ราชวงศ์อู่ทอง หรือ ราชวงศ์ละโว้-อโยธยา หรือ ราชวงศ์เชียงราย ปกครองอาณาจักรกรุงศรีอยุธยารวมระยะเวลา สองครั้งราว 42 ปี ทั้งหมดล้วนเป็นชื่อสมมุติที่นักประวัติศาสตร์ใช้เรียกราชวงศ์แรกที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา เพื่อความสะดวกในการศึกษาประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา โดยกำหนดเอาพระนามตามตำนานของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ที่มีพระนามเดิมว่า "พระเจ้าอู่ทอง" มาเป็นชื่อราชวงศ์ แต่ความเป็นมาของราชวงศ์ดังกล่าวยังคงคลุมเครืออยู่
พระราชอิสริยยศ | พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา |
---|---|
ปกครอง | อาณาจักรอยุธยา |
จำนวนพระมหากษัตริย์ | 3 พระองค์ |
ประมุขพระองค์แรก | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 |
ประมุขพระองค์สุดท้าย | สมเด็จพระเจ้ารามราชา |
ช่วงระยะเวลา |
|
สถาปนา | 12 มีนาคม พ.ศ. 1894 |
ล่มสลาย | พ.ศ. 1952 |
ประวัติ
ต้นสายเดิมของราชวงศ์นี้ยังเป็นปริศนาไม่ทราบแน่ชัด จึงมีการสมมติชื่อของราชวงศ์นี้ไว้หลายชื่อ ดังข้อสันนิษฐานต่อไปนี้ เช่น:
- ทฤษฎีที่ต้นราชวงศ์มาจากภาคเหนือ และสถาปนาเป็นต้นราชวงศ์เชียงราย
- มาจากพระราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า "พระเจ้าอู่ทองเป็นราชบุตรเขยของพระเจ้าศิริชัยเชียงแสน ได้รับราชสมบัติสืบพระวงศ์ทางพระมเหสี ครองราชสมบัติอยู่ 6 ปี เกิดโรคห่าขึ้นในพระนคร จึงย้ายมาตั้งราชธานีที่เมืองศรีอยุธยา"
- ตำนานสิงหนวัติ, พงศาวดารเมืองเงินยาง เชียงแสน และพระราชพงศาวดารสังเขป ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ระบุว่า พระเจ้าอู่ทองเป็นเชื้อราชวงศ์ลาวจากพระเจ้าพรหมแห่งเมืองเชียงแสน
- ทฤษฎีที่ต้นราชวงศ์อพยพหนีโรคห่ามาจากเมืองอู่ทอง
- ต่อเนื่องมาจากการอพยพลงมาสู่ตอนใต้ของทฤษฎีแรกที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองอู่ทอง แต่เมืองอู่ทองเกิดโรคห่า จึงได้อพยพลงสู่กรุงศรีอยุธยา
- แต่ทฤษฎีนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว เพราะจากการสำรวจเมืองอู่ทองของมานิต วัลลิโภดม พบว่าเมืองอู่ทองร้างไปก่อนการตั้งกรุงศรีอยุธยาถึง 300 ปี จึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าเมืองอู่ทองจะหนีโรคห่ามาในช่วงเวลานั้น
- ต่อเนื่องมาจากการอพยพลงมาสู่ตอนใต้ของทฤษฎีแรกที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองอู่ทอง แต่เมืองอู่ทองเกิดโรคห่า จึงได้อพยพลงสู่กรุงศรีอยุธยา
- ทฤษฎีที่เชื่อว่าต้นราชวงศ์มีความเกี่ยวดองกับละโว้มาก่อน
- เนื่องจากหลังการสถาปนากรุงอโยธยาในปี พ.ศ. 1893 เอกสารของจีนยังคงเรียกอโยธยาว่า "หลอหู" (羅渦国) ซึ่งคือละโว้ อันแสดงถึงความเกี่ยวดองกับละโว้มาก่อน โดยเฉพาะที่สมเด็จพระราเมศวรครองเมืองละโว้ในฐานะลูกหลวงอีกประการหนึ่ง
นอกจากนี้ใน พงศาวดารล้านช้าง ซึ่งเป็นพงศาวดารของลาว ได้ระบุว่า ขุนบรม (หรือ ขุนบูลม ในภาษาลาว) ได้ให้กำเนิดบุตรเจ็ดคนไปครองเมืองต่าง ๆ โดยคนที่ห้าคือ "งัวอิน" ได้ครองเมืองอโยธยา หรือในหนังสือ คู่มือทูตตอบ เขียนขึ้นโดยราชบัณฑิตไม่ปรากฏนามในสมัยกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2224 ระบุว่า กษัตริย์สืบเชื้อสายมาจากสมเด็จพระปฐมสุริยนารายณีศวรบพิตร์ และมีลูกหลานคือสมเด็จพระพนมทะเลศรีมเหศวรวารินทร์ราชบพิตร อพยพไปกรุงสุโขทัยก่อนลงมาสร้างเมืองเพชรบุรี และต่อมาได้สร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีใหม่ เป็นต้น
มีการสันนิษฐานว่าราชวงศ์นี้อาจมีเชื้อสายลาว ดังพระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า "ในต้นราชตระกูลของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 นั้น เป็นเชื้อลาวมาตั้งพระราชธานีในประเทศสยาม ธรรมเนียมต่าง ๆ คงยังเจือลาวอยู่บ้าง" บ้างก็ว่าอาจมีเชื้อสายพราหมณ์ เนื่องจากหลังการสิ้นอำนาจในการครองกรุงศรีอยุธยา ผู้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ดังกล่าวไม่ถูกสังหารเหมือนพราหมณ์ในพระราชไอยการของกรุงศรีอยุธยาที่มิให้ต้องโทษหรือประหาร ทั้งนี้ทั้งนั้นความเป็นมาหรือเชื้อสายของต้นราชวงศ์นี้ ยังคงคลุมเครืออยู่ในปัจจุบัน
การขึ้นสู่อำนาจ
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์อู่ทองและเป็นผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาอันเป็นราชธานี ทรงครองราชย์เป็นเวลาถึง 18 ปี(12 มีนาคม พ.ศ. 1894 – ค.ศ. 1912) จนกระทั่งพระองค์ทรงสวรรคต
สมเด็จพระราเมศวร พระราชโอรสของพระเจ้าอู่ทองและเจ้าเมืองลพบุรี ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 1912 แต่ครองราชย์เพียงปีเดียวก็สละราชสมบัติให้แก่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพ่องั่ว เจ้าเมืองสุพรรณบุรีและผู้เป็นพระมาตุลาและกลับไปครองเมืองลพบุรีตามเดิม สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่นามว่า ราชวงศ์สุพรรณภูมิ และครองราชย์เป็นระยะเวลา 18 ปี จนกระทั่งพระองค์ทรงสวรรคตใน พ.ศ. 1931 สมเด็จพระเจ้าทองลัน พระราชโอรสของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นเวลาต่อมาแต่กลับถูกสมเด็จพระราเมศวรใช้กำลังแย่งชิงราชสมบัติ สมเด็จพระเจ้าทองลันซึ่งครองราชย์ได้เพียงเจ็ดวันก็ถูกสำเร็จโทษ พระราชอำนาจจึงกลับมาอยู่ในมือของสมเด็จพระราเมศวรอีกครั้ง ภายหลังจากนั้นพระองค์ทรงสร้างคุณูปการต่อกรุงศรีอยุธยาไว้หลายประการ ไม่ว่าจะด้านพระศาสนาหรือการสงคราม ซึ่งพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ควรยกย่องเชิดชูพระเกียรติที่ทรงปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขโดยที่ไม่มีเมืองต่าง ๆ มารุกราน พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงขยายอาณาเขตให้อาณาจักรอยุธยายิ่งใหญ่ พระองค์ยังทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอยู่ตลอดเวลา แม้เวลาส่วนมากจะทำศึกสงคราม
สมเด็จพระราเมศวรทรงสวรรคตใน พ.ศ. 1938 สิริพระชนมพรรษา 56 พรรษา ทรงครองราชสมบัติรวม 2 ครั้งเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยสมเด็จพระเจ้ารามราชา พระราชโอรสของพระองค์ได้สืบราชสมบัติต่อมา
การสิ้นสุดอำนาจ
สมเด็จพระรามราชาธิราช พระราชโอรสในสมเด็จพระราเมศวร ได้สืบราชสมบัติสืบมา แต่ภายหลังได้ถูกถอดจากการเป็นกษัตริย์ด้วยทรงมีข้อพิพาทกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี ผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีและเป็นผู้บังคับบัญชาทหาร เจ้าพระยามหาเสนาบดีได้หนีไปอยู่ฟากปทาคูจาม แล้วได้ร่วมกับสมเด็จพระนครินทราธิราช ยกกำลังจากเมืองสุพรรณบุรีมายึดกรุงศรีอยุธยา แล้วทูลเชิญสมเด็จพระนครินทราธิราชขึ้นครองราชย์กรุงศรีอยุธยา ส่วนสมเด็จพระรามราชาธิราชได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปครองเมืองปทาคูจาม หลังครองกรุงศรีอยุธยาได้ 15 ปี สวรรคตปีใดไม่ปรากฏหลักฐาน
