สนธิสัญญาพันธมิตรทางการทหารระหว่างฝรั่งเศส-โปแลนด์ มักจะหมายถึง พันธมิตรทางการทหารระหว่างสาธารณรัฐโปแลนด์ที่สองกับฝรั่งเศส ซึ่งมีผลอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1921 - ค.ศ. 1940
เบื้องหลัง
ระหว่างการแข่งขันระหว่างฝรั่งเศส-ฮับสบูรก์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ฝรั่งเศสพยายามที่จะหาพันธมิตรทางตะวันออกของออสเตรีย ซึ่งก็คือ โปแลนด์ และยังมีการกล่าวว่า Jan III Sobieski แห่งโปแลนด์เองก็ทรงมีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสเพื่อต่อต้านออสเตรียเช่นเดียวกัน แต่ภัยคุกคามจากจักรวรรดิออตโตมัน ทำให้พระองค์ต้องสู้เพื่อชาวคริสเตียน และนำไปสู่ยุทธการเวียนนา ในปี ค.ศ. 1795 รัฐโปแลนด์สิ้นสุดสถานภาพความเป็นรัฐ เนื่องจากถูกฉีกออกโดยรัสเซีย ปรัสเซีย และออสเตรีย แต่จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ได้สร้างรัฐโปแลนด์ขึ้นใหม่ในอาณาจักรแกรนด์ดยุคแห่งวอร์ซอ ด้วยการเกิดของจักรวรรดิเยอรมัน ทำให้ทั้งฝรั่งเศสและโปแลนด์พบว่าตนต่างก็มีศัตรูร่วมกัน
ช่วงเวลาระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง
ระหว่างช่วงเวลาระหว่างสงครามโลก เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับนโยบายด้านการต่างประเทศสำหรับฝรั่งเศส ในตอนปลายของยุคดังกล่าว การจัดตั้งพันธมิตรฝรั่งเศส-อังกฤษได้กลายมาเป็นพื้นฐานของการก่อตั้งฝ่ายสัมพันธมิตร และระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียต ฝรั่งเศสได้กลายมาเป็นผู้ให้การสนับสนุนโปแลนด์รายสำคัญ และส่งคณะทูตทหารฝรั่งเศสไปประจำในโปแลนด์เพื่อให้การสนับสนุนกองทัพโปแลนด์
สนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการพิจารณาโดยประมุขแห่งรัฐของโปแลนด์ Józef Piłsudski และประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส Alexandre Millerand ในตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในกรุงปารีส และได้ลงนามเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1921 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของโปแลนด์ Count Eustachy Sapieha และในฉบับเทียบเป็นภาษาฝรั่งเศสโดย จากเบื้องหลังของการเจรจาซึ่งยุติสงครามโปแลนด์-โซเวียต () ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการคาดการณ์นโยบายด้านการต่างประเทศโดยทั่วไป การส่งเสริมการติดต่อทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ และได้ข้อสรุปของสนธิสัญญาใหม่ในความกังวลถึงภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก และรวมไปถึง การให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ประเทศใดประเทศหนึ่งในคู่กรณีถูกรุกรานจากภายนอกด้วย สนธิสัญญาดังกล่าวมีการแก้ไขเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1921 โดยการเพิ่มเติมอนุสัญญาลับทางทหาร ซึ่งกล่าวว่าพันธมิตรดังกล่าวจะมุ่งเป้าหมายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้จากทั้งเยอรมนีและสหภาพโซเวียต
พันธมิตรดังกล่าวยังได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยข้อตกลงรับประกันระหว่างฝรั่งเศส-โปแลนด์ ซึ่งได้ลงนามเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1925 ในเมืองโลคาร์โน และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาโลคาร์โน โดยสนธิสัญญาฉบับใหม่นั้นเป็นการเข้าชื่อเป็นสมาชิกของข้อตกลงโปแลนด์-ฝรั่งเศสทั้งหมดที่ผ่านมาเข้าสู่ระบบสนธิสัญญาสองฝ่ายแห่งสันนิบาติชาติ
พันธมิตรดังกล่าวมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับพันธมิตรฝรั่งเศส-เช็ค โดยการแสดงความเป็นพันธมิตรของฝรั่งเศสที่มือต่อโปแลนด์และเชโกสโลวาเกียล้วนแล้วแต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อกีดขวางการใช้กำลังของเยอรมนีในการบรรลุข้อตกลงภายหลังสงคราม หรือเป็นการทำให้แน่ใจว่ากองกทัพเยอรมันจะต้องเผชิญหน้ากับกำลังผสมของประเทศเพื่อนบ้าน ถึงแม้ว่าเชโกสโลวาเกียจะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และโปแลนด์มีกองทัพบกที่เข้มแข็ง แต่ไตรภาคีระหว่างฝรั่งเศส-โปแลนด์-เชโกสโลวาเกียจะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างสมบูรณ์
นโยบายด้านการต่างประเทศของเชโกสโลวาเกียภายใต้ Edvard Beneš ไม่กล้าที่จะลงนามเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับโปแลนด์ เนื่องจากจะเป็นการบังคับให้เชโกสโลวาเกียต้องเลือกข้างในข้อพิพาทพรมแดนระหว่างเยอรมนี-โปแลนด์ อิทธิพลของเชโกสโลวาเกียในสายตาของพันธมิตรของตนเองก็ลดต่ำลง เนื่องจากข้อสงสัยในประสิทธิภาพของกองทัพ
ส่วนอิทธิพลของโปแลนด์ก็ถูกลดทอนลงจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายต่อต้าน Józef Piłsudski
ฝรั่งเศสให้ความร่วมมืออย่างไม่เต็มใจในการลงทุนทางด้านอุตสาหกรรม การกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และการแบ่งปันผู้เชี่ยวชาญทางทหารร่วมกับประเทศพันธมิตร ซึ่งได้เป็นการทำให้พันธมิตรยิ่งมีความอ่อนแอลงอีก
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 พันธมิตรฝรั่งเศส-โปแลนด์มักจะไม่มีการดำเนินการอะไรและมีผลเพียงแค่การส่งทูตทหารฝรั่งเศสมายังโปแลนด์เท่านั้น ซึ่งได้ทำงานร่วมกับคณะทหารชั้นนายพลของโปแลนด์นับตั้งแต่สงครามโปแลนด์-โซเวียต ระหว่างปี ค.ศ. 1919-1920 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภัยจากนาซีเยอรมนีได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ในช่วงปลายทศวรรษ ทั้งสองประเทศจึงได้เริ่มที่จะร่างสนธิสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งจะครอบคลุมนอกเหนือจากเอกราชของประเทศคู่เจรจาแล้ว ยังรวมไปถึงการรับประกันความร่วมมือทางการทหารในกรณีที่เกิดสงครามกับเยอรมนีด้วย
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
ในที่สุดแล้ว สนธิสัญญาพันธมิตรฉบับใหม่ได้รับการลงนามในปี ค.ศ. 1939 ซึ่งเรียกว่าสัญญา Kasprzycki-Gamelin เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งมีผลผูกพันให้ทั้งสองประเทศให้ความช่วยเหลือทางการทหารระหว่างกันในกรณีที่เกิดสงครามกับนาซีเยอรมนี ในเดือนพฤษภาคม กาเมอแล็งได้ให้สัญญาถึง "การรุกเพื่อปลดปล่อยอย่างอาจหาญ" ภายในสามสัปดาห์หลังจากการโจมตีของเยอรมนีเริ่มต้นขึ้น หลังจากการเจรจาระหว่างกองเสนาธิการและการพิจารณาร่วมกันระหว่างผู้บังคับบัญชาทั้งสองกองทัพแล้ว ได้ข้อสรุปออกมาเป็นสนธิสัญญา และได้ยกระดับขึ้นเป็นสัญญาทางการเมือง ลงนามในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1939
ถึงแม้ว่าข้อผูกพันต่าง ๆ ตามที่ได้ลงนามในสนธิสัญญาหลายฉบับก็ตาม พันธมิตรดังกล่าวไม่ได้รับการปฏิบัติตามโดยฝรั่งเศส ซึ่งได้ให้เพียงการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยระหว่างการรุกรานโปแลนด์ โดยการรุกซาร์ลันท์เท่านั้น ซึ่งนี่ได้กลายมาเป็นตัวอย่างของการทรยศโดยชาติตะวันตก อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองแล้ว กองทัพโปแลนด์ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ในฝรั่งเศส ปีเดียวกันนั้นเอง
อ้างอิง
- Andrzej Ajnenkiel, Polsko-francuski sojusz wojskowy. Akademia Obrony Narodowej, Warsaw, 2000.
- Piotr Stefan Wandycz, The twilight of French eastern alliances. 1926-1936. French-Czecho-Slovak-Polish relations from Locarno to the remilitarization of the Rheinland., Princeton University Press, 1988 (republished in 2001).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์