ยุทธการโทบะ–ฟูชิมิ (ญี่ปุ่น: 鳥羽・伏見の戦い; โรมาจิ: Toba-Fushimi no Tatakai) เป็นการศึกที่สำคัญในช่วงสงครามโบชิงของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายสนับสนุนองค์จักรพรรดิกับฝ่ายสนับสนุนระบอบโชกุน การปะทะเริ่มขึ้นเมื่อ 27 มกราคม ค.ศ. 1868 เมื่อกองทัพของฝ่ายสนับสนุนองค์จักรพรรดิอันประกอบด้วยทหารจากแคว้นโชชู แคว้นซัตสึมะ และแคว้นโทซะ เคลื่อนพลเข้าปะทะใกล้ฟูชิมิ ชานเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิ การปะทะครั้งนี้กินเวลากว่าสี่วัน โดยฝ่ายกองทัพโชกุนพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแม้ว่าจะมีจำนวนทหารมากกว่าถึงสองเท่า เนื่องจากกองทัพในพระจักรพรรดิใช้รูปแบบการรบสมัยใหม่ตามแบบอย่างตะวันตกและมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่ามาก
ยุทธการโทบะ–ฟูชิมิ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามโบชิง | |||||||
การปะทะที่โทบะ การปะทะที่โทมิโนโมริ การปะทะที่ทากาเซงาวะ | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ราชสำนักพระจักรพรรดิ | รัฐบาลโชกุน , , , | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
จักรพรรดิเมจิ ไซโง ทากาโมริ | โชกุนโยชิโนบุ และคนอื่น ๆ | ||||||
กำลัง | |||||||
5,000 นาย | 15,000 นาย | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ตาย 96, บาดเจ็บ 230 | ตายราว 295, บาดเจ็บราว 710 |
ในวันที่ 30 มกราคมอันเป็นวันที่สามของการศึก ฝ่ายกองทัพโชกุนตระหนักว่าสู้ไม่ไหวจึงมีคำสั่งถอนทัพ ในขณะที่โชกุนโยชิโนบุซึ่งตั้งรับอยู่ที่นครโอซากะ ได้รับปากกับบรรดาแม่ทัพว่าตัวเขาจะนำทัพออกรบด้วยตนเอง แต่ในคืนนั้นเขาได้หลบหนีออกจากปราสาทโอซากะหมายจะไปขึ้นเรือรบไคโยมารุเพื่อหนีไปยังนครเอโดะ (โตเกียว) อย่างไรก็ตาม ที่ท่าเรือโชกุนกลับพบว่าเรือรบไคโยมารุยึงมาไม่ถึง เขาจึงลี้ภัยขึ้นเรือ USS Iroquois ของสหรัฐ ซึ่งจอดทอดสมออยู่ในอ่าวโอซากะ ในขณะที่เรือรบไคโยมารุมาถึงในเช้าวันรุ่งขึ้น
ในวันที่ 31 มกราคม เมื่อฝ่ายแม่ทัพของโชกุนทราบว่าโชกุนได้ทิ้งพวกเขาไปแล้ว พวกเขาก็เคลื่อนพลออกจากปราสาทโอซากะ และยอมจำนนต่อกองทัพในพระจักรพรรดิโดยไร้การขัดขืน ในขณะที่โชกุนโยชิโนบุเองก็ไม่ประสงค์จะสู้ต่ออีกแล้ว
ชนวนเหตุ
ในวันที่ 4 มกราคม ปี 1868 โชกุนแห่งตระกูลโทกูงาวะในถวายพระราชอำนาจคืนแก่จักรพรรดิ ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการปฏิรูปเมจิและเป็นจุดสิ้นสุดของรัฐบาลโชกุน แต่อย่างไรก็ตามแม้โชกุนโทกูงาวะ โยชิโนบุจะถวายพระราชอำนาจคืนไปแล้ว แต่อิทธิพลของเขาก็ยังคงมีต่อไป และอาจจะสามารถเรียกกำลังพลเพื่อซ่องสุมกองกำลังเพื่อชิงอำนาจคืนไปได้ แคว้นโจชูและซัตสึมะจึงใช้โอกาสนี้ในการกำจัดโชกุนให้สิ้นซาก
แม้ที่ปรึกษาขององค์จักรพรรดิเมจิที่ตอนนั้นมีพระชนม์มายุแค่ 15 พรรษา จะมีความสุขดีที่ปกครองประเทศไปพร้อมกับช่วยเหลือและสนับสนุนจากตระกูลโทกูงาวะ แต่นั้นทำให้ไซโง ทากาโมริไม่ค่อยพอใจเป็นอย่างมาก เขาใช้อิทธิพลและอำนาจของตัวเองในการข่มขู่เหล่าที่ปรึกษาให้ออกคำสั่งในการยึดทรัพย์ของพวกโทกูงาวะ
ภายใต้อิทธิพลของไซโงทำให้รัฐบาลออกคำสั่งในการริบคืนที่ดินของตระกูลโทกูงาวะมาเป็นขององค์จักรพรรดิ ซึ่งต่อมาในวันที่ 17 มกราคม 1868 โยชิโนบุประกาศไม่ยอมรับคำสั่งของรัฐ และเมื่อพวกซัตสึมะใช้ประเด็นนี้ในการยุแหย่กับโยชิโนบุต่อไปเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาทนไม่ไหว โยชิโนบุ พร้อมด้วยข้าราชบริพารของโชกุนและเหล่าโรนินในเอโดะ มาตั้งมั่นที่ปราสาทโอซากาเพื่อเตรียมโจมตีเมืองเกียวโต และแน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่พวกโจชูและซัตสึมะใช้อำนาจขององค์จักรพรรดิในการสั่งการเหล่าทหารรอตั้งรับพร้อมอยู่แล้ว
เปิดฉากการรบ
การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อกองกำลังของฝ่ายโชกุนปิดล้อมเมืองเกียวโต โดยในระหว่างการปิดล้อมมีการส่งสาสน์เตือนไปยังราชสำนักเกียวโต เพื่อให้จักรพรรดิ ผู้สำเร็จราชการและที่ปรึกษาแผ่นดิน รวมทั้งพวกแคว้นโจชูและซัตสึมะยอมจำนนรู้ถึงการโจมตีที่กำลังจะเกิด และให้ยอมจำนนแต่โดยดี
โดยกองกำลังทหารของฝ่ายโชกุนนั้นมีกำลังพลกว่า 15,000 คน ซึ่งมีมากกว่ากองกำลังพันธมิตรซัตโจถึง 3 เท่า โดยกองกำลังหลักมาจากทหารจากแคว้นไอซุ แคว้นคุวานะและกองทหารชินเซ็นกุมิ และแม้ทหารส่วนมากจะเป็นทหารรับจ้าง แต่ในจำนวนนี้ก็มีทหารทีได้รับการฝึกมาอย่างดีจากฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย ซึ่งในแต่ละกองกำลังของทั้งสองฝ่ายก็มีจุดดี จุดด้อยแตกต่างกันไป อย่างเช่นกองกำลังของฝ่ายไอซุมีความพร้อมมากกว่าของซตสึมะ กองกำลังบาคุฟุมีจำนวนมากที่สุด และกองกำลังของโจชูที่มีความทันสมัยมากที่สุด
แต่ถึงกระนั้นแม้กองกำลังของโชกุนจะมีจำนวนมาก แต่ตัวโชกุนเองก็มักจะสั่งการพลาดและไม่มีความเป็นผู้นำพอ ทำให้ในแต่ละการศึกมักจะพลาดบ่อยๆ
แม้ทางฝ่ายของพันธมิตรซัตโจจะมีกำลังพลน้อยกว่า แต่พวกเขามีกำลังทหารและยุทธโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีทั้งปืนใหญ่ ปืนยาว ปืนกล ในการรบ ซึ่งทางด้านกองกำลังของโชกุนนั้นไม่มีอาวุธพวกนี้มากนัก เนื่องด้วยการที่โชกุนใช้ดงินไปในการฝึกทหารของฝรั่งเศสทำให้ไม่ค่อยมีเงินไปซื้ออาวุธ ทำให้ในกองกำลังของโชกุนมีทั้งส่วนที่ทันสมัยและล้าสมัย
กองเรือราชนาวีอังกฤษซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพันธมิตรซัตโจ ก็ได้ออกตัวและมาช่วยสนับสนุนพันธมิตรซัตโจโดยการเอากองเรือมาปิดท่าเรือโอซากา เพื่อป้องกันกองกำลังเสริมของโชกุนทีอาจจะมาช่วยเหลือทัพของโชกุนในโอซากาซึ่งเป็นจุดยื่นมั้นของกลุ่มผู้สนับสนุนโชกุน แต่สาเหตุสคัญหลักๆของการที่กองเรืออังกฤษมาปิดล้อมอ่าวโอซากาในครั้งนี้ก็เพื่อป้องกันจุดยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญในเมืองเฮียวโงะ (ปัจจุบันคือโกเบ) และป้องกันสถานะท่าเรือการค้าที่รัฐบาลเกียวโตเพิ่งจะสั่งเปิดในโอซากาด้วยในวันที่ 1 มกราคม 1868 กองเรือที่ประจำการในโอซากานั้นนำโดยพลเรือเอกเฮนรี เคปเปล (Henry Keppel) และพลเรือเอกเฮนรี เอช.เบล (Henry H. Bell)
ก่อนจะเกิดการรบครั้งนี้ โยชิโนบุผู้เป็นโชกุนคนสุดท้ายมีอาการป่วยอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่มีส่วนร่วมในการศึกครั้งนี้
อ้างอิง
- Totman, p. 429
- Totman, p. 429
- Totman, p. 429
- Totman, p.429
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
yuththkarothba fuchimi yipun 鳥羽 伏見の戦い ormaci Toba Fushimi no Tatakai epnkarsukthisakhyinchwngsngkhramobchingkhxngyipun sungepnkartxsurahwangfaysnbsnunxngkhckrphrrdikbfaysnbsnunrabxbochkun karpathaerimkhunemux 27 mkrakhm kh s 1868 emuxkxngthphkhxngfaysnbsnunxngkhckrphrrdixnprakxbdwythharcakaekhwnochchu aekhwnstsuma aelaaekhwnothsa ekhluxnphlekhapathaiklfuchimi chanemuxngekiywot sungepnthiprathbkhxngxngkhckrphrrdi karpathakhrngnikinewlakwasiwn odyfaykxngthphochkunphayaephxyangsinechingaemwacamicanwnthharmakkwathungsxngetha enuxngcakkxngthphinphrackrphrrdiichrupaebbkarrbsmyihmtamaebbxyangtawntkaelamixawuthyuthothpkrnthithnsmykwamakyuththkarothba fuchimiswnhnungkhxng sngkhramobchingkarpathathiothba karpathathiothmionomri karpathathithakaesngawawnthi27 31 mkrakhm kh s 1868sthanthiphunthirahwangekiywotaelaoxsakaphlchychnakhxngfayphrackrphrrdikhusngkhramrachsankphrackrphrrdi aekhwnstsuma aekhwnochchu aekhwnothsa rwmphayhlng rthbalochkun phubngkhbbychaaelaphunackrphrrdiemci isong thakaomriochkunoychionbu aelakhnxun kalng5 000 nay15 000 naykhwamsuyesiytay 96 badecb 230tayraw 295 badecbraw 710 inwnthi 30 mkrakhmxnepnwnthisamkhxngkarsuk faykxngthphochkuntrahnkwasuimihwcungmikhasngthxnthph inkhnathiochkunoychionbusungtngrbxyuthinkhroxsaka idrbpakkbbrrdaaemthphwatwekhacanathphxxkrbdwytnexng aetinkhunnnekhaidhlbhnixxkcakprasathoxsakahmaycaipkhuneruxrbikhoymaruephuxhniipyngnkhrexoda otekiyw xyangirktam thithaeruxochkunklbphbwaeruxrbikhoymaruyungmaimthung ekhacungliphykhunerux USS Iroquois khxngshrth sungcxdthxdsmxxyuinxawoxsaka inkhnathieruxrbikhoymarumathunginechawnrungkhun inwnthi 31 mkrakhm emuxfayaemthphkhxngochkunthrabwaochkunidthingphwkekhaipaelw phwkekhakekhluxnphlxxkcakprasathoxsaka aelayxmcanntxkxngthphinphrackrphrrdiodyirkarkhdkhun inkhnathiochkunoychionbuexngkimprasngkhcasutxxikaelwchnwnehtuinwnthi 4 mkrakhm pi 1868 ochkunaehngtrakulothkungawainthwayphrarachxanackhunaekckrphrrdi thuxepncuderimtnaehngkarptirupemciaelaepncudsinsudkhxngrthbalochkun aetxyangirktamaemochkunothkungawa oychionbucathwayphrarachxanackhunipaelw aetxiththiphlkhxngekhakyngkhngmitxip aelaxaccasamartheriykkalngphlephuxsxngsumkxngkalngephuxchingxanackhunipid aekhwnocchuaelastsumacungichoxkasniinkarkacdochkunihsinsak aemthipruksakhxngxngkhckrphrrdiemcithitxnnnmiphrachnmmayuaekh 15 phrrsa camikhwamsukhdithipkkhrxngpraethsipphrxmkbchwyehluxaelasnbsnuncaktrakulothkungawa aetnnthaihisong thakaomriimkhxyphxicepnxyangmak ekhaichxiththiphlaelaxanackhxngtwexnginkarkhmkhuehlathipruksaihxxkkhasnginkaryudthrphykhxngphwkothkungawa phayitxiththiphlkhxngisongthaihrthbalxxkkhasnginkarribkhunthidinkhxngtrakulothkungawamaepnkhxngxngkhckrphrrdi sungtxmainwnthi 17 mkrakhm 1868 oychionbuprakasimyxmrbkhasngkhxngrth aelaemuxphwkstsumaichpraednniinkaryuaehykboychionbutxiperuxy thaihphwkekhathnimihw oychionbu phrxmdwykharachbripharkhxngochkunaelaehlaornininexoda matngmnthiprasathoxsakaephuxetriymocmtiemuxngekiywot aelaaennxnwaepnsthanthithiphwkocchuaelastsumaichxanackhxngxngkhckrphrrdiinkarsngkarehlathharrxtngrbphrxmxyuaelwepidchakkarrbkartxsuerimkhunemuxkxngkalngkhxngfayochkunpidlxmemuxngekiywot odyinrahwangkarpidlxmmikarsngsasnetuxnipyngrachsankekiywot ephuxihckrphrrdi phusaercrachkaraelathipruksaaephndin rwmthngphwkaekhwnocchuaelastsumayxmcannruthungkarocmtithikalngcaekid aelaihyxmcannaetodydi odykxngkalngthharkhxngfayochkunnnmikalngphlkwa 15 000 khn sungmimakkwakxngkalngphnthmitrstocthung 3 etha odykxngkalnghlkmacakthharcakaekhwnixsu aekhwnkhuwanaaelakxngthharchinesnkumi aelaaemthharswnmakcaepnthharrbcang aetincanwnnikmithharthiidrbkarfukmaxyangdicakfrngessrwmxyudwy sunginaetlakxngkalngkhxngthngsxngfaykmicuddi cuddxyaetktangknip xyangechnkxngkalngkhxngfayixsumikhwamphrxmmakkwakhxngstsuma kxngkalngbakhufumicanwnmakthisud aelakxngkalngkhxngocchuthimikhwamthnsmymakthisud aetthungkrannaemkxngkalngkhxngochkuncamicanwnmak aettwochkunexngkmkcasngkarphladaelaimmikhwamepnphunaphx thaihinaetlakarsukmkcaphladbxy aemthangfaykhxngphnthmitrstoccamikalngphlnxykwa aetphwkekhamikalngthharaelayuththothpkrnthilasmythisudinyipun odymithngpunihy punyaw punkl inkarrb sungthangdankxngkalngkhxngochkunnnimmixawuthphwknimaknk enuxngdwykarthiochkunichdnginipinkarfukthharkhxngfrngessthaihimkhxymienginipsuxxawuth thaihinkxngkalngkhxngochkunmithngswnthithnsmyaelalasmy kxngeruxrachnawixngkvssungepnphusnbsnunrayihykhxngphnthmitrstoc kidxxktwaelamachwysnbsnunphnthmitrstocodykarexakxngeruxmapidthaeruxoxsaka ephuxpxngknkxngkalngesrimkhxngochkunthixaccamachwyehluxthphkhxngochkuninoxsakasungepncudyunmnkhxngklumphusnbsnunochkun aetsaehtuskhyhlkkhxngkarthikxngeruxxngkvsmapidlxmxawoxsakainkhrngnikephuxpxngkncudyuththsastrkarkhathisakhyinemuxngehiywonga pccubnkhuxokeb aelapxngknsthanathaeruxkarkhathirthbalekiywotephingcasngepidinoxsakadwyinwnthi 1 mkrakhm 1868 kxngeruxthipracakarinoxsakannnaodyphleruxexkehnri ekhpepl Henry Keppel aelaphleruxexkehnri exch ebl Henry H Bell kxncaekidkarrbkhrngni oychionbuphuepnochkunkhnsudthaymixakarpwyxyangrunaerng thaihekhaimmiswnrwminkarsukkhrngnixangxingTotman p 429 Totman p 429 Totman p 429 Totman p 429 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk