มหาวิหารแซ็ง-เดอนี (ฝรั่งเศส: Basilique Saint-Denis) เดิมเป็นแอบบีย์ชื่อ อารามแซ็ง-เดอนี ที่ตั้งอยู่ที่แซ็ง-เดอนีที่ปัจจุบันอยู่ทางเหนือของปารีส ต่อมาถูกยกสถานะขึ้นเป็นอาสนวิหารประจำในปี ค.ศ. 1966 มหาวิหารแซ็ง-เดอนีมีความสำคัญทั้งทางสถาปัตยกรรมและทางประวัติศาสตร์ต่อประเทศฝรั่งเศส
มหาวิหารแซ็ง-เดอนี | |
---|---|
Basilique Saint-Denis (ฝรั่งเศส) | |
มหาวิหารแซ็ง-เดอนีฝั่งตะวันตก | |
48°56′08″N 2°21′35″E / 48.93556°N 2.35972°E | |
ที่ตั้ง | แซ็ง-เดอนี ประเทศฝรั่งเศส |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบสถาปัตย์ | กอทิก |
การปกครอง | |
มุขมณฑล | |
นักบวช | |
มุขนายก |
มหาวิหารแซ็ง-เดอนีก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดย บนที่ตั้งของที่ฝังศพของนักบุญเดนิสผู้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ประเทศฝรั่งเศสองค์หนึ่งในสามองค์ มหาวิหารกลายเป็นสถานที่สำหรับการแสวงบุญและใช้เป็นที่บรรจุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสเกือบทุกพระองค์ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 10 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และบางพระองค์จากก่อนหน้านั้น (แต่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพระราชพิธีราชาภิเษกที่ทำกันที่มหาวิหารแร็งส์ แต่พระราชพิธีราชาภิเษกพระราชินีมักทำกันที่นี่) มหาวิหารจึงกลายเป็นสิ่งก่อสร้างกลุ่มที่ซับซ้อน ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 อธิการซูว์เฌสร้างบางส่วนของมหาวิหารใหม่โดยใช้วิธีการก่อสร้างที่ล้ำสมัยสำหรับยุคนั้น และใช้การตกแต่งที่นำมาจากสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ การก่อสร้างครั้งนี้ถือกันว่าเป็นก่อสร้างสิ่งก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมกอทิกที่แท้จริงเป็นครั้งแรก นอกจากนั้นมหาวิหารก็ยังเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแรยอน็อง และกลายมาเป็นแบบการก่อสร้างของมหาวิหารและแอบบีย์อื่น ๆ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส อังกฤษ และประเทศอื่น ๆ ต่อมา
เบื้องหลัง
นักบุญเดนิสเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์องค์หนึ่งของประเทศฝรั่งเศสและตามตำนานแล้วก็เป็นบิชอปแห่งปารีสองค์แรกด้วย ก่อนหน้าที่สร้างเป็นมหาวิหารก็มีโบสถ์เล็ก ๆ สร้างเป็นอนุสรณ์ถึงท่าน ต่อมา พระมหากษัตริย์ชาวแฟรงก์ผู้ทรงปกครองระหว่าง ค.ศ. 628 ถึง ค.ศ. 637 ทรงก่อตั้งอารามแซ็ง-เดอนีเป็นอารามนักพรตคณะเบเนดิกติน ตัวหีบอนุสรณ์ (Shrine) เองสร้างโดย (Saint Eligius) ผู้ที่เป็นช่างทองมาก่อน ที่บรรยายในชีวประวัติของนักบุญว่า:
“นอกไปจากนั้นเอลีจิอุสก็สร้างหีบอนุสรณ์สำหรับนักบุญเดนิสผู้ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองปารีสด้วยหินอ่อนอันสวยงามโดยมีซุ้มชิโบเรียมครอบ และตกแต่งด้วยทองและอัญมณีอย่างวิจิตร เอลีจิอุสสร้างตราเหนือสถูปและด้านหน้าและล้อมรอบด้วยแท่นบูชาด้วยขวานทองเป็นวงกลม วางแอปเปิลที่ตกแต่งด้วยอัญมณี และสร้างแท่นเทศน์และประตูด้วยเงินและหลังคาสำหรับบัลลังก์และและแท่นบูชาบนเงิน เอลีจิอุสสร้างส่วนที่คลุมก่อนที่จะสร้างที่เก็บกระดูกและสร้างแท่นบูชาด้านนอกที่เท้าของนักบุญเดนิส เอลีจิอุสสร้างงานด้วยความบรรจงตามพระประสงค์ของพระมหากษัตริย์และใช้สิ่งต่างไปในการสร้างจนแทบจะไม่เหลือสิ่งมีค่าอย่างใดในกอล และเป็นงานที่งดงามที่สุดในบรรดางานฝีมือต่าง ๆ จนปัจจุบันนี้
แต่งานชิ้นนี้ก็ไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว
สถาปัตยกรรม
มหาวิหารแซ็ง-เดอนีเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งแรกที่ส่วนใหญ่ออกแบบและก่อสร้างเป็นแบบกอธิค ทั้งทางทางด้านโครงสร้างและลักษณะของการก่อสร้างเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ไปเป็นสถาปัตยกรรมกอทิก ก่อนที่คำว่า “กอทิก” จะมาเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปลักษณะสถาปัตยกรรมนี้เรียกกันว่า “แบบฝรั่งเศส” (The French Style หรือ Opus Francigenum)
แผนผังมหาวิหารในปัจจุบันเป็นผังแบบกางเขนแบบ “บาซิลิกา” คือมีทางเดินกลางที่สูงกว่าทางเดินข้างที่กระหนาบโดยมีหน้าต่างชั้นบนรอบตัวสิ่งก่อสร้าง ทางด้านเหนือมีทางเดินข้างเพื่มอีกหนึ่งทางที่เรียงด้วยชาเปลหรือคูหาสวดมนต์ ด้านหน้าโบสถ์มีประตูทางเข้าสามประตูและมีหน้าต่างกุหลาบเหนือประตู และหอหนึ่งหอทางด้านไต้ ทางด้านตะวันออกบริเวณพิธีที่สร้างเหนือคริพต์มีจรมุข และ (chevette) ที่ประกอบด้วยชาเปลเก้าชาเปลที่กระจายออกจากทางเดินรอบมุข
ราวปี ค.ศ. 1137 อธิการซูว์เฌ (ค.ศ. 1081-ค.ศ. 1155) ผู้เป็นพระสหายและที่ปรึกษาคนสนิทของพระเจ้าหลุยส์ที่ 6 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ตัดสินใจสร้างมหาวิหารแซ็ง-เดอนีใหม่ติดกับแอบบีย์ที่เป็นพระราชวังหลวง อธิการซูแฌร์เริ่มจากการก่อสร้างใหม่จากด้านหน้าที่เปลี่ยนจากที่มีประตูเดียวเป็นสามประตูที่มีลักษณะคล้ายประตูชัยเช่น (Triumphal Arch of Constantine) การมีประตูเพิ่มขึ้นก็เป็นการบรรเทาการจราจรเข้าโบสถ์ของผู้คนที่เพิ่มมากขึ้น เหนือด้านหน้าเป็นหน้าต่างกุหลาบซึ่งเป็นด้านที่มักจะเป็นที่ตั้งของหน้าต่างลักษณะนี้ในสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์แบบอิตาลี และเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นหน้าต่างกุหลาบหน้าต่างแรกที่สร้างในฝรั่งเศสที่กลายมาเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของสถาปัตยแบบกรรมกอธิคของทางเหนือของฝรั่งเศสต่อมา
เมื่อสร้างด้านหน้าเสร็จใน ค.ศ. 1140 อธิการซูว์เฌก็ย้ายไปสร้างด้านตะวันออกหรือด้านที่เป็นบริเวณพิธีโดยทิ้งทางเดินกลางอย่างคาโรลินเจียนไว้ อธิการซูแฌร์ออกแบบบริเวณร้องเพลงสวดที่อาบด้วยแสงซึ่งช่างก่อสร้างต้องหาวิธีการสร้างแบบใหม่ที่พัฒนามาจากสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์เพื่อให้ได้ตามจุดประสงค์ ที่รวมทั้งการสร้างเพดานโค้งแหลม, เพดานสัน, ทางเดินรอบมุขที่มียื่นออกไป, คอลัมน์หมู่ (Clustered columns) ที่รับแรงกดดันจากสันที่พุ่งมาจากทิศต่าง ๆ ของเพดาน และค้ำยันแบบปีก ที่สามารถทำให้สร้างหน้าต่างชั้นบนที่กว้างใหญ่ขึ้นซึ่งสามารถทำให้รับแสงได้เต็มที่
วิธีการก่อสร้างต่าง ๆ เช่นที่กล่าวมาเป็นการทำครั้งแรก นักประวัติศาสตร์ศิลปะเออร์วิน พานอฟสกี (Erwin Panofsky) อ้างว่าการสร้างมหาวิหารของอธิการซูว์เฌได้รับแรงบันดาลใจในการที่จะสร้างให้เป็นสัญลักษณ์ของเยรูซาเลม แต่จุดประสงค์ที่สูงไปกว่าการสร้างเพื่อความสวยงามก็ยังเป็นที่น่าสงสัยโดยนักประวัติศาสตร์ศิลปะเมื่อไม่นานมานี้ตามหลักฐานจากข้อเขียนของซูว์เฌเอง
โบสถ์หลังใหม่ที่สร้างเสร็จเสกเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1144 โดยมีบุคคลสำคัญต่าง ๆ เข้าร่วมในพิธีที่รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1231 ทางเดินกลางเก่าก็ได้รับการสร้างใหม่ให้เป็นสถาปัตยกรรมกอทิกแบบเรยองนองท์ และเพิ่มสร้างหน้าต่างกุหลาบอีกสองบานทางด้านเหนือและไต้ของแขนกางเขน
อารามแซ็ง-เดอนีจึงกลายเป็นตัวอย่างของการสร้างอารามหลวงทางตอนเหนือของฝรั่งเศส นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมกอทิกของฝรั่งเศสก็ยังเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยการปกครองของ และแคว้นอื่น ๆ ในฝรั่งเศส กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ เยอรมนี สเปน ตอนเหนือของอิตาลี และซิซิลี
ลักษณะสำคัญ ๆ อื่น ๆ ของมหาวิหารก็ได้แก่คอลัมน์ที่มีรูปปั้นสองข้างประตูหน้าโบสถ์ที่ถูกทำลายไปแล้วที่สร้างจากภาพวาดของมงท์โฟคอง ผังจากราว ค.ศ. 1700 โดย Félibien แสดงภาพชาเปลพระบรมศพที่เป็นโดมติดกับแขนกางเขนทางด้านเหนือที่เป็นที่ตั้งของพระบรมศพและพระศพของราชวงศ์วาลัว นอกจากนั้นก็มีหน้าต่างประดับกระจกสี และเก้าอี้อิงที่เหลืออยู่สิบสองตัว
ที่เก็บพระศพ
มหาวิหารแซ็ง-เดอนีเป็นที่ฝังพระศพของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสและพระราชวงศ์เป็นเวลาหลายร้อยปีจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “สุสานหลวงแห่งฝรั่งเศส” (Royal necropolis of France) ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 จนกระทั่งปี ค.ศ. 1789 พระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสทุกพระองค์ยกเว้นสามพระองค์ก็ได้รับการบรรจุที่นี่ พระมหากษัตริย์บางพระองค์เช่นพระเจ้าโคลวิสที่ 1 (ค.ศ. 465-ค.ศ. 511) ถูกบรรจุที่อื่นมาก่อนที่นำมาไว้ที่แซ็ง-เดอนี
แอบบีย์มีอนุสรณ์ของพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่งดงามมากมายแต่มาถูกทำลายไปเสียมากระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ระหว่างการปฏิวัตินักปฏิวัติก็เปิดที่เก็บพระศพต่าง ๆ ภายในมหาวิหารและนำร่างของผู้ที่ถูกบรรจุอยู่ภายในออกไปโยนทิ้งในหลุมใหญ่สองหลุมนอกโบสถ์ อเล็กซานเดอร์ เลอนัวร์ นักโบราณคดีช่วยรักษาที่บรรจุพระศพไว้ได้บ้างโดยอ้างว่าเป็นงานศิลปะสำหรับการสะสมส่วนตัวของตนเองที่ถูกนำไปเก็บไว้ในอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์แห่งฝรั่งเศส (Monument historique)
จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เปิดมหาวิหารขึ้นอีกครั้งหนึ่งในปีค.ศ. 1806 แต่ก็มิได้ทำอะไรกับพระร่างที่ถูกฝังไว้ในหลุมใหญ่ ระหว่างที่ประทับอยู่ที่เกาะเอลบา ก็สั่งให้หาพระศพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16และพระนางมารี อ็องตัวแนต มีบางส่วนที่พบที่สันนิษฐานกันว่าเป็นของพระองค์และกอบสีเทาที่มีสายรัดถุงเท้าสตรีพบเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1815 ที่ถูกนำมาฝังไว้ในคริพท์ ในปี ค.ศ. 1817 หลุมศพใหญ่ที่พระศพถูกโยนลงไปก็ได้รับการเปิดขึ้นแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใครจากกองกระดูก กระดูกเหล่านี้จึงถูกนำมาไว้ใน (ossuary) ภายในคริพท์
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1824 พระศพก็ถูกฝังกลางคริพท์ใกล้กับพระศพพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อ็องตัวแนต โลงพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์ที่สิ้นพระชนม์ระหว่าง ค.ศ. 1815 ถึงปี ค.ศ. 1830 ก็ถูกบรรจุในคริพท์ด้วย ภายใต้การนำของเออแฌน วียอแล-เลอ-ดุก อนุสรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำไปเก็บไว้ในอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์แห่งฝรั่งเศสก็ได้รับการนำกลับมายังมหาวิหาร และพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ผู้ถูกฝังไว้ที่อารามแซ็งปองต์ซึ่งมิได้ถูกทำลายก็ถูกนำกลับมายังมหาวิหาร ในปี ค.ศ. 2004 พระหทัย (หัวใจ) ของมกุฎราชกุมารที่ถ้าได้ขึ้นครองราชย์ก็จะเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 17 ก็ได้การบรรจุไว้ในผนังของคริพท์
ระเบียงภาพ
- ตรีเอกภาพเหนือประตูหลัก
- บริเวณขับเพลงสวดที่อาบแสงตามการออกแบบของซูเฌร์
- หน้าต่างชั้นบนเหนือบริเวณขับเพลงสวดที่ใช้วิธีการก่อสร้างแบบใหม่ที่ทำให้สามารถทำหน้าต่างให้กว้างขึ้นและทำให้แสงส่องลงมาได้อย่างเต็มที่
-
- รายละเอียดของหน้าต่างประดับกระจกสี
-
- อนุสรณ์ของ
พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส - อนุสรณ์ของ
ผอบหัวใจของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2 แห่งฝรั่งเศส -
-
ข้อมูล
วิดีโอหลายคลิปจากแหล่งข้อมูลภายนอก | |
---|---|
Smarthistory – Birth of the Gothic: Abbot Suger and the Ambulatory at St. Denis |
อ้างอิง
- Banister Fletcher, A History of Architecture on the Comparative Method.
- Vita S. Eligius, edited by Levison, on-line at Medieval Sourcebook 2014-08-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- H. Honour and J. Fleming, The Visual Arts: A History. Upper Saddle River, NJ: Pearson Prentice Hall, 2005.
- Wim Swaan, The Gothic Cathedral
- "L'art Gothique", section: "L'architecture Gothique en Angleterre" by Ute Engel: L'Angleterre fut l'une des premieres régions à adopter, dans la deuxième moitié du XIIeme siècle, la nouvelle architecture gothique née en France. Les relations historiques entre les deux pays jouèrent un rôle prépondérant: en 1154, Henri II (1154–1189), de la dynastie Française des Plantagenêt, accéda au thrône d'Angleterre." (England was one of the first regions to adopt, during the first half of the 12th century, the new gothic architecture born in France. Historic relationships between the two countries played a determining role: in 1154, Henry II (1154–1189), of the French Plantagenet dynasty, assended to the throne of England).
- John Harvey, The Gothic World
- Images of Medieval Art and Architecture - Félibien accessed March 29 2009
- . Smarthistory at Khan Academy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-03. สืบค้นเมื่อ 18 December 2012.
ข้อมูล
- Félibien, Michel. 1973. Histoire de l'abbaye royale de Saint-Denys en France: Lettre-préf. de M. le Duc de Bauffremont. Introd. de Hervé Pinoteau. 1. [Nachdr. d. Ausg. Paris, 1706]. – 1973. – 524 S. Paris: Éd. du Palais Royal.
- O'Hanlon, John (1873), Lives of the Irish saints, สืบค้นเมื่อ 2021-08-02
- Saint-Denis Cathedral, Alain Erlande-Brandenburg, Editions Ouest-France, Rennes
บรรณานุกรม
- Gerson, Paula Lieber. (1986). Abbot Suger and Saint-Denis: a symposium, New York: The Metropolitan Museum of Art. ISBN
- Martindale, Andrew (1967). Gothic Art. Thames and Hudson (in English and French). ISBN .
- Conrad Rudolph, Artistic Change at St-Denis: Abbot Suger's Program and the Early Twelfth-Century Controversy over Art (1990)
- Conrad Rudolph, "Inventing the Gothic Portal: Suger, Hugh of Saint Victor, and the Construction of a New Public Art at Saint-Denis," Art History 33 (2010) 568–595
- Lours, Mathieu (2018). Dictionnaire des Cathédrales. Éditions Jean-Paul Gesserot. ISBN .
- Plagnieux, Philippe (1998). La basilique cathédrale de Saint-Denis. Éditions du Patrimoine, Centre des Monuments Nationaux. ISBN .
- Conrad Rudolph, "Inventing the Exegetical Stained-Glass Window: Suger, Hugh, and a New Elite Art," Art Bulletin 93 (2011) 399–422
- Watkin, David (1986). A History of Western Architecture. Barrie and Jenkins. ISBN .
- Watson, Bruce, Light: A Radiant History from Creation to the Quantum Age, (London and NY: Bloomsbury, 2016).
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ มหาวิหารแซ็ง-เดอนี
- รายนามพระราชวงศ์ฝรั่งเศสที่ได้รับการบรรจุที่มหาวิหารแซ็ง-เดอนี
- แผนที่สุสานในมหาวิหารแซ็ง-เดอนี
- The Treasures of Saint-Denis – scholarly article from 1915 on the important and mostly destroyed treasures
- L'Internaute Magazine: Diaporama (ในภาษาฝรั่งเศส)
- Satellite image from Google Maps
- แซ็ง-เดอนี, เมืองในสมัยกลาง
- ภาพอนุสรณ์ผู้ตายภายในมหาวิหารแซ็ง-เดอนี (ในภาษาฝรั่งเศส)
- (ในภาษาฝรั่งเศส)
- The Sumner McKnight Crosby Papers from The Cloisters Library, The Metropolitan Museum of Art, New York.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
mhawiharaesng edxni frngess Basilique Saint Denis edimepnaexbbiychux xaramaesng edxni thitngxyuthiaesng edxnithipccubnxyuthangehnuxkhxngparis txmathukyksthanakhunepnxasnwiharpracainpi kh s 1966 mhawiharaesng edxnimikhwamsakhythngthangsthaptykrrmaelathangprawtisastrtxpraethsfrngessmhawiharaesng edxniBasilique Saint Denis frngess mhawiharaesng edxnifngtawntk48 56 08 N 2 21 35 E 48 93556 N 2 35972 E 48 93556 2 35972thitngaesng edxni praethsfrngessnikayormnkhathxliksthaptykrrmrupaebbsthaptykxthikkarpkkhrxngmukhmnthlnkbwchmukhnayk mhawiharaesng edxnikxtnginkhriststwrrsthi 7 ody bnthitngkhxngthifngsphkhxngnkbuyednisphuepnnkbuyxngkhxupthmphpraethsfrngessxngkhhnunginsamxngkh mhawiharklayepnsthanthisahrbkaraeswngbuyaelaichepnthibrrcuphrabrmsphkhxngphramhakstriyfrngessekuxbthukphraxngkhrahwangkhriststwrrsthi 10 thungkhriststwrrsthi 18 aelabangphraxngkhcakkxnhnann aetimichsthanthisahrbphrarachphithirachaphieskthithaknthimhawiharaerngs aetphrarachphithirachaphieskphrarachinimkthaknthini mhawiharcungklayepnsingkxsrangklumthisbsxn inkhriststwrrsthi 12 xthikarsuwechsrangbangswnkhxngmhawiharihmodyichwithikarkxsrangthilasmysahrbyukhnn aelaichkartkaetngthinamacaksingkxsrangxun karkxsrangkhrngnithuxknwaepnkxsrangsingkxsrangtamsthaptykrrmkxthikthiaethcringepnkhrngaerk nxkcaknnmhawiharkyngepntwxyangkhxngsthaptykrrmaeryxnxng aelaklaymaepnaebbkarkxsrangkhxngmhawiharaelaaexbbiyxun thangtxnehnuxkhxngfrngess xngkvs aelapraethsxun txmaebuxnghlngnkbuyednisepnnkbuyxngkhxupthmphxngkhhnungkhxngpraethsfrngessaelatamtananaelwkepnbichxpaehngparisxngkhaerkdwy kxnhnathisrangepnmhawiharkmiobsthelk srangepnxnusrnthungthan txma phramhakstriychawaefrngkphuthrngpkkhrxngrahwang kh s 628 thung kh s 637 thrngkxtngxaramaesng edxniepnxaramnkphrtkhnaebendiktin twhibxnusrn Shrine exngsrangody Saint Eligius phuthiepnchangthxngmakxn thibrryayinchiwprawtikhxngnkbuywa nxkipcaknnexlicixusksranghibxnusrnsahrbnkbuyednisphuskdisiththiinemuxngparisdwyhinxxnxnswyngamodymisumchioberiymkhrxb aelatkaetngdwythxngaelaxymnixyangwicitr exlicixussrangtraehnuxsthupaeladanhnaaelalxmrxbdwyaethnbuchadwykhwanthxngepnwngklm wangaexpepilthitkaetngdwyxymni aelasrangaethnethsnaelapratudwyenginaelahlngkhasahrbbllngkaelaaelaaethnbuchabnengin exlicixussrangswnthikhlumkxnthicasrangthiekbkradukaelasrangaethnbuchadannxkthiethakhxngnkbuyednis exlicixussrangngandwykhwambrrcngtamphraprasngkhkhxngphramhakstriyaelaichsingtangipinkarsrangcnaethbcaimehluxsingmikhaxyangidinkxl aelaepnnganthingdngamthisudinbrrdanganfimuxtang cnpccubnni aetnganchinnikimmiehluxihehnaelwsthaptykrrmbriewncrmukhdanhlngkhxngmhawihar thisrangodyxthikarsuwechthiyngimidrbkarepliynaeplngaetxyangidtngaetsrangmahnatangkuhlabbnphnngaekhnkangekhndanehnuxthiepnphaphphraecasrangolk mhawiharaesng edxniepncudsakhykhxngkarepliynaeplngthangsthaptykrrmephraaepnsingkxsrangsingaerkthiswnihyxxkaebbaelakxsrangepnaebbkxthikh thngthangthangdanokhrngsrangaelalksnakhxngkarkxsrangepnkarepliynaeplngcaksthaptykrrmormaenskipepnsthaptykrrmkxthik kxnthikhawa kxthik camaepnthiruckknodythwiplksnasthaptykrrmnieriykknwa aebbfrngess The French Style hrux Opus Francigenum aephnphngmhawiharinpccubnepnphngaebbkangekhnaebb basilika khuxmithangedinklangthisungkwathangedinkhangthikrahnabodymihnatangchnbnrxbtwsingkxsrang thangdanehnuxmithangedinkhangephumxikhnungthangthieriyngdwychaeplhruxkhuhaswdmnt danhnaobsthmipratuthangekhasampratuaelamihnatangkuhlabehnuxpratu aelahxhnunghxthangdanit thangdantawnxxkbriewnphithithisrangehnuxkhriphtmicrmukh aela chevette thiprakxbdwychaeplekachaeplthikracayxxkcakthangedinrxbmukh rawpi kh s 1137 xthikarsuwech kh s 1081 kh s 1155 phuepnphrashayaelathipruksakhnsnithkhxngphraecahluysthi 6 aelaphraecahluysthi 7 tdsinicsrangmhawiharaesng edxniihmtidkbaexbbiythiepnphrarachwnghlwng xthikarsuaechrerimcakkarkxsrangihmcakdanhnathiepliyncakthimipratuediywepnsampratuthimilksnakhlaypratuchyechn Triumphal Arch of Constantine karmipratuephimkhunkepnkarbrrethakarcracrekhaobsthkhxngphukhnthiephimmakkhun ehnuxdanhnaepnhnatangkuhlabsungepndanthimkcaepnthitngkhxnghnatanglksnaniinsthaptykrrmormaenskaebbxitali aelaepnthiechuxknwaepnhnatangkuhlabhnatangaerkthisranginfrngessthiklaymaepnlksnaednxyanghnungkhxngsthaptyaebbkrrmkxthikhkhxngthangehnuxkhxngfrngesstxma emuxsrangdanhnaesrcin kh s 1140 xthikarsuwechkyayipsrangdantawnxxkhruxdanthiepnbriewnphithiodythingthangedinklangxyangkhaorlineciyniw xthikarsuaechrxxkaebbbriewnrxngephlngswdthixabdwyaesngsungchangkxsrangtxnghawithikarsrangaebbihmthiphthnamacaksthaptykrrmormaenskephuxihidtamcudprasngkh thirwmthngkarsrangephdanokhngaehlm ephdansn thangedinrxbmukhthimiyunxxkip khxlmnhmu Clustered columns thirbaerngkddncaksnthiphungmacakthistang khxngephdan aelakhaynaebbpik thisamarththaihsranghnatangchnbnthikwangihykhunsungsamarththaihrbaesngidetmthi withikarkxsrangtang echnthiklawmaepnkarthakhrngaerk nkprawtisastrsilpaexxrwin phanxfski Erwin Panofsky xangwakarsrangmhawiharkhxngxthikarsuwechidrbaerngbndalicinkarthicasrangihepnsylksnkhxngeyrusaelm aetcudprasngkhthisungipkwakarsrangephuxkhwamswyngamkyngepnthinasngsyodynkprawtisastrsilpaemuximnanmanitamhlkthancakkhxekhiynkhxngsuwechexng obsthhlngihmthisrangesrceskemuxwnthi 11 mithunayn kh s 1144 odymibukhkhlsakhytang ekharwminphithithirwmthngphraecahluysthi 7 tngaetpi kh s 1231 thangedinklangekakidrbkarsrangihmihepnsthaptykrrmkxthikaebberyxngnxngth aelaephimsranghnatangkuhlabxiksxngbanthangdanehnuxaelaitkhxngaekhnkangekhn