ทฤษฎีการผลักของคู่อิเล็กตรอน (อังกฤษ: Valence Shell Electron Pair Repulsion (VSEPR) Theory) เสนอขึ้นโดย และ ในปี พ.ศ. 2500 เพื่อใช้เป็นแบบจำลองเพื่อทำนายรูปร่างของโมเลกุลของ ซึ่งศึกษาโดยใช้คุณสมบัติทางไฟฟ้าของอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะและอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวโดยใช้จำนวนกลุ่มอิเล็กตรอนรอบอะตอมกลาง (Stearic number) ซึ่งประกอบด้วยอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว ทฤษฎีนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทฤษฎี- หรือในบางครั้งก็เรีกกันว่า "เวสเปอร์" เพื่อความสะดวกในการเรียก ซึ่งโครงสร้างในการพิจารณานั้นก็มาจากสูตรโครงสร้างของลิวอิสแล้วมาจำลองให้เป็นรูปแบบสามมิติ โดยที่ต้องให้อิเล็กตรอนรอบอะตอมกลางผลักกันให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
สมมติฐานเบื้องต้น
- คู่ของอิเล็กตรอนที่ล้อมรอบอะตอมกลางจะผลักซึ่งกันและกัน
- คู่ของอิเล็กตรอนเหล่านั้นจะผลักกันให้มีแรงทางไฟฟ้ากระทำต่อกันน้อยที่สุด และอยู่ห่างกันมากที่สุด
- วงโคจรนอกสุดของอิเล็กตรอนจะกระจายตัวเป็นทรงกลมอยู่โดยให้มีระยะห่างกันให้มากที่สุด
- พันธะคู่หรือพันธะสามจะถูกนับว่าเป็นพันธะเดี่ยวที่มีกำลังผลักแรงกว่า
- รูปร่างของโมเลกุลที่เป็นเรโซแนนซ์สามารถจำลองด้วยทฤษฎีนี้ได้เช่นกัน
ซึ่งการผลักกันของกลุ่มอิเล็กตรอนที่เป็นไปได้มีทั้งหมด 3 แบบคือ การผลักกันระหว่างอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวด้วยกัน, การผลักกันของอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวกับอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ และการผลักกันของอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะด้วยกัน ซึ่งโมเลกุลจะหลีกเลี่ยงการผลักกันของกลุ่มอิเล็กตรอน แต่ว่าอิเล็กตรอนต่างก็มีประจุลบ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เกิดการผลักกันของอิเล็กตรอน โมเลกุลจึงต้องพยายามให้อิเล็กตรอนที่มีอยู่ในโมเลกุลนั้นผลักกันให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งพบว่าการผลักกันของอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวด้วยกันจะมีการส่งแรงทางไฟฟ้ากระทำต่อกันมากที่สุด เนื่องจากอิเล็กตรอนนั้นจะถูกดูดเข้ามาใกล้กับนิวเคลียสของอะตอมกลางมากที่สุด ซึ่งส่งผลให้เกิดการผลักกันรุนแรงมากที่สุด รองลงมาคือการผลักกันระหว่างอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวกับอิเล็กตรอนร่วมพันธะ และการผลักกันระหว่างอิเล็กตรอนร่วมพันธะด้วยกัน
ทฤษฎีนี้มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ซึ่งจัดรูปร่างของโมเลกุลโดยคิดว่าอะตอมจะมีการจัดออร์บิทัลเพื่อให้สามารถเกิดพันธะได้ โดยยังมีความสัมพันธ์กับการเกิด และ ส่วนทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลเป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่มีการนำมาใช้เพื่ออธิบายลักษณะการจัดตัวของอะตอมและอิเล็กตรอนในโมเลกุลและไอออนที่มีหลายอะตอม
