การยิงข่ม (อังกฤษ: suppressive fire) ในคือ "การยิงที่ลดประสิทธิภาพของกองกำลังข้าศึกให้ต่ำกว่าประสิทธิภาพในการดำเนินภารกิจ" เมื่อใช้ในการปกป้องกองกำลังฝ่ายเดียวกันในการรุกคืบในสนามรบจะถูกเรียกว่า การยิงคุ้มครอง (covering fire) การข่มมักจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเวลาที่ทำการยิงเท่านั้น โดยเป็นอีกประเภทของ (fire support) ซึ่งเนโทกำหนดให้เป็น "การยิงประสานกันพร้อมกับการดำเนินกลยุทธ์ของกำลังรบ เพื่อทำลาย ต่อต้าน หรือปราบปรามข้าศึก"
ก่อนที่เนโตจะกำหนดนิยามคำนี้ กองทัพบกของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพได้ใช้คำว่า "การยิงตัดรอนกำลัง" (neutralization) ซึ่งมีคำจำกัดความเช่นเดียวกับการยิงข่ม ในขณะที่สหรัฐได้ให้คำนิยามการยิงตัดรอนกำลังไว้ว่า "การยิงเพื่อทำให้เป้าหมายขาดประสิทธิภาพหรือใช้งานไม่ได้ชั่วคราว"
การใช้งาน
การยิงข่มจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต่อเป้าหมายที่เปิดเผยตนเองออกมาในการยิงแต่ละครั้ง บีบให้เป้าหมายต้องอยู่นิ่งและไม่สามารถตอบโต้ได้เนื่องจากถูกบังคับให้ต้องก้มหน้าหรือเบือนหน้าหลบ "มิฉะนั้นก็ต้องถูกกระสุนปืน" การเปิดเผยตัวเองจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพขวัญกำลังใจ แรงจูงใจ และการนำของผู้นำกองกำลังเป้าหมาย การยิงข่มมักใช้ในการคุ้มครอง โดยเนโทกำหนดให้เป็น "การยิงเพื่อปกป้องกองทหารเมื่ออยู่ในระยะของปืนเล็กของข้าศึก" บางครั้งเรียกว่า "วินนิ่งเดอะไฟร์ไฟท์" (winning the firefight) ซึ่งใช้งานในการปฏิบัติการของทหารราบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การยิงข่มอาจจะใช้การต่อต้านการยิงเล็งจำลอง (indirect fire) การป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึก หรือกิจกรรมทางทหารอื่น ๆ เช่น การก่อสร้างหรือการส่งกำลังบำรุง หรือการปฏิเสธการเข้าถึงพื้นที่ของข้าศึกในระยะเวลาสั้น ๆ (ไม่เหมาะกับการปฏิบัติการในเวลานานเนื่องจากข้อจำกัดในการส่งกำลังบำรุงเครื่องกระสุน) การใช้ควันเพื่อ "กำบัง" การตรจจการณ์ของข้าศึก เป็นอีกรูปแบบของการข่มแบบไม่ถึงชีวิต และในเวลากลางคืนการใช้พลุส่งสว่างอาจถูกใช้เพื่อข่มความเคลื่อนไหวกิจกรรมของข้าศึกด้วยการทำลายความมืดที่ปกคลุมอยู่
การข่มสามารถทำได้ด้วยอาวุธหรือกลุ่มของอาวุธใดก็ตามที่สามารถยิงได้อย่างต่อเนื่องหนาแน่นตามระยะเวลาการข่มที่กำหนด การยิงข่มนั้นมีขีดความสามารถที่แตกต่างกันอย่างมากเนื่องจากพื้นที่ที่ทำการข่มมีความแตกต่างกัน เช่น กระสุนปืนเล็กยาวหรือปืนกลอาจมีอนุภาพทำลายล้างจากวิถีกระสุนเพียงประมาณหนึ่งเมตรเท่านั้น ในขณะที่กระสุนปืนใหญ่เพียงนัดเดียวอาจจะข่มพื้นที่ไม่กี่พันตารางเมตรรอบ ๆ การแตกระเบิด นอกจากนี้การยิงข่มอย่างต่อเนื่องจากปืนเล็กนานกว่าไม่กี่นาทีอาจจะทำได้ยากเนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งกำลังบำรุง การส่งการข่มทางอากาศก็เช่นกัน เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องของน้ำหนักในการบุรรทุก ตรงข้ามกับปืนใหญ่ที่สามารถยิงข่มไปยังพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและกินเวลายาวนานได้
วัตถุประสงค์ของการข่มคือการหยุดยั้นหรือป้องกันไม่ให้ข้าศึกสามารถตรวจการณ์ ยิง เคลื่อนย้าย หรือปฏิบัติภารกิจทางการทหารอื่น ๆ ที่จะเป็นการขัดขวาง (หรือแทรกซึม) กำลังของฝ่ายเราหรือพันธมิตรเราได้ ลักษณะที่สำคัญของการยิงข่มคือจะเกิดขึ้นเมื่อมีอำนาจการยิงที่มีความรุนแรงเพียงพอเท่านั้น
การยิงข่มเป็นยุทธวิธีในการลดการบาดเจ็บและสูญเสียของกำลังฝ่ายเดียวกัน และช่วยให้กำลังฝ่ายเราสามารถปฏิบัติการได้ในขณะนั้นเลย เช่น เป้าหมายที่ถูกข่มจะไม่สามารถปะทะกับกองกำลังที่เคลื่อนที่โดยปราศจากที่กำบัง ช่วยให้กองกำลังฝ่ายเราสามารถเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งใหม่หรือเข้าใกล้ข้าศึกมากขึ้น เช่น ในบทความของนาวิกโยธินสหรัฐ ได้บันทึกไว้ว่า "การสื่อสารและการยิงข่มคือสิ่งที่ทำให้เคลื่อนไหวในสนามรบได้ ช่วยทำให้นาวิกโยธินได้เปรียบ" การยิงข่มอาจใช้เพื่อช่วยเปิดทางให้เฮลิคอปเตอร์หรือเรือสามารถจอดหรือถอนทหารออกจากเขตการสู้รบ (อย่างหลักเรียกว่า "hot extraction")
โดยปกติการยิงข่มจะใช้เพื่อการปกปิดการยิวใส่ข้าศึกในเขตการรบระยะประชิด อย่างไรก็ตาม การยิงข่มที่ยิงโดยปืนใหญ่และ (indirect fire) สามารถใช้เพื่อข่มเป้าหมายได้ทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงต่อต้านของกองร้อยปืนใหญ่ไปยังหน่วยยิงเล็งจำลองของข้าศึก เนโทได้ให้คำนิยาม "การข่มอาวุธป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายข้าศึก" (suppression of enemy air defenses: SEAD) ซึ่งเป็นการให้คำจำกัดความที่กว้างและรวมไปถึงการทำให้ยุทโธปกรณ์เกิดความเสียหายด้วย อีกข้อที่สำคัญของการใช้การยิงข่มจากระบบการยิงเล็งจำลอง (เช่น ปืนครก ปืนใหญ่ และปืนเรือ) และอากาศยานคือการคำนึงถึงความปลอดภัยของกองทหารที่เข้าโจมตี การยิงไปยังพื้นที่หนึ่ง ๆ นั้นกระสุนจะสร้างความเสียหายถึงชีวิตโดยไม่เลือกฝ่ายในพื้นที่ที่เกิดการกระจายระเบิดรอบทิศทาง แม้ว่ารูปแบบและพื้นที่สังหารจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และบางครั้งเกิดขึ้นในสถานการณ์เฉพาะ
ผลกระทบจากการยิงข่มคือผลทางจิตวิทยา แทนที่จะพยายามสังหารข้าศึกโดยตรง การยิงข่มกลับทำให้ทหารข้าศึกรู้สคกว่าตนไม่สามารถทำการใด ๆ ได้อย่างปลอดภัยนอกจากการหาที่กำบัง ซึ่งถูกเรียกง่าย ๆ ว่า "ทำให้พวกเขาก้มหัวลง" (it makes them keep their heads down) หรือ "ทำให้พวกเขาถูกตรึงไว้" (it keeps them pinned down) อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ รวมไปถึงประเภทของกระสุนและการป้องกันของเป้าหมาย การยิงข่มอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หรือความเสียหายต่อยุทโธปกรณ์ของข้าศึก
การยิงข่มต้องมีความรุนแรงมากพอเกิดขึ้นเหนือพื้นที่เป้าหมาย ความรุนแรงส่งผลต่อหน่วยในพื้นที่เป้าหมายในช่วงเวลาที่ทำการข่ม โดยใช้อาวุธแต่ละประเภทส่งผลแตกต่างกันอย่างมากสำหรับขีดความสามารถในการข่ม อย่างการใช้สัญญาณเสียงที่เกิดจากการยิงวิถีโค้งบนอากาศและเมื่อกระสุนกระทบเป้าหมาย
ในการสงครามยุคใหม่ เป็นกลยุทธในการป้องกันกำลังรบ: ในหน่วยขนาดเล็กหรือหน่วยยานยนต์สนับสนุนทางทหารอีกหน่วย พวกเขาจะใช้กลยุทธ์ (fire and movement tactic) หน่วยเฝ้าตรวจ หรือหน่วยสนับสนุนสามารถเข้ายึดพื้นที่ที่สามารถตรวจการร์ภูมิประเทศข้างหน้าได้ โดยเฉพาะตำแหน่งที่น่าจะเป็นที่ตั้งของข้าศึก ซึ่งช่วยให้สามารถยิงคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพให้กับหน่วยของฝ่ายเราหรือพันธมิตรที่จะรุกคืบต่อไปข้างหน้า ตำแหน่งเฝ้าตรวจที่เหมาะสมที่สุดจะต้องเป็นตำแหน่งที่มีที่กำบังของหน่วย และมีแนวยิง (lines of fire) ที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง อาจจะอยู่บนเส้นความสูงขอนพื้นดินหรือสันเขา ซึ่งมีตำแหน่งให้ยานภาหนะสามารถมี (hull-down) หากหน่วยที่เฝ้าตรวจอยู่ในตำแหน่งยิงเหนือหน่วยของฝ่ายเดียวกันที่กำลังรุกขึ้นไป จะต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดการยิงพลาด โดยที่หน่วยของฝ่ายเดียวกันควรจะอยู่ในระยะหมดแสงของการส่องวิถี (ระยะที่มองเห็นกระสุนส่องวิถี)
ประวัติ
ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เนื่องจากการพัฒนาเทคนิคปืนใหญ่และการป้องกันจากสนามเพลาะ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2458 กองกำลังรบนอกประเทศบริติชตระหนักว่าผลจากการยิงปืนใหญ่ไม่สามารถเปิดช่องในแนวสนามเพลาะของเยอรมันหรือทำลายปืนใหญ่ของข้าศึกได้ในช่วงเวลาวิกฤต พวกเขาจึงพัฒนาเทคนิคปืนใหญ่สำหรับยิงข่มข้าศึกในสนามเพลาะสำหรับเปิดทางให้ทหารราบข่มปืนใหญ่ของข้าศึกในระยะวิกฤตเพื่อปกป้องทหารราบที่กำลังทำการโจมตี หลังจากนั้น การข่มกลายเป็นกลยุทธ์ในการกำหนดเป้าหมายปืนใหญ่ของสหราชอาณาจักร แม้ว่ามันจะถูกนำมาใช้ครั้งแรกในสงครามบูร์ครั้งที่สองก็ตาม การเปิดฉากยิงปืนใหญ่และเคลื่อนที่สามารถช่วยข่มแนวหน้าด้วยการยิงคุ้มครองในรัศมีหลายไมล์ (shrapnel shell) ถูกใช้งานโดยกองทัพบกสหราชอาณาจักรในฉากการยิงปืนใหญ่ในการโจมตี การยิงข่มถูกนำมาใช้กับปืนใหญ่ของข้าศึกที่โจมตีกองทหารด้วยการยิงเล็งจำลอง (indirect fire)
ส่วนของยุทธวิธีทหารราบก็มีการพัฒนาเช่นเดียวกันและการข่มก็กลายมาเป็นส่วนประกอบหลักในการ "วินนิ่งเดอะไฟร์ไฟท์" (winning the firefight) ซึ่งแนวคิดนี้สะดวกขึ้นเมื่อใช้ปืนกลที่มีการใช้งานตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม การยิงข่มด้วยอาวุธยิงเล็งตรงของทหารราบมีประโยชน์อย่างมากในการกับเป้าหมาย แต่ถ้าไม่ได้รับการยิงสนับสนุนจากหน่วยใกล้เคียงและใช้เพียงกระสุนที่พกพามา การยิงข่มอย่างต่อเนื่องอาจจะทำการข่มได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ในการโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรือรบจะเปิดฉากยิงด้วยปืนหลักไปยังตำแหน่งของปืนใหญ่ ปืนครก หรือปืนกลของข้าศึกที่ทราบบนฝั่งหรือหลังหากที่กำลังยกพลขึ้นเพื่อข่มการยิงของข้าศึกจากตำแหน่งที่อาจจะทำการยิงไปยังกองกำลังที่ยกพลขึ้นบก การใช้อากาศยานและการโจมตีทางอากาศที่มีการใช้งานมากขึ้นยังทำให้เกิดการทิ้งระเบิดและการยิงโจมตีเส้นทางวิ่งของอากาศยาน ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้บ่อยในการข่มกำลังทางอากาศ ขัดขวางแนว และสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับข้าศึก และยังมีการใช้การรวมกำลังการยิงจากปืนกลหรือวัตถุระเบิดที่ถูกทิ้งลงไปยังแนวของข้าศึก นอกจากนี้ยังมีการใช้ระเบิดเพลิงในการข่ม การปฏิเสธการเข้าถึงพื้นที่ และการสร้างผลทางจิตวิทยาที่กว้างขวาง ซึ่งแนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในสงครามเวียดนามจากการนำเนปาล์มมาใช้งานตามแนวคิดดังกล่าว
การใช้อาวุธ
การยิงข่มสามารถยิงได้ด้วยอาวุธหรือกลุ่มขนองอาวุธใดก็ตามที่สามารถยิงได้อย่างสม่ำเสมอตามระยะการข่มที่ถูกกำหนด การยิงข่มอาจจะเป็นการยิงเล็งตรงหรือยิงเล็งจำลองก็ได้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการยิงข่มขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอาวุธที่ใช้งานและขนาดพื้นที่ที่ถูกยิงข่ม
อาวุธยิงเล็งจำลอง
มีวิธีการหลายรูปแบบในการใช้ปืนใหญ่ (และปืนครก, ปืนเรือ) สำหรับการยิงข่ม ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง การเปิดฉากการยิงปืนใหญ่และเคลื่อนที่ไปด้วยถือเป็นวิธีการปกติในขณะนั้น ลูกกระสุนแตกอากาศ (shrapnel shell) ถูกยิงเพื่อสร้างกรวยกระสุนไว้หน้าทหารราบที่กำลังรุกคืบเข้ามาด้วยวิธีการเล็งยิงไปข้างหน้า 100 หลาทุก ๆ สองสามนาที ไปยังพื้นที่ส่วนหน้าหลายกิโลเมตรเพื่อสนับสนุนการโจมตีของกองพลหรือกองทัพน้อย กระสุนระเบิดแรงสูง (High Explosive: HE) ยังถูกนำมาใช้งานในสงครามโลกครั้งที่สอง รวมไปถึงการคุ้มครองการรุกคืบของรถถังด้วยการยิงข่มด้วยพลปืนต่อต้านรถถัง
