สเตรปโตมัยซิน (อังกฤษ: Streptomycin) เป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ซึ่งมีข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด รวมถึง วัณโรค, การติดเชื้อ , เยื่อบุหัวใจอักเสบ, , , กาฬโรค, ไข้กระต่าย, และ กรณีวัณโรคระยะแสดงอาการนั้นมักจะใช้สเตรปโตมัยซินร่วมกับ, ไรแฟมพิซิน, และ ยานี้สามารถบริหารยาได้โดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำและการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
/ | โมโนกราฟ |
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ |
|
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | 84% ถึง 88% ในกรณีฉีดเข้ากล้ามเนือ (ประมาณ) 0% โดยการรับประทาน |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 5 ถึง 6 ชั่วโมง |
การขับออก | ไต |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS |
|
(PubChem) CID |
|
DrugBank |
|
ChemSpider |
|
| |
| |
| |
| |
| |
| |
100.000.323 | |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C21H39N7O12 |
581.574 g/mol g·mol−1 | |
แบบจำลอง 3D () |
|
จุดหลอมเหลว | 12 องศาเซลเซียส (54 องศาฟาเรนไฮต์) |
| |
| |
7 (verify) | |
สเตรปโตมัยซินจัดเป็นยาในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ซึ่งออกฤทธิ์ที่หน่วยย่อย 30 เอสของไรโบโซมแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียนั้นๆไม่สามารถสร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและเพิ่มจำนวนได้ ส่งผลให้แบคทีเรียเซลล์นั้นๆตายไปในที่สุดอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยจากการได้รับการรักษาด้วยสเตรปโตมัยซิน ได้แก่ อาการรู้สึกหมุน, อาเจียน, อาการชาบริเวณผิว, ไข้, และมีผื่นคัน การใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกหูหนวกแต่กำเนิดได้ แต่การใช้ยานี้ในหญิงที่กำลังให้นมบุตรนั้นพบว่าค่อนข้างมีความปลอดภัย ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ใช้สเตรปโตมัยซินในผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย เนื่องจากอาจทำให้อาการของโรคแย่ลงได้
สเตรปโตมัยซินถูกค้นพบใน ค.ศ. 1943 จากเชื้อแบคทีเรีย โดยยานี้ได้ถูกจัดเป็นหนึ่งใน (World Health Organization's List of Essential Medicines) ซึ่งเป็นรายการยาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง และมีความสำคัญเป็นลำดับแรกของระบบสุขภาพพื้นฐานของประชาชนในประเทศต่างๆ ราคาสำหรับการขายส่งของสเตรปโตมัยซินในประเทศกำลังพัฒนามีมูลค่าระหว่าง 0.38 – 4.39 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อขนาดยาที่ต้องใช้ในหนึ่งวัน ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น เฉพาะค่าใช้จ่ายของยาสเตรปโตมัยซินในการรักษาหนึ่งรอบนั้นมีมูลค่ามากกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ
การใช้ประโยชน์
การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
- เยื่อบุหัวใจอักเสบติดเชื้อ ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ในกรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยเจนตามัยซิน
- วัณโรค โดยใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดอื่น ในกรณีวัณโรคระยะแสดงอาการ มักใช้สเตรปโตมัยซินร่วมกับ, ไรแฟมพิซิน, และ อย่างไรก็ตาม สเตรปโตมัยซินไม่ได้จัดเป็นการรักษาทางเลือกแรกในข้อบ่งใช้นี้ โดยจะสงวนไว้ในกรณีวัณโรคดื้อต่อยาปฏิชีวนะทางเลือกแรก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านยาในการรักษาค่อนข้างสูง
- กาฬโรค (การติดเชื้อแบคทีเรีย) เคยมีการใช้สเตรปโตมัยซินเป็นทางเลือกแรกสำหรับข้อบ่งใช้นี้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีเฉพาะองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ให้รับรับรองให้มีการใช้สเตรปโตมัยซินสำหรับข้อบ่งใช้ข้างต้น
- ในการปศุสัตว์ สเตรปโตมัยซินถือว่าเป็นยาปฏิชีวนะทางเลือกแรกในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบในสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น ม้า, วัว, แกะ, และอื่นๆ โดยมักใช้ร่วมกับ โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
- การติดเชื้อไข้กระต่าย โดยส่วนใหญ่มักได้รับการรักษาด้วยสเตรปโตมัยซิน
โดยส่วนใหญ่แล้ว การบริหารยาสเตรปโตมัยซินนั้นจะนิยมใช้วิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เนื่องจากหลายประเทศมีการจดทะเบียนเพียงรูปแบบเภสัชภัณฑ์ประเภทนี้เท่านั้น แต่ในบางพื้นที่นั้นอาจพบเห็นการใช้ยาดังกล่าวในรูปแบบการฉีดเข้าหลอดเลือดดำได้บ้างประปราย
สารกำจัดศัตรูพืชและสัตว์
