นกกระจาบธรรมดา หรือ นกกระจาบอกเรียบ (อังกฤษ: baya weaver, ชื่อวิทยาศาสตร์: Ploceus philippinus) เป็นนกขนาดเล็กในวงศ์นกกระจาบ (Ploceidae) ที่พบในเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์ อาศัยในทุ่งหญ้า ไร่นา ป่าละเมาะ ป่าทุติยภูมิ พื้นที่ริมน้ำ เป็นนกที่รู้จักกันดีจากรังที่ถักสานอย่างประณีตเป็นรูปน้ำเต้าคอยาว ด้วยใบไม้และหญ้า มักสร้างเป็นหมู่ ปกติพบในต้นไม้มีหนามหรือที่ใบของไม้วงศ์ปาล์มรวมทั้งมะพร้าวและตาล บ่อยครั้งสร้างใกล้น้ำหรือห้อยเหนือน้ำที่สัตว์ล่าเหยื่อเข้าถึงยาก นกอยู่กระจายอย่างกว้างขวาง พบอย่างสามัญภายในเขตที่อยู่ แต่อาจอพยพตามฤดูขึ้นอยู่กับฝนและอาหาร ในประเทศไทยนกกระจาบธรรมดาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพุทธศักราช 2535 ห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธุ์ ห้ามเก็บหรือทำอันตรายรัง ห้ามการครอบครองและการค้ามีผลไปถึงไข่และซาก
นกกระจาบธรรมดา (Baya weaver) | |
---|---|
นกสปีชีส์ย่อย P. p. philippinus ตัวผู้ (อินเดีย) | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์ปีก |
อันดับ: | Passeriformes |
วงศ์: | วงศ์นกจาบ |
สกุล: | นกจาบ ([[คาโรลัส ลินเนียส|ลินเนียส]] - 12th edition of Systema Naturae 1766) |
สปีชีส์: | Ploceus philippinus |
ชื่อทวินาม | |
Ploceus philippinus ([[คาโรลัส ลินเนียส|ลินเนียส]] - 12th edition of Systema Naturae 1766) | |
ที่อยู่โดยประมาณ | |
ชื่อพ้อง | |
Loxia philippina (ลินเนียส, 1766) |
นกกระจาบธรรมดาแบ่งเป็น 5 ชนิดย่อยตามถิ่นที่อยู่และลักษณะที่ต่างกันเล็กน้อย คือ P. p. philippinus พบทั่วอนุทวีปอินเดีย และชนิดย่อย P. p. burmanicus พบทางทิศตะวันออกในเอเชียอาคเนย์ส่วนที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดียมีสีเข้มกว่าชนิดย่อยอื่น จัดเป็นชนิดย่อย P. p. travancoreensis
อนุกรมวิธาน
ในปี 1760 นักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศส Mathurin Jacques Brisson ได้ระบุชนิดนกกระจาบธรรมดาในงานชื่อ Ornithologie โดยยกตัวอย่างที่เขาเชื่อว่ามาจากประเทศฟิลิปปินส์ และตั้งชื่อฝรั่งเศส Le gros-bec des Philippines ชื่อละตินว่า Coccothraustes Philippensis ซึ่งชื่อละตินนี้ไม่เป็นไปตามหลักการตั้งชื่อทวินาม และองค์กรชื่อสัตว์สากล (International Commission on Zoological Nomenclature) ไม่ยอมรับชื่อนี้
ในปี 1766 นักธรรมชาตินิยมชาวสวีเดนคาโรลัส ลินเนียส ได้ปรับปรุงหนังสือ (Systema Naturae) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 12 ซึ่งรวมสัตว์ 240 ชนิดที่ Brisson ได้จำแนกก่อนหน้า หนึ่งในนั้นคือนกกระจาบธรรมดา ลินเนียสได้ให้คำพรรณนาสั้น ๆ และตั้งชื่อทวินาม Loxia philippina โดยอ้างอิงงานของ Brisson ต่อมาพบว่า Brisson เข้าใจผิดว่าตัวอย่างนั้นมาจากฟิลิปปินส์ แต่แท้จริงมาจากศรีลังกา ปัจจุบันนกกระจาบธรรมดาจัดอยู่ในสกุลนกกระจาบ (Ploceus) ที่นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส Georges Cuvier ในปี 1816
นกมีชนิดย่อย 5 ชนิดดังต่อไปนี้
- P. p. philippinus (ลินเนียส, 1766) – ปากีสถาน อินเดีย (ยกเว้นตะวันตกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงเหนือ) ศรีลังกา และเนปาลใต้
- P. p. travancoreensis (Ali & Whistler, 1936) – อินเดียตะวันตกเฉียงใต้
- P. p. burmanicus (Ticehurst, 1932) – ภูฏาน อินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ บังกลาเทศ ผ่านพม่าไปจนถึงจีนตะวันตกเฉียงใต้
- P. p. angelorum (Deignan, 1956) – ไทยและลาวตอนใต้
- P. p. infortunatus (Hartert, 1902) – เวียดนามใต้ คาบสมุทรมลายู เกาะบอร์เนียวและสุมาตรา เกาะชวาและบาหลี
ลักษณะ
นกกระจาบธรรมดามีขนาดเท่านกกระจอก (จากหัวถึงโคนหาง 15 ซม.) มีปากแข็งหนารูปกรวย มีหางสี่เหลี่ยมสั้น บินโฉบเหมือนนกแอ่น และบินตรงตามธรรมดา
มีสีขน 2 ชุด นอกฤดูผสมพันธุ์ ทั้งตัวผู้ตัวเมียมีสีขนไม่ต่างกัน ซึ่งคล้ายกับสีขนของนกกระจอกใหญ่ตัวเมีย ส่วนบนเป็นแถบน้ำตาลอ่อนสลับลายน้ำตาลเข้ม มีลายจากขอบขนสีอ่อน ส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อนออกขาว ไร้ลาย มีแถบคิ้วยาวสีเหลืองส้มอ่อน ปากสีเนื้อ ข้างแก้มเรียบไม่มีแถบสีเข้ม ช่วงฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้มีสีเหลืองสดที่กระหม่อม หน้าผาก จนถึงท้ายทอย แก้มสีน้ำตาลเข้ม ปากออกน้ำตาลดำ ส่วนบนสีน้ำตาลเข้มสลับลายเหลืองจากขอบขน อกเหลือง ส่วนล่างสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเหลืองหม่น
พฤติกรรมและนิเวศวิทยา
เป็นนกที่ชอบอยู่เป็นฝูงหากิน เมล็ด พืช ทั้งบนไม้และบนพื้น บินต่อกันเป็นฝูง บ่อยครั้งเปลี่ยนทิศทางได้อย่างสลับซับซ้อน มักกินข้าวเปลือกและธัญพืชอื่น ๆ ในไร่นาที่เก็บแล้ว และบางครั้งสร้างความเสียหายแก่พืชเพาะปลูกที่กำลังโตได้ บางครั้งจึงจัดเป็นสัตว์รังควาน นกกระจาบธรรมดานอนที่รังซึ่งทำจากหญ้า (กกและอ้อ) ใกล้น้ำ จึงต้องพึ่งหญ้าต่าง ๆ (เช่น Panicum maximum) ต้องพึ่งพืชเพาะปลูกเช่นข้าวทั้งเพื่อเป็นอาหาร (กินเมล็ดในระยะงอกและเมื่อเป็นเมล็ดในระยะต้น ๆ) และเป็นวัสดุทำรัง ยังกินแมลง (เช่น ผีเสื้อ) และบางครั้งแม้แต่กินกบเล็ก ๆจิ้งจก และมอลลัสกาโดยเฉพาะเพื่อเลี้ยงลูก การอพยพในแต่ฤดูขึ้นอยู่กับปริมาณอาหาร มักร้องต่อ ๆ กันเป็นเสียงจิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด โดยตัวผู้ที่ร้องประสานเสียงกันบางครั้งยุติเป็นเสียงลั่นดัง จี๊ เสียงร้องในนอกฤดูผสมพันธุ์จะเบากว่า
บางครั้งนกกระจาบธรรมดาลงมาที่พื้นเพื่ออาบฝุ่น การศึกษานกที่เลี้ยงพบว่ามีลำดับชั้นทางสังคม (pecking order) ในแต่ละตัว
การผสมพันธุ์
นกผสมพันธุ์ในฤดูมรสุม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่เริ่มการผสมพันธุ์รวมทั้งระยะเวลาช่วงกลางวันโดยจบลงเมื่อถึงปลายฤดูร้อน ปกติหลังฤดูผสมพันธุ์ นกซึ่งได้รับอิทธิพลทางการผสมพันธุ์จากแสงอาทิตย์เกิดภาวะดื้อแสง (photorefractoriness) คือไม่ตอบสนองทางการผสมพันธุ์ต่อแสงแม้วันก็ยังยาวอยู่ นกในเขตอบอุ่นหมดภาวะนี้ก็ต่อเมื่อได้อยู่ในช่วงวันที่สั้น ๆ 4-6 เดือน แต่นกกระจาบธรรมดาหาเป็นเช่นนี้ไม่ เพราะภาวะนี้สามารถหมดไปได้เอง (spontaneous) ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะทางนิเวศต่าง ๆ ได้ดีกว่า นกมักทำรังเป็นหมู่โดยปกติมากถึง 20-30 รังใกล้ ๆ แหล่งอาหาร วัสดุทำรัง และน้ำ
นกรู้จักดีที่สุดเพราะตัวผู้ทำรังถักอย่างพิสดาร รังห้อยเช่นนี้มีรูปเป็นหลอดแก้วคอยาว (สำหรับกลั่นในห้องทดลอง) มีช่องรังอยู่ตรงกลาง โดยมีท่อต่อจากข้างช่องยาวเป็นแนวตั้งลงไปยังทางออกด้านล่าง รังถักด้วยเศษยาว ๆ จากใบข้าว ใบหญ้าหยาบ และใบของไม้วงศ์ปาล์ม (เช่นต้นมะพร้าว) ใบอาจยาวระหว่าง 20-60 ซม. ตัวผู้อาจต้องบินไปหาวัสดุถึง 500 ครั้งจนกว่าจะทำรังเสร็จ
นกใช้ปากที่แข็งแรงฉีกใบจากไม้วงศ์ปาล์มให้เป็นเศษยาว แล้วนำมาถักและผูกทำรัง บ่อยครั้งห้อยเหนือน้ำ บ่อยครั้งห้อยจากต้นอาเคเชียที่มีหนาม และบางครั้งจากสายโทรศัพท์ แม้นกชอบไม้หนาม แต่บางครั้งก็ใช้ต้นไม้ริมถนนในเขตเมือง รังมักอยู่ทางทิศตะวันออกของต้นไม้ ซึ่งเชื่อว่าช่วยป้องกันมรสุมจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่นกที่ผสมพันธุ์ทีหลังก็มีโอกาสสร้างรังในทิศอื่น ๆ ของต้นไม้มากกว่า
รังที่ทิ้งแล้ว หนูเล็ก ๆ (เช่น Mus booduga) และนกอื่น ๆ (เช่น Lonchura) อาจเข้าไปอยู่
แม้รังโดยหลักสร้างเป็นหมู่ แต่ที่สร้างเดี่ยว ๆ ก็มีอยู่ รังบ่อยครั้งสร้างมาจากใบของต้นอาเคเชียหรือไม้วงศ์ปาลม์ (โดยหลักอินทผลัมไทย) และห้อยอยู่เหนือน้ำโล่ง นกตัวผู้อายุน้อย ๆ อาจลองสร้างรังตามหญ้า ในพม่า นกบ่อยครั้งสร้างรังใต้ชายคาตึกและบ้าน แต่นี่ไม่สามัญในอินเดีย
ตัวผู้ใช้เวลาประมาณ 18 วันเพื่อสร้างรังให้เสร็จ โดยรังระยะ "หมวก" เสร็จในประมาณ 8 วัน รังสร้างเสร็จเป็นบางส่วนก่อนตัวผู้เริ่มแสดงให้ตัวเมียที่บินผ่านโดยกระพือปีกร้องเมื่อเกาะอยู่ที่รัง ตัวเมียตรวจดูรังแล้วแสดงการยอมรับกับตัวผู้เมื่อจับคู่แล้ว ตัวผู้สร้างรังให้เสร็จโดยเพิ่มปล่องทางเข้า ตัวผู้สร้างรังเองเกือบทั้งหมด แม้คู่ตัวเมียอาจช่วยแต่งบ้าง โดยเฉพาะข้างใน ตัวเมียอาจเปลี่ยนรังข้างในหรือเติมก้อนโคลน
งานศึกษาหนึ่งพบว่า ที่ตั้งสำคัญกว่าโครงสร้างของรังเมื่อตัวเมียเลือกรังและคู่ เพราะชอบรังที่อยู่บนไม้สูงกว่า อยู่เหนือพื้นแห้ง และอยู่บนสาขาไม้เล็ก ๆ
ทั้งตัวผู้ตัวเมียไม่ได้จับคู่เดียวตลอดชีวิต ตัวผู้อาจสร้างรังเป็นบางส่วนหลายรังแล้วเริ่มเกี้ยวตัวเมีย โดยทำรังให้เสร็จก็ต่อเมื่อหาคู่ได้ ตัวเมียวางไข่สีขาว 2-4 ใบแล้วฟักเป็นเวลา 14-17 วัน ตัวผู้บางครั้งช่วยเลี้ยงลูก ลูกนกออกจากรังหลังจากประมาณ 17 วัน
หลังจากผสมพันธุ์กับตัวเมีย ตัวผู้ปกติเกี้ยวตัวเมียอื่น ๆ ที่รังซึ่งสร้างไว้ส่วนหนึ่งในที่อื่น ๆ การออกไข่ให้นกตัวอื่น (พันธุ์เดียวกัน) ฟักแล้วเลี้ยงก็มีด้วยเหมือนกัน
ลูกนกออกจากรังเมื่อยังมีขนลูกนก เปลี่ยนเมื่อสลัดขนหลังจากนั้นเมื่ออายุ 4-6 เดือน แล้วไปหาที่อยู่ใหม่ไม่ไกลจากรังเก่าโดยพบไกลจนถึง 2 กิโลเมตร ตัวเมียพร้อมผสมพันธุ์ในปีถัดมา แต่ตัวผู้จะใช้เพียงครึ่งปีมา นกมักสลัดขนก่อนผสมพันธุ์ นกโตแล้วยังสลัดขนเป็นครั้งที่สองหลังผสมพันธุ์ ดังนั้นจึงสลัดขนสองครั้งต่อปี งานศึกษาทางมิญชเคมี (histochemical) พบเมทาบอลิซึมของลิพิดที่สูงขึ้นที่ยอดหัวตัวผู้ในฤดูผสมพันธุ์สันนิษฐานว่า ลิพิดมีส่วนในการขนส่งสารสีแคโรทีนอยด์สีเหลืองไปที่ยอดศีรษะ แล้วสลายหลังฤดูผสมพันธุ์
เพราะรังห้อยจากไม้มีหนามและเหนือน้ำ จึงกันสัตว์ล่าเหยื่อหลายอย่างได้ แต่การถูกกาล่าก็เป็นเรื่องปกติ ไข่ทั้งหมดอาจถูกกินโดยกิ้งก่าเช่นกิ้งก่าสวน หรือโดยสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู Vandeleuria oleracea ซึ่งอาจยึดรังเลยก็ได้นกกระติ๊ด เช่น Euodice malabarica ก็อาจยึดรัง
- รังห้อยจากใบต้นปาลม์ (สกุลฟีนิกซ์)
- รังห้อยอยู่เหนือน้ำ
- นกสปีชีส์ย่อย burmanicus ตัวผู้อยู่ที่รังยังสร้างไม่เสร็จในระยะ "หมวก" ยังไม่ทำปล่องทางเข้า
- รังห้อยบนต้นตาล
- นกสปีชีส์ย่อย burmanicus ตัวเมียกำลังเลี้ยงลูก
- นกกระติ๊ดตะโพกขาว (Lonchura striata) ใช้รังนกที่ทิ้งแล้ว
วัฒนธรรม
อินเดียมีความเชื่อพื้นบ้านว่า นกติดหิ่งห้อยกับโคลนที่ฝารังเพื่อทำแสงไฟในช่วงกลางคืน แม้ดินเหนียวก็พบในรังนกด้วยเหมือนกัน ตัวผู้อาจเติมก้อนโคลนและมูลสัตว์ในช่องรังก่อนจับคู่กับตัวเมีย ซึ่งอาจช่วยต้านลม
ในกาลก่อน เคยฝึกนกให้เล่นแสดง มันสามารถคาบวัตถุขึ้นได้ตามคำสั่ง อาจฝึกให้ยิงปืนใหญ่เด็กเล่น ร้อยลูกปัด เก็บเหรียญหรือวัตถุอื่น ๆ ตามนักสัตววิทยาชาวอังกฤษผู้หนึ่ง (Edward Blyth 1810-1873) "แท้จริงแล้ว นกกระจาบธรรมดาที่ฝึกแล้วความสามารถที่มหัศจรรย์มาก และต้องเห็นจึงเชื่อ สันนิษฐานว่านักแสดงได้นำนกไปทั่วประเทศ (อินเดีย) และการเล่นปกติอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อมีสตรีและได้สัญญาณจากเจ้าของ นกจะคาบของหวานไว้ในปาก แล้ววางใส่ปากของผู้หญิง และทำอย่างนี้สำหรับสตรีทุก ๆ คน โดยทำตามสัญญาณตาและทีท่าของเจ้าของ แล้วนำปืนใหญ่จำลองออกมา ซึ่งนกบรรจุด้วยดินปืนหยาบ ๆ ..." นักธรรมชาตินิยมชาวอังกฤษผู้หนึ่ง (Robert Tytler 1818-1872) ได้เห็นการแสดงที่นกหมุนไม้เล็ก ๆ ติดไฟที่ข้างทั้งสองเหนือหัวตนเอง
นกนักเล่นแสดงได้บันทึกไว้ตั้งแต่สมัยของจักรพรรดิอักบัร (1542-1605) แห่งจักรวรรดิโมกุลแล้ว คือ
นกกระจาบธรรมดาเหมือนกับนกกระจอกป่าแต่สีเหลือง ฉลาดมาก เชื่อฟัง และเชื่อง มันนำเหรียญจากมือไปให้เจ้าของ มาจากที่ไกล ๆ เมื่อเรียก รังของมันสร้างอย่างแยบยลเทียบได้กับช่างฝีมือ
พุทธศาสนา
คัมภีร์พุทธศาสนากล่าวถึงนกกระจาบไว้หลายแห่ง ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
ในสัมโมทมานชาดก (ชาดกว่าด้วยความพร้อมเพรียงกัน) พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
นกทั้งหลายพร้อมเพรียงกันพากันเอาข่ายไป เมื่อใด พวกมันทะเลาะกัน เมื่อนั้น พวกมันจักตกอยู่ในอำนาจของเรา
— สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก สัมโมทมานชาดก
พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ชาดกนี้กล่าวเพื่อปรารภเหตุการณ์ที่พระญาติฝ่ายเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองโกลิยะทะเลาะกันเพราะเหตุแห่งน้ำ เป็นการแสดงโทษของการทะเลาะวิวาทและประโยชน์ของความพร้อมเพรียงกัน เรื่องในชาดกคือพระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกกระจาบ ออกอุบายชักชวนให้หมู่นกพร้อมเพรียงกันยกตาข่ายที่ทอดลงบนฝูงนกขึ้น บินไปที่อื่นพร้อมกับตาข่าย พาดตาข่ายไว้บนไม้มีหนามแล้วหนีออกจากส่วนล่างของตาข่ายได้ นายพรานผู้จับนกไม่ได้จึงได้กล่าวกับภรรยาของตนตามพุทธพจน์นี้ ภายหลัง นกเริ่มทะเลาะวิวาทกันเพราะการเหยียบหัวกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ต่อมาลุกลามจนไม่สามารถพร้อมเพรียงกันยกตาข่ายหนีนายพรานไปได้ จึงถูกนายพรานจับขายเพื่อนำไปเลี้ยงชีพอีก
ในวัฏฏกชาดก พระพุทธองค์ตรัสว่า
บุรุษเมื่อไม่คิดก็ย่อมไม่ได้ผลพิเศษ ท่านจงดูผลแห่งอุบายที่เราคิดเถิด เราพ้นจากการถูกฆ่าและจองจำก็ด้วยอุบายนั้น
— สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก วัฏฏกชาดก
พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ชาดกนี้กล่าวในเหตุการณ์ที่บุตรคหบดีปรารภทุกข์เพราะถูกปรักปรำว่าทำผิดเนื่องกับการอยู่ครองเรือน ภายหลังออกบวชบรรลุเป็นพระอรหันต์จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เป็นการชี้ว่าเมื่อมีทุกข์แล้วควรคิดถึงอุบายแล้วทำตามเพื่อให้พ้นออกจากทุกข์ เรื่องในชาดกคือพระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกกระจาบ ถูกจับพร้อมกับฝูงนก จึงออกอุบายไม่กินข้าวให้ซูบผอมทำให้นายพรานขายไม่ได้ ต่อมานายพรานนำออกจากกรงวางบนมือเพื่อตรวจดูว่านกเป็นเช่นไร รู้ว่านายพรานเผลอจึงบินหนีไปได้ ภายหลังนกโพธิสัตว์เล่าเหตุการณ์นี้ให้นกอื่นฟังแล้วกล่าวคาถานี้
ในอรรถกถาซึ่งอธิบายปัจเจกพุทธาปทาน (สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน) พระอรรถกถาจารย์อธิบายไว้ว่า พระโพธิสัตว์ผู้ได้รับพยากรณ์ว่าจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เกิดด้วยฐานะอันไม่ควร 18 อย่างรวมทั้งเกิดเป็นสัตว์เล็กกว่านกกระจาบ คือ
จำเดิมแต่สำเร็จอภินิหารแล้ว พระโพธิสัตว์นั้นไม่เป็นคนบอด ไม่เป็นคนหนวกมาแต่กำเนิด ๑ ไม่เป็นคนบ้า ๑ ไม่เป็นคนใบ้ ๑ ไม่เป็นง่อยเปลี้ย ไม่เกิดขึ้นในหมู่คนมิลักขะคือคนป่าเถื่อน ๑ ไม่เกิดในท้องนางทาสี ๑ ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิคือคนมีมิจฉาทิฏฐิอันดิ่ง ๑ ท่านจะไม่กลับเพศ ๑ ไม่ทำอนันตริยกรรมห้า ๑ ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน ๑ ในกำเนิดดิรัจฉานจะไม่มีร่างกายเล็กกว่านกกระจาบ จะไม่ใหญ่โตกว่าช้าง ๑ จะไม่เกิดขึ้นในขุปปิปาสิกเปรตและนิชฌามตัณหิกเปรต ๑ จะไม่เกิดขึ้นในพวกกาลกัญชิกาสูร ๑ ไม่เกิดในอเวจีนรก ๑ ไม่เกิดในโลกันตนรก ๑ อนึ่ง จะไม่เป็นมาร ๑ ในชั้นกามาวจรทั้งหลาย ในชั้นรูปาวจรทั้งหลาย จะไม่เกิดในอสัญญีภพ ๑ ไม่เกิดในชั้นสุทธาวาส ๑ ไม่เกิดในอรูปภพ ไม่ก้าวล้ำไปยังจักรวาลอื่น ๑
— วิสุทธชนวิลาสินี อรรถกถาอปทาน
นอกจากนั้นยังกล่าวถึงนกกระจาบไว้ในที่อื่น ๆ รวมทั้ง
- วัฏฏกชาดก (อีกชาดกหนึ่ง) - กล่าวถึงความสันโดษ มักน้อย และรู้ประมาณในอาหาร
- กล่าวถึงนกต่าง ๆ รวมทั้งนกกระจาบในกุณาลชาดก ในเวสสันดรชาดก มหาวนวรรณนา
เชิงอรรถและอ้างอิง
- BirdLife International (2012). "Ploceus philippinus". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2013.2. สืบค้นเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013.
- "กระจาบ", พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒,
น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Ploceidae มี ๓ ชนิด คือ กระจาบธรรมดา หรือ กระจาบอกเรียบ (Ploceus philippinus) กระจาบอกลาย (P. manyar) ทำรังด้วยหญ้าห้อยอยู่กับกิ่งไม้หรือพืชน้ำ ปากรังอยู่ด้านล่าง และกระจาบทอง (P. hypoxanthus) ทำรังด้วยหญ้า โอบหุ้มกิ่งไม้หรือใบพืชน้ำ ปากรังอยู่ด้านล่าง มักอยู่รวมกันเป็นหมู่ กินเมล็ดพืช.
- "สัตว์ป่าคุ้มครอง". โลกสีเขียว. จากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มีนาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 23 เมษายน 2015.
- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (2003). . มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 กันยายน 2017.
- Rasmussen, P.C. & Anderton, J.C. (2005). The Birds of South Asia. The Ripley Guide. Volume 2. Smithsonian Edition and Lynx Edicions. p. 579.
- Brisson, Mathurin Jacques (1760). Ornithologie, ou, Méthode contenant la division des oiseaux en ordres, sections, genres, especes & leurs variétés (ภาษาฝรั่งเศส และ ละติน). Vol. 3. Paris: Jean-Baptiste Bauche. pp. 232–235, Plate 12 fig 1. The two stars (**) at the start of the section indicates that Brisson based his description on the examination of a specimen.
- Allen, J.A. (1910). . Bulletin of the American Museum of Natural History. 28: 317–335. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 กันยายน 2012. สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 2019.
- Linnaeus, Carl (1766). Systema naturae : per regna tria natura, secundum classes, ordines, genera, species, cum characteribus, differentiis, synonymis, locis (ภาษาละติน). Vol. 1 (12th ed.). Holmiae (Stockholm): Laurentii Salvii. pp. 305–306.
- Mayr, Ernst; Greenway, James C. Jr, บ.ก. (1962). Check-list of birds of the world. Vol. 15. Cambridge, Massachusetts: Museum of Comparative Zoology. p. 53.
- Cuvier, Georges (1816). Le Règne animal distribué d'après son organisation : pour servir de base a l'histoire naturelle des animaux et d'introduction a l'anatomie comparée (ภาษาฝรั่งเศส). Vol. 1. Paris: Déterville. p. 383.
