เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ (พรหมลือ ณ เชียงตุง) ราชบุตรในเจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าเชียงตุงองค์ที่ 8 ประสูติแต่ "เจ้าแม่เมือง" (อัครมเหสี) (ธิดาเจ้าเมืองสิง) ต่อมาพระองค์ได้เป็นเจ้าฟ้าเชียงตุงองค์ที่ 10 ต่อจากเจ้าพี่ ภายหลังเจ้าฟ้าพรหมลือได้อพยพเข้ามาอยู่ในไทยตราบจนพิราลัย
เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ | |
---|---|
เจ้าฟ้าเชียงตุง | |
รัชกาลก่อนหน้า | เจ้าฟ้ากองไท |
รัชกาลถัดไป | เจ้าจายหลวง มังราย |
ประสูติ | พ.ศ. 2440 |
พิราลัย | 20 สิงหาคม พ.ศ. 2498 |
พระมเหสี | เจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง |
เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราช ยสสรพรหมลือ | |
พระบุตร | 7 องค์ |
ราชวงศ์ | มังราย |
พระบิดา | เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง |
พระมารดา |
พระประวัติ
เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ ประสูติในปี พ.ศ. 2440 เป็นพระราชบุตรในเจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง เจ้าฟ้าเชียงตุงองค์ที่ 8 ประสูติแต่ "เจ้าแม่เมือง" (อัครมเหสี) (ธิดาเจ้าเมืองสิง) โดยเจ้าฟ้าพรหมลือเป็น 1 ใน 3 เจ้านายชั้นสูงของเชียงตุงที่สามารถกางสัปทนและนั่งเสลี่ยงได้ ประกอบด้วย เจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง เจ้าหอคำ, เจ้าฟ้ากองไท (รัชทายาท) และเจ้าฟ้าพรหมลือ (โอรสเจ้าแม่เมือง) ในขณะที่เจ้านายคนอื่นใช้ได้แค่ "จ้องคำ" (ร่มทอง)
เจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงนั้นได้ส่งเจ้าพรหมลือ และเจ้าฟ้ากองไท ไปศึกษาต่อในยุโรป แต่ทั้งสองไม่ทันเรียนจบก็ถูกเรียกตัวกลับเชียงตุง ทางเจ้าพรหมลือนั้นยอมกลับแต่โดยดี แต่เจ้ากองไทนั้นได้สมัครเป็นนายทหารในกองทัพอังกฤษแล้ว โดยส่งจดหมายชี้แจงต่อเจ้าพ่อว่า ตนเองไม่มีหวังที่จะก้าวหน้าในเชียงตุง เพราะไม่ได้เป็นราชบุตรเกิดแต่มหาเทวี ไม่มีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าฟ้าต่อจากเจ้าพ่อ จึงขอแสวงหาความก้าวหน้าในกองทัพอังกฤษต่อไป เจ้าฟ้าก้อนแก้วจึงขอให้กลับมาก่อน
ดำรงตำแหน่งราชการในเชียงตุง
หลังจากนั้นได้มีการตั้งตำแหน่งเจ้าในทางราชการของเชียงตุง ซึ่งเจ้าชั้นสูงของเชียงตุงนั้นมี 5 ตำแหน่ง ได้แก่ เจ้าฟ้า(ครองเมือง), เจ้าแกมเมือง(อุปราชรัชทายาท), เจ้าเมืองเหล็ก, เจ้าเมืองขาก และเจ้าเมืองขอน ในการนี้เจ้าพรหมลือได้เป็นเจ้าเมืองเหล็ก ขณะที่เจ้ากองไทได้เป็นเจ้าแกมเมือง หรือเจ้าแสนเมือง เพราะตามศักดินาได้กินนาแสน โดยการตั้งตำแหน่งเจ้าครั้งนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมเจ้าพรหมลือไม่ได้เป็นรัชทายาท แต่การสืบราชสมบัติเมืองเชียงตุงนี้ไม่มีเกณฑ์แน่นอน จึงอนุมานเอาว่าคงเป็นเพราะท่านคงเห็นว่าเจ้ากองไทมีศักดิ์เป็นพี่ของเจ้าพรหมลือ (แต่จริงๆแล้วเกิดก่อนกันไม่กี่วันเท่านั้น) จึงตั้งเป็นรัชทายาท ทางเจ้าพรหมลือก็หันไปทำธุรกิจหลายอย่างจนร่ำรวยกว่าบรรดาเจ้านายด้วยกัน และต่อมาได้สมรสกับเจ้าทิพวรรณ ณ ลำปาง (พ.ศ. 2446-2532) พระนัดดาของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงลำปางองค์ที่ 13 (มารดาคือ เป็นธิดาเจ้าหลวงลำปาง)