สเตรปโตมัยซินเป็นยาปฏิชีวนะอีกชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการเกษตรเพื่อเป็นสารกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ ทั้งนี้ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในวัตถุดิบเหล่านั้นก่อนนำมาใช้เพื่อการบริโภคในมนุษย์ โดยมีการใช้สเตรปโตมัยซินในการควบคุมโรคที่อาจเกิดขึ้นกับผลไม้, ผัก, , และไม้ประดับ แต่ที่พบเห็นการใช้ได้บ่อยที่สุดคือ การใช้สเตรปโตมัยซินเพื่อควบคุมโรคไหม้ไฟในต้นแอปเปิลและไม้ผล (เช่น สาลี่, ) อย่างไรก็ตาม สำหรับในทางการแพทย์แล้ว การใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีดังกล่าวที่มากเกินจำเป็นมีความสัมพันธ์กับการเกิดการดื้อต่อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียหลายสายพันธุ์ได้ นอกจากนี้ยังมีการนำสเตรปโตมัยซินมาใช้ในการควบคุมการเจริญเติบโตของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินในสระที่ปลูกไม้ประดับและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ายาปฏิชีวนะบางขนานสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตหรือฆ่าเซลล์ยูแคริโอตบางชนิดได้ แต่ในกรณีของสเตรปโตมัยซิยกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฤทธิ์ในการต้านเชื้อราของยานี้ ซึ่งพบว่ามีผลต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราน้อยมาก
การเพาะเลี้ยงเซลล์
ในการการเพาะเลี้ยงเซลล์นั้น จะมีการนำสเตรปโตมัยซินร่วมกับเพนิซิลลินมาใช้เป็นสารละลายยาปฏิชีวนะมาตรฐานเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียของเซลล์ที่ถูกเพาะเลี้ยง
การแยกโปรตีนให้บริสุทธิ์
เมื่อมีการสกัดแยกโปรตีนออกจากสารสกัดชีวภาพ อาจมีการเติมสเตรปโตมัยซินลงไปในสารละลายเพื่อกำจัดกรดนิวคลีอิกออกไป โดยสเตรปโตไมซินจะเข้าจับกับไรโบโซมและเกิดออกจากสารละลาย โดยวิธีการนี้ถูกนำมาใช้ในการกำจัดอาร์อาร์เอ็นเอ, เอ็มอาร์เอ็นเอ, หรือแม้กระทั่งดีเอ็นเอ ออกจากเซลล์โพรแคริโอต
ขอบเขตการออกฤทธิ์
สเตรปโตมัยซินถูกนำมาใช้ทางคลินิกเพื่อรักษาวัณโรค โดยใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดอื่นๆ รวมไปถึงการใช้รักษาโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบติดเชื้อที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ยังตอบสนองต่อยานี้ โดยค่าความเข้มข้นของสเตรปโตมัยซินต่ำสุดที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบางสายพันธุ์ ดังแสดงต่อไปนี้:
- Mycobacterium tuberculosis: 1 μg/ml - 2 μg/ml
- Staphylococcus aureus: 4 μg/ml
อาการไม่พึงประสงค์
อาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับสเตรปโตมัยซินที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิดนั้นมีความคล้ายคลึงกับที่พบในยากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ชนิดอื่นๆ ได้แก่ การเกิดพิษต่อไต และความเป็นพิษต่อหู ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวรได้ นอกจากนี้ การที่ยาส่งผลกระทบต่อระบบประสาท อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการทรงตัว จากความผิดปกติของการทำงานของระบบเวสติบูลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดพยาธิสภาพที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 (vestibulocochlear nerve) ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการได้ยินเสียงผิดปกติในหู, อาการรู้สึกหมุน, และอาการเซ หรือภาวะกล้ามเนื้อเสียสหการ นอกจากนี้การเป็นพิษต่อไตของยานี้อาจส่งผลรบกวนการวินิจฉัยโรคไตวายได้ ส่วนอาการไม่พึงประสงค์อื่นที่พบได้ทั่วไป แต่ไม่มีความรุนแรงมาก ได้แก่ อาการรู้สึกหมุน, อาเจียน, ชาบริเวณใบหน้า, ไข้, และผื่น ทั้งนี้การเกิดไข้และผื่นจากยาอาจเกิดจากการได้รับยาบ่อยเกินไป
ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากยาอาจก่อให้เกิดพิษแก่ตัวอ่อนได้ แต่ในหญิงให้นมบุตรนั้น สามารถใช้ยานี้ได้ เนื่องจากสเตรปโตมัยซินสามารถถูกขับออกทางน้ำนมได้น้อยมาก นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้ายเป็นโรคร่วมไม่ควรได้รับการรักษาด้วยสเตรปโตมัยซิน เนื่องจากจะทำให้อาการทางกล้ามเนื้อของผู้ป่วยแย่ลงได้
กลไกการออกฤทธิ์
สเตรปโตมัยซินเป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของเซลล์แบคทีเรีย โดยยานี้จะเข้าจับกับของไรโบโซมแบคทีเรีย ซึ่งจะส่งผลรบกวนการเข้าจับกันระหว่าง กับดังกล่าว ทำให้การอ่านข้อมูลจากโคดอนผิดพลาด จนนำไปสู่การยับยั้งการสร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการเพิ่มจำนวนของเซลล์ ส่งผลให้เซลล์แบคทีเรียนั้นๆตายไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม กลไกการออกฤทธิ์โดยละเอียดของสเตรปโตมัยซินนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่ายานี้จะป้องกันการจับตัวกันเป็น ของและ และทำให้จากเอ็มอาร์เอ็นเอนั้นเกิดการผิดพลาด จนทำให้โปรตีนที่สร้างขึ้นมาเกิด (frameshift mutation) และเป็นโปรตีนที่ไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้เซลล์นั้นๆตายไป โดยไรโบโซมในเซลล์ของมนุษย์นั้นมีโครงสร้างที่แตกต่างไปจากไรโบโซมที่พบในแบคทีเรีย ทำให้สเตรปโตมัยซินไม่มีผลต่อเซลล์มนุษย์ หากใช้ยาในขนาดและระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ณ ความเข้นข้นต่ำๆ สเตรปโตมัยซินจะออกฤทธิ์เพียงแค่ยับยั้งการจเริญเติบโตของแบคทีเรียเท่านั้น โดยเหนี่ยวนำให้ไรโบโซมจากเอ็มอาร์เอ็นเอผิดพลาด สเตรปโตมัยซินเป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ จึงจัดได้ว่ายานี้เป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้างอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์อย่างมากในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ
ประวัติการค้นพบ
สเตรปโตมัยซินถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1943 ในห้องปฏิบัติการของ โดยอัลเบิร์ต ชาตซ์ (Albert Schatz) นักศึกษาปริญญาเอกชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นศิษย์ของเซลมัน แวกส์มัน ในโครงการวิจัยที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากบริษัทเมอร์ค ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ แวกส์มันและเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการของเขาได้ค้นพบยาปฏิชีวนะหลายนิด ได้แก่ , , สเตรปโตธริซิน, กริซีอิน, ฟราดิซิน, นีโอมัยซิน, , และแคนดิดิน ในจำนวนนี้มีเพียงสเตรปโตมัยซินและนีโอมัยซินเท่านั้นที่พบว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด โดยสเตรปโตมัยซินถือเป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรกที่สามารถใช้รักษาวัณโรคให้หายขาดได้ และทำให้แวกส์มันได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ในปี ค.ศ. 1952 ในฐานะที่เป็นผู้ค้นพบสเตรปโตมัยซิน ซึ่งถือเป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรกที่ใช้ในการรักษาวัณโรคระยะแสดงอาการ ต่อมาแวกส์มันได้รับการกล่าวโทษจาก อัลเบิร์ต ชาตซ์ ซึ่งเป็นนักศึกษาที่ทำโครงการดังกล่าวภายใต้การควบคุมดูแลของเขา ว่าตนควรมีส่วนร่วมกับสิ่งที่แวกส์มันได้จากการค้นพบสเตรปโตมัยซินในครั้งนี้
ในช่วงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพบกสหรัฐได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการใช้สเตรปโตมัยซินในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรงจนเสี่ยงอันตรายแก่ชีวิตในโรงพยาบาลทหารที่, รัฐมิชิแกน ผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการรักษาด้วยสเตรปโตมัยซินนั้นได้เสียชีวิตลง ส่วนผู้ป่วยรายที่สองรอดชีวิตแต่ตาบอดจากอาการไม่พึงประสงค์ของสเตรปโตมัยซิน ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1946 ผู้ป่วยรายที่ 3 —โรเบิร์ต เจ. โดล ซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองคาสเติลดายาโน หลังจากล้มเหลวจากการรักษาภาวะติดเชื้อด้วยเพนิซิลลิน เขาได้รับการรักษาต่อด้วยสเตรปโตมัยซิน และสามารถหายเป็นปกติได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งต่อมาเขาได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาสหรัฐ และเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี ค.ศ. 1996
จากนั้นได้มีการทำการศึกษาแบบสุ่มแรกของสเตรปโตมัยซินซึ่งใช้ในการรักษาวัณโรคปอด ซึ่งดำเนินการศึกษาในช่วง ค.ศ. 1946 ถึง 1948 โดย (Medical Research Council) ของสหราชอาณาจักร ภายใต้การควบคุมของ Geoffrey Marshall (1887–1982) โดยการศึกษานี้เป็นแบบการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมและมีการปกปิดทั้งสองด้าน โดยผลการศึกษาพบว่า สเตรปโตมัยซินมีประสิทธิภาพในการต้านวัณโรค แม้ว่าจะมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นแต่ก็มีเพียงเล็กน้อย และพบปัญหาการดื้อต่อสเตรปโตมัยซินบ้างในสัดส่วนที่น้อย
เนื่องจากสเตรปโตมัยซินนั้นแยกได้จากเชื้อจุลินทรีย์ในตัวอย่างดินที่ได้มาจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทำให้ S. griseus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มาของสเตรปโตมัยซิน ได้รับการเสนอให้เป็นเชื้อจุลินทรีย์สัญลักษณ์ของรัฐนิวเจอร์ซีย์อย่างเป็นทางการ โดยร่างกฎหมายนี้ได้รับการส่งเข้าวาระการประชุมโดยวุฒิสภา แซม ธอมพ์สัน (Senator Sam Thompson) (R-12) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2017 ในวาระการประชุมที่ S3190 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แอนเนตต์ ควิจาโน (Annette Quijano) (D-20) ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017 ในวาระการประชุมที่ A31900.
อ้างอิง
- Zhu M, Burman WJ, Jaresko GS, Berning SE, Jelliffe RW, Peloquin CA (October 2001). . 21 (9): 1037–1045. doi:10.1592/phco.21.13.1037.34625. PMID 11560193. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-05. สืบค้นเมื่อ 2010-05-25.
{{}}
: CS1 maint: uses authors parameter () - "Streptomycin Sulfate". The American Society of Health-System Pharmacists. จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 December 2016. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- WHO Model Formulary 2008 (PDF). World Health Organization. 2009. pp. 136, 144, 609. ISBN . (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2016. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- Torok, Estee; Moran, Ed; Cooke, Fiona (2009). Oxford Handbook of Infectious Diseases and Microbiology (ภาษาอังกฤษ). OUP Oxford. p. Chapter 2. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
- Renneberg, Reinhard; Demain, Arnold L. (2008). Biotechnology for Beginners (ภาษาอังกฤษ). Elsevier. p. 103. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-10.
