บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่
|
คาตานะ (ญี่ปุ่น: 刀; โรมาจิ: かたな; : katana) เป็นดาบญี่ปุ่น มีลักษณะคมด้านเดียว เพื่อฟันหรือตัด ไม่หัก ไม่งอ และคม มีวิธีการผลิตเฉพาะในญี่ปุ่นคือ เอาโลหะมาเผาและตีแผ่และตีพับซ้อนเหล็กครั้งแล้วครั้งเล่า จนได้ดาบที่มีความแข็งแรงและคม คาตานะถือโดยชนชั้นซามูไรในญี่ปุ่นสมัยศักดินา จึงได้ชื่อว่า "ดาบซามูไร"
คันจิของคำว่าคาตานะใช้รูปอักษรเดียวกับคำว่า "" ในภาษาจีน (刀) ซึ่งมีความหมายว่า "ดาบ" เช่นกัน
ความสำคัญ
ในยุคเอโดะ ดาบเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิบูชิโด (วิถีนักรบ) ซึ่งเป็นจริยธรรมของนักรบที่ต้องยึดถือปฏิบัติ และเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะนักรบเท่านั้นที่อนุญาตให้พกดาบได้ ซึ่งในขณะนั้นมีประมาณร้อยละสิบของประชากรทั้งหมด และเหล่านักรบนั้นจึงถือว่าดาบเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่แสดงเกียรติยศ ชื่อเสียงและความภาคภูมิใจของตระกูล และดาบเหล่านั้นจะสืบทอดเป็นมรดกต่อ ๆ กันไปหลายชั่วอายุคน และใช้ดาบนี้ในการคว้านท้องหรือเซ็ปปูกุ ซึ่งถือกันว่าเป็นการตายอย่างมีเกียรติของนักรบเหล่านี้ ดาบซามูไรนี้ได้ถูกใช้เป็นอาวุธจนกระทั่งมีการนำปืนเข้ามาใช้ และกลายเป็นอาวุธหลักแทน
ประวัติ
ยุคนาระ
เดิมนักรบชาวญี่ปุ่นใช้ดาบจากจีนและเกาหลีในการสู้รบ ในยุคนาระ (Nara Period) ประมาณปี พ.ศ. 1193-1336 หรือประมาณ 1,300 ปีเศษที่แล้ว ปัญหาที่พบคือเวลาสู้รบดาบมักหักออกเป็นสองท่อน จักรพรรดิจึงสั่งให้ช่างตีดาบปรับปรุงดาบให้ดีขึ้นกว่าเดิม ช่างตีดาบยุคแรกมีชื่อว่า "อามากูนิ" เขาพัฒนาการตีดาบไม่ให้หักง่ายด้วยการใช้เหล็กที่ดี และมีการศึกษาวิธีทำให้เหล็กแข็งแกร่งกว่าเดิม เหล็กที่ดีของญี่ปุ่นได้จากการถลุง มีชื่อว่า "ทามาฮางาเนะ" (Tamahagane) อามากูนิพบว่าการที่จะให้ได้ดาบคุณภาพดีต้องควบคุมของสามสิ่ง คือ การควบคุมความเย็น การควบคุมปริมาณคาร์บอน และการนำสิ่งปะปนที่อยู่ในเหล็กออก ปริมาณคาร์บอนคือหัวใจสำคัญในการตีดาบ หากใส่คาร์บอนในเหล็กมากไปเหล็กจะเปราะ ใส่น้อยไปเหล็กจะอ่อน จึงต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ เหล็กถูกนำมาหักแบ่งเป็นชิ้นเล็กวางซ้อนกันก่อนหลอม และนำไปตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นจึงพับเหล็กเป็นสองชั้นขณะยังร้อนๆ แล้วตีซ้ำอีกครั้งแล้วครั้งเล่า เหล็กจะซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นหมื่น ๆ ชั้น ทำให้คาร์บอนกระจายไปจนทั่วเนื้อเหล็ก แล้วจึงนำไปตีแผ่ออกให้เป็นใบดาบ จะได้ใบดาบที่ดีเนื้อเหล็กแกร่งและคมไม่หักอีกต่อไป
ยุคคามากูระ
ในยุคคามากูระ (Kamakura Period) ราวปี พ.ศ. 1735-1879 จักรพรรดิสั่งให้ช่างตีดาบศึกษาวิธีการตีเหล็กจากยุคโบราณ ยุคนี้ถือเป็นจุดเริ่มยุคทองของดาบซามูไร มีการพัฒนาดาบให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยมีการเพิ่มวิธีการผสมเหล็กสองชนิดเข้าด้วยกัน เหล็กที่มีความแข็งจะมีปริมาณคาร์บอนสูงใช้ทำเป็นตัวดาบ และเหล็กอ่อนที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำใช้ทำเป็นไส้ดาบเพื่อให้ยืดหยุ่น จากเหล็กสองชนิดที่ถูกนำมาพับและตีมากกว่าสิบชั้น ทำให้เกิดชั้นเล็กๆ เป็นทวีคูณเป็นหมื่นชั้น ช่างตีดาบจะพับเหล็กแข็งให้เป็นรูปตัวยู และนำเหล็กอ่อนมาวางไว้ตรงกลางเพื่อเป็นไส้ใน แล้วนำไปหลอมและตีรวมกันให้แผ่ออกเป็นใบดาบ จากนั้นนำไปหลอมในอุณหภูมิที่เหมาะสมซึ่งมากกว่า 700 องศาเซลเซียส แล้วจึงนำมาแช่น้ำเย็น การแช่น้ำต้องระมัดระวังมาก หากแช่ไม่ดี ดาบจะโค้งเสียรูป เหล็กที่มีความแข็งต่างกันเมื่อทำให้เย็นทันทีจะหดตัวต่างกัน ถือเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ใบดาบโค้งได้รูปตามธรรมชาติ ดาบสามารถฟันคอขาดได้ในครั้งเดียว บาดแผลที่ได้รับจากดาบจะเจ็บปวดมาก ซามูไรยังต้องเรียนรู้การใช้ดาบอย่างช่ำชองว่องไวและคล่องแคล่ว ให้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จากความสามารถนี้เองทำให้ซามูไรเพียงคนเดียวสามารถสังหารศัตรูที่รายล้อมตนกว่าสิบคนได้ภายในชั่วพริบตาด้วยดาบเพียงเล่มเดียว แต่ประเพณีการต่อสู้ของชนชั้นซามูไรคือการต่อสู้ "ตัวต่อตัวอย่างมีมารยาทด้วยดาบ" ผู้แพ้ที่ยังมีชีวิตอยู่คือผู้ที่ไร้เกียรติ ซามูไรจึงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ การฆ่าตัวตายอย่างสมเกียรติด้วยการทำ "เซ็ปปูกุ" คือเกียรติยศของซามูไร
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 1817 ชาวมองโกลของกุบไลข่านบุกญี่ปุ่นที่ ด้วยกองทัพเรือ 800 ลำ และกำลังพลสามหมื่นนาย เหล่าซามูไรต้องการจะสู้กันตัวต่อตัวอย่างมีมารยาทเยี่ยงสุภาพบุรุษกับนักรบระดับผู้นำ แต่ไม่ได้ผล พวกซามูไรต้องปะทะสู้ที่ชายหาดกับฝูงธนูอาบยาพิษและระเบิด เป็นสงครามที่ไม่มีระเบียบและตกเป็นรอง พายุไต้ฝุ่นช่วยทำลายกองเรือของชาวมองโกลจนหมดสิ้น การรบครั้งแรกเหมือนการหยั่งเชิงของชาวมองโกลเพื่อดูกำลังของศัตรู อีกเจ็ดปีต่อมาพวกมองโกลกลับมาอีกครั้งด้วยกองเรือ 4,000 ลำ พร้อมกองทหารอีกสองแสน พวกซามูไรรบพุ่งกับลูกธนูอย่างกล้าหาญ พวกเขาตัดเรื่องมารยาททิ้งไป ตกกลางคืนเหล่าซามูไรพายเรือลอบเข้าโจมตีพวกมองโกลประชิดตัวด้วยการใช้ดาบที่ช่ำชอง ดาบทหารมองโกลไม่มีทางสู้ดาบซามูไรได้เลย ระหว่างสงครามพายุไต้ฝุ่นก็ทำลายกองเรือของมองโกลอีกครั้ง กองเรือสองในสามจมไปกับทะเลพายุ ทหารมองโกลจมน้ำตายนับหมื่น พวกที่ว่ายน้ำเข้าฝั่งก็ตายด้วยคมดาบอย่างหมดทางสู้ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเมืองนี้ถูกปกป้องจากพระเจ้า และตั้งชื่อลมพายุนี้ว่า "" (Kami-Kaze) หมายถึงลมศักดิ์สิทธิ์ หรือลมผู้หยั่งรู้ หลังจากนั้นพวกมองโกลก็ไม่ได้กลับมาตีญี่ปุ่นอีกเลย
หลังจากสงครามสิ้นสุด บ้านเมืองอยู่ในความสงบ พบว่าหลังจากการรบที่ผ่านมาดาบมักจะบิ่น จักรพรรดิจึงสั่งให้ช่างตีดาบหาวิธีแก้ไข ช่างตีดาบที่สร้างสมดุลของความแข็งและความอ่อนของเหล็กและพัฒนาโครงสร้างของดาบออกเป็นเหล็กสามชิ้น คือ "มาซามูเนะ" ราวปี พ.ศ. 1840 ดาบของมาซามูเนะถือเป็นดาบที่พัฒนาถึงขั้นสูงสุด ในญี่ปุ่นไม่มีช่างตีดาบคนใดจะเทียบได้ เขาสร้างความสมดุลของความแข็งของคมดาบ เคล็ดลับการทำดาบคือการผสมเหล็กสามชนิดเข้าด้วยกัน เหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนสูงจะใช้เป็นใบดาบด้านข้างที่เรียกว่า "กาวางาเนะ" (Gawa-gane) และด้านคมดาบ (ฮางาเนะ "Ha-gane") ใช้เหล็กที่แข็งมากโดยผ่านการพับและตีถึง 15 ครั้ง ซึ่งสามารถสร้างชั้นของเหล็กที่ซ้อนกันถึง 32,768 ชั้น ทำให้เหล็กเหนียวและแกร่งมากกว่าส่วนอื่น ๆ ส่วนเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำจะใช้เป็นส่วนไส้ใน (Core Steel) ทำให้มีความยืดหยุ่นเรียกว่า "ชิงาเนะ" (Shi-gane) แล้วนำไปหลอมที่อุณหภูมิประมาณ 800 องศาเซลเซียสให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงนำมาตีแผ่ออกเป็นใบดาบ ช่างตีดาบคนอื่น ๆ เริ่มเลียนแบบในเวลาต่อๆ มา