บ้างก็ว่าสมเด็จพระรามราชาธิราชถูกสมเด็จพระนครินทราธิราชเนรเทศให้ครองเมืองจตุมุข โดย ไมเคิล วิคเคอรี (Michael Vickery) ได้สันนิษฐานว่า บิดาของเจ้าพญายาต กษัตริย์เขมร เป็นบุคคลเดียวกับ "พระรามเจ้า" ในพระราชพงศาวดารฉบับปลีกว่าเป็นบุคคลเดียวกับสมเด็จพระรามราชา และวิคเคอรีก็สันนิษฐานอีกว่าเมือจตุมุขดังกล่าวเป็นเมืองเดียวกับเมืองปทาคูจาม
ทั้งนี้ผู้สืบเชื้อสายในราชวงศ์ดังกล่าวมิได้รับโทษทัณฑ์หรือถูกประหารหลังการสูญเสียอำนาจ ทั้งยังอาจได้รับการยกย่องให้เป็นตระกูลที่ศักดิ์สิทธิ์ ราชวงศ์ละโว้-อโยธยาจึงได้รับการเลี้ยงดูเป็นปุโรหิตให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับพิธีกรรมในราชสำนักโดยมิให้กำลังอำนาจใด ๆ และสตรีจากราชวงศ์นี้ก็รับราชการเป็นพระสนมในพระมหากษัตริย์ในตำแหน่ง "ท้าวศรีสุดาจันทร์" ซึ่งเป็นหนึ่งในสนมเอกสี่ทิศของพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจปกแผ่ยังทิศทั้งสี่
การฟื้นอำนาจ
จากการที่ราชวงศ์ละโว้-อโยธยา ยังคงมีบทบาทในราชสำนักกรุงศรีอยุธยา ทั้งด้านพิธีกรรมทางศาสนา และการส่งสตรีเข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระสนมในพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์นี้ยัง "รอคอย" ที่จะนำอำนาจของพวกตนหวนคืนกลับมา ในรัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราช ได้มีสตรีจากราชวงศ์ละโว้-อโยธยา เข้ารับราชการเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย คือ แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งเพิ่มพูนอำนาจจากการประสูติกาลพระราชโอรสคือพระยอดฟ้า ทำให้พระนางมีฐานะที่สูงส่งกว่าพระชายาอีกสามพระองค์ ต่อมาสมเด็จพระไชยราชาธิราช พระสวามีได้เสด็จกลับจากราชการสงคราม ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคต จึงได้มีการยกพระยอดฟ้าผู้เป็นพระโอรสครองราชย์ต่อมาในปี พ.ศ. 2089 โดยมีนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
หลังการสิ้นพระชนม์ของพระสวามี พระนางก็ลอบสังวาสกับพันบุตรศรีเทพ (บุญศรี) ซึ่งเป็นข้าหลวงเดิมอันถือเป็นเรื่องผิดกฎมนเทียรบาลด้วยห้ามการมีสามีใหม่ ด้วยแสวงหาอำนาจที่จะคุ้มครองบัลลังก์ ทรงเห็นว่ากลุ่มของพันบุตรศรีเทพอาจจะเหมาะควร เพื่อการลุแก่อำนาจ พระนางทรงอ้างว่าพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ ทั้งหัวเมืองเหนือก็ไม่เป็นปกติ จึงปรึกษากับขุนนางว่าจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินจนกระทั่งพระยอดฟ้าทรงเจริญพระชนมายุ เหล่าขุนนางก็เห็นชอบด้วย เมื่อขุนวรวงศาธิราชขึ้นครองราชย์แล้ว แล้วนำพระยอดฟ้าไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้พงศาวดารพม่ากลับจดพระนามผู้ครองราชย์ว่า "พระอัครมเหสี" ซึ่งคือตัวท้าวศรีสุดาจันทร์นั่นเอง
แต่ท้ายที่สุดการฟื้นอำนาจของพระนางก็สิ้นสุดลง โดยกลุ่มขุนนางผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการครองราชย์นั้น นำโดยขุนพิเรนทรเทพ (ต่อมาคือสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช) ได้ร่วมกันวางแผนจับและสังหารขุนวรวงศาธิราชกับนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์พร้อมด้วยบุตร แล้วนำพระศพไปเสียบประจานที่วัดแร้ง
รายพระนามพระมหากษัตริย์
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทตำนานและพงศาวดาร ทำให้เชื่อได้ว่า "ราชวงศ์อู่ทอง" เป็นความสัมพันธ์กันทางเครือญาติระหว่างเมืองลพบุรีกับเมืองสุพรรณบุรี แต่อย่างไรก็ตามความเป็นมาของราชวงศ์นี้ยังคงคลุมเครืออยู่ พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์อู่ทอง มี 3 พระองค์ ได้แก่
ลำดับ | พระนาม | พระราชสมภพ | ครองราชย์ | สิ้นรัชกาล | สวรรคต | รวมปีครองราชย์ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) | พ.ศ. 1855 | พ.ศ. 1893 (พ.ศ. 1894 ไทยสากล) | พ.ศ. 1912 | 28 ปี | |
2 (1) | สมเด็จพระราเมศวร | พ.ศ. 1885 | พ.ศ. 1912 | พ.ศ. 1913 | พ.ศ. 1938 | 1 ปี |
2 (2) | สมเด็จพระราเมศวร | พ.ศ. 1885 | พ.ศ. 1931 | พ.ศ. 1938 | 7 ปี | |
3 | สมเด็จพระเจ้ารามราชา | พ.ศ. 1899 | พ.ศ. 1938 | พ.ศ. 1952 | 15 ปี |
แผนผัง
(1) สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 | |||||||
(2) สมเด็จพระราเมศวร | |||||||
(3) สมเด็จพระเจ้ารามราชา | |||||||
อ้างอิง
- นิพัทธพงศ์ พุมมา และณรงค์กรรณ รอดทรัพย์ (มกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2555). "นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์:ผู้หญิงกับอำนาจเชิงพื้นที่หลากมิติ" (PDF). วรสาร มฉก. วิชาการ. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
((help)) - พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน. 2553, หน้า 60
- บาราย (3 ตุลาคม พ.ศ. 2553). "เอกสารคำหับ". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
((help)) - สุจิตต์ วงษ์เทศ (17 พฤษภาคม 2556). "พระเจ้าแผ่นดินอยุธยา เป็นเชื้อราชวงศ์ลาว มีในพระราชนิพนธ์ ร.4, ร.5". sujitwongthes.com. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - . สถาบันอยุธยาศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-02. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)". โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "กรุงศรีอยุธยา (มรดกโลก)". จดหมายเหตุอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help))[] - "พระสุริโยไทเป็นใคร? มาจากไหน ?". Bandhit Press. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - สุจิตต์ วงษ์เทศ. "พลังลาว" ชาวอีสาน มาจากไหน?. กรุงเทพฯ : มติชน. 2549, หน้า 95
- ไมเคิล ไรท์. (4 กุมภาพันธ์ 2548). "ภูมิประวัติศาสตร์สยาม:เอกสารชั้นต้นสมัยสมเด็จพระนารายณ์ที่เปิดเผยใหม่". ศิลปวัฒนธรรม. 26:4, หน้า 91
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน. 2553, หน้า 95
- วินัย พงศ์ศรีเพียร (บรรณาธิการ). ความยอกย้อนของประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ:รุ่งแสงการพิมพ์. 2539, หน้า 63
- จันทร์ฉาย ภัคอธิคม. "พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา:ในทรรศนะของนายไมเคิล วิคเคอรี". ข้อมูลประวัติศาสตร์ในรอบทศวรรษ (พ.ศ. 2420-2530). กรุงเทพฯ : สยามสมาคม. 2531, หน้า 50
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน. 2553, หน้า 90
- สุจิตต์ วงษ์เทศ. ท้าวศรีสุดาจันทร์ "แม่หยัวเมือง" ใครว่าหล่อนชั่ว ?. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์, 2557, หน้า 73
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. พระศรีสุริโยทัยเป็นใคร? มาจากไหน?. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน. 2544, หน้า 48
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553, หน้า 66-7
- สุเนตร ชุตินธรานนท์ ดร. พม่ารบไทย. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : มติชน. 2554, หน้า 74
- นราธิปประพันธ์พงศ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. พระราชพงศาวดารพม่า. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2550, หน้า 1131
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | ราชวงศ์อู่ทอง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์พระร่วง (ปกครองกรุงสุโขทัย) | ราชวงศ์ที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา (ครั้งที่ 1) (พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 1913) | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ | ||
ราชวงศ์สุพรรณภูมิ | ราชวงศ์ที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา (ครั้งที่ 2) (พ.ศ. 1931 - พ.ศ. 1952) | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rachwngsxuthxng hrux rachwngslaow xoythya hrux rachwngsechiyngray pkkhrxngxanackrkrungsrixyuthyarwmrayaewla sxngkhrngraw 42 pi thnghmdlwnepnchuxsmmutithinkprawtisastricheriykrachwngsaerkthipkkhrxngkrungsrixyuthya ephuxkhwamsadwkinkarsuksaprawtisastrkrungsrixyuthya odykahndexaphranamtamtanankhxngsmedcphraramathibdithi 1 thimiphranamedimwa phraecaxuthxng maepnchuxrachwngs aetkhwamepnmakhxngrachwngsdngklawyngkhngkhlumekhruxxyurachwngsxuthxngphrarachxisriyysphraecakrungsrixyuthyapkkhrxngxanackrxyuthyacanwnphramhakstriy3 phraxngkhpramukhphraxngkhaerksmedcphraramathibdithi 1pramukhphraxngkhsudthaysmedcphraecaramrachachwngrayaewlakhrngthi 1 ph s 1894 1913 khrngthi 2 ph s 1931 1952sthapna12 minakhm ph s 1894lmslayph s 1952dkhkprawtitnsayedimkhxngrachwngsniyngepnprisnaimthrabaenchd cungmikarsmmtichuxkhxngrachwngsniiwhlaychux dngkhxsnnisthantxipni echn thvsdithitnrachwngsmacakphakhehnux aelasthapnaepntnrachwngsechiyngraymacakphrarachathibaykhxngphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw wa phraecaxuthxngepnrachbutrekhykhxngphraecasirichyechiyngaesn idrbrachsmbtisubphrawngsthangphramehsi khrxngrachsmbtixyu 6 pi ekidorkhhakhuninphrankhr cungyaymatngrachthanithiemuxngsrixyuthya tanansinghnwti phngsawdaremuxngenginyang echiyngaesn aelaphrarachphngsawdarsngekhp khxngsmedcphramhasmneca krmphraprmanuchitchionrs rabuwa phraecaxuthxngepnechuxrachwngslawcakphraecaphrhmaehngemuxngechiyngaesn thvsdithitnrachwngsxphyphhniorkhhamacakemuxngxuthxngtxenuxngmacakkarxphyphlngmasutxnitkhxngthvsdiaerkthixphyphmatngthinthanthiemuxngxuthxng aetemuxngxuthxngekidorkhha cungidxphyphlngsukrungsrixyuthya aetthvsdinithukykelikipaelw ephraacakkarsarwcemuxngxuthxngkhxngmanit wlliophdm phbwaemuxngxuthxngrangipkxnkartngkrungsrixyuthyathung 300 pi cungepnipimidthiecaemuxngxuthxngcahniorkhhamainchwngewlann thvsdithiechuxwatnrachwngsmikhwamekiywdxngkblaowmakxnenuxngcakhlngkarsthapnakrungxoythyainpi ph s 1893 exksarkhxngcinyngkhngeriykxoythyawa hlxhu 羅渦国 sungkhuxlaow xnaesdngthungkhwamekiywdxngkblaowmakxn odyechphaathismedcphraraemswrkhrxngemuxnglaowinthanalukhlwngxikprakarhnung nxkcakniin phngsawdarlanchang sungepnphngsawdarkhxnglaw idrabuwa khunbrm hrux khunbulm inphasalaw idihkaenidbutrecdkhnipkhrxngemuxngtang odykhnthihakhux ngwxin idkhrxngemuxngxoythya hruxinhnngsux khumuxthuttxb ekhiynkhunodyrachbnthitimpraktnaminsmykrungsrixyuthyainpi ph s 2224 rabuwa kstriysubechuxsaymacaksmedcphrapthmsuriynarayniswrbphitr aelamilukhlankhuxsmedcphraphnmthaelsrimehswrwarinthrrachbphitr xphyphipkrungsuokhthykxnlngmasrangemuxngephchrburi aelatxmaidsrangkrungsrixyuthyaepnrachthaniihm epntn mikarsnnisthanwarachwngsnixacmiechuxsaylaw dngphrarachwicarninphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw khwamwa intnrachtrakulkhxngsmedcphraramathibdithi 1 nn epnechuxlawmatngphrarachthaniinpraethssyam thrrmeniymtang khngyngecuxlawxyubang bangkwaxacmiechuxsayphrahmn enuxngcakhlngkarsinxanacinkarkhrxngkrungsrixyuthya phusubechuxsaycakrachwngsdngklawimthuksngharehmuxnphrahmninphrarachixykarkhxngkrungsrixyuthyathimiihtxngothshruxprahar thngnithngnnkhwamepnmahruxechuxsaykhxngtnrachwngsni yngkhngkhlumekhruxxyuinpccubnkarkhunsuxanacsmedcphraramathibdithi 1 hrux phraecaxuthxng thrngepnpthmkstriyaehngrachwngsxuthxngaelaepnphusthapnakrungsrixyuthyaxnepnrachthani thrngkhrxngrachyepnewlathung 18 pi 12 minakhm ph s 1894 kh s 1912 cnkrathngphraxngkhthrngswrrkht smedcphraraemswr phrarachoxrskhxngphraecaxuthxngaelaecaemuxnglphburi thrngkhunkhrxngrachyepnkstriyxngkhthi 2 aehngkrungsrixyuthya emuxpi ph s 1912 aetkhrxngrachyephiyngpiediywkslarachsmbtiihaeksmedcphrabrmrachathirachthi 1 hrux khunhlwngphxngw ecaemuxngsuphrrnburiaelaphuepnphramatulaaelaklbipkhrxngemuxnglphburitamedim smedcphrabrmrachathirachthi 1 thrngsthapnarachwngsihmnamwa rachwngssuphrrnphumi aelakhrxngrachyepnrayaewla 18 pi cnkrathngphraxngkhthrngswrrkhtin ph s 1931 smedcphraecathxngln phrarachoxrskhxngsmedcphrabrmrachathirachthi 1 idesdckhunkhrxngrachsmbtiepnewlatxmaaetklbthuksmedcphraraemswrichkalngaeyngchingrachsmbti smedcphraecathxnglnsungkhrxngrachyidephiyngecdwnkthuksaercoths phrarachxanaccungklbmaxyuinmuxkhxngsmedcphraraemswrxikkhrng phayhlngcaknnphraxngkhthrngsrangkhunupkartxkrungsrixyuthyaiwhlayprakar imwacadanphrasasnahruxkarsngkhram sungphraxngkhepnphramhakstriythikhwrykyxngechidchuphraekiyrtithithrngpkkhrxngbanemuxngihxyuxyangrmeynepnsukhodythiimmiemuxngtang marukran phraxngkhepnphramhakstriythithrngkhyayxanaekhtihxanackrxyuthyayingihy phraxngkhyngthrngthanubarungphraphuththsasnaxyutlxdewla aemewlaswnmakcathasuksngkhram smedcphraraemswrthrngswrrkhtin ph s 1938 siriphrachnmphrrsa 56 phrrsa thrngkhrxngrachsmbtirwm 2 khrngepnrayaewla 8 pi odysmedcphraecaramracha phrarachoxrskhxngphraxngkhidsubrachsmbtitxmakarsinsudxanacsmedcphraramrachathirach phrarachoxrsinsmedcphraraemswr idsubrachsmbtisubma aetphayhlngidthukthxdcakkarepnkstriydwythrngmikhxphiphathkbecaphrayamhaesnabdi phuepnxkhrmhaesnabdiaelaepnphubngkhbbychathhar ecaphrayamhaesnabdiidhniipxyufakpthakhucam aelwidrwmkbsmedcphrankhrinthrathirach ykkalngcakemuxngsuphrrnburimayudkrungsrixyuthya aelwthulechiysmedcphrankhrinthrathirachkhunkhrxngrachykrungsrixyuthya swnsmedcphraramrachathirachidrboprdekla ihipkhrxngemuxngpthakhucam hlngkhrxngkrungsrixyuthyaid 15 pi swrrkhtpiidimprakthlkthan bangkwasmedcphraramrachathirachthuksmedcphrankhrinthrathirachenrethsihkhrxngemuxngctumukh ody imekhil wikhekhxri Michael Vickery idsnnisthanwa bidakhxngecaphyayat kstriyekhmr epnbukhkhlediywkb phrarameca inphrarachphngsawdarchbbplikwaepnbukhkhlediywkbsmedcphraramracha aelawikhekhxriksnnisthanxikwaemuxctumukhdngklawepnemuxngediywkbemuxngpthakhucam thngniphusubechuxsayinrachwngsdngklawmiidrbothsthnthhruxthukpraharhlngkarsuyesiyxanac thngyngxacidrbkarykyxngihepntrakulthiskdisiththi rachwngslaow xoythyacungidrbkareliyngduepnpuorhitihthahnathiekiywkbphithikrrminrachsankodymiihkalngxanacid aelastricakrachwngsnikrbrachkarepnphrasnminphramhakstriyintaaehnng thawsrisudacnthr sungepnhnunginsnmexksithiskhxngphraecaaephndinkrungsrixyuthya xnepnsylksnaehngxanacthiwaphramhakstriythrngmiphrarachxanacpkaephyngthisthngsi karfunxanac cakkarthirachwngslaow xoythya yngkhngmibthbathinrachsankkrungsrixyuthya thngdanphithikrrmthangsasna aelakarsngstriekharbrachkarfayinepnphrasnminphramhakstriy aelarachwngsniyng rxkhxy thicanaxanackhxngphwktnhwnkhunklbma inrchkalsmedcphraichyrachathirach idmistricakrachwngslaow xoythya ekharbrachkarepnphramehsifaysay khux aemhywsrisudacnthr sungephimphunxanaccakkarprasutikalphrarachoxrskhuxphrayxdfa thaihphranangmithanathisungsngkwaphrachayaxiksamphraxngkh txmasmedcphraichyrachathirach phraswamiidesdcklbcakrachkarsngkhram thrngphraprachwraelaesdcswrrkht cungidmikarykphrayxdfaphuepnphraoxrskhrxngrachytxmainpi ph s 2089 odyminangphrayaaemxyuhwsrisudacnthrepnphusaercrachkaraethnphraxngkh hlngkarsinphrachnmkhxngphraswami phranangklxbsngwaskbphnbutrsriethph buysri sungepnkhahlwngedimxnthuxepneruxngphidkdmnethiyrbaldwyhamkarmisamiihm dwyaeswnghaxanacthicakhumkhrxngbllngk thrngehnwaklumkhxngphnbutrsriethphxaccaehmaakhwr ephuxkarluaekxanac phranangthrngxangwaphrayxdfayngthrngphraeyaw thnghwemuxngehnuxkimepnpkti cungpruksakbkhunnangwacaihkhunwrwngsathirachwarachkaraephndincnkrathngphrayxdfathrngecriyphrachnmayu ehlakhunnangkehnchxbdwy emuxkhunwrwngsathirachkhunkhrxngrachyaelw aelwnaphrayxdfaipsaercothsthiwdokhkphraya xyangirktaminchwngewlaniphngsawdarphmaklbcdphranamphukhrxngrachywa phraxkhrmehsi sungkhuxtwthawsrisudacnthrnnexng aetthaythisudkarfunxanackhxngphranangksinsudlng odyklumkhunnangphuihythiimehndwykbkarkhrxngrachynn naodykhunphiernthrethph txmakhuxsmedcphramhathrrmrachathirach idrwmknwangaephncbaelasngharkhunwrwngsathirachkbnangphrayaaemxyuhwsrisudacnthrphrxmdwybutr aelwnaphrasphipesiybpracanthiwdaerngrayphranamphramhakstriycakhlkthanthangprawtisastrpraephthtananaelaphngsawdar thaihechuxidwa rachwngsxuthxng epnkhwamsmphnthknthangekhruxyatirahwangemuxnglphburikbemuxngsuphrrnburi aetxyangirktamkhwamepnmakhxngrachwngsniyngkhngkhlumekhruxxyu phramhakstriyinrachwngsxuthxng mi 3 phraxngkh idaek ladb phranam phrarachsmphph khrxngrachy sinrchkal swrrkht rwmpikhrxngrachy1 smedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng ph s 1855 ph s 1893 ph s 1894 ithysakl ph s 1912 28 pi2 1 smedcphraraemswr ph s 1885 ph s 1912 ph s 1913 ph s 1938 1 pi2 2 smedcphraraemswr ph s 1885 ph s 1931 ph s 1938 7 pi3 smedcphraecaramracha ph s 1899 ph s 1938 ph s 1952 15 piaephnphng 1 smedcphraramathibdithi 1 2 smedcphraraemswr 3 smedcphraecaramrachaxangxingniphththphngs phumma aelanrngkhkrrn rxdthrphy mkrakhm mithunayn ph s 2555 nangphrayaaemxyuhwsrisudacnthr phuhyingkbxanacechingphunthihlakmiti PDF wrsar mchk wichakar subkhnemux 13 mkrakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate aela date help phiess eciycnthrphngs karemuxnginprawtisastr yukhsuokhthy xyuthya phramhathrrmracha kstrathirach phimphkhrngthi 2 krungethph mtichn 2553 hna 60 baray 3 tulakhm ph s 2553 exksarkhahb ithyrth subkhnemux 13 mkrakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate aela date help sucitt wngseths 17 phvsphakhm 2556 phraecaaephndinxyuthya epnechuxrachwngslaw miinphrarachniphnth r 4 r 5 sujitwongthes com subkhnemux 13 mkrakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help sthabnxyuthyasuksa mhawithyalyrachphtphrankhrsrixyuthya khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 03 02 subkhnemux 7 emsayn 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help smedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng oxechiynsimlthwr subkhnemux 13 mkrakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help krungsrixyuthya mrdkolk cdhmayehtuxkhrsngkhmnthlkrungethph subkhnemux 7 emsayn 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help lingkesiy phrasurioyithepnikhr macakihn Bandhit Press subkhnemux 13 mkrakhm 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help sucitt wngseths phlnglaw chawxisan macakihn krungethph mtichn 2549 hna 95 imekhil irth 4 kumphaphnth 2548 phumiprawtisastrsyam exksarchntnsmysmedcphranaraynthiepidephyihm silpwthnthrrm 26 4 hna 91 phiess eciycnthrphngs karemuxnginprawtisastr yukhsuokhthy xyuthya phramhathrrmracha kstrathirach phimphkhrngthi 2 krungethph mtichn 2553 hna 95 winy phngssriephiyr brrnathikar khwamyxkyxnkhxngprawtisastr krungethph rungaesngkarphimph 2539 hna 63 cnthrchay phkhxthikhm phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya inthrrsnakhxngnayimekhil wikhekhxri khxmulprawtisastrinrxbthswrrs ph s 2420 2530 krungethph syamsmakhm 2531 hna 50 phiess eciycnthrphngs karemuxnginprawtisastr yukhsuokhthy xyuthya phramhathrrmracha kstrathirach phimphkhrngthi 2 krungethph mtichn 2553 hna 90 sucitt wngseths thawsrisudacnthr aemhywemuxng ikhrwahlxnchw phimphkhrngthi 4 krungethph eruxnaekwkarphimph 2557 hna 73 phiess eciycnthrphngs phrasrisurioythyepnikhr macakihn phimphkhrngthi 2 krungethph mtichn 2544 hna 48 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim nnthburi sripyya 2553 hna 66 7 suentr chutinthrannth dr phmarbithy phimphkhrngthi 10 krungethph mtichn 2554 hna 74 nrathippraphnthphngs phraecabrmwngsethx krmphra phrarachphngsawdarphma phimphkhrngthi 2 nnthburi sripyya 2550 hna 1131duephimladbphramhakstriyithykxnhna rachwngsxuthxng thdiprachwngsphrarwng pkkhrxngkrungsuokhthy rachwngsthipkkhrxngkrungsrixyuthya khrngthi 1 ph s 1893 ph s 1913 rachwngssuphrrnphumirachwngssuphrrnphumi rachwngsthipkkhrxngkrungsrixyuthya khrngthi 2 ph s 1931 ph s 1952 rachwngssuphrrnphumi