- Gill, Frank; Donsker, David, บ.ก. (2018). "Old World sparrows, snowfinches, weavers". World Bird List Version 8.1. International Ornithologists' Union. สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2018.
- Salim, Ali (2002). The Book of Indian Birds (Third ed.). Oxford University Press. pp. 64, 283. ISBN .
- "นกกระจาบ ราชาแห่งนกสานรัง". ปศุสัตว์.คอม. จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 31 กรกฎาคม 2019. อ้างอิง
- วันชัย สุขเกษม (2014). การพัฒนาสื่อการสอน (พิพิธภัณฑ์ในกล่อง) เรื่องนกกระจาบ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย.
- Sengupta, S (1974). "The Common Baya (Ploceus philippinus) - a serious pest of agriculture". Current Science. 43 (4): 24–125.
- Ali, Mir Hamid; Singh, T.G. Manmohan; Banu, Aziz; Rao, M. Anand; Janak, A.T. Sainath (1978). "Observations on the food and feeding habits of Baya Weaver Ploceus philippinus". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 75: 1198–1204.
- Ambedkar, V. C. (1972). "The Baya [Ploceus philippinus (Linn.)] feeding nestlings with butterflies". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 69 (3): 653–654.
- George, N.J. (1973). "Baya (Ploceus philippinus) feeding on frogs". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 70 (2): 381–382.
- Varu, SN (2002). "Food habits of the Baya Weaver Ploceus philippinus (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 99 (2): 320.
- Mukherjee, A.K.; Saha, B.C. (1974). "Study on the stomach contents of Common Baya, Ploceus philippinus (Linnaeus)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 71 (2): 308.
- Ali, S & Ripley, SD (1999). Handbook of the birds of India and Pakistan. Vol. 10 (2nd ed.). Oxford University Press. pp. 92–97. ISBN .
- Ganguli, Usha (1968). "Dust bathing by Common Baya (Ploceus philippinus)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 65 (3): 780.
- Crook, John Hurrell (1960). "Studies on the reproductive behaviour of the Baya Weaver". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 57 (1): 1–44.
- Bisht, M.; Chandola-Saklani, A. (1992). "Short-day experience is not a preprequisite for the termination of photorefractoriness in the reproductive cycle of Baya Weaver, Ploceus philippinus". Journal of Biosciences (Bangalore). 17 (1): 29–34. doi:10.1007/BF02716770.
- Davis, T.A. (1985). "Palms are preferred hosts for Baya Weaverbird colonies". Principes. 29: 115–123.
- Borkar, M.R.; Komarpant, N. (2003). "Observations on the nesting ecology of Baya Weaver bird (Ploceus philippinus, Linn.) in South Goa, with notes on aberrant nest designs Ecology". Environment and Conservation. 9 (2): 217–227.
- Davis, T. Antony (1974). "Selection of nesting trees and the frequency of nest visits by Baya weaverbird". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 71 (3): 356–366.
- Venkataramani, K (1981). "Nests of Weaver Birds on telegraph wires". Newsletter for Birdwatchers. 21 (9–10): 18.
- Subramanya, S (1982). "Baya nests on telegraph wires". Newsletter for Birdwatchers. 22 (3–4): 6–7.
- Ambedkar, V.C. (1969). "Nests of the Baya, Ploceus philippinus (Linnaeus) on telegraph wires". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 66 (3): 624.
- Kirkpatrick, K.M. (1952). "Baya (Ploceus philippinus Linn.) nests on telegraph wires". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 50 (3): 657.
- Gupta, K.K. (1995). "A note on Baya, Ploceus philippinus nesting on Krishnachuda (Delonix regia) tree". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 92 (1): 124–125.
- Sharma, Satish Kumar (1990). "Orientation of nest colonies by Baya Weaver Birds". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 87 (3): 454–455.
- Akhtar, S Asad; Tiwari, JK (1992). "Brood of the Indian Field Mouse Mus booduga in an abandoned Baya nest". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 89 (2): 245.
- Mishra, Veer Vaibhav (2001). "Munias accept abandoned nest of Baya". Newsletter for Birdwatchers. 41 (1): 13.
- Regupathy, D.; Davis, T.A. (1984). "Mouse, a nest-parasite of Baya Weaver Bird (Ploceus philippinus L.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 81 (1): 200–202.
- Pandey, Deep Narayan (1991). "Nest site selection by Baya Ploceus philippinus (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 88 (3): 458.
- Sharma, Satish Kumar (1989). "Host plants used by Baya Weaver Bird Ploceus philippinus (L.) for nesting in Udaipur District, Rajasthan". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 86 (3): 453–454.
- Abdulali, Humayun; Ambedkar, V. C. (1984). "Some notes on the breeding of the Common Baya (Ploceus philippinus)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 81 (3): 701–702.
- Davis, T.A. (1971). "Baya Weaverbird nesting on human habitations". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 68 (1): 246–248.
- Asokan, S.; Mohamed Samsoor; Ali A.; Nagarajan, R. (2008). "Studies on nest construction and nest microclimate of the Baya weaver, Ploceus philippinus (Linn.)". Journal of Environmental Biology. 29 (3): 393–396. PMID 18972698.
- Ali, S. (1931). "The nesting habits of the Baya (Ploceus philippinus)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 34 (4): 947–964.
- Quader, Suhel (เมษายน 2006). "What makes a good nest? Benefits of nest choice to female Baya weavers (Ploceus philippinus)". The Auk. Oxford University Press. 123 (2): 475–486. JSTOR 4090676.
- Quader, Suhel (2003). "Nesting and Mating Decisions and their Consequences in the Baya Weaverbird Ploceus philippinus" (PDF). Ph.D. Dissertation. University of Florida. สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2012.
- Ali, Salim; Ambedkar, Vijaykumar C (1957). "Further notes on the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 54 (3): 491–502.
- Dhindsa, M.S. (1990). "Intraspecific brood parasitism in the Baya Weaverbird (Ploceus philippinus)". Bird Behavior. 8 (2): 111–113. doi:10.3727/015613890791784326.
- Mathew, D.N. (1972). "The ecology of the Baya in Rajampet, Cuddapah Dt., Andhra Pradesh". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 69 (1): 188–191.
- Mathew, D.N. (1977). "Moult in the Baya Weaver Ploceus philippinus Linnaeus". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 74 (2): 233–245.
- Narasimhacharya, A. V. R. L.; Kotak, V. C. (1989). "Histochemical observations on the crown skin of male baya: Lipids, lipase and phosphomonoesterases". J. Biosci. 14 (4): 385–390. doi:10.1007/BF02703424.
- Dhindsa, M. S.; Sandhu, P. S. (1988). "Response of the Baya Weaverbird (Ploceus philippinus) to eggs of the White-throated Munia (Lonchura malabarica) : relation to possible incipient brood parasitism". Zool. Anz. 220: 216–222.
- Davis, T. Antony (1973). "Mud and dung plastering in Baya nests". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 70 (1): 57–71.
- Wood, C. A. (1926). "The nest of the Baya weaver bird" (PDF). The Auk. 43 (3): 295–302. doi:10.2307/4075422.
- Khan, At'har Ali (1799). "On the Baya, or Indian Gross-beak". Asiatic Researches. 2: 109–110.
- Duncan, Peter Martin, บ.ก. (1894). Cassell's Natural History. Volume IV. London: Cassell and Company. p. 103.
- Yule, Henry (1903). Crooke, William (บ.ก.). Hobson-Jobson: A glossary of colloquial Anglo-Indian words and phrases, and of kindred terms, etymological, historical, geographical and discursive (New ed.). J. Murray, London.
- "พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕๕ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๑ สัมโมทมานชาดก", E-Tipitaka 3.0.7, 2018
- "พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕๖ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๒ วัฏฏกชาดก", E-Tipitaka 3.0.7, 2018
- "พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๗๐ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่ ๘ ภาคที่ ๑ ปัจเจกพุทธาปทาน (อปทานที่ ๒)", E-Tipitaka 3.0.7, 2018
- "พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕๙ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๕ วัฏฏกชาดก", E-Tipitaka 3.0.7, 2018
- "พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๖๒ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่มที่ ๔ ภาคที่ ๑ กุณาลชาดก", E-Tipitaka 3.0.7, 2018
- "พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๖๔ สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่มที่ ๔ ภาคที่ ๓ เวสสันดรชาดก", E-Tipitaka 3.0.7, 2018
อ้างอิงอื่น ๆ
- โอภาส ขอบเขตต์, รศ. คู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล นกเมืองไทย และหนังสือนกในเมืองไทย เล่ม 1.
- Alexander, Horace (1972) Nest building of the Baya Weaver Bird. Newsletter for Birdwatchers . 12(9) :12.
- Ali, Salim; Ambedkar, Vijaykumar C. (1956). "Notes on the Baya Weaver Bird, Ploceus philippinus Linn". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 53 (3): 381–389.