ทฤษฎี VSEPR ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความไม่สามารถที่จะวัดเป็นปริมาณได้ และยังมีข้อจำกัดในการอธิบายโครงสร้างของโมเลกุลที่พัฒนามาจากโมเลกุลอย่างง่าย แม้ว่าจะสามารถทำนายได้แม่นยำก็ตาม อย่างไรก็ตาม กลศาสตร์เชิงโมเลกุล (force fields ซึ่งมีพื้นฐานมาจากทฤษฎีนี้ก็ได้มีการพัฒนาขึ้น
ระบบ AXE
ระบบ AXE นั้นเป็นระบบที่ใช้ในการนับกลุ่มอิเล็กตรอนเพื่อใช้ประกอบกับทฤษฎี VSEPR ซึ่ง A แทนอะตอมกลาง ซึ่งจะมีเพียงอะตอมเดียวเท่านั้น คือตัวที่กำหนดให้พิจารณา สำหรับโมเลกุลที่มีอะตอมกลางหลายตัว เช่น โพรเพน จะพิจารณาเพียงอะตอมเดียวเท่านั้น โดยพิจารณาอะตอมอื่นๆ เป็นอะตอมล้อมรอบ X หมายถึงจำนวนกลุ่มอิเล็กตรอนรอบอะตอมกลางที่ใช้ในการสร้างพันธะ โดยจะนับพันธะคู่และพันธะสามเป็น 1 กลุ่ม เช่นเดียวกับพันธะเดี่ยวและพันธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ และ E แทนจำนวนคู่ของอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวที่อยู่รอบอะตอมกลาง ผลบวกของ X และ E หรือที่เรียกว่านั้นจะเท่ากับจำนวนของออร์บิทัลที่นำมากัน ตาม (valence bond theory)
ตารางแสดงรูปร่างโมเลกุลตามสูตรโครงสร้างของลิวอิส
จำนวนกลุ่มอิเล็กตรอนรอบอะตอมกลาง | ไม่มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว | มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 1 คู่ | มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 2 คู่ | มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 3 คู่ |
---|---|---|---|---|
2 | | |||
3 | | | ||
4 | | | | |
5 | | | | |
6 | | | | |
7 | | |
ตารางแสดงรูปร่างโมเลกุลเชิงเรขาคณิต
ประเภทของโมเลกุล | รูปร่างโมเลกุล | การจัดเรียงกลุ่มอิเล็กตรอนรอบอะตอมกลาง† | รูปร่างทางเรขาคณิต‡ | ตัวอย่าง | มุมระหว่างพันธะ |
---|---|---|---|---|---|
AX1En | HF, O2 | - | |||
AX2E0 | เส้นตรง | , , CO2 | 180 องศา | ||
AX3E0 | , , NO3−, | 120 องศา | |||
AX2E1 | NO2−, SO2, O3 | น้อยกว่า 120 องศา | |||
AX4E0 | ทรงสี่หน้า | CH4, PO43−, SO42−, | 109.5 องศา | ||
AX3E1 | NH3, PCl3 | น้อยกว่า 109.5 องศา | |||
AX2E2 | H2O, | น้อยกว่า 109.5 องศา | |||
AX5E0 | ในแนวระนาบฐานพีระมิดทำมุมกัน 120 องศา ส่วนส่วนสูงของพีระมิดทำมุม 90 องศากับระนาบ | ||||
AX4E1 | ในแนวระนาบฐานพีระมิดทำมุมกันน้อยกว่า 120 องศา ส่วนส่วนสูงของพีระมิดทำมุมน้อยกว่า 90 องศากับระนาบ | ||||
AX3E2 | , | น้อยกว่า 90 องศา | |||
AX2E3 | เส้นตรง | XeF2, | 180 องศา | ||
AX6E0 | ทรงแปดหน้า | 90 องศา | |||
AX5E1 | , | น้อยกว่า 90 องศา | |||
AX4E2 | สี่เหลี่ยมจัตุรัส | 90 องศา | |||
AX7E0 | ในแนวระนาบฐานพีระมิดทำมุมกัน 72 องศา ส่วนส่วนสูงของพีระมิดทำมุม 90 องศากับระนาบ | ||||
AX6E1 | ในแนวระนาบฐานพีระมิดทำมุมกัน 72 องศา ส่วนส่วนสูงของพีระมิดทำมุมน้อยกว่า 90 องศากับระนาบ |