xaramaesng edxnicungklayepntwxyangkhxngkarsrangxaramhlwngthangtxnehnuxkhxngfrngess nxkcaknnsthaptykrrmkxthikkhxngfrngesskyngephyaephripyngxngkvsodykarpkkhrxngkhxng aelaaekhwnxun infrngess klumpraethsaephndinta eyxrmni sepn txnehnuxkhxngxitali aelasisili lksnasakhy xun khxngmhawiharkidaekkhxlmnthimiruppnsxngkhangpratuhnaobsththithukthalayipaelwthisrangcakphaphwadkhxngmngthofkhxng phngcakraw kh s 1700 ody Felibien aesdngphaphchaeplphrabrmsphthiepnodmtidkbaekhnkangekhnthangdanehnuxthiepnthitngkhxngphrabrmsphaelaphrasphkhxngrachwngswalw nxkcaknnkmihnatangpradbkracksi aelaekaxixingthiehluxxyusibsxngtwthiekbphrasphxnusrnkhxngphraecahluysthi 16 aela mari xxngtwent mhawiharaesng edxniepnthifngphrasphkhxngphramhakstriyfrngessaelaphrarachwngsepnewlahlayrxypicnidrbkarkhnannamwaepn susanhlwngaehngfrngess Royal necropolis of France tngaetkhriststwrrsthi 10 cnkrathngpi kh s 1789 phramhakstriyfrngessthukphraxngkhykewnsamphraxngkhkidrbkarbrrcuthini phramhakstriybangphraxngkhechnphraecaokhlwisthi 1 kh s 465 kh s 511 thukbrrcuthixunmakxnthinamaiwthiaesng edxni aexbbiymixnusrnkhxngphramhakstriyaelaphrarachinithingdngammakmayaetmathukthalayipesiymakrahwangkarptiwtifrngess rahwangkarptiwtinkptiwtikepidthiekbphrasphtang phayinmhawiharaelanarangkhxngphuthithukbrrcuxyuphayinxxkipoynthinginhlumihysxnghlumnxkobsth xelksanedxr elxnwr nkobrankhdichwyrksathibrrcuphrasphiwidbangodyxangwaepnngansilpasahrbkarsasmswntwkhxngtnexngthithuknaipekbiwinxnusawriyprawtisastraehngfrngess Monument historique ckrphrrdinopeliynthi 1 epidmhawiharkhunxikkhrnghnunginpikh s 1806 aetkmiidthaxairkbphrarangthithukfngiwinhlumihy rahwangthiprathbxyuthiekaaexlba ksngihhaphrasphkhxngphraecahluysthi 16aelaphranangmari xxngtwaent mibangswnthiphbthisnnisthanknwaepnkhxngphraxngkhaelakxbsiethathimisayrdthungethastriphbemuxwnthi 21 mkrakhm kh s 1815 thithuknamafngiwinkhriphth inpi kh s 1817 hlumsphihythiphrasphthukoynlngipkidrbkarepidkhunaetkimsamarthbxkidwaikhrepnikhrcakkxngkraduk kradukehlanicungthuknamaiwin ossuary phayinkhriphth emuxphraecahluysthi 18 esdcswrrkhtinpi kh s 1824 phrasphkthukfngklangkhriphthiklkbphrasphphraecahluysthi 16 aelaphranangmari xxngtwaent olngphrasphkhxngphrabrmwngsanuwngsthisinphrachnmrahwang kh s 1815 thungpi kh s 1830 kthukbrrcuinkhriphthdwy phayitkarnakhxngexxaechn wiyxael elx duk xnusrntang thithuknaipekbiwinxnusawriyprawtisastraehngfrngesskidrbkarnaklbmayngmhawihar aelaphraecahluysthi 7 phuthukfngiwthixaramaesngpxngtsungmiidthukthalaykthuknaklbmayngmhawihar inpi kh s 2004 phrahthy hwic khxngmkudrachkumarthithaidkhunkhrxngrachykcaepnphraecahluysthi 17 kidkarbrrcuiwinphnngkhxngkhriphthraebiyngphaphtriexkphaphehnuxpratuhlk briewnkhbephlngswdthixabaesngtamkarxxkaebbkhxngsuechr hnatangchnbnehnuxbriewnkhbephlngswdthiichwithikarkxsrangaebbihmthithaihsamarththahnatangihkwangkhunaelathaihaesngsxnglngmaidxyangetmthi xxraekn raylaexiydkhxnghnatangpradbkracksi xnusrnkhxng phraecahluysthi 12aela xnusrnkhxng phraecafilipthi 4 aehngfrngess xnusrnkhxng phxbhwickhxngphraecafrxngswthi 2 aehngfrngess xnusrnkhxng charl maraetl pramukhkhxngchawaefrngk xnusrnkhxng phraecakarolthi 1 aehngenepils rachwngsxxngchu khxmulwidioxhlaykhlipcakaehlngkhxmulphaynxkSmarthistory Birth of the Gothic Abbot Suger and the Ambulatory at St Denisxangxing Banister Fletcher A History of Architecture on the Comparative Method Vita S Eligius edited by Levison on line at Medieval Sourcebook 2014 08 14 thi ewyaebkaemchchin H Honour and J Fleming The Visual Arts A History Upper Saddle River NJ Pearson Prentice Hall 2005 ISBN 0 13 193507 0 Wim Swaan The Gothic Cathedral L art Gothique section L architecture Gothique en Angleterre by Ute Engel L Angleterre fut l une des premieres regions a adopter dans la deuxieme moitie du XIIeme siecle la nouvelle architecture gothique nee en France Les relations historiques entre les deux pays jouerent un role preponderant en 1154 Henri II 1154 1189 de la dynastie Francaise des Plantagenet acceda au throne d Angleterre England was one of the first regions to adopt during the first half of the 12th century the new gothic architecture born in France Historic relationships between the two countries played a determining role in 1154 Henry II 1154 1189 of the French Plantagenet dynasty assended to the throne of England John Harvey The Gothic World Images of Medieval Art and Architecture Felibien accessed March 29 2009 Smarthistory at Khan Academy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 11 03 subkhnemux 18 December 2012 khxmul Felibien Michel 1973 Histoire de l abbaye royale de Saint Denys en France Lettre pref de M le Duc de Bauffremont Introd de Herve Pinoteau 1 Nachdr d Ausg Paris 1706 1973 524 S Paris Ed du Palais Royal O Hanlon John 1873 Lives of the Irish saints subkhnemux 2021 08 02 Saint Denis Cathedral Alain Erlande Brandenburg Editions Ouest France RennesbrrnanukrmGerson Paula Lieber 1986 Abbot Suger and Saint Denis a symposium New York The Metropolitan Museum of Art ISBN 9780870994081 Martindale Andrew 1967 Gothic Art Thames and Hudson in English and French ISBN 2 87811 058 7 Conrad Rudolph Artistic Change at St Denis Abbot Suger s Program and the Early Twelfth Century Controversy over Art 1990 Conrad Rudolph Inventing the Gothic Portal Suger Hugh of Saint Victor and the Construction of a New Public Art at Saint Denis Art History 33 2010 568 595 Lours Mathieu 2018 Dictionnaire des Cathedrales Editions Jean Paul Gesserot ISBN 9 7827 5580 7 653 Plagnieux Philippe 1998 La basilique cathedrale de Saint Denis Editions du Patrimoine Centre des Monuments Nationaux ISBN 9 78 2 7577 0224 6 Conrad Rudolph Inventing the Exegetical Stained Glass Window Suger Hugh and a New Elite Art Art Bulletin 93 2011 399 422 Watkin David 1986 A History of Western Architecture Barrie and Jenkins ISBN 0 7126 1279 3 Watson Bruce Light A Radiant History from Creation to the Quantum Age London and NY Bloomsbury 2016 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb mhawiharaesng edxni raynamphrarachwngsfrngessthiidrbkarbrrcuthimhawiharaesng edxni aephnthisusaninmhawiharaesng edxni The Treasures of Saint Denis scholarly article from 1915 on the important and mostly destroyed treasures L Internaute Magazine Diaporama inphasafrngess Satellite image from Google Maps aesng edxni emuxnginsmyklang phaphxnusrnphutayphayinmhawiharaesng edxni inphasafrngess inphasafrngess The Sumner McKnight Crosby Papers from The Cloisters Library The Metropolitan Museum of Art New York sthaniyxypraethsfrngess