- Ambedkar, V.C. (1978). "Abnormal nests of the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 75 (Supplement): 1205–1211.
- Ambedkar, V. C. (1958). "Notes on the Baya: Breeding season 1957". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 55 (1): 100–106.
- Anon. (1981) Multiple Baya nests. Newsletter for Birdwatchers . 21(1) :2-4.
- Davis, T. A. (1985). ""Blind" or "closed" nests of Baya Weaverbird". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 82 (3): 658–660.
- Davis, T. A. (1966) Nesting Behaviour of the Baya (Ploceus philippinus, L.). (Technical Report No. Nat 4/66.) Research and Training School, Indian Statistical Institute, Calcutta. 28 pages.
- Dewar, Douglas (1909). "The nesting habits of the Baya". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 19 (3): 627–634.
- Khacher, Lavkumar (1977). "Note on the Baya Weaver bird Ploceus philippinus (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 74 (3): 533.
- Mathew,DN (1971) Ecology and biology of the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus. Ph.D. Dissertation, University of Bombay, Bombay.
- Mohan, D. (1991) Common baya weaver bird - nest building habits. Newsletter for Birdwatchers . 31(9-10) :2-4.
- Punde, A.B. (1912). "Migration of the Baya (Ploceus baya)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 21 (2): 675–676.
- Serrao, J.S. (1971) Nesting of the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus. Newsletter for Birdwatchers . 11(10) :11.
- Sharma, S.K. (1995) Nests of Baya used as filling fibre in southern Rajasthan. Newsletter for Birdwatchers . 35(3) :57-58.
- Sharma, Satish Kumar (1987). "Host plants used by Baya Weaver Bird (Ploceus philippinus Linn.) for nesting in eastern Rajasthan (Breeding period 1982)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 84 (1): 218–220.
- Sharma, Satish Kumar (1988). "Buttressed nests of Baya Weaver Bird Ploceus philippinus (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 85 (2): 432.
- Sharma, Satish Kumar (1985) A study of qualitative aspect of abnormal nesting in Baya Weaver Bird the Ploceus philippinus and P. benghalensis. J. Southern Forest Ranger's College 61:50-54.
- Sharma, Satish Kumar (1991). "Nests of Baya Weaver Birds Ploceus philippinus and wintering Arthropods". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 88 (2): 289–290.
- Sharma, Satish Kumar (1995). "A study of abnormal nests of Baya Weaver Bird Ploceus philippinus (Linn.) in Rajasthan". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 92 (1): 67–76.
- Sidhartha, D. (1981) Baya nests in October. Newsletter for Birdwatchers . 21(1) :8.
- Singh, T. G. M. (1980) An observation on the behaviour of Indian Baya (Ploceus phillipinus) in captivity during solar eclipses. Mayura 1(2) :20-21.
- Stairmand, D.A. (1971) Pre-monsoon breeding of the Baya Ploceus philippinus. Newsletter for Birdwatchers . 11(9) :12.
- Thapliyal, J. P.; Tewary, P. D. (1964) Effect of light on the pituitary, gonad and plumage pigmentation in the Avadavat (Estrilda amandava) and Baya Weaver (Ploceus philippinus). Proc. Zool. Soc. London 142, 67-71.
- Vardhani, B. P.; Rao, P. S.; Srimannarayana,G. (1992) The efficacy of certain plant extracts as repellents against House Sparrow, Passer domesticus and Baya Weaver Bird Ploceus philippinus. J. Appl. Zool. Res. 3(2) :193-194.
- Letitia Landon refers to the baya in 'Kishen Kower' from 'The Zenana' - "And the hues of the bayas like sunbeams combined;" She describes them in a note as 'Small crested sparrows, with bright yellow breasts'.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Ploceus philippinus ที่วิกิสปีชีส์
- Baya weaver media ที่ the Internet Bird Collection
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha nkkracabthrrmda hrux nkkracabxkeriyb xngkvs baya weaver chuxwithyasastr Ploceus philippinus epnnkkhnadelkinwngsnkkracab Ploceidae thiphbinexechiyitaelaexechiyxakheny xasyinthunghya irna palaemaa pathutiyphumi phunthirimna epnnkthiruckkndicakrngthithksanxyangpranitepnrupnaetakhxyaw dwyibimaelahya mksrangepnhmu pktiphbintnimmihnamhruxthiibkhxngimwngspalmrwmthngmaphrawaelatal bxykhrngsrangiklnahruxhxyehnuxnathistwlaehyuxekhathungyak nkxyukracayxyangkwangkhwang phbxyangsamyphayinekhtthixyu aetxacxphyphtamvdukhunxyukbfnaelaxahar inpraethsithy nkkracabthrrmdaepnstwpakhumkhrxngtamphrarachbyytisngwnaelakhumkhrxngstwpaphuththskrach 2535 hamla phyayamla hamkha hamnaekhahruxsngxxk hamkhrxbkhrxng hamephaaphnthu hamekbhruxthaxntrayrng hamkarkhrxbkhrxngaelakarkhamiphlipthungikhaelasaknkkracabthrrmda Baya weaver nkspichisyxy P p philippinus twphu xinediy sthanakarxnurkskhwamesiyngta IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr stwiflm stwmiaeknsnhlngchn stwpikxndb Passeriformeswngs wngsnkcabskul nkcab khaorls lineniys lineniys 12th edition of Systema Naturae 1766 spichis Ploceus philippinuschuxthwinamPloceus philippinus khaorls lineniys lineniys 12th edition of Systema Naturae 1766 thixyuodypramanchuxphxngLoxia philippina lineniys 1766 nkkracabthrrmdaaebngepn 5 chnidyxytamthinthixyuaelalksnathitangknelknxy khux P p philippinus phbthwxnuthwipxinediy aelachnidyxy P p burmanicus phbthangthistawnxxkinexechiyxakhenyswnthixyuthangtawntkechiyngitkhxngxinediymisiekhmkwachnidyxyxun cdepnchnidyxy P p travancoreensisxnukrmwithaninpi 1760 nkstwwithyachawfrngess Mathurin Jacques Brisson idrabuchnidnkkracabthrrmdainnganchux Ornithologie odyyktwxyangthiekhaechuxwamacakpraethsfilippins aelatngchuxfrngess Le gros bec des Philippines chuxlatinwa Coccothraustes Philippensis sungchuxlatinniimepniptamhlkkartngchuxthwinam aelaxngkhkrchuxstwsakl International Commission on Zoological Nomenclature imyxmrbchuxni inpi 1766 nkthrrmchatiniymchawswiednkhaorls lineniys idprbprunghnngsux Systema Naturae chbbphimphkhrngthi 12 sungrwmstw 240 chnidthi Brisson idcaaenkkxnhna hnunginnnkhuxnkkracabthrrmda lineniysidihkhaphrrnnasn aelatngchuxthwinam Loxia philippina odyxangxingngankhxng Brisson txmaphbwa Brisson ekhaicphidwatwxyangnnmacakfilippins aetaethcringmacaksrilngka pccubnnkkracabthrrmdacdxyuinskulnkkracab Ploceus thinkthrrmchatiwithyachawfrngess Georges Cuvier inpi 1816 nkmichnidyxy 5 chniddngtxipni P p philippinus lineniys 1766 pakisthan xinediy ykewntawntkechiyngitaelatawnxxkechiyngehnux srilngka aelaenpalit P p travancoreensis Ali amp Whistler 1936 xinediytawntkechiyngit P p burmanicus Ticehurst 1932 phutan xinediytawnxxkechiyngehnux bngklaeths phanphmaipcnthungcintawntkechiyngit P p angelorum Deignan 1956 ithyaelalawtxnit P p infortunatus Hartert 1902 ewiydnamit khabsmuthrmlayu ekaabxreniywaelasumatra ekaachwaaelabahlilksnaphilippinus twphuaesdngrngaektwemiytwphuekaaxyuthirngkhxngtninxinediyitfungnkhnahnaw nkkracabthrrmdamikhnadethankkracxk cakhwthungokhnhang 15 sm mipakaekhnghnarupkrwy mihangsiehliymsn binochbehmuxnnkaexn aelabintrngtamthrrmda misikhn 2 chud nxkvduphsmphnthu thngtwphutwemiymisikhnimtangkn sungkhlaykbsikhnkhxngnkkracxkihytwemiy