เมื่ออะตอมที่ล้อมรอบอะตอมกลาง (X) ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด รูปร่างของโมเลกุลก็ยังคงใกล้เคียงกับความเป็นจริงอยู่ แต่ว่ามุมระหว่างพันธะนั้นจะเกิดการผิดเพื้ยนไปบ้าง อย่างเช่นพันธะคู่ที่เกิดขึ้นในโมเลกุลของแอลคีนเช่น C2H4 จะเป็น AX3E0 แต่ทว่ามุมระหว่างพันธะรอบอะตอม C นั้นก็ไม่ได้เท่ากับ 120 ° เลย หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ มีโครงสร้างเป็น AX3E1 แต่ว่าอะตอมที่มาล้อมรอบนั้นไม่เหมือนกัน จึงส่งผลให้มุมพันธะนั้นไม่เท่ากันตามไปด้วย เนื่องจากอะตอมแต่ละชนิดจะมีความสามารถในการดึงดูดอิเล็กตรอนที่แตกต่างกัน
ข้อยกเว้น
สารประกอบเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายโครงสร้างได้ด้วยทฤษฎี VSEPR
สารประกอบของ
สารประกอบของธาตุเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายโครงสร้างทางเคมีด้วยทฤษฎีนี้ได้เนื่องจากเกิดแรงกระทำจากอิเล็กตรอนใน d-ออร์บิทัลของอะตอมกลาง โครงสร้างของสารประกอบเหล่านี้รวมทั้งโลหะไฮไดรด์และโลหะแอลคิล เช่น สามารถทำนายได้ถูกต้องด้วยการใช้ ซึ่งอ้างถึงการ และแบบจำลอง 3-center-4-electron bond หรืออีกวิธีหนึ่งคือการใช้ทฤษฎีสนามผลึกเพื่อทำนายโครงสร้างของโมเลกุลของสารประกอบเหล่านี้
สารประกอบแฮไลด์ของโลหะแอลคาไลเอิร์ท
สารประกอบของที่เป็นธาตุหนัก (ได้แก่ แคลเซียม สตรอนเชียม แบเรียม และเรเดียม) นั้นไม่ได้มีโครงสร้างเป็นรูปเส้นตรงตามที่ทฤษฎีนี้ได้อธิบายไว้ แต่กลับมีรูปร่างเป็นมุมงอ ดังนี้
สารประกอบ | สูตรทางเคมี | มุมระหว่างพันธะ |
---|---|---|
แคลเซียมฟลูออไรด์ | CaF2 | 145° |
สตรอนเชียมฟลูออไรด์ | SrF2 | 120° |
BaF2 | 108° | |
SrCl2 | 130° | |
แบเรียมคลอไรด์ | BaCl2 | 115° |
BaBr2 | 115° | |
แบเรียมไอโอไดด์ | BaI2 | 105° |
เสนอว่าน่าจะเกิดจากแรงกระทำระหว่างอิเล็กตรอนภายในอะตอม ก่อให้เกิดการโพลาไรเซชันจนทำให้รูปร่างของออร์บิทัลของอิเล็กตรอนชั้นในไม่ได้สมมาตรเป็นทรงกลม ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างโมเลกุล
โมเลกุล AX2E2 บางชนิด
ตัวอย่างหนึ่งได้แก่ (Li2O) ในสภาวะโมเลกุลซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลเป็นรูปเส้นตรงแทนที่จะเป็นมุมงอ ซึ่งมีการลงความเห็นกันว่าอาจเกิดจากการที่โดยปกตินั้น สารประกอบนี้เป็นพันธะไอออนิกที่รุนแรงมาก จึงส่งผลต่อโครงสร้างของโมเลกุลให้เป็นเส้นตรง
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ O(SiH3)2 ซึ่งมีมุม Si-O-Si angle เท่ากับ 144.1° ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับมุมในพันธะอื่นๆ เช่น Cl2O (110.9°), (CH3)2O (111.7°) และ N(CH3)3 (110.9°) ซึ่งกิลเลสพายได้ให้เหตุผลว่าเกิดจากการอยู่ประจำที่ของอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวและความสามารถในการผลักกับอิเล็กตรอนคู่อื่นๆ จะมีค่ามากที่สุดเมื่ออะตอมที่เข้ามาล้อมรอบนั้นมีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีใกล้เคียงหรือสูงกว่าอะตอมกลาง เมื่ออะตอบกลางมีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีสูง อย่างเช่นออกซิเจนใน O(SiH3)2 อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวจะไม่สามารถอยู่ประจำที่ได้ดีนักจึงส่งผลให้เกิดแรงผลักที่อ่อน อีกทั้งกลุ่มอะตอมที่มาล้อมรอบก็ยังมีการผลักกันที่แรง (-SiH3 เป็นลิแกนด์ที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวอย่างอื่นๆ ด้านบน) จึงทำให้มุมของพันธะ Si-O-Si นั้นมีขนาดใหญ่ผิดปกติจากที่ทำนายได้
