ไส้ติ่งอักเสบ (อังกฤษ: appendicitis) คือภาวะที่มีการอักเสบของไส้ติ่ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดท้องบริเวณด้านขวาล่าง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร แต่ก็มีผู้ป่วยราว 40% ที่ไม่มีอาการตามแบบฉบับดังกล่าว ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงคือการแตกของไส้ติ่งที่อักเสบ ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง และติดเชื้อในกระแสเลือดได้
ไส้ติ่งอักเสบ | |
---|---|
ชื่ออื่น | Epityphlitis |
ภาพไส้ติ่งที่อักเสบและบวม ผ่าตามยาว | |
สาขาวิชา | |
อาการ | ปวดท้องด้านขวาล่าง, อาเจียน, เบื่ออาหาร |
ภาวะแทรกซ้อน | เยื่อบุช่องท้องอักเสบ, ติดเชื้อในกระแสเลือด |
วิธีวินิจฉัย | วินิจฉัยจากอาการ, การถ่ายภาพทางการแพทย์, การตรวจเลือด |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | , , , ท่อเลือดแดงส่วนท้องโป่งพอง |
การรักษา | , ยาปฏิชีวนะ |
ความชุก | 11.6 ล้านคน (2015) |
การเสียชีวิต | 50,100 (2015) |
สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบคือการอุดตันภายในไส้ติ่ง ส่วนใหญ่เกิดจากอุจจาระที่มีแคลเซียมจับ สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดการอุดตันเช่น ที่บวมขึ้นจากการติดเชื้อไวรัส ปรสิต หรือเนื้องอก การอุดตันนี้จะเพิ่มแรงดันภายในของไส้ติ่ง ทำให้มีเลือดไหลเวียนมายังเนื้อเยื่อไส้ติ่งน้อยลง แบคทีเรียที่มีอยู่แล้วจึงเพิ่มจำนวนทำให้เกิดการอักเสบ จากผลของการอักเสบ การขาดเลือด และการบวมตึงเหล่านี้ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ และทำให้เกิดเนื้อเยื่อตายตามมา หากไม่ได้รับการรักษา ไส้ติ่งที่อักเสบอาจแตกได้ ทำให้แบคทีเรียผ่านออกมาสู่ช่องท้อง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาอีก
การวินิจฉัยส่วนใหญ่จำเป็นต้องอาศัยอาการและอาการแสดงของผู้ป่วย หากอาการไม่ชัดเจนอาจจำเป็นต้องติดตามอาการ ใช้ภาพถ่ายรังสี หรือใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการมาช่วยในการวินิจฉัย วิธีถ่ายภาพทางการแพทย์ที่นิยมใช้ในการวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบคือการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงและการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) โดยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ให้ความแม่นยำสูงกว่า อย่างไรก็ดี การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงนิยมใช้เป็นการตรวจภาพทางการแพทย์วิธีแรกในเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงของการรับรังสีเหมือนในการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
วิธีการรักษาโดยมาตรฐานคือ อาจทำโดยหรือการผ่าตัดส่องกล้องก็ได้ การรักษาด้วยการผ่าตัดจะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตที่สัมพันธ์กับการเกิดไส้ติ่งแตกลงได้ การให้ยาปฏิชีวนะโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาไส้ติ่งอักเสบที่ยังไม่แตกซึ่งให้ผลเทียบเท่ากับการผ่าตัดได้ในบางกรณี โรคนี้เป็นโรคที่เป็นสาเหตุของที่พบบ่อยและสำคัญมากที่สุดโรคหนึ่ง ข้อมูลปี ค.ศ. 2015 พบว่ามีผู้ป่วยไส้ติ่งราว 11.6 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 50,100 คน ในสหรัฐพบว่าไส้ติ่งอักเสบเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการปวดท้องเฉียบพลันที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด แต่ละปีจะมีชาวสหรัฐประมาณ 300,000 คนป่วยจากไส้ติ่งอักเสบและต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก เป็นแพทย์คนแรกที่ได้บรรยายถึงโรคนี้เอาไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 1886
ไส้ติ่ง
ไส้ติ่งเป็นส่วนขยายของ มีรูปร่างเรียวหยาวคล้ายหนอน ทำให้มีคำเรียกในภาษาอังกฤษว่า vermiform appendix (ติ่งรูปหนอน) ความยาวโดยเฉลี่ย 8-10 เซนติเมตร (มีขนาดได้ตั้งแต่ 2-20 เซนติเมตร) เจริญขึ้นในเดือนที่ห้าของการตั้งครรภ์ และมีเนื้อเยื่อน้ำเหลือง (lymphoid follicle) ทั่วชั้นเยื่อเมือก เนื้อเยื่อน้ำเหลืองเหล่านี้จะมีจำนวนมากขึ้นและขยายขนาดเมื่อมีอายุ 8-20 ปี
สาเหตุ
จากหลักฐานในปัจจุบันเชื่อกันว่าโรคไส้ติ่งอักเสบเป็นผลที่เกิดจากการมีการอุดตันของไส้ติ่ง เมื่อเกิดมีการอุดตันเกิดขึ้นแล้ว ส่วนที่อุดตันนี้จะมีการคั่งของมูกมาอัดแน่นและบวมขึ้น มีความดันภายในส่วนที่อุดตันนี้และตัวผนังไส้ติ่งเองสูงขึ้น เกิดในหลอดเลือดขนาดเล็ก ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง น้อยครั้งที่จะมีไส้ติ่งที่เป็นถึงขั้นนี้แล้วกลับหายเป็นปกติได้เอง เมื่ออาการดำเนินต่อไปไส้ติ่งจะขาดเลือดและตายเฉพาะส่วนไป ต่อมาแบคทีเรียที่มีอยู่แล้วในลำไส้จะผ่านผนังไส้ติ่งที่ตายแล้วนี้ออกมา เกิดหนองขึ้นรอบ ๆ ไส้ติ่ง จนสุดท้ายแล้วไส้ติ่งที่อักเสบมากนี้จะแตกออกทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นพิษและเสียชีวิตได้
ในบรรดาสาเหตุต่าง ๆ ของการอุดตันของไส้ติ่ง เช่น การมีวัตถุแปลกปลอม การมีบาดแผล พยาธิ สาเหตุที่ได้รับความสนใจมากสาเหตุหนึ่งคือการมีไปอุดตัน พบว่ามีความชุกของการพบนิ่วอุจจาระในผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบในประเทศพัฒนาแล้วมากกว่าในประเทศกำลังพัฒนา และการมีนิ่วอุจจาระอุดตันในไส้ติ่งมักพบว่ามีความสัมพันธ์กับไส้ติ่งอักเสบรุนแรง นอกจากนี้ภาวะท้องผูกก็อาจมีส่วนด้วย ดังที่พบว่าผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบมีจำนวนครั้งการถ่ายอุจจาระต่อสัปดาห์น้อยกว่ากลุ่มควบคุมปกติอย่างมีนัยสำคัญ การเกิดมีนิ่วอุจจาระในไส้ติ่งสัมพันธ์กับการที่มีที่เก็บอุจจาระคั่งในและการมีช่วงเวลาในการบีบไล่อุจจาระนาน จากข้อมูลทางระบาดวิทยาพบว่าในกลุ่มประชากรที่ไม่เป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ไม่พบผู้ป่วยหรือเลย และพบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่น้อยมาก นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งไส้ตรงมักเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบนำมาก่อนด้วย มีหลายการศึกษาพบว่าการกินอาหารที่มีต่ำมีส่วนในการทำให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งตรงกันกับข้อมูลที่ว่าการกินอาหารที่มีกากใยต่ำทำให้มีช่วงเวลาในการบีบไล่อุจจาระนานขึ้น
อาการ
อาการของไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันนั้นอาจแบ่งได้เป็นสองชนิด คือชนิดตรงไปตรงมาและชนิดไม่ตรงไปตรงมา ประวัติของผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันชนิดตรงไปตรงมานั้นจะเริ่มจากมีอาการปวดบริเวณรอบสะดือก่อนที่จะย้ายไปปวดบริเวณหน้าท้องด้านล่างขวา ลักษณะนี้เกิดจากการที่อาการปวดในช่วงแรกเกิดจากที่รับความรู้สึกจากไส้ติ่งนั้นแบ่งแยกตำแหน่งความเจ็บปวดได้ไม่ชัดเจนเท่าอาการปวดในช่วงหลังที่เกิดจากอักเสบลุกลามไปยังเยื่อบุช่องท้องซึ่งมีที่สามารถระบุตำแหน่งอาการปวดได้ชัดเจนกว่า อาการปวดท้องมักมีร่วมกับอาการเบื่ออาหารและมีไข้ อย่างไรก็ดีไข้ไม่ใช่อาการที่จำเป็นต้องมีเสมอไป อาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน รู้สึก และรู้สึกไม่สบาย ด้วยอาการแบบตรงไปตรงมานี้ การวินิจฉัยสามารถทำได้ง่าย ผู้ป่วยมักได้รับการผ่าตัดรวดเร็วและผลออกมาไม่รุนแรง
อาการที่ไม่ตรงไปตรงมานั้นอาจเริ่มจากมีอาการปวดเริ่มที่หน้าท้องด้านล่างขวาตั้งแต่ต้น ท้องเสีย และมีการดำเนินโรคที่ยาวนานค่อยเป็นค่อยไปกว่า หากไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย หากไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ด้านหลังอาจมีอาการคลื่นไส้รุนแรงได้ บางรายอาจรู้สึกปวดเบ่ง
โรคไส้ติ่งอักเสบเรื้อรังต่างจากโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน อาการอาจแตกต่างได้มากในผู้ป่วยแต่ละคน ดังมีคำกล่าวว่า "ไม่มีลักษณะเฉพาะหรือการตรวจทั่วไปใด ๆ ที่จะใช้วินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบเรื้อรังเป็นซ้ำได้ จะต้องวินิจฉัยโดยการคัดออกเท่านั้น..."
อาการแสดง
ผลจากการมีไส้ติ่งอักเสบจะทำให้ผนังช่องท้องอ่อนไหวต่อการสัมผัสเบา ๆ มากขึ้น มีอาการกดเจ็บที่ท้อง หรือหากมีการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องมากอาจมี (rebound tenderness) ในกรณีที่ไส้ติ่งของผู้ป่วยอยู่ตำแหน่งหลังลำไส้ใหญ่อาจทำให้ไม่มีอาการเจ็บจากการตรวจทางหน้าท้องได้เพราะลำไส้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยอากาศจะกันไม่ให้แรงกดไปสัมผัสโดนไส้ติ่งที่อักเสบ ในกรณีเดียวกัน ถ้าไส้ติ่งอยู่ต่ำลงมาภายในอุ้งเชิงกรานก็จะตรวจไม่พบอาการเจ็บหน้าท้องหรือหน้าท้องแข็งเช่นกัน ในกรณีเช่นนี้จะตรวจพบอาการเจ็บใน ได้ การกระทำใด ๆ ที่เพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น การไอ จะทำให้มีอาการเจ็บที่ตำแหน่ง McBurney's point และเป็นวิธีตรวจหาตำแหน่งของไส้ติ่งที่อักเสบที่เจ็บน้อยที่สุด ถ้าตรวจหน้าท้องแล้วพบว่าหน้าท้องแข็งอย่างมากโดยที่ผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจเกร็งหน้าท้องแล้วเป็นไปได้มากว่าจะมีภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบแล้ว ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน
Rovsing's sign
การกดตรวจลึกบริเวณ ทางด้านซ้ายอาจทำให้มีอาการเจ็บบริเวณ iliac fossa ทางด้านขวา นี่เป็นลักษณะของ หรือ Rovsing's symptom ใช้วินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันได้
Psoas sign
บางครั้งไส้ติ่งที่อักเสบอาจมีตำแหน่งอยู่บนกล้ามเนื้อ จะทำให้ผู้ป่วยนอนงอสะโพกขวาเพื่อคลายความเจ็บปวดมาก
Obturator sign
ถ้าไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ติดกับกล้ามเนื้อ จะตรวจพบการเกร็งของกล้ามเนื้อโดยงอและหมุนข้อสะโพกเข้าด้านใน การกระทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บที่บริเวณท้องน้อย
การรักษา
ไส้ติ่งอักเสบรักษาโดย (อังกฤษ: Appendectomy) ในช่วงแรกผู้ป่วยจะได้รับการเตรียมการผ่าตัดโดยให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำในขณะที่งดน้ำและงดอาหาร อาจมีการให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น cefuroxime, ) ทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการแพร่กระจายของการติดเชื้อในช่องท้อง รวมถึงลดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดด้วย ถ้าผู้ป่วยท้องว่างอาจใช้การผ่าตัดโดย หรือไม่เช่นนั้นอาจใช้
การผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกในปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดโดยการใช้กล้องส่องตรวจช่องท้อง ส่วนในประเทศไทยยังนิยมใช้การผ่าตัดโดยการเปิดช่องท้องบริเวณ McBurney's point ตรงตำแหน่งที่เป็นไส้ติ่ง วิธีการกรีดแผลที่เป็นที่นิยมที่สุดคือการผ่าโดยใช้แนว gridion (แนวเฉียง) หรือแนวนอน มีรายงานการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกในผู้ป่วยสตรีโดยการใช้กล้องส่องตรวจผ่านทางช่องคลอดในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551
พยากรณ์โรค
ผลการรักษาไส้ติ่งอักเสบไม่ว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตามส่วนใหญ่ได้ผลดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับสู่ภาวะปกติในเวลาไม่นานหลังการผ่าตัด และหลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
พยากรณ์โรคโดยทั่วไปดีมาก อัตราการตายโดยรวมน้อยกว่า 1% มาก ภาวะเป็นโรคส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าไส้ติ่งนั้นอักเสบเฉียบพลันมากหรือไม่ หรือมีการแตกของไส้ติ่งที่อักเสบหรือไม่ ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อของแผลผ่าตัด พบในผู้ป่วยไส้ติ่งแตกประมาณ 1-5%
ปัญหาในการวินิจฉัย
การให้การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบในผู้ป่วยที่มาอาการชนิดตรงไปตรงมานั้นอาจทำได้ง่าย แพทย์อาจสามารถมั่นใจในการวินิจฉัยได้มากโดยอาศัยข้อมูลจากประวัติและการตรวจร่างกายก็เพียงพอ โดยอาศัยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นการเสริมความสมบูรณ์ของการวินิจฉัยเท่านั้น แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแบบไม่ตรงไปตรงมา เป็นไปได้ยากมากที่จะให้การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบในระยะแรก ๆ ของอาการเจ็บป่วย ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการเพียงปวดท้องทั่ว ๆ คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว ซึ่งเป็นอาการที่พบซ้อนกับโรคอื่น ๆ เช่นกระเพาะอักเสบหรือลำไส้อักเสบ เวลาที่ผ่านไปมากขึ้นจะทำให้อาการของผู้ป่วยแสดงออกเด่นชัดมากขึ้น จึงทำให้วินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้น ดังนั้นจึงมีกรณีผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้อง ไปพบแพทย์ในระยะแรกด้วยอาการที่ไม่ชัดเจน และได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (ให้ยา+กลับบ้าน และ/หรือ นัดติดตามการรักษา) ซึ่งต่อมากลับมีอาการไม่ดีขึ้น และไปตรวจอีกครั้งพบว่ามีอาการเป็นไส้ติ่งอักเสบชัดเจน กรณีนี้เช่นนี้พบได้เป็นจำนวนมาก
ประวัติศาสตร์
รายงานการค้นพบโรคไส้ติ่งอักเสบที่ไม่มีข้อสงสัยครั้งแรกของโลกเกิดขึ้นโดย Lorenz Heirster ศาสตราจารย์ทางศัลยศาสตร์ใน Altdorf, Franconia ในปี พ.ศ. 2254 ขณะผ่าตรวจศพ ส่วนการผ่าตัดไส้ติ่งครั้งแรกทำโดย Claudius Amyand ศัลยแพทย์กองทัพอังกฤษ โดย Amyan ทำการผ่าตัดไส้ติ่งในปี พ.ศ. 2278 โดยไม่ใช้เพื่อนำเอาไส้ติ่งที่แตกแล้วออกมา ต่อมา Reginald H. Fitz ซึ่งเป็นนักกายวิภาคพยาธิวิทยาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้อธิบายโรคไส้ติ่งอักเสบไว้ในปี พ.ศ. 2429 หลังจากศึกษากรณีการอักเสบและแตกของไส้ติ่งกว่า 257 กรณี และได้แนะนำให้รักษาโรคนี้โดยการผ่าตัดในระยะแรก ๆ ซึ่งคำแนะนำของเขายังเป็นจริงแม้ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี เนื่องจาก Fitz ไม่ใช่ศัลยแพทย์ คำแนะนำของเขาจึงถูกเพิกเฉยอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 ศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ H. Hancock ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดไส้ติ่งเป็นครั้งแรกในผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ต่อมาหลายปีหลังจากนี้ C. McBurney ชาวอเมริกาได้ตีพิมพ์รายงานชุดหนึ่งเกี่ยวกับการวินิจฉัยและรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน McBurney ผู้นี้เองที่เป็นเจ้าของชื่อของ McBurney point, McBurney incision และ McBurney's sign
ในปัจจุบันการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกไม่ว่าจะด้วยวิธีผ่าเปิดช่องท้องหรือการผ่าแบบส่องกล้องยังคงเป็นวิธีหลักในการรักษาไส้ติ่งอักเสบธรรมดา
อ้างอิง
- . Medical Dictionary. Merriam-Webster. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-30.
- Graffeo, Charles S.; Counselman, Francis L. (November 1996). "Appendicitis". Emergency Medicine Clinics of North America. 14 (4): 653–71. doi:10.1016/s0733-8627(05)70273-x. PMID 8921763.
- Hobler, K. (Spring 1998). (PDF). Permanente Medical Journal. 2 (2). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-03-06. สืบค้นเมื่อ 2019-05-18.
- Paulson, EK; Kalady, MF; Pappas, TN (16 January 2003). (PDF). The New England Journal of Medicine. 348 (3): 236–42. doi:10.1056/nejmcp013351. PMID 12529465. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-09-22. สืบค้นเมื่อ 2019-05-18.
- Ferri, Fred F. (2010). Ferri's differential diagnosis : a practical guide to the differential diagnosis of symptoms, signs, and clinical disorders (2nd ed.). Philadelphia, PA: Elsevier/Mosby. p. Chapter A. ISBN .
- Longo, Dan L.; และคณะ, บ.ก. (2012). (18th ed.). New York: McGraw-Hill. p. Chapter 300. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 March 2016. สืบค้นเมื่อ 6 November 2014.
- Varadhan KK, Neal KR, Lobo DN (2012). "Safety and efficacy of antibiotics compared with appendicectomy for treatment of uncomplicated acute appendicitis: meta-analysis of randomised controlled trials". The BMJ. 344: e2156. doi:10.1136/bmj.e2156. PMC 3320713. PMID 22491789.
- GBD 2015 Disease and Injury Incidence and Prevalence, Collaborators. (8 October 2016). "Global, regional, and national incidence, prevalence, and years lived with disability for 310 diseases and injuries, 1990-2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1545–1602. doi:10.1016/S0140-6736(16)31678-6. PMC 5055577. PMID 27733282.
{{}}
:|first1=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - GBD 2015 Mortality and Causes of Death, Collaborators. (8 October 2016). "Global, regional, and national life expectancy, all-cause mortality, and cause-specific mortality for 249 causes of death, 1980-2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1459–1544. doi:10.1016/s0140-6736(16)31012-1. PMC 5388903. PMID 27733281.
{{}}
:|first1=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - Pieper R, Kager L, Tidefeldt U (1982). "Obstruction of appendix vermiformis causing acute appendicitis. One of the most common causes of this is an acute viral infection which causes lymphoid hyperplasia and therefore obstruction. An experimental study in the rabbit". Acta Chirurgica Scandinavica. 148 (1): 63–72. PMID 7136413.
- Tintinalli, editor-in-chief Judith E. (2011). (7. ed.). New York: McGraw-Hill. p. Chapter 84. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 December 2016. สืบค้นเมื่อ 6 November 2014.
{{}}
:|first1=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - Schwartz's principles of surgery (9th ed.). New York: McGraw-Hill, Medical Pub. Division. 2010. p. Chapter 30. ISBN .
- Barrett, ML; Hines, AL; Andrews, RM (July 2013). (PDF). Healthcare Cost and Utilization Project Statistical Brief #159. PMID 24199256. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-10-20.
- Shogilev, DJ; Duus, N; Odom, SR; Shapiro, NI (November 2014). "Diagnosing appendicitis: evidence-based review of the diagnostic approach in 2014". The Western Journal of Emergency Medicine (Review). 15 (7): 859–71. doi:10.5811/westjem.2014.9.21568. PMC 4251237. PMID 25493136.
- Mason, RJ (August 2008). "Surgery for appendicitis: is it necessary?". Surgical Infections. 9 (4): 481–8. doi:10.1089/sur.2007.079. PMID 18687030.
- Fitz RH (1886). "Perforating inflammation of the vermiform appendix with special reference to its early diagnosis and treatment". American Journal of the Medical Sciences (92): 321–46.
- Wangensteen OH, Bowers WF (1937). "Significance of the obstructive factor in the genesis of acute appendicitis". Arch Surg. 34: 496–526. (อังกฤษ)
- Pieper R, Kager L, Tidefeldt U (1982). "Obstruction of appendix vermiformis causing acute appendicitis. An experimental study in the rabbit". Acta Chir Scand. 148 (1): 63–72. PMID 7136413.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - Jones BA, Demetriades D, Segal I, Burkitt DP (1985). "The prevalence of appendiceal fecaliths in patients with and without appendicitis. A comparative study from Canada and South Africa". Ann. Surg. 202 (1): 80–2. PMC 1250841. PMID 2990360.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - Nitecki S, Karmeli R, Sarr MG (1990). "Appendiceal calculi and fecaliths as indications for appendectomy". Surg Gynecol Obstet. 171 (3): 185–8. PMID 2385810.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - Arnbjörnsson E (1985). "Acute appendicitis related to faecal stasis". Ann Chir Gynaecol. 74 (2): 90–3. PMID 2992354. (อังกฤษ)
- Raahave D, Christensen E, Moeller H, Kirkeby LT, Loud FB, Knudsen LL (2007). "Origin of acute appendicitis: fecal retention in colonic reservoirs: a case control study". Surg Infect (Larchmt). 8 (1): 55–62. doi:10.1089/sur.2005.04250. PMID 17381397.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - Burkitt DP (1971). "The aetiology of appendicitis". Br J Surg. 58 (9): 695–9. PMID 4937032. (อังกฤษ)
- Segal I, Walker AR (1982). "Diverticular disease in urban Africans in South Africa". Digestion. 24 (1): 42–6. PMID 6813167. (อังกฤษ)
- Arnbjörnsson E (1982). "Acute appendicitis as a sign of a colorectal carcinoma". J Surg Oncol. 20 (1): 17–20. PMID 7078180. (อังกฤษ)
- Burkitt DP, Walker AR, Painter NS (1972). "Effect of dietary fibre on stools and the transit-times, and its role in the causation of disease". Lancet. 2 (7792): 1408–12. PMID 4118696.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - Adamis D, Roma-Giannikou E, Karamolegou K (2000). "Fiber intake and childhood appendicitis". Int J Food Sci Nutr. 51: 153–7.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - Hugh TB, Hugh TJ (2001). "Appendicectomy--becoming a rare event?". Med. J. Aust. 175 (1): 7–8. PMID 11476215. (อังกฤษ)
- Gear JS, Brodribb AJ, Ware A, Mann JI (1981). "Fibre and bowel transit times". Br. J. Nutr. 45 (1): 77–82. PMID 6258626.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () (อังกฤษ) - http://digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/appendicitis/#1 2010-02-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน National Digestive Diseases Information Clearinghouse (NDDIC)
- Van Winter Jo T (1998). "Chronic appendicitis: does it exist?". Journal of Family Practice. 46 (6): 507–9. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-08. สืบค้นเมื่อ 2009-02-19.
There are no typical findings or routine diagnostic modalities to diagnose chronic relapsing appendicitis. It is a diagnosis of exclusion...
(อังกฤษ) - N. T. Rovsing: Indirektes Hervorrufen des typischen Schmerzes an McBurney's Punkt. Ein Beitrag zur diagnostik der Appendicitis und Typhlitis. Zentralblatt für Chirurgie, Leipzig, 1907, 34: 1257-1259. (อังกฤษ)
- Palanivelu C, Rajan PS, Rangarajan M, Parthasarathi R, Senthilnathan P, Prasad M (March 2008). "Transvaginal endoscopic appendectomy in humans: a unique approach to NOTES-world's first report". Surg Endosc (ภาษาอังกฤษ). doi:10.1007/s00464-008-9811-5. PMID 18347865.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Ellis, Harold (1986-12-20). "The 100th birthday of appendicitis". Br Med J (Clin Res Ed). (ภาษาอังกฤษ). 293 (6562): 1617–8. PMID 3101942.
- Santacroce, Luigi; Juan B Ochoa (2008-08-14). "Appendicitis" (ภาษาอังกฤษ). eMedicine. สืบค้นเมื่อ 2009-02-20.
- McBurney, C. (1891). "II. The Indications for Early Laparotomy in Appendicitis". Ann Surg (ภาษาอังกฤษ). 13 (4): 233–54. PMID 17859535.
- Juan B Ochoa. "Charles McBurney" (ภาษาอังกฤษ). whonamedit.com. สืบค้นเมื่อ 2009-02-20.
แหล่งข้อมูลอื่น
การจำแนกโรค | D |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |
|
- Appendicitis, history, diagnosis and treatment 2007-02-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน by Surgeons Net Education
- Appendicitis Research 2015-02-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Latest research from the literature on appendicitis
- Appendicitis Update 2010-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Complete information including laparoscopic appendectomy
- Acute and Suppurative Appendicitis from the Spring 1998 issue of The Permanente Medical Journal
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
istingxkesb xngkvs appendicitis khuxphawathimikarxkesbkhxngisting phupwyswnihycamixakarpwdthxngbriewndankhwalang khlunis xaeciyn ebuxxahar aetkmiphupwyraw 40 thiimmixakartamaebbchbbdngklaw phawaaethrksxnrunaerngkhuxkaraetkkhxngistingthixkesb thaihekidkarxkesbkhxngeyuxbuchxngthxng aelatidechuxinkraaeseluxdidistingxkesbchuxxunEpityphlitisphaphistingthixkesbaelabwm phatamyawsakhawichaxakarpwdthxngdankhwalang xaeciyn ebuxxaharphawaaethrksxneyuxbuchxngthxngxkesb tidechuxinkraaeseluxdwithiwinicchywinicchycakxakar karthayphaphthangkaraephthy kartrwceluxdorkhxunthikhlaykn thxeluxdaedngswnthxngopngphxngkarrksa yaptichiwnakhwamchuk11 6 lankhn 2015 karesiychiwit50 100 2015 taaehnngkhxngistinginrabbthangedinxahar saehtukhxngistingxkesbkhuxkarxudtnphayinisting swnihyekidcakxuccarathimiaekhlesiymcb saehtuxunthithaihekidkarxudtnechn thibwmkhuncakkartidechuxiwrs prsit hruxenuxngxk karxudtnnicaephimaerngdnphayinkhxngisting thaihmieluxdihlewiynmayngenuxeyuxistingnxylng aebkhthieriythimixyuaelwcungephimcanwnthaihekidkarxkesb cakphlkhxngkarxkesb karkhadeluxd aelakarbwmtungehlanithaihekidkarbadecbtxenuxeyux aelathaihekidenuxeyuxtaytamma hakimidrbkarrksa istingthixkesbxacaetkid thaihaebkhthieriyphanxxkmasuchxngthxng thaihekidphawaaethrksxntang tammaxik karwinicchyswnihycaepntxngxasyxakaraelaxakaraesdngkhxngphupwy hakxakarimchdecnxaccaepntxngtidtamxakar ichphaphthayrngsi hruxichkartrwcthanghxngptibtikarmachwyinkarwinicchy withithayphaphthangkaraephthythiniymichinkarwinicchyistingxkesbkhuxkartrwcdwykhlunesiyngkhwamthisungaelakarexkserykhxmphiwetxr sithisaekn odykarexkserykhxmphiwetxrihkhwamaemnyasungkwa xyangirkdi kartrwcdwykhlunesiyngkhwamthisungniymichepnkartrwcphaphthangkaraephthywithiaerkinedkelkaelahyingtngkhrrph enuxngcakimmikhwamesiyngkhxngkarrbrngsiehmuxninkarexkserykhxmphiwetxr withikarrksaodymatrthankhux xacthaodyhruxkarphatdsxngklxngkid karrksadwykarphatdcasamarthldkhwamesiyngkhxngkarekidphawaaethrksxnaelakaresiychiwitthismphnthkbkarekidistingaetklngid karihyaptichiwnaodyimtxngphatdepnxikthangeluxkhnunginkarrksaistingxkesbthiyngimaetksungihphlethiybethakbkarphatdidinbangkrni orkhniepnorkhthiepnsaehtukhxngthiphbbxyaelasakhymakthisudorkhhnung khxmulpi kh s 2015 phbwamiphupwyistingraw 11 6 lankhn aelamiphuesiychiwitpraman 50 100 khn inshrthphbwaistingxkesbepnsaehtuthiphbbxythisudkhxngxakarpwdthxngechiybphlnthitxngrksadwykarphatd aetlapicamichawshrthpraman 300 000 khnpwycakistingxkesbaelatxngrksadwykarphatdexaistingxxk epnaephthykhnaerkthiidbrryaythungorkhniexaiwtngaet kh s 1886istingistingepnswnkhyaykhxng miruprangeriywhyawkhlayhnxn thaihmikhaeriykinphasaxngkvswa vermiform appendix tingruphnxn khwamyawodyechliy 8 10 esntiemtr mikhnadidtngaet 2 20 esntiemtr ecriykhunineduxnthihakhxngkartngkhrrph aelamienuxeyuxnaehluxng lymphoid follicle thwchneyuxemuxk enuxeyuxnaehluxngehlanicamicanwnmakkhunaelakhyaykhnademuxmixayu 8 20 pisaehtucakhlkthaninpccubnechuxknwaorkhistingxkesbepnphlthiekidcakkarmikarxudtnkhxngisting emuxekidmikarxudtnekidkhunaelw swnthixudtnnicamikarkhngkhxngmukmaxdaennaelabwmkhun mikhwamdnphayinswnthixudtnniaelatwphnngistingexngsungkhun ekidinhlxdeluxdkhnadelk khdkhwangkarihlewiynkhxngeluxdaelanaehluxng nxykhrngthicamiistingthiepnthungkhnniaelwklbhayepnpktiidexng emuxxakardaenintxipistingcakhadeluxdaelatayechphaaswnip txmaaebkhthieriythimixyuaelwinlaiscaphanphnngistingthitayaelwnixxkma ekidhnxngkhunrxb isting cnsudthayaelwistingthixkesbmaknicaaetkxxkthaihekideyuxbuchxngthxngxkesb sungxacthaihekidphawaeluxdepnphisaelaesiychiwitid inbrrdasaehtutang khxngkarxudtnkhxngisting echn karmiwtthuaeplkplxm karmibadaephl phyathi saehtuthiidrbkhwamsnicmaksaehtuhnungkhuxkarmiipxudtn phbwamikhwamchukkhxngkarphbniwxuccarainphupwyistingxkesbinpraethsphthnaaelwmakkwainpraethskalngphthna aelakarminiwxuccaraxudtninistingmkphbwamikhwamsmphnthkbistingxkesbrunaerng nxkcakniphawathxngphukkxacmiswndwy dngthiphbwaphupwyistingxkesbmicanwnkhrngkarthayxuccaratxspdahnxykwaklumkhwbkhumpktixyangminysakhy karekidminiwxuccarainistingsmphnthkbkarthimithiekbxuccarakhnginaelakarmichwngewlainkarbibilxuccaranan cakkhxmulthangrabadwithyaphbwainklumprachakrthiimepnorkhistingxkesb imphbphupwyhruxely aelaphbphupwymaernglaisihynxymak nxkcakniyngphbwaphupwymaernglaisihyaelamaerngistrngmkepnorkhistingxkesbnamakxndwy mihlaykarsuksaphbwakarkinxaharthimitamiswninkarthaihekidorkhistingxkesb sungtrngknkbkhxmulthiwakarkinxaharthimikakiytathaihmichwngewlainkarbibilxuccaranankhunxakarxakarkhxngistingxkesbechiybphlnnnxacaebngidepnsxngchnid khuxchnidtrngiptrngmaaelachnidimtrngiptrngma prawtikhxngphupwyistingxkesbechiybphlnchnidtrngiptrngmanncaerimcakmixakarpwdbriewnrxbsaduxkxnthicayayippwdbriewnhnathxngdanlangkhwa lksnaniekidcakkarthixakarpwdinchwngaerkekidcakthirbkhwamrusukcakistingnnaebngaeyktaaehnngkhwamecbpwdidimchdecnethaxakarpwdinchwnghlngthiekidcakxkesbluklamipyngeyuxbuchxngthxngsungmithisamarthrabutaaehnngxakarpwdidchdecnkwa xakarpwdthxngmkmirwmkbxakarebuxxaharaelamiikh xyangirkdiikhimichxakarthicaepntxngmiesmxip xacmixakarkhlunisaelaxaeciyn rusuk aelarusukimsbay dwyxakaraebbtrngiptrngmani karwinicchysamarththaidngay phupwymkidrbkarphatdrwderwaelaphlxxkmaimrunaerng xakarthiimtrngiptrngmannxacerimcakmixakarpwderimthihnathxngdanlangkhwatngaettn thxngesiy aelamikardaeninorkhthiyawnankhxyepnkhxyipkwa hakistingthixkesbsmphskbkraephaapssawaxacthaihmixakarpssawabxy hakistingthixkesbxyudanhlngxacmixakarkhlunisrunaerngid bangrayxacrusukpwdebng orkhistingxkesberuxrngtangcakorkhistingxkesbechiybphln xakarxacaetktangidmakinphupwyaetlakhn dngmikhaklawwa immilksnaechphaahruxkartrwcthwipid thicaichwinicchyistingxkesberuxrngepnsaid catxngwinicchyodykarkhdxxkethann xakaraesdngphlcakkarmiistingxkesbcathaihphnngchxngthxngxxnihwtxkarsmphseba makkhun mixakarkdecbthithxng hruxhakmikarxkesbkhxngeyuxbuchxngthxngmakxacmi rebound tenderness inkrnithiistingkhxngphupwyxyutaaehnnghlnglaisihyxacthaihimmixakarecbcakkartrwcthanghnathxngidephraalaisihythietmipdwyxakascaknimihaerngkdipsmphsodnistingthixkesb inkrniediywkn thaistingxyutalngmaphayinxungechingkrankcatrwcimphbxakarecbhnathxnghruxhnathxngaekhngechnkn inkrniechnnicatrwcphbxakarecbin id karkrathaid thiephimaerngdninchxngthxng echn karix cathaihmixakarecbthitaaehnng McBurney s point aelaepnwithitrwchataaehnngkhxngistingthixkesbthiecbnxythisud thatrwchnathxngaelwphbwahnathxngaekhngxyangmakodythiphupwyimidtngicekrnghnathxngaelwepnipidmakwacamiphawaeyuxbuchxngthxngxkesbaelw sungtxngidrbkarphatdodydwn Rovsing s sign karkdtrwclukbriewn thangdansayxacthaihmixakarecbbriewn iliac fossa thangdankhwa niepnlksnakhxng hrux Rovsing s symptom ichwinicchyistingxkesbechiybphlnid Psoas sign bangkhrngistingthixkesbxacmitaaehnngxyubnklamenux cathaihphupwynxnngxsaophkkhwaephuxkhlaykhwamecbpwdmak Obturator sign thaistingthixkesbxyutidkbklamenux catrwcphbkarekrngkhxngklamenuxodyngxaelahmunkhxsaophkekhadanin karkrathaechnnicathaihphupwymixakarecbthibriewnthxngnxykarrksakarphatdexaistingxkesbxxk istingxkesbrksaody xngkvs Appendectomy inchwngaerkphupwycaidrbkaretriymkarphatdodyihsarnathanghlxdeluxddaephuxpxngknimihrangkaykhadnainkhnathingdnaaelangdxahar xacmikarihyaptichiwna echn cefuroxime thanghlxdeluxddaephuxchwykhaechuxaebkhthieriyaelaldkaraephrkracaykhxngkartidechuxinchxngthxng rwmthungldphawaaethrksxnhlngkarphatddwy thaphupwythxngwangxacichkarphatdody hruximechnnnxacich karphatdexaistingxxkinpccubnniymichkarphatdodykarichklxngsxngtrwcchxngthxng swninpraethsithyyngniymichkarphatdodykarepidchxngthxngbriewn McBurney s point trngtaaehnngthiepnisting withikarkridaephlthiepnthiniymthisudkhuxkarphaodyichaenw gridion aenwechiyng hruxaenwnxn mirayngankarphatdexaistingxxkinphupwystriodykarichklxngsxngtrwcphanthangchxngkhlxdineduxnminakhm ph s 2551phyakrnorkhphlkarrksaistingxkesbimwacamiphawaaethrksxnekidkhunhruximktamswnihyidphldi phupwyswnihysamarthklbsuphawapktiinewlaimnanhlngkarphatd aelahlngcaknnsamarthichchiwitidtampkti phyakrnorkhodythwipdimak xtrakartayodyrwmnxykwa 1 mak