บทความนี้ไม่มีจาก |
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Edward II of England; 25 เมษายน ค.ศ. 1284 – 21 กันยายน ค.ศ. 1327) พระนามเดิมคือ เอ็ดเวิร์ดแห่งคายร์นาร์ฟอน (อังกฤษ: Edward of Caernarfon) เป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทของราชอาณาจักรอังกฤษ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ | |
---|---|
พระมหากษัตริย์อังกฤษ | |
ครองราชย์ | 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 – 20 มกราคม ค.ศ. 1327 |
รัชสมัย | 20 ปี |
ราชาภิเษก | 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1308 |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ |
พระราชสมภพ | 25 เมษายน ค.ศ. 1284 ปราสาทคาร์นาร์ฟอน เกว็นเน็ด เวลส์ |
สวรรคต | 21 กันยายน ค.ศ. 1327 (43 ปี) ปราสาทบาร์คลีย์ กลอสเตอร์เชอร์ อังกฤษ |
พระอัครมเหสี | อิซาเบลลาแห่งฝรั่งเศส |
พระราชบุตร | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ |
ราชวงศ์ | แพลนทาเจเน็ท |
พระราชบิดา | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ |
พระราชมารดา | เลโอนอร์แห่งกัสติยา |
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1284 ที่ปราสาทคาร์นาร์ฟอน เกว็นเน็ด เวลส์ เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 และ สมเด็จพระราชินีเลโอนอร์แห่งอังกฤษ ทรงเสกสมรสกับสมเด็จพระราชินีอิซาเบลลาแห่งอังกฤษ และทรงราชย์ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 จนจนกระทั่งถูกปลดจากราชบัลลังก์เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1327 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1327 ที่ปราสาทบาร์คลีย์ กลอสเตอร์เชอร์ อังกฤษ การที่พระองค์ทรงละเลยขุนนางผู้มีอำนาจไปเข้ากับผู้ที่ทรงโปรดปรานทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองและในที่สุดก็ทรงถูกปลดจากการครองราชย์และปลงพระชนม์ในที่สุด พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นฆาตกรและข้อกล่าวหาที่เป็นผู้ที่รักเพศเดียวกัน
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกที่ก่อตั้งวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ทรงก่อตั้ง (King's Hall) เมื่อปี ค.ศ. 1317 และวิทยาลัยโอเรียล (Oriel College) ของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดในปี ค.ศ. 1326 วิทยาลัยทั้งสองเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3พระราชโอรส ผู้ทรงพระราชทานเอกสารประกาศการก่อตั้ง (charter) ให้แก่วิทยาลัยโอเรียลอีกครั้งในปี ค.ศ. 1327 และวิทยาลัยคิงส์ฮอลอีกครั้งใน ปี ค.ศ. 1337
เจ้าชายแห่งเวลส์
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เป็นพระราชโอรสองค์ที่สี่ในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 และ สมเด็จพระราชินีเลโอนอร์แห่งอังกฤษพระมเหสีองค์แรก เสด็จพระราชสมภพที่ปราสาทคาร์นาร์ฟอน เกว็นเน็ด เวลส์ และเป็นเจ้าชายอังกฤษองค์แรกที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ซึ่งได้รับการอนุมัติเป็นทางการโดยรัฐสภาลิงคอล์นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1301
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 กลายมาเป็นรัชทายาทเมื่อพระชนมายุเพื่งได้ไม่กี่เดือนหลังจากที่ พระเชษฐาสิ้นพระชนม์ พระราชบิดาทรงเป็นนักรบที่กล้าหาญทรงฝึกเอ็ดเวิร์ดในยุทธิวิธีการสงครามและการปกครองด้วยพระองค์เองตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ สิ่งที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ทรงทำในสมัยนั้นถือกันว่าเป็นงานที่ต่ำต้อยกว่าที่ควรของพระองค์
กล่าวกันว่าสาเหตุที่ทรงมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมเพราะความกดดันจาการเลี้ยงดูของพระราชบิดา พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ทรงร่วมเดินทางไปในการรณรงค์กับชาวสกอต แต่แม้ว่าจะทรงเข้าร่วมการสงคราม ก็มิได้ทำให้เปลื่ยนพระนิสัยที่ทรงเป็นผู้ชอบการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ้งเฟ้อซึ่งทรงดำเนินเช่นนั้นจนตลอดพระชนมายุ[] พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ทรงขับเพียร์ส เกฟสตัน (Piers Gaveston) ขุนนางจากแกสโคนีในฝรั่งเศสผู้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเอ็ดเวิร์ดจากราชสำนักเมื่อเอ็ดเวิร์ดพยายามมอบตำแหน่งที่เป็นตำแหน่งสำหรับเจ้านายเท่านั้นให้กับเพียร์ส
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 เสด็จสวรรคตระหว่างการเดินทางไปรณรงค์ในสงครามกับชาวสกอตอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 ก่อนที่จะสวรรคตมีพระราชโองการให้เอ็ดเวิร์ดให้ต้มร่างของพระองค์ให้เหลือแต่กระดูกและนำเดินทัพต่อจนกว่าชาวสกอตจะพ่ายแพ้ เอ็ดเวิร์ดมิได้ทรงทำตามพระราชโองการแต่นำพระราชบิดากลับไปฝังที่เวสท์มินสเตอร์แอบบี โดยมีคำจารึกว่า “นี่คือร่างของเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ผู้ปราบชาวสกอต” (Here lies Edward I, the Hammer of the Scots) (Hudson & Clark 1978:46) หลังจากนั้นเอ็ดเวิร์ดก็เรียกเพียร์ส เกฟสตันกลับมายังราชสำนัก และทรงถอยทัพกลับจากการรณรงค์สกอตแลนด์ในปีเดียวกัน
สงครามกับขุนนาง
เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เสด็จไปโบลอยน์เซอร์แมร์ในฝรั่งเศสเพื่อเสกสมรสกับอิสซาเบลลา ทรงทิ้งให้เพียร์ส เกฟสตันพระสหายและที่ปรึกษาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นอกจากนั้นก็ทรงแต่งตั้งให้เป็นเอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์และมอบมาร์กาเร็ตแห่งกลอสเตอร์พระนัดดาให้เป็นภรรยา
กลุ่มขุนนางไม่พอใจกับการกระทำของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและไม่ชอบเกฟสตัน จึงพยายามหาทางขับเกฟสตันออกจากราชสำนักโดยร่วมกันออกกฎบัตร ค.ศ. 1311 (Ordinances of 1311) ที่จำกัดอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงเรียกตัวเกฟสตันกลับ แต่ในปี ค.ศ. 1312 เกฟสตันก็ถูกสังหารโดยเอิร์ลแห่งแลงคาสเตอร์และพรรคพวกโดยกล่าวอ้างว่าเกฟสตันนำพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไปในทางที่ผิด เกฟสตันถูกไล่ตามและสังหารที่หมู่บ้านลีค วูตันซึ่งในปัจจุบันยังมีอนุสรณ์ชื่อ เกฟสตันครอสตั้งอยู่
หลังจากเกฟสตันถูกสังหารพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงพยายามทำลายผู้เป็นศัตรูต่อพระองค์ ระหว่างนั้นกลุ่มขุนนางที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ก็อ่อนตัวลง พอถึงกลางเดือนกรกฎาคม อายเมอร์ เดอ วาเล็นซ์ เอิร์ลแห่งเพ็มโบรคที่ 2 ก็ถวายคำแนะนำให้ประกาศสงครามกับขุนนาง ขุนนางผู้ที่ไม่อยากเสี่ยงชีวิตอีกต่อไปจึงยอมทำการเจรจากับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดในปี ค.ศ. 1312 ในเดือนตุลาคม เอิร์ลแห่งแลงคาสเตอร์, วอริค, อารันเดล และ แฮระฟอร์ด ก็ขอพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด
ความขัดแย้งกับสกอตแลนด์
ในช่วงเวลานี้ (Robert the Bruce) แห่งสกอตแลนด์ก็ได้รับชัยชนะและยึดดินแดนที่ละเล็กทีละน้อยคืนจากอังกฤษ โรเบิร์ต บรูซยึดดินแดนที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ได้ไปจากสกอตแลนด์ระหว่างปี ค.ศ. 1307 ถึงปี ค.ศ. 1314 กลับคืนมากกว่าที่พระองค์ยึดไป ชัยชนะของโรเบิร์ต บรูซมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่นการใช้กองกำลังย่อยดักโจมตีกองทัพอังกฤษ และยึดปราสาทต่างๆ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งหลัก นอกจากนั้นก็ยังใช้ภูมิศาสตร์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเป็นอาวุธโดยใช้วิธีโจมตีอย่างรวดเร็วแล้วถอยหนีขึ้นเนินไปก่อนที่กองกำลังหนุนจะมาสมทบ โรเบิร์ต บรูซยึดปราสาททีละแห่งและรวมตระกูลต่างๆ ในสกอตแลนด์เข้าด้วยกันเพื่อต่อสู้กับอังกฤษผู้เป็นศัตรูร่วมกัน เชื่อกันว่าโรเบิร์ตเคยกล่าวว่ามีความกลัวพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ที่สวรรคตไปแล้วมากกว่าที่จะกลัวพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ที่ยังมีชีวิตอยู่ ภายในปี ค.ศ. 1314 อังกฤษก็มีปราสาทเหลือเพียงสองแห่งในบริเวณสกอตแลนด์ -- ปราสาทเสตอร์ลิง และ ปราสาทเบอร์วิค
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1314 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 และกองทัพที่มีกำลังทหารราบทั้งสิ้น 20,000 คนและทหารม้าอีกราว 2000 ถึง 3000 คนก็ยกขึ้นไปปราบการแข็งข้อที่สกอตแลนด์ กองทัพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมาพบกับกองทัพของโรเบิร์ต บรูซที่ใช้หอกยาว 14 ฟุตเป็นอาวุธ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงทราบการที่จะรักษาสกอตแลนด์ไว้ในมืออังกฤษได้ อังกฤษต้องรักษาปราสาทเสตอร์ลิง แต่ปราสาทก็ถูกล้อมอยู่เสมอ เซอร์ฟิลลิป เดอ โมว์เบรย์ แม่ทัพฝ่ายอังกฤษผู้มีหน้าที่รักษาปราสาทเสตอร์ลิงแจ้งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดว่าจะยอมแพ้แก่สกอตนอกจากว่าพระองค์จะเสด็จมาช่วยป้องกันปราสาทเสตอร์ลิงภายในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1314 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ทรงสามารถที่จะยอมเสียปราสาทเสตอร์ลิงให้แก่สกอตแลนด์ได้ จึงทรงรวบรวมกองทัพใหญ่ขึ้นไปสกอตแลนด์เพื่อจะขับไล่ผู้ล้อมปราสาทเสตอร์ลิงและดึงให้ทหารสกอตออกไปต่อสู้กันกลางทุ่ง
แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงทำผิดตรงที่ทรงคิดว่าจำนวนทหารในกองทัพของพระองค์ที่มีจำนวนเหนือกว่ากองทัพของโรเบิร์ต บรูซเป็นหลายเท่าเพียงอย่างเดียวจะมีความแข็งแกร่งพอที่กำจัดโรเบิร์ต บรูซได้อย่างง่ายดายแต่ก็เป็นการคาดที่ผิด โรเบิร์ต บรูซได้เปรียบกว่าตรงที่ได้รับการเตือนล่วงหน้าถึงการเดินทัพมาสกอตแลนด์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด และทราบแม้กระทั่งว่าจะพระองค์จะมาถึงวันใด โรเบิร์ตมีเวลาพอที่จะเลือกบริเวณที่จะต่อสู้ที่จะได้เปรียบกว่าทั้งในให้ความอำนวยในกลยุทธ์และการยุทธศาสตร์ เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเดินทัพขึ้นมาถึงเส้นทางสายหลักเข้าสู่สเตอร์ลิง โรเบิร์ตวางกองกำลังขนาบสองข้างเส้นทางทางด้านเหนือ อีกกองหนึ่งในป่า และอีกกองหนึ่งตรงโค้งแม่น้ำซึ่งเป็นจุดที่กองทัพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมองเห็นได้ยาก นอกจากนั้นโรเบิร์ตก็ยังสั่งให้ขุดหลุมไว้ทั่วไปแล้วกลบด้วยใบไม้กิ่งไม้เพื่อให้เป็นอุปสรรคต่อกองทหารม้า
ฝ่ายพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมิได้ทรงคิดการณ์ล่วงหน้าและเตรียมตัวการต่อสู้เช่นเดียวกับโรเบิร์ต บรูซ แม้แต่การเรียกทหารก็มิได้ทรงออกหมายเกณฑ์จนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1314 ทหารของพระองค์จึงไม่มีเวลาฝึกทำและขาดวินัย ความพ่ายแพ้ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ (Battle of Bannockburn) ถือกันโดยนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยว่าเป็นการพ่ายแพ้ศึกที่ยับเยินที่สุดของอังกฤษตั้งแต่ (Battle of Hastings) ในปี ค.ศ. 1066 เป็นต้นมา เมื่อฝ่ายอังกฤษในขณะนั้นนำโดยพระเจ้าฮาโรลด์ กอดวินสันพ่ายแพ้ต่อฝ่ายนอร์มันที่นำโดยดยุกแห่งนอร์มังดี บางสถติประมาณกันว่าจำนวนทหาร 16,000 คน 11,000 ถูกสังหารในสงครามและเหลือเพียงไม่เท่าใดที่รอดชีวิตมาถึงพรมแดนอังกฤษ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเองก็ทรงถูกพาตัวหนีจากสนามรบกลับอังกฤษ ชัยชนะของสงครามอิสรภาพของสกอตแลนด์ครั้งนี้เป็นไปอย่างเด็ดขาดแต่อังกฤษไม่ยอมรับจนกระทั่งสิบปีต่อมา
ต่อมาอังกฤษก็นำกลยุทธ์ของโรเบิร์ต บรูซไปใช้ในสงครามต่อต้านฝรั่งเศสในหลายร้อยปีต่อมา พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษทรงใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้ในการต่อสู้กับทหารม้าฝรั่งเศสที่ (Battle of Agincourt) ในปี ค.ศ. 1415 ซึ่งทรงได้รับชัยชนะต่อฝรั่งเศส[]
“สมัยปกครอง” ของเดสเพนเซอร์
หลังจากเพียร์ส เกฟสตันถูกสังหารพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงหันมาโปรดปราน (ผู้ลูก) (Hugh Despenser the Younger) พระนัดดาผู้เป็นน้องเขยของเพียร์ส เกฟสตัน แต่ก็เช่นเดียวกับกรณีของเกฟสตัน ขุนนางไม่พึงพอใจที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไปทรงบำรุงบำเรอเดสเพนเซอร์ทั้งพ่อและลูก โดยเฉพาะกับเดสเพนเซอร์ผู้เป็นลูกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1318 เดสเพนเซอร์มีความทะเยอทะยานที่เอาตำแหน่งเอิร์ลแห่งกลอสเตอร์และที่ดินของตำแหน่งที่ตามมา
ในปี ค.ศ. 1320 สถานะการณ์ในอังกฤษคลอนแคลนจนน่าเป็นอันตรายแต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ทรงสนพระทัยกับการปกครองประเทศและทรงละเลยกฎหมายของแผ่นดิน แต่ทรงหันมาเอาใจใส่กับเดสเพนเซอร์แทนที่ เมื่อลอร์ด เดอ โบรสแห่งเกาเออร์ (Lord de Braose of Gower) ขายตำแหน่งแก่ลูกเขย เดสเพนเซอร์ก็เรียกร้องให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดยกเกาเออร์ให้ตนเองแทนที่ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงยึดเกาเออร์จากผู้ซึ้อโดยผิดกฎหมายเอามาให้เดสเพนเซอร์ การกระทำครั้งนี้ทำความโกรธเคืองให้แก่กลุ่มขุนนางมากขี้น ในปี ค.ศ. 1321 เอิร์ลแห่งแฮระฟอร์ด เอิร์ลแห่งแลงคาสเตอร์ และขุนนางคนอื่นๆ ยกอาวุธขึ้นต่อสู้ครอบครัวเดสเพนเซอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงถูกบังคับให้หนุนหลังกลุ่มขุนนาง ในวันที่ 14 สิงหาคมทรงประกาศที่เวสท์มินสเตอร์ฮอลเนรเทศพ่อลูกเดสเพนเซอร์จากราชสำนัก
แต่ชัยชนะของขุนนางก็เป็นสิ่งที่ทำลายตนเองด้วย หลังจากที่สองพ่อลูกถูกเนรเทศจากราชสำนัก ขุนนางหลายคนก็แก่งแย่งกันประจบสอพลอพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเพื่อจะเอาตำแหน่งที่ว่างอยู่ เพราะความโลภขุนนางบางคนจึงเต็มใจที่จะถวายความช่วยเหลือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดในการแก้แค้นกลุ่มขุนนางที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงต้องการทำร้าย ซี่งถ้าถวายความช่วยเหลือสำเร็จก็จะหมายถึงตำแหน่งและความมั่งมี ความขัดแย้งต่อมาก็ทำให้ขุนนางบางคนถูกฆาตกรรม เช่นเอิร์ลแห่งแลงคาสเตอร์ถูกตัดหัวต่อหน้าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเอง
เมื่อขุนนางผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ถูกกำจัดออกไปหมด อำนาจทั้งหลายในอังกฤษก็ตกมาเป็นของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและพ่อลูกเดสเพนเซอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงออกพระราชบัญญัติที่รัฐสภายอร์คยกเลิกกฎบัตรต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านั้นที่จำกัดอำนาจพระมหากษัตริย์ ตามพระราชบัญญัติฉบับใหม่ที่ทรงออกพระมหากษัตริย์ไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐสภาอังกฤษอีกต่อไป ขุนนางและสภาสามัญชนยอมรับพระราชบัญญัติฉบับใหม่อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง อำนาจของรัฐสภาในช่วงเวลานั้นจึงจำกัดลงไปเป็นเพียงเป็นสภาที่ปรึกษาต่อพระมหากษัตริย์เท่านั้น
พระราชินีอิสซาเบลลาออกจากอังกฤษ
ความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ยอมประกาศแสดงความจงรักภักดี (pay homage) ต่อกษัตริย์ฝรั่งเศสสำหรับดินแดนในแกสโคนี หลังจากความพยายามที่จะยึดแกสโคนีมาเป็นของอังกฤษหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงส่งพระราชินีอิสซาเบลลาไปเจรจาสงบศึกแทน
พระราชินีอิสซาเบลลาทรงดีพระทัยที่ได้กลับฝรั่งเศส เสด็จถึงฝรั่งเศสในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1325 นอกจากจะเสด็จไปเยี่ยมพระประยูรญาติแล้วในดินแดนที่ประสูติแล้วก็ทรงได้โอกาสหนีจากเดสเพนเซอร์และจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเองผู้ที่ทรงเกลียดอย่างจับใจ
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1325 พระราชินีอิสซาเบลลาทรงตกลงในสนธิสัญญาสงบศึกซึ่งฝรั่งเศสได้เปรียบกว่าอังกฤษซึ่งระบุว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดต้องมาแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าชาร์ลส์ในฝรั่งเศสด้วยพระองค์เอง แต่แทนที่จะทรงทำเช่นนั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงส่งพระราชโอรสไปแทน การกระทำนี้เป็นผลที่นำมาสู่ความหายนะของทั้งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและเดสเพนเซอร์ เมื่อพระราชโอรสมาถึงฝรั่งเศสพระราชินีอิสซาเบลลาก็ทรงประกาศว่าจะไม่เสด็จกลับอังกฤษนอกจากว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจะปลดเดสเพนเซอร์ออกจากราชสำนัก
การรุกรานของพระราชินีอิสซาเบลลาและมอร์ติเมอร์
เมื่อข้าราชบริพารของพระราชินีอิสซาเบลลาผู้จงรักภักดีต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดถูกเรียกตัวกลับและถูกพระราชินีอิสซาเบลลาส่งกลับอังกฤษ เมื่อกลับมาถึงราชสำนักอังกฤษเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1325 ก็ได้ถวายรายงานต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดว่าพระราชินีอิสซาเบลลาทรงมีความสัมพันธ์กับ ในปารีส และวางแผนที่จะรุกรานอังกฤษ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงเตรียมตัวต่อต้านผู้รุกรานแต่ทรงถูกทรยศโดยผู้ใกล้ชิดต่อพระองค์ พระราชโอรสของพระองค์เองก็ไม่ทรงยอมทิ้งพระมารดาโดยอ้างว่าไม่ทรงต้องการทิ้งพระมารดาในขณะที่ทรงเต็มไปด้วยความโทมนัส เอิร์ลแห่งเค้นท์พระอนุชาก็ไปแต่งงานกับมาร์กาเร็ต เวค (Margaret Wake) ลูกพี่ลูกน้องของมอร์ติเมอร์ ขุนนางคนอื่นเช่น จอห์น เดอ ครอมเวลล์ และ เอิร์ลแห่งริชมอนด์ ก็ละทิ้งไปเข้าข้างมอร์ติเมอร์
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1326 มอร์ติเมอร์และพระราชินีอิสซาเบลลาก็เดินทางมารุกรานอังกฤษ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงประหลาดพระทัยในจำนวนทหารของพระราชินีอิสซาเบลลาเพราะทรงเตรียมกองกำลังจำนวนมากเพื่อต่อสู้ แต่กองทัพของพระองค์ก็ไม่ยอมยกอาวุธต่อสู้กับกองทัพของมอร์ติเมอร์และพระราชินีอิสซาเบลลา ในที่สุดก็พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็เสด็จหนีจากลอนดอนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมไปยังกลอสเตอร์และต่อไปทางใต้ของเวลส์เพื่อไปตั้งตัวที่บ้านของเดสเพนเซอร์ ทรงพยายามรวมกองกำลังเพื่อต่อสู้แต่ก็ไม่ทรงสามารถรวบรวมกำลังได้ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ก็ทรงถูกละทิ้งโดยข้าราชบริพารทิ้งไว้กับเดสเพนเซอร์กับผู้รับใช้สองสามคน
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม เดสเพนเซอร์ผู้พ่อก็ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาต่างๆ เช่นส่งเสริมรัฐบาลที่ผิดกฎหมายของลูกชาย สร้างความร่ำรวยให้ตนเองจากทรัพย์สินของผู้อื่น และมีส่วนในการฆาตกรรมเอิร์ลแห่งแลงคาสเตอร์ เดสเพนเซอร์ถูกแขวนคอและตัดหัวที่บริสตอล เฮนรีแห่งแลงคาสเตอร์ถูกส่งไปเวลส์ไปนำตัวพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและเดสเพนเซอร์ (ผู้ลูก) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน เดสเพนเซอร์ถูกส่งตัวไปให้มอร์ติเมอร์และพระราชินีอิสซาเบลลาที่แฮระฟอร์ด ส่วนพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เฮนรีนำไปกักตัวไว้ที่ปราสาทเคนนิลเวิร์ธ
การสิ้นสุดของเดสเพนเซอร์
การแก้แค้นต่อพวกพ้องของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น เอิร์ลแห่งอารันเดลศัตรูเก่าของมอร์ติเมอร์ถูกตัดหัวหลังจากการพิจารณาและการตัดสินของศาลและการสังหารเดสเพนเซอร์
เดสเพนเซอร์ถูกฆ่าอย่างทารุณ เริ่มด้วยการที่ผู้คนที่มาดูการสังหารดึงตัวเดสเพนเซอร์ลงจากหลังม้าเปลื้องเสื้อผ้าและสลักถ้อยคำจากไบเบิลเกี่ยวกับการไม่ควรฉ้อโกงและอื่นบนร่างกายของเดสเพนเซอร์ แล้วก็ลากตัวไปมอบให้กับโรเจอร์และพระราชินีอิสซาเบลลาและตระกูลแลงคาสเตรียน เดสเพนเซอร์ถูกตัดสินให้แขวนคอเยี่ยงโจร ตัดอวัยวะเพศทิ้ง ผ่าร่างแบ่งสี่เยี่ยงผู้เป็นกบฏต่อแผ่นดิน สึ่ส่วนที่แบ่งถูกส่งไปที่ต่างๆ ในอังกฤษ
สละราชสมบัติ
หลังจากจำขังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แล้วพระราชินีอิสซาเบลลาและมอร์ติเมอร์ก็มีปัญหาว่าจะทำเช่นใดกับพระองค์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือปลงพระชนม์ ตำแหน่งพระมหากษัตริย์ก็จะตกไปเป็นของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดซึ่งพระราชินีอิสซาเบลลาทรงสามารถควบคุมได้ และเป็นการป้องกันการกู้ราชบัลลังก์คืนแก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไปด้วยในตัว แต่คำสั่งการปลงพระชนม์ต้องมาจากการพิจารณาคดีและการตัดสินของศาลว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเป็นกบฏ แม้ว่าขุนนางจะเห็นพ้องกันว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ทรงใส่ใจในการปกครองบ้านเมือง แต่ขุนนางบางคนให้ข้อคิดเห็นว่าในเมื่อพระเจ้าแผ่นดินเป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าฉะนั้นพระเจ้าแผ่นดินจึงไม่สามารถถูกปลดหรือถูกตัดสินให้ประหารชีวิตทางนิตินัยได้ ถ้าทำเช่นนั้นพระเจ้าก็จะลงโทษประเทศ การตัดสินจึงเป็นที่ตกลงกันว่าจะจำขังพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพแทนที่
แต่การจำขังพระองค์ก็ยังทำให้มีปัญหาตรงที่พระราชอำนาจตามนิตินัยก็ยังอยู่ที่พระองค์ พระราชินีอิสซาเบลลาทรงได้รับตราแผ่นดิน (Great Seal) และทรงใช้ตรานั้นในการปกครองในนามของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ในนามของพระองค์เอง และในนามของพระโอรสแล้วแต่ความเหมาะสม แต่อย่างใดก็ตามการปกครองเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นการเปิดช่องให้มีผู้ท้าท้ายถึงความถูกต้องตามกฎหมายได้
สภาวการณ์เช่นนี้ทำให้รัฐสภาตัดสินใจเรียกประชุมสภาสามัญชนเพื่อมาเจรจาตัดสินกันว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานะการณ์ที่เป็นอยู่ อัครบาทหลวงแห่งยอร์คและสมาชิกบางคนออกตัวว่ากลัวกลุ่มชนชาวลอนดอนที่จงรักภักดีต่อมอร์ติเมอร์ บางคนก็ต้องการจะให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมีพระราชดำรัสประกาศการสละราชสมต่อรัฐสภาโดยตรงแทนที่จะทรงถูกปลดจากราชบัลลังก์โดยพระราชินีอิสซาเบลลาและผู้มีอำนาจอื่นๆ ในขณะนั้น มอร์ติเมอร์ตอบโต้โดยสั่งให้ริชาร์ด เดอ โบฮุนนายกเทศมนตรีลอนดอนขณะนั้นเขียนจดหมายถึงรัฐสภาขอให้รัฐสภาคุ้มครองพระราชินีอิสซาเบลลาและเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และให้ปลดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์ นอกจากนั้นมอร์ติเมอร์ก็ยังเรียกประชุมขุนนางอย่างลับๆ ในคืนเดียวกัน ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องต้องกันในการปลดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์
ในที่สุดรัฐสภาก็มีมติในการถอดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจากราชบัลลังก์ แม้ว่ารัฐสภาจะเห็นพ้องกันว่าพระองค์ไม่ควรมีอำนาจใดๆ ในการปกครอง แต่ก็ยังมิได้ปลดอย่างเป็นทางการเพียงแต่มีมติเท่านั้นและให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ตัดสินพระทัยในการยอมรับมติของรัฐสภา
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1327 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงได้รับแจ้งที่ปราสาทเคนนิลเวิร์ธถึงมติของรัฐสภาและข้อกล่าวหาต่างที่มีต่อพระองค์ ข้อกล่าวหารวมทั้ง: ไม่ทรงมีสมรรถภาพในการปกครองโดยการที่ทรงอนุญาตให้ผู้อื่นมาปกครองแทนพระองค์ซึ่งทำให้มีผลเสียหายต่อประชาชนและสถาบันศาสนา; ไม่ทรงฟังคำแนะนำที่ดีและทำตามคำแนะนำที่ทำให้เป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่เหมาะสม; ทรงเสียดินแดนสกอตแลนด์, แกสโคนี และ ไอร์แลนด์เพราะไม่ทรงมีความสามารถทางการปกครองที่จะรักษาดินแดนเหล่านั้นไว้ได้; ทรงสร้างความเสียหายต่อสถาบันโรมันคาทอลิกและทรงจำขังผู้แทนของศาสนา; ทรงอนุญาตให้ขุนนางถูกฆาตกรรม, ยึดทรัพย์, จำขัง และ เนรเทศ; ไม่ทรงมีความยุติธรรมและยังทรงปกครองโดยเอาผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมและอนุญาตให้ผู้อื่นกระทำเช่นเดียวกัน; และทรงหลบหนีไปกับผู้มีความผิดต่างๆ ต่อราชอาณาจักรโดยทิ้งราชอาณาจักรไว้ให้ว่างลงโดยปราศจากรัฐบาลซึ่งเป็นผลทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่นและความศรัทธาในรัฐบาล พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงคาดไม่ถึงถึงความรุนแรงของข้อกล่าวหาต่างๆ และผลการตัดสินทรงกันแสงไปในขณะที่ทรงฟัง เมื่อเสร็จจากการอ่านข้อกล่าวหา รัฐบาลก็ยื่นข้อแนะนำให้ทรงเลือกระหว่าการสละราชสมบัติให้กับพระราชโอรส หรือ ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสละราชสมบัติให้กับผู้ใดผู้หนึ่งที่ไม่ใช่พระญาติแต่มีประสบการณ์ในการปกครองซึ่งในกรณีนี้ก็คงจะหมายถึงมอร์ติเมอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงสละราชสมบัติให้กับพระราชโอรส เซอร์วิลเลียม ทรัสส์เซลผู้เป็นตัวแทนรัฐสภาจึงประกาศแทนรัฐสภายกเลิกความจงรักภักดีต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด รัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 จึงสิ้นสุดลง
การสละราชสมบัติของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการที่ลอนดอนเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1327 วันต่อมาจึงเป็นวันแรกของรัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ผู้มีพระชนมพรรษา 14 ปีและเป็นผู้ที่ยังถูกควบคุมโดยพระราชินีอิซาเบลลาและมอร์ติเมอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เองก็ยังทรงถูกจำขัง
สวรรคต
รัฐบาลของพระราชินีอิสซาเบลลาและมอร์ติเมอร์อยู่ในสภาพที่ง่อนแง่นจนไม่กล้าที่จะทิ้งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ไว้กับศัตรูทางการเมือง เมื่อวันที่ 3 เมษายน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ทรงถูกย้ายจากปราสาทเคนนิลเวิร์ธไปอยู่ในความดูแลของคนของมอร์ติเมอร์ ต่อมาก็ทรงถูกย้ายไปจำขังที่ปราสาทบาร์คลีย์ ในมลฑลกลอสเตอร์เชอร์ ซึ่งเชื่อกันโดยทั่วไปว่าเป็นที่ที่ทรงถูกปลงพระชนม์โดยคนของพระราชินีอิสซาเบลลาและมอร์ติเมอร์
ความสงสัยอันนี้ต่อมาได้รับการขยายความต่อมาโดย:
- “คืนวันที่ 11 ตุลาคมขณะที่ทรงนอนอยู่ก็ทรงถูกจับตรึงกับแท่นบรรทมและกดทับด้วยที่นอน ทำให้ไม่ทรงหายพระทัยได้ ขณะที่ (ผู้ที่มาทำการ) เอาท่อนเหล็กเผาไฟ สอดเข้าไปในท่อในบริเวณที่ลับของพระวรกายของพระองค์ เพื่อให้เผาภายในร่างกายที่เลยไปจากลำใส้ใหญ่”
การฆ่าด้วยวิธีนี้ทำให้ดูเหมือนผู้ตายตายตามธรรมชาติเพราะผู้ทำจะสอดท่อนเหล็กก่อนที่จะใช้ท่อนเหล็กร้อนสวนลึกเข้าไปในร่างกายจึงทำให้ไม่เห็นรอยไหม้จากภายนอก