โมเลกุล AX6E1 บางชนิด
โมเลกุลที่มีลักษณะเป็น AX6E1 บางชนิดเช่นไอออนลบของ Te(IV)และ Bi(III) ได้แก่ TeCl62−, TeBr62−, BiCl63−, BiBr63− และ BiI63−, มีรูปร่างเป็นรูปทรงแปดหน้าปรกติและอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวนั้นก็ไม่ได้มีผลต่อโครงสร้างของโมเลกุลเลย เหตุผลหนึ่งที่อาจจะนำไปอธิบายได้คือ ความหนาแน่นของอะตอมที่เข้ามาล้อมรอบนั้นไม่สามารถมีช่องให้อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวส่งแรงกระทำได้เลย เหตุผลอีกประการที่น่าจะเป็นไปได้คือเกิดจาก (en:inert pair effect)
อ้างอิง
- Gillespie, R. J. (1967), Electron-Pair Repulsions and Molecular Shape. Angew. Chem. Int. Ed. Engl., 6: 819–830.
- ELECTRON CORRELATION AND MOLECULAR SHAPE, R. J. Gillespie,Canadian Journal of Chemistry, 1960, 38:818-826.
- VGS Box. Journal of Molecular Modeling, 1997, 3, 124-141.
- Models of molecular geometry, Gillespie R. J., Robinson E.A. Chem. Soc. Rev., 2005, 34, 396–407, doi:10.1039/b405359c
- Landis, C. K.; Cleveland, T.; Firman, T. K. Making sense of the shapes of simple metal hydrides. J. Am. Chem. Soc. 1995, 117, 1859-1860.
- Landis, C. K.; Cleveland, T.; Firman, T. K. Structure of W(CH3)6. Science 1996, 272, 182-183.
- ; Earnshaw, Alan (1997). Chemistry of the Elements (2nd ed.). . ISBN .
- Core Distortions and Geometries of the Difluorides and Dihydrides of Ca, Sr, and Ba Bytheway I, Gillespie R.J, Tang T.H., Bader R.F. Inorganic Chemistry, 34,9, 2407-2414, 1995 doi:10.1021/ic00113a023
- A spectroscopic determination of the bond length of the LiOLi molecule: Strong ionic bonding, D. Bellert, W. H. Breckenridge, J. Chem. Phys. 114, 2871 (2001); doi:10.1063/1.1349424
- Wells A.F. (1984) Structural Inorganic Chemistry 5th edition Oxford Science Publications
- Catherine E. Housecroft, Alan G. Sharpe (2005), Inorganic Chemistry, Pearson Education,
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
thvsdikarphlkkhxngkhuxielktrxn xngkvs Valence Shell Electron Pair Repulsion VSEPR Theory esnxkhunody aela inpi ph s 2500 ephuxichepnaebbcalxngephuxthanayruprangkhxngomelkulkhxng sungsuksaodyichkhunsmbtithangiffakhxngxielktrxnkhurwmphnthaaelaxielktrxnkhuoddediywodyichcanwnklumxielktrxnrxbxatxmklang Stearic number sungprakxbdwyxielktrxnkhuoddediyw thvsdinicungmichuxeriykxikchuxhnungwa thvsdi hruxinbangkhrngkerikknwa ewsepxr ephuxkhwamsadwkinkareriyk sungokhrngsranginkarphicarnannkmacaksutrokhrngsrangkhxngliwxisaelwmacalxngihepnrupaebbsammiti odythitxngihxielktrxnrxbxatxmklangphlkknihiklthisudethathicathaidsmmtithanebuxngtnkhukhxngxielktrxnthilxmrxbxatxmklangcaphlksungknaelakn khukhxngxielktrxnehlanncaphlkknihmiaerngthangiffakrathatxknnxythisud aelaxyuhangknmakthisud wngokhcrnxksudkhxngxielktrxncakracaytwepnthrngklmxyuodyihmirayahangknihmakthisud phnthakhuhruxphnthasamcathuknbwaepnphnthaediywthimikalngphlkaerngkwa ruprangkhxngomelkulthiepnerosaennssamarthcalxngdwythvsdiniidechnkn sungkarphlkknkhxngklumxielktrxnthiepnipidmithnghmd 3 aebbkhux karphlkknrahwangxielktrxnkhuoddediywdwykn karphlkknkhxngxielktrxnkhuoddediywkbxielktrxnkhurwmphntha aelakarphlkknkhxngxielktrxnkhurwmphnthadwykn sungomelkulcahlikeliyngkarphlkknkhxngklumxielktrxn aetwaxielktrxntangkmipraculb cungepneruxngthiepnipimidelythicaimekidkarphlkknkhxngxielktrxn omelkulcungtxngphyayamihxielktrxnthimixyuinomelkulnnphlkknihebathisudethathicathaid sungphbwakarphlkknkhxngxielktrxnkhuoddediywdwykncamikarsngaerngthangiffakrathatxknmakthisud enuxngcakxielktrxnnncathukdudekhamaiklkbniwekhliyskhxngxatxmklangmakthisud sungsngphlihekidkarphlkknrunaerngmakthisud rxnglngmakhuxkarphlkknrahwangxielktrxnkhuoddediywkbxielktrxnrwmphntha aelakarphlkknrahwangxielktrxnrwmphnthadwykn thvsdinimkthuknaipepriybethiybkb sungcdruprangkhxngomelkulodykhidwaxatxmcamikarcdxxrbithlephuxihsamarthekidphnthaid odyyngmikhwamsmphnthkbkarekid aela swnthvsdixxrbithlechingomelkulepnxikthvsdihnungthimikarnamaichephuxxthibaylksnakarcdtwkhxngxatxmaelaxielktrxninomelkulaelaixxxnthimihlayxatxm thvsdi VSEPR idrbkarwiphakswicarnekiywkbkhwamimsamarththicawdepnprimanid aelayngmikhxcakdinkarxthibayokhrngsrangkhxngomelkulthiphthnamacakomelkulxyangngay aemwacasamarththanayidaemnyaktam xyangirktam klsastrechingomelkul force fields sungmiphunthanmacakthvsdinikidmikarphthnakhunrabb AXErabb AXE nnepnrabbthiichinkarnbklumxielktrxnephuxichprakxbkbthvsdi VSEPR sung A aethnxatxmklang sungcamiephiyngxatxmediywethann khuxtwthikahndihphicarna sahrbomelkulthimixatxmklanghlaytw echn ophrephn caphicarnaephiyngxatxmediywethann odyphicarnaxatxmxun epnxatxmlxmrxb X hmaythungcanwnklumxielktrxnrxbxatxmklangthiichinkarsrangphntha odycanbphnthakhuaelaphnthasamepn 1 klum echnediywkbphnthaediywaelaphnthaokhxxrdientokhewelnt aela E aethncanwnkhukhxngxielktrxnkhuoddediywthixyurxbxatxmklang phlbwkkhxng X aela E hruxthieriykwanncaethakbcanwnkhxngxxrbithlthinamakn tam valence bond theory tarangaesdngruprangomelkultamsutrokhrngsrangkhxngliwxis canwnklumxielktrxnrxbxatxmklang immixielktrxnkhuoddediyw mixielktrxnkhuoddediyw 1 khu mixielktrxnkhuoddediyw 2 khu mixielktrxnkhuoddediyw 3 khu2 esntrng 3 4 thrngsihna 5 esntrng6 thrngaepdhna 7 tarangaesdngruprangomelkulechingerkhakhnit praephthkhxngomelkul ruprangomelkul karcderiyngklumxielktrxnrxbxatxmklang ruprangthangerkhakhnit twxyang mumrahwangphnthaAX1En HF O2 AX2E0 esntrng CO2 180 xngsaAX3E0 NO3 120 xngsaAX2E1 NO2 SO2 O3 nxykwa 120 xngsaAX4E0 thrngsihna CH4 PO43 SO42 109 5 xngsaAX3E1 NH3 PCl3 nxykwa 109 5 xngsaAX2E2 H2O nxykwa 109 5 xngsaAX5E0 inaenwranabthanphiramidthamumkn 120 xngsa swnswnsungkhxngphiramidthamum 90 xngsakbranabAX4E1 inaenwranabthanphiramidthamumknnxykwa 120 xngsa swnswnsungkhxngphiramidthamumnxykwa 90 xngsakbranabAX3E2 nxykwa 90 xngsaAX2E3 esntrng XeF2 180 xngsaAX6E0 thrngaepdhna 90 xngsaAX5E1 nxykwa 90 xngsaAX4E2 siehliymcturs 90 xngsaAX7E0 inaenwranabthanphiramidthamumkn 72 xngsa swnswnsungkhxngphiramidthamum 90 xngsakbranabAX6E1 inaenwranabthanphiramidthamumkn 72 xngsa swnswnsungkhxngphiramidthamumnxykwa 90 xngsakbranab epnkarcderiyngxielktrxnodyrwmthungxielktrxnkhuoddediywdwy sungaesdngdwysiehluxngxxn ruprangomelkulthiaethcring aesdngechphaaphntharahwaxatxm emuxxatxmthilxmrxbxatxmklang X imidehmuxnknthnghmd ruprangkhxngomelkulkyngkhngiklekhiyngkbkhwamepncringxyu aetwamumrahwangphnthanncaekidkarphidephuynipbang xyangechnphnthakhuthiekidkhuninomelkulkhxngaexlkhinechn C2H4 caepn AX3E0 aetthwamumrahwangphntharxbxatxm C nnkimidethakb 120 ely hruxxiktwxyanghnungkhux miokhrngsrangepn AX3E1 aetwaxatxmthimalxmrxbnnimehmuxnkn cungsngphlihmumphnthannimethakntamipdwy enuxngcakxatxmaetlachnidcamikhwamsamarthinkardungdudxielktrxnthiaetktangknkhxykewnsarprakxbehlaniimsamarthxthibayokhrngsrangiddwythvsdi VSEPR sarprakxbkhxng sarprakxbkhxngthatuehlaniimsamarthxthibayokhrngsrangthangekhmidwythvsdiniidenuxngcakekidaerngkrathacakxielktrxnin d xxrbithlkhxngxatxmklang okhrngsrangkhxngsarprakxbehlanirwmthngolhaihidrdaelaolhaaexlkhil echn samarththanayidthuktxngdwykarich sungxangthungkar aelaaebbcalxng 3 center 4 electron bond hruxxikwithihnungkhuxkarichthvsdisnamphlukephuxthanayokhrngsrangkhxngomelkulkhxngsarprakxbehlani sarprakxbaehildkhxngolhaaexlkhailexirth sarprakxbkhxngthiepnthatuhnk idaek aekhlesiym strxnechiym aeberiym aelaerediym nnimidmiokhrngsrangepnrupesntrngtamthithvsdiniidxthibayiw aetklbmiruprangepnmumngx dngni sarprakxb sutrthangekhmi mumrahwangphnthaaekhlesiymfluxxird CaF2 145 strxnechiymfluxxird SrF2 120 BaF2 108 SrCl2 130 aeberiymkhlxird BaCl2 115 BaBr2 115 aeberiymixoxidd BaI2 105 esnxwanacaekidcakaerngkratharahwangxielktrxnphayinxatxm kxihekidkarophlaireschncnthaihruprangkhxngxxrbithlkhxngxielktrxnchninimidsmmatrepnthrngklm sungsngphltxokhrngsrangomelkul omelkul AX2E2 bangchnid twxyanghnungidaek Li2O