วันอัฏฐมีบูชา คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย)
นอกจากนั้น วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสวรรคต (หลังประสูติ) และเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน (หลังตรัสรู้) อีกด้วย
ประวัติ
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จปรินิพพานไปแล้ว 8 วัน มัลละกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ แห่งเมืองกุสินารา เป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้น เมื่อเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วนได้ประกอบพิธีบูชาขึ้น มีการเวียนเทียนเป็นต้น แต่ไม่ทั่วไปทั่วราชอาณาจักร โดยจะประกอบพิธีในบางวัดเท่านั้น ตามแต่ความศรัทธาของท้องถิ่น ในจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่น ประเพณีถวายพระเพลิงฯ จำลอง ที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และประเพณีอัฎฐมีบูชาของ วัดใหม่สุคนธาราม ต.วัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่รักษาสืบสานมายาวนานมากกว่า 3329 ปีแล้ว เป็นต้น
ประวัติพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระในพุทธประวัติ
พิธีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระมีขึ้นในวันที่ 8 หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี 15 ค่ำ เดือน 6 โดยพวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด 7 วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวายพระเพลิง
พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระพุทธสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า 4 คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะ พระเถระ แจ้งว่า "เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้" ก็เทวดา เหล่านั้น เคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะอยู่ในพิธี และเมื่อภิกษุหมู่ 500 รูปโดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธานเดินทางมาพร้อมกัน ณ ที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครจุด
หลังจากที่พระเพลิงเผาซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว บรรดากษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองแล้วนำไปรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ของพระพุทธเจ้าได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นคันธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองปาตลีบุตร เป็นต้น และเมื่อบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่างๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำกลับมาสักการะยังแคว้นของตนแต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งและเตรียมทำสงครามกัน แต่ในสุดเหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจากโทณพราหมณ์ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งกษัตริย์แต่ละเมืองทรงสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองต่างๆ ดังนี้
- กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวสาลี
- กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกบิลพัสดุ์
- กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองอัลลกัปปะ
- กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองรามคาม
- มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวฏฐทีปกะ
- กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองปาวา
- พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองราชคฤห์
- มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกุสินารา
- กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน
- โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป)
สำหรับกรณีของกษัตริย์เมืองโมริยะนั้น ได้ส่งผู้แทนมาหลังจากที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทั้ง 8 เมืองไปแล้วจึงได้อัญเชิญพระอังคารไปแทน ส่วนโทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้สำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับตนเอง และผู้คนได้สักการะดังที่ได้กล่าวไป
สถานที่สำคัญเนื่องด้วยวันอัฏฐมีบูชา (พุทธสังเวชนียสถาน)
สถานที่สำคัญเนื่องด้วยการถวายพระเพลิงศพ (กุสินารา)
ที่ตั้ง
กุสินาราเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลมถากัวร์ อำเภอกุสินคร หรือกาเซีย หรือกาสยา (โรมัน:Kushinagar-Kasia-Kasaya) ในเขตจังหวัดเดวเย หรือ เทวริยา (โรมัน:Devria-Devriya-Kasia-Kasaya) รัฐอุตรประเทศ ประเทศอินเดีย สาลวโนทาย สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฎ (โรมัน:Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ
กุสินาราในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินาราอันเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานอยู่ในแคว้นมัลละ 1 ใน 16 แคว้น ซึ่งเป็นเขตการปกครองสมัยพุทธกาล โดยในสมัยนั้นแคว้นมัลละแยกเป็นสองส่วน คือ ฝ่ายเหนือมีเมืองกุสินาราเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "โกสินารกา" และฝ่ายใต้มีเมืองปาวาเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า "ปาเวยยมัลลกะ" ทั้งสองเมืองนั้นตั้งอยู่ห่างกันเพียง 12 กิโลเมตร มีอำนาจในการบริหารแยกจากกัน โดยมีระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (สามัคคีธรรม) โดยมีแม่น้ำหิรัญญวดีคั่นตรงกลาง กุสินารานั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแคว้นอื่น ๆ ในสมัยพุทธกาล จัดว่าเป็นแคว้นเล็ก ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักในด้านเศรษฐกิจ ดังที่พระอานนท์ได้ทูลทักท้วงพระพุทธองค์ที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราเป็นสถานที่ปรินิพพานไว้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์อย่าเสด็จปรินิพพานในเมืองดอนในฐานะเมืองกิ่งนี้เลย เมืองอื่นอันมีขนาดใหญ่กว่านี้ยังมีอยู่คือ จัมปา ราชคฤห์ สาวัตถี สาเกต โกสัมพี พาราณสี ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงเสด็จดับขันธปรินิพพานในเมืองเหล่านี้เถิด กษัตริย์ผู้มีอำนาจ พราหมณ์ผู้มีบารมี เศรษฐีคหบดีผู้มั่งคั่งที่เลื่อมใสในพระองค์มีมากในเมืองเหล่านี้ ท่านผู้มีอำนาจเหล่านั้นจักได้กระทำการบูชาพระสรีระของตถาคต
— พระอานนท์
สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ชื่อว่า "อุปวตฺตนสาลวนํ" หรือ อุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลวโนทยาน แปลว่า สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น ซึ่งหลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์แล้ว กษัตริย์แห่งมัลละก็ได้ประดิษฐานพระพุทธสรีระไว้ ณ เมืองกุสินาราเป็นเวลากว่า 7 วัน ก่อนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ในวันที่ 8 แห่งพุทธปรินิพพาน
การที่พระพุทธองค์ทรงเลือกเมืองกุสินาราอันเป็นเมืองเล็กแห่งนี้เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุสำคัญ คือ ทรงทราบดีว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระสรีระและพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จักถูกแว่นแคว้นต่าง ๆ แย่งชิงไปทำการบูชา หากพระองค์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่เหล่านั้นอาจไม่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เมืองเล็ก ๆ เช่น เมืองกุสินารา เป็นต้น ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ก็ได้ยกกองทัพหลวงของตนมาล้อมเมืองกุสินาราเพื่อจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ด้วยความที่กุสินาราเป็นเมืองเล็ก จึงต้องยอมระงับศึกโดยแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกเมืองโดยไม่ต้องเกิดสงคราม
กุสินาราหลังพุทธปรินิพพาน
หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว เมืองกุสินารากลายเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการสักการบูชาของพุทธศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบ ๆสถูปใหญ่คือ มหาปรินิพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มหาสถูปนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น
ต่อมาเมื่อแคว้นมัลละได้ตกอยู่ในความอารักขาของแคว้นมคธ ซึ่งในขณะนั้นมีเมืองปาตลีบุตรเป็นเมืองหลวง สาลวโนทยานยังคงเป็นสถานที่สำคัญอยู่ แต่อยู่ในสภาพที่ไม่รุ่งเรืองนัก ดังในทิพยาวทาน ได้พรรณาไว้ว่า "พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จมาจาริกแสวงบุญยังกุสินารา ประมาณ พ.ศ. 310 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ 100,000 กหาปณะ เพื่อเป็นค่าสร้างสถูป เจดีย์ และเสาศิลา พระเจ้าอโศกเมื่อทรงทราบชัดว่า ณ จุดนี้เป็นสถานที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ถึงกับทรงสลดพระทัย โศกเศร้าถึงเป็นลมสิ้นสติสมปฤดี"
หลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในพุทธภูมิในช่วงปี พ.ศ. 942 - 947 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 (พระเจ้าศรีวิกรมาฑิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งท่านได้พรรณนาไว้ว่า "เมื่อมาถึงกุสินารา มีแต่เมืองที่ทรุดโทรม หมู่บ้านเป็นหย่อม ๆ ห่างกันไป โบสถ์ วิหาร และปูชนียวัตถุ ปรักหักพังโดยมาก สังฆารามที่ควรเป็นที่อยู่อาศัยก็ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ ได้เห็นศิลาจารึกพระเจ้าอโศก 2 หลัก ปักปรากฏอยู่ 2 แห่งในอุทยานสาลวัน จารึกนั้นบอกว่า ณ ที่นี้ เป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์"
ในบันทึกของพระถังซำจั๋ง (Hiuen-Tsang) ซึ่งได้จาริกมาเมืองกุสินาราราวปี พ.ศ. 1300 ได้พรรณนาไว้ในจดหมายเหตุของท่านว่า เมืองกุสินาราในสมัยนั้นยังคงมีซากเมือง ป้อมปราการ หอสูง และสังฆารามอยู่บ้าง แต่อยู่ในสภาพปรักหักพัง ภายในเขตกำแพงเมืองยังพอมีคนอาศัยอยู่บ้างแต่น้อยมาก ท่านยังได้ทันพบบ่อน้ำและซากสถูปบ้านของนายจุนทะ และได้เห็นความร่มรื่นของสาลวโนทยาน สถานที่ปรินิพพาน และมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงฯ
จนในพุทธศตวรรษที่ 14-15 ราชวงศ์สกลจุรีได้เข้ามาสร้างวัดขึ้นในบริเวณสาลวโนทยานจำนวนมาก จนพระพุทธศาสนาได้หมดจากอินเดียไปใน พ.ศ. 1743 ทำให้สถานะของพระพุทธศาสนาในกุสินาราถูกปล่อยทิ้งร้างและกลายเป็นป่ารกทึบ จนใน พ.ศ. 2433 ภิกษุมหาวีระ สวามี และท่านเทวจันทรมณี ชาวศรีลังกา เดินทางมายังกุสินาราและเริ่มอุทิศตัวในการฟื้นฟูพุทธสถานแห่งนี้ร่วมกับเนซารี ชาวพุทธพม่า จนได้สร้างวัดขึ้นใหม่ชื่อว่า "มหาปรินิวานะ ธรรมะศาลา"
ในปีพ.ศ. 2397 นายวิลสัน นักโบราณคดีอังกฤษ ได้ทำการพิสูจน์ขั้นต้นว่าหมู่บ้านกาเซียคือกุสินารา จนในปี พ.ศ. 2404-2420 เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ได้เริ่มทำการขุดค้นเนินดินในสาลวโนทยาน จนในปี พ.ศ. 2418-2420 นายคาร์ลลีเล่ หนึ่งในผู้ช่วยในทีมขุดค้นของท่านเซอร์ อเล็กซานเดอร์ ได้ทำการขุดค้นต่อจนได้พบพระพุทธรูปปางปรินิพพาน วิหารปรินิพพาน และสถูปจำนวนมากที่ผู้ศรัทธาได้สร้างไว้ในอดีตเมื่อครั้งพระพุทธศาสนายังรุ่งเรือง โดยนายคาร์ลลีเล่ เป็นท่านแรกที่เอาใจใส่ในงานบูรณะและรักษาคุ้มครองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ขุดพบ
จากนั้น นับแต่ พ.ศ. 2443 เป็นต้นมา กุสินาราได้เริ่มมีผู้อุปถัมภ์ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ เข้ามาสร้างวัดและสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้จาริกแสวงบุญที่เริ่มเข้ามาสักการะมหาสังเวชนียสถานแห่งนี้จนในปี พ.ศ. 2498 รัฐบาลอินเดียได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาปูชนียสถานแห่งนี้เพื่อเตรียมเฉลิมฉลอง 25 พุทธชยันตี โดยได้รื้อโครงสร้างวิหารปรินิพพานเก่าที่พึ่งได้รับการบูรณะสร้างใหม่ไม่นานออกเพื่อสร้างมหาปรินิพพานวิหารใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างและสามารถรองรับพุทธศาสนิกชนได้ ในปี พ.ศ. 2499 จนในปี พ.ศ. 2507 วิหารได้พังลงมา ทางการอินเดียจึงบูรณะสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2518 และทางการอินเดียและพุทธศาสนิกชนก็ได้มีส่วนร่วมในการบูรณะกุสินาราจนมีสภาพสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
จุดแสวงบุญและสภาพของกุสินาราในปัจจุบัน
ปัจจุบันกุสินาราได้รับการบูรณะ และมีปูชนียวัตถุสำคัญ ๆ ที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะคือ "สถูปปรินิพพาน" เป็นสถูปแบบทรงโอคว่ำที่เป็นทรงพระราชนิยมในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช บนสถูปมียอมมน มีฉัตรสามชั้น "มหาปรินิพพานวิหาร" ตั้งอยู่ด้านหน้าในฐานเดียวกันกับสถูปปรินิพพาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน (คือพระพุทธรูปนอนบรรทมตะแคงเบื้องขวา) ศิลปะมถุรา มีอายุกว่า 1,500 ปี ในจารึกระบุผู้สร้างคือ หริพละสวามี โดยนายช่างชื่อ ทินะ ชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง "มกุฏพันธนเจดีย์" อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก 1 กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียก รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ มีสภาพเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี
ปัจจุบันชาวพุทธทั่วโลกได้มาก่อสร้างวัดไว้มากมาย โดยมีวัดของไทยด้วย ชื่อ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ปัจจุบันชาวไทยที่มาสักการะ ณ กุสินารา นิยมมาพักที่นี่ ในส่วนพุทธสถานโบราณลุมพินีนั้น ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นอย่างดีจากรัฐบาลอินเดีย โดยรอบมีสภาพเป็นสวนป่าสาละร่มรื่นเหมือนครั้งพุทธกาล ชวนให้เจริญศรัทธาแก่ผู้มาสักการะตลอดมาจนปัจจุบัน
- พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา ภายใน วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา
- พระพุทธรูปปางมหาปรินิพพาน ในพระวิหารแห่งมหาปรินิพพานสถูป
- สถานที่ประดิษฐานพระพุทธบรมศพพระพุทธเจ้าเป็นเวลา ๗ วันก่อนอัญเชิญไปถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ความสำคัญ
วันอัฏฐมีคือวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เป็นวันที่ชาวพุทธต้องมีความเสียใจและสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูง จึงเป็นวันที่ควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกถึงพระพุทธคุณให้สำเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล
ประเพณีวันอัฏฐมีบูชาในประเทศไทย
ประเพณีการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระจำลอง
ในประเทศไทย พบประเพณีการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระจำลองที่ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยประเพณีนี้มีมาแต่เมื่อใดไม่ปรากฏ ในปัจจุบันประเพณีนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน โดยจัดเป็นงาน "วันอัฏฐมีบูชารำลึก เมืองทุ่งยั้ง" ณ วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นประจำทุกปี โดยกำหนดจัดงานในวันวิสาขบูชา คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถึงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 รวม 9 วัน กิจกรรมภายในงานมีการแสดง แสง สี เสียง ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน จนถึงพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ(จำลอง) มีประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียงเข้าชมเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบประเพณีการจำลองถวายพระเพลิงอีกแห่งหนึ่งในภาคกลาง คือที่ วัดใหม่สุคนธาราม จัดโดย ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่มีการสืบสานประเพณีนี้มายาวนาวกว่า 120 ปี ซึ่งถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในลุ่มน้ำภาคกลาง ที่รักษาประเพณีนี้มายาวนานที่สุด เป็นประเพณีพื้นบ้านที่ชาวบ้านร่วมกันจัดขบวนแห่เครื่องสักการะ ตะไล บั้งไฟ มาจุดเพื่อเป็นพุทธสักการะ และมีขบวนพุทธประวัติ จำลองหลักธรรมคำสอน ก่อนที่จะมีพิธีการจำลองการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ซึ่งมีประชาชนในชุมชนและทั่วไปแห่แหนกันมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
หลักธรรมที่เกี่ยวข้อง
สุจริต 3 หมายถึง ความประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ซึ่งส่งผลให้ผู้กระทำประสบแต่ความสงบสุข สุจริตแสดงออกได้ 3 ทาง คือ
- ทางกาย เรียกว่า กายสุจริต หมายถึง ความประพฤติดีที่แสดงออกทางกาย ได้แก่ การเว้นจากการฆ่าสัตว์
- ทางวาจา เรียกว่า วจีสุจริต หมายถึง ความประพฤติที่เกิดทางวาจา ได้แก่ การเว้นจากการพูดโกหก การเว้นจากการพูดส่อเสียด
- ทางใจ เรียก ว่า มโนสุจริต หมายถึง ความประพฤติดีทีเกิดทางใจ ได้แก่ การไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น และเห็นถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม
อ้างอิง
- สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรปิฏกสำหรับประชาชน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๒
- สมัย สิงห์ศิริ (ผู้แปล). พระพุทธศาสนาในชมพูทวีป. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ประพาสต้น, 2504.
- Bagri, S.C. Buddhhist Pilgrimages & Tours in India. Nodida : Publication Division of Indian Government, 1992
- สุนนท์ ปัทมาคม, รศ. . สมุดภาพแดนพุทธภูมิ ฉลองชนมายุ ๘๐ ปี พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๑.
- พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร ข้อที่ 159-162
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wnxtthmibucha khuxwnthwayphraephlingphraphuththsrirakhxngsmedcphrasmmasmphuththeca hlngesdcdbkhnthpriniphphanid 8 wn thuxepnwnsakhyinphraphuththsasnawnhnung trngkbwnaerm 8 kha eduxnwisakha eduxn 6 khxngithy nxkcaknn wnniepnwnkhlaywnthiphranangsirimhamaya xngkhphraphuththmardaswrrkht hlngprasuti aelaepnwnkhlaywnthiphraphuththxngkheswywimuttisukhtlxd 7 wn hlngtrsru xikdwyprawtinganpraephnithwayphraephlingcalxng inwnxtthmibucha wdphrabrmthatuthungyng emuxxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca idesdcpriniphphanipaelw 8 wn mllakstriyaehngemuxngkusinara phrxmdwyprachachn aelaphrasngkhxnmiphramhaksspethraepnprathan idphrxmknkrathakarthwayphraephlingphuththsrira n mkutphnthnecdiy aehngemuxngkusinara epnwnhnungthichawphuththtxngmikhwamoskesraesiyicepnxyangying ephraakarsuyesiyaehngphraphuththsrira emuxwnaerm 8 kha eduxn 6 sungniymeriykknwawnxtthminn emuxewiynmabrrcbaetlapi phuththsasnikchnbangswnidprakxbphithibuchakhun mikarewiynethiynepntn aetimthwipthwrachxanackr odycaprakxbphithiinbangwdethann tamaetkhwamsrththakhxngthxngthin incnghwdxutrditth echn praephnithwayphraephling calxng thiwdphrabrmthatuthungyng aelapraephnixdthmibuchakhxng wdihmsukhntharam t wdlamud xaephxnkhrchysri cnghwdnkhrpthm thirksasubsanmayawnanmakkwa 3329 piaelw epntnprawtiphithithwayphraephlingphraphuththsrirainphuththprawtiphithithwayphraephlingphraphuththsriramikhuninwnthi 8 hlngcakphraphumiphraphakhecaesdcpriniphphanittnsalainratri 15 kha eduxn 6 odyphwkecamllkstriycdbuchadwykhxnghxm dxkim aelaekhruxngdntrithukchnid thimixyuin emuxngkusinaratlxd 7 wn aelwihecamllaradbhwhna 8 khn srngekla nunghmphaihm xyechiyphrasriraipthangthistawnxxk khxngphrankhr ephuxthwayphraephling mkutphnthnecdiy sthanthithwayphraephlingphraphuththsrirasmedcphrasmmasmphraphuththecapratimakrrrmrupphramhaksspathwaybngkhmphraphuththsrirakxnkarthwayphraephling thiwdxintharam krungethph phwkecamllathamthungwithiptibtiphrasrirakbphraxannthethra aelwthatamkhakhxngphraethrannkhux hxphraphuththsriradwyphaihmaelwsbdwysali aelwichphaihmhxthbxik thaechnnicnhmdpha 500 khu aelwechiylnginrangehlkthietimdwynamn aelwthacitkathandwydxkimcnthn aelakhxnghxmthukchnid caknnxyechiy phwkecamllaradbhwhna 4 khn srasrngekla aelanunghmphaihm phyayamcudifthiechingtakxn aetkimxacihiftidid cungsxbthamsaehtu phraxnuruththa phraethra aecngwa ephraaethwdamikhwamprasngkhihrxphramhaksspa aelaphiksuhmuihy 500 rup phukalngedinthangmaephuxthwaybngkhmphrabathesiykxn ifkcalukihm kethwda ehlann ekhyepnoymxuptthakkhxngphraethra aelaphrasawkphuihymakxn cungimyindithiimehnphramhaksspaxyuinphithi aelaemuxphiksuhmu 500 rupodymiphramhaksspaepnprathanedinthangmaphrxmkn n thithwayphraephlingaelw ifcunglukochnkhunexngodyimtxngmiikhrcud sthanthisnnisthanwaepnthiothnphrahmnaeckphrabrmsaririkthatuaekecaphukhrxngnkhrthng 8 inkusinarankhr hlngcakthiphraephlingephasungephaihmphraphuththsriradbmxdlngaelw brrdakstriymllathnghlaycungidxyechiyphrabrmsaririkthatuthnghmd islnginhibthxngaelwnaiprksaiwphayinnkhrkusinara swnekhruxngbrikhartang khxngphraphuththecaidmikarxyechiyippradisthantamthitang xathi phaitrciwr xyechiyippradisthanthiaekhwnkhnthara batrxyechiyippradisthanthiemuxngpatlibutr epntn aelaemuxbrrdakstriycakaekhwntang idthrabwaphraphuththecaidesdcdbkhnthpriniphphanthinkhrkusinara cungidsngtwaethnipkhxaebngphrabrmsaririkthatu ephuxnaklbmaskkarayngaekhwnkhxngtnaetkthukkstriymllaptiesth cungthaihthngsxngfaykhdaeyngaelaetriymthasngkhramkn aetinsudehtukarnkmiidbanplay enuxngcakothnphrahmnidekhamaepntwklangecrcaiklekliy ephuxyutikhwamkhdaeyngodyesnxihaebngphrabrmsaririkthatuxxkepn 8 swnetha kn sungkstriyaetlaemuxngthrngsrangecdiythibrrcuphrabrmsaririkthatu tamemuxngtang dngni kstriylicchwi thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngewsali kstriysakya thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngkbilphsdu kstriythuliya thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngxllkppa kstriyokliya thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngramkham mhaphrahmn srangecdiybrrcuiwthiemuxngewtththipka kstriymllaaehngemuxngpawa thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngpawa phraecaxchatstru thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngrachkhvh mllkstriyaehngkusinara thrngsrangecdiybrrcuiwthiemuxngkusinara kstriyemuxngomriya thrngsrangsthupbrrcuphraxngkhar xngkharsthup thiemuxngpipphliwn othnphrahmn srangsthupbrrcuthanantwngphrabrmsaririkthatu thiemuxngkusinara thanantwngphrabrmsaririkthatuaeck khawa tumpha aeplwa thanan bangthieriyksthupniwa tumphsthup sahrbkrnikhxngkstriyemuxngomriyann idsngphuaethnmahlngcakthiothnphrahmnaebngphrabrmsaririkthatuihthng 8 emuxngipaelwcungidxyechiyphraxngkharipaethn swnothnphrahmn kidsrangsthupbrrcuthananthiichsahrbtwngphrabrmsaririkthatusahrbtnexng aelaphukhnidskkaradngthiidklawipsthanthisakhyenuxngdwywnxtthmibucha phuththsngewchniysthan mhapriniphphanwihar phayinsalwonthyansthanthisakhyenuxngdwykarthwayphraephlingsph kusinara thitng kusinaraepnphuththsngewchniysthanthisakhy 1 in 4 sngewchniysthankhxngchawphuthth epnsthanthiesdcdbkhnthpriniphphanaehngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca tngxyuthitablmthakwr xaephxkusinkhr hruxkaesiy hruxkasya ormn Kushinagar Kasia Kasaya inekhtcnghwdedwey hrux ethwriya ormn Devria Devriya Kasia Kasaya rthxutrpraeths praethsxinediy salwonthay sthanthiesdcdbkhnthpriniphphan michuxeriykinthxngthinwa mathakunwarakaokd ormn Matha Kunwar Ka Kot sungaeplwa tablecachaysinchiph kusinarainsmyphuththkal insmyphuththkal emuxngkusinaraxnepnthitngkhxngsalwonthyanxyuinaekhwnmlla 1 in 16 aekhwn sungepnekhtkarpkkhrxngsmyphuththkal odyinsmynnaekhwnmllaaeykepnsxngswn khux fayehnuxmiemuxngkusinaraepnemuxnghlwng ecapkkhrxngeriykwa oksinarka aelafayitmiemuxngpawaepnemuxnghlwng ecapkkhrxngeriykwa paewyymllka thngsxngemuxngnntngxyuhangknephiyng 12 kiolemtr mixanacinkarbriharaeykcakkn odymirabxbkarpkkhrxngaebbrachathipityphayitrththrrmnuy samkhkhithrrm odymiaemnahiryywdikhntrngklang kusinarannemuxepriybethiybkbaekhwnxun insmyphuththkal cdwaepnaekhwnelk imkhxymikhwamsakhymaknkindanesrsthkic dngthiphraxannthidthulthkthwngphraphuththxngkhthithrngeluxkemuxngkusinaraepnsthanthipriniphphaniwwa khaaetphraxngkhphuecriy khxphraxngkhxyaesdcpriniphphaninemuxngdxninthanaemuxngkingniely emuxngxunxnmikhnadihykwaniyngmixyukhux cmpa rachkhvh sawtthi saekt oksmphi pharansi khxphraphumiphraphakhecacngesdcdbkhnthpriniphphaninemuxngehlaniethid kstriyphumixanac phrahmnphumibarmi esrsthikhhbdiphumngkhngthieluxmisinphraxngkhmimakinemuxngehlani thanphumixanacehlannckidkrathakarbuchaphrasrirakhxngtthakht phraxannth sthanthipriniphphankhxngphraphuththxngkhxyuinphrarachxuthyankhxngecamllafayehnuxaehngkusinara chuxwa xupwt tnsalwn hrux xupwttnasalwn sunginkhmphirthangphraphuththsasnaeriykwa salwonthyan aeplwa swnpaimsala paaehngnitngxyuiklfngaemnahiryywdi epnpaimsalarmrun sunghlngkarpriniphphankhxngphraphuththxngkhaelw kstriyaehngmllakidpradisthanphraphuththsriraiw n emuxngkusinaraepnewlakwa 7 wn kxnthicaprakxbphithithwayphraephlingphrabrmsph n mkutphnthnecdiy inwnthi 8 aehngphuththpriniphphan karthiphraphuththxngkhthrngeluxkemuxngkusinaraxnepnemuxngelkaehngniepnsthanthipriniphphan mihlaysaehtu aetsaehtusakhy khux thrngthrabdiwaemuxphraxngkhpriniphphanipaelw phrasriraaelaphrabrmsaririkthatukhxngphraxngkhckthukaewnaekhwntang aeyngchingipthakarbucha hakphraxngkhpriniphphaninemuxngihy emuxngihyehlannxacimaebngphrabrmsaririkthatuihemuxngelk echn emuxngkusinara epntn sungkepnkhwamcringephraahlngphraphuththxngkhpriniphphan ecaphukhrxngaekhwntang kidykkxngthphhlwngkhxngtnmalxmemuxngkusinaraephuxcaaeyngchingphrabrmsaririkthatu aetdwykhwamthikusinaraepnemuxngelk cungtxngyxmrangbsukodyaebngphrabrmsaririkthatuihthukemuxngodyimtxngekidsngkhram kusinarahlngphuththpriniphphan hlngphraphuththxngkhpriniphphanaelw emuxngkusinaraklayepnemuxngsakhysunyklangaehngkarskkarbuchakhxngphuththsasnikchn ehlamllkstriyidsrangecdiyaelawiharepncanwnmakiwrxb sthupihykhux mhapriniphansthup xnepnsthanthibrrcuphrabrmsaririkthatukhxngphraphuththeca mhasthupniidklayepnsunyklangkhxngpuchniysthanxun thisrangkhunmaphayhlnginbriewnnn txmaemuxaekhwnmllaidtkxyuinkhwamxarkkhakhxngaekhwnmkhth sunginkhnannmiemuxngpatlibutrepnemuxnghlwng salwonthyanyngkhngepnsthanthisakhyxyu aetxyuinsphaphthiimrungeruxngnk dnginthiphyawthan idphrrnaiwwa phraecaxoskmharachesdcmacarikaeswngbuyyngkusinara praman ph s 310 thrngbricakhphrarachthrphy 100 000 khapna ephuxepnkhasrangsthup ecdiy aelaesasila phraecaxoskemuxthrngthrabchdwa n cudniepnsthanthiphrabrmsasdasmmasmphuththecaesdcdbkhnthpriniphphan phraxngkhthungkbthrngsldphrathy oskesrathungepnlmsinstismpvdi cunthsthup bnthitngkhxngbannaycuntha xnepnsthanthiphraphuththecaeswyphrakrayaharmuxsudthaykxnpriniphphan hlwngcinfaehiyn Fa hsien thiidekhamasubsasnainphuththphumiinchwngpi ph s 942 947 inchwngrchsmykhxngphraecacnthrkhuptthi 2 phraecasriwikrmathity aehngrachwngskhupta sungthanidphrrnnaiwwa emuxmathungkusinara miaetemuxngthithrudothrm hmubanepnhyxm hangknip obsth wihar aelapuchniywtthu prkhkphngodymak sngkharamthikhwrepnthixyuxasykimmiphrasngkhxasyxyu idehnsilacarukphraecaxosk 2 hlk pkpraktxyu 2 aehnginxuthyansalwn caruknnbxkwa n thini epnsthanthipriniphphankhxngphraphuththxngkh inbnthukkhxngphrathngsacng Hiuen Tsang sungidcarikmaemuxngkusinararawpi ph s 1300 idphrrnnaiwincdhmayehtukhxngthanwa emuxngkusinarainsmynnyngkhngmisakemuxng pxmprakar hxsung aelasngkharamxyubang aetxyuinsphaphprkhkphng phayinekhtkaaephngemuxngyngphxmikhnxasyxyubangaetnxymak thanyngidthnphbbxnaaelasaksthupbankhxngnaycuntha aelaidehnkhwamrmrunkhxngsalwonthyan sthanthipriniphphan aelamkutphnthnecdiy sthanthithwayphraephling cninphuththstwrrsthi 14 15 rachwngssklcuriidekhamasrangwdkhuninbriewnsalwonthyancanwnmak cnphraphuththsasnaidhmdcakxinediyipin ph s 1743 thaihsthanakhxngphraphuththsasnainkusinarathukplxythingrangaelaklayepnparkthub cnin ph s 2433 phiksumhawira swami aelathanethwcnthrmni chawsrilngka edinthangmayngkusinaraaelaerimxuthistwinkarfunfuphuththsthanaehngnirwmkbensari chawphuththphma cnidsrangwdkhunihmchuxwa mhapriniwana thrrmasala sthanthipradisthanphraphuththsriraphraphuththecaepnewla 7 wnkxnxyechiyipthwayphraephlingphrabrmsph inpiph s 2397 naywilsn nkobrankhdixngkvs idthakarphisucnkhntnwahmubankaesiykhuxkusinara cninpi ph s 2404 2420 esxr xelksanedxr khnningaehm iderimthakarkhudkhnenindininsalwonthyan cninpi ph s 2418 2420 naykharlliel hnunginphuchwyinthimkhudkhnkhxngthanesxr xelksanedxr idthakarkhudkhntxcnidphbphraphuththruppangpriniphphan wiharpriniphphan aelasthupcanwnmakthiphusrththaidsrangiwinxditemuxkhrngphraphuththsasnayngrungeruxng odynaykharlliel epnthanaerkthiexaicisinnganburnaaelarksakhumkhrxngphraphuththruppangisyasnthikhudphb caknn nbaet ph s 2443 epntnma kusinaraiderimmiphuxupthmphchwyknburnptisngkhrn ekhamasrangwdaelasingxanwykhwamsadwkaekphucarikaeswngbuythierimekhamaskkaramhasngewchniysthanaehngnicninpi ph s 2498 rthbalxinediyidtngkhnakrrmkarephuxphthnapuchniysthanaehngniephuxetriymechlimchlxng 25 phuththchynti odyidruxokhrngsrangwiharpriniphphanekathiphungidrbkarburnasrangihmimnanxxkephuxsrangmhapriniphphanwiharihm ephuxihehmaasmkbokhrngsrangaelasamarthrxngrbphuththsasnikchnid inpi ph s 2499 cninpi ph s 2507 wiharidphnglngma thangkarxinediycungburnasrangkhunihminpi ph s 2518 aelathangkarxinediyaelaphuththsasnikchnkidmiswnrwminkarburnakusinaracnmisphaphswyngamxyangthiehninpccubn cudaeswngbuyaelasphaphkhxngkusinarainpccubn pccubnkusinaraidrbkarburna aelamipuchniywtthusakhy thichawphuththniymipskkarakhux sthuppriniphphan epnsthupaebbthrngoxkhwathiepnthrngphrarachniyminsmyphraecaxoskmharach srangodyphraecaxoskmharach bnsthupmiyxmmn michtrsamchn mhapriniphphanwihar tngxyudanhnainthanediywknkbsthuppriniphphan phayinpradisthanphraphuththruppangesdcdbkhnthpriniphphan khuxphraphuththrupnxnbrrthmtaaekhngebuxngkhwa silpamthura mixayukwa 1 500 pi incarukrabuphusrangkhux hriphlaswami odynaychangchux thina chawemuxngmthura inpccubnphraphuththrupxngkhnithuxidwaepncudhmaysakhythichawphuththcamaskkara ephraaepnphraphuththrupthimiphuththlksnaxnphiesskhuxehmuxnkhnnxnhlbthrrmda aesdngihehnwaphraphuththxngkhidesdcdbkhnthpriniphphancakipxyangphuhmdkngwlinolkthngpwng mkutphnthnecdiy xyuhangcakpriniphphansthupipthangthistawnxxk 1 kiolemtr chawthxngthineriyk rmpharsthup epnsthanthithwayphraephlingphraphuththsrira misphaphepnenindinkxdwyxithkhnadihy pccubnrthbalxinediyidekhamaburnasxmaesmiwxyangdi pccubnchawphuthththwolkidmakxsrangwdiwmakmay odymiwdkhxngithydwy chux wdithykusinaraechlimrachy pccubnchawithythimaskkara n kusinara niymmaphkthini inswnphuththsthanobranlumphininn pccubnidrbkarburnasxmaesmepnxyangdicakrthbalxinediy odyrxbmisphaphepnswnpasalarmrunehmuxnkhrngphuththkal chwnihecriysrththaaekphumaskkaratlxdmacnpccubn phramhathatuechlimrachysrththa phayin wdithykusinaraechlimrachy emuxngkusinara phraphuththruppangmhapriniphphan inphrawiharaehngmhapriniphphansthup sthanthipradisthanphraphuththbrmsphphraphuththecaepnewla 7 wnkxnxyechiyipthwayphraephlingphrabrmsphkhwamsakhywnxtthmikhuxwnaerm 8 kha eduxn 6 epnwnthimiehtukarnsakhythangphraphuththsasna thuxepnwnthitrngkbwnthwayphraephlingphraphuththsrira epnwnthichawphuththtxngmikhwamesiyicaelasuyesiyphrabrmsriraaehngxngkhphrabrmsasda sungepnthiekharphskkaraxyangsung cungepnwnthikhwraesdngthrrmsngewchaelaralukthungphraphuththkhunihsaercepnphuththanusstiphawnamykuslpraephniwnxtthmibuchainpraethsithypraephnikarthwayphraephlingphraphuththsriracalxng inpraethsithy phbpraephnikarthwayphraephlingphraphuththsriracalxngthi wdbrmthatuthungyng xaephxlbael cnghwdxutrditth odypraephninimimaaetemuxidimprakt inpccubnpraephniniidrbkarsnbsnuncakthanghnwynganphakhrth aelaexkchn odycdepnngan wnxtthmibucharaluk emuxngthungyng n wdbrmthatuthungyng xaephxlbael cnghwdxutrditthepnpracathukpi odykahndcdnganinwnwisakhbucha khuxwnkhun 15 kha eduxn 6 thungwnaerm 8 kha eduxn 6 rwm 9 wn kickrrmphayinnganmikaraesdng aesng si esiyng tngaetphraphuththecaesdcpriniphphan cnthungphithithwayphraephlingphraphuththsrira calxng miprachachnchawcnghwdxutrditthaelacnghwdiklekhiyngekhachmepncanwnmak nxkcakniyngphbpraephnikarcalxngthwayphraephlingxikaehnghnunginphakhklang khuxthi wdihmsukhntharam cdody tablwdlamud xaephxnkhrchysri cnghwdnkhrpthm thimikarsubsanpraephninimayawnawkwa 120 pi sungthuxepnaehngaerkaelaaehngediywinlumnaphakhklang thirksapraephninimayawnanthisud epnpraephniphunbanthichawbanrwmkncdkhbwnaehekhruxngskkara tail bngif macudephuxepnphuththskkara aelamikhbwnphuththprawti calxnghlkthrrmkhasxn kxnthicamiphithikarcalxngkarthwayphraephlingphraphuththsrira sungmiprachachninchumchnaelathwipaehaehnknmarwmnganepncanwnmakhlkthrrmthiekiywkhxngsucrit 3 hmaythung khwampraphvtidi ptibtichxb sungsngphlihphukrathaprasbaetkhwamsngbsukh sucritaesdngxxkid 3 thang khux thangkay eriykwa kaysucrit hmaythung khwampraphvtidithiaesdngxxkthangkay idaek karewncakkarkhastw thangwaca eriykwa wcisucrit hmaythung khwampraphvtithiekidthangwaca idaek karewncakkarphudokhk karewncakkarphudsxesiyd thangic eriyk wa monsucrit hmaythung khwampraphvtidithiekidthangic idaek karimephngelngxyakidkhxngphuxun aelaehnthuktxngtamthrrmnxngkhlxngthrrmxangxingsuchiph puyyanuphaph phraitrpitksahrbprachachn krungethphmhankhr orngphimphmhamkutrachwithyaly 2522 smy singhsiri phuaepl phraphuththsasnainchmphuthwip krungethphmhankhr sankphimph praphastn 2504 Bagri S C Buddhhist Pilgrimages amp Tours in India Nodida Publication Division of Indian Government 1992 sunnth pthmakhm rs smudphaphaednphuththphumi chlxngchnmayu 80 pi phrasuemthathibdi wdmhathatuyuwrachrngsvsdi krungethphmhankhr sankphimphmhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly 2541 phrasuttntpidk thikhnikay mhawrrkh mhapriniphphansutr khxthi 159 162