swnbnepnaethbnatalxxnslblaynatalekhm milaycakkhxbkhnsixxn swnlangepnsinatalxxnxxkkhaw irlay miaethbkhiwyawsiehluxngsmxxn paksienux khangaekmeriybimmiaethbsiekhm chwngvduphsmphnthutwphumisiehluxngsdthikrahmxm hnaphak cnthungthaythxy aekmsinatalekhm pakxxknatalda swnbnsinatalekhmslblayehluxngcakkhxbkhn xkehluxng swnlangsinatalxxnhruxsiehluxnghmnphvtikrrmaelaniewswithyaepnnkthichxbxyuepnfunghakin emld phuch thngbnimaelabnphun bintxknepnfung bxykhrngepliynthisthangidxyangslbsbsxn mkkinkhawepluxkaelathyphuchxun inirnathiekbaelw aelabangkhrngsrangkhwamesiyhayaekphuchephaaplukthikalngotid bangkhrngcungcdepnstwrngkhwan nkkracabthrrmdanxnthirngsungthacakhya kkaelaxx iklna cungtxngphunghyatang echn Panicum maximum txngphungphuchephaaplukechnkhawthngephuxepnxahar kinemldinrayangxkaelaemuxepnemldinrayatn aelaepnwsdutharng yngkinaemlng echn phiesux aelabangkhrngaemaetkinkbelk cingck aelamxllskaodyechphaaephuxeliyngluk karxphyphinaetvdukhunxyukbprimanxahar mkrxngtx knepnesiyngcid cid cid odytwphuthirxngprasanesiyngknbangkhrngyutiepnesiynglndng ci esiyngrxnginnxkvduphsmphnthucaebakwa bangkhrngnkkracabthrrmdalngmathiphunephuxxabfun karsuksankthieliyngphbwamiladbchnthangsngkhm pecking order inaetlatw karphsmphnthu nkphsmphnthuinvdumrsum pccythangsingaewdlxmthierimkarphsmphnthurwmthngrayaewlachwngklangwnodycblngemuxthungplayvdurxn pktihlngvduphsmphnthu nksungidrbxiththiphlthangkarphsmphnthucakaesngxathityekidphawaduxaesng photorefractoriness khuximtxbsnxngthangkarphsmphnthutxaesngaemwnkyngyawxyu nkinekhtxbxunhmdphawaniktxemuxidxyuinchwngwnthisn 4 6 eduxn aetnkkracabthrrmdahaepnechnniim ephraaphawanisamarthhmdipidexng spontaneous sungechuxwaepnkarprbtwihekhakbsphawathangniewstang iddikwa nkmktharngepnhmuodypktimakthung 20 30 rngikl aehlngxahar wsdutharng aelana nkruckdithisudephraatwphutharngthkxyangphisdar rnghxyechnnimirupepnhlxdaekwkhxyaw sahrbklninhxngthdlxng michxngrngxyutrngklang odymithxtxcakkhangchxngyawepnaenwtnglngipyngthangxxkdanlang rngthkdwyessyaw cakibkhaw ibhyahyab aelaibkhxngimwngspalm echntnmaphraw ibxacyawrahwang 20 60 sm twphuxactxngbiniphawsduthung 500 khrngcnkwacatharngesrc nkichpakthiaekhngaerngchikibcakimwngspalmihepnessyaw aelwnamathkaelaphuktharng bxykhrnghxyehnuxna bxykhrnghxycaktnxaekhechiythimihnam aelabangkhrngcaksayothrsphth aemnkchxbimhnam aetbangkhrngkichtnimrimthnninekhtemuxng rngmkxyuthangthistawnxxkkhxngtnim sungechuxwachwypxngknmrsumcakthistawntkechiyngit aetnkthiphsmphnthuthihlngkmioxkassrangrnginthisxun khxngtnimmakkwa rngthithingaelw hnuelk echn Mus booduga aelankxun echn Lonchura xacekhaipxyu nkchnidyxy burmanicus twphumisirsaepnsiehluxngsdtwemiyinxinediytawntkechiyngehnux aemrngodyhlksrangepnhmu aetthisrangediyw kmixyu rngbxykhrngsrangmacakibkhxngtnxaekhechiyhruximwngspalm odyhlkxinthphlmithy aelahxyxyuehnuxnaolng nktwphuxayunxy xaclxngsrangrngtamhya inphma nkbxykhrngsrangrngitchaykhatukaelaban aetniimsamyinxinediy twphuichewlapraman 18 wnephuxsrangrngihesrc odyrngraya hmwk esrcinpraman 8 wn rngsrangesrcepnbangswnkxntwphuerimaesdngihtwemiythibinphanodykraphuxpikrxngemuxekaaxyuthirng twemiytrwcdurngaelwaesdngkaryxmrbkbtwphuemuxcbkhuaelw twphusrangrngihesrcodyephimplxngthangekha twphusrangrngexngekuxbthnghmd aemkhutwemiyxacchwyaetngbang odyechphaakhangin twemiyxacepliynrngkhanginhruxetimkxnokhln ngansuksahnungphbwa thitngsakhykwaokhrngsrangkhxngrngemuxtwemiyeluxkrngaelakhu ephraachxbrngthixyubnimsungkwa xyuehnuxphunaehng aelaxyubnsakhaimelk thngtwphutwemiyimidcbkhuediywtlxdchiwit twphuxacsrangrngepnbangswnhlayrngaelwerimekiywtwemiy odytharngihesrcktxemuxhakhuid twemiywangikhsikhaw 2 4 ib aelwfkepnewla 14 17 wn twphubangkhrngchwyeliyngluk luknkxxkcakrnghlngcakpraman 17 wn hlngcakphsmphnthukbtwemiy twphupktiekiywtwemiyxun thirngsungsrangiwswnhnunginthixun karxxkikhihnktwxun phnthuediywkn fkaelweliyngkmidwyehmuxnkn luknkxxkcakrngemuxyngmikhnluknk epliynemuxsldkhnhlngcaknnemuxxayu 4 6 eduxn aelwiphathixyuihmimiklcakrngekaodyphbiklcnthung 2 kiolemtr twemiyphrxmphsmphnthuinpithdma aettwphucaichephiyngkhrungpima nkmksldkhnkxnphsmphnthu nkotaelwyngsldkhnepnkhrngthisxnghlngphsmphnthu dngnncungsldkhnsxngkhrngtxpi ngansuksathangmiychekhmi histochemical phbemthabxlisumkhxngliphidthisungkhunthiyxdhwtwphuinvduphsmphnthusnnisthanwa liphidmiswninkarkhnsngsarsiaekhorthinxydsiehluxngipthiyxdsirsa aelwslayhlngvduphsmphnthu ephraarnghxycakimmihnamaelaehnuxna cungknstwlaehyuxhlayxyangid aetkarthukkalakepneruxngpkti ikhthnghmdxacthukkinodykingkaechnkingkaswn hruxodystwfnaetha echn hnu Vandeleuria oleracea sungxacyudrngelykidnkkratid echn Euodice malabarica kxacyudrng rnghxycakibtnpalm skulfiniks rnghxyxyuehnuxna nkspichisyxy burmanicus twphuxyuthirngyngsrangimesrcinraya hmwk yngimthaplxngthangekha rnghxybntntal nkspichisyxy burmanicus twemiykalngeliyngluk nkkratidtaophkkhaw Lonchura striata ichrngnkthithingaelwwthnthrrmxinediymikhwamechuxphunbanwa nktidhinghxykbokhlnthifarngephuxthaaesngifinchwngklangkhun aemdinehniywkphbinrngnkdwyehmuxnkn twphuxacetimkxnokhlnaelamulstwinchxngrngkxncbkhukbtwemiy sungxacchwytanlm inkalkxn ekhyfuknkihelnaesdng mnsamarthkhabwtthukhunidtamkhasng xacfukihyingpunihyedkeln rxylukpd ekbehriyyhruxwtthuxun tamnkstwwithyachawxngkvsphuhnung Edward Blyth 1810 1873 aethcringaelw nkkracabthrrmdathifukaelwkhwamsamarththimhscrrymak aelatxngehncungechux snnisthanwankaesdngidnankipthwpraeths xinediy aelakarelnpktixyanghnungkkhux emuxmistriaelaidsyyancakecakhxng nkcakhabkhxnghwaniwinpak aelwwangispakkhxngphuhying aelathaxyangnisahrbstrithuk khn odythatamsyyantaaelathithakhxngecakhxng aelwnapunihycalxngxxkma sungnkbrrcudwydinpunhyab nkthrrmchatiniymchawxngkvsphuhnung Robert Tytler 1818 1872 idehnkaraesdngthinkhmunimelk tidifthikhangthngsxngehnuxhwtnexng nknkelnaesdngidbnthukiwtngaetsmykhxngckrphrrdixkbr 1542 1605 aehngckrwrrdiomkulaelw khux nkkracabthrrmdaehmuxnkbnkkracxkpaaetsiehluxng chladmak echuxfng aelaechuxng mnnaehriyycakmuxipihecakhxng macakthiikl emuxeriyk rngkhxngmnsrangxyangaeybylethiybidkbchangfimux phuththsasna khmphirphuththsasnaklawthungnkkracabiwhlayaehng dngechntwxyangtxipni insmomthmanchadk chadkwadwykhwamphrxmephriyngkn phraphuththxngkhtrsiwwa nkthnghlayphrxmephriyngknphaknexakhayip emuxid phwkmnthaelaakn emuxnn phwkmncktkxyuinxanackhxngera suttntpidk khuththknikay chadk smomthmanchadk phraxrrthkthacaryxthibaywa chadkniklawephuxprarphehtukarnthiphrayatifayemuxngkbilphsduaelaemuxngokliyathaelaaknephraaehtuaehngna epnkaraesdngothskhxngkarthaelaawiwathaelapraoychnkhxngkhwamphrxmephriyngkn eruxnginchadkkhuxphraophthistwekidepnnkkracab xxkxubaychkchwnihhmunkphrxmephriyngknyktakhaythithxdlngbnfungnkkhun binipthixunphrxmkbtakhay phadtakhayiwbnimmihnamaelwhnixxkcakswnlangkhxngtakhayid nayphranphucbnkimidcungidklawkbphrryakhxngtntamphuththphcnni phayhlng nkerimthaelaawiwathknephraakarehyiybhwknxyangimidtngic txmaluklamcnimsamarthphrxmephriyngknyktakhayhninayphranipid cungthuknayphrancbkhayephuxnaipeliyngchiphxik inwttkchadk phraphuththxngkhtrswa burusemuximkhidkyxmimidphlphiess