อย่างไรก็ตาม การรวมอำนาจกำลังรบด้วยการใช้กระสุนระเบิดแรงสูง (HE) ต่อเป้าหมายเฉพาะพื้นที่เริ่มกลายเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันแพร่หลายมากขึ้น และค่อย ๆ เข้ามาแทนการเปิดฉากยิงด้วยปืนใหญ่ ซึ่งการรวมกำลังยิงจะเริ่มเมื่อกองกำลังโจมตีตกอยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการถูกตีโต้และเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งนั้นจนถึงระยะที่ห่างพอจากเป้าหมายและทำการยิงข่ม ผลจากการยิงข่มจะอยู่ประมาณ 2 นาทีหลังจากปืนใหญ่หยุดยิง
การรวมกำลังการยิงข่มด้วยกองร้อยทหารปืนใหญ่ 1 กองร้อยสามารถกินพื้นที่ประมาณ 250x250 เมตร และสามารถใช้สนับสนุนหมวดหรือกองร้อยโจมตีในการข่มครั้งเดียวหรือการยิงข่มแบบต่อเนื่องกัน สำหรับการปฏิบัติการขนาดใหญ่ กองร้อยปืนใหญ่หลายกองร้อยอาจจะมีเป้าหมายจำนวนมาก และเคลื่อนการยิงไปยังเป้าหมายที่แตกต่างกันไประหว่างการปฏิบัติการยังคงดำเนินอยู่
แม้ว่ากระสุนระเบิดแรงสูง (HE) จะถูกใช้ในการยิงข่มมากที่สุด แต่กระสุนม่านควันก็สามารถใช้ในการยิงข่มได้ด้วยการบดบังการตรวจการณ์ของข้าศึก ส่งผลอย่างมากต่อการใช้อาวุธยิงเล็งตรง ในการปฏิบัติการสมัยใหม่การใช้ควันไม่สามรถบดบังกล้องส่องภาพจากความร้อนสมัยใหม่ได้ นอกจากนี้ในปฏิบัติการสนับสนุนสันติภาพ การส่องสว่างด้วยพลุร่มชูชีพถูกนำมาใช้งานเพื่อขัดขวางการปฏิบัติการของฝ่ายที่ทำสงคราม
สำหรับกองร้อยปืนใหญ่ ภารกิจท้ายสุด (last-ditch mission) ที่สามารถร้องขอได้คือ "ยิงข่มฉับพลัน" (immediate suppression) คำสั่งนี้จะสั่งให้ปืนใหญ่ทุกกระบอกในกองร้อยที่เกี่ยวข้องยิงกระสุนและฟิวส์ที่บรรจุอยู่ทันที ซึ่งอาจจะมาจากภารกิจของอีกหน่วยหรือสัญญาณเรียกขานอื่น ๆ ของภารกิจนั้น ผู้ตรวจการหน้าอาจจะได้รับการยิงแสงจากฟอสฟอรัสขาว หรือการยิงจากกระสุนระเบิดทวิประสงค์ (DPICM) หรือ VT-HE ไปยังเป้าหมายในลักษณะเดียวกัน
อาวุธยิงเล็งตรง
กระสุนปืนเล็กยาวหรือปืนกลมีวิถีกระสุนในการยับยั้งได้ในระยะเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบบสามารถใช้สำหรับยิงข่มข้าศึกได้ภายในพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งเรียกว่า "วินนิ่งเดอะไฟร์ไฟท์" (winning the firefight)
การยิงปืนกลยังสามารถยิงได้จากยานรบหุ้มเกราะ (AFV) ยานยนต์ และอากาศยาน โดยเฉพาะจากเฮลิคอปเตอร์และบางครั้งจากอากาศยานปีกตรึง เช่น ล็อกฮีด เอซี-130 หรือปืนใหญ่อัตโนมัติ (ขนาด 20–40 มิลลิเมตร) หรือเครื่องยิงลูกระเบิดที่สามารถยิงเล็งตรงจากรถถัง อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดในการบรรทุกกระสุนทำให้ระบบดังกล่าวเหมาสำหรับการยิงทำลายเป้าหมายที่ถูกระบุตำแหน่งอย่างแม่นยำ เว้นแต่ต้องการที่จะยิงข่มในช่วงเวลาสั้น ๆ
ในอัฟกานิสถาน มูจาฮิดีนดัดแปลงเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี-7 สำหรับใช้งานกับเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียด้วยการเพิ่มท่อโค้งบริเวณปลายท่อจุดระเบิด ทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางระเบิดกลับ ทำให้สามารถที่จะยิงอาร์พีจีไปยังอากาศยานได้จากท่านอนคว่ำได้ ซึ่งเวลานั้นโซเวียตได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ในการตอบโต้ภัยคุกคามจากอาร์พีจีบริเวณพื้นที่ลงจอดด้วยการยิงข่มต่อต้านบุคคลจากปืนกล
กองกำลังรัสเซียใช้ปืนซุ่มยิงดรากูนอฟในระดับหมวดเพื่อระยะในการยิงที่ไกลเป็นพิเศษสำหรับขัดขวางและยิงข่มในสนามรบ รวมไปถึงในสถานการณ์การเผชิญหน้าอย่างกระทันหันกับกองทหารของข้าศึก
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- คู่มือศัพท์ และคำย่อทางทหาร (PDF). มณฑลทหารบกที่ 16.[]
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-05-01. สืบค้นเมื่อ 2015-11-14.
- Army Doctrine Publication ADP 1-02. Terms and Military Symbols (PDF). Headquarters, Department of the army.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-06. สืบค้นเมื่อ 2023-12-19.
- GHQ Artillery Notes No 4, Artillery in Offensive Operations, April 1916
- "Suppressive Fire". The Titi Tudorancea Library. 2017.
- คู่มือนักศึกษาวิชาทหารชาย ชั้นปีที่ 4 (เหล่าทหารปืนใหญ่) (PDF). หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน.[]
- การซุ่มโจมตีและการต่อต้านการซุ่มโจมตี (PDF). ส่วนวิชาทหาร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karyingkhm xngkvs suppressive fire inkhux karyingthildprasiththiphaphkhxngkxngkalngkhasukihtakwaprasiththiphaphinkardaeninpharkic emuxichinkarpkpxngkxngkalngfayediywkninkarrukkhubinsnamrbcathukeriykwa karyingkhumkhrxng covering fire karkhmmkcaekidkhunechphaainchwngewlathithakaryingethann odyepnxikpraephthkhxng fire support sungenothkahndihepn karyingprasanknphrxmkbkardaeninklyuththkhxngkalngrb ephuxthalay txtan hruxprabpramkhasuk phlpracayanlanasngkhramphiesskxngthpheruxshrthichpunkrabxkhmunminiknbn SOC R yingkhmrahwangkarfukthxntwchukechinbnchayhad kxnthienotcakahndniyamkhani kxngthphbkkhxngshrachxanackraelaekhruxckrphphidichkhawa karyingtdrxnkalng neutralization sungmikhacakdkhwamechnediywkbkaryingkhm inkhnathishrthidihkhaniyamkaryingtdrxnkalngiwwa karyingephuxthaihepahmaykhadprasiththiphaphhruxichnganimidchwkhraw karichnganhwhnalukeruxkxngthpheruxshrth 2 nay mxngipehnuxkhxbfaphrxmkbpunkl 50 cal aelapunminikn phlyingpratuichpunklephuxyingkhmemuxehlikhxpetxrtxnglngcxdinphunthithiimepnmitrpunkrabxkhmunminiknthukyingcakxakasyanocmtitidxawuthinrahwangsngkhramewiydnam karyingkhmcakxihekidkarbadecbhruxesiychiwittxepahmaythiepidephytnexngxxkmainkaryingaetlakhrng bibihepahmaytxngxyuningaelaimsamarthtxbotidenuxngcakthukbngkhbihtxngkmhnahruxebuxnhnahlb michannktxngthukkrasunpun karepidephytwexngcaaetktangknipkhunxyukbsphaphkhwykalngic aerngcungic aelakarnakhxngphunakxngkalngepahmay karyingkhmmkichinkarkhumkhrxng odyenothkahndihepn karyingephuxpkpxngkxngthharemuxxyuinrayakhxngpunelkkhxngkhasuk bangkhrngeriykwa winningedxaifrifth winning the firefight sungichnganinkarptibtikarkhxngthharrabethann xyangirktam karyingkhmxaccaichkartxtankaryingelngcalxng indirect fire karpxngknphythangxakaskhxngkhasuk hruxkickrrmthangthharxun echn karkxsranghruxkarsngkalngbarung hruxkarptiesthkarekhathungphunthikhxngkhasukinrayaewlasn imehmaakbkarptibtikarinewlananenuxngcakkhxcakdinkarsngkalngbarungekhruxngkrasun karichkhwnephux kabng kartrcckarnkhxngkhasuk epnxikrupaebbkhxngkarkhmaebbimthungchiwit aelainewlaklangkhunkarichphlusngswangxacthukichephuxkhmkhwamekhluxnihwkickrrmkhxngkhasukdwykarthalaykhwammudthipkkhlumxyu karkhmsamarththaiddwyxawuthhruxklumkhxngxawuthidktamthisamarthyingidxyangtxenuxnghnaaenntamrayaewlakarkhmthikahnd karyingkhmnnmikhidkhwamsamarththiaetktangknxyangmakenuxngcakphunthithithakarkhmmikhwamaetktangkn echn krasunpunelkyawhruxpunklxacmixnuphaphthalaylangcakwithikrasunephiyngpramanhnungemtrethann inkhnathikrasunpunihyephiyngndediywxaccakhmphunthiimkiphntarangemtrrxb karaetkraebid nxkcaknikaryingkhmxyangtxenuxngcakpunelknankwaimkinathixaccathaidyakenuxngcakkhxcakddankarsngkalngbarung karsngkarkhmthangxakaskechnkn enuxngcakkhxcakderuxngkhxngnahnkinkarburrthuk trngkhamkbpunihythisamarthyingkhmipyngphunthiidxyangtxenuxngaelakinewlayawnanid wtthuprasngkhkhxngkarkhmkhuxkarhyudynhruxpxngknimihkhasuksamarthtrwckarn ying ekhluxnyay hruxptibtipharkicthangkarthharxun thicaepnkarkhdkhwang hruxaethrksum kalngkhxngfayerahruxphnthmitreraid lksnathisakhykhxngkaryingkhmkhuxcaekidkhunemuxmixanackaryingthimikhwamrunaerngephiyngphxethann karyingkhmepnyuththwithiinkarldkarbadecbaelasuyesiykhxngkalngfayediywkn aelachwyihkalngfayerasamarthptibtikaridinkhnannely echn epahmaythithukkhmcaimsamarthpathakbkxngkalngthiekhluxnthiodyprascakthikabng chwyihkxngkalngfayerasamarthekhluxnthiipyngtaaehnngihmhruxekhaiklkhasukmakkhun echn inbthkhwamkhxngnawikoythinshrth idbnthukiwwa karsuxsaraelakaryingkhmkhuxsingthithaihekhluxnihwinsnamrbid chwythaihnawikoythinidepriyb karyingkhmxacichephuxchwyepidthangihehlikhxpetxrhruxeruxsamarthcxdhruxthxnthharxxkcakekhtkarsurb xyanghlkeriykwa hot extraction odypktikaryingkhmcaichephuxkarpkpidkaryiwiskhasukinekhtkarrbrayaprachid xyangirktam karyingkhmthiyingodypunihyaela indirect fire samarthichephuxkhmepahmayidthukpraephth odyechphaaxyangyingkaryingtxtankhxngkxngrxypunihyipynghnwyyingelngcalxngkhxngkhasuk enothidihkhaniyam karkhmxawuthpxngknphythangxakaskhxngfaykhasuk suppression of enemy air defenses SEAD sungepnkarihkhacakdkhwamthikwangaelarwmipthungkarthaihyuthothpkrnekidkhwamesiyhaydwy xikkhxthisakhykhxngkarichkaryingkhmcakrabbkaryingelngcalxng echn punkhrk punihy aelapunerux aelaxakasyankhuxkarkhanungthungkhwamplxdphykhxngkxngthharthiekhaocmti karyingipyngphunthihnung nnkrasuncasrangkhwamesiyhaythungchiwitodyimeluxkfayinphunthithiekidkarkracayraebidrxbthisthang aemwarupaebbaelaphunthisngharcakhunxyukbhlaypccy aelabangkhrngekidkhuninsthankarnechphaa phlkrathbcakkaryingkhmkhuxphlthangcitwithya aethnthicaphyayamsngharkhasukodytrng karyingkhmklbthaihthharkhasukruskhkwatnimsamarththakarid idxyangplxdphynxkcakkarhathikabng sungthukeriykngay wa thaihphwkekhakmhwlng it makes them keep their heads down hrux thaihphwkekhathuktrungiw it keeps them pinned down xyangirktam khunxyukbpccyaewdlxmtang rwmipthungpraephthkhxngkrasunaelakarpxngknkhxngepahmay karyingkhmxaccathaihekidkarbadecbhruxesiychiwit hruxkhwamesiyhaytxyuthothpkrnkhxngkhasuk karyingkhmtxngmikhwamrunaerngmakphxekidkhunehnuxphunthiepahmay khwamrunaerngsngphltxhnwyinphunthiepahmayinchwngewlathithakarkhm odyichxawuthaetlapraephthsngphlaetktangknxyangmaksahrbkhidkhwamsamarthinkarkhm xyangkarichsyyanesiyngthiekidcakkaryingwithiokhngbnxakasaelaemuxkrasunkrathbepahmay inkarsngkhramyukhihm epnklyuththinkarpxngknkalngrb inhnwykhnadelkhruxhnwyyanyntsnbsnunthangthharxikhnwy phwkekhacaichklyuthth fire and movement tactic hnwyefatrwc hruxhnwysnbsnunsamarthekhayudphunthithisamarthtrwckarrphumipraethskhanghnaid odyechphaataaehnngthinacaepnthitngkhxngkhasuk sungchwyihsamarthyingkhumkhrxngxyangmiprasiththiphaphihkbhnwykhxngfayerahruxphnthmitrthicarukkhubtxipkhanghna taaehnngefatrwcthiehmaasmthisudcatxngepntaaehnngthimithikabngkhxnghnwy aelamiaenwying lines of fire thiprascaksingkidkhwang xaccaxyubnesnkhwamsungkhxnphundinhruxsnekha sungmitaaehnngihyanphahnasamarthmi hull down hakhnwythiefatrwcxyuintaaehnngyingehnuxhnwykhxngfayediywknthikalngrukkhunip catxngichkhwamramdrawngimihekidkaryingphlad odythihnwykhxngfayediywknkhwrcaxyuinrayahmdaesngkhxngkarsxngwithi rayathimxngehnkrasunsxngwithi prawtichwngsngkhramolkkhrngthihnung thuxepnkarepliynaeplngkhrngihyenuxngcakkarphthnaethkhnikhpunihyaelakarpxngkncaksnamephlaa inchwngplaypi ph s 2458 kxngkalngrbnxkpraethsbritichtrahnkwaphlcakkaryingpunihyimsamarthepidchxnginaenwsnamephlaakhxngeyxrmnhruxthalaypunihykhxngkhasukidinchwngewlawikvt phwkekhacungphthnaethkhnikhpunihysahrbyingkhmkhasukinsnamephlaasahrbepidthangihthharrabkhmpunihykhxngkhasukinrayawikvtephuxpkpxngthharrabthikalngthakarocmti hlngcaknn karkhmklayepnklyuththinkarkahndepahmaypunihykhxngshrachxanackr aemwamncathuknamaichkhrngaerkinsngkhramburkhrngthisxngktam karepidchakyingpunihyaelaekhluxnthisamarthchwykhmaenwhnadwykaryingkhumkhrxnginrsmihlayiml shrapnel shell thukichnganodykxngthphbkshrachxanackrinchakkaryingpunihyinkarocmti karyingkhmthuknamaichkbpunihykhxngkhasukthiocmtikxngthhardwykaryingelngcalxng indirect fire swnkhxngyuththwithithharrabkmikarphthnaechnediywknaelakarkhmkklaymaepnswnprakxbhlkinkar winningedxaifrifth winning the firefight sungaenwkhidnisadwkkhunemuxichpunklthimikarichngantngaetchwngkxnsngkhramolkkhrngthihnungaelakhrngthisxng xyangirktam karyingkhmdwyxawuthyingelngtrngkhxngthharrabmipraoychnxyangmakinkarkbepahmay aetthaimidrbkaryingsnbsnuncakhnwyiklekhiyngaelaichephiyngkrasunthiphkphama karyingkhmxyangtxenuxngxaccathakarkhmidephiyngimkinathiethann inkarocmtisaethinnasaethinbkchwngsngkhramolkkhrngthisxng eruxrbcaepidchakyingdwypunhlkipyngtaaehnngkhxngpunihy punkhrk hruxpunklkhxngkhasukthithrabbnfnghruxhlnghakthikalngykphlkhunephuxkhmkaryingkhxngkhasukcaktaaehnngthixaccathakaryingipyngkxngkalngthiykphlkhunbk karichxakasyanaelakarocmtithangxakasthimikarichnganmakkhunyngthaihekidkarthingraebidaelakaryingocmtiesnthangwingkhxngxakasyan sungepnwithikarthiichbxyinkarkhmkalngthangxakas khdkhwangaenw aelasrangkhwamesiyhayxyanghnkihkbkhasuk aelayngmikarichkarrwmkalngkaryingcakpunklhruxwtthuraebidthithukthinglngipyngaenwkhxngkhasuk nxkcakniyngmikarichraebidephlinginkarkhm karptiesthkarekhathungphunthi aelakarsrangphlthangcitwithyathikwangkhwang sungaenwkhidnithuknaipichinsngkhramewiydnamcakkarnaenpalmmaichngantamaenwkhiddngklawkarichxawuthnawikoythinshrth 2 naykalngyingkhumkhrxngdwypunexm 4 kharbin aelaekhruxngyinglukraebidexm 203 khnad 40 mm khnathinawikoythincak kalngchiepahmayinemuxngramadi praethsxirk ph s 2549aephnthikarocmtidwypunihyrahwangkarrbthiphasechndaelxkhrngthisxng ph s 2460 aesdngkaryingaelaekhluxnrukephuxpxngknaenwrukkhub karyingkhmsamarthyingiddwyxawuthhruxklumkhnxngxawuthidktamthisamarthyingidxyangsmaesmxtamrayakarkhmthithukkahnd karyingkhmxaccaepnkaryingelngtrnghruxyingelngcalxngkid xyangirktam khwamsamarthinkaryingkhmkhunxyukbkhwamaetktangkhxngxawuththiichnganaelakhnadphunthithithukyingkhm xawuthyingelngcalxng miwithikarhlayrupaebbinkarichpunihy aelapunkhrk punerux sahrbkaryingkhm insngkhramolkkhrngthihnung karepidchakkaryingpunihyaelaekhluxnthiipdwythuxepnwithikarpktiinkhnann lukkrasunaetkxakas shrapnel shell thukyingephuxsrangkrwykrasuniwhnathharrabthikalngrukkhubekhamadwywithikarelngyingipkhanghna 100 hlathuk sxngsamnathi ipyngphunthiswnhnahlaykiolemtrephuxsnbsnunkarocmtikhxngkxngphlhruxkxngthphnxy krasunraebidaerngsung High Explosive HE yngthuknamaichnganinsngkhramolkkhrngthisxng rwmipthungkarkhumkhrxngkarrukkhubkhxngrththngdwykaryingkhmdwyphlpuntxtanrththng xyangirktam karrwmxanackalngrbdwykarichkrasunraebidaerngsung HE txepahmayechphaaphunthierimklayepnsingthiptibtiknaephrhlaymakkhun aelakhxy ekhamaaethnkarepidchakyingdwypunihy sungkarrwmkalngyingcaerimemuxkxngkalngocmtitkxyuinsthanathiesiyngtxkarthuktiotaelaekhluxnthixxkcaktaaehnngnncnthungrayathihangphxcakepahmayaelathakaryingkhm phlcakkaryingkhmcaxyupraman 2 nathihlngcakpunihyhyudying karrwmkalngkaryingkhmdwykxngrxythharpunihy 1 kxngrxysamarthkinphunthipraman 250x250 emtr aelasamarthichsnbsnunhmwdhruxkxngrxyocmtiinkarkhmkhrngediywhruxkaryingkhmaebbtxenuxngkn sahrbkarptibtikarkhnadihy kxngrxypunihyhlaykxngrxyxaccamiepahmaycanwnmak aelaekhluxnkaryingipyngepahmaythiaetktangkniprahwangkarptibtikaryngkhngdaeninxyu aemwakrasunraebidaerngsung HE cathukichinkaryingkhmmakthisud aetkrasunmankhwnksamarthichinkaryingkhmiddwykarbdbngkartrwckarnkhxngkhasuk sngphlxyangmaktxkarichxawuthyingelngtrng inkarptibtikarsmyihmkarichkhwnimsamrthbdbngklxngsxngphaphcakkhwamrxnsmyihmid nxkcakniinptibtikarsnbsnunsntiphaph karsxngswangdwyphlurmchuchiphthuknamaichnganephuxkhdkhwangkarptibtikarkhxngfaythithasngkhram sahrbkxngrxypunihy pharkicthaysud last ditch mission thisamarthrxngkhxidkhux yingkhmchbphln immediate suppression khasngnicasngihpunihythukkrabxkinkxngrxythiekiywkhxngyingkrasunaelafiwsthibrrcuxyuthnthi sungxaccamacakpharkickhxngxikhnwyhruxsyyaneriykkhanxun khxngpharkicnn phutrwckarhnaxaccaidrbkaryingaesngcakfxsfxrskhaw hruxkaryingcakkrasunraebidthwiprasngkh DPICM hrux VT HE ipyngepahmayinlksnaediywkn xawuthyingelngtrng phlpracayanlanasngkhramphiess SWCC chuderuxphiessthi 22 kxngthpheruxshrthrahwangkarfuk krasunpunelkyawhruxpunklmiwithikrasuninkarybyngidinrayaephiynghnungemtrethann xyangirktam thngsxngaebbsamarthichsahrbyingkhmkhasukidphayinphunthielk sungeriykwa winningedxaifrifth winning the firefight karyingpunklyngsamarthyingidcakyanrbhumekraa AFV yanynt aelaxakasyan odyechphaacakehlikhxpetxraelabangkhrngcakxakasyanpiktrung echn lxkhid exsi 130 hruxpunihyxtonmti khnad 20 40 milliemtr hruxekhruxngyinglukraebidthisamarthyingelngtrngcakrththng xyangirktam dwykhxcakdinkarbrrthukkrasunthaihrabbdngklawehmasahrbkaryingthalayepahmaythithukrabutaaehnngxyangaemnya ewnaettxngkarthicayingkhminchwngewlasn inxfkanisthan mucahidinddaeplngekhruxngyingcrwdxarphici 7 sahrbichngankbehlikhxpetxrkhxngrsesiydwykarephimthxokhngbriewnplaythxcudraebid thaihekidkarepliynthisthangraebidklb thaihsamarththicayingxarphiciipyngxakasyanidcakthanxnkhwaid sungewlannosewiytidichehlikhxpetxrinkartxbotphykhukkhamcakxarphicibriewnphunthilngcxddwykaryingkhmtxtanbukhkhlcakpunkl kxngkalngrsesiyichpunsumyingdrakunxfinradbhmwdephuxrayainkaryingthiiklepnphiesssahrbkhdkhwangaelayingkhminsnamrb rwmipthunginsthankarnkarephchiyhnaxyangkrathnhnkbkxngthharkhxngkhasukduephimxangxingkhumuxsphth aelakhayxthangthhar PDF mnthlthharbkthi 16 lingkesiy PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 05 01 subkhnemux 2015 11 14 Army Doctrine Publication ADP 1 02 Terms and Military Symbols PDF Headquarters Department of the army khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 10 06 subkhnemux 2023 12 19 GHQ Artillery Notes No 4 Artillery in Offensive Operations April 1916 Suppressive Fire The Titi Tudorancea Library 2017 khumuxnksuksawichathharchay chnpithi 4 ehlathharpunihy PDF hnwybychakarrksadinaedn lingkesiy karsumocmtiaelakartxtankarsumocmti PDF swnwichathhar orngeriynnayrxyphraculcxmekla