การลอบปลงพระชนม์เจ้าฟ้ากองไท
ต่อมาเมื่อเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงสิ้นชนม์ชีพ เจ้ากองไทจึงได้เป็นเจ้าฟ้าแทน แต่เป็นได้ไม่นานก็ถูกลอบปลงพระชนม์เมื่อกลับจากงานเทศกาลวันออกพรรษา งานนี้สามารถจับตัวฆาตกรได้ และในเบื้องต้นได้ซัดทอดคนสนิทเจ้าพรมลือจนมีเสียงร่ำลือว่าเจ้าพรหมลือมีส่วนในการจ้างวานผู้อื่นลอบปลงพระชนม์เจ้าฟ้ากองไท เพราะต้องการแก้แค้นที่ถูกปล้นราชสมบัติไป ท่านผู้นี้จึงต้องจ้างวานทนายความจากพม่ามาเพื่อแก้ต่างในคดีนี้จนเสียเงินว่าจ้างเป็นจำนวนมาก แต่ก็พ้นข้อกล่าวหามาได้ และชาวเชียงตุงส่วนใหญ่ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเจ้าพรหมลือจะมีส่วนในคดีนี้ เพราะเห็นว่าทั้งสองนั้นรักใคร่สนิทสนมกันมาก ขณะที่ข้าหลวงอังกฤษยังคงเชื่อมั่นว่าเจ้าพรหมลือต้องมีส่วนในกรณีนี้ ก็ไม่ได้ผลคืบหน้า หาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้
ในตำแหน่งเจ้าฟ้าเชียงตุง
ในหนังสือที่เกี่ยวกับกองทัพไทยในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพานั้นกล่าวถึงเรื่องเจ้าพรหมลือว่า เมื่อกองทัพพายัพของไทยบุกเข้าเชียงตุงได้ตามนโยบายสหรัฐไทยเดิม ก็มีการแต่งตั้งจากทางกรุงเทพฯ ให้เจ้าพรหมลือเป็นเจ้าฟ้าเชียงตุง และให้เจ้าฟ้าพรหมลือและเจ้าบุญวาทย์วงศาเป็นที่ปรึกษาของข้าหลวงทหารฝ่ายไทย ทางอังกฤษก็เห็นว่าเจ้าพรหมลือมีใจฝักใฝ่ฝ่ายไทย จึงยิ่งทวีความไม่ชอบเข้าไปอีก (อังกฤษไม่ค่อยชอบเจ้าพรหมลือนั้นน่าจะมีชนวนมานานแล้ว ทั้งผลประโยชน์ในการค้า ซึ่งมีธุรกิจค้าฝิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง การสมรสกับเจ้าหญิงชาวไทย กรณีฆาตกรรมเจ้าฟ้ากองไท และกรณีสุดท้ายที่เข้ากับฝ่ายไทย)
บั้นปลายพระชนม์
ต่อมาเมื่อกองทัพไทยถอยออกมาจากเชียงตุงแล้ว และคืนดินแดนเชียงตุงให้แก่กองทัพอังกฤษในอินเดีย เจ้าพรหมลือและครอบครัวจึงได้อพยพเข้ามาเมืองไทย ได้รับการอำนวยความสะดวกจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของไทยจนสนิทสนมชอบพอกัน ก็คือ ครอบครัวของจอมพลผิน ชุณหะวัณ และเมื่อมาอยู่ที่เชียงใหม่แล้วก็ ได้ใช้นามสกุลว่า "ณ เชียงตุง" สืบมา และพิราลัยในปี พ.ศ. 2498
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2486 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
อ้างอิง
- ประวัติเจ้าแม่ทิพวรรณ ณ เชียงตุง และรูปงานพระราชทานเพลิงศพ[]
- ความทรงจำที่เมืองเชียงตุงของเจ้านางสุคันธา อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเจ้านางสุคันธา ณ เชียงใหม่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๖
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-17. สืบค้นเมื่อ 2010-01-24.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-12-24. สืบค้นเมื่อ 2010-01-24.
- แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ , นาวาอากาศเอก. เจ้านายฝ่ายเหนือ. [1] 2021-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ก่อนหน้า | เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าฟ้ากองไท | เจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง (พ.ศ. 2480 - พ.ศ. 2490) | เจ้าจายหลวง |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ecafasirisuwrrnrachyssrphrhmlux phrhmlux n echiyngtung rachbutrinecafakxnaekwxinaethlng ecafaechiyngtungxngkhthi 8 prasutiaet ecaaememuxng xkhrmehsi thidaecaemuxngsing txmaphraxngkhidepnecafaechiyngtungxngkhthi 10 txcakecaphi phayhlngecafaphrhmluxidxphyphekhamaxyuinithytrabcnphiralyecafasirisuwrrnrachyssrphrhmluxecafaechiyngtungrchkalkxnhnaecafakxngithrchkalthdipecacayhlwng mngrayprasutiph s 2440phiraly20 singhakhm ph s 2498phramehsiecathiphwrrn n echiyngtungecafasirisuwrrnrach yssrphrhmluxphrabutr7 xngkhrachwngsmngrayphrabidaecafakxnaekwxinaethlngphramardaphraprawtiecafasirisuwrrnrachyssrphrhmlux prasutiinpi ph s 2440 epnphrarachbutrinecafakxnaekwxinaethlng ecafaechiyngtungxngkhthi 8 prasutiaet ecaaememuxng xkhrmehsi thidaecaemuxngsing odyecafaphrhmluxepn 1 in 3 ecanaychnsungkhxngechiyngtungthisamarthkangspthnaelanngesliyngid prakxbdwy ecafartnakxnaekwxinaethlng ecahxkha ecafakxngith rchthayath aelaecafaphrhmlux oxrsecaaememuxng inkhnathiecanaykhnxunichidaekh cxngkha rmthxng ecafartnakxnaekwxinaethlngnnidsngecaphrhmlux aelaecafakxngith ipsuksatxinyuorp aetthngsxngimthneriyncbkthukeriyktwklbechiyngtung thangecaphrhmluxnnyxmklbaetodydi aetecakxngithnnidsmkhrepnnaythharinkxngthphxngkvsaelw odysngcdhmaychiaecngtxecaphxwa tnexngimmihwngthicakawhnainechiyngtung ephraaimidepnrachbutrekidaetmhaethwi immisiththiidepnecafatxcakecaphx cungkhxaeswnghakhwamkawhnainkxngthphxngkvstxip ecafakxnaekwcungkhxihklbmakxndarngtaaehnngrachkarinechiyngtunghlngcaknnidmikartngtaaehnngecainthangrachkarkhxngechiyngtung sungecachnsungkhxngechiyngtungnnmi 5 taaehnng idaek ecafa khrxngemuxng ecaaekmemuxng xuprachrchthayath ecaemuxngehlk ecaemuxngkhak aelaecaemuxngkhxn inkarniecaphrhmluxidepnecaemuxngehlk khnathiecakxngithidepnecaaekmemuxng hruxecaaesnemuxng ephraatamskdinaidkinnaaesn odykartngtaaehnngecakhrngnithaihekidkhxsngsywathaimecaphrhmluximidepnrchthayath aetkarsubrachsmbtiemuxngechiyngtungniimmieknthaennxn cungxnumanexawakhngepnephraathankhngehnwaecakxngithmiskdiepnphikhxngecaphrhmlux aetcringaelwekidkxnknimkiwnethann cungtngepnrchthayath thangecaphrhmluxkhnipthathurkichlayxyangcnrarwykwabrrdaecanaydwykn aelatxmaidsmrskbecathiphwrrn n lapang ph s 2446 2532 phranddakhxngecabuywathywngsmanit