thancngduphlaehngxubaythierakhidethid eraphncakkarthukkhaaelacxngcakdwyxubaynn suttntpidk khuththknikay chadk wttkchadk phraxrrthkthacaryxthibaywa chadkniklawinehtukarnthibutrkhhbdiprarphthukkhephraathukprkprawathaphidenuxngkbkarxyukhrxngeruxn phayhlngxxkbwchbrrluepnphraxrhntcungphncakthukkhthngpwngid epnkarchiwaemuxmithukkhaelwkhwrkhidthungxubayaelwthatamephuxihphnxxkcakthukkh eruxnginchadkkhuxphraophthistwekidepnnkkracab thukcbphrxmkbfungnk cungxxkxubayimkinkhawihsubphxmthaihnayphrankhayimid txmanayphrannaxxkcakkrngwangbnmuxephuxtrwcduwankepnechnir ruwanayphranephlxcungbinhniipid phayhlngnkophthistwelaehtukarnniihnkxunfngaelwklawkhathani inxrrthkthasungxthibaypceckphuththapthan suttntpidk khuththknikay xpthan phraxrrthkthacaryxthibayiwwa phraophthistwphuidrbphyakrnwacaepnphraxrhntsmmasmphuththeca imekiddwythanaxnimkhwr 18 xyangrwmthngekidepnstwelkkwankkracab khux caedimaetsaercxphiniharaelw phraophthistwnnimepnkhnbxd imepnkhnhnwkmaaetkaenid 1 imepnkhnba 1 imepnkhnib 1 imepnngxyepliy imekidkhuninhmukhnmilkkhakhuxkhnpaethuxn 1 imekidinthxngnangthasi 1 imepnniytmicchathitthikhuxkhnmimicchathitthixnding 1 thancaimklbephs 1 imthaxnntriykrrmha 1 imepnkhnmiorkheruxn 1 inkaeniddircchancaimmirangkayelkkwankkracab caimihyotkwachang 1 caimekidkhuninkhuppipasikeprtaelanichchamtnhikeprt 1 caimekidkhuninphwkkalkychikasur 1 imekidinxewcinrk 1 imekidinolkntnrk 1 xnung caimepnmar 1 inchnkamawcrthnghlay inchnrupawcrthnghlay caimekidinxsyyiphph 1 imekidinchnsuththawas 1 imekidinxrupphph imkawlaipyngckrwalxun 1 wisuththchnwilasini xrrthkthaxpthan nxkcaknnyngklawthungnkkracabiwinthixun rwmthng wttkchadk xikchadkhnung klawthungkhwamsnods mknxy aelarupramaninxahar klawthungnktang rwmthngnkkracabinkunalchadk inewssndrchadk mhawnwrrnnaechingxrrthaelaxangxingBirdLife International 2012 Ploceus philippinus IUCN Red List of Threatened Species Version 2013 2 subkhnemux 26 phvscikayn 2013 kracab phcnanukrmxielkthrxniks chbbrachbnthitysthan ph s 2542 n chuxnkkhnadelkinwngs Ploceidae mi 3 chnid khux kracabthrrmda hrux kracabxkeriyb Ploceus philippinus kracabxklay P manyar tharngdwyhyahxyxyukbkingimhruxphuchna pakrngxyudanlang aelakracabthxng P hypoxanthus tharngdwyhya oxbhumkingimhruxibphuchna pakrngxyudanlang mkxyurwmknepnhmu kinemldphuch stwpakhumkhrxng olksiekhiyw cakaehlngedimemux 26 minakhm 2015 subkhnemux 23 emsayn 2015 krmxuthyanaehngchati stwpa aelaphnthuphuch 2003 mulnithisub nakhaesthiyr khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 24 knyayn 2017 Rasmussen P C amp Anderton J C 2005 The Birds of South Asia The Ripley Guide Volume 2 Smithsonian Edition and Lynx Edicions p 579 Brisson Mathurin Jacques 1760 Ornithologie ou Methode contenant la division des oiseaux en ordres sections genres especes amp leurs varietes phasafrngess aela latin Vol 3 Paris Jean Baptiste Bauche pp 232 235 Plate 12 fig 1 The two stars at the start of the section indicates that Brisson based his description on the examination of a specimen Allen J A 1910 Bulletin of the American Museum of Natural History 28 317 335 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 19 knyayn 2012 subkhnemux 17 singhakhm 2019 Linnaeus Carl 1766 Systema naturae per regna tria natura secundum classes ordines genera species cum characteribus differentiis synonymis locis phasalatin Vol 1 12th ed Holmiae Stockholm Laurentii Salvii pp 305 306 Mayr Ernst Greenway James C Jr b k 1962 Check list of birds of the world Vol 15 Cambridge Massachusetts Museum of Comparative Zoology p 53 Cuvier Georges 1816 Le Regne animal distribue d apres son organisation pour servir de base a l histoire naturelle des animaux et d introduction a l anatomie comparee phasafrngess Vol 1 Paris Deterville p 383 Gill Frank Donsker David b k 2018 Old World sparrows snowfinches weavers World Bird List Version 8 1 International Ornithologists Union subkhnemux 5 phvsphakhm 2018 Salim Ali 2002 The Book of Indian Birds Third ed Oxford University Press pp 64 283 ISBN 0 19 566523 6 nkkracab rachaaehngnksanrng psustw khxm cakaehlngedimemux 13 krkdakhm 2019 subkhnemux 31 krkdakhm 2019 xangxing wnchy sukheksm 2014 karphthnasuxkarsxn phiphithphnthinklxng eruxngnkkracab sahrbnkeriynchnprathmsuksatxnplay Sengupta S 1974 The Common Baya Ploceus philippinus a serious pest of agriculture Current Science 43 4 24 125 Ali Mir Hamid Singh T G Manmohan Banu Aziz Rao M Anand Janak A T Sainath 1978 Observations on the food and feeding habits of Baya Weaver Ploceus philippinus J Bombay Nat Hist Soc 75 1198 1204 Ambedkar V C 1972 The Baya Ploceus philippinus Linn feeding nestlings with butterflies J Bombay Nat Hist Soc 69 3 653 654 George N J 1973 Baya Ploceus philippinus feeding on frogs J Bombay Nat Hist Soc 70 2 381 382 Varu SN 2002 Food habits of the Baya Weaver Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 99 2 320 Mukherjee A K Saha B C 1974 Study on the stomach contents of Common Baya Ploceus philippinus Linnaeus J Bombay Nat Hist Soc 71 2 308 Ali S amp Ripley SD 1999 Handbook of the birds of India and Pakistan Vol 10 2nd ed Oxford University Press pp 92 97 ISBN 0 19 562063 1 Ganguli Usha 1968 Dust bathing by Common Baya Ploceus philippinus J Bombay Nat Hist Soc 65 3 780 Crook John Hurrell 1960 Studies on the reproductive behaviour of the Baya Weaver J Bombay Nat Hist Soc 57 1 1 44 Bisht M Chandola Saklani A 1992 Short day experience is not a preprequisite for the termination of photorefractoriness in the reproductive cycle of Baya Weaver Ploceus philippinus Journal of Biosciences Bangalore 17 1 29 34 doi 10 1007 BF02716770 Davis T A 1985 Palms are preferred hosts for Baya Weaverbird colonies Principes 29 115 123 Borkar M R Komarpant N 2003 Observations on the nesting ecology of Baya Weaver bird Ploceus philippinus Linn in South Goa with notes on aberrant nest designs Ecology Environment and Conservation 9 2 217 227 Davis T Antony 1974 Selection of nesting trees and the frequency of nest visits by Baya weaverbird J Bombay Nat Hist Soc 71 3 356 366 Venkataramani K 1981 Nests of Weaver Birds on telegraph wires Newsletter for Birdwatchers 21 9 10 18 Subramanya S 1982 Baya nests on telegraph wires Newsletter for Birdwatchers 22 3 4 6 7 Ambedkar V C 1969 Nests of the Baya Ploceus philippinus Linnaeus on telegraph wires J Bombay Nat Hist Soc 66 3 624 Kirkpatrick K M 1952 Baya Ploceus philippinus Linn nests on telegraph wires J Bombay Nat Hist Soc 50 3 657 Gupta K K 1995 A note on Baya Ploceus philippinus nesting on Krishnachuda Delonix regia tree J Bombay Nat Hist Soc 92 1 124 125 Sharma Satish Kumar 1990 Orientation of nest colonies by Baya Weaver Birds J Bombay Nat Hist Soc 87 3 454 455 Akhtar S Asad Tiwari JK 1992 Brood of the Indian Field Mouse Mus booduga in an abandoned Baya nest J Bombay Nat Hist Soc 89 2 245 Mishra Veer Vaibhav 2001 Munias accept abandoned nest of Baya Newsletter for Birdwatchers 41 1 13 Regupathy D Davis T A 1984 Mouse a nest parasite of Baya Weaver Bird Ploceus