ตามคำกล่าวของนอร์มัน เอฟ แคนทอร์:
- “การกระทำที่ทารุณเช่นนี้เป็นผลจากปฏิกิริยาบางส่วนของสถาบันศาสนาและผู้มีอิทธิพลทางความคิดเห็นเรื่องการรักเพศเดียวกัน ต่อการที่ทรงมีความโปรดปรานคนรักชาวฝรั่งเศสของพระองค์ และยังเป็นปฏิกิริยาต่อความไม่พึงพอใจ, ความโกรธ และความการหมดอาลัยตายอยากต่างๆ”
เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ไม่มีหลักฐานสนับสนุนจากข้อเขียนใดๆ จากคริสต์ศตวรรที่ 14 หลักฐานที่ใกล้เคียงที่สุดก็เป็นบันทึกของแอดัม เมอริมัธที่กล่าวว่าความเชื่อส่วนใหญ่เกี่ยวกับสาเหตุการสวรรคตคือทรงถูกกลั้นลมหายใจให้ตาย บันทึกลิทชฟิลด์กล่าวว่าทรงถูกบีบคอ บันทึกอื่นๆ กล่าวว่าเสด็จสวรรคตเป็นไปตามธรรมชาติ จนกระทั่งกลางคริสต์ทศศตวรรษ 1330 จึงได้มีข่าวลือเรื่องท่อนเหล็กกันเป็นที่แพร่หลาย ในพระราชประวัติของพระราชินีอิสซาเบลลาที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์ (Alison Weir) เวียร์เสนอทฤษฏีใหม่ที่อ้างจาก “จดหมายฟิเอสชิ” (Fieschi Letter) ซึ่งเป็นจดหมายโดย มานูเอล เดอ ฟิเอสชิ พระชาวเจนัวถึงพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ราวปี ค.ศ. 1337 โดยกล่าวว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มิได้ทรงถูกปลงพระชนม์แต่ทรงหนีจากการคุมขัง และมีพระชนม์อยู่ต่อมาอย่างผู้หนีภัยจนเสด็จสวรรคต เอียน มอร์ติเมอร์ในพระราชประวัติพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ยืนยันว่า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ทรงมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกอย่างน้อยสิบเอ็ดปีหลังจากปี ค.ศ. 1327 ที่เชื่อกันว่าเป็นปีที่สวรรคต และไปเสด็จสวรรคตเอาที่ประเทศอิตาลี
อ้างอิง
- Norman F. Cantor, In the Wake of the Plague, p. 75 “ก่อนหน้าโรคระบาด”
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2
ก่อนหน้า | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เอ็ดเวิร์ดที่ 1 | กษัตริย์แห่งอังกฤษ (ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท) (ค.ศ. 1307 – ค.ศ. 1327) | เอ็ดเวิร์ดที่ 3 |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir phraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvs xngkvs Edward II of England 25 emsayn kh s 1284 21 knyayn kh s 1327 phranamedimkhux exdewirdaehngkhayrnarfxn xngkvs Edward of Caernarfon epnphraecaaephndinrachwngsaephlnthaecenthkhxngrachxanackrxngkvsphraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvsphramhakstriyxngkvskhrxngrachy7 krkdakhm kh s 1307 20 mkrakhm kh s 1327rchsmy20 pirachaphiesk25 kumphaphnth kh s 1308rchkalkxnhnaphraecaexdewirdthi 1 aehngxngkvsrchkalthdipphraecaexdewirdthi 3 aehngxngkvsphrarachsmphph25 emsayn kh s 1284 prasathkharnarfxn ekwnend ewlsswrrkht21 knyayn kh s 1327 43 pi prasathbarkhliy klxsetxrechxr xngkvsphraxkhrmehsixisaebllaaehngfrngessphrarachbutrphraecaexdewirdthi 3 aehngxngkvsrachwngsaephlnthaecenthphrarachbidaphraecaexdewirdthi 1 aehngxngkvsphrarachmardaeloxnxraehngkstiya phraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvs esdcphrarachsmphphemuxwnthi 25 emsayn kh s 1284 thiprasathkharnarfxn ekwnend ewls epnphrarachoxrsinphraecaexdewirdthi 1 aela smedcphrarachinieloxnxraehngxngkvs thrngesksmrskbsmedcphrarachinixisaebllaaehngxngkvs aelathrngrachyrahwangwnthi 7 krkdakhm kh s 1307 cncnkrathngthukpldcakrachbllngkemuxwnthi 20 mkrakhm kh s 1327 aelaesdcswrrkhtemuxwnthi 21 knyayn kh s 1327 thiprasathbarkhliy klxsetxrechxr xngkvs karthiphraxngkhthrnglaelykhunnangphumixanacipekhakbphuthithrngoprdpranthaihekidkhwamkhdaeyngthangkaremuxngaelainthisudkthrngthukpldcakkarkhrxngrachyaelaplngphrachnminthisud phraecaexdewirdthrngepnthiruckkninthanathiepnkhatkraelakhxklawhathiepnphuthirkephsediywkn phraecaexdewirdthi 2 epnphramhakstriyxngkhaerkthikxtngwithyalykhxngmhawithyalyxxksfxrdaelamhawithyalyekhmbridc thrngkxtng King s Hall emuxpi kh s 1317 aelawithyalyoxeriyl Oriel College khxngmhawithyalyxxkfxrdinpi kh s 1326 withyalythngsxngepnthioprdprankhxngphraecaexdewirdthi 3phrarachoxrs phuthrngphrarachthanexksarprakaskarkxtng charter ihaekwithyalyoxeriylxikkhrnginpi kh s 1327 aelawithyalykhingshxlxikkhrngin pi kh s 1337ecachayaehngewlsphraecaexdewirdthi 2 epnphrarachoxrsxngkhthisiinphraecaexdewirdthi 1 aela smedcphrarachinieloxnxraehngxngkvsphramehsixngkhaerk esdcphrarachsmphphthiprasathkharnarfxn ekwnend ewls aelaepnecachayxngkvsxngkhaerkthiidrbaetngtngihepnecachayaehngewlssungidrbkarxnumtiepnthangkarodyrthsphalingkhxlnemuxwnthi 7 thnwakhm kh s 1301 phraecaexdewirdthi 2 klaymaepnrchthayathemuxphrachnmayuephungidimkieduxnhlngcakthi phraechsthasinphrachnm phrarachbidathrngepnnkrbthiklahaythrngfukexdewirdinyuththiwithikarsngkhramaelakarpkkhrxngdwyphraxngkhexngtngaetyngthrngphraeyaw singthiphraecaexdewirdthi 1 thrngthainsmynnthuxknwaepnnganthitatxykwathikhwrkhxngphraxngkh klawknwasaehtuthithrngmiphvtikrrmthiimepnthiyxmrbkhxngsngkhmephraakhwamkddncakareliyngdukhxngphrarachbida phraecaexdewirdthi 2 thrngrwmedinthangipinkarrnrngkhkbchawskxt aetaemwacathrngekharwmkarsngkhram kmiidthaihepluynphranisythithrngepnphuchxbkarichchiwitxyanghruhrafungefxsungthrngdaeninechnnncntlxdphrachnmayu txngkarxangxing phraecaexdewirdthi 1 thrngkhbephiyrs ekfstn Piers Gaveston khunnangcakaeksokhniinfrngessphumikhwamiklchidsnithsnmkbexdewirdcakrachsankemuxexdewirdphyayammxbtaaehnngthiepntaaehnngsahrbecanayethannihkbephiyrs phraecaexdewirdthi 1 esdcswrrkhtrahwangkaredinthangiprnrngkhinsngkhramkbchawskxtxikkhrnghnungemuxwnthi 7 krkdakhm kh s 1307 kxnthicaswrrkhtmiphrarachoxngkarihexdewirdihtmrangkhxngphraxngkhihehluxaetkradukaelanaedinthphtxcnkwachawskxtcaphayaeph exdewirdmiidthrngthatamphrarachoxngkaraetnaphrarachbidaklbipfngthiewsthminsetxraexbbi odymikhacarukwa nikhuxrangkhxngexdewirdthi 1 phuprabchawskxt Here lies Edward I the Hammer of the Scots Hudson amp Clark 1978 46 hlngcaknnexdewirdkeriykephiyrs ekfstnklbmayngrachsank aelathrngthxythphklbcakkarrnrngkhskxtaelndinpiediywknsngkhramkbkhunnangemuxphraecaexdewirdthi 2 esdcipoblxynesxraemrinfrngessephuxesksmrskbxissaeblla thrngthingihephiyrs ekfstnphrashayaelathipruksaepnphusaercrachkaraethnphraxngkh nxkcaknnkthrngaetngtngihepnexirlaehngkhxrnwxllaelamxbmarkaertaehngklxsetxrphranddaihepnphrrya klumkhunnangimphxickbkarkrathakhxngphraecaexdewirdaelaimchxbekfstn cungphyayamhathangkhbekfstnxxkcakrachsankodyrwmknxxkkdbtr kh s 1311 Ordinances of 1311 thicakdxanackhxngphramhakstriy aetphraecaexdewirdkthrngeriyktwekfstnklb aetinpi kh s 1312 ekfstnkthuksngharodyexirlaehngaelngkhasetxraelaphrrkhphwkodyklawxangwaekfstnnaphraecaexdewirdipinthangthiphid ekfstnthukiltamaelasngharthihmubanlikh wutnsunginpccubnyngmixnusrnchux ekfstnkhrxstngxyu hlngcakekfstnthuksngharphraecaexdewirdkthrngphyayamthalayphuepnstrutxphraxngkh rahwangnnklumkhunnangthiepnptipkstxphraxngkhkxxntwlng phxthungklangeduxnkrkdakhm xayemxr edx waelns exirlaehngephmobrkhthi 2 kthwaykhaaenanaihprakassngkhramkbkhunnang khunnangphuthiimxyakesiyngchiwitxiktxipcungyxmthakarecrcakbphraecaexdewirdinpi kh s 1312 ineduxntulakhm exirlaehngaelngkhasetxr wxrikh xarnedl aela aehrafxrd kkhxphrarachthanxphyothscakphraecaexdewirdkhwamkhdaeyngkbskxtaelndxnusawriyorebirt brusthiprasathestxrling skxtaelnd inchwngewlani Robert the Bruce aehngskxtaelndkidrbchychnaaelayuddinaednthilaelkthilanxykhuncakxngkvs orebirt brusyuddinaednthiphraecaexdewirdthi 1 idipcakskxtaelndrahwangpi kh s 1307 thungpi kh s 1314 klbkhunmakkwathiphraxngkhyudip chychnakhxngorebirt brusmisaehtumacakpccyhlayxyang echnkarichkxngkalngyxydkocmtikxngthphxngkvs aelayudprasathtang ephuxichepnthitnghlk nxkcaknnkyngichphumisastrthikhunekhyepnxyangdiepnxawuthodyichwithiocmtixyangrwderwaelwthxyhnikhuneninipkxnthikxngkalnghnuncamasmthb orebirt brusyudprasaththilaaehngaelarwmtrakultang inskxtaelndekhadwyknephuxtxsukbxngkvsphuepnstrurwmkn echuxknwaorebirtekhyklawwamikhwamklwphraecaexdewirdthi 1 thiswrrkhtipaelwmakkwathicaklwphraecaexdewirdthi 2 thiyngmichiwitxyu phayinpi kh s 1314 xngkvskmiprasathehluxephiyngsxngaehnginbriewnskxtaelnd prasathestxrling aela prasathebxrwikh emuxwnthi 23 mithunayn kh s 1314 phraecaexdewirdthi 2 aelakxngthphthimikalngthharrabthngsin 20 000 khnaelathharmaxikraw 2000 thung 3000 khnkykkhunipprabkaraekhngkhxthiskxtaelnd kxngthphkhxngphraecaexdewirdmaphbkbkxngthphkhxngorebirt brusthiichhxkyaw 14 futepnxawuth phraecaexdewirdthrngthrabkarthicarksaskxtaelndiwinmuxxngkvsid xngkvstxngrksaprasathestxrling aetprasathkthuklxmxyuesmx esxrfillip edx omwebry aemthphfayxngkvsphumihnathirksaprasathestxrlingaecngphraecaexdewirdwacayxmaephaekskxtnxkcakwaphraxngkhcaesdcmachwypxngknprasathestxrlingphayinwnthi 24 mithunayn kh s 1314 phraecaexdewirdimthrngsamarththicayxmesiyprasathestxrlingihaekskxtaelndid cungthrngrwbrwmkxngthphihykhunipskxtaelndephuxcakhbilphulxmprasathestxrlingaeladungihthharskxtxxkiptxsuknklangthung aetphraecaexdewirdthrngthaphidtrngthithrngkhidwacanwnthharinkxngthphkhxngphraxngkhthimicanwnehnuxkwakxngthphkhxngorebirt brusepnhlayethaephiyngxyangediywcamikhwamaekhngaekrngphxthikacdorebirt brusidxyangngaydayaetkepnkarkhadthiphid orebirt brusidepriybkwatrngthiidrbkaretuxnlwnghnathungkaredinthphmaskxtaelndkhxngphraecaexdewird aelathrabaemkrathngwacaphraxngkhcamathungwnid orebirtmiewlaphxthicaeluxkbriewnthicatxsuthicaidepriybkwathnginihkhwamxanwyinklyuththaelakaryuththsastr emuxphraecaexdewirdedinthphkhunmathungesnthangsayhlkekhasusetxrling orebirtwangkxngkalngkhnabsxngkhangesnthangthangdanehnux xikkxnghnunginpa aelaxikkxnghnungtrngokhngaemnasungepncudthikxngthphkhxngphraecaexdewirdmxngehnidyak nxkcaknnorebirtkyngsngihkhudhlumiwthwipaelwklbdwyibimkingimephuxihepnxupsrrkhtxkxngthharma fayphraecaexdewirdmiidthrngkhidkarnlwnghnaaelaetriymtwkartxsuechnediywkborebirt brus aemaetkareriykthharkmiidthrngxxkhmayeknthcnkrathngwnthi 27 phvsphakhm kh s 1314 thharkhxngphraxngkhcungimmiewlafukthaaelakhadwiny khwamphayaephkhxngphraecaexdewirdthi Battle of Bannockburn thuxknodynkprawtisastrrwmsmywaepnkarphayaephsukthiybeyinthisudkhxngxngkvstngaet Battle of Hastings inpi kh s 1066 epntnma emuxfayxngkvsinkhnannnaodyphraecahaorld kxdwinsnphayaephtxfaynxrmnthinaodydyukaehngnxrmngdi bangsthtipramanknwacanwnthhar 16 000 khn 11 000 thuksngharinsngkhramaelaehluxephiyngimethaidthirxdchiwitmathungphrmaednxngkvs phraecaexdewirdexngkthrngthukphatwhnicaksnamrbklbxngkvs chychnakhxngsngkhramxisrphaphkhxngskxtaelndkhrngniepnipxyangeddkhadaetxngkvsimyxmrbcnkrathngsibpitxma txmaxngkvsknaklyuththkhxngorebirt brusipichinsngkhramtxtanfrngessinhlayrxypitxma phraecaehnrithi 5 aehngxngkvsthrngichwithiechnediywknniinkartxsukbthharmafrngessthi Battle of Agincourt inpi kh s 1415 sungthrngidrbchychnatxfrngess txngkarxangxing smypkkhrxng khxngedsephnesxrprasathkharnarfxnthiprasuti thiekwnend ewls hlngcakephiyrs ekfstnthuksngharphraecaexdewirdkthrnghnmaoprdpran phuluk Hugh Despenser the Younger phranddaphuepnnxngekhykhxngephiyrs ekfstn aetkechnediywkbkrnikhxngekfstn khunnangimphungphxicthiphraecaexdewirdipthrngbarungbaerxedsephnesxrthngphxaelaluk odyechphaakbedsephnesxrphuepnlukmatngaetpi kh s 1318 edsephnesxrmikhwamthaeyxthayanthiexataaehnngexirlaehngklxsetxraelathidinkhxngtaaehnngthitamma inpi kh s 1320 sthanakarninxngkvskhlxnaekhlncnnaepnxntrayaetphraecaexdewirdkimthrngsnphrathykbkarpkkhrxngpraethsaelathrnglaelykdhmaykhxngaephndin aetthrnghnmaexaiciskbedsephnesxraethnthi emuxlxrd edx obrsaehngekaexxr Lord de Braose of Gower khaytaaehnngaeklukekhy edsephnesxrkeriykrxngihphraecaexdewirdykekaexxrihtnexngaethnthi phraecaexdewirdthrngyudekaexxrcakphusuxodyphidkdhmayexamaihedsephnesxr karkrathakhrngnithakhwamokrthekhuxngihaekklumkhunnangmakkhin inpi kh s 1321 exirlaehngaehrafxrd exirlaehngaelngkhasetxr aelakhunnangkhnxun ykxawuthkhuntxsukhrxbkhrwedsephnesxr phraecaexdewirdthrngthukbngkhbihhnunhlngklumkhunnang inwnthi 14 singhakhmthrngprakasthiewsthminsetxrhxlenrethsphxlukedsephnesxrcakrachsank aetchychnakhxngkhunnangkepnsingthithalaytnexngdwy hlngcakthisxngphxlukthukenrethscakrachsank khunnanghlaykhnkaekngaeyngknpracbsxphlxphraecaexdewirdephuxcaexataaehnngthiwangxyu ephraakhwamolphkhunnangbangkhncungetmicthicathwaykhwamchwyehluxphraecaexdewirdinkaraekaekhnklumkhunnangthiphraecaexdewirdthrngtxngkartharay singthathwaykhwamchwyehluxsaerckcahmaythungtaaehnngaelakhwammngmi khwamkhdaeyngtxmakthaihkhunnangbangkhnthukkhatkrrm echnexirlaehngaelngkhasetxrthuktdhwtxhnaphraecaexdewirdexng emuxkhunnangphuepnptipkstxphraxngkhthukkacdxxkiphmd xanacthnghlayinxngkvsktkmaepnkhxngphraecaexdewirdaelaphxlukedsephnesxr phraecaexdewirdthrngxxkphrarachbyytithirthsphayxrkhykelikkdbtrtang thixxkmakxnhnannthicakdxanacphramhakstriy tamphrarachbyytichbbihmthithrngxxkphramhakstriyimtxngxyuphayitxanackhxngrthsphaxngkvsxiktxip khunnangaelasphasamychnyxmrbphrarachbyytichbbihmxyangimmikhxotaeyng xanackhxngrthsphainchwngewlanncungcakdlngipepnephiyngepnsphathipruksatxphramhakstriyethann phrarachinixissaebllaxxkcakxngkvs khwamkhdaeyngrahwangxngkvsaelafrngessekidkhunemuxphraecaexdewirdimyxmprakasaesdngkhwamcngrkphkdi pay homage txkstriyfrngesssahrbdinaedninaeksokhni hlngcakkhwamphyayamthicayudaeksokhnimaepnkhxngxngkvshlaykhrngaetimsaerc phraecaexdewirdcungthrngsngphrarachinixissaebllaipecrcasngbsukaethn phrarachinixissaebllathrngdiphrathythiidklbfrngess esdcthungfrngessineduxnminakhm kh s 1325 nxkcakcaesdcipeyiymphraprayuryatiaelwindinaednthiprasutiaelwkthrngidoxkashnicakedsephnesxraelacakphraecaexdewirdexngphuthithrngekliydxyangcbic emuxwnthi 31 phvsphakhm kh s 1325 phrarachinixissaebllathrngtklnginsnthisyyasngbsuksungfrngessidepriybkwaxngkvssungrabuwaphraecaexdewirdtxngmaaesdngkhwamcngrkphkditxphraecacharlsinfrngessdwyphraxngkhexng aetaethnthicathrngthaechnnnphraecaexdewirdthrngsngphrarachoxrsipaethn karkrathaniepnphlthinamasukhwamhaynakhxngthngphraecaexdewirdaelaedsephnesxr emuxphrarachoxrsmathungfrngessphrarachinixissaebllakthrngprakaswacaimesdcklbxngkvsnxkcakwaphraecaexdewirdcapldedsephnesxrxxkcakrachsank karrukrankhxngphrarachinixissaebllaaelamxrtiemxr emuxkharachbripharkhxngphrarachinixissaebllaphucngrkphkditxphraecaexdewirdthukeriyktwklbaelathukphrarachinixissaebllasngklbxngkvs emuxklbmathungrachsankxngkvsemuxwnthi 23 thnwakhm kh s 1325 kidthwayrayngantxphraecaexdewirdwaphrarachinixissaebllathrngmikhwamsmphnthkb inparis aelawangaephnthicarukranxngkvs phraecaexdewirdcungetriymtwtxtanphurukranaetthrngthukthrysodyphuiklchidtxphraxngkh phrarachoxrskhxngphraxngkhexngkimthrngyxmthingphramardaodyxangwaimthrngtxngkarthingphramardainkhnathithrngetmipdwykhwamothmns exirlaehngekhnthphraxnuchakipaetngngankbmarkaert ewkh Margaret Wake lukphiluknxngkhxngmxrtiemxr khunnangkhnxunechn cxhn edx khrxmewll aela exirlaehngrichmxnd klathingipekhakhangmxrtiemxr ineduxnknyayn kh s 1326 mxrtiemxraelaphrarachinixissaebllakedinthangmarukranxngkvs phraecaexdewirdthrngprahladphrathyincanwnthharkhxngphrarachinixissaebllaephraathrngetriymkxngkalngcanwnmakephuxtxsu aetkxngthphkhxngphraxngkhkimyxmykxawuthtxsukbkxngthphkhxngmxrtiemxraelaphrarachinixissaeblla inthisudkphraecaexdewirdkesdchnicaklxndxnemuxwnthi 1 tulakhmipyngklxsetxraelatxipthangitkhxngewlsephuxiptngtwthibankhxngedsephnesxr thrngphyayamrwmkxngkalngephuxtxsuaetkimthrngsamarthrwbrwmkalngid emuxwnthi 31 tulakhm kthrngthuklathingodykharachbripharthingiwkbedsephnesxrkbphurbichsxngsamkhn emuxwnthi 27 tulakhm edsephnesxrphuphxkthukklawhadwykhxhatang echnsngesrimrthbalthiphidkdhmaykhxnglukchay srangkhwamrarwyihtnexngcakthrphysinkhxngphuxun aelamiswninkarkhatkrrmexirlaehngaelngkhasetxr edsephnesxrthukaekhwnkhxaelatdhwthibristxl ehnriaehngaelngkhasetxrthuksngipewlsipnatwphraecaexdewirdaelaedsephnesxr phuluk emuxwnthi 16 phvscikayn edsephnesxrthuksngtwipihmxrtiemxraelaphrarachinixissaebllathiaehrafxrd swnphraecaexdewird ehnrinaipkktwiwthiprasathekhnnilewirth karsinsudkhxngedsephnesxr karaekaekhntxphwkphxngkhxngphraecaexdewirdepnipxyangrwderwhlngcaknn exirlaehngxarnedlstruekakhxngmxrtiemxrthuktdhwhlngcakkarphicarnaaelakartdsinkhxngsalaelakarsngharedsephnesxr edsephnesxrthukkhaxyangtharun erimdwykarthiphukhnthimadukarsnghardungtwedsephnesxrlngcakhlngmaepluxngesuxphaaelaslkthxykhacakibebilekiywkbkarimkhwrchxokngaelaxunbnrangkaykhxngedsephnesxr aelwklaktwipmxbihkborecxraelaphrarachinixissaebllaaelatrakulaelngkhasetriyn edsephnesxrthuktdsinihaekhwnkhxeyiyngocr tdxwywaephsthing pharangaebngsieyiyngphuepnkbttxaephndin suswnthiaebngthuksngipthitang inxngkvsslarachsmbtiprasathbarkhliythiswrrkht klxsetxrechxr xngkvs hlngcakcakhngphraecaexdewirdthi 2 aelwphrarachinixissaebllaaelamxrtiemxrkmipyhawacathaechnidkbphraxngkh withithingaythisudkhuxplngphrachnm taaehnngphramhakstriykcatkipepnkhxngecachayexdewirdsungphrarachinixissaebllathrngsamarthkhwbkhumid aelaepnkarpxngknkarkurachbllngkkhunaekphraecaexdewirdipdwyintw aetkhasngkarplngphrachnmtxngmacakkarphicarnakhdiaelakartdsinkhxngsalwaphraecaexdewirdthrngepnkbt aemwakhunnangcaehnphxngknwaphraecaexdewirdimthrngisicinkarpkkhrxngbanemuxng aetkhunnangbangkhnihkhxkhidehnwainemuxphraecaaephndinepntaaehnngthiidrbkaraetngtngcakphraecachannphraecaaephndincungimsamarththukpldhruxthuktdsinihpraharchiwitthangnitinyid thathaechnnnphraecakcalngothspraeths kartdsincungepnthitklngknwacacakhngphraxngkhtlxdphrachnmchiphaethnthi aetkarcakhngphraxngkhkyngthaihmipyhatrngthiphrarachxanactamnitinykyngxyuthiphraxngkh phrarachinixissaebllathrngidrbtraaephndin Great Seal aelathrngichtranninkarpkkhrxnginnamkhxngphraecaexdewird innamkhxngphraxngkhexng aelainnamkhxngphraoxrsaelwaetkhwamehmaasm aetxyangidktamkarpkkhrxngechnniepnkarkrathathiphidkdhmay aelaepnkarepidchxngihmiphuthathaythungkhwamthuktxngtamkdhmayid sphawkarnechnnithaihrthsphatdsiniceriykprachumsphasamychnephuxmaecrcatdsinknwakhwrcathaxyangirkbsthanakarnthiepnxyu xkhrbathhlwngaehngyxrkhaelasmachikbangkhnxxktwwaklwklumchnchawlxndxnthicngrkphkditxmxrtiemxr bangkhnktxngkarcaihphraecaexdewirdmiphrarachdarsprakaskarslarachsmtxrthsphaodytrngaethnthicathrngthukpldcakrachbllngkodyphrarachinixissaebllaaelaphumixanacxun inkhnann mxrtiemxrtxbotodysngihrichard edx obhunnaykethsmntrilxndxnkhnannekhiyncdhmaythungrthsphakhxihrthsphakhumkhrxngphrarachinixissaebllaaelaecachayexdewird aelaihpldphraecaexdewirdcakrachbllngk nxkcaknnmxrtiemxrkyngeriykprachumkhunnangxyanglb inkhunediywkn phuekharwmprachumehnphxngtxngkninkarpldphraecaexdewirdcakrachbllngk inthisudrthsphakmimtiinkarthxdphraecaexdewirdcakrachbllngk aemwarthsphacaehnphxngknwaphraxngkhimkhwrmixanacid inkarpkkhrxng aetkyngmiidpldxyangepnthangkarephiyngaetmimtiethannaelaihphraecaexdewirdepnphutdsinphrathyinkaryxmrbmtikhxngrthspha emuxwnthi 20 mkrakhm kh s 1327 phraecaexdewirdkthrngidrbaecngthiprasathekhnnilewirththungmtikhxngrthsphaaelakhxklawhatangthimitxphraxngkh khxklawharwmthng imthrngmismrrthphaphinkarpkkhrxngodykarthithrngxnuyatihphuxunmapkkhrxngaethnphraxngkhsungthaihmiphlesiyhaytxprachachnaelasthabnsasna imthrngfngkhaaenanathidiaelathatamkhaaenanathithaihepnphramhakstriythiimehmaasm thrngesiydinaednskxtaelnd aeksokhni aela ixraelndephraaimthrngmikhwamsamarththangkarpkkhrxngthicarksadinaednehlanniwid thrngsrangkhwamesiyhaytxsthabnormnkhathxlikaelathrngcakhngphuaethnkhxngsasna thrngxnuyatihkhunnangthukkhatkrrm yudthrphy cakhng aela enreths imthrngmikhwamyutithrrmaelayngthrngpkkhrxngodyexaphlpraoychnthiimepnthrrmaelaxnuyatihphuxunkrathaechnediywkn aelathrnghlbhniipkbphumikhwamphidtang txrachxanackrodythingrachxanackriwihwanglngodyprascakrthbalsungepnphlthaihprachachnhmdkhwamechuxmnaelakhwamsrththainrthbal phraecaexdewirdthrngkhadimthungthungkhwamrunaerngkhxngkhxklawhatang aelaphlkartdsinthrngknaesngipinkhnathithrngfng emuxesrccakkarxankhxklawha rthbalkyunkhxaenanaihthrngeluxkrahwakarslarachsmbtiihkbphrarachoxrs hrux ptiesthkhxklawhaaelaslarachsmbtiihkbphuidphuhnungthiimichphrayatiaetmiprasbkarninkarpkkhrxngsunginkrninikkhngcahmaythungmxrtiemxr phraecaexdewirdcungthrngslarachsmbtiihkbphrarachoxrs esxrwileliym thrsseslphuepntwaethnrthsphacungprakasaethnrthsphaykelikkhwamcngrkphkditxphraecaexdewird rchsmykhxngphraecaexdewirdthi 2 cungsinsudlng karslarachsmbtikhxngphraecaexdewirdidrbkarprakasxyangepnthangkarthilxndxnemuxwnthi 24 mkrakhm kh s 1327 wntxmacungepnwnaerkkhxngrchsmykhxngphraecaexdewirdthi 3 aehngxngkvs phumiphrachnmphrrsa 14 piaelaepnphuthiyngthukkhwbkhumodyphrarachinixisaebllaaelamxrtiemxr phraecaexdewirdthi 2 exngkyngthrngthukcakhngswrrkhtxnusrnkhxngphraecaexdewirdthi 2 thimhawiharklxsetxr rthbalkhxngphrarachinixissaebllaaelamxrtiemxrxyuinsphaphthingxnaengncnimklathicathingphraecaexdewirdthi 2 iwkbstruthangkaremuxng emuxwnthi 3 emsayn phraecaexdewirdthi 2 thrngthukyaycakprasathekhnnilewirthipxyuinkhwamduaelkhxngkhnkhxngmxrtiemxr txmakthrngthukyayipcakhngthiprasathbarkhliy inmlthlklxsetxrechxr sungechuxknodythwipwaepnthithithrngthukplngphrachnmodykhnkhxngphrarachinixissaebllaaelamxrtiemxr khwamsngsyxnnitxmaidrbkarkhyaykhwamtxmaody khunwnthi 11 tulakhmkhnathithrngnxnxyukthrngthukcbtrungkbaethnbrrthmaelakdthbdwythinxn thaihimthrnghayphrathyid khnathi phuthimathakar exathxnehlkephaif sxdekhaipinthxinbriewnthilbkhxngphrawrkaykhxngphraxngkh ephuxihephaphayinrangkaythielyipcaklaisihy dd karkhadwywithinithaihduehmuxnphutaytaytamthrrmchatiephraaphuthacasxdthxnehlkkxnthicaichthxnehlkrxnswnlukekhaipinrangkaycungthaihimehnrxyihmcakphaynxk tamkhaklawkhxngnxrmn exf aekhnthxr karkrathathitharunechnniepnphlcakptikiriyabangswnkhxngsthabnsasnaaelaphumixiththiphlthangkhwamkhidehneruxngkarrkephsediywkn txkarthithrngmikhwamoprdprankhnrkchawfrngesskhxngphraxngkh aelayngepnptikiriyatxkhwamimphungphxic khwamokrth aelakhwamkarhmdxalytayxyaktang dd eruxngrawtang ekiywkbkarswrrkhtkhxngphraecaexdewirdthi 2 immihlkthansnbsnuncakkhxekhiynid cakkhriststwrrthi 14 hlkthanthiiklekhiyngthisudkepnbnthukkhxngaexdm emxrimththiklawwakhwamechuxswnihyekiywkbsaehtukarswrrkhtkhuxthrngthukklnlmhayicihtay bnthuklithchfildklawwathrngthukbibkhx bnthukxun klawwaesdcswrrkhtepniptamthrrmchati cnkrathngklangkhristthsstwrrs 1330 cungidmikhawluxeruxngthxnehlkknepnthiaephrhlay inphrarachprawtikhxngphrarachinixissaebllathiekhiynodynkprawtisastr Alison Weir ewiyresnxthvstiihmthixangcak cdhmayfiexschi Fieschi Letter sungepncdhmayody manuexl edx fiexschi phrachawecnwthungphraecaexdewirdthi 3 rawpi kh s 1337 odyklawwaphraecaexdewirdthi 2 miidthrngthukplngphrachnmaetthrnghnicakkarkhumkhng aelamiphrachnmxyutxmaxyangphuhniphycnesdcswrrkht exiyn mxrtiemxrinphrarachprawtiphraecaexdewirdthi 3 yunynwa phraecaexdewirdthi 2 thrngmichiwitxyutxmaxikxyangnxysibexdpihlngcakpi kh s 1327 thiechuxknwaepnpithiswrrkht aelaipesdcswrrkhtexathipraethsxitalixangxingNorman F Cantor In the Wake of the Plague p 75 kxnhnaorkhrabad duephimrachxanackrxngkvsaehlngkhxmulxunphraecaexdewirdthi 2kxnhna phraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvs thdipexdewirdthi 1 kstriyaehngxngkvs rachwngsaephlnthaecenth kh s 1307 kh s 1327 exdewirdthi 3