กรดบงเกรก (bongkrek acid หรือเรียกอีกอย่างว่า กรดบงเกรกิก (bongkrekic acid)) เป็นสารพิษต่อกลไกการหายใจระดับเซลล์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดในหรือข้าวโพดที่ปนเปื้อนด้วยแบคทีเรีย เป็นไม่อิ่มตัวสูง ที่มีความเป็นพิษสูง ทนความร้อนได้ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ซึ่งไปยับยั้งเอนไซม์ (ADP/ATP translocase หรือ mitochondrial ADP/ATP carrier) ทำให้เกิดการขัดขวางไม่ให้เอทีพีออกจากไมโตคอนเดรียเพื่อให้พลังงานแก่กระบวนการเมแทบอลิซึมในส่วนที่เหลือของเซลล์ เมื่อบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อนกรดบงเกรก พิษจะมุ่งเป้าไปที่ตับ สมอง และไตเป็นหลัก โดยจะมีอาการต่าง ๆ เช่น อาเจียน ท้องร่วง ปัสสาวะไม่ออก ปวดท้อง และเหงื่อออกมากผิดปกติ การระบาดส่วนใหญ่พบในประเทศอินโดนีเซียและจีนซึ่งมีการบริโภคมะพร้าวหมักและอาหารที่ทำจากข้าวโพด
ชื่อ | |
---|---|
(2E,4Z,6R,8Z,10E,14E,17S,18E,20Z)-20-(Carboxymethyl)-6-methoxy-2,5,17-trimethyldocosa-2,4,8,10,14,18,20-heptaenedioic acid | |
ชื่ออื่น กรดบงเกรกิก (Bongkrekic acid, Bongkrekik acid) | |
เลขทะเบียน | |
| |
3D model () |
|
| |
เคมสไปเดอร์ |
|
MeSH | Bongkrekic+acid |
ผับเคม CID |
|
| |
(EPA) |
|
| |
| |
คุณสมบัติ | |
C28H38O7 | |
มวลโมเลกุล | 486.605 g·mol−1 |
ลักษณะทางกายภาพ | Odorless and colorless |
จุดหลอมเหลว | 50 ถึง 60 องศาเซลเซียส (122 ถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์; 323 ถึง 333 เคลวิน) |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa อ้างอิงกล่องข้อมูล |
ประวัติและการค้นพบ
พ.ศ. 2438 เกิดการระบาดของภาวะอาหารเป็นพิษบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย การระบาดเกิดจากการบริโภคอาหารพื้นเมืองของอินโดนีเซียที่เรียกว่า (tempe bongkrek) ซึ่งในช่วงเวลานั้นเต็มเปบงเกร็กเป็นแหล่งโปรตีนหลักในชวาเนื่องจากมีราคาไม่แพง เต็มเปบงเกร็กทำจากเนื้อมะพร้าวที่เป็นผลพลอยได้ของการสกัดกะทินำมารวมเป็นก้อนแล้วหมักด้วยเชื้อรา Rhizopus oligosporus การระบาดครั้งแรกของพิษจากเต็มเปบงเกร็กได้รับการบันทึกโดยนักวิจัยชาวดัตช์ในปี พ.ศ. 2438 อย่างไรก็ตามไม่มีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อค้นหาสาเหตุของพิษ ต่อมาในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 อินโดนีเซียประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสภาพเช่นนี้ทำให้ประชาชนบางส่วนทำเต็มเปบงเกร็กเอง แทนที่จะซื้อโดยตรงจากผู้ผลิตที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี ส่งผลให้พิษเกิดขึ้นบ่อยครั้งถึงปีละ 10 ถึง 12 ครั้ง เว กา แมร์เตินส์ (Willem Karel Mertens) และ อา เค ฟัน เฟน (Andre Gerard van Veen) นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์จาก (Lembaga Eijkman) แห่งจาการ์ตา เริ่มค้นหาสาเหตุของพิษดังกล่าวในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1930 พวกเขาระบุแหล่งที่มาของพิษได้สำเร็จว่าเป็นแบคทีเรียที่ชื่อว่า Pseudomonas cocovenenans แบคทีเรียชนิดนี้ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Burkholderia cocovenenans ทำให้เกิดการสังเคราะห์สารพิษที่เรียกว่ากรดบงเกรก แบคทีเรีย B. cocovenenans มักพบในพืชและในดินซึ่งสามารถถูกดูดซึมโดยมะพร้าวและข้าวโพด นำไปสู่การสังเคราะห์กรดบงเกรกในระหว่างการหมักอาหารดังกล่าว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา การบริโภคเต็มเปบงเกร็กที่ปนเปื้อนได้ก่อให้เกิดภาวะพิษจากกรดบงเกรกมากกว่า 3,000 ราย อัตราการเสียชีวิตที่รายงานโดยรวมในอินโดนีเซียเพิ่มเป็นร้อยละ 60 การผลิตเต็มเปบงเกร็กจึงถูกสั่งห้ามมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 เนื่องจากสถานการณ์ที่รุนแรง
การสังเคราะห์
มีความพยายามหลายครั้งในการสังเคราะห์กรดบงเกรกโดยใช้จำนวนชิ้นส่วนที่แตกต่างกัน นับตั้งแต่การสังเคราะห์กรดทั้งหมดเป็นครั้งแรกโดย (Elias James Corey) ในปี พ.ศ. 2527 ความพยายามพิเศษหนึ่งในการสังเคราะห์กรดบงเกรกเกิดขึ้นโดย (Shindo's group) จากมหาวิทยาลัยคีวชูในปี พ.ศ. 2552 ซึ่งแตกต่างจากความพยายามอื่น ๆ อย่างเช่น ความพยายามโดย (Lev's group) โดยกลุ่มวิจัยชินโดได้ใช้ชิ้นส่วนสามชิ้นในการสังเคราะห์กรดบงเกรก
ชิ้นส่วนที่ 1, 2 และ 3 ได้รับการสังเคราะห์แยกกันในห้องปฏิบัติการ หลังจากการสังเคราะห์แต่ละชิ้นส่วนที่จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์กรดบงเกรกแล้ว ขั้นตอนแรกชิ้นส่วนที่ 2 และ 3 จะถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันผ่านปฏิกริยา (Julia olefination) ที่มี (KHMDS) ได้สารตัวกลางที่เป็นผลลัพธ์ซึ่งเรียกโดยย่อว่า A ในผังด้านล่าง จากนั้นถูกเชื่อมต่อกับชิ้นส่วน 1 ผ่านปฏิกิริยาซูซูกิ (Suzuki coupling) หลังจากสร้างสารตัวกลาง B แล้ว ในที่สุดกรดบงเกรกก็ถูกสังเคราะห์โดยการปรับปรุงด้วยปฏิกริยากับเมทานอล (แอลกอฮอล์ปฐมภูมิ) โดยผ่าน (Jones reagent) และการกำจัดหมู่ป้องกันกรดของ การสังเคราะห์กรดบงเกรกครั้งแรกโดย อี.เจ. คอรีย์ ต้องใช้ถึง 32 ขั้นตอน กลุ่มวิจัยชินโดประสบความสำเร็จในการลดขั้นตอนลงเหลือ 18 ขั้นตอนโดยการใช้จูเลียโอเลฟิเนชันและอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับได้ผลผลิตที่สูงกว่าร้อยละ 6.4
กลไกการเกิดปฏิกริยา
โปรตีน (Adenine nucleotide translocator) หรือเรียกโดยย่อว่าเอเอ็นที (ANT) จะให้เอทีพีจากไมโตคอนเดรียไปยังไซโตซอลในกลไกการแลกเปลี่ยนเอดีพีในไซโตซอล (cytosolic ADP) วิธีการทำงานของกรดบงเกรกคือการขัดขวางกระบวนการขนส่งเอดีพีในไซโตซอลในเยื่อหุ้มชั้นในของไมโตคอนเดรียโดยการยับยั้งโปรตีนเอเอ็นที สิ่งที่น่าสนใจก็คือเอเอ็นทีสร้างช่องเปิดที่เยื่อหุ้มชั้นในของไมโตคอนเดรีย (mitochondrial permeability transition pore) หรือที่เรียกว่า (MPTP) กรดบงเกรกสามารถซึมผ่านเยื่อนี้และจับกับพื้นผิวของเอเอ็นที เพื่อยับยั้งการเคลื่อนย้ายของเอเอ็นที เมื่อกรดบงเกรกจับกับพื้นผิวของเอเอ็นที กรดจะสร้างพันธะไฮโดรเจนกับโปรตีนส่วนที่เหลือของเอเอ็นที ปฏิกิริยาระหว่างพันธะไฮโดรเจนส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากออกซิเจนจากชิ้นส่วนกรดคาร์บอกซิลิกของกรดบงเกรก ส่วนที่โดดเด่นที่สุดในอันตรกิริยาพันธะไฮโดรเจนมาจากอันตรกิริยากับสายโซ่ด้านข้าง Arg-197 ส่วนที่โดดเด่นอีกส่วนหนึ่งในการจับของกรดบงเกรกกับโปรตีนเอเอ็นทีคือปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิตระหว่างกรดกับหมู่อะมิโน Lys-30 ของเอเอ็นที ผลที่ตามมาคือปฏิกิริยาระหว่างพันธะไฮโดรเจนและ (โปรตีนและ) ทำให้กรดบงเกรกอยู่ที่จุดกลางของส่วนออกฤทธิ์ของเอเอ็นที ซึ่งไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
การสังเคราะห์เอทีพีในไมโตคอนเดรียจำเป็นต้องมีการขนส่งเอดีพีจากไซโตซอลไปยังเมทริกซ์ของไมโทคอนเดรียผ่านโปรตีนเอเอ็นที ซึ่งหมายความว่าเอทีพีมีบทบาทสำคัญในการให้พลังงานแก่เซลล์ตั้งแต่แรก การแลกเปลี่ยน เอดีพี/เอทีพี ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงระหว่างสถานะโครงสร้างที่แตกต่างกันสองสถานะของเอเอ็นที: สถานะไซโตซิลิก (c-state) และสถานะเมทริกซ์ (m-state) ในสถานะ c ตำแหน่งแอคทีฟของเอเอ็นทีหันไปทางไซโตซอล โดยที่มันจะดึงดูดเอดีพีในไซโตซอล และในสถานะ m ตำแหน่งแอคทีฟของเอเอ็นทีหันไปทางเมทริกซ์ของไมโตคอนเดรีย ซึ่งสามารถปล่อยเอดีพีจากไซโตซอล และดึงดูดเอทีพีที่สังเคราะห์ขึ้น ปฏิกิริยาระหว่างกรดบงเกรกกับเอเอ็นทีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเอเอ็นที กรดบงเกรกล็อกให้เอเอ็นทีอยู่ในสถานะ m โครงสร้างของ กรดบงเกรก-เอเอ็นที แสดงให้เห็นว่ามีโปรตีนผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ชนิดเกลียวอัลฟา (transmembrane alpha helices) 6 อันปกคลุมบริเวณเกิดปฏิกริยาของเอเอ็นที เพื่อป้องกันการจับกันของนิวคลีโอไทด์ของ ซึ่งหมายความว่าเอเอ็นทีไม่สามารถรับเอดีพีจากไซโตซอลได้ ส่งผลให้ไม่สามารถสังเคราะห์เอทีพีได้ในที่สุด
อาการจากพิษและการรักษา
หลังจากการบริโภคอาหารที่ทำจากข้าวโพดหรือมะพร้าวที่ปนเปื้อนกรดบงเกรก คาดว่าระยะเวลาแฝงจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 10 ชั่วโมง อาการพิษจากกรดบงเกรกเหมือนกับสารพิษต่อไมโตคอนเดรียอื่น ๆ อาการทั่วไปของพิษจากกรดบงเกรก ได้แก่ เวียนศีรษะ ง่วงซึม เหงื่อออกมาก ใจสั่น ปวดท้อง อาเจียน ท้องร่วง ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด และปัสสาวะไม่ออก การเสียชีวิตมักเกิดขึ้นหลังจาก 1 ถึง 20 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการพิษจากกรดบงเกรก อาการที่พบบ่อยอีกประการหนึ่งของพิษกรดบงเกรกคือปวดแขนขา ในรายงานกรณีพิษจากกรดบงเกรกครั้งแรกในแอฟริกา มีรายงานว่าผู้คน 12 จาก 17 คนมีอาการปวดแขนขาเป็นอาการหลักอย่างหนึ่ง ปริมาณอันตรายถึงชีวิตสำหรับมนุษย์อาจต่ำเพียง 1 ถึง 1.5 มิลลิกรัม และอีกแหล่งข้อมูลยังระบุด้วยว่า LD50 ทางปากคือ 3.16 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม
เนื่องจากขาดการศึกษาเกี่ยวกับของกรดบงเกรก จึงไม่มีการรักษาหรือยาแก้พิษเฉพาะสำหรับกรดบงเกรก วิธีปฏิบัติที่ใช้โดยทั่วไปในการรักษาพิษจากกรดบงเกรกคือการกำจัดสารพิษที่ไม่ถูกดูดซึมโดยโปรตีนอะดีนีนนิวคลีโอไทด์ทรานส์โลเคส (ANT) และให้การรักษาที่จำเพาะต่ออาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ เนื่องจากขาดการรักษาเฉพาะและยาแก้พิษ ช่วงเวลาจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นกลับจากผลกระทบทางสรีรวิทยาที่รุนแรง
อ้างอิง
- Garcia, R. A.; Hotchkiss, J. H.; Steinkraus, K. H. (1999). "The Effect of Lipids on Bongkrekic (Bongkrek) Acid Toxin Production by Burkholderia cocovenenans in Coconut Media". Food Additives and Contaminants. 16 (2): 63–69. doi:10.1080/026520399284217. PMID 10435074.
- Henderson, P. J. F.; Lardy, H. A. (1970). "Bongkrekic Acid: An Inhibitor of Adenine Nucleotide Translocase of Mitochondria" (PDF). . 245 (6): 1319–1326. doi:10.1016/S0021-9258(18)63238-7. PMID 4245638. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-31. สืบค้นเมื่อ 2013-01-20.
- De Bruijn, J.; Frost, D. J.; Nugteren, D. H.; Gaudemer, A.; Lijmbach, G. W. M.; Cox, H. C.; Berends, W. (1973). "Structure of Bongkrekic Acid". . 29 (11): 1541–1547. doi:10.1016/S0040-4020(01)83395-0.
- Anwar, Mehruba; Kasper, Amelia; Steck, Alaina R.; Schier, Joshua G. (มิถุนายน 2017). "Bongkrekic Acid—a Review of a Lesser-Known Mitochondrial Toxin". Journal of Medical Toxicology. 13 (2): 173–179. doi:10.1007/s13181-016-0577-1. ISSN 1556-9039. PMC 5440313. PMID 28105575.
- Toxicants Occurring Naturally in Foods. National Academy of Sciences. 1973. p. 472. ISBN .
- Riyanto, Rifqi Ahmad (2019). "A Short Review of Bongkrek Acid In Food Safety Perspective" (PDF). Food ScienTech Journal. 1 (2): 65–68. doi:10.33512/fsj.vli2.6427. ISSN 2685-4279. สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2023.
- Corey, E. J.; Tramontano, Alfonso (มกราคม 1984). "Total synthesis of bongkrekic acid". Journal of the American Chemical Society. 106 (2): 462–463. doi:10.1021/ja00314a056.
- Francais, Antoine; Leyva, Antonio; Etxebarria-Jardi, Gorka; Ley, Steven V. (15 มกราคม 2010). "Total Synthesis of the Anti-Apoptotic Agents Iso- and Bongkrekic Acids". Organic Letters. 12 (2): 340–343. doi:10.1021/ol902676t.
- Sato, Yukiko; Aso, Yoshifumi; Shindo, Mitsuru (กรกฎาคม 2009). "Efficient synthesis of bongkrekic acid. Three-component convergent strategy". Tetrahedron Letters. 50 (28): 4164–4166. doi:10.1016/j.tetlet.2009.04.129.
- Li, Hongmei; Liang, Zhen; Li, Ying; Wen, Jiazhen; Zhang, Rong (กุมภาพันธ์ 2023). "Molecular docking and molecular dynamics simulation study on the toxicity mechanism of bongkrekic acid". Toxicon. 223: 107021. doi:10.1016/j.toxicon.2023.107021.
- Temkin, Vladislav; Huang, Qiquan; Liu, Hongtao; Osada, Hiroyuki; Pope, Richard M. (1 มีนาคม 2006). "Inhibition of ADP/ATP Exchange in Receptor-Interacting Protein-Mediated Necrosis". Molecular and Cellular Biology. 26 (6): 2215–2225. doi:10.1128/MCB.26.6.2215-2225.2006. PMC 1430284.
- Huang, Qingyu; Wu, Zhentian (2021). "Safe Eating of Fermented Corn and Coconut Food: Mechanism, Clinical Manifestations and Inhibition of Food Poisoning Involved in Bongkrekic Acid". E3S Web of Conferences. 267: 02075. doi:10.1051/e3sconf/202126702075.
- Yuan, Yuan; Gao, Rui; Liang, Qiang; Song, Li; Huang, Jun; Lang, Nan; Zhou, Jing (18 ธันวาคม 2020). "A Foodborne Bongkrekic Acid Poisoning Incident — Heilongjiang Province, 2020". China CDC Weekly. 2 (51): 975–978. doi:10.46234/ccdcw2020.264. PMC 8393157.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
krdbngekrk bongkrek acid hruxeriykxikxyangwa krdbngekrkik bongkrekic acid epnsarphistxklikkarhayicradbesll sungepnphlitphnththiekidinhruxkhawophdthipnepuxndwyaebkhthieriy epnimximtwsung thimikhwamepnphissung thnkhwamrxnid immisi immiklin sungipybyngexnism ADP ATP translocase hrux mitochondrial ADP ATP carrier thaihekidkarkhdkhwangimihexthiphixxkcakimotkhxnedriyephuxihphlngnganaekkrabwnkaremaethbxlisuminswnthiehluxkhxngesll emuxbriophkhxaharthimikarpnepuxnkrdbngekrk phiscamungepaipthitb smxng aelaitepnhlk odycamixakartang echn xaeciyn thxngrwng pssawaimxxk pwdthxng aelaehnguxxxkmakphidpkti karrabadswnihyphbinpraethsxinodniesiyaelacinsungmikarbriophkhmaphrawhmkaelaxaharthithacakkhawophdkrdbngekrk chux 2E 4Z 6R 8Z 10E 14E 17S 18E 20Z 20 Carboxymethyl 6 methoxy 2 5 17 trimethyldocosa 2 4 8 10 14 18 20 heptaenedioic acidchuxxun krdbngekrkik Bongkrekic acid Bongkrekik acid elkhthaebiynelkhthaebiyn CAS 11076 19 0 Y3D model rupphaphaebbottxbrupphaphaebbottxbCHEBI 77742 Nekhmsipedxr 4938689 2E 4E 8E 10E 14E 18E 20E Y4529223 2E 4Z 8Z 10E 14E 18E 20Z Y23764 6R 17S Y2329 YMeSH Bongkrekic acidphbekhm CID 25463 6R 17S 2423 L7V4I673D2 Y EPA DTXSID00894840InChI 1S C28H38O7 c1 21 15 18 24 19 26 29 30 20 27 31 32 13 11 9 7 5 6 8 10 12 14 25 35 4 22 2 16 17 23 3 28 33 34 h6 8 12 15 19 21 25H 5 7 13 14 20H2 1 4H3 H 29 30 H 31 32 H 33 34 NKey SHCXABJSXUACKU UHFFFAOYSA N NInChI 1 C28H38O7 c1 21 15 18 24 19 26 29 30 20 27 31 32 13 11 9 7 5 6 8 10 12 14 25 35 4 22 2 16 17 23 3 28 33 34 h6 8 12 15 19 21 25H 5 7 13 14 20H2 1 4H3 H 29 30 H 31 32 H 33 34 b8 6 11 9 12 10 18 15 22 16 23 17 24 19 t21 25 m0 s1Key SHCXABJSXUACKU WUTQZGRKBGInChI 1S C28H38O7 c1 21 15 18 24 19 26 29 30 20 27 31 32 13 11 9 7 5 6 8 10 12 14 25 35 4 22 2 16 17 23 3 28 33 34 h6 8 12 15 19 21 25H 5 7 13 14 20H2 1 4H3 H 29 30 H 31 32 H 33 34 b8 6 11 9 12 10 18 15 22 16 23 17 24 19 t21 25 m0 s1Key SHCXABJSXUACKU WUTQZGRKSA NCOC CC CC CCCC CCC C C CC CC O O CC O O C C CC C C C O OO C O C C C C C C H OC C C C C C CC C C C C H C C C C C O O CC O O C Ckhunsmbtisutrekhmi C 28H 38O 7mwlomelkul 486 605 g mol 1lksnathangkayphaph Odorless and colorlesscudhlxmehlw 50 thung 60 xngsaeslesiys 122 thung 140 xngsafaerniht 323 thung 333 ekhlwin hakmiidrabuepnxun khxmulkhangtnnikhuxkhxmulsar n phawamatrthanthi 25 C 100 kPa xangxingklxngkhxmulprawtiaelakarkhnphbph s 2438 ekidkarrabadkhxngphawaxaharepnphisbnekaachwa praethsxinodniesiy karrabadekidcakkarbriophkhxaharphunemuxngkhxngxinodniesiythieriykwa tempe bongkrek sunginchwngewlannetmepbngekrkepnaehlngoprtinhlkinchwaenuxngcakmirakhaimaephng etmepbngekrkthacakenuxmaphrawthiepnphlphlxyidkhxngkarskdkathinamarwmepnkxnaelwhmkdwyechuxra Rhizopus oligosporus karrabadkhrngaerkkhxngphiscaketmepbngekrkidrbkarbnthukodynkwicychawdtchinpi ph s 2438 xyangirktamimmikarwicyephimetimephuxkhnhasaehtukhxngphis txmainchwngkhristthswrrs 1930 xinodniesiyprasbphawaesrsthkictktainsphaphechnnithaihprachachnbangswnthaetmepbngekrkexng aethnthicasuxodytrngcakphuphlitthiphankarfukxbrmmaxyangdi sngphlihphisekidkhunbxykhrngthungpila 10 thung 12 khrng ew ka aemretins Willem Karel Mertens aela xa ekh fn efn Andre Gerard van Veen nkwithyasastrchawdtchcak Lembaga Eijkman aehngcakarta erimkhnhasaehtukhxngphisdngklawinchwngtnkhristthswrrs 1930 phwkekharabuaehlngthimakhxngphisidsaercwaepnaebkhthieriythichuxwa Pseudomonas cocovenenans aebkhthieriychnidnisungmichuxeriykxikxyangwa Burkholderia cocovenenans thaihekidkarsngekhraahsarphisthieriykwakrdbngekrk aebkhthieriy B cocovenenans mkphbinphuchaelaindinsungsamarththukdudsumodymaphrawaelakhawophd naipsukarsngekhraahkrdbngekrkinrahwangkarhmkxahardngklaw tngaetpi ph s 2518 epntnma karbriophkhetmepbngekrkthipnepuxnidkxihekidphawaphiscakkrdbngekrkmakkwa 3 000 ray xtrakaresiychiwitthiraynganodyrwminxinodniesiyephimepnrxyla 60 karphlitetmepbngekrkcungthuksnghammatngaetpi ph s 2531 enuxngcaksthankarnthirunaerngkarsngekhraahmikhwamphyayamhlaykhrnginkarsngekhraahkrdbngekrkodyichcanwnchinswnthiaetktangkn nbtngaetkarsngekhraahkrdthnghmdepnkhrngaerkody Elias James Corey inpi ph s 2527 khwamphyayamphiesshnunginkarsngekhraahkrdbngekrkekidkhunody Shindo s group cakmhawithyalykhiwchuinpi ph s 2552 sungaetktangcakkhwamphyayamxun xyangechn khwamphyayamody Lev s group odyklumwicychinodidichchinswnsamchininkarsngekhraahkrdbngekrk phngodyrwmkhxngkarsngekhraahkrdbngekrkodyklumchinod inpi ph s 2552 chinswnthi 1 2 aela 3 idrbkarsngekhraahaeykkninhxngptibtikar hlngcakkarsngekhraahaetlachinswnthicaepnsahrbkarsngekhraahkrdbngekrkaelw khntxnaerkchinswnthi 2 aela 3 cathukechuxmtxekhadwyknphanptikriya Julia olefination thimi KHMDS idsartwklangthiepnphllphthsungeriykodyyxwa A inphngdanlang caknnthukechuxmtxkbchinswn 1 phanptikiriyasusuki Suzuki coupling hlngcaksrangsartwklang B aelw inthisudkrdbngekrkkthuksngekhraahodykarprbprungdwyptikriyakbemthanxl aexlkxhxlpthmphumi odyphan Jones reagent aelakarkacdhmupxngknkrdkhxng karsngekhraahkrdbngekrkkhrngaerkody xi ec khxriy txngichthung 32 khntxn klumwicychinodprasbkhwamsaercinkarldkhntxnlngehlux 18 khntxnodykarichcueliyoxelfienchnaelaxyangmiprasiththiphaph phrxmkbidphlphlitthisungkwarxyla 6 4 karsngekhraahkrdbngekrkodyklumchinod ph s 2552klikkarekidptikriyaoprtin Adenine nucleotide translocator hruxeriykodyyxwaexexnthi ANT caihexthiphicakimotkhxnedriyipyngisotsxlinklikkaraelkepliynexdiphiinisotsxl cytosolic ADP withikarthangankhxngkrdbngekrkkhuxkarkhdkhwangkrabwnkarkhnsngexdiphiinisotsxlineyuxhumchninkhxngimotkhxnedriyodykarybyngoprtinexexnthi singthinasnickkhuxexexnthisrangchxngepidthieyuxhumchninkhxngimotkhxnedriy mitochondrial permeability transition pore hruxthieriykwa MPTP krdbngekrksamarthsumphaneyuxniaelacbkbphunphiwkhxngexexnthi ephuxybyngkarekhluxnyaykhxngexexnthi emuxkrdbngekrkcbkbphunphiwkhxngexexnthi krdcasrangphnthaihodrecnkboprtinswnthiehluxkhxngexexnthi ptikiriyarahwangphnthaihodrecnswnihyekidkhuncakxxksiecncakchinswnkrdkharbxksilikkhxngkrdbngekrk swnthioddednthisudinxntrkiriyaphnthaihodrecnmacakxntrkiriyakbsayosdankhang Arg 197 swnthioddednxikswnhnunginkarcbkhxngkrdbngekrkkboprtinexexnthikhuxptikiriyaiffasthitrahwangkrdkbhmuxamion Lys 30 khxngexexnthi phlthitammakhuxptikiriyarahwangphnthaihodrecnaela oprtinaela thaihkrdbngekrkxyuthicudklangkhxngswnxxkvththikhxngexexnthi sungipybyngkarthangankhxngexnism karsngekhraahexthiphiinimotkhxnedriycaepntxngmikarkhnsngexdiphicakisotsxlipyngemthrikskhxngimothkhxnedriyphanoprtinexexnthi sunghmaykhwamwaexthiphimibthbathsakhyinkarihphlngnganaekeslltngaetaerk karaelkepliyn exdiphi exthiphi khunxyukbkarepliynaeplngrahwangsthanaokhrngsrangthiaetktangknsxngsthanakhxngexexnthi sthanaisotsilik c state aelasthanaemthriks m state insthana c taaehnngaexkhthifkhxngexexnthihnipthangisotsxl odythimncadungdudexdiphiinisotsxl aelainsthana m taaehnngaexkhthifkhxngexexnthihnipthangemthrikskhxngimotkhxnedriy sungsamarthplxyexdiphicakisotsxl aeladungdudexthiphithisngekhraahkhun ptikiriyarahwangkrdbngekrkkbexexnthithaihekidkarepliynaeplngokhrngsrangkhxngexexnthi krdbngekrklxkihexexnthixyuinsthana m okhrngsrangkhxng krdbngekrk exexnthi aesdngihehnwamioprtinphaneyuxhumesllchnidekliywxlfa transmembrane alpha helices 6 xnpkkhlumbriewnekidptikriyakhxngexexnthi ephuxpxngknkarcbknkhxngniwkhlioxithdkhxng sunghmaykhwamwaexexnthiimsamarthrbexdiphicakisotsxlid sngphlihimsamarthsngekhraahexthiphiidinthisudxakarcakphisaelakarrksahlngcakkarbriophkhxaharthithacakkhawophdhruxmaphrawthipnepuxnkrdbngekrk khadwarayaewlaaefngcaxyurahwang 1 thung 10 chwomng xakarphiscakkrdbngekrkehmuxnkbsarphistximotkhxnedriyxun xakarthwipkhxngphiscakkrdbngekrk idaek ewiynsirsa ngwngsum ehnguxxxkmak icsn pwdthxng xaeciyn thxngrwng thayepneluxd pssawaepneluxd aelapssawaimxxk karesiychiwitmkekidkhunhlngcak 1 thung 20 chwomnghlngerimmixakarphiscakkrdbngekrk xakarthiphbbxyxikprakarhnungkhxngphiskrdbngekrkkhuxpwdaekhnkha inrayngankrniphiscakkrdbngekrkkhrngaerkinaexfrika miraynganwaphukhn 12 cak 17 khnmixakarpwdaekhnkhaepnxakarhlkxyanghnung primanxntraythungchiwitsahrbmnusyxactaephiyng 1 thung 1 5 millikrm aelaxikaehlngkhxmulyngrabudwywa LD50 thangpakkhux 3 16 millikrm txnahnktwepnkiolkrm enuxngcakkhadkarsuksaekiywkbkhxngkrdbngekrk cungimmikarrksahruxyaaekphisechphaasahrbkrdbngekrk withiptibtithiichodythwipinkarrksaphiscakkrdbngekrkkhuxkarkacdsarphisthiimthukdudsumodyoprtinxadininniwkhlioxithdthransolekhs ANT aelaihkarrksathicaephaatxxakarthiphupwyepnxyu enuxngcakkhadkarrksaechphaaaelayaaekphis chwngewlacungepnpccythisakhyxyangyinginkarfunklbcakphlkrathbthangsrirwithyathirunaerngxangxingGarcia R A Hotchkiss J H Steinkraus K H 1999 The Effect of Lipids on Bongkrekic Bongkrek Acid Toxin Production by Burkholderia cocovenenans in Coconut Media Food Additives and Contaminants 16 2 63 69 doi 10 1080 026520399284217 PMID 10435074 Henderson P J F Lardy H A 1970 Bongkrekic Acid An Inhibitor of Adenine Nucleotide Translocase of Mitochondria PDF 245 6 1319 1326 doi 10 1016 S0021 9258 18 63238 7 PMID 4245638 ekb PDF cakaehlngedimemux 2020 10 31 subkhnemux 2013 01 20 De Bruijn J Frost D J Nugteren D H Gaudemer A Lijmbach G W M Cox H C Berends W 1973 Structure of Bongkrekic Acid 29 11 1541 1547 doi 10 1016 S0040 4020 01 83395 0 Anwar Mehruba Kasper Amelia Steck Alaina R Schier Joshua G mithunayn 2017 Bongkrekic Acid a Review of a Lesser Known Mitochondrial Toxin Journal of Medical Toxicology 13 2 173 179 doi 10 1007 s13181 016 0577 1 ISSN 1556 9039 PMC 5440313 PMID 28105575 Toxicants Occurring Naturally in Foods National Academy of Sciences 1973 p 472 ISBN 978 0 309 02117 3 Riyanto Rifqi Ahmad 2019 A Short Review of Bongkrek Acid In Food Safety Perspective PDF Food ScienTech Journal 1 2 65 68 doi 10 33512 fsj vli2 6427 ISSN 2685 4279 subkhnemux 29 emsayn 2023 Corey E J Tramontano Alfonso mkrakhm 1984 Total synthesis of bongkrekic acid Journal of the American Chemical Society 106 2 462 463 doi 10 1021 ja00314a056 Francais Antoine Leyva Antonio Etxebarria Jardi Gorka Ley Steven V 15 mkrakhm 2010 Total Synthesis of the Anti Apoptotic Agents Iso and Bongkrekic Acids Organic Letters 12 2 340 343 doi 10 1021 ol902676t Sato Yukiko Aso Yoshifumi Shindo Mitsuru krkdakhm 2009 Efficient synthesis of bongkrekic acid Three component convergent strategy Tetrahedron Letters 50 28 4164 4166 doi 10 1016 j tetlet 2009 04 129 Li Hongmei Liang Zhen Li Ying Wen Jiazhen Zhang Rong kumphaphnth 2023 Molecular docking and molecular dynamics simulation study on the toxicity mechanism of bongkrekic acid Toxicon 223 107021 doi 10 1016 j toxicon 2023 107021 Temkin Vladislav Huang Qiquan Liu Hongtao Osada Hiroyuki Pope Richard M 1 minakhm 2006 Inhibition of ADP ATP Exchange in Receptor Interacting Protein Mediated Necrosis Molecular and Cellular Biology 26 6 2215 2225 doi 10 1128 MCB 26 6 2215 2225 2006 PMC 1430284 Huang Qingyu Wu Zhentian 2021 Safe Eating of Fermented Corn and Coconut Food Mechanism Clinical Manifestations and Inhibition of Food Poisoning Involved in Bongkrekic Acid E3S Web of Conferences 267 02075 doi 10 1051 e3sconf 202126702075 Yuan Yuan Gao Rui Liang Qiang Song Li Huang Jun Lang Nan Zhou Jing 18 thnwakhm 2020 A Foodborne Bongkrekic Acid Poisoning Incident Heilongjiang Province 2020 China CDC Weekly 2 51 975 978 doi 10 46234 ccdcw2020 264 PMC 8393157