บทความนี้ไม่มีจาก |
17°1′37.4802″N 99°41′35.8398″E / 17.027077833°N 99.693288833°E
วัดศรีชุม (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย) | |
---|---|
ซากเสาพระวิหารและพระมณฑปประดิษฐานพระอจนะ และต้นมะม่วงป่า | |
ข้อมูลทั่วไป | |
สถานะ | เปิดใช้งาน |
ประเภท | วัด โบราณสถานภายนอกกำแพงเมืองทิศเหนือ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย |
สถาปัตยกรรม | สถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย |
เมือง | อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย |
ประเทศ | ประเทศไทย |
เริ่มสร้าง | พุทธศตวรรษที่ 19 |
ปรับปรุง | พ.ศ. 2496 พ.ศ. 2510 |
ผู้สร้าง | พ่อขุนรามคำแหงมหาราช |
ในกำกับดูแลของ | กรมศิลปากร |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
โครงสร้าง | ก่ออิฐถือปูน |
เกณฑ์พิจารณา: วัฒนธรรม: (i), (iii) เลขอ้างอิง: 0004056 |
วัดศรีชุม เป็นศาสนโบราณสถานแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณนอกเขตกำแพงเมืองทิศเหนืออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป ซึ่งปัจจุบันยอดพระมณฑปได้พังทลายหมดแล้วหลงเหลือแต่เพียงผนังกำแพงโดยรอบ ทำให้เป็นพระพุทธรูปกลางแจ้งจนถึงทุกวันนี้
โครงสร้างของวัดศรีชุมมีความพิเศษกว่าวัดแห่งอื่น ๆ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเนื่องจากเป็นวัดที่ไม่เจดีย์ประธาน แต่ถูกแทนที่ด้วยพระมณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธรูปด้านใน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวิหารหลัก วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือราวพุทธศตวรรษที่ 19 ได้รับการบูรณะขึ้นครั้งแรกจากกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. 2496 และบูรณะบริเวณมณฑปอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2510
พระพุทธอจนะ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นอกจากนี้บริเวณด้านข้างพระมณฑปทางทิศเหนือยังประกอบด้วยต้นมะม่วงป่าขนาดใหญ่อายุมากกว่า 200 ปี มีความสูงถึงยอดกว่า 20 เมตร ได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนรุกข มรดกของแผ่นดิน โดยกระทรวงวัฒนธรรม
ประวัติ
"วัดศรีชุม" มาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิม ซึ่งหมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อ ศรีชุม จึงหมายถึงดงของต้นโพธิ์ แต่ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่เขียนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่เข้าใจความหมายนี้แล้ว จึงเรียกสถานที่นั้นว่า "ฤๅษีชุม"
วัดศรีชุมนั้น สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยปรากฏอยู่ในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 ว่า
เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้...............มีพระอจนะ มีปราสาท" พระประธานในมณฑปจึงมีชื่อว่า "พระอจนะ"
พระมณฑปกว้างด้านละ 32 เมตร สูง 15 เมตร ผนังหนา 3 เมตร ผนังด้านซ้ายเจาะเป็นทางทำบันได ในผนังขึ้นไปถึงหลังคา ตามฝาผนังอุโมงค์มีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ 700 ปี เพดานผนังมีแผ่นหินชนวนสลักภาพลายเส้นเป็นเรื่องในชาดกต่างๆ มีจำนวน 50 ภาพ เรียงประดับต่อเนื่องกัน ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นงานจิตรกรรมไทยที่เก่าแก่ที่สุด