ช่างตีดาบในยุคเดียวกันที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงมาซามูเนะ คือ "" กล่าวกันว่าใครที่มีดาบของ "มูรามาซะ" ไว้ครอบครอง เลือดจะสูบฉีดให้อยากที่จะชักดาบออกมาสังหารคู่ต่อสู้เพราะความคมของมัน ในขณะเดียวกันซามูไรที่ครอบครองดาบของ "มาซามูเนะ" กลับสงบนิ่งเยือกเย็น
ยุคสมัยของดาบซามูไร
ยุคสมัยของดาบซามูไร แบ่งออกได้ 4 ยุค
- ยุคดาบโบราณ (Ancient Sword) ก่อนคริสต์ศักราช 900 (ก่อน พ.ศ. 1443) ยุคที่ดาบของ "อามากูนิ" ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับการถลุงเหล็กเนื้อดีในสมัยนารา
- ยุคดาบเก่า (Old Sword) ราวปี พ.ศ. 1443-2073 ถือเป็นยุคทองของดาบซามูไร เทียบกับประวัติศาสตร์ไทย จะอยู่ในช่วงเดียวกับศิลปะสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-18) จนถึงสมัยศิลปะสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 18-20) ในปี พ.ศ. 1840 เป็นปีที่ดาบของ "มาซามูเนะ" ถือกำเนิดขึ้นและภูมิปัญญาขั้นสูงสุดที่ตกทอดเป็นมรดกของดาบชั้นยอด
- ยุคดาบใหม่ (New Sword) ราวปี พ.ศ. 2197-2410 ซึ่งอยู่ช่วงเดียวกับศิลปะสมัยอยุธยา และต้นรัตนโกสินทร์ คือช่วงสมัยเอโดะ และยุคที่ญี่ปุ่นปิดประเทศห้ามคนเข้าออกอย่างเด็ดขาด (พ.ศ. 2182)
- ยุคดาบสมัยใหม่ (Modern Sword) ราวปี พ.ศ. 2411 ถึงปัจจุบัน ยุคที่ดาบทหารถือกำเนิดขึ้น (พ.ศ. 2411-2488) การผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อการสงครามไม่มีพิธีกรรมแบบโบราณ ดาบญี่ปุ่นมัวหมองเพราะถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการตัดคอเชลยศึกซึ่งไม่ใช่ประเพณีของชนชั้นซามูไร พอมาถึงสมัยปัจจุบันดาบกลายเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่มีราคาแพง
ชนิดของดาบซามูไร
แบ่งโดยยุคสมัย
ดาบซามูไรแบ่งตามยุคสมัย มี 4 ชนิดคือ
- โคโต (Koto)
- ชินโต (Shinto)
- ชินชินโต (Shinshinto)
- เก็นไดโต (Gendaito)
แบ่งตามความยาว
- (大太刀, Ōdachi) ยาวมากกว่า 3 ชากุ (Shaku)
- (太刀, Tachi) ยาวตั้งแต่ 2-3 ชากุ
- (小太刀, Kodachi) ยาวไม่ถึง 2 ชากุ
- (脇差, Wakizashi) ยาวตั้งแต่ 1-1.7 ชากุ
1 ชากุ (Shaku) = 0.303 เมตร
ดาบมีหลายแบบและหลายประเภท สามารถแบ่งชนิดหลัก ๆ ออกได้ 3 ชนิดดังนี้
ดาบยาว
- (太刀, Tachi)
ดาบยาวของทหารม้า มีความโค้งของใบดาบมาก ใช้ฟันจากหลังม้า มีความยาวของใบดาบมากกว่า 70 เซนติเมตร มักไม่คำนึงถึงความคล่องตัว แต่คำนึงถึงระยะโจมตีมากกว่า
- คาตานะ (刀, Katana)
ดาบที่มาแทนที่ดาบทาจิของทหารม้าตั้งแต่กลางยุคมูโรมาจิ (ราว พ.ศ. 2000) สามารถใช้ต่อสู้บนพื้นดินได้คล่องตัวกว่า เพราะมีความโค้งน้อยควบคุมได้ง่าย ความยาวใบดาบโดยประมาณ 60.6 เซนติเมตรขึ้นไปถึง 70 เซนติเมตร
ดาบขนาดกลาง
- (脇差, Wakizashi)
ดาบที่ใช้พกพาคู่กับดาบคาตานะของซามูไร ใบดาบมีความยาวตั้งแต่ 12 - 24 นิ้ว ดาบที่ซามูไรใช้สำหรับทำ "เซ็ปปูกุ" เมื่อยามจำเป็น และเป็นดาบที่ซามูไรสามารถนำติดตัวเข้าเคหสถานของผู้อื่นกรณีเป็นผู้มาเยือนได้โดยไม่ต้องฝากไว้กับคนรับใช้ ตามปกติซามูไรจะพกดาบสองเล่ม และโดยธรรมเนียมห้ามพกดาบยาวเข้ามาในบ้านของผู้อื่น ต้องฝากไว้หน้าบ้านเท่านั้น
ดาบสั้น
- (短刀, Tantō)
มีลักษณะคล้ายมีดสั้น (ประเทศไทยเรียกว่าดาบศอก คือความยาวประมาณ 1 ศอก) ความยาวน้อยกว่าดาบวากิซาชิ
- ไอกูจิ ((匕首, Aikuchi)
เป็นใบมีดและด้ามในชิ้นเดียวกัน ใช้สำหรับพกในเสื้อบ้าง เหมาะกับสตรีหรือพกซ่อนเพราะบางที่สุด และสามารถเสียบไว้กับฝักดาบยาวใช้แทนมีดสั้นทำอาหารได้ด้วย
ดาบซามูไรในสงครามโลกครั้งที่ 2
ดาบทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชื่อเรียกว่า "" (軍刀, Guntō; มีความหมายว่า "ดาบกองทัพ" หรือ "ดาบทหาร") เป็นดาบที่ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2411 และสิ้นสุดการผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งถือว่าเป็นยุคใหม่ เป็นดาบที่ทำเพื่อการสงคราม ผลิตจำนวนมาก ยังคงความคมกริบ แต่ไม่ประณีต และไม่มีขั้นตอนการทำอย่างประเพณีโบราณ ดาบรุ่นนี้ตกค้างอยู่ในแถบอินโดจีนจำนวนมากหลังจากสงครามสิ้นสุด ซึ่งอาจจะพบได้ในประเทศพม่าและประเทศไทย ถูกฝังดินอยู่กลางป่าหรือในถ้ำตามเส้นทางเดินทัพของทหารญี่ปุ่น
ดาบยุคสงครามจะเป็นดาบที่ใช้ฝักทำด้วยเหล็ก มีห่วงทองเหลืองหรือทองแดงเรียกว่า "โอบิโตริ" ใช้สำหรับห้อยกับเข็มขัด ตัวดาบและฝักเหล็กมีน้ำหนักมาก จึงไม่เหมาะที่จะใช้เหน็บเอวอย่างดาบฝักไม้แบบโบราณ ซึ่งมีห่วงผูกเงื่อนที่ทำจากใช้เหน็บเอวของซามูไร ดาบทหารที่ไม่มีขั้นตอนการผลิตในแบบพิธีกรรมโบราณ จึงไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างดาบของพวกซามูไร
พิธีกรรมการตีดาบ
พิธีกรรมการตีดาบแบบโบราณนั้นมีขั้นตอนมากมายและถือเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ช่างตีดาบต้องถือศีลกินเจ และทำสมาธิในขณะที่หลอมเหล็ก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เพื่อผลิตดาบให้เป็นมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของดาบเล่มนั้น ๆ ช่างตีดาบและลูกมือจะร่วมมือกันทำดาบเพียงหนึ่งเล่มในระยะเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าช่างตีดาบที่ดีจะทำดาบที่ดีออกมา หากช่างตีดาบมีจิตใจไม่ดีดาบที่ตีออกมาก็จะไม่ดีไปด้วย ดาบแต่ละเล่มจึงมีราคาไม่เท่ากัน บางเล่มราคามากกว่าที่ดินหนึ่งผืน หรือดาบที่ดีเพียงเล่มเดียวอาจจะมีราคาสูงกว่าหอกสามร้อยเล่ม ในสมัยโบราณดาบจึงไม่ใช่อาวุธที่สามารถจะซื้อมาใช้ในกองทัพได้ นอกจากเป็นสมบัติส่วนตัวของเหล่าซามูไรเท่านั้น
ช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
ช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น ซาดาเอจิ กัซซัง (Sadaeji Gassan) ช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง กัซซันเป็นตระกูลช่างตีดาบที่ตกทอดมากว่า 700 ปี ปัจจุบันยังคงรักษาขนบธรรมเนียมการตีดาบอย่างประณีตตามขั้นตอนและวิธีการแต่โบราณจากยุคคามากูระ โดยเป็นมรดกตกทอดมาถึง "ซาดาโตชิ กัซซัน" (Sadatoshi Gassan) ดาบซามูไรยังคงความประณีตงดงามถือเป็นงานศิลปะขั้นสูงสุดตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ปัจจุบันยังมีช่างตีดาบอีกจำนวนมากที่ตีดาบตามแนวทางดั้งเดิม
การเข้ามาของดาบญี่ปุ่นในประเทศไทย
ดาบญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาช่วงสมัยเอโดะ (พ.ศ. 2146-2410) จากการติดต่อค้าขาย ขณะที่ญี่ปุ่นต้องการสินค้าจากสยาม เช่น ไม้กฤษณา ไม้ฝาง น้ำกุหลาบ พริกไทย เป็นต้น มีการตั้งหมู่บ้านญี่ปุ่นในอยุธยา เมื่อมีชาวญี่ปุ่นมาอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์โดยลี้ภัยทางศาสนาและส่วนหนึ่งเป็นพวกซามูไรแตกทัพที่สูญเสียเจ้านายหรือที่เรียกว่า "โรนิน" ซึ่งแตกทัพจากยุทธการที่เซกิงาฮาระได้โดยสารเรือสำเภาที่กำลังจะเดินทางมาค้าขายยังชมพูทวีปและมาตั้งรกรากในประเทศสยาม สิ่งสำคัญที่นำติดตัวมาด้วยก็คือดาบญี่ปุ่น ซามูไรเหล่านี้ได้กลายเป็นทหารอาสาญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
อ้างอิง
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniidrbaecngihprbprunghlaykhx krunachwyprbprungbthkhwam hruxxphipraypyhathihnaxphipray bthkhwamnitxngkarphisucnxksr xacepndankarichphasa karsakd iwyakrn rupaebbkarekhiyn hruxkaraeplcakphasaxun bthkhwamniyngkhadaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxng khatana yipun 刀 ormaci かたな thbsphth katana epndabyipun milksnakhmdanediyw ephuxfnhruxtd imhk imngx aelakhm miwithikarphlitechphaainyipunkhux exaolhamaephaaelatiaephaelatiphbsxnehlkkhrngaelwkhrngela cniddabthimikhwamaekhngaerngaelakhm khatanathuxodychnchnsamuirinyipunsmyskdina cungidchuxwa dabsamuir khatana hnungindabyipun nihngot 日本刀 hlakhlaychnidswntang khxngdabyipunkartidabinsmyexoda khncikhxngkhawakhatanaichrupxksrediywkbkhawa inphasacin 刀 sungmikhwamhmaywa dab echnknkhwamsakhyinyukhexoda dabepnsylksnkhxnglththibuchiod withinkrb sungepncriythrrmkhxngnkrbthitxngyudthuxptibti aelaepnsiththiphiessechphaankrbethannthixnuyatihphkdabid sunginkhnannmipramanrxylasibkhxngprachakrthnghmd aelaehlankrbnncungthuxwadabepnsingskdisiththi epnsingthiaesdngekiyrtiys chuxesiyngaelakhwamphakhphumiickhxngtrakul aeladabehlanncasubthxdepnmrdktx kniphlaychwxayukhn aelaichdabniinkarkhwanthxnghruxesppuku sungthuxknwaepnkartayxyangmiekiyrtikhxngnkrbehlani dabsamuirniidthukichepnxawuthcnkrathngmikarnapunekhamaich aelaklayepnxawuthhlkaethnprawtiyukhnara edimnkrbchawyipunichdabcakcinaelaekahliinkarsurb inyukhnara Nara Period pramanpi ph s 1193 1336 hruxpraman 1 300 piessthiaelw pyhathiphbkhuxewlasurbdabmkhkxxkepnsxngthxn ckrphrrdicungsngihchangtidabprbprungdabihdikhunkwaedim changtidabyukhaerkmichuxwa xamakuni ekhaphthnakartidabimihhkngaydwykarichehlkthidi aelamikarsuksawithithaihehlkaekhngaekrngkwaedim ehlkthidikhxngyipunidcakkarthlung michuxwa thamahangaena Tamahagane xamakuniphbwakarthicaihiddabkhunphaphditxngkhwbkhumkhxngsamsing khux karkhwbkhumkhwameyn karkhwbkhumprimankharbxn aelakarnasingpapnthixyuinehlkxxk primankharbxnkhuxhwicsakhyinkartidab hakiskharbxninehlkmakipehlkcaepraa isnxyipehlkcaxxn cungtxngisinprimanthiphxehmaa ehlkthuknamahkaebngepnchinelkwangsxnknkxnhlxm aelanaiptiihepnenuxediywkn hlngcaknncungphbehlkepnsxngchnkhnayngrxn aelwtisaxikkhrngaelwkhrngela ehlkcasxnknepnchn thwikhunkhuneruxy cnepnhmun chn thaihkharbxnkracayipcnthwenuxehlk aelwcungnaiptiaephxxkihepnibdab caidibdabthidienuxehlkaekrngaelakhmimhkxiktxip yukhkhamakura inyukhkhamakura Kamakura Period rawpi ph s 1735 1879 ckrphrrdisngihchangtidabsuksawithikartiehlkcakyukhobran yukhnithuxepncuderimyukhthxngkhxngdabsamuir mikarphthnadabihdikhunkwaedim odymikarephimwithikarphsmehlksxngchnidekhadwykn ehlkthimikhwamaekhngcamiprimankharbxnsungichthaepntwdab aelaehlkxxnthimiprimankharbxntaichthaepnisdabephuxihyudhyun cakehlksxngchnidthithuknamaphbaelatimakkwasibchn thaihekidchnelk epnthwikhunepnhmunchn changtidabcaphbehlkaekhngihepnruptwyu aelanaehlkxxnmawangiwtrngklangephuxepnisin aelwnaiphlxmaelatirwmknihaephxxkepnibdab caknnnaiphlxminxunhphumithiehmaasmsungmakkwa 700 xngsaeslesiys aelwcungnamaaechnaeyn karaechnatxngramdrawngmak hakaechimdi dabcaokhngesiyrup ehlkthimikhwamaekhngtangknemuxthaiheynthnthicahdtwtangkn thuxepnekhldlbthithaihibdabokhngidruptamthrrmchati dabsamarthfnkhxkhadidinkhrngediyw badaephlthiidrbcakdabcaecbpwdmak samuiryngtxngeriynrukarichdabxyangchachxngwxngiwaelakhlxngaekhlw ihepriybesmuxnepnswnhnungkhxngrangkay cakkhwamsamarthniexngthaihsamuirephiyngkhnediywsamarthsngharstruthiraylxmtnkwasibkhnidphayinchwphribtadwydabephiyngelmediyw aetpraephnikartxsukhxngchnchnsamuirkhuxkartxsu twtxtwxyangmimaryathdwydab phuaephthiyngmichiwitxyukhuxphuthiirekiyrti samuircungimxacmichiwitxyuid karkhatwtayxyangsmekiyrtidwykartha esppuku khuxekiyrtiyskhxngsamuir txmaineduxnphvscikayn pi ph s 1817 chawmxngoklkhxngkubilkhanbukyipunthi dwykxngthpherux 800 la aelakalngphlsamhmunnay ehlasamuirtxngkarcasukntwtxtwxyangmimaryatheyiyngsuphaphburuskbnkrbradbphuna aetimidphl phwksamuirtxngpathasuthichayhadkbfungthnuxabyaphisaelaraebid epnsngkhramthiimmiraebiybaelatkepnrxng phayuitfunchwythalaykxngeruxkhxngchawmxngoklcnhmdsin karrbkhrngaerkehmuxnkarhyngechingkhxngchawmxngoklephuxdukalngkhxngstru xikecdpitxmaphwkmxngoklklbmaxikkhrngdwykxngerux 4 000 la phrxmkxngthharxiksxngaesn phwksamuirrbphungkblukthnuxyangklahay phwkekhatderuxngmaryaththingip tkklangkhunehlasamuirphayeruxlxbekhaocmtiphwkmxngoklprachidtwdwykarichdabthichachxng dabthharmxngoklimmithangsudabsamuiridely rahwangsngkhramphayuitfunkthalaykxngeruxkhxngmxngoklxikkhrng kxngeruxsxnginsamcmipkbthaelphayu thharmxngoklcmnataynbhmun phwkthiwaynaekhafngktaydwykhmdabxyanghmdthangsu chawyipunechuxwaemuxngnithukpkpxngcakphraeca aelatngchuxlmphayuniwa Kami Kaze hmaythunglmskdisiththi hruxlmphuhyngru hlngcaknnphwkmxngoklkimidklbmatiyipunxikely hlngcaksngkhramsinsud banemuxngxyuinkhwamsngb phbwahlngcakkarrbthiphanmadabmkcabin ckrphrrdicungsngihchangtidabhawithiaekikh changtidabthisrangsmdulkhxngkhwamaekhngaelakhwamxxnkhxngehlkaelaphthnaokhrngsrangkhxngdabxxkepnehlksamchin khux masamuena rawpi ph s 1840 dabkhxngmasamuenathuxepndabthiphthnathungkhnsungsud inyipunimmichangtidabkhnidcaethiybid ekhasrangkhwamsmdulkhxngkhwamaekhngkhxngkhmdab ekhldlbkarthadabkhuxkarphsmehlksamchnidekhadwykn ehlkthimiprimankharbxnsungcaichepnibdabdankhangthieriykwa kawangaena Gawa gane aeladankhmdab hangaena Ha gane ichehlkthiaekhngmakodyphankarphbaelatithung 15 khrng sungsamarthsrangchnkhxngehlkthisxnknthung 32 768 chn thaihehlkehniywaelaaekrngmakkwaswnxun swnehlkthimiprimankharbxntacaichepnswnisin Core Steel thaihmikhwamyudhyuneriykwa chingaena Shi gane aelwnaiphlxmthixunhphumipraman 800 xngsaeslesiysihepnenuxediywkn aelwcungnamatiaephxxkepnibdab changtidabkhnxun erimeliynaebbinewlatx ma changtidabinyukhediywknthimichuxesiyngethiybekhiyngmasamuena khux klawknwaikhrthimidabkhxng muramasa iwkhrxbkhrxng eluxdcasubchidihxyakthicachkdabxxkmasngharkhutxsuephraakhwamkhmkhxngmn inkhnaediywknsamuirthikhrxbkhrxngdabkhxng masamuena klbsngbningeyuxkeynyukhsmykhxngdabsamuiryukhsmykhxngdabsamuir aebngxxkid 4 yukh yukhdabobran Ancient Sword kxnkhristskrach 900 kxn ph s 1443 yukhthidabkhxng xamakuni thuxkaenidkhunphrxmkbkarthlungehlkenuxdiinsmynara yukhdabeka Old Sword rawpi ph s 1443 2073 thuxepnyukhthxngkhxngdabsamuir ethiybkbprawtisastrithy caxyuinchwngediywkbsilpasmythwarwdi phuththstwrrsthi 11 18 cnthungsmysilpasuokhthy phuththstwrrsthi 18 20 inpi ph s 1840 epnpithidabkhxng masamuena thuxkaenidkhunaelaphumipyyakhnsungsudthitkthxdepnmrdkkhxngdabchnyxd yukhdabihm New Sword rawpi ph s 2197 2410 sungxyuchwngediywkbsilpasmyxyuthya aelatnrtnoksinthr khuxchwngsmyexoda aelayukhthiyipunpidpraethshamkhnekhaxxkxyangeddkhad ph s 2182 yukhdabsmyihm Modern Sword rawpi ph s 2411 thungpccubn yukhthidabthharthuxkaenidkhun ph s 2411 2488 karphlitepncanwnmakephuxkarsngkhramimmiphithikrrmaebbobran dabyipunmwhmxngephraathukichinsngkhramolkkhrngthi 2 inkartdkhxechlysuksungimichpraephnikhxngchnchnsamuir phxmathungsmypccubndabklayepnngansilpachnsungthimirakhaaephngchnidkhxngdabsamuirdabyaw thaci dabyaw khatana bn aeladabkhnadklang wakisachi lang dabsn thnot kunotaebbeka 旧軍刀 khiwkunot dabkhxngthharyipunsmyihmrunaerk sungxxkaebbodyxingkbkrabithharkhxngchatitawntk erimphlitinsmyemci kunotaebb 95 九五式軍刀 khiwongchikhikunot dabsahrbnaythharyipunchnprathwninchwngsngkhramolkkhrngthi 2aebngodyyukhsmy dabsamuiraebngtamyukhsmy mi 4 chnidkhux okhot Koto chinot Shinto chinchinot Shinshinto eknidot Gendaito aebngtamkhwamyaw 大太刀 Ōdachi yawmakkwa 3 chaku Shaku 太刀 Tachi yawtngaet 2 3 chaku 小太刀 Kodachi yawimthung 2 chaku 脇差 Wakizashi yawtngaet 1 1 7 chaku 1 chaku Shaku 0 303 emtr dabmihlayaebbaelahlaypraephth samarthaebngchnidhlk xxkid 3 chniddngni dabyaw 太刀 Tachi dabyawkhxngthharma mikhwamokhngkhxngibdabmak ichfncakhlngma mikhwamyawkhxngibdabmakkwa 70 esntiemtr mkimkhanungthungkhwamkhlxngtw aetkhanungthungrayaocmtimakkwa khatana 刀 Katana dabthimaaethnthidabthacikhxngthharmatngaetklangyukhmuormaci raw ph s 2000 samarthichtxsubnphundinidkhlxngtwkwa ephraamikhwamokhngnxykhwbkhumidngay khwamyawibdabodypraman 60 6 esntiemtrkhunipthung 70 esntiemtr dabkhnadklang 脇差 Wakizashi dabthiichphkphakhukbdabkhatanakhxngsamuir ibdabmikhwamyawtngaet 12 24 niw dabthisamuirichsahrbtha esppuku emuxyamcaepn aelaepndabthisamuirsamarthnatidtwekhaekhhsthankhxngphuxunkrniepnphumaeyuxnidodyimtxngfakiwkbkhnrbich tampktisamuircaphkdabsxngelm aelaodythrrmeniymhamphkdabyawekhamainbankhxngphuxun txngfakiwhnabanethann dabsn 短刀 Tantō milksnakhlaymidsn praethsithyeriykwadabsxk khuxkhwamyawpraman 1 sxk khwamyawnxykwadabwakisachi ixkuci 匕首 Aikuchi epnibmidaeladaminchinediywkn ichsahrbphkinesuxbang ehmaakbstrihruxphksxnephraabangthisud aelasamarthesiybiwkbfkdabyawichaethnmidsnthaxahariddwy dabsamuirinsngkhramolkkhrngthi 2 dabthharinsmysngkhramolkkhrngthi 2 michuxeriykwa 軍刀 Guntō mikhwamhmaywa dabkxngthph hrux dabthhar epndabthithukphlitkhunrahwangpi ph s 2411 aelasinsudkarphlitemuxpi ph s 2488 sungthuxwaepnyukhihm epndabthithaephuxkarsngkhram phlitcanwnmak yngkhngkhwamkhmkrib aetimpranit aelaimmikhntxnkarthaxyangpraephniobran dabrunnitkkhangxyuinaethbxinodcincanwnmakhlngcaksngkhramsinsud sungxaccaphbidinpraethsphmaaelapraethsithy thukfngdinxyuklangpahruxinthatamesnthangedinthphkhxngthharyipun dabyukhsngkhramcaepndabthiichfkthadwyehlk mihwngthxngehluxnghruxthxngaedngeriykwa oxbiotri ichsahrbhxykbekhmkhd twdabaelafkehlkminahnkmak cungimehmaathicaichehnbexwxyangdabfkimaebbobran sungmihwngphukenguxnthithacakichehnbexwkhxngsamuir dabthharthiimmikhntxnkarphlitinaebbphithikrrmobran cungimmikhwamskdisiththixyangdabkhxngphwksamuirphithikrrmkartidabphithikrrmkartidabaebbobrannnmikhntxnmakmayaelathuxepnphithikrrmthiskdisiththi changtidabtxngthuxsilkinec aelathasmathiinkhnathihlxmehlk imyungekiywkbikhr ephuxphlitdabihepnmngkhlaekphuepnecakhxngdabelmnn changtidabaelalukmuxcarwmmuxknthadabephiynghnungelminrayaewlamakkwahnungeduxn chawyipunechuxwachangtidabthidicathadabthidixxkma hakchangtidabmiciticimdidabthitixxkmakcaimdiipdwy dabaetlaelmcungmirakhaimethakn bangelmrakhamakkwathidinhnungphun hruxdabthidiephiyngelmediywxaccamirakhasungkwahxksamrxyelm insmyobrandabcungimichxawuththisamarthcasuxmaichinkxngthphid nxkcakepnsmbtiswntwkhxngehlasamuirethannchangtidabthimichuxesiynginpccubnchangtidabthimichuxesiynginpccubn echn sadaexci kssng Sadaeji Gassan changtidabthimichuxesiyngmakkhnhnung kssnepntrakulchangtidabthitkthxdmakwa 700 pi pccubnyngkhngrksakhnbthrrmeniymkartidabxyangpranittamkhntxnaelawithikaraetobrancakyukhkhamakura odyepnmrdktkthxdmathung sadaotchi kssn Sadatoshi Gassan dabsamuiryngkhngkhwampranitngdngamthuxepnngansilpakhnsungsudtkthxdmacakbrrphburus pccubnyngmichangtidabxikcanwnmakthitidabtamaenwthangdngedimkarekhamakhxngdabyipuninpraethsithydabyipunerimekhamainemuxngithytngaetsmyxyuthyachwngsmyexoda ph s 2146 2410 cakkartidtxkhakhay khnathiyipuntxngkarsinkhacaksyam echn imkvsna imfang nakuhlab phrikithy epntn mikartnghmubanyipuninxyuthya emuxmichawyipunmaxyuepncanwnmak chawyipunthinbthuxsasnakhristodyliphythangsasnaaelaswnhnungepnphwksamuiraetkthphthisuyesiyecanayhruxthieriykwa ornin sungaetkthphcakyuththkarthieskingaharaidodysareruxsaephathikalngcaedinthangmakhakhayyngchmphuthwipaelamatngrkrakinpraethssyam singsakhythinatidtwmadwykkhuxdabyipun samuirehlaniidklayepnthharxasayipuninewlatxmaxangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb khatana