- "WHO Model List of Essential Medicines (19th List)" (PDF). World Health Organization. April 2015. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2016. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- "Streptomycin Sulfate". International Drug Price Indicator Guide. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.[]
- Hamilton, Richart (2015). Tarascon Pocket Pharmacopoeia 2015 Deluxe Lab-Coat Edition. Jones & Bartlett Learning. p. 36. ISBN .
- Qian, H., Li, J., Pan, X., Sun, Z., Ye, C., Jin, G., & Fu, Z. (2012). "Effects of streptomycin on growth of algae Chlorella vulgaris and Microcystis aeruginosa". Environmental Toxicology. 27 (4): 229–237.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Reilly, H. C., Schatz, A., & Waksman, S. A. (1945). "Antifungal properties of antibiotic substances". Journal of Bacteriology,. 49 (6): 585–594. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-10.
{{}}
: CS1 maint: extra punctuation () CS1 maint: multiple names: authors list () - "Archived copy". จากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-03. สืบค้นเมื่อ 2014-03-03.
{{}}
: CS1 maint: archived copy as title () - http://www.toku-e.com/Assets/MIC/Streptomycin%20sulfate.pdf
- "Archived copy". จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-06. สืบค้นเมื่อ 2017-01-05.
{{}}
: CS1 maint: archived copy as title () - Syal K, Srinivasan A, Banerjee D (2013). "Streptomycin interference in Jaffe reaction — Possible false positive creatinine estimation in excessive dose exposure". Clinical Biochemistry. 46: 177–179.
{{}}
: CS1 maint: uses authors parameter () - Sharma D, Cukras AR, Rogers EJ, Southworth DR, Green R (7 December 2007). "Mutational analysis of S12 protein and implications for the accuracy of decoding by the ribosome". Journal of Molecular Biology. 374 (4): 1065–76. doi:10.1016/j.jmb.2007.10.003. PMC 2200631. PMID 17967466.
{{}}
: CS1 maint: uses authors parameter () - Raymon, Lionel P. (2011). COMLEX Level 1 Pharmacology Lecture Notes. Miami, FL: Kaplan, Inc. p. 181. CM4024K.
- Voet, Donald & Voet, Judith G. (2004). Biochemistry (3rd ed.). John Wiley & Sons. p. 1341. ISBN .
- Jan-Thorsten Schantz; Kee-Woei Ng (2004). A manual for primary human cell culture. World Scientific. p. 89.
- Comroe JH Jr (1978). "Pay dirt: the story of streptomycin. Part I: from Waksman to Waksman". . 117 (4): 773–781. PMID 417651.
- Kingston W (July 2004). "Streptomycin, Schatz v. Waksman, and the balance of credit for discovery". J Hist Med Allied Sci. 59 (3): 441–62. doi:10.1093/jhmas/jrh091. PMID 15270337.
- Official list of Nobel Prize Laureates in Medicine 2017-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Wainwright, M. (1990). Miracle Cure: The Story of Penicillin and the Golden Age of Antibiotics. Blackwell. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-10. สืบค้นเมื่อ 2014-12-29.
- Wainwright, M. (1991). "Streptomycin: discovery and resultant controversy". Journal of the History and Philosophy of the Life Sciences. 13: 97–124.
- Kingston, William (2004-07-01). "Streptomycin, Schatz v. Waksman, and the balance of credit for discovery". Journal of the History of Medicine and Allied Sciences. 59 (3): 441–462. doi:10.1093/jhmas/jrh091. ISSN 0022-5045. PMID 15270337.
- Pringle, Peter (2012). Experiment Eleven: Dark Secrets Behind the Discovery of a Wonder Drug. New York: Walker & Company. ISBN .
- ""Losing the War" by Lee Sandlin". Leesandlin.com. สืบค้นเมื่อ 2010-06-17.
- Dole, B. One Soldier's Story, pp. 202–04.
- Cramer, Richard Ben, What It Takes (New York, 1992), pp. 110-11.
- Metcalfe NH (February 2011). "Sir Geoffrey Marshall (1887-1982) : respiratory physician, catalyst for anaesthesia development, doctor to both Prime Minister and King, and World War I Barge Commander". J Med Biogr. 19 (1): 10–4. doi:10.1258/jmb.2010.010019. PMID 21350072.
- D'Arcy Hart P (August 1999). "A change in scientific approach: from alternation to randomised allocation in clinical trials in the 1940s". British Medical Journal. 319 (7209): 572–3. doi:10.1136/bmj.319.7209.572. PMC 1116443. PMID 10463905.
- "New Jersey S3190 | 2016-2017 | Regular Session". LegiScan (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-11-29.
- "New Jersey A4900 | 2016-2017 | Regular Session". LegiScan (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-11-29.
แหล่งข้อมูลอื่น
- "Notebooks Shed Light on an Antibiotic's Contested Discovery," New York Times, June 12, 2012, by Peter Pringle
- Streptomycin bound to proteins ใน
- Kingston, William (2004). "Streptomycin, Schatz v. Waksman, and the Balance of Credit for Discovery". Journal of the History of Medicine and Allied Sciences. 59 (3): 441–462. doi:10.1093/jhmas/jrh091. PMID 15270337.
- Mistiaen, Veronique (2 November 2002). "Time, and the great healer". The Guardian.. The history behind the discovery of streptomycin.
- EPA R.E.D. Facts sheet on use of streptomycin as a pesticide.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
setrpotmysin xngkvs Streptomycin epnyaptichiwnachnidhnunginklumxamioniklokhisd sungmikhxbngichsahrbrksaorkhthiekidcakkartidechuxaebkhthieriyhlaychnid rwmthung wnorkh kartidechux eyuxbuhwicxkesb kalorkh ikhkratay aela krniwnorkhrayaaesdngxakarnnmkcaichsetrpotmysinrwmkb iraefmphisin aela yanisamarthbriharyaidodykarchidekhahlxdeluxddaaelakarchidekhaklamenuxsetrpotmysinkhxmulthangkhlinik omonkrafradbkhwamesiyngtxtharkinkhrrphUS D mikhwamesiyng kthmaysthanatamkthmayUK Prescription only US khxmulephschclnsastrchiwprasiththiphl84 thung 88 inkrnichidekhaklamenux praman 0 odykarrbprathankhrungchiwitthangchiwphaph5 thung 6 chwomngkarkhbxxkittwbngchichuxtamrabb IUPAC 5 2 4 diguanidino 3 5 6 trihydroxy cyclohexoxy 4 4 5 dihydroxy 6 hydroxymethyl 3 methylamino tetrahydropyran 2 yl oxy 3 hydroxy 2 methyl tetrahydrofuran 3 carbaldehydeelkhthaebiyn CAS57 92 1 YPubChem CID19649DrugBankDB01082 YChemSpider18508 YY45QSO73OBD08531 YCHEBI 17076 YCHEMBL1201194 N07346SRY PDBe RCSB PDB 100 000 323khxmulthangkayphaphaelaekhmisutrC 21H 39N 7O 12581 574 g mol g mol 1aebbcalxng 3D Interactive imagecudhlxmehlw12 xngsaeslesiys 54 xngsafaerniht C C H 1 C C H C H O1 O C H 2 C H C H C H C H C H 2O O N C N N O N C N N O C H 3 C H C H C H C H O3 CO O O NC C O OInChI 1S C21H39N7O12 c1 5 21 36 4 30 16 40 17 9 26 2 13 34 10 31 6 3 29 38 17 18 37 5 39 15 8 28 20 24 25 11 32 7 27 19 22 23 12 33 14 15 35 h4 18 26 29 31 36H 3H2 1 2H3 H4 22 23 27 H4 24 25 28 t5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 21 m0 s1 YKey UCSJYZPVAKXKNQ HZYVHMACSA N Y 7 Y verify saranukrmephschkrrm setrpotmysincdepnyainklumxamioniklokhisd sungxxkvththithihnwyyxy 30 exskhxngirobosmaebkhthieriy thaihaebkhthieriynnimsamarthsrangoprtinthicaepntxkardarngchiwitaelaephimcanwnid sngphlihaebkhthieriyesllnntayipinthisudxakarimphungprasngkhthiphbidbxycakkaridrbkarrksadwysetrpotmysin idaek xakarrusukhmun xaeciyn xakarchabriewnphiw ikh aelamiphunkhn karichyaniinhyingtngkhrrphxacthaihtharkhuhnwkaetkaenidid aetkarichyaniinhyingthikalngihnmbutrnnphbwakhxnkhangmikhwamplxdphy thngni imaenanaihichsetrpotmysininphupwythimiorkhklamenuxxxnaerngchnidray enuxngcakxacthaihxakarkhxngorkhaeylngid setrpotmysinthukkhnphbin kh s 1943 cakechuxaebkhthieriy odyyaniidthukcdepnhnungin World Health Organization s List of Essential Medicines sungepnraykaryathimiprasiththiphaphaelakhwamplxdphysung aelamikhwamsakhyepnladbaerkkhxngrabbsukhphaphphunthankhxngprachachninpraethstang rakhasahrbkarkhaysngkhxngsetrpotmysininpraethskalngphthnamimulkharahwang 0 38 4 39 dxllarshrth txkhnadyathitxngichinhnungwn swninshrthxemrikann echphaakhaichcaykhxngyasetrpotmysininkarrksahnungrxbnnmimulkhamakkwa 200 dxllarshrthkarichpraoychnkarichpraoychnthangkaraephthy eyuxbuhwicxkesbtidechux thimisaehtumacakechuxaebkhthieriy inkrnithiimtxbsnxngtxkarrksadwyecntamysin wnorkh odyichrwmkbyaptichiwnachnidxun inkrniwnorkhrayaaesdngxakar mkichsetrpotmysinrwmkb iraefmphisin aela xyangirktam setrpotmysinimidcdepnkarrksathangeluxkaerkinkhxbngichni odycasngwniwinkrniwnorkhduxtxyaptichiwnathangeluxkaerk enuxngcakmikhaichcaydanyainkarrksakhxnkhangsung kalorkh kartidechuxaebkhthieriy ekhymikarichsetrpotmysinepnthangeluxkaerksahrbkhxbngichni xyangirktam inpccubnmiechphaaxngkhkarxaharaelayakhxngshrthxemrikaethannthiihrbrbrxngihmikarichsetrpotmysinsahrbkhxbngichkhangtn inkarpsustw setrpotmysinthuxwaepnyaptichiwnathangeluxkaerkinkarrksaorkhtidechuxaebkhthieriyaekrmlbinstwkhnadihy echn ma ww aeka aelaxun odymkichrwmkb odykarchidekhaklamenux kartidechuxikhkratay odyswnihymkidrbkarrksadwysetrpotmysin odyswnihyaelw karbriharyasetrpotmysinnncaniymichwithikarchidekhaklamenux enuxngcakhlaypraethsmikarcdthaebiynephiyngrupaebbephschphnthpraephthniethann aetinbangphunthinnxacphbehnkarichyadngklawinrupaebbkarchidekhahlxdeluxddaidbangprapray sarkacdstruphuchaelastw setrpotmysinepnyaptichiwnaxikchnidhnungthithuknamaichinkarekstrephuxepnsarkacdstruphuchaelastw thngni ephuxkhaechuxaebkhthieriythiepnxntrayinwtthudibehlannkxnnamaichephuxkarbriophkhinmnusy odymikarichsetrpotmysininkarkhwbkhumorkhthixacekidkhunkbphlim phk aelaimpradb aetthiphbehnkarichidbxythisudkhux karichsetrpotmysinephuxkhwbkhumorkhihmifintnaexpepilaelaimphl echn sali xyangirktam sahrbinthangkaraephthyaelw karichyaptichiwnainkrnidngklawthimakekincaepnmikhwamsmphnthkbkarekidkarduxtxyaptichiwnakhxngaebkhthieriyhlaysayphnthuid nxkcakniyngmikarnasetrpotmysinmaichinkarkhwbkhumkarecriyetibotkhxngsahraysiekhiywaekmnaengininsrathiplukimpradbaelaphiphithphnthstwna xyangirktam enuxngcakepnthithrabkndiwayaptichiwnabangkhnansamarthxxkvththiybyngkarecriyetibothruxkhaesllyuaekhrioxtbangchnidid aetinkrnikhxngsetrpotmysiyklbimidepnechnnn odyechphaaxyangyingvththiinkartanechuxrakhxngyani sungphbwamiphltxkarecriyetibotkhxngechuxranxymak karephaaeliyngesll inkarkarephaaeliyngesllnn camikarnasetrpotmysinrwmkbephnisillinmaichepnsarlalayyaptichiwnamatrthanephuxpxngknkartidechuxaebkhthieriykhxngesllthithukephaaeliyng karaeykoprtinihbrisuththi emuxmikarskdaeykoprtinxxkcaksarskdchiwphaph xacmikaretimsetrpotmysinlngipinsarlalayephuxkacdkrdniwkhlixikxxkip odysetrpotimsincaekhacbkbirobosmaelaekidxxkcaksarlalay odywithikarnithuknamaichinkarkacdxarxarexnex exmxarexnex hruxaemkrathngdiexnex xxkcakesllophraekhrioxtkhxbekhtkarxxkvththisetrpotmysinthuknamaichthangkhlinikephuxrksawnorkh odyichrwmkbyaptichiwnachnidxun rwmipthungkarichrksaorkheyuxbuhwicxkesbtidechuxthiekidcakkartidechuxaebkhthieriythiyngtxbsnxngtxyani odykhakhwamekhmkhnkhxngsetrpotmysintasudthisamarthybyngkarecriyetibotkhxngechuxaebkhthieriybangsayphnthu dngaesdngtxipni Mycobacterium tuberculosis 1 mg ml 2 mg ml Staphylococcus aureus 4 mg mlxakarimphungprasngkhxakarimphungprasngkhcakkaridrbsetrpotmysinthitxngefarawngaelatidtamxyangiklchidnnmikhwamkhlaykhlungkbthiphbinyaklumxamioniklokhisdchnidxun idaek karekidphistxit aelakhwamepnphistxhu sungxacthaihekidkarsuyesiykaridyinchwkhrawhruxthawrid nxkcakni karthiyasngphlkrathbtxrabbprasath xacthaihphupwysuyesiykarthrngtw cakkhwamphidpktikhxngkarthangankhxngrabbewstibular sungepnphlmacakkarekidphyathisphaphthiesnprasathsmxngkhuthi 8 vestibulocochlear nerve sungphupwycamixakaridyinesiyngphidpktiinhu xakarrusukhmun aelaxakares hruxphawaklamenuxesiyshkar nxkcaknikarepnphistxitkhxngyanixacsngphlrbkwnkarwinicchyorkhitwayid swnxakarimphungprasngkhxunthiphbidthwip aetimmikhwamrunaerngmak idaek xakarrusukhmun xaeciyn chabriewnibhna ikh aelaphun thngnikarekidikhaelaphuncakyaxacekidcakkaridrbyabxyekinip thngni imaenanaihichyaniinhyingtngkhrrph enuxngcakyaxackxihekidphisaektwxxnid aetinhyingihnmbutrnn samarthichyaniid enuxngcaksetrpotmysinsamarththukkhbxxkthangnanmidnxymak nxkcakni phupwythimiorkhklamenuxxxnaerngchnidrayepnorkhrwmimkhwridrbkarrksadwysetrpotmysin enuxngcakcathaihxakarthangklamenuxkhxngphupwyaeylngidklikkarxxkvththisetrpotmysinepnyaptichiwnathixxkvththiybyngkarsngekhraahoprtinkhxngesllaebkhthieriy odyyanicaekhacbkbkhxngirobosmaebkhthieriy sungcasngphlrbkwnkarekhacbknrahwang kbdngklaw thaihkarxankhxmulcakokhdxnphidphlad cnnaipsukarybyngkarsrangoprtinthicaepntxkardarngchiwitaelakarephimcanwnkhxngesll sngphlihesllaebkhthieriynntayipinthisud xyangirktam klikkarxxkvththiodylaexiydkhxngsetrpotmysinnnyngimepnthithrabaenchd aetkhadwayanicapxngknkarcbtwknepn khxngaela aelathaihcakexmxarexnexnnekidkarphidphlad cnthaihoprtinthisrangkhunmaekid frameshift mutation aelaepnoprtinthiimsamarththanganid sngphlihesllnntayip odyirobosminesllkhxngmnusynnmiokhrngsrangthiaetktangipcakirobosmthiphbinaebkhthieriy thaihsetrpotmysinimmiphltxesllmnusy hakichyainkhnadaelarayaewlathiehmaasm thngni n khwamekhnkhnta setrpotmysincaxxkvththiephiyngaekhybyngkarceriyetibotkhxngaebkhthieriyethann odyehniywnaihirobosmcakexmxarexnexphidphlad setrpotmysinepnyaptichiwnathixxkvththikhrxbkhlumthngechuxaebkhthieriyaekrmbwkaelaaekrmlb cungcdidwayaniepnyaptichiwnathixxkvththikwangxikchnidhnungthimipraoychnxyangmakinkarrksaorkhtidechuxaebkhthieriychnidtangprawtikarkhnphbsetrpotmysinthukkhnphbkhrngaerkemuxwnthi 19 tulakhm kh s 1943 inhxngptibtikarkhxng odyxlebirt chats Albert Schatz nksuksapriyyaexkchawxemrikn sungepnsisykhxngeslmn aewksmn inokhrngkarwicythiidrbngbpramansnbsnuncakbristhemxrkh inkarsuksawicykhrngni aewksmnaelaecahnathipracahxngptibtikarkhxngekhaidkhnphbyaptichiwnahlaynid idaek setrpotthrisin krisixin fradisin nioxmysin aelaaekhndidin incanwnnimiephiyngsetrpotmysinaelanioxmysinethannthiphbwamiprasiththiphaphinkarrksaorkhthiekidcakkartidechuxaebkhthieriyidhlaychnid odysetrpotmysinthuxepnyaptichiwnachnidaerkthisamarthichrksawnorkhihhaykhadid aelathaihaewksmnidrbrangwloneblsakhasrirwithyahruxkaraephthy inpi kh s 1952 inthanathiepnphukhnphbsetrpotmysin sungthuxepnyaptichiwnachnidaerkthiichinkarrksawnorkhrayaaesdngxakar txmaaewksmnidrbkarklawothscak xlebirt chats sungepnnksuksathithaokhrngkardngklawphayitkarkhwbkhumduaelkhxngekha watnkhwrmiswnrwmkbsingthiaewksmnidcakkarkhnphbsetrpotmysininkhrngni inchwnghlngsinsudsngkhramolkkhrngthi 2 kxngthphbkshrthidthakarthdlxngekiywkbkarichsetrpotmysininkarrksaorkhtidechuxaebkhthieriythirunaerngcnesiyngxntrayaekchiwitinorngphyabalthharthi rthmichiaekn phupwyrayaerkthiidrbkarrksadwysetrpotmysinnnidesiychiwitlng swnphupwyraythisxngrxdchiwitaettabxdcakxakarimphungprasngkhkhxngsetrpotmysin ineduxnminakhm kh s 1946 phupwyraythi 3 orebirt ec odl sungidrbbadecbxyangsahscakkarsurbinsngkhramolkkhrngthi 2 thiemuxngkhasetildayaon hlngcaklmehlwcakkarrksaphawatidechuxdwyephnisillin ekhaidrbkarrksatxdwysetrpotmysin aelasamarthhayepnpktiidphayinrayaewlaxnrwderw sungtxmaekhaidepnphudarngtaaehnngprathanwuthisphashrth aelaepnhnunginphuthachingtaaehnngprathanathibdishrthpi kh s 1996 caknnidmikarthakarsuksaaebbsumaerkkhxngsetrpotmysinsungichinkarrksawnorkhpxd sungdaeninkarsuksainchwng kh s 1946 thung 1948 ody Medical Research Council khxngshrachxanackr phayitkarkhwbkhumkhxng Geoffrey Marshall 1887 1982 odykarsuksaniepnaebbkarthdlxngaebbsumaelamiklumkhwbkhumaelamikarpkpidthngsxngdan odyphlkarsuksaphbwa setrpotmysinmiprasiththiphaphinkartanwnorkh aemwacamixakarimphungprasngkhekidkhunaetkmiephiyngelknxy aelaphbpyhakarduxtxsetrpotmysinbanginsdswnthinxy enuxngcaksetrpotmysinnnaeykidcakechuxculinthriyintwxyangdinthiidmacakrthniwecxrsiy thaih S griseus sungepnaebkhthieriythimakhxngsetrpotmysin idrbkaresnxihepnechuxculinthriysylksnkhxngrthniwecxrsiyxyangepnthangkar odyrangkdhmayniidrbkarsngekhawarakarprachumodywuthispha aesm thxmphsn Senator Sam Thompson R 12 ineduxnphvsphakhm kh s 2017 inwarakarprachumthi S3190 aelasmachiksphaphuaethnrasdr aexnentt khwicaon Annette Quijano D 20 ineduxnmithunayn kh s 2017 inwarakarprachumthi A31900 xangxingZhu M Burman WJ Jaresko GS Berning SE Jelliffe RW Peloquin CA October 2001 21 9 1037 1045 doi 10 1592 phco 21 13 1037 34625 PMID 11560193 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 10 05 subkhnemux 2010 05 25 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Streptomycin Sulfate The American Society of Health System Pharmacists cakaehlngedimemux 20 December 2016 subkhnemux 8 December 2016 WHO Model Formulary 2008 PDF World Health Organization 2009 pp 136 144 609 ISBN 9789241547659 PDF cakaehlngedimemux 13 December 2016 subkhnemux 8 December 2016 Torok Estee Moran Ed Cooke Fiona 2009 Oxford Handbook of Infectious Diseases and Microbiology phasaxngkvs OUP Oxford p Chapter 2 ISBN 9780191039621 cakaehlngedimemux 2017 09 08 Renneberg Reinhard Demain Arnold L 2008 Biotechnology for Beginners phasaxngkvs Elsevier p 103 ISBN 9780123735812 cakaehlngedimemux 2017 09 10 WHO Model List of Essential Medicines 19th List PDF World Health Organization April 2015 PDF cakaehlngedimemux 13 December 2016 subkhnemux 8 December 2016 Streptomycin Sulfate International Drug Price Indicator Guide subkhnemux 8 December 2016 lingkesiy Hamilton Richart 2015 Tarascon Pocket Pharmacopoeia 2015 Deluxe Lab Coat Edition Jones amp Bartlett Learning p 36 ISBN 9781284057560 Qian H Li J Pan X Sun Z Ye C Jin G amp Fu Z 2012 Effects of streptomycin on growth of algae Chlorella vulgaris and Microcystis aeruginosa Environmental Toxicology 27 4 229 237 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Reilly H C Schatz A amp Waksman S A 1945 Antifungal properties of antibiotic substances Journal of Bacteriology 49 6 585 594 cakaehlngedimemux 2017 09 10 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint extra punctuation CS1 maint multiple names authors list lingk Archived copy cakaehlngedimemux 2014 03 03 subkhnemux 2014 03 03 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint archived copy as title lingk http www toku e com Assets MIC Streptomycin 20sulfate pdf Archived copy cakaehlngedimemux 2017 01 06 subkhnemux 2017 01 05 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint archived copy as title lingk Syal K Srinivasan A Banerjee D 2013 Streptomycin interference in Jaffe reaction Possible false positive creatinine estimation in excessive dose exposure Clinical Biochemistry 46 177 179 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Sharma D Cukras AR Rogers EJ Southworth DR Green R 7 December 2007 Mutational analysis of S12 protein and implications for the accuracy of decoding by the ribosome Journal of Molecular Biology 374 4 1065 76 doi 10 1016 j jmb 2007 10 003 PMC 2200631 PMID 17967466 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint uses authors parameter Raymon Lionel P 2011 COMLEX Level 1 Pharmacology Lecture Notes Miami FL Kaplan Inc p 181 CM4024K Voet Donald amp Voet Judith G 2004 Biochemistry 3rd ed John Wiley amp Sons p 1341 ISBN 0 471 19350 X Jan Thorsten Schantz Kee Woei Ng 2004 A manual for primary human cell culture World Scientific p 89 Comroe JH Jr 1978 Pay dirt the story of streptomycin Part I from Waksman to Waksman 117 4 773 781 PMID 417651 Kingston W July 2004 Streptomycin Schatz v Waksman and the balance of credit for discovery J Hist Med Allied Sci 59 3 441 62 doi 10 1093 jhmas jrh091 PMID 15270337 Official list of Nobel Prize Laureates in Medicine 2017 06 09 thi ewyaebkaemchchin Wainwright M 1990 Miracle Cure The Story of Penicillin and the Golden Age of Antibiotics Blackwell ISBN 9780631164920 cakaehlngedimemux 2017 09 10 subkhnemux 2014 12 29 Wainwright M 1991 Streptomycin discovery and resultant controversy Journal of the History and Philosophy of the Life Sciences 13 97 124 Kingston William 2004 07 01 Streptomycin Schatz v Waksman and the balance of credit for discovery Journal of the History of Medicine and Allied Sciences 59 3 441 462 doi 10 1093 jhmas jrh091 ISSN 0022 5045 PMID 15270337 Pringle Peter 2012 Experiment Eleven Dark Secrets Behind the Discovery of a Wonder Drug New York Walker amp Company ISBN 978 1620401989 Losing the War by Lee Sandlin Leesandlin com subkhnemux 2010 06 17 Dole B One Soldier s Story pp 202 04 Cramer Richard Ben What It Takes New York 1992 pp 110 11 Metcalfe NH February 2011 Sir Geoffrey Marshall 1887 1982 respiratory physician catalyst for anaesthesia development doctor to both Prime Minister and King and World War I Barge Commander J Med Biogr 19 1 10 4 doi 10 1258 jmb 2010 010019 PMID 21350072 D Arcy Hart P August 1999 A change in scientific approach from alternation to randomised allocation in clinical trials in the 1940s British Medical Journal 319 7209 572 3 doi 10 1136 bmj 319 7209 572 PMC 1116443 PMID 10463905 New Jersey S3190 2016 2017 Regular Session LegiScan phasaxngkvs subkhnemux 2017 11 29 New Jersey A4900 2016 2017 Regular Session LegiScan phasaxngkvs subkhnemux 2017 11 29 aehlngkhxmulxun Notebooks Shed Light on an Antibiotic s Contested Discovery New York Times June 12 2012 by Peter Pringle Streptomycin bound to proteins in Kingston William 2004 Streptomycin Schatz v Waksman and the Balance of Credit for Discovery Journal of the History of Medicine and Allied Sciences 59 3 441 462 doi 10 1093 jhmas jrh091 PMID 15270337 Mistiaen Veronique 2 November 2002 Time and the great healer The Guardian The history behind the discovery of streptomycin EPA R E D Facts sheet on use of streptomycin as a pesticide