insphawaomelkulsungmiokhrngsrangomelkulepnrupesntrngaethnthicaepnmumngx sungmikarlngkhwamehnknwaxacekidcakkarthiodypktinn sarprakxbniepnphnthaixxxnikthirunaerngmak cungsngphltxokhrngsrangkhxngomelkulihepnesntrng xiktwxyanghnungkhux O SiH3 2 sungmimum Si O Si angle ethakb 144 1 sungemuxepriybethiybkbmuminphnthaxun echn Cl2O 110 9 CH3 2O 111 7 aela N CH3 3 110 9 sungkilelsphayidihehtuphlwaekidcakkarxyupracathikhxngxielktrxnkhuoddediywaelakhwamsamarthinkarphlkkbxielktrxnkhuxun camikhamakthisudemuxxatxmthiekhamalxmrxbnnmikhaxielkotrenkatiwitiiklekhiynghruxsungkwaxatxmklang emuxxatxbklangmikhaxielkotrenkatiwitisung xyangechnxxksiecnin O SiH3 2 xielktrxnkhuoddediywcaimsamarthxyupracathiiddinkcungsngphlihekidaerngphlkthixxn xikthngklumxatxmthimalxmrxbkyngmikarphlkknthiaerng SiH3 epnliaekndthiihymakemuxethiybkbtwxyangxun danbn cungthaihmumkhxngphntha Si O Si nnmikhnadihyphidpkticakthithanayid omelkul AX6E1 bangchnid omelkulthimilksnaepn AX6E1 bangchnidechnixxxnlbkhxng Te IV aela Bi III idaek TeCl62 TeBr62 BiCl63 BiBr63 aela BiI63 miruprangepnrupthrngaepdhnaprktiaelaxielktrxnkhuoddediywnnkimidmiphltxokhrngsrangkhxngomelkulely ehtuphlhnungthixaccanaipxthibayidkhux khwamhnaaennkhxngxatxmthiekhamalxmrxbnnimsamarthmichxngihxielktrxnkhuoddediywsngaerngkrathaidely ehtuphlxikprakarthinacaepnipidkhuxekidcak en inert pair effect xangxingGillespie R J 1967 Electron Pair Repulsions and Molecular Shape Angew Chem Int Ed Engl 6 819 830 ELECTRON CORRELATION AND MOLECULAR SHAPE R J Gillespie Canadian Journal of Chemistry 1960 38 818 826 VGS Box Journal of Molecular Modeling 1997 3 124 141 Models of molecular geometry Gillespie R J Robinson E A Chem Soc Rev 2005 34 396 407 doi 10 1039 b405359c Landis C K Cleveland T Firman T K Making sense of the shapes of simple metal hydrides J Am Chem Soc 1995 117 1859 1860 Landis C K Cleveland T Firman T K Structure of W CH3 6 Science 1996 272 182 183 Earnshaw Alan 1997 Chemistry of the Elements 2nd ed ISBN 978 0 08 037941 8 Core Distortions and Geometries of the Difluorides and Dihydrides of Ca Sr and Ba Bytheway I Gillespie R J Tang T H Bader R F Inorganic Chemistry 34 9 2407 2414 1995 doi 10 1021 ic00113a023 A spectroscopic determination of the bond length of the LiOLi molecule Strong ionic bonding D Bellert W H Breckenridge J Chem Phys 114 2871 2001 doi 10 1063 1 1349424 Wells A F 1984 Structural Inorganic Chemistry 5th edition Oxford Science Publications ISBN 0 19 855370 6 Catherine E Housecroft Alan G Sharpe 2005 Inorganic Chemistry Pearson Education ISBN 0 13 039913 2 bthkhwamekhminiyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk