงปี ค.ศ. 1989 รวมทั้งใน ค.ศ. 1969 มีส่วนช่วยในการจัดตั้ง the Organisation of Islamic Conference (OIC) และจัดตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลามขึ้น (the Islamic Development Bank) และได้รับการแต่งแต่งเป็นผู้นำเป็นประธานของ the Regional Islamic Da’wah council of South East Asia and Pacific (RISEAP) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1982-1988
ในด้านการกีฬาทรงส่งเสริมสนับสนุนให้มาเลเซีย จัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลเฉลิมฉลองเอกราชมาเลเซียหรือฟุตบอลเมเดก้า (an International football tournament ,the Pestabola Merdeka) ขึ้นในปี ค.ศ. 1957 หลังจากที่ได้เอกราชคืนจากอังกฤษ ทรงได้รับเลือกเป็นประธานคนแรกของ (the Asian Football Confederation –AFC ) ดำรงตำแหน่งจนถึงปี ค.ศ. 1976
ในด้านกีฬาแข่งม้า ทรงชื่นชอบโปรดปรานชมและเล่นพนันเสี่ยงโชคเป็นประจำที่ the Selangor Turf Club
ในด้านสื่อสารมวลชน พระองค์ได้เข้าเป็นประธานของหนังสือพิมพ์ในปีนังที่ชื่อว่าThe Star เขียนคอลัมน์ “Looking Back”และ “As I see It”
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- ไทย
- พ.ศ. 2505 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)
อ้างอิง
- "Tunku Abdul Rahman, 87, Dead; First Prime Minister of Malaysia". New York Times. 7 December 1990. สืบค้นเมื่อ 25 June 2015.
- Cheah, Boon Kheng (2002). "The Tunku as "Founding Father of the Nation"". Malaysia: The Making of a Nation. Singapore: Institute of Southeast Asian Studies. pp. 109–110. ISBN .
- สุลต่าน อับดุลฮามิด
- เกร็ดกระทู้ - ตอน ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวม ๒ เรื่อง, เล่ม 79, ตอน 71 ง, 7 สิงหาคม พ.ศ. 2505, หน้า 1725
อ่านเพิ่ม
- Case, William. "Comparative Malaysian Leadership: Tunku Abdul Rahman and Mahathir Mohamad". Asian Survey 31.5 (1991): 456–473. online 2022-10-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Liow, Joseph Chinyong. "Tunku Abdul Rahman and Malaya's Relations with Indonesia, 1957–1960". Journal of Southeast Asian Studies 36.1 (2005): 87-109.
- Miller, Harry. Prince and premier: a biography of Tunku Abdul Rahman Putra Al-Haj, first prime minister of the Federation of Malaya (GG Harrap, 1959).
- "Tunku Abdul Rahman, 87, dead, First Prime Minister of Malaysia", New York Times, Obituaries, 12 July 1990.
แหล่งข้อมูลอื่น
- tunkuabdulrahman.com
- The Tunku Abdul Rahman centennial PhD scholarship fund at Cambridge University
วิกิคำคม มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
tunku xbdul rahmn putra xl hc xibni xlmarhum sultn xbdul hamid halim chah mlayu Tunku Abdul Rahman Putra Al Haj ibni Almarhum Sultan Abdul Hamid Halim Shah yawi تونكو عبد الرحمن ڤوترا الحاج ابن سلطان عبد الحميد حليم شاه hrux tunku xbdul rahmn 8 kumphaphnth ph s 2446 6 thnwakhm ph s 2533 thrngepnphunakareriykrxngexkrachaelanaykrthmntrikhnaerkkhxngpraethsmaelesiy idrbykyxngepnbidaaehngexkrach Bapa Kemerdekaan hruxbidaaehngpraethsmaelesiy Bapa Malaysia hisihenstunku xbdul rahmnتونكو عبد الرحمن naykrthmntrimaelesiy khnthi 1idrbekiyrtiepn bidaaehngxisrphaph bidaaehngmaelesiy Bapa Kemerdekaan Bapa Malaysia باڤ مليسيا باڤ کمرديکاءن darngtaaehnng 31 singhakhm kh s 1957 22 knyayn kh s 1970kstriyxbdul rahmnhisamuddinputraxismaxil nasiruddinxbdul halimrxngxbdul rask husesnkxnhnacdtngtaaehnngthdipxbdul rask husesnmukhmntrimalayakhnthi 1darngtaaehnng 1 singhakhm kh s 1955 31 singhakhm kh s 1957kstriyexlisaebththi 2khahlwngihykxnhnacdtngtaaehnngthdipyubeliktaaehnngkhnthi 2darngtaaehnng 25 singhakhm kh s 1951 23 kmrakhm kh s 1971kxnhnathdipxbdul rask husesndarngtaaehnng 1 knyayn kh s 1960 22 knyayn kh s 1970kstriyhisamuddinputraxismaxil nasiruddinxbdul halimnaykrthmntritunku xbdul rahmnkxnhnathdipxbdul rask husesndarngtaaehnng kh s 1964 kh s 1966kstriyputraxismaxil nasiruddinnaykrthmntritunku xbdul rahmnkxnhnacdtngtaaehnngthdipdarngtaaehnng 31 singhakhm kh s 1957 2 kumphaphnth kh s 1959kstriyxbdul rahmnnaykrthmntritunku xbdul rahmnkxnhnacdtngtaaehnngthdipdarngtaaehnng 9 singhakhm kh s 1955 30 singhakhm kh s 1957kstriyexlisaebththi 2khahlwngihykxnhnacdtngtaaehnngthdipkhnthi 1darngtaaehnng kh s 1970 kh s 1973kxnhnacdtngtaaehnngthdiphasn xttuhamiprathanexexfsi khnthi 5darngtaaehnng kh s 1958 11 thnwakhm kh s 1977kxnhnaNam Cheong Chanthdipkhxmulswnbukhkhlekid8 kumphaphnth kh s 1903 1903 02 08 xaolresxtar rthsultanekxdah praethssyam pccubnxyuinpraethsmaelesiy esiychiwit6 thnwakhm kh s 1990 1990 12 06 87 pi kwlalmepxr praethsmaelesiythiiwsphsychatiphrrkhkaremuxngxngkhkarmlayurwmaehngchati 1946 1988 khusmrsmaeriym cng smrs 1933 esiychiwit 1935 smrs 1935 hya 1946 smrs 1939 bibi cng smrs 1963 butr7buphkarisultanxbdul hamid halim chah bida enuxng nnthnakhr marda karsuksaorngeriynethphsirinthrsisyeka BA sakhakdhmayaelaprawtisastr wichachiphthnaylaymuxchuxphraprawtitunku xbdul rahmn prasutiemuxwnthi 8 kumphaphnth ph s 2446 thiwngepxlamin emuxngxaolresxtar mnthlithrburi praethssyam epnphraoxrsinecaphrayavththisngkhramramphkdisrisultan sultanxbdulhamid ecaphrayavththisngkhram sultanxngkhthi 25 aehngithrburi kbhmxmchawithyechuxsaymxynamwa hmxmenuxng nnthnakhr hruxmaecaenuxng hruxxikchuxwa paduka sri ecaeminyarala Paduka Seri Cik Menyelara chayaxngkhthi 6 sungepnbutrikhxnghlwngnrabrirks eklb nnthnakhr ecaemuxngnnthburiinsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw odytunku xbdul rahmnepnphraoxrphraxngkhthi 14 cakbrrdaphrabutr 20 phraxngkhkhxngsultanxbdulhamid tunku xbdul rahmn miphraechstharwmphramardakhux rxyexk rbrachkarinkrmtarwc ephuxnsnithkhxng tunku xbdul rahmn miphraechsthatangphramardakhux sultanbadir chah Sultan Badlishah sultanaehngrthekxdahxngkhthi 26 kh s 1943 kh s 1958 phuepnphrarachbidakhxngsmedcphrarachathibdi xlmutssimu billahi muhibbuddin twnku xlhcy xbdul halim muhssm chah xibni xlmahum sultan badlichah smedcphrarachathibdiaehngmaelesiyladbthi 5 aela 14 hruxsultantwnku xbdul halim sultanaehngrthekxdahxngkhthi 27smrstunku xbdul rahmn idsmrsrwmthnghmd 4 khrng idaek khrngaerkinpi ph s 2476 kbstrichawithyechuxsaycinchux thanphuhyingmaeriym cng hruxmaeriym xbdullah Meriam Chong hrux Meriam Abdullah mibutr 2 phraxngkhkhux tunku khadicah Tunku Khadijah aelatunku xahmd enxrng Tunku Ahmad Nerang aelaphrachayakhnaerkmaeriym cng idesiychiwitlnginpi ph s 2478 khrngthisxng smrsihmthixngkvskbstrichawxngkvsthichuxwa Violet Coulson aetidhyarangkninpi ph s 2489 khrngthisaminpi ph s 2482 kbstriechuxsayxahrbaelamlayu chuxcharifah oresiyah binti isyid xlwi barkbah Sharifah Rodziah binti Syed Alwi Barakbah thitxmaklayepnsuphaphstrihmayelkhhnungkhxngmaelesiyinewlatxmathithandarngtaaehnngnaykrthmntri miphrabutrthida 4 than khux suilmn Sulaiman maeriym Mariam charifah hanisah Sharifah Hanizah aelafaridah Faridah khrngthisi kbstriechuxsaycin chuxbibi cng Bibi Chong miphrabutr 2 phraxngkh khux tunku nur hayati Tunku Noor Hayati aelatunku mstura Tunku Mastura txngkarxangxing xbdul rahmn sinphrachnm emuxwnthi 6 thnwakhm ph s 2533 thikwlalmepxr siriphrachnsa 87 pi phrasphthukfngthi the Langgar Royal Mausoleum inemuxngxaolresxtar rthekxdahprawtikarsuksatunku xbdul rahmn chayphrarupkhukb odyaetngekhruxngaebblukesuxkhxngorngeriynmthymwdethphsirinthr ph s 2457 emuxpi ph s 2452 kh s 1909 tunku xbdul rahmn thrngidekhasuksainchnprathmmlayu Malay Primary School thithnnbaharu Jalan Baharu inemuxngxaolresxtar praethsmaelesiy txdwyekhaeriyntxthiorngeriyninpkkhrxngkhxngxngkvs sungpccubnepn tunku xbdul rahmn thrngepnnkeriynekakhxngorngeriynmthymethphsirinthr th s 1233 inpi ph s 2456 khnathimiphrachnsaephiyng 10 khwb thuksngtwmaeriynhnngsuxthikrungethphmhankhr rwmkbphraechsthaxik 3 phraxngkh thrngekharbkarsuksathiorngeriynethphsirinthr inkrungethphmhankhr praethsithy odymiphrashayrwmrunaelaphrashaysnith khux xditpldkrathrwngphanichykhxngithy chwng ph s 2498 2503 eriynxyuthiorngeriynethphsirinthr 2 pi cnthungpi ph s 2456 2458 txmapi ph s 2458 ekhaeriyntxthi Penang Free School pi ph s 2461 thrngepnnkeriynkhnaerkthiidthuncakrthbalkhxngrthekxdah thiipsuksainshrachxanackr ipsuksatxthiwithyalyesntaekhthrin St Catharine s College inmhawithyalyaekhmbridc aelaidrbpriyyabnthitsakhasilpsastr inpi kh s 1925 hlngcakklbmacakxngkvsthrngidthanganxyuchwngewlahnung idthrngedinthangipsuksawichakdhmaytx thi Inner Temple thipraethsxngkvs aettxnghyuderiyn inpi kh s 1938 enuxngcakchwngnnidekidsngkhramolkkhrngthi 2khun thaihphraxngkhtxngthrnghyuderiynaelaesdcklbmathimaelesiy hlngcaksngkhramolkkhrngthi 2 sinsudlng inpi kh s 1947 cungesdcklbipsuksathi Inner Temple xik aelacbkarsuksainpi kh s 1949prawtikarthanganhlngthrngcbkarsuksaxbdulrahmnekharbrachkarinekxdah aelaidrbkaraetngtngihepnecahnathipkkhrxngthiekhtkulim Kulim aelasuingepxtani Sungai Petani inxananikhmkhxngshrachxanackr idrbeluxkihepnprathankhxngsmakhmmlayukhxngshrachxanackr the Malay Society of Great Britain pi kh s 1949 inchwngaerkkhxngxachiphnkkaremuxng phraxngkhidekharbnganrachkarepnthiaerkthisankngankdhmaykhxngemuxngxaolresxtar txmaemuxthrngidrbkaraetngtngepnxykarkmikhasngihyayippracathi kwlalmepxr aelahlngcaknnkidrbkaraetngtngihepnprathansal inchwngewlannidmiklumlththichatiniyminmlayu inkartxtanshphaphmalayakhxngxngkvs Britain s Malayan Union naody daotaxncafar Datuk Onn Jaafar nkkaremuxngkhxngmaelesiythiepnphunakhxnghruxphrrkhaenwrwmaehngshphnthmlaya UMNO thiepnphrrkhkaremuxngkhnadihyinmaelesiy aelaphraxngkhtunku xbdul rahmn idsmkhrekharwmkbphrrkhxmon UMNO thrngepnnkkaremuxngechuxsaychawmlayuthiidrbkhwamniymaelayxmrbcnidrbkaraetngtngepnhwhnasakhakhxngphrrkhxmoninrthekxdah eduxnsinghakhm pi kh s 1951 ekidwikvtthangkaremuxngkhunthrngidrbeluxkihepnprathanphrrkhaenwrwmaehngshphnthmalaya UMNO khnihmaelathrngdarngtaaehnngepnewlananthung 20 pi aela cninpi thrngepntwaethnkhnaphuaethnecrcakhxexkrachmaelesiykhuncakshrachxanackr pi kh s 1955 mikareluxktngkhunepnkhrngaerk phrrkhchnakareluxktngidesiyngkhangmakaebbthlmthlayinspha phraxngkhidrbeluxkihepnnaykrthmntrikhnaerkkhxngpraethsmaelesiy nbepnthangkartngaetwnthi 31 singhakhm kh s 1957 cnthung 22 knyayn kh s 1970 aelahlngchychnacakkareluxktngphraxngkhyngthrngrnrngkhtxsueriykrxngexkrachkhuncakshrachxanackrxyangtxenuxng cnprasbkhwamsaercinewlatxma 31 singhakhm kh s 1957 epnwnthishphnthmaelesiyidrbxisrphaphkhuncakxngkvs phraxngkhidthrngnafungchn iptaoknrxngwa Merdeka hmaythung xisrphaph txmainpi kh s 1963 rwmrthsabahaelasarawk rwmthngsingkhoprekhadwykn cungepnpraethsmaelesiyxyangsmburnaebb pi kh s 1961 idrwmepnhnunginphukxtngsmakhmxaesiyn ASA the Association of Southeast Asia thiphayhlnginwnthi 8 singhakhm kh s 1967 epliynmaepn ASEAN the Association of Southeast Asian Nations indansasna thrngepnphurierimnganihkbsasnaxislaminrthekxdah matngaetpi kh s 1951 cnphthnakhwamkhidtxyxd cdtngxngkhkr Islamic Welfare Organisation PERKIM inpi kh s 1960 thrngidrbkaraetngtngepnprathankhxng PERKIM cnthungpi kh s 1989 rwmthngin kh s 1969 miswnchwyinkarcdtng the Organisation of Islamic Conference OIC aelacdtngthnakharephuxkarphthnaxislamkhun the Islamic Development Bank aelaidrbkaraetngaetngepnphunaepnprathankhxng the Regional Islamic Da wah council of South East Asia and Pacific RISEAP tngaetpi kh s 1982 1988 indankarkilathrngsngesrimsnbsnunihmaelesiy cdkaraekhngkhnkilaradbnanachatikhunmakmay odyechphaakaraekhngkhnfutbxlechlimchlxngexkrachmaelesiyhruxfutbxlemedka an International football tournament the Pestabola Merdeka khuninpi kh s 1957 hlngcakthiidexkrachkhuncakxngkvs thrngidrbeluxkepnprathankhnaerkkhxng the Asian Football Confederation AFC darngtaaehnngcnthungpi kh s 1976 indankilaaekhngma thrngchunchxboprdpranchmaelaelnphnnesiyngochkhepnpracathi the Selangor Turf Club indansuxsarmwlchn phraxngkhidekhaepnprathankhxnghnngsuxphimphinpinngthichuxwaThe Star ekhiynkhxlmn Looking Back aela As I see It ekhruxngrachxisriyaphrnekhruxngrachxisriyaphrntangpraeths ithy ph s 2505 ekhruxngrachxisriyaphrnculcxmekla chnthi 1 pthmculcxmekla p c fayhna section xangxing Tunku Abdul Rahman 87 Dead First Prime Minister of Malaysia New York Times 7 December 1990 subkhnemux 25 June 2015 Cheah Boon Kheng 2002 The Tunku as Founding Father of the Nation Malaysia The Making of a Nation Singapore Institute of Southeast Asian Studies pp 109 110 ISBN 9812301542 sultan xbdulhamid ekrdkrathu txn tunku xbdul rahmn saysmphnthsxngaephndin rachkiccanuebksa aecngkhwamsanknaykrthmntri eruxng phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn rwm 2 eruxng elm 79 txn 71 ng 7 singhakhm ph s 2505 hna 1725xanephimCase William Comparative Malaysian Leadership Tunku Abdul Rahman and Mahathir Mohamad Asian Survey 31 5 1991 456 473 online 2022 10 14 thi ewyaebkaemchchin Liow Joseph Chinyong Tunku Abdul Rahman and Malaya s Relations with Indonesia 1957 1960 Journal of Southeast Asian Studies 36 1 2005 87 109 Miller Harry Prince and premier a biography of Tunku Abdul Rahman Putra Al Haj first prime minister of the Federation of Malaya GG Harrap 1959 Tunku Abdul Rahman 87 dead First Prime Minister of Malaysia New York Times Obituaries 12 July 1990 aehlngkhxmulxuntunkuabdulrahman com The Tunku Abdul Rahman centennial PhD scholarship fund at Cambridge University wikikhakhm mikhakhmthiklawody hruxekiywkb tunku xbdul rahmn