วิหารแห่งซาเทต หรือ ซาทิส เป็นวิหารในสมัยอียิปต์โบราณที่สร้างอุทิศแด่เทพี ซึ่งเป็นตัวแทนของการเกิดน้ำท่วมที่แม่น้ำไนล์ วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะแอลเลเฟนไทน์แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ โดยสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยก่อนราชวงศ์แห่งอียิปต์เมื่อประมาณ 3200 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการขยายและปรับปรุงหลายครั้งตั้งแต่ช่วงสมัยราชวงศ์เริ่มแรกเป็นต้นไปอีก 3000 ปีข้างหน้าจนถึงช่วงสมัยราชวงศ์ปโตเลมี วิหารแห่งซาเทตเป็นตัวอย่างหลักฐานที่ดีที่สุดของวิหารในอียิปต์โบราณที่มีการก่อสร้างที่ได้รับการยืนยันตลอดช่วงสมัยการปกครองโดยฟาโรห์
วิหารแห่งซาเทต ในไฮเออโรกลีฟ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
Pr-Sṯt เพอร์-เซทเจต |
สมัยช่วงเวลาแรกสุดจนถึงสมัยช่วงระหว่างกลางที่หนึ่ง
วิหารแห่งซาเทตที่เก่าแก่ที่สุดถูกสร้างขึ้นราว 3200 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นเพียงโพรงเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างหินแกรนิตธรรมชาติขนาดใหญ่สามก้อน วิหารแห่งแรกสุดนี้มีขนาดเล็กมาก โดยส่วนของพื้นที่สักการะบูชาขนาดประมาณ 2 ม. × 2 ม. (6.6 ฟุต × 6.6 ฟุต) ที่สร้างจากอิฐโคลน ด้านหน้าของตัววิหารทางตะวันออก มีอาคารที่สร้างอิฐโคลนอยู่บ้าง วิหารแห่งนี้ได้รับการขยายเพิ่มเติมขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ที่หนึ่งและสอง และได้สร้างขึ้นใหม่ในช่วงราชวงศ์ที่สามแห่งอียิปต์ แต่ยังคงรูปแบบวิหารเดิมไว้ ทางด้านทิศใต้ด้านนอกช่องระหว่างก้อนหิน ห้องเก็บอาหารบางแห่งถูกเพิ่มเข้ามา วิหารแห่งนี้ได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในสมัยราชวงศ์ที่ห้าแห่งอียิปต์ อาจจะอยู่ในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์นูเซอร์เร ไอนิ ซึ่งเป็นจุดที่วิหารที่ตั้งอยู่ตรงกลางของโพรงหินได้ขยายให้ใหญ่ขึ้น ด้านหน้าของวิหารเป็นลานหน้าขนาดประมาณ 5 ม. × 5 ม. (16 ฟุต x 16 ฟุต) ซึ่งล้อมรอบด้วยทางเดินเปิด พบเครื่องเซ่นไหว้บูชาใต้พื้นวิหาร สิ่งของเหล่านี้อุทิศให้กับเทพีในช่วงสองสามร้อยปีในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่า โดยมีผู้ที่เข้ามาสักการะทั้งเชื้อพระวงศ์และสามัญชนทั่วไปและส่วนใหญ่ประกอบด้วยรูปปั้นดินเผารูปมนุษย์และสัตว์ นอกจากนั้น ทางด้านทิศใต้เป็นที่ตั้งของห้องเก็บอาหารและอาคารจากอิฐโคลน
ฟาโรห์เปปิที่ 1 ซึ่งเป็นฟาโรห์พระองค์ที่สองจากราชวงศ์ที่หกสั่งให้สร้างวิหารขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยยังคงรักษารูปแบบวิหารเดิมเอาไว้ แต่ได้ขยายกำแพงอิฐออกไป และขยายขนาดของพื้นที่สักการะบูชาเพื่อเพิ่มรูปสลักของเทพีซาเทตเข้าไป และในครั้งนี้ยังได้มีบูชาเทพในวิหารแห่งนี้ด้วย ในปีที่ 5 แห่งรัชสมัยฟาโรห์เมอร์เอนเร เนมติเอมซาฟที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์เปปิได้เสด็จมายังเกาะแอลเลเฟนไทน์ เพื่อทรงรับการเข้าเฝ้าของหัวหน้าเผ่าแห่งนิวเบีย ในครั้งนั้นพระองค์อาจจะเสด็จไปยังวิหารเพื่อต่อเติมศาลเทพเจ้าที่พระราชบิดาของพระองค์ทรงโปรดให้สร้างขึ้น
สมัยราชอาณาจักรกลาง
ช่วงสิ้นสุดของสมัยช่วงระหว่างกลางที่หนึ่งในช่วงต้นราชวงศ์ที่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ ฟาโรห์อินเตฟที่ 3 จากนครทีบส์ได้ทรงโปรดให้บูรณะปฏิสังขรปรับปรุงวิหารใหม่ทั้งหมด โดยวิหารตรงกลางยังถูกตั้งไว้ที่เดิมระหว่างก้อนหินธรรมชาติทั้งสามก้อน ห้องโถงที่ตั้งอยู่หน้าวิหารยังถูกปูด้วยแผ่นหินปูนเป็นครั้งแรก
ไม่นานหลังจากนั้น ฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 ได้ทรงโปรดให้ทำการดัดแปลงเพิ่มเติมภายในวิหาร และสร้างวิหารใหม่ทั้งหมด พระองค์ได้เพิ่มจารึกใหม่และทางด้านทิศเหนือมีลานเสาและส่วนทะเลสาบนอกชายฝั่งได้เพิ่มเข้ามาเพื่อสำหรับการเฉลิมฉลองฤดูน้ำท่วมแห่งแม่น้ำไนล์ ซึ่งชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าสิ่งนี้ได้เริ่มต้นในที่เกาะแอลเลเฟนไทน์ ตัววิหารยังคงสร้างด้วยอิฐโคลนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีเพียงผนังที่สำคัญที่สุดที่เรียงรายไปด้วยหินปูนที่ประดับประดา
และระยะเวลาไม่ถึง 100 ปีถัดจากนั้น ในช่วงต้นของราชวงศ์ต่อมา ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 1 ได้ทรงโปรดให้สร้างวิหารและลานใหม่ทั้งหมดแทนที่โครงสร้างที่ได้รับการบูรณะของฟาโรห์เมนทูโฮเทป ถึงแม้ว่าสิ่งปลูกสร้างก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะยังรูปแบบวิหารเดิมและโดยเฉพาะการใช้อิฐโคลน แต่วิหารใหม่สร้างด้วยหินปูนทั้งหมด มาถึงช่วงเวลานั้น ระดับที่ตั้งของวิหารได้อยู่เหนือโพรงหินของสมัยราชอาณาจักรเก่า อย่างไรก็ตาม วิหารหลักใหท่นี้ได้สร้างทับที่โครงสร้างเก่าโดยตรง วิหารแห่งนี้ที่สร้างโดยฟาโรห์เซนุสเรตที่ 1 ได้รับการตกแต่งอย่างเต็มที่ แต่มีเศษของการตกแต่งเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่หลงเหลือ สิ่งเหล่านี้รวมถึงซากของจารึกขนาดยาวแห่งกษัตริย์ พร้อมกันนั้นเทพคนุมซึ่งเดิมใช้พื้นที่วิหารร่วมกัการบูชาเทพีซาเทต ก็ได้แยกออกมามีวิหารสำหรัการบูชาเทพคนุมโดยเฉพาะ โดยเดิมแล้ว วิหารแห่งเทพีซาเทตจะประดับประดาด้วยรูปแกะสลักมากมาย ซึ่งเป็นรูปแกะสลักของฟาโรห์อเมนเอมฮัตที่ 5 จากราชวงศ์ที่สิบสามซึ่งอุทิศให้กับเทพี:
แด่เทพเจ้าผู้ประเสริฐ เจ้าแห่งสองแผ่นดิน เจ้าแห่งพิธีกรรม กษัตริย์แห่งอียิปต์บนและล่าง เซเคมคาเร พระโอรสแห่งเทพรา อเมนเอมฮัต ผู้เป็นที่รักแห่งเทพซาเทต สตรีแห่งแอลเลเฟนไทน์ ขอให้อเมนเอมฮัตมีพระชนม์ชีพชั่วนิจนิรันดร์
รูปแกะสลักอีกรูปหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยประดับประดาวิหารโดยเป็นของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 นอกจากนี้ยังมีเครื่องบูชาของฟาโรห์โซเบคเอมซาฟที่ 1 ที่ได้ทรงบูชาเทพี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในวิหารแห่งนี้อย่างแน่นอน และแท้จริงแล้ว ถึงแม้ว่ารูปแกะสลักเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกค้นพบในวิหารใกล้ ๆ ของเฮกาอิบ ตามคำจารึกของพวกเขา แต่เดิมต้องอยู่ในวิหารแห่งซาเทต
สมัยราชอาณาจักรใหม่และช่วงปลาย
ในระหว่างช่วงอาณาจักรใหม่ วิหารถูกสร้างขึ้นใหม่ในรัชสมัยของพระนางฮัตเชปซุต (ระหว่าง 1507–1458 ปีก่อนคริสตกาล) ในช่วงต้นราชวงศ์ที่สิบแปด และขยายเพิ่มเติมวิหารโดยฟาโรห์ทุตโทสที่ 3 โดยสร้างวิหารเป็นอาคารสี่เหลี่ยมทึบ ขนาดประมาณ 15.9 ม. × 9.52 ม. (52.2 ฟุต x 31.2 ฟุต) ล้อมรอบด้วยทางเดินทั้งหมด 20.10 ม. × 13.52 ม. (65.9 ฟุต × 44.4 ฟุต) ที่มีเสา 7 × 10 เสา อยู่ภายนอก พื้นที่สักการะบูชาของวิหารใหม่นี้ถูกวางไว้โดยตรงเหนือที่สักการะบูชาเดิม เห็นได้ชัดว่าวิหารแห่งซาเทตในช่วงสมัยราชอาณาจักรใหม่ยังคงเก็บรูปแบบของพื้นที่สักการะบูชาเดิม มีข้อบ่งชี้ว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วงสมัยราชวงศ์ที่ยี่สิบหก (ระหว่าง 664–525 ปีก่อนคริสตกาล) แต่มีส่วนที่เพิ่มเติมเพียงไม่กี่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ พบบล็อกหินหลายก้อนจากประตูทางเข้าวิหารที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสูงประมาณ 7.35 ม. (24.1 ฟุต) ซึ่งนำไปสู่กำแพงกั้นด้วยอิฐ ซึ่งบางครั้งอาจเคยเป็นของวิหาร ไม่นานก่อนการพิชิตอียิปต์ของเปอร์เซีย ฟาโรห์ (ระหว่าง 570–526 ปีก่อนคริสตกาล) ได้โปรดให้เพิ่มเสาหรือซุ้มประตูเข้าไปในวิหาร ซึ่งพบพบเสาหินปูนและผนังกั้นจำนวน 6 เสา
และวิหารทั้งหมดถูกสร้างใหม่ขึ้นภายใต้การปกครองของฟาโรห์ปโตเลมีที่ 6 (ระหว่าง 180–145 ปีก่อนคริสตกาล) ในช่วงราชวงศ์ปโตเลมี โดยก่อสร้างเป็นอาคารสี่เหลี่ยม ที่ด้านหลังทางฝั่งตะวันตก มีวิหารหลัก ด้านหน้ามีห้องโถงกว้าง พื้นที่สักการะบูชาไม่ได้สร้างขึ้นเหนือพื้นที่สักการะบูชาของสมัยราชอาณาจักรเก่าอีกต่อไป ดูเหมือนว่าสถานที่และความสำคัญของมันถูกจะลืมไป ฟาโรห์ปโตเลมีที่ 8 (ระหว่าง 182–116 ปีก่อนคริสตกาล) ได้เพิ่มมุขหน้าห้องวิหารด้วยสองในสี่ช่วงเสา
นิโลมิเตอร์
หนึ่งในสองและนิโลมิเตอร์ที่หลงเหลืออยู่ในสภาพที่ดีที่สุดนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิหารแห่งซาเทต
อ้างอิง
- Seidlmayer, Stephan (1999). "Aswan". ใน Bard, Kathryn; Shubert, Steven Blake (บ.ก.). Encyclopedia of the Archeology of Ancient Egypt. New York: Routledge. pp. 335–336. ISBN .
- Gundlach, Rolf (2001). "Temples". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 3. Oxford University Press. p. 370. ISBN .
- Seidlmayer, p. 336
- Günter Dreyer: Der Tempel der Satet, Elephantine VIII, Mainz am Rhein ISBN , 11-23
- Seidlmayer, p.337
- (2001). "Old Kingdom: Sixth Dynasty". ใน (บ.ก.). . Oxford: Oxford University Press. pp. 603–604. ISBN .
- Seidlmayer, p. 338
- Labib Habachi: The Sanctuary of Heqaib, Elephantine IV, Mainz am Rhein 1985, ISBN , p. 113, no. 102; 116, no. 108
- Lipińska, Jadwiga (2001). "Thutmose III". ใน (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 3. Oxford University Press. p. 402. ISBN .
- Dieter Arnold: Temples of the last Pharaohs, New York, Oxford 1999, ISBN , p. 88
- Seidlmayer, p. 339
- Jan Assmann: Ägypten, Theologie und Frömmigkeit einer frühen Hochkultur, Stuttgart, Berlin, Cologne 1991, ISBN , 48-49
- Arnold: Temples of the last Pharaohs, p. 189, 202
- . Madain Project. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 November 2020. สืบค้นเมื่อ 16 November 2020.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wiharaehngsaetht hrux sathis epnwiharinsmyxiyiptobranthisrangxuthisaedethphi sungepntwaethnkhxngkarekidnathwmthiaemnainl wiharaehngnitngxyubnekaaaexlelefnithnaehnglumaemnainl praethsxiyipt odysrangkhuninchwngplaysmykxnrachwngsaehngxiyiptemuxpraman 3200 pikxnkhristkal idmikarkhyayaelaprbprunghlaykhrngtngaetchwngsmyrachwngserimaerkepntnipxik 3000 pikhanghnacnthungchwngsmyrachwngspotelmi wiharaehngsaethtepntwxyanghlkthanthidithisudkhxngwiharinxiyiptobranthimikarkxsrangthiidrbkaryunyntlxdchwngsmykarpkkhrxngodyfaorhwiharaehngsaetht inihexxorklifPr Sṯt ephxr esthectsmychwngewlaaerksudcnthungsmychwngrahwangklangthihnungwiharaehngsaethtthiekaaekthisudthuksrangkhunraw 3200 pikxnkhristkal aelaepnephiyngophrngelk thixyurahwanghinaekrnitthrrmchatikhnadihysamkxn wiharaehngaerksudnimikhnadelkmak odyswnkhxngphunthiskkarabuchakhnadpraman 2 m 2 m 6 6 fut 6 6 fut thisrangcakxithokhln danhnakhxngtwwiharthangtawnxxk mixakharthisrangxithokhlnxyubang wiharaehngniidrbkarkhyayephimetimkhuninchwngsmyrachwngsthihnungaelasxng aelaidsrangkhunihminchwngrachwngsthisamaehngxiyipt aetyngkhngrupaebbwiharedimiw thangdanthisitdannxkchxngrahwangkxnhin hxngekbxaharbangaehngthukephimekhama wiharaehngniidrbkarsrangkhunihmxikkhrnginsmyrachwngsthihaaehngxiyipt xaccaxyuinchwngrchsmykhxngfaorhnuesxrer ixni sungepncudthiwiharthitngxyutrngklangkhxngophrnghinidkhyayihihykhun danhnakhxngwiharepnlanhnakhnadpraman 5 m 5 m 16 fut x 16 fut sunglxmrxbdwythangedinepid phbekhruxngesnihwbuchaitphunwihar singkhxngehlanixuthisihkbethphiinchwngsxngsamrxypiinchwngsmyrachxanackreka odymiphuthiekhamaskkarathngechuxphrawngsaelasamychnthwipaelaswnihyprakxbdwyruppndinepharupmnusyaelastw nxkcaknn thangdanthisitepnthitngkhxnghxngekbxaharaelaxakharcakxithokhln faorheppithi 1 sungepnfaorhphraxngkhthisxngcakrachwngsthihksngihsrangwiharkhunihmxikkhrng odyyngkhngrksarupaebbwiharedimexaiw aetidkhyaykaaephngxithxxkip aelakhyaykhnadkhxngphunthiskkarabuchaephuxephimrupslkkhxngethphisaethtekhaip aelainkhrngniyngidmibuchaethphinwiharaehngnidwy inpithi 5 aehngrchsmyfaorhemxrexner enmtiexmsafthi 1 sungepnphusubthxdphrarachbllngktxcakfaorheppiidesdcmayngekaaaexlelefnithn ephuxthrngrbkarekhaefakhxnghwhnaephaaehngniwebiy inkhrngnnphraxngkhxaccaesdcipyngwiharephuxtxetimsalethphecathiphrarachbidakhxngphraxngkhthrngoprdihsrangkhunsmyrachxanackrklangwiharaehngsaethtinkarburnaptisngkhrnihminchwngrchsmyfaorhesnusertthi 1 chwngsinsudkhxngsmychwngrahwangklangthihnunginchwngtnrachwngsthisibexdaehngxiyipt faorhxinetfthi 3 caknkhrthibsidthrngoprdihburnaptisngkhrprbprungwiharihmthnghmd odywihartrngklangyngthuktngiwthiedimrahwangkxnhinthrrmchatithngsamkxn hxngothngthitngxyuhnawiharyngthukpudwyaephnhinpunepnkhrngaerk imnanhlngcaknn faorhemnthuohethpthi 2 idthrngoprdihthakarddaeplngephimetimphayinwihar aelasrangwiharihmthnghmd phraxngkhidephimcarukihmaelathangdanthisehnuxmilanesaaelaswnthaelsabnxkchayfngidephimekhamaephuxsahrbkarechlimchlxngvdunathwmaehngaemnainl sungchawxiyiptobranechuxwasingniiderimtninthiekaaaexlelefnithn twwiharyngkhngsrangdwyxithokhlnepnswnihy odymiephiyngphnngthisakhythisudthieriyngrayipdwyhinpunthipradbprada aelarayaewlaimthung 100 pithdcaknn inchwngtnkhxngrachwngstxma faorhesnusertthi 1 idthrngoprdihsrangwiharaelalanihmthnghmdaethnthiokhrngsrangthiidrbkarburnakhxngfaorhemnthuohethp thungaemwasingpluksrangkxnhnanithnghmdcayngrupaebbwiharedimaelaodyechphaakarichxithokhln aetwiharihmsrangdwyhinpunthnghmd mathungchwngewlann radbthitngkhxngwiharidxyuehnuxophrnghinkhxngsmyrachxanackreka xyangirktam wiharhlkihthniidsrangthbthiokhrngsrangekaodytrng wiharaehngnithisrangodyfaorhesnusertthi 1 idrbkartkaetngxyangetmthi aetmiesskhxngkartkaetngephiyngimkichinethannthihlngehlux singehlanirwmthungsakkhxngcarukkhnadyawaehngkstriy phrxmknnnethphkhnumsungedimichphunthiwiharrwmkkarbuchaethphisaetht kidaeykxxkmamiwiharsahrkarbuchaethphkhnumodyechphaa odyedimaelw wiharaehngethphisaethtcapradbpradadwyrupaekaslkmakmay sungepnrupaekaslkkhxngfaorhxemnexmhtthi 5 cakrachwngsthisibsamsungxuthisihkbethphi aedethphecaphupraesrith ecaaehngsxngaephndin ecaaehngphithikrrm kstriyaehngxiyiptbnaelalang esekhmkhaer phraoxrsaehngethphra xemnexmht phuepnthirkaehngethphsaetht striaehngaexlelefnithn khxihxemnexmhtmiphrachnmchiphchwnicnirndr rupaekaslkxikruphnungthikhrnghnungekhypradbpradawiharodyepnkhxngfaorhesnusertthi 3 nxkcakniyngmiekhruxngbuchakhxngfaorhosebkhexmsafthi 1 thiidthrngbuchaethphi sungkhrnghnungekhyxyuinwiharaehngnixyangaennxn aelaaethcringaelw thungaemwarupaekaslkehlanithnghmdcathukkhnphbinwiharikl khxngehkaxib tamkhacarukkhxngphwkekha aetedimtxngxyuinwiharaehngsaethtsmyrachxanackrihmaelachwngplaywiharaehngsaethtinkarburnaptisngkhrnihminchwngsmyrachwngsthisibaepd