พระราชวังฟงแตนโบล (อังกฤษ: Palace of Fontainebleau, ฝรั่งเศส: Château de Fontainebleau) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ราว 55 กิโลเมตรจากศูนย์กลางของกรุงปารีสในประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดพระราชวังหนึ่งของฝรั่งเศส สิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นงานที่สร้างขึ้นและต่อเติมเปลี่ยนแปลงโดยพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ ส่วนที่ก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นส่วนที่สร้างโดยพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1
พระราชวังฟงแตนโบล Palace and Park of Fontainebleau * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
พระราชวังฟงแตนโบล | |
(ประเทศ) | ฝรั่งเศส |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
(เกณฑ์พิจารณา) | (ii) (iv) |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2524 (คณะกรรมการสมัยที่ 5) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
“พระราชวังฟงแตนโบล” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1981
ประวัติ
พระราชวังหลวง
วังฟงแตนโบลเดิมตั้งอยู่ ณ ที่ตั้งที่ใช้สอยมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ที่สร้างโดยพระเจ้าชาร์ลที่ 7 โดยมีทอมัส เบ็คเค็ทเป็นผู้ประกอบพิธีสถาปนาชาเปล ฟงแตนโบลเป็นที่ประทับอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 9
ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างพระราชวังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันคือพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 โดยมีสถาปนิก (Gilles le Breton) เป็นผู้สร้างตัวตึกเกือบทุกหลังของ “ลานรูปไข่” (Cour Ovale) และรวมทั้ง “ประตูโดเร” (Porte Dorée) ที่เป็นทางเข้าด้านใต้ นอกจากนั้นพระเจ้าฟรองซัวส์ก็ยังทรงเชิญสถาปนิกเซบาสเตียโน แซร์ลิโอ จากอิตาลีมายังฝรั่งเศส และเลโอนาร์โด ดา วินชี ภายในตัวพระราชวังมีโถงระเบียงพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 (Francois I Gallery) ที่แล่นตลอดปีกหนึ่งของวังที่ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังในกรอบปูนปั้นแบบต่าง ๆ โดย (Rosso Fiorentino) ที่เขียนระหว่าง ค.ศ. 1522 ถึง ค.ศ. 1540 ซึ่งโถงระเบียงแรกที่ได้รับตกแต่งอย่างวิจิตรในฝรั่งเศส โดยทั่วไปแล้วก็เรียกได้ว่าฟงแตนโบลเป็นการเริ่มยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของฝรั่งเศส
“ห้องเลี้ยงรับรอง” (Salle des Fêtes) ที่มาสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าอองรีที่ 2 ตกแต่งโดยฟรันเชสโก ปรีมาติชโช และ (Niccolò dell'Abbate) ส่วน “นิมฟ์แห่งฟงแตนโบล” ที่เขียนโดย (Benvenuto Cellini) ที่เขียนให้แก่ฟงแตนโบลในปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
การก่อสร้างครั้งใหญ่เริ่มขึ้นอีกครั้งในรัชสมัยของพระเจ้าอองรีที่ 2 และพระอัครมเหสีแคทเธอรีน เดอ เมดิชิ ผู้ทรงจ้างสถาปนิก และ (Jean Bullant) ต่อมาพระเจ้าอองรีที่ 4 ก็ทรงตกแต่งฟงแตนโบลของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 และ พระเจ้าอองรีที่ 2 โดยทรงเพิ่มลาน “Cour des Princes” และ “โถงระเบียงไดแอน เดอ ปัวติเยร์” และ “โถงระเบียงเซิร์ฟ” ที่ติดกันใช้เป็นห้องสมุด ในช่วงนี้ศิลปินของ “” ก็เป็นผู้ดำเนินการตกแต่งแต่ก็ไม่มากเท่าใดนักและไม่เป็นงานต้นฉบับเท่ากับการตกแต่งในรัชสมัยของ “” ในรัชสมัยของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1
พระเจ้าอองรีที่ 4 ทรงสร้างคลองขุดยาว 1,200 เมตรในอุทยานป่าโปร่งที่ในปัจจุบันใช้ตกปลาได้ และมีพระบรมราชโองการให้ปลูกสน, เอล์ม และไม้ผล อุทยานป่าโปร่งมีเนื้อที่ราว 80 เฮ็คตารโดยมีกำแพงร้อมรอบและถนนเป็นระยะ ๆ พนักงานอุทยานของพระเจ้าอองรีที่ 4 (Claude Mollet) ผู้ได้รับการฝึกหัดที่ (Château d'Anet) วางผังสวนแบบ (Parterre) นอกจากนั้นก็ยังทรงสร้าง “jeu de paume” (ห้องเล่น (Real tennis)) ที่ยังคงมีอยู่ให้เห็น ซึ่งเป็นห้องเล่นเทนนิสโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เป็นของสาธารณะ
พระเจ้าฟิลิปที่ 4, พระเจ้าอ็องรีที่ 3 และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ต่างก็เสด็จพระราชสมภพที่ฟงแตนโบล และพระเจ้าฟิลิปเสด็จสวรรคตที่นี่ แขกของพระราชวังที่สำคัญ ๆ ก็ได้แก่สมเด็จพระราชินีนาถคริสติน่าแห่งสวีเดนผู้เสด็จมาประทับอยู่เป็นเวลาหลายปีหลังจากที่ทรงสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1654 ในปี ค.ศ. 1685 ฟงแตนโบลก็ใช้เป็นที่ลงนามที่เพิกถอนพระราชกฤษฎีกาแห่งนองซ์ (ค.ศ. 1598) ฟงแตนโบลเป็นที่ประทับของพระราชอาคันตุกะของกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บองที่รวมทั้งพระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย และพระเจ้าคริสเตียนที่ 7 แห่งเดนมาร์ก
การปฏิวัติและจักรวรรดิ
ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสฟงแตนโบลถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "Fontaine-la-Montagne" (น้ำพุใกล้เนินเขา, เนินเขาที่อ้างถึงคือบริเวณแนวเนินหินที่ตั้งอยู่ในป่าฟงแตนโบล)
เมื่อมาถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 พระราชวังก็ตกอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมลงเป็นอันมาก ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเฟอร์นิเจอร์เดิมก็ถูกขายทอดไป ในช่วงเดียวกับที่เฟอร์นิเจอร์ของพระราชวังหลวงของฝรั่งเศสทั้งหลายถูกทำลายและขายไปจากทุกพระราชวังเพื่อหาทุนในการต่อต้านไม่ให้ราชวงศ์บูร์บองเข้ามาใช้ได้อีก แต่จะอย่างไรก็ตามภายในสิบปีหลังจากนั้นจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ก็ทรงเปลี่ยนโฉมของฟงแตนโบลให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมียิ่งใหญ่และความรุ่งเรืองของฝรั่งเศสแทนที่พระราชวังแวร์ซายส์ที่ถูกทิ้งว่างไว้ ในปี ค.ศ. 1804 จักรพรรดินโปเลียนก็ทรงเจ้าภาพต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 ที่ฟงแตนโบลเมื่อเสด็จมาทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และอีกครั้งระหว่างปี ค.ศ. 1812 ถึงปี ค.ศ. 1814 เมื่อพระสันตะปาปาทรงถูกนำตัวมาเป็นนักโทษของนโปเลียน
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1807 มนตรีใน และ จักรพรรดินโปเลียนก็ลงนามในที่สเปนอนุญาตให้ฝรั่งเศสเดินทัพผ่านสเปนเพื่อไปรุกรานโปรตุเกส
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1814 ไม่นานก่อนที่จักรพรรดินโปเลียนจะทรงสละราชสมบัติ พระองค์ก็ทรงล่ำลากองทหารรักษาพระองค์เดิมที่รับราชการกับพระองค์มาตั้งแต่การรณรงค์ทางทหารครั้งแรกที่ “ลานม้าขาว” (la cour du Cheval Blanc) ที่หน้าวังฟงแตนโบล ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ได้รับการเรียกว่า “ลานแห่งการอำลา” สนธิสัญญาฟงแตนโบล แห่ง ค.ศ. 1814 ปลดจักรพรรดินโปเลียนจากอำนาจ (แต่มิได้ถอดพระองค์ออกจากการเป็นจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส) และเนรเทศพระองค์ไปยังเกาะเอลบา
ในเดือนกรกฎาคม และ สิงหาคม ค.ศ. 1946 เมืองฟงแตนโบลก็เป็นเจ้าภาพการประชุมฝรั่งเศส-เวียดนามที่มีวัตถุประสงค์ในการหาวิธีแก้ปัญหาการแสวงหาอิสรภาพของเวียดนามจากฝรั่งเศส แต่เป็นการประชุมที่ประสบความล้มเหลว
ลักษณะสถาปัตยกรรม
ฟงแตนโบลเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นแรกที่นำฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคแมนเนอริสม์ในด้านการตกแต่งภายใน และทางด้านการออกแบบตกแต่ง การตกแต่งภายในแบบแมนเนอริสม์ของฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เรียกกันว่าการตกแต่ง "แบบฟงแตนโบล" ที่เป็นการตกแต่งที่รวมทั้งงานประติมากรรม, งานโลหะ, จิตรกรรม, งานปูนปั้น และงานไม้ ส่วนภายนอกสิ่งก่อสร้างก็เริ่มมีการสวนแบบ (parterre) ฟงแตนโบลรวมจิตรกรรมที่เป็นอุปมานิทัศน์เข้ากับงานปูนปั้นที่เป็นกรอบรอบที่ตกแต่งคล้ายม้วนที่รวมลายอะราเบสก์ และ ความสวยของสตรีในอุดมคติของจิตรกรรมแบบฟงแตนโบลจะเป็นความสวยแบบแมนเนอริสม์: หัวเล็กบนคอยาว, เรือนร่างและแขนขาจะยาวกว่าปกติ หน้าอกเล็กและสูง—ที่เหมือนจะกลับไปมีลักษณะของปลายกอธิค งานศิลปะที่สร้างที่ฟงแตนโบลได้รับการบันทึกอย่างละเอียดเป็นงานพิมพ์ที่เป็นที่แพร่หลายกันในบรรดานักนิยมศิลปะ และ ศิลปินเอง งานที่สร้างเป็นงานพิมพ์จาก "" ที่เป็นลักษณะของการงานศิลปะแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เผยแพร่ไปยังบริเวณทางตอนเหนือของยุโรป โดยเฉพาะที่อันท์เวิร์พ และเยอรมนี และในที่สุดก็ไปถึงอังกฤษ
ปัจจุบัน
ในปัจจุบันฟงแตนโบลเป็นที่ตั้งของ (Écoles d'Art Américaines) ซึ่งเป็นสถาบันสำหรับนักศึกษาศิลปะ, สถาปัตยกรรม และ ดนตรีจากสหรัฐอเมริกา สถาบันก่อตั้งขึ้นโดยนายพล (John J. Pershing) เมื่อมาตั้งกองบัญชาการอยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ระเบียงภาพ
- ด้านซ้ายของลานเกียรติยศ
- ป่าโปร่งและถนนที่เป็นแนวกระจายออกไปรอบทิศจากตัวพระราชวัง
- โรงละคร, ราว ค.ศ. 1910
- ท้องพระโรง
ราว ค.ศ. 1890-1900 - ห้องบรรทมของนโปเลียน
ราว ค.ศ. 1890-1900 - ห้องบรรทมของ
มารี อองตัวเนต
ราว ค.ศ. 1890-1900 - ระเบียงพระเจ้าอองรีที่ 2
ราว ค.ศ. 1890-1900 - ภาพเขียนภายใน
ระเบียงพระเจ้าอองรีที่ 1
อ้างอิง
- UNESCO: Palace of Fontainebleau[1]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-25. สืบค้นเมื่อ March 19.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|accessyear=
ถูกละเว้น แนะนำ (|access-date=
) ((help))
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ พระราชวังฟงแตนโบล
- Musée Château de Fontainebleau (ฝรั่งเศส)
- Château de Fontainebleau 2006-06-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- World Heritage profile (อังกฤษ)
- Fontainebleau Castle (อังกฤษ)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha phrarachwngfngaetnobl xngkvs Palace of Fontainebleau frngess Chateau de Fontainebleau epnphrarachwngthitngxyuraw 55 kiolemtrcaksunyklangkhxngkrungparisinpraethsfrngess thiepnphrarachwnghlwngthiihythisudphrarachwnghnungkhxngfrngess singkxsrangthiehnxyuinpccubnepnnganthisrangkhunaelatxetimepliynaeplngodyphramhakstriyfrngesshlayphraxngkh swnthikxsranginkhriststwrrsthi 16 epnswnthisrangodyphraecafrxngswthi 1phrarachwngfngaetnobl Palace and Park of Fontainebleau aehlngmrdkolkodyyuensokphrarachwngfngaetnoblpraeths frngesspraephthmrdkthangwthnthrrmeknthphicarna ii iv prawtikarkhunthaebiynkhunthaebiyn2524 khnakrrmkarsmythi 5 chuxtamthiidkhunthaebiyninbychiaehlngmrdkolk phumiphakhthicdaebngodyyuensok phrarachwngfngaetnobl idrbkarkhunthaebiynepnmrdkolkodyxngkhkaryuensokinpi kh s 1981prawtiphrarachwnghlwng phraecahluysthi 14 thrnglastwthifngaetnoblckrphrrdinopeliynthi 1 thrngxalakxngthharrksaphraxngkhthihnaphrarachwngfngaetnobl kh s 1814 ckrphrrdinopeliynthi 3 thrngrbkhnarachthutsyam n phrarachwngfngaetnobl kh s 1864 wngfngaetnobledimtngxyu n thitngthiichsxymatngaetplaykhriststwrrsthi 12 thisrangodyphraecacharlthi 7 odymithxms ebkhekhthepnphuprakxbphithisthapnachaepl fngaetnoblepnthiprathbxnepnthioprdprankhxngphraecafilipthi 2 aela phraecahluysthi 9 phuthimibthbathsakhyinkarsrangphrarachwngthiehnknxyuinpccubnkhuxphraecafrxngswthi 1 odymisthapnik Gilles le Breton epnphusrangtwtukekuxbthukhlngkhxng lanrupikh Cour Ovale aelarwmthng pratuoder Porte Doree thiepnthangekhadanit nxkcaknnphraecafrxngswskyngthrngechiysthapnikesbasetiyon aesrliox cakxitalimayngfrngess aelaeloxnarod da winchi phayintwphrarachwngmiothngraebiyngphraecafrxngswsthi 1 Francois I Gallery thiaelntlxdpikhnungkhxngwngthitkaetngdwycitrkrrmfaphnnginkrxbpunpnaebbtang ody Rosso Fiorentino thiekhiynrahwang kh s 1522 thung kh s 1540 sungothngraebiyngaerkthiidrbtkaetngxyangwicitrinfrngess odythwipaelwkeriykidwafngaetnoblepnkarerimyukhfunfusilpwithyakhxngfrngess hxngeliyngrbrxng Salle des Fetes thimasranginrchsmykhxngphraecaxxngrithi 2 tkaetngodyfrnechsok primatichoch aela Niccolo dell Abbate swn nimfaehngfngaetnobl thiekhiynody Benvenuto Cellini thiekhiynihaekfngaetnoblinpccubntngaesdngxyuthiphiphithphnthlufr karkxsrangkhrngihyerimkhunxikkhrnginrchsmykhxngphraecaxxngrithi 2 aelaphraxkhrmehsiaekhthethxrin edx emdichi phuthrngcangsthapnik aela Jean Bullant txmaphraecaxxngrithi 4 kthrngtkaetngfngaetnoblkhxngphraecafrxngswsthi 1 aela phraecaxxngrithi 2 odythrngephimlan Cour des Princes aela othngraebiyngidaexn edx pwtieyr aela othngraebiyngesirf thitidknichepnhxngsmud inchwngnisilpinkhxng kepnphudaeninkartkaetngaetkimmakethaidnkaelaimepnngantnchbbethakbkartkaetnginrchsmykhxng inrchsmykhxngphraecafrxngswsthi 1 phraecaxxngrithi 4 thrngsrangkhlxngkhudyaw 1 200 emtrinxuthyanpaoprngthiinpccubnichtkplaid aelamiphrabrmrachoxngkarihpluksn exlm aelaimphl xuthyanpaoprngmienuxthiraw 80 ehkhtarodymikaaephngrxmrxbaelathnnepnraya phnknganxuthyankhxngphraecaxxngrithi 4 Claude Mollet phuidrbkarfukhdthi Chateau d Anet wangphngswnaebb Parterre nxkcaknnkyngthrngsrang jeu de paume hxngeln Real tennis thiyngkhngmixyuihehn sungepnhxngelnethnnisobranthiihythisudinolkthiepnkhxngsatharna phraecafilipthi 4 phraecaxxngrithi 3 aela phraecahluysthi 13 tangkesdcphrarachsmphphthifngaetnobl aelaphraecafilipesdcswrrkhtthini aekhkkhxngphrarachwngthisakhy kidaeksmedcphrarachininathkhristinaaehngswiednphuesdcmaprathbxyuepnewlahlaypihlngcakthithrngslarachsmbtiinpi kh s 1654 inpi kh s 1685 fngaetnoblkichepnthilngnamthiephikthxnphrarachkvsdikaaehngnxngs kh s 1598 fngaetnoblepnthiprathbkhxngphrarachxakhntukakhxngkstriyrachwngsburbxngthirwmthngphraecapietxrmharachaehngrsesiy aelaphraecakhrisetiynthi 7 aehngednmark karptiwtiaelackrwrrdi rahwangkarptiwtifrngessfngaetnoblthukepliynchuxepn Fontaine la Montagne naphuikleninekha eninekhathixangthungkhuxbriewnaenweninhinthitngxyuinpafngaetnobl emuxmathungplaykhriststwrrsthi 18 phrarachwngktkxyuinsphaphthiesuxmothrmlngepnxnmak rahwangkarptiwtifrngessefxrniecxredimkthukkhaythxdip inchwngediywkbthiefxrniecxrkhxngphrarachwnghlwngkhxngfrngessthnghlaythukthalayaelakhayipcakthukphrarachwngephuxhathuninkartxtanimihrachwngsburbxngekhamaichidxik aetcaxyangirktamphayinsibpihlngcaknnckrphrrdinopeliynthi 1 kthrngepliynochmkhxngfngaetnoblihklayepnsylksnkhxngkhwammiyingihyaelakhwamrungeruxngkhxngfrngessaethnthiphrarachwngaewrsaysthithukthingwangiw inpi kh s 1804 ckrphrrdinopeliynkthrngecaphaphtxnrbsmedcphrasntapapapixusthi 7 thifngaetnoblemuxesdcmathaphrarachphithibrmrachaphiesk aelaxikkhrngrahwangpi kh s 1812 thungpi kh s 1814 emuxphrasntapapathrngthuknatwmaepnnkothskhxngnopeliyn emuxwnthi 29 tulakhm kh s 1807 mntriin aela ckrphrrdinopeliynklngnaminthisepnxnuyatihfrngessedinthphphansepnephuxiprukranoprtueks emuxwnthi 18 emsayn kh s 1814 imnankxnthickrphrrdinopeliyncathrngslarachsmbti phraxngkhkthrnglalakxngthharrksaphraxngkhedimthirbrachkarkbphraxngkhmatngaetkarrnrngkhthangthharkhrngaerkthi lanmakhaw la cour du Cheval Blanc thihnawngfngaetnobl sungtngaetnnmakidrbkareriykwa lanaehngkarxala snthisyyafngaetnobl aehng kh s 1814 pldckrphrrdinopeliyncakxanac aetmiidthxdphraxngkhxxkcakkarepnckrphrrdiaehngfrngess aelaenrethsphraxngkhipyngekaaexlba ineduxnkrkdakhm aela singhakhm kh s 1946 emuxngfngaetnoblkepnecaphaphkarprachumfrngess ewiydnamthimiwtthuprasngkhinkarhawithiaekpyhakaraeswnghaxisrphaphkhxngewiydnamcakfrngess aetepnkarprachumthiprasbkhwamlmehlwlksnasthaptykrrmfngaetnoblmxngcakthaelsabhxsmudkhxngfngaetnobl fngaetnoblepnsthaptykrrmchinaerkthinafrngessekhasuyukhaemnenxrismindankartkaetngphayin aelathangdankarxxkaebbtkaetng kartkaetngphayinaebbaemnenxrismkhxngfrngessinkhriststwrrsthi 16 eriykknwakartkaetng aebbfngaetnobl thiepnkartkaetngthirwmthngnganpratimakrrm nganolha citrkrrm nganpunpn aelanganim swnphaynxksingkxsrangkerimmikarswnaebb parterre fngaetnoblrwmcitrkrrmthiepnxupmanithsnekhakbnganpunpnthiepnkrxbrxbthitkaetngkhlaymwnthirwmlayxaraebsk aela khwamswykhxngstriinxudmkhtikhxngcitrkrrmaebbfngaetnoblcaepnkhwamswyaebbaemnenxrism hwelkbnkhxyaw eruxnrangaelaaekhnkhacayawkwapkti hnaxkelkaelasung thiehmuxncaklbipmilksnakhxngplaykxthikh ngansilpathisrangthifngaetnoblidrbkarbnthukxyanglaexiydepnnganphimphthiepnthiaephrhlaykninbrrdankniymsilpa aela silpinexng nganthisrangepnnganphimphcak thiepnlksnakhxngkarngansilpaaebbihmthiepnexklksnephyaephripyngbriewnthangtxnehnuxkhxngyuorp odyechphaathixnthewirph aelaeyxrmni aelainthisudkipthungxngkvs pccubn inpccubnfngaetnoblepnthitngkhxng Ecoles d Art Americaines sungepnsthabnsahrbnksuksasilpa sthaptykrrm aela dntricakshrthxemrika sthabnkxtngkhunodynayphl John J Pershing emuxmatngkxngbychakarxyurahwangsngkhramolkkhrngthihnungraebiyngphaphlanekiyrtiyshnaphrarachwng Cour d Honneur of the palacedansaykhxnglanekiyrtiys paoprngaelathnnthiepnaenwkracayxxkiprxbthiscaktwphrarachwng ornglakhr raw kh s 1910 thxngphraorng raw kh s 1890 1900 hxngbrrthmkhxngnopeliyn raw kh s 1890 1900 hxngbrrthmkhxng mari xxngtwent raw kh s 1890 1900 raebiyngphraecaxxngrithi 2 raw kh s 1890 1900 phaphekhiynphayin raebiyngphraecaxxngrithi 1xangxingUNESCO Palace of Fontainebleau 1 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 06 25 subkhnemux March 19 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help imruckpharamietxr accessyear thuklaewn aenana access date help duephimmrdkolk yukhfunfusilpwithyafrngessaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb phrarachwngfngaetnobl Musee Chateau de Fontainebleau frngess Chateau de Fontainebleau 2006 06 17 thi ewyaebkaemchchin xngkvs World Heritage profile xngkvs Fontainebleau Castle xngkvs