philippinus L J Bombay Nat Hist Soc 81 1 200 202 Pandey Deep Narayan 1991 Nest site selection by Baya Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 88 3 458 Sharma Satish Kumar 1989 Host plants used by Baya Weaver Bird Ploceus philippinus L for nesting in Udaipur District Rajasthan J Bombay Nat Hist Soc 86 3 453 454 Abdulali Humayun Ambedkar V C 1984 Some notes on the breeding of the Common Baya Ploceus philippinus J Bombay Nat Hist Soc 81 3 701 702 Davis T A 1971 Baya Weaverbird nesting on human habitations J Bombay Nat Hist Soc 68 1 246 248 Asokan S Mohamed Samsoor Ali A Nagarajan R 2008 Studies on nest construction and nest microclimate of the Baya weaver Ploceus philippinus Linn Journal of Environmental Biology 29 3 393 396 PMID 18972698 Ali S 1931 The nesting habits of the Baya Ploceus philippinus J Bombay Nat Hist Soc 34 4 947 964 Quader Suhel emsayn 2006 What makes a good nest Benefits of nest choice to female Baya weavers Ploceus philippinus The Auk Oxford University Press 123 2 475 486 JSTOR 4090676 Quader Suhel 2003 Nesting and Mating Decisions and their Consequences in the Baya Weaverbird Ploceus philippinus PDF Ph D Dissertation University of Florida subkhnemux 9 knyayn 2012 Ali Salim Ambedkar Vijaykumar C 1957 Further notes on the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 54 3 491 502 Dhindsa M S 1990 Intraspecific brood parasitism in the Baya Weaverbird Ploceus philippinus Bird Behavior 8 2 111 113 doi 10 3727 015613890791784326 Mathew D N 1972 The ecology of the Baya in Rajampet Cuddapah Dt Andhra Pradesh J Bombay Nat Hist Soc 69 1 188 191 Mathew D N 1977 Moult in the Baya Weaver Ploceus philippinus Linnaeus J Bombay Nat Hist Soc 74 2 233 245 Narasimhacharya A V R L Kotak V C 1989 Histochemical observations on the crown skin of male baya Lipids lipase and phosphomonoesterases J Biosci 14 4 385 390 doi 10 1007 BF02703424 Dhindsa M S Sandhu P S 1988 Response of the Baya Weaverbird Ploceus philippinus to eggs of the White throated Munia Lonchura malabarica relation to possible incipient brood parasitism Zool Anz 220 216 222 Davis T Antony 1973 Mud and dung plastering in Baya nests J Bombay Nat Hist Soc 70 1 57 71 Wood C A 1926 The nest of the Baya weaver bird PDF The Auk 43 3 295 302 doi 10 2307 4075422 Khan At har Ali 1799 On the Baya or Indian Gross beak Asiatic Researches 2 109 110 Duncan Peter Martin b k 1894 Cassell s Natural History Volume IV London Cassell and Company p 103 Yule Henry 1903 Crooke William b k Hobson Jobson A glossary of colloquial Anglo Indian words and phrases and of kindred terms etymological historical geographical and discursive New ed J Murray London phraitrpidk chbbmhamkut phasaithy elmthi 55 suttntpidk khuththknikay chadk elmthi 3 phakhthi 1 smomthmanchadk E Tipitaka 3 0 7 2018 phraitrpidk chbbmhamkut phasaithy elmthi 56 suttntpidk khuththknikay chadk elmthi 3 phakhthi 2 wttkchadk E Tipitaka 3 0 7 2018 phraitrpidk chbbmhamkut phasaithy elmthi 70 suttntpidk khuththknikay xpthan elmthi 8 phakhthi 1 pceckphuththapthan xpthanthi 2 E Tipitaka 3 0 7 2018 phraitrpidk chbbmhamkut phasaithy elmthi 59 suttntpidk khuththknikay chadk elmthi 3 phakhthi 5 wttkchadk E Tipitaka 3 0 7 2018 phraitrpidk chbbmhamkut phasaithy elmthi 62 suttntpidk khuththknikay chadk elmthi 4 phakhthi 1 kunalchadk E Tipitaka 3 0 7 2018 phraitrpidk chbbmhamkut phasaithy elmthi 64 suttntpidk khuththknikay chadk elmthi 4 phakhthi 3 ewssndrchadk E Tipitaka 3 0 7 2018xangxingxun oxphas khxbekhtt rs khumuxdunkhmxbuysng elkhakul nkemuxngithy aelahnngsuxnkinemuxngithy elm 1 Alexander Horace 1972 Nest building of the Baya Weaver Bird Newsletter for Birdwatchers 12 9 12 Ali Salim Ambedkar Vijaykumar C 1956 Notes on the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 53 3 381 389 Ambedkar V C 1978 Abnormal nests of the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 75 Supplement 1205 1211 Ambedkar V C 1958 Notes on the Baya Breeding season 1957 J Bombay Nat Hist Soc 55 1 100 106 Anon 1981 Multiple Baya nests Newsletter for Birdwatchers 21 1 2 4 Davis T A 1985 Blind or closed nests of Baya Weaverbird J Bombay Nat Hist Soc 82 3 658 660 Davis T A 1966 Nesting Behaviour of the Baya Ploceus philippinus L Technical Report No Nat 4 66 Research and Training School Indian Statistical Institute Calcutta 28 pages Dewar Douglas 1909 The nesting habits of the Baya J Bombay Nat Hist Soc 19 3 627 634 Khacher Lavkumar 1977 Note on the Baya Weaver bird Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 74 3 533 Mathew DN 1971 Ecology and biology of the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Ph D Dissertation University of Bombay Bombay Mohan D 1991 Common baya weaver bird nest building habits Newsletter for Birdwatchers 31 9 10 2 4 Punde A B 1912 Migration of the Baya Ploceus baya J Bombay Nat Hist Soc 21 2 675 676 Serrao J S 1971 Nesting of the Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Newsletter for Birdwatchers 11 10 11 Sharma S K 1995 Nests of Baya used as filling fibre in southern Rajasthan Newsletter for Birdwatchers 35 3 57 58 Sharma Satish Kumar 1987 Host plants used by Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn for nesting in eastern Rajasthan Breeding period 1982 J Bombay Nat Hist Soc 84 1 218 220 Sharma Satish Kumar 1988 Buttressed nests of Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn J Bombay Nat Hist Soc 85 2 432 Sharma Satish Kumar 1985 A study of qualitative aspect of abnormal nesting in Baya Weaver Bird the Ploceus philippinus and P benghalensis J Southern Forest Ranger s College 61 50 54 Sharma Satish Kumar 1991 Nests of Baya Weaver Birds Ploceus philippinus and wintering Arthropods J Bombay Nat Hist Soc 88 2 289 290 Sharma Satish Kumar 1995 A study of abnormal nests of Baya Weaver Bird Ploceus philippinus Linn in Rajasthan J Bombay Nat Hist Soc 92 1 67 76 Sidhartha D 1981 Baya nests in October Newsletter for Birdwatchers 21 1 8 Singh T G M 1980 An observation on the behaviour of Indian Baya Ploceus phillipinus in captivity during solar eclipses Mayura 1 2 20 21 Stairmand D A 1971 Pre monsoon breeding of the Baya Ploceus philippinus Newsletter for Birdwatchers 11 9 12 Thapliyal J P Tewary P D 1964 Effect of light on the pituitary gonad and plumage pigmentation in the Avadavat Estrilda amandava and Baya Weaver Ploceus philippinus Proc Zool Soc London 142 67 71 Vardhani B P Rao P S Srimannarayana G 1992 The efficacy of certain plant extracts as repellents against House Sparrow Passer domesticus and Baya Weaver Bird Ploceus philippinus J Appl Zool Res 3 2 193 194 Letitia Landon refers to the baya in Kishen Kower from The Zenana And the hues of the bayas like sunbeams combined She describes them in a note as Small crested sparrows with bright yellow breasts aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Ploceus philippinus khxmulthiekiywkhxngkb Ploceus philippinus thiwikispichis Baya weaver media thi the Internet Bird Collection