inrahwangchwngxanackrihm wiharthuksrangkhunihminrchsmykhxngphrananghtechpsut rahwang 1507 1458 pikxnkhristkal inchwngtnrachwngsthisibaepd aelakhyayephimetimwiharodyfaorhthutothsthi 3 odysrangwiharepnxakharsiehliymthub khnadpraman 15 9 m 9 52 m 52 2 fut x 31 2 fut lxmrxbdwythangedinthnghmd 20 10 m 13 52 m 65 9 fut 44 4 fut thimiesa 7 10 esa xyuphaynxk phunthiskkarabuchakhxngwiharihmnithukwangiwodytrngehnuxthiskkarabuchaedim ehnidchdwawiharaehngsaethtinchwngsmyrachxanackrihmyngkhngekbrupaebbkhxngphunthiskkarabuchaedim mikhxbngchiwamikarkxsrangephimetiminchwngsmyrachwngsthiyisibhk rahwang 664 525 pikxnkhristkal aetmiswnthiephimetimephiyngimkisingthiynghlngehluxxyu phbblxkhinhlaykxncakpratuthangekhawiharthikhrnghnungekhymikhwamsungpraman 7 35 m 24 1 fut sungnaipsukaaephngkndwyxith sungbangkhrngxacekhyepnkhxngwihar imnankxnkarphichitxiyiptkhxngepxresiy faorh rahwang 570 526 pikxnkhristkal idoprdihephimesahruxsumpratuekhaipinwihar sungphbphbesahinpunaelaphnngkncanwn 6 esa aelawiharthnghmdthuksrangihmkhunphayitkarpkkhrxngkhxngfaorhpotelmithi 6 rahwang 180 145 pikxnkhristkal inchwngrachwngspotelmi odykxsrangepnxakharsiehliym thidanhlngthangfngtawntk miwiharhlk danhnamihxngothngkwang phunthiskkarabuchaimidsrangkhunehnuxphunthiskkarabuchakhxngsmyrachxanackrekaxiktxip duehmuxnwasthanthiaelakhwamsakhykhxngmnthukcalumip faorhpotelmithi 8 rahwang 182 116 pikxnkhristkal idephimmukhhnahxngwihardwysxnginsichwngesaniolmietxrhnunginsxngaelaniolmietxrthihlngehluxxyuinsphaphthidithisudnnmiswnekiywkhxngkbwiharaehngsaethtxangxingSeidlmayer Stephan 1999 Aswan in Bard Kathryn Shubert Steven Blake b k Encyclopedia of the Archeology of Ancient Egypt New York Routledge pp 335 336 ISBN 978 0 41 518589 9 Gundlach Rolf 2001 Temples in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 3 Oxford University Press p 370 ISBN 978 0 19 510234 5 Seidlmayer p 336 Gunter Dreyer Der Tempel der Satet Elephantine VIII Mainz am Rhein ISBN 380530501 X 11 23 Seidlmayer p 337 2001 Old Kingdom Sixth Dynasty in b k Oxford Oxford University Press pp 603 604 ISBN 978 0 19 510234 5 Seidlmayer p 338 Labib Habachi The Sanctuary of Heqaib Elephantine IV Mainz am Rhein 1985 ISBN 380530496X p 113 no 102 116 no 108 Lipinska Jadwiga 2001 Thutmose III in b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 3 Oxford University Press p 402 ISBN 978 0 19 510234 5 Dieter Arnold Temples of the last Pharaohs New York Oxford 1999 ISBN 0195126335 p 88 Seidlmayer p 339 Jan Assmann Agypten Theologie und Frommigkeit einer fruhen Hochkultur Stuttgart Berlin Cologne 1991 ISBN 3170117688 48 49 Arnold Temples of the last Pharaohs p 189 202 Madain Project khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 16 November 2020 subkhnemux 16 November 2020 24 05 04 N 32 53 14 E 24 0844 N 32 8872 E 24 0844 32 8872