ในสมัยอยุธยา เมื่อครั้งสมเด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกาศอิสรภาพในปี พ.ศ. 2127 ที่เมืองแครง ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ ยกเลิกการส่งส่วยให้กับพม่า แต่ยังมีเมือง ( สวรรคโลก) ที่ไม่ยอมทำตามพระราชโองการของพระองค์ พระองค์จึงนำทัพเสด็จมาปราบเมืองเชลียง และได้มีการมาชุมนุมทัพที่วัดศรีชุมแห่งนี้ก่อนที่จะไปตีเมืองเชลียง และด้วยการรบในครั้งนั้นเป็นการรบระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน ทำให้เหล่าทหารไม่มีกำลังใจในการรบไม่อยากรบ สมเด็จพระนเรศวรจึงได้วางแผนสร้างกำลังใจให้กับทหาร โดยการให้ทหารคนหนึ่งปีนบันไดขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ และพูดให้กำลังใจแก่เหล่าทหาร ทำให้ทหารเกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดตำนานพระพูดได้ที่วัดศรีชุมแห่งนี้ และพระนเรศวรยังได้มีการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาขึ้นที่วัดแห่งนี้ด้วย
ตามหลักฐานระบุว่าวัดแห่งนี้ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าลิไท และมีการดูแลบูรณะเรื่อยมา สันนิษฐานว่าวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย จนกระทั่งในสมัย รัชกาลที่ 9 ได้มีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ ในปี พ.ศ. 2495 โดยเริ่มมีการบูรณะพระพุทธรูปพระอจนะ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และอาจารย์ วัดจึงอยู่ในสภาพที่เห็นในปัจจุบัน
สภาพโบราณสถาน
วัดศรีชุม เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสุโขทัย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ในวัดปรากฏโบราณสถานขนาดใหญ่ลักษณะมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑป ซึ่งสันนิษฐานว่าในอดีตตัวมณฑปน่าจะมีหลังคาคล้ายโดม ตัวมณฑปนั้นตั้งอยู่บนฐานสูง ด้านหน้าเปิดเป็นช่องเห็นพระพักตร์พระพุทธรูปงดงามแต่ไกล
ตัวโบราณสถานประกอบด้วยอาคารหลัก 2 หลัง หลังแรกเป็นมณฑปรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 32 คูณ 32 ม. สูง 15 ม. ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่มีชื่อว่า พระอจนะ ในด้านหน้า เป็นวิหารหลวงมี 6 ห้อง ปรากฏในศิลาจารึกว่า “เบื้องตีนนอน” อยู่ทางทิศเหนือ จะมีพระพุทธรูปใหญ่ “เบื้องหัวนอน” จะอยู่ทางทิศใต้ สมัยพ่อขุนรามคำแหงโปรดให้สร้างมณฑปครอบพระพุทธรูปไว้ และในสมัยพระเจ้าลิไทโปรดให้ก่อผนังใหม่อีกข้างให้ห่างจากผนังเดิม 1 เมตร 50 ซ.ม. โดยช่องว่างให้ทำบันได ทำอุโมงค์ขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ ผนังของอุโมงค์นี้โปรดให้ไปแกะหินชนวนจากเจดีย์เก้ายอดที่วัดมหาธาตุที่แกะ สลักเป็นเรื่องราวชาดก 550 พระชาติ และในส่วนที่แกะหินชนวนโปรดให้สร้างปางลีลากระทำอัญชลีขึ้นแทน ในการสร้างมณฑปที่มีผนัง 2 ชั้นนั้นได้รับอิทธิพลศิลปะโปโลนนารวะของลังกา ซึ่งแพร่หลายมากในสมัยปรกมพาหุ ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงนิยมสร้างพระอัฏฐารส และสมัยพระยาลิไทนิยมสร้างพระสาวกลีลา
พระอจนะ
"พระอจนะ" คำว่า อจนะ มีผู้ให้ความหมายพระอจนะว่าหมายถึงคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง” “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้” พระอจนะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้น แกนในก่ออิฐและศิลาแลง หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร สูง 15 เมตร องค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่เต็มวิหาร ศิลปะแบบสุโขทัย
ศิลาจารึกวัดศรีชุม
ศิลาจารึกวัดศรีชุมเรียกว่า ศิลาจารึกหลักที่ 2 ทำด้วยหินดินดานเป็นรูปใบเสมา กว้าง 67 เซนติเมตร สูง 275 เซนติเมตร หนา 8 เซนติเมตร ด้านที่หนึ่งจารึก ภาษาไทย มี 107 บรรทัด ด้านที่สองมี 95 บรรทัด มีอายุประมาณ ปี พ.ศ. 1880 - 1910 นาย เมื่อครั้งเป็นที่หลวงสโมสรพลการ พบที่อุโมงค์วัดศรีชุม เมืองเก่าสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2430 ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
ความสำคัญของวัด
วัดศรีชุมมีการวางผังที่แปลกกว่าวัดทั่วไป ที่ใช้มณฑปที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานเป็นประธานของวัดเปรียบเป็นอุเทสิกเจดีย์ และมีพระวิหารต่อออกมาแบบที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น นักโบราณคดีให้ความเห็นว่ามณฑปพระอจนะน่าจะสร้างโดยมีคติเป็นพระคันธกุฎี คือที่ประทับของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล
- วัดนี้เป็นสถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม พูดถึงความเป็นมาของราชวงศ์พระร่วง และราชวงศ์ผาเมืองและการตั้งเมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันความเป็นของแท้ดั้งเดิมของจารึกหลักที่หนึ่งในคราวที่มีกรณีข้อกล่าวหาว่าจารึกหลักหนึ่งเป็นของปลอม
- แผ่นหินที่แกะมาจากเจดีย์วัดมหาธาตุจารึกเป็นรูปบุคคล และรูปอาคาร เป็นหลักฐานชั้นสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่าอาคารและบุคคลในสุโขทัยเป็นอย่างไร
- วัดศรีชุมถือเป็นสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัย
การเดินทาง
ตั้งอยู่บนถนนจรดวิถีถ่อง ตรงข้าม ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยมาตาม (สุโขทัย-ตาก) ประมาณ 12 กม. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-21.00 น. นักท่องเที่ยวชาวไทย 5 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท และเวลา 9.00-21.00 น. โบราณสถานต่างๆ ถูกสาดส่องด้วยแสงไฟ
อ้างอิง
- ปิ่น, บุตรี. ""วัดศรีชุม"สุโขทัย น่าทึ่งพระพุทธรูปพูดได้ คุณยายพูดโดน..."การโกง มันบาป"". ผู้จัดการ. สืบค้นเมื่อ 2 January 2024.
- "โบราณสถานนอกกำแพงเมืองทิศเหนือ". กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ 2 January 2024.
- ประวัติวัดศรีชุม 2006-10-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ศิลาจารึกหลักที่ ๒ 2009-06-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลอื่น
- ภาพถ่ายทางอากาศของ วัดศรีชุม (จังหวัดสุโขทัย)
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต 3 โทร 0 5525 2742-3
- หลวงพ่อวัดศรีชุม
- พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 "แผ่นดินทอง - เที่ยวเมืองพระร่วง ตอนที่ ๒ ภูมิสถานกรุงสุโขทัย และจารึกศิลา"
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir 17 1 37 4802 N 99 41 35 8398 E 17 027077833 N 99 693288833 E 17 027077833 99 693288833 wdsrichum xuthyanprawtisastrsuokhthy sakesaphrawiharaelaphramnthppradisthanphraxcna aelatnmamwngpakhxmulthwipsthanaepidichnganpraephthwd obransthanphaynxkkaaephngemuxngthisehnux xuthyanprawtisastrsuokhthysthaptykrrmsthaptykrrmsmysuokhthyemuxngxaephxemuxngsuokhthy cnghwdsuokhthypraethspraethsithyerimsrangphuththstwrrsthi 19prbprungph s 2496 ph s 2510phusrangphxkhunramkhaaehngmharachinkakbduaelkhxngkrmsilpakrkhxmulthangethkhnikhokhrngsrangkxxiththuxpunaehlngmrdkolkodyyuensok eknthphicarna wthnthrrm i iii obransthanthikhunthaebiynodykrmsilpakr elkhxangxing 0004056 wdsrichum epnsasnobransthanaehnghnung tngxyubriewnnxkekhtkaaephngemuxngthisehnuxxuthyanprawtisastrsuokhthy tablemuxngeka xaephxemuxngsuokhthy cnghwdsuokhthy wdaehngniepnthipradisthanphraphuththruppangmarwichyxngkhihysungminamwa phraxcna xngkhphraphuththruppradisthanxyuinmnthp sungpccubnyxdphramnthpidphngthlayhmdaelwhlngehluxaetephiyngphnngkaaephngodyrxb thaihepnphraphuththrupklangaecngcnthungthukwnni okhrngsrangkhxngwdsrichummikhwamphiesskwawdaehngxun inekhtxuthyanprawtisastrsuokhthyenuxngcakepnwdthiimecdiyprathan aetthukaethnthidwyphramnthpthipradisthanphraphuththrupdanin sungtngxyudanhlngwiharhlk wdaehngnisnnisthanwasrangkhuninsmyphxkhunramkhaaehngmharach hruxrawphuththstwrrsthi 19 idrbkarburnakhunkhrngaerkcakkrmsilpakremuxpi ph s 2496 aelaburnabriewnmnthpxikkhrnghnungemuxpi ph s 2510 phraphuththxcna thuxepnhnunginsthanthithxngethiywsakhyaelasylksnthisakhythisudaehnghnungkhxngxuthyanprawtisastrsuokhthy nxkcaknibriewndankhangphramnthpthangthisehnuxyngprakxbdwytnmamwngpakhnadihyxayumakkwa 200 pi mikhwamsungthungyxdkwa 20 emtr idrbkarxnurksaelakhunthaebiynrukkh mrdkkhxngaephndin odykrathrwngwthnthrrmprawtimnthpwdsrichum cnghwdsuokhthy thayemuxkhrngkarkxnburna phaphthaykhadwathayemuxtnrchsmyrchkalthi 5phramnthpaelaphraxcnaphraxcna wdsrichum emuxpi ph s 2543smedcphranerswrthrngkrathaplukplxbickhwythhar pthmehtuaehngtanan phraphudid phaphcitrkrrmfaphnngwdsuwrrndararam xyuthya wdsrichum macakkhaeriykphunemuxngedim sunghmaythung tnophthi dngnnchux srichum cunghmaythungdngkhxngtnophthi aetinhnngsuxphrarachphngsawdarkrungsrixyuthyathiekhiyninsmyxyuthyatxnplay imekhaickhwamhmayniaelw cungeriyksthanthinnwa visichum wdsrichumnn snnisthanwasranginsmyphxkhunramkhaaehng odypraktxyuinsilacaruksuokhthyhlkthi 1 wa ebuxngtinnxnemuxngsuokhthyni miphraxcna miprasath phraprathaninmnthpcungmichuxwa phraxcna phramnthpkwangdanla 32 emtr sung 15 emtr phnnghna 3 emtr phnngdansayecaaepnthangthabnid inphnngkhunipthunghlngkha tamfaphnngxuomngkhmiphaphekhiynekaaekaetelxaeluxnekuxbhmd phaphekhiynnimixayuekuxb 700 pi ephdanphnngmiaephnhinchnwnslkphaphlayesnepneruxnginchadktang micanwn 50 phaph eriyngpradbtxenuxngkn thnghmdnithuxidwaepnngancitrkrrmithythiekaaekthisud insmyxyuthya emuxkhrngsmedcsmedcphranerswrmharach prakasxisrphaphinpi ph s 2127 thiemuxngaekhrng thaihhwemuxngtang ykelikkarsngswyihkbphma aetyngmiemuxng swrrkholk thiimyxmthatamphrarachoxngkarkhxngphraxngkh phraxngkhcungnathphesdcmaprabemuxngechliyng aelaidmikarmachumnumthphthiwdsrichumaehngnikxnthicaiptiemuxngechliyng aeladwykarrbinkhrngnnepnkarrbrahwangkhnithykbkhnithydwykn thaihehlathharimmikalngicinkarrbimxyakrb smedcphranerswrcungidwangaephnsrangkalngicihkbthhar odykarihthharkhnhnungpinbnidkhunipthangdanhlngxngkhphra aelaphudihkalngicaekehlathhar thaihthharekidkalngicthicatxsu dwyehtunicungthaihekidtananphraphudidthiwdsrichumaehngni aelaphranerswryngidmikarthaphithithuxnaphiphthnstyakhunthiwdaehngnidwy tamhlkthanrabuwawdaehngniidmikarburnakhrngihyinsmyphraecaliith aelamikarduaelburnaeruxyma snnisthanwawdniidthukthingranginsmyxyuthyatxnplay cnkrathnginsmy rchkalthi 9 idmiokhrngkarburnptisngkhrn inpi ph s 2495 odyerimmikarburnaphraphuththrupphraxcna odysastracarysilp phirasri aelaxacary wdcungxyuinsphaphthiehninpccubnsphaphobransthanwdsrichum epnobransthanthitngxyuthangthistawntkechiyngehnuxkhxngemuxngsuokhthy snnisthanwasranginsmyphxkhunramkhaaehng inwdpraktobransthankhnadihylksnamnthprupsiehliymcturspradisthanphraphuththruppunpnkhnadihyetmmnthp sungsnnisthanwainxdittwmnthpnacamihlngkhakhlayodm twmnthpnntngxyubnthansung danhnaepidepnchxngehnphraphktrphraphuththrupngdngamaetikl twobransthanprakxbdwyxakharhlk 2 hlng hlngaerkepnmnthprupsiehliymkwang 32 khun 32 m sung 15 m phayinpradisthanphraphuththrupthimichuxwa phraxcna indanhna epnwiharhlwngmi 6 hxng praktinsilacarukwa ebuxngtinnxn xyuthangthisehnux camiphraphuththrupihy ebuxnghwnxn caxyuthangthisit smyphxkhunramkhaaehngoprdihsrangmnthpkhrxbphraphuththrupiw aelainsmyphraecaliithoprdihkxphnngihmxikkhangihhangcakphnngedim 1 emtr 50 s m odychxngwangihthabnid thaxuomngkhkhunipthangdanhlngxngkhphra phnngkhxngxuomngkhnioprdihipaekahinchnwncakecdiyekayxdthiwdmhathatuthiaeka slkepneruxngrawchadk 550 phrachati aelainswnthiaekahinchnwnoprdihsrangpanglilakrathaxychlikhunaethn inkarsrangmnthpthimiphnng 2 chnnnidrbxiththiphlsilpaopolnnarwakhxnglngka sungaephrhlaymakinsmyprkmphahu insmyphxkhunramkhaaehngniymsrangphraxtthars aelasmyphrayaliithniymsrangphrasawklilaphraxcna phraxcna khawa xcna miphuihkhwamhmayphraxcnawahmaythungkhainphasabaliwa xcla sungaeplwa phuimhwnihw mnkhng phuthikhwraekkarekharphkrabihw phraxcnaepnphraphuththruppangmarwichy khdsmathirab wsdupunpn aekninkxxithaelasilaaelng hnatkkwang 11 30 emtr sung 15 emtr xngkhphraphuththrupmikhnadihyetmwihar silpaaebbsuokhthysilacarukwdsrichumsilacarukwdsrichumeriykwa silacarukhlkthi 2 thadwyhindindanepnrupibesma kwang 67 esntiemtr sung 275 esntiemtr hna 8 esntiemtr danthihnungcaruk phasaithy mi 107 brrthd danthisxngmi 95 brrthd mixayupraman pi ph s 1880 1910 nay emuxkhrngepnthihlwngsomsrphlkar phbthixuomngkhwdsrichum emuxngekasuokhthy emuxpi ph s 2430 pccubnxyuthiphiphithphnthsthanaehngchatiphrankhrkhwamsakhykhxngwdwdsrichummikarwangphngthiaeplkkwawdthwip thiichmnthpthimiphraphuththrupkhnadihypradisthanepnprathankhxngwdepriybepnxuethsikecdiy aelamiphrawihartxxxkmaaebbthiepnthiniyminsmynn nkobrankhdiihkhwamehnwamnthpphraxcnanacasrangodymikhtiepnphrakhnthkudi khuxthiprathbkhxngphraphuththecainsmyphuththkal wdniepnsthanthiphbsilacarukhlkthi 2 hruxsilacarukwdsrichum phudthungkhwamepnmakhxngrachwngsphrarwng aelarachwngsphaemuxngaelakartngemuxngsuokhthy sungepnhlkthansakhythiyunynkhwamepnkhxngaethdngedimkhxngcarukhlkthihnunginkhrawthimikrnikhxklawhawacarukhlkhnungepnkhxngplxm aephnhinthiaekamacakecdiywdmhathatucarukepnrupbukhkhl aelarupxakhar epnhlkthanchnsakhythithaiheraruwaxakharaelabukhkhlinsuokhthyepnxyangir wdsrichumthuxepnsylksnthangkarthxngethiywthisakhykhxngcnghwdsuokhthykaredinthangtngxyubnthnncrdwithithxng trngkham hangcaktwemuxngsuokhthymatam suokhthy tak praman 12 km xuthyanprawtisastrsuokhthyepidihekhachmthukwn ewla 06 00 21 00 n nkthxngethiywchawithy 5 bath chawtangchati 100 bath aelaewla 9 00 21 00 n obransthantang thuksadsxngdwyaesngifxangxingpin butri wdsrichum suokhthy nathungphraphuththrupphudid khunyayphudodn karokng mnbap phucdkar subkhnemux 2 January 2024 obransthannxkkaaephngemuxngthisehnux krmsilpakr subkhnemux 2 January 2024 prawtiwdsrichum 2006 10 27 thi ewyaebkaemchchin silacarukhlkthi 2 2009 06 26 thi ewyaebkaemchchinaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wdsrichum phaphthaythangxakaskhxng wdsrichum cnghwdsuokhthy sxbthamkhxmulephimetimidthi sankngan ththth phakhehnux ekht 3 othr 0 5525 2742 3 hlwngphxwdsrichum phrarachniphnthinrchkalthi 6 aephndinthxng ethiywemuxngphrarwng txnthi 2 phumisthankrungsuokhthy aelacaruksila