ecahlwnglapangxngkhthi 13 mardakhux epnthidaecahlwnglapang karlxbplngphrachnmecafakxngithtxmaemuxecafartnakxnaekwxinaethlngsinchnmchiph ecakxngithcungidepnecafaaethn aetepnidimnankthuklxbplngphrachnmemuxklbcaknganethskalwnxxkphrrsa ngannisamarthcbtwkhatkrid aelainebuxngtnidsdthxdkhnsnithecaphrmluxcnmiesiyngraluxwaecaphrhmluxmiswninkarcangwanphuxunlxbplngphrachnmecafakxngith ephraatxngkaraekaekhnthithukplnrachsmbtiip thanphunicungtxngcangwanthnaykhwamcakphmamaephuxaektanginkhdinicnesiyenginwacangepncanwnmak aetkphnkhxklawhamaid aelachawechiyngtungswnihykimpkicechuxwaecaphrhmluxcamiswninkhdini ephraaehnwathngsxngnnrkikhrsnithsnmknmak khnathikhahlwngxngkvsyngkhngechuxmnwaecaphrhmluxtxngmiswninkrnini kimidphlkhubhna hatwphukrathaphidimidintaaehnngecafaechiyngtunginhnngsuxthiekiywkbkxngthphithyinchwngsngkhrammhaexechiyburphannklawthungeruxngecaphrhmluxwa emuxkxngthphphayphkhxngithybukekhaechiyngtungidtamnoybayshrthithyedim kmikaraetngtngcakthangkrungethph ihecaphrhmluxepnecafaechiyngtung aelaihecafaphrhmluxaelaecabuywathywngsaepnthipruksakhxngkhahlwngthharfayithy thangxngkvskehnwaecaphrhmluxmiicfkiffayithy cungyingthwikhwamimchxbekhaipxik xngkvsimkhxychxbecaphrhmluxnnnacamichnwnmananaelw thngphlpraoychninkarkha sungmithurkickhafinekhamaekiywkhxng karsmrskbecahyingchawithy krnikhatkrrmecafakxngith aelakrnisudthaythiekhakbfayithy bnplayphrachnmtxmaemuxkxngthphithythxyxxkmacakechiyngtungaelw aelakhundinaednechiyngtungihaekkxngthph xngkvsinxinediy ecaphrhmluxaelakhrxbkhrwcungidxphyphekhamaemuxngithy idrbkarxanwykhwamsadwkcaknaythharchnphuihykhxngithycnsnithsnmchxbphxkn kkhux khrxbkhrwkhxngcxmphlphin chunhawn aelaemuxmaxyuthiechiyngihmaelwk idichnamskulwa n echiyngtung subma aelaphiralyinpi ph s 2498ekhruxngrachxisriyaphrnph s 2486 ekhruxngrachxisriyaphrnxnmiekiyrtiysyingmngkudithy chnthi 2 thwitiyaphrnmngkudithy th m xangxingprawtiecaaemthiphwrrn n echiyngtung aelarupnganphrarachthanephlingsph lingkesiy khwamthrngcathiemuxngechiyngtungkhxngecanangsukhntha xnusrnnganphrarachthanephlingsphecanangsukhntha n echiyngihm 19 mkrakhm 2546 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 08 17 subkhnemux 2010 01 24 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2005 12 24 subkhnemux 2010 01 24 aecngkhwamsanknaykrthmntri eruxng phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn khmphir khmphiryannnth nawaxakasexk ecanayfayehnux 1 2021 05 14 thi ewyaebkaemchchinkxnhna ecafasirisuwrrnrachyssrphrhmlux thdipecafakxngith ecafaemuxngechiyngtung ph s 2480 ph s 2490 ecacayhlwng bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk