ชินเซ็งงุมิ (ญี่ปุ่น: 新選組 หรือ 新撰組; โรมาจิ: Shinsengumi; ฮิรางานะ: しんせんぐみ; แปลว่า: "กลุ่มผู้ถูกคัดเลือกใหม่") เป็นชื่อของกลุ่มของประเทศญี่ปุ่นในยุคบะกุมะสึ หรือช่วงปลายแห่งการปกครองของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
หลังจากญี่ปุ่นต้องเปิดประเทศเพื่อค้าขายกับชาวตะวันตกภายหลังการมาเยือนพลเรือจัตวาแมทธิว เพร์รี แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1853 สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศญี่ปุ่นก็ยิ่งทวีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ประเทศถูกแบ่งแยกด้วยความคิดทางการเมืองสายต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งหนึ่งในแนวคิดสำคัญที่ปรากฏในยุคนั้นคือ แนวคิด "ซนโนโจอิ" (尊皇攘夷) หรือ "เทิดทูนจักรพรรดิ ขับชาติป่าเถื่อน" กลุ่มผู้เทิดทูนพระจักรพรรดิญี่ปุ่นเหล่านี้ได้เริ่มใช้ปฏิบัติการทั้งการลอบสังหารบรรดาผู้เห็นต่างและการก่อความรุนแรงในกรุงเกียวโตซึ่งเป็นนครหลวงของพระจักรพรรดิ ด้วยความหวังที่จะแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว ในปี ค.ศ. 1863 รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะจึงได้จัดตั้งกลุ่ม (浪士組) ประกอบด้วยโรนินหรือซามูไรไร้นายจำนวน 234 คน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ หัวหน้ากลุ่มแต่เพียงในนาม และ หัวหน้ากลุ่มตัวจริง ภารกิจอย่างเป็นทางการของกลุ่มโรชิงุมิคือการคุ้มครองโชกุนโทกูงาวะ อิเอโมจิ โชกุนคนที่ 14 ของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ซึ่งกำลังเตรียมการจะเดินทางจากเอโดะไปยังราชสำนักเกียวโต
ประวัติ
กลุ่มโรชิงุมิได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากรัฐบาลโทะกุงะวะ แต่อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่แท้จริงของคิโยะคะวะ ฮะจิโร ซึ่งถูกเปิดเผยเมื่อนำกลุ่มมาถึงนครเกียวโตก็คือ การรวบรวมโรนินเพื่อทำงานสนับสนุนองค์พระจักรพรรดิ เพื่อเป็นการตอบโต้ สมาชิกของกลุ่มโรชิงุมิจำนวน 13 คน จึงได้แยกตัวออกมาจัดตั้งกลุ่มชินเซ็งงุมิ และสมาชิกที่ภักดีต่อรัฐบาลโทะกุงะวะอีกส่วนหนึ่งก็ได้แยกตัวกลับไปที่เอะโดะและก่อตั้งกลุ่มชินโชงุมิขึ้น (新徴組) โดยอยู่ภายใต้การสนับสนุนของ
ในชั้นแรก กลุ่มชินเซ็งงุมิเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "มิบุโร" (壬生浪) ซึ่งหมายถึง "โรนินแห่งมิบุ" (ย่อจากคำเต็ม "มิบุโรชิงุมิ" หรือ "กลุ่มโรชิงุมิแห่งมิบุ") เนื่องจากว่าพวกเขาได้ตั้งกลุ่มอยู่ที่หมู่บ้านมิบุซึ่งเป็นพื้นที่ชานเมืองของนครเกียวโต อย่างไรก็ตาม กิตติศัพท์ของกลุ่มเปลี่ยนไปในทางไม่ดีจากการปฏิบัติการที่เฉียบขาดและรุนแรง ในไม่ช้าฉายาของกลุ่มจึงเปลี่ยนไปเป็น "ฝูงหมาป่าแห่งมิบุ" แทน ชื่อดังกล่าวนี้ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า "มิบุโร" เหมือนกัน แต่ใช้อักษรคนละตัว (壬生狼) ส่วนชื่อชินเซ็งงุมิซึ่งได้มาภายหลังนั้น มีความหมายว่า "กลุ่มผู้ถูกคัดเลือกใหม่" ("ชิน" หมายถึง "ใหม่", เซ็น" หมายถึง "คัดเลือก", "งุมิ" หมายถึง "กลุ่ม", "กอง" หรือ "หมวด")
ผู้บัญชาการกลุ่มในชั้นดั้งเดิมที่สุดนั้น ได้แก่ , คนโด อิซะมิ, และ ในชั้นต้นนั้น กลุ่มมิบุโรประกอบด้วยกลุ่มย่อย 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเซะริซะวะ กลุ่มคนโด และกลุ่มโทะโนะอุจิ ดังรายชื่อที่ปรากฏเบื้องล่าง อย่างไรก็ตาม โทะโนะอุจิและอิเอะซะโตได้ถูกสังหารหลังจากการตั้งกลุ่มไม่นานนัก
กลุ่มเซะริซะวะ : | กลุ่มคอนโด: | กลุ่มโทะโนะอุจิ: |
หลังการกวาดล้างกลุ่มของโทะโนะอุจิ โยะชิโอะแล้ว กลุ่มมิบุโรก็เหลือกำลังหลักเพียง 2 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มซามูไรชาวของเซะริซะวะ และกลุ่มศิษย์สำนักดาบชิเอคังของคนโด ทั้งสองกลุ่มนี้ยังคงมีที่มั่นอยู่ที่หมู่บ้านมิบุ ชานกรุงเกียวโต ต่อมาทางกลุ่มได้ส่งจดหมายไปยังทางแคว้นไอสึเพื่อขออนุญาตทำหน้าที่ตรวจการในนครเกียวโต และปฏิบัติการต่อต้านบรรดานักปฏิวัติซึ่งเทิดทูนจักรพรรดิและต้องการล้มล้างรัฐบาลโทกุงะวะ ซึ่งคำร้องขอดังกล่าวนี้ได้รับการอนุมัติ
ในวันที่ 30 กันยายน (ตรงกับวันที่ 18 เดือน 8 ทางจันทรคติญี่ปุ่น) รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ และแคว้นซัตสึมะ ได้ร่วมกันขับไล่แคว้นโจชูให้ออกไปจากราชสำนักพระจักรพรรดิ สมาชิกทุกคนของกลุ่มมิบุโรชิงุมิได้ถูกส่งให้มาช่วยเหลือทางแคว้นไอสึและคอยรักษาประตูพระราชวังมิให้ฝ่ายโจชูเข้ามาในราชสำนักได้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้อำนาจในเวทีการเมืองของเกียวโตยกระดับขึ้นจากทั้งจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลโชกุนจากแคว้นโจชู และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลโชกุนจากแคว้นไอสึ ชื่อของกลุ่มชินเซ็งงุมิได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงนี้จากผลงานการรักษาประตูพระราชวังของกลุ่มมิบุโรชิงุมิ ซึ่งเกี่ยวกับผู้ที่มอบชื่อนี้ให้ ในทางหนึ่งกล่าวว่ามาจากทางฝ่ายราชสำนัก อีกทางหนึ่งกล่าวว่ามาจาก ไดเมียวแห่งแคว้นไอสึ
ศัตรูที่สำคัญที่สุดของกลุ่มชินเซ็งงุมิ ได้แก่พวกโรนินแห่งตระกูลโมริจากแคว้นโจชู และต่อมาภายหลังก็ได้แก่อดีตพันธมิตรซามูไรของตระกูลชิมะสึจากแคว้นซัตซึมะ ซึ่งมีจุดยืนในการสนับสนุนพระจักรพรรดิ
การกระทำอย่างสะเพร่าของเซะริซะวะและนิอิมิ ซึ่งทำในนามของกลุ่มชินเซ็งงุมิ ได้ทำให้ทั้งกลุ่มกลายเป็นที่หวาดกลัวทั่วทั้งเกียวโตเมื่อออกปฏิบัติการรักษาความสงบภายในพระนคร ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1863 นิอิมิ นิชิกิ ซึ่งถูกลดขั้นเป็นเพียงรองหัวหน้ากลุ่มจากเหตุที่ไปต่อสู้กับกลุ่มซูโม่ ได้ถูกฮิจิคะตะและยะมะนะมิสั่งให้คว้านท้องตนเอง และอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ให้หลัง เซะริซะวะ คะโมะก็ถูกลอบสังหารโดยสมาชิกกลุ่มของคนโด ภายใต้คำสั่งการของมัตซึไดระ คะตะโมะริ
ปฏิบัติการในคดีอิเคะดะยะ (池田屋事件 - อิเคะดะยะจิเค็น) ในปี ค.ศ. 1864 ซึ่งทำให้นครเกียวโตรอดพ้นจากการวางเพลิงโดยซามูไรหัวรุนแรงชาวแคว้นโจชู ได้ทำให้กลุ่มชินเซ็งงุมิโด่งดังในชั่วข้ามคืน มีคนเข้าสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ต้องมีการจัดระบบภายในเสียใหม่
กลุ่มชินเซ็งงุมิซึ่งมีจุดยืนที่ภักดีต่อรัฐบาลโชกุน ได้ถอนตัวออกจากกรุงเกียวโตอย่างสงบภายใต้การควบคุมของ ขุนนางตำแหน่งของรัฐบาลโชกุน ก่อนหน้าการยอมจำนนต่อราชสำนักของโชกุนโทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ไม่นานนัก ถึงอย่างไรก็ดี ในฐานะที่กลุ่มดังกล่าวได้ถูกจัดเป็นกองรักษาการณ์ประจำเมืองฟุชิมิ ในไม่ช้ากลุ่มชินเซ็งงุมิจึงได้เข้าร่วมในยุทธการโทะบะ-ฟุชิมิด้วย ในเวลาต่อมาขณะที่ยังคงมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นอกนครเอะโดะ คนโด อิซะมิ ผู้นำของกลุ่มได้ถูกฝ่ายรัฐบาลในพระนามของจักรพรรดิเมจิจับเป็นเชลยและประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ กลุ่มชินเซ็งงุมิที่เหลืออยู่บางส่วนได้อยู่ภายใต้การนำของไซโต ฮะจิเมะ เพื่อต่อสู้ป้องกัน สมาชิกที่เหลืออีกจำนวนมากภายใต้การนำของฮิจิคะตะ โทะชิโซ ได้แตกหนีขึ้นไปทางเหนือเพื่อสมทบเข้ากับกองกำลังของสาธารณรัฐเอะโสะ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้ กลุ่มชินเซ็งงุมิสามารถฟื้นฟูกำลังของตนขึ้นมาได้บางส่วนอีกครั้ง โดยมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 100 คน โดยทั่วไปแล้วถือกันว่ามรณกรรมของฮิจิคะตะ โทะชิโซ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน (ตรงกับวันที่ 11 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติญี่ปุ่น) ค.ศ. 1869 คือจุดสิ้นสุดของกลุ่มชินเซ็งงุมิ แม้ว่าจะมีกำลังบางส่วนภายใต้การนำของ ที่เบ็นเท็น-ไดบะ ได้ทำการยอมจำนนเป็นการต่างหากในภายหลังก็ตาม
มีสมาชิกระดับแกนนำสำคัญของกลุ่มจำนวนไม่มากที่รอดชีวิตหลังจากการสลายกลุ่ม เช่น , ไซโต ฮะจิเมะ และ สมาชิกบางคน เช่น ทะคะงิ เทซะคุ ได้กลายบุคคลสำคัญในวงสังคมญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
สมาชิกกลุ่ม
ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดนั้น ชินเซ็งงุมิมีสมาชิกจำนวนราว 300 คน กลุ่มดังกล่าวนี้นับเป็นซามูไรกลุ่มแรกในสมัยการปกครองของตระกูลโทะกุงะวะ ที่อนุญาตให้บุคคลจากชนชั้นที่ไม่ใช่ซามูไร เช่น ชนชั้นพ่อค้า ชนชั้นชาวนา สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ ก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นมีระบบชนชั้นวรรณะที่เคร่งครัดมากและไม่สามารถเลื่อนจากฐานะที่ตำกว่าไปสู่ฐานะที่สูงกว่าได้ง่ายนัก ผู้คนที่เข้าร่วมกลุ่มด้วยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะหาทางเลื่อนชนชั้นของตนเป็นซามูไรหรือต้องการมีส่วนรวมทางการเมืองเป็นส่วนมาก อย่างไรก็ตาม การกล่าวว่าสมาชิกของกลุ่มชินเซ็งงุมิส่วนมากไม่ใช่ชนชั้นซามูไรนับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด จากจำนวนสมาชิกของชินเซ็งงุมิ 106 คน (จำนวนรวมทั้งหมดคือประมาณ 302 คนในเวลานั้น) ประกอบด้วยซามูไร 87 คน, ชาวนา 8 คน, พ่อค้า 3 คน, แพทย์ 3 คน, นักบวช 3 คน, และช่างฝีมือ 2 คน มีผู้นำกลุ่มเพียงไม่กี่คนที่เป็นชนชั้นซามูไรโดยกำเนิด เช่น ยะมะนะมิ เคย์สุเกะ, โอะคิตะ โซจิ, นะงะคุระ ชินปะจิ, และฮะระดะ ซะโนะสุเกะ
สายการบังคับบัญชาหลังคดีอิเกะดะยะ
- หัวหน้ากลุ่ม (局長 เคียวคุโจ)
- คนโด อิซะมิ ผู้สืบทอดวิชาดาบสายลำดับที่ 4
- หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ (総長 โซโจ)
- รองหัวหน้ากลุ่ม (副長 ฟุกุโจ)
- ที่ปรึกษาด้านการทหาร (参謀 ซัมโบ)
- หัวหน้าหน่วยย่อย (組長 คุมิโจ)
- ()
- (ครูดาบ)
- ไซโต ฮะจิเมะ (ครูดาบ)
- (ครูฝึกยิวยิตซึ)
- (ครูฝึกยุทธวิธีทางการทหาร)
- (ครูหอก)
- สายลับ
ข้อบังคับของกลุ่ม
กลุ่มชินเซ็งงุมิมีข้อบังคับซึ่งถือเป็นกฎเหล็กอยู่ 5 ข้อ อันมีชื่อว่า "เคียวคุจูฮัตโตะ" (ญี่ปุ่น: 局中法度; : Kyokuchū Hatto) กำหนดขึ้นโดย ฮิจิคะตะ โทะชิโซ ดังนี้
- ต้องปฏิบัติตนตามวิถีนักรบอย่างเคร่งครัด
- ห้ามหลบหนีออกจากกลุ่ม
- ห้ามรับเงินตราโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ห้ามลงมือสะสางเรื่องใดๆ ตามอำเภอใจ
- ห้ามต่อสู้ด้วยเรื่องส่วนตัว
ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎทั้งห้าข้อนี้จะต้องคว้านท้องตนเองโดยไม่มีการอุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่สมาชิกของชินเซ็งงุมิจะต้องยึดถือเป็นบรรทัดฐาน
- กรณีที่หัวหน้าหน่วยได้รับอันตรายถึงชีวิต สมาชิกในหน่วยจะต้องต่อสู้จนกว่าตัวจะตาย
- ในการต่อสู้ที่มีผู้เสียชีวิต ไม่อนุญาตให้นำศพกลับ เว้นแต่ศพของหัวหน้าหน่วยเท่านั้น
- ในกรณีที่สมาชิกของกลุ่มต้องปะทะกับคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าที่หรือไม่ หากปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้แม้จะเป็นในสภาพที่บาดเจ็บ หรือกระทั่งถูกแทงที่กลางหลัง ผู้นั้นจะต้องคว้านท้องตนเอง
เครื่องแต่งกาย
สมาชิกของกลุ่มชินเซ็งงุมิสามารถแยกแยะได้ง่ายในสนามรบจากเครื่องแบบที่โดดเด่นของพวกเขาเอง ตามคำสั่งของเซริซะวะ คะโมะ หนึ่งในหัวหน้ากลุ่ม เครื่องแบบของกลุ่มประกอบด้วยเสื้อและกางเกง สวนทับเสื้อกิโมะโนะตัวใน มีสายคาดสีขาวที่เรียกว่า "ทะสุกิ" พาดทับอกเสื้อและโยงไปยังด้านหลังเสื้อ สายดังกล่าวนี้ใช้สำหรับมัดชายเสื้อฮะโอริเวลาถูกพับขึ้นเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก เอกลักษณ์อันโดดเด่นของเครื่องแบบชินเซ็งงุมินี้อยู่ที่เสื้อฮะโอะริซึ่งใช้สีที่เรียกว่า "อะซะงิอิโร" (浅葱色, โดยทั่วไปจะเป็นสีฟ้าอ่อน แต่บางครั้งอาจเป็นสีเหลืองอ่อนก็มี) ที่ชายแขนเสื้อฮะโอะรินั้นตกแต่งเป็นลวดลาย "แถบภูเขาสีขาว" ทำให้ดูเด่นกว่าเสื้อของนักรบโดยทั่วไปที่ทำเป็นสีพื้นสีน้ำตาล สีดำ หรือสีเทา การที่ชุดโดดเด่นในสนามรบเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ฝ่ายมิตรสังเกตได้ง่ายเท่านั้น ในทางกลับกัน ฝ่ายศัตรูก็ย่อมสามารถระบุเป้าหมายที่เป็นชินเซ็งงุมิได้ง่ายด้วยเช่นกัน
เชิงอรรถ
- สำหรับแนวคิดซนโนโจอิก่อนการมาเยือนของเพอร์รี ดูที่ Bob Tadashi Wakabayashi, Anti-foreignism and Western learning in early-modern Japan : The new theses of 1825. (Cambridge: Harvard University Press, 1986)
- Ōishi Manabu, Shinsengumi: Saigo no Bushi no Jitsuzō. (Tokyo: Shin Jinbutsu Oraisha, 2004), p. 65
- Ōishi, p. 65
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 2011-05-07.
- ชื่อตามที่อ่านไว้ใน Ōishi, p. 76.
- ข้อโต้แย้งเรื่องที่มัตซึไดระ คะตะโมะริ เป็นผู้ตั้งนาม "ชินเซ็งงุมิ" เกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบจากความคล้ายคลึงของชื่อหน่วยรบกลุ่มหนึ่งของแคว้นไอสึที่ตั้งขั้นในภายหลัง อันมีชื่อว่า กลุ่ม "เบ็ซเซ็งงุมิ" (別選組) หรือ "กลุ่มที่ถูกเลือกเป็นการเฉพาะ" สำหรับข้อมูลของกลุ่มดังกล่าว ดูที่ http://jpco.sakura.ne.jp/shishitati1/kakuhan-page1/5/5-7.htm
- Ōishi, pp. 172–174; http://www.bakusin.com/nagai.html
- Ōishi, p. 177
- Ōishi, pp. 217–230.
- Ōishi, p. 246.
- ทะคะงิ เทซะคุ เป็นศาตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮิโตะสึบาชิ ในสมัยเมจิ ดูเพิ่มเติมที่ http://www.city.kuwana.lg.jp/culture_sports_and_education_article_262.html 2007-03-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
อ้างอิง
- Shinsengumi: The Shogun's Last Samurai Corps, by Romulus Hillsborough (2005)
- Samurai Sketches: From the Bloody Final Years of the Shogun, by Romulus Hillsborough (2001)
- Kikuchi Akira 菊地明 and Aikawa Tsukasa 相川司. Shinsengumi Jitsuroku 新選組実錄. Tokyo: Chikuma-shobō 筑摩書房, 1996.
- Ōishi Manabu 大石学. Shinsengumi: Saigo no Bushi no Jitsuzō 新選組: 「最後の武士」の実像. Tokyo: 中央公論新社, 2004.
- Sasaki Suguru 佐々木克. Boshin sensō: Haisha no Meiji ishin 戊辰戦争 : 敗者の明治維新. Tokyo: 中央公論社, 1977.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Shinsengumi Headquarters Website created to address the needs of those who are interested in the history, related film/TV/anime, fanfiction, fanart and various incarnations of the Shinsengumi.
- Hajimenokizu A site dedicated to Saitou Hajime and the Shinsengumi in various fictional and historical incarnations.
- Samurai Archives - Shinsengumi
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha chinesngngumi yipun 新選組 hrux 新撰組 ormaci Shinsengumi hirangana しんせんぐみ aeplwa klumphuthukkhdeluxkihm epnchuxkhxngklumkhxngpraethsyipuninyukhbakumasu hruxchwngplayaehngkarpkkhrxngkhxngrthbalochkunothakungawathngkhxngklumchinesngngumiphumihlngthangprawtisastrhlngcakyipuntxngepidpraethsephuxkhakhaykbchawtawntkphayhlngkarmaeyuxnphleruxctwaaemththiw ephrri aehngkxngthpheruxshrth inpi kh s 1853 sthankarnthangkaremuxngphayinpraethsyipunkyingthwikhwamyungyakmakyingkhun praethsthukaebngaeykdwykhwamkhidthangkaremuxngsaytang thihlakhlay sunghnunginaenwkhidsakhythipraktinyukhnnkhux aenwkhid snonocxi 尊皇攘夷 hrux ethidthunckrphrrdi khbchatipaethuxn klumphuethidthunphrackrphrrdiyipunehlaniiderimichptibtikarthngkarlxbsngharbrrdaphuehntangaelakarkxkhwamrunaernginkrungekiywotsungepnnkhrhlwngkhxngphrackrphrrdi dwykhwamhwngthicaaekikhsthankarndngklaw inpi kh s 1863 rthbalochkunothkungawacungidcdtngklum 浪士組 prakxbdwyorninhruxsamuirirnaycanwn 234 khn sungxyuphayitkarkhwbkhumkhxng hwhnaklumaetephiynginnam aela hwhnaklumtwcring pharkicxyangepnthangkarkhxngklumorchingumikhuxkarkhumkhrxngochkunothkungawa xiexomci ochkunkhnthi 14 khxngrthbalochkunothakungawa sungkalngetriymkarcaedinthangcakexodaipyngrachsankekiywotprawtiidemiywaehng phuihkarsnbsnunklumchinesngngumi klumorchingumiidrbkarsnbsnundanenginthuncakrthbalothakungawa aetxyangirktam epahmaythiaethcringkhxngkhioyakhawa hacior sungthukepidephyemuxnaklummathungnkhrekiywotkkhux karrwbrwmorninephuxthangansnbsnunxngkhphrackrphrrdi ephuxepnkartxbot smachikkhxngklumorchingumicanwn 13 khn cungidaeyktwxxkmacdtngklumchinesngngumi aelasmachikthiphkditxrthbalothakungawaxikswnhnungkidaeyktwklbipthiexaodaaelakxtngklumchinochngumikhun 新徴組 odyxyuphayitkarsnbsnunkhxng inchnaerk klumchinesngngumiepnthiruckkninchux mibuor 壬生浪 sunghmaythung orninaehngmibu yxcakkhaetm mibuorchingumi hrux klumorchingumiaehngmibu enuxngcakwaphwkekhaidtngklumxyuthihmubanmibusungepnphunthichanemuxngkhxngnkhrekiywot xyangirktam kittisphthkhxngklumepliynipinthangimdicakkarptibtikarthiechiybkhadaelarunaerng inimchachayakhxngklumcungepliynipepn funghmapaaehngmibu aethn chuxdngklawniinphasayipunxxkesiyngwa mibuor ehmuxnkn aetichxksrkhnlatw 壬生狼 swnchuxchinesngngumisungidmaphayhlngnn mikhwamhmaywa klumphuthukkhdeluxkihm chin hmaythung ihm esn hmaythung khdeluxk ngumi hmaythung klum kxng hrux hmwd phubychakarkluminchndngedimthisudnn idaek khnod xisami aela inchntnnn klummibuorprakxbdwyklumyxy 3 klum khux klumesarisawa klumkhnod aelaklumothaonaxuci dngraychuxthipraktebuxnglang xyangirktam othaonaxuciaelaxiexasaotidthuksngharhlngcakkartngklumimnannk klumesarisawa klumkhxnod khnod xisami hicikhata othachios isot haciema klumothaonaxuci hlksilarabutaaehnngthitngkhxngorngaermxiekhada cudekidehtukhxngkhdixiekhadayainpi kh s 1864 xnnamasuyukhthirungeruxngthisudkhxngklumchinesngngumi hlngkarkwadlangklumkhxngothaonaxuci oyachioxaaelw klummibuorkehluxkalnghlkephiyng 2 klumyxy khux klumsamuirchawkhxngesarisawa aelaklumsisysankdabchiexkhngkhxngkhnod thngsxngklumniyngkhngmithimnxyuthihmubanmibu chankrungekiywot txmathangklumidsngcdhmayipyngthangaekhwnixsuephuxkhxxnuyatthahnathitrwckarinnkhrekiywot aelaptibtikartxtanbrrdankptiwtisungethidthunckrphrrdiaelatxngkarlmlangrthbalothkungawa sungkharxngkhxdngklawniidrbkarxnumti inwnthi 30 knyayn trngkbwnthi 18 eduxn 8 thangcnthrkhtiyipun rthbalochkunothakungawa aelaaekhwnstsuma idrwmknkhbilaekhwnocchuihxxkipcakrachsankphrackrphrrdi smachikthukkhnkhxngklummibuorchingumiidthuksngihmachwyehluxthangaekhwnixsuaelakhxyrksapratuphrarachwngmiihfayocchuekhamainrachsankid ehtukarndngklawthaihxanacinewthikaremuxngkhxngekiywotykradbkhuncakthngcakklumtxtanrthbalochkuncakaekhwnocchu aelaklumsnbsnunrthbalochkuncakaekhwnixsu chuxkhxngklumchinesngngumiidthuxkaenidkhuninchwngnicakphlngankarrksapratuphrarachwngkhxngklummibuorchingumi sungekiywkbphuthimxbchuxniih inthanghnungklawwamacakthangfayrachsank xikthanghnungklawwamacak idemiywaehngaekhwnixsu struthisakhythisudkhxngklumchinesngngumi idaekphwkorninaehngtrakulomricakaekhwnocchu aelatxmaphayhlngkidaekxditphnthmitrsamuirkhxngtrakulchimasucakaekhwnstsuma sungmicudyuninkarsnbsnunphrackrphrrdi karkrathaxyangsaephrakhxngesarisawaaelaniximi sungthainnamkhxngklumchinesngngumi idthaihthngklumklayepnthihwadklwthwthngekiywotemuxxxkptibtikarrksakhwamsngbphayinphrankhr inwnthi 19 tulakhm kh s 1863 niximi nichiki sungthukldkhnepnephiyngrxnghwhnaklumcakehtuthiiptxsukbklumsuom idthukhicikhataaelayamanamisngihkhwanthxngtnexng aelaxikimekin 2 spdahihhlng esarisawa khaomakthuklxbsngharodysmachikklumkhxngkhnod phayitkhasngkarkhxngmtsuidra khataomari ptibtikarinkhdixiekhadaya 池田屋事件 xiekhadayaciekhn inpi kh s 1864 sungthaihnkhrekiywotrxdphncakkarwangephlingodysamuirhwrunaerngchawaekhwnocchu idthaihklumchinesngngumiodngdnginchwkhamkhun mikhnekhasmkhrepnsmachikklumephimkhunxyangrwderw cnthaihtxngmikarcdrabbphayinesiyihm klumchinesngngumisungmicudyunthiphkditxrthbalochkun idthxntwxxkcakkrungekiywotxyangsngbphayitkarkhwbkhumkhxng khunnangtaaehnngkhxngrthbalochkun kxnhnakaryxmcanntxrachsankkhxngochkunothakungawa oyachionabu imnannk thungxyangirkdi inthanathiklumdngklawidthukcdepnkxngrksakarnpracaemuxngfuchimi inimchaklumchinesngngumicungidekharwminyuththkarothaba fuchimidwy inewlatxmakhnathiyngkhngmikartxsuekidkhunthinxknkhrexaoda khnod xisami phunakhxngklumidthukfayrthbalinphranamkhxngckrphrrdiemcicbepnechlyaelapraharchiwitdwykartdsirsa klumchinesngngumithiehluxxyubangswnidxyuphayitkarnakhxngisot haciema ephuxtxsupxngkn smachikthiehluxxikcanwnmakphayitkarnakhxnghicikhata othachios idaetkhnikhunipthangehnuxephuxsmthbekhakbkxngkalngkhxngsatharnrthexaosa inchwngrayaewladngklawni klumchinesngngumisamarthfunfukalngkhxngtnkhunmaidbangswnxikkhrng odymicanwnsmachikmakkwa 100 khn odythwipaelwthuxknwamrnkrrmkhxnghicikhata othachios emuxwnthi 20 mithunayn trngkbwnthi 11 eduxn 5 tamptithincnthrkhtiyipun kh s 1869 khuxcudsinsudkhxngklumchinesngngumi aemwacamikalngbangswnphayitkarnakhxng thiebnethn idba idthakaryxmcannepnkartanghakinphayhlngktam mismachikradbaeknnasakhykhxngklumcanwnimmakthirxdchiwithlngcakkarslayklum echn isot haciema aela smachikbangkhn echn thakhangi ethsakhu idklaybukhkhlsakhyinwngsngkhmyipuninewlatxmasmachikklumkhnod xisami hwhnaklumchinesngngumihicikhata othachios rxnghwhnaklumchinesngngumi phumismyanam rxnghwhnapisac yipun 鬼の副長 ormaci oni no fukuchō thbsphth oxani ona fukhuoc inchwngthirungeruxngthisudnn chinesngngumimismachikcanwnraw 300 khn klumdngklawninbepnsamuirklumaerkinsmykarpkkhrxngkhxngtrakulothakungawa thixnuyatihbukhkhlcakchnchnthiimichsamuir echn chnchnphxkha chnchnchawna samarthekharwmklumid kxnhnannyipunmirabbchnchnwrrnathiekhrngkhrdmakaelaimsamartheluxncakthanathitakwaipsuthanathisungkwaidngaynk phukhnthiekharwmklumdwymicudprasngkhephuxthicahathangeluxnchnchnkhxngtnepnsamuirhruxtxngkarmiswnrwmthangkaremuxngepnswnmak xyangirktam karklawwasmachikkhxngklumchinesngngumiswnmakimichchnchnsamuirnbwaepneruxngthiekhaicphid cakcanwnsmachikkhxngchinesngngumi 106 khn canwnrwmthnghmdkhuxpraman 302 khninewlann prakxbdwysamuir 87 khn chawna 8 khn phxkha 3 khn aephthy 3 khn nkbwch 3 khn aelachangfimux 2 khn miphunaklumephiyngimkikhnthiepnchnchnsamuirodykaenid echn yamanami ekhysueka oxakhita osci nangakhura chinpaci aelaharada saonasueka saykarbngkhbbychahlngkhdixiekadaya hwhnaklum 局長 ekhiywkhuoc khnod xisami phusubthxdwichadabsayladbthi 4hwhnafayxanwykar 総長 osoc rxnghwhnaklum 副長 fukuoc hicikhata othachiosthipruksadankarthhar 参謀 smob hwhnahnwyyxy 組長 khumioc khrudab isot haciema khrudab khrufukyiwyitsu khrufukyuththwithithangkarthhar khruhxk saylbkhxbngkhbkhxngklumklumchinesngngumimikhxbngkhbsungthuxepnkdehlkxyu 5 khx xnmichuxwa ekhiywkhucuhtota yipun 局中法度 thbsphth Kyokuchu Hatto kahndkhunody hicikhata othachios dngni txngptibtitntamwithinkrbxyangekhrngkhrd hamhlbhnixxkcakklum hamrbengintraodyimidrbxnuyat hamlngmuxsasangeruxngid tamxaephxic hamtxsudwyeruxngswntw phuthifafunkdthnghakhxnicatxngkhwanthxngtnexngodyimmikarxuththrnid thngsin swnkhxkhwamtxipniepnsingthismachikkhxngchinesngngumicatxngyudthuxepnbrrthdthan krnithihwhnahnwyidrbxntraythungchiwit smachikinhnwycatxngtxsucnkwatwcatay inkartxsuthimiphuesiychiwit imxnuyatihnasphklb ewnaetsphkhxnghwhnahnwyethann inkrnithismachikkhxngklumtxngpathakbkhnaeplkhna imwacaxyuinhnathihruxim hakplxyihstruhniipidaemcaepninsphaphthibadecb hruxkrathngthukaethngthiklanghlng phunncatxngkhwanthxngtnexngekhruxngaetngkaylksnakaraetngkaykhxngchinesngngumi smachikkhxngklumchinesngngumisamarthaeykaeyaidngayinsnamrbcakekhruxngaebbthioddednkhxngphwkekhaexng tamkhasngkhxngesrisawa khaoma hnunginhwhnaklum ekhruxngaebbkhxngklumprakxbdwyesuxaelakangekng swnthbesuxkiomaonatwin misaykhadsikhawthieriykwa thasuki phadthbxkesuxaelaoyngipyngdanhlngesux saydngklawniichsahrbmdchayesuxhaoxriewlathukphbkhunephuxihsamarthekhluxnihwidsadwk exklksnxnoddednkhxngekhruxngaebbchinesngnguminixyuthiesuxhaoxarisungichsithieriykwa xasangixior 浅葱色 odythwipcaepnsifaxxn aetbangkhrngxacepnsiehluxngxxnkmi thichayaekhnesuxhaoxarinntkaetngepnlwdlay aethbphuekhasikhaw thaihduednkwaesuxkhxngnkrbodythwipthithaepnsiphunsinatal sida hruxsietha karthichudoddedninsnamrbechnniimephiyngaetcathaihfaymitrsngektidngayethann inthangklbkn faystrukyxmsamarthrabuepahmaythiepnchinesngngumiidngaydwyechnknechingxrrthsahrbaenwkhidsnonocxikxnkarmaeyuxnkhxngephxrri duthi Bob Tadashi Wakabayashi Anti foreignism and Western learning in early modern Japan The new theses of 1825 Cambridge Harvard University Press 1986 Ōishi Manabu Shinsengumi Saigo no Bushi no Jitsuzō Tokyo Shin Jinbutsu Oraisha 2004 p 65 Ōishi p 65 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 07 16 subkhnemux 2011 05 07 chuxtamthixaniwin Ōishi p 76 khxotaeyngeruxngthimtsuidra khataomari epnphutngnam chinesngngumi ekidkhuncakkarepriybethiybcakkhwamkhlaykhlungkhxngchuxhnwyrbklumhnungkhxngaekhwnixsuthitngkhninphayhlng xnmichuxwa klum ebsesngngumi 別選組 hrux klumthithukeluxkepnkarechphaa sahrbkhxmulkhxngklumdngklaw duthi http jpco sakura ne jp shishitati1 kakuhan page1 5 5 7 htm Ōishi pp 172 174 http www bakusin com nagai html Ōishi p 177 Ōishi pp 217 230 Ōishi p 246 thakhangi ethsakhu epnsatracarythangdanesrsthsastraehngmhawithyalyhiotasubachi insmyemci duephimetimthi http www city kuwana lg jp culture sports and education article 262 html 2007 03 18 thi ewyaebkaemchchinxangxingShinsengumi The Shogun s Last Samurai Corps by Romulus Hillsborough 2005 ISBN 0804836272 Samurai Sketches From the Bloody Final Years of the Shogun by Romulus Hillsborough 2001 ISBN 0966740181 Kikuchi Akira 菊地明 and Aikawa Tsukasa 相川司 Shinsengumi Jitsuroku 新選組実錄 Tokyo Chikuma shobō 筑摩書房 1996 Ōishi Manabu 大石学 Shinsengumi Saigo no Bushi no Jitsuzō 新選組 最後の武士 の実像 Tokyo 中央公論新社 2004 Sasaki Suguru 佐々木克 Boshin sensō Haisha no Meiji ishin 戊辰戦争 敗者の明治維新 Tokyo 中央公論社 1977 aehlngkhxmulxun wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb chinesngngumi Shinsengumi Headquarters Website created to address the needs of those who are interested in the history related film TV anime fanfiction fanart and various incarnations of the Shinsengumi Hajimenokizu A site dedicated to Saitou Hajime and the Shinsengumi in various fictional and historical incarnations Samurai Archives Shinsengumi