phawaepnorkhswnihykhunxyukbwaistingnnxkesbechiybphlnmakhruxim hruxmikaraetkkhxngistingthixkesbhruxim phawaaethrksxnthiphbbxythisudkhuxkartidechuxkhxngaephlphatd phbinphupwyistingaetkpraman 1 5 pyhainkarwinicchy karihkarwinicchyistingxkesbinphupwythimaxakarchnidtrngiptrngmannxacthaidngay aephthyxacsamarthmnicinkarwinicchyidmakodyxasykhxmulcakprawtiaelakartrwcrangkaykephiyngphx odyxasyphltrwcthanghxngptibtikarepnkaresrimkhwamsmburnkhxngkarwinicchyethann aetinkrnithiphupwymixakaraebbimtrngiptrngma epnipidyakmakthicaihkarwinicchyistingxkesbinrayaaerk khxngxakarecbpwy sungphupwyxacmixakarephiyngpwdthxngthw khlunisxaeciyn thayehlw sungepnxakarthiphbsxnkborkhxun echnkraephaaxkesbhruxlaisxkesb ewlathiphanipmakkhuncathaihxakarkhxngphupwyaesdngxxkednchdmakkhun cungthaihwinicchyidaemnyamakkhun dngnncungmikrniphupwythimixakarpwdthxng ipphbaephthyinrayaaerkdwyxakarthiimchdecn aelaidrbkarrksaaebbphupwynxk ihya klbban aela hrux ndtidtamkarrksa sungtxmaklbmixakarimdikhun aelaiptrwcxikkhrngphbwamixakarepnistingxkesbchdecn krniniechnniphbidepncanwnmakprawtisastrrayngankarkhnphborkhistingxkesbthiimmikhxsngsykhrngaerkkhxngolkekidkhunody Lorenz Heirster sastracarythangslysastrin Altdorf Franconia inpi ph s 2254 khnaphatrwcsph swnkarphatdistingkhrngaerkthaody Claudius Amyand slyaephthykxngthphxngkvs ody Amyan thakarphatdistinginpi ph s 2278 odyimichephuxnaexaistingthiaetkaelwxxkma txma Reginald H Fitz sungepnnkkaywiphakhphyathiwithyainmhawithyalyharwardidxthibayorkhistingxkesbiwinpi ph s 2429 hlngcaksuksakrnikarxkesbaelaaetkkhxngistingkwa 257 krni aelaidaenanaihrksaorkhniodykarphatdinrayaaerk sungkhaaenanakhxngekhayngepncringaeminpccubn xyangirkdi enuxngcak Fitz imichslyaephthy khaaenanakhxngekhacungthukephikechyxyuepnrayaewlahnung hlngcaknninchwngthaykhxngstwrrsthi 19 slyaephthychawxngkvs H Hancock prasbkhwamsaercinkarphatdistingepnkhrngaerkinphupwyistingxkesbechiybphln txmahlaypihlngcakni C McBurney chawxemrikaidtiphimphraynganchudhnungekiywkbkarwinicchyaelarksaorkhistingxkesbechiybphln McBurney phuniexngthiepnecakhxngchuxkhxng McBurney point McBurney incision aela McBurney s sign inpccubnkarphatdexaistingxxkimwacadwywithiphaepidchxngthxnghruxkarphaaebbsxngklxngyngkhngepnwithihlkinkarrksaistingxkesbthrrmdaxangxing Medical Dictionary Merriam Webster khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 12 30 Graffeo Charles S Counselman Francis L November 1996 Appendicitis Emergency Medicine Clinics of North America 14 4 653 71 doi 10 1016 s0733 8627 05 70273 x PMID 8921763 Hobler K Spring 1998 PDF Permanente Medical Journal 2 2 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2021 03 06 subkhnemux 2019 05 18 Paulson EK Kalady MF Pappas TN 16 January 2003 PDF The New England Journal of Medicine 348 3 236 42 doi 10 1056 nejmcp013351 PMID 12529465 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2017 09 22 subkhnemux 2019 05 18 Ferri Fred F 2010 Ferri s differential diagnosis a practical guide to the differential diagnosis of symptoms signs and clinical disorders 2nd ed Philadelphia PA Elsevier Mosby p Chapter A ISBN 978 0323076999 Longo Dan L aelakhna b k 2012 18th ed New York McGraw Hill p Chapter 300 ISBN 978 0 07174889 6 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 30 March 2016 subkhnemux 6 November 2014 Varadhan KK Neal KR Lobo DN 2012 Safety and efficacy of antibiotics compared with appendicectomy for treatment of uncomplicated acute appendicitis meta analysis of randomised controlled trials The BMJ 344 e2156 doi 10 1136 bmj e2156 PMC 3320713 PMID 22491789 GBD 2015 Disease and Injury Incidence and Prevalence Collaborators 8 October 2016 Global regional and national incidence prevalence and years lived with disability for 310 diseases and injuries 1990 2015 a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015 Lancet 388 10053 1545 1602 doi 10 1016 S0140 6736 16 31678 6 PMC 5055577 PMID 27733282 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a first1 michuxeriykthwip help GBD 2015 Mortality and Causes of Death Collaborators 8 October 2016 Global regional and national life expectancy all cause mortality and cause specific mortality for 249 causes of death 1980 2015 a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015 Lancet 388 10053 1459 1544 doi 10 1016 s0140 6736 16 31012 1 PMC 5388903 PMID 27733281 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a first1 michuxeriykthwip help Pieper R Kager L Tidefeldt U 1982 Obstruction of appendix vermiformis causing acute appendicitis One of the most common causes of this is an acute viral infection which causes lymphoid hyperplasia and therefore obstruction An experimental study in the rabbit Acta Chirurgica Scandinavica 148 1 63 72 PMID 7136413 Tintinalli editor in chief Judith E 2011 7 ed New York McGraw Hill p Chapter 84 ISBN 978 0 07 174467 6 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 22 December 2016 subkhnemux 6 November 2014 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a first1 michuxeriykthwip help Schwartz s principles of surgery 9th ed New York McGraw Hill Medical Pub Division 2010 p Chapter 30 ISBN 978 0 07 1547703 Barrett ML Hines AL Andrews RM July 2013 PDF Healthcare Cost and Utilization Project Statistical Brief 159 PMID 24199256 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 10 20 Shogilev DJ Duus N Odom SR Shapiro NI November 2014 Diagnosing appendicitis evidence based review of the diagnostic approach in 2014 The Western Journal of Emergency Medicine Review 15 7 859 71 doi 10 5811 westjem 2014 9 21568 PMC 4251237 PMID 25493136 Mason RJ August 2008 Surgery for appendicitis is it necessary Surgical Infections 9 4 481 8 doi 10 1089 sur 2007 079 PMID 18687030 Fitz RH 1886 Perforating inflammation of the vermiform appendix with special reference to its early diagnosis and treatment American Journal of the Medical Sciences 92 321 46 Wangensteen OH Bowers WF 1937 Significance of the obstructive factor in the genesis of acute appendicitis Arch Surg 34 496 526 xngkvs Pieper R Kager L Tidefeldt U 1982 Obstruction of appendix vermiformis causing acute appendicitis An experimental study in the rabbit Acta Chir Scand 148 1 63 72 PMID 7136413 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs Jones BA Demetriades D Segal I Burkitt DP 1985 The prevalence of appendiceal fecaliths in patients with and without appendicitis A comparative study from Canada and South Africa Ann Surg 202 1 80 2 PMC 1250841 PMID 2990360 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs Nitecki S Karmeli R Sarr MG 1990 Appendiceal calculi and fecaliths as indications for appendectomy Surg Gynecol Obstet 171 3 185 8 PMID 2385810 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs Arnbjornsson E 1985 Acute appendicitis related to faecal stasis Ann Chir Gynaecol 74 2 90 3 PMID 2992354 xngkvs Raahave D Christensen E Moeller H Kirkeby LT Loud FB Knudsen LL 2007 Origin of acute appendicitis fecal retention in colonic reservoirs a case control study Surg Infect Larchmt 8 1 55 62 doi 10 1089 sur 2005 04250 PMID 17381397 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs Burkitt DP 1971 The aetiology of appendicitis Br J Surg 58 9 695 9 PMID 4937032 xngkvs Segal I Walker AR 1982 Diverticular disease in urban Africans in South Africa Digestion 24 1 42 6 PMID 6813167 xngkvs Arnbjornsson E 1982 Acute appendicitis as a sign of a colorectal carcinoma J Surg Oncol 20 1 17 20 PMID 7078180 xngkvs Burkitt DP Walker AR Painter NS 1972 Effect of dietary fibre on stools and the transit times and its role in the causation of disease Lancet 2 7792 1408 12 PMID 4118696 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs Adamis D Roma Giannikou E Karamolegou K 2000 Fiber intake and childhood appendicitis Int J Food Sci Nutr 51 153 7 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs Hugh TB Hugh TJ 2001 Appendicectomy becoming a rare event Med J Aust 175 1 7 8 PMID 11476215 xngkvs Gear JS Brodribb AJ Ware A Mann JI 1981 Fibre and bowel transit times Br J Nutr 45 1 77 82 PMID 6258626 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk xngkvs http digestive niddk nih gov ddiseases pubs appendicitis 1 2010 02 01 thi ewyaebkaemchchin National Digestive Diseases Information Clearinghouse NDDIC Van Winter Jo T 1998 Chronic appendicitis does it exist Journal of Family Practice 46 6 507 9 ekbcakaehlngedimemux 2012 07 08 subkhnemux 2009 02 19 There are no typical findings or routine diagnostic modalities to diagnose chronic relapsing appendicitis It is a diagnosis of exclusion xngkvs N T Rovsing Indirektes Hervorrufen des typischen Schmerzes an McBurney s Punkt Ein Beitrag zur diagnostik der Appendicitis und Typhlitis Zentralblatt fur Chirurgie Leipzig 1907 34 1257 1259 xngkvs Palanivelu C Rajan PS Rangarajan M Parthasarathi R Senthilnathan P Prasad M March 2008 Transvaginal endoscopic appendectomy in humans a unique approach to NOTES world s first report Surg Endosc phasaxngkvs doi 10 1007 s00464 008 9811 5 PMID 18347865 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Ellis Harold 1986 12 20 The 100th birthday of appendicitis Br Med J Clin Res Ed phasaxngkvs 293 6562 1617 8 PMID 3101942 Santacroce Luigi Juan B Ochoa 2008 08 14 Appendicitis phasaxngkvs eMedicine subkhnemux 2009 02 20 McBurney C 1891 II The Indications for Early Laparotomy in Appendicitis Ann Surg phasaxngkvs 13 4 233 54 PMID 17859535 Juan B Ochoa Charles McBurney phasaxngkvs whonamedit com subkhnemux 2009 02 20 aehlngkhxmulxunkarcaaenkorkhDICD 10 K35 K37ICD 540 543MeSH D001064 885 74400008thrphyakrphaynxk 000256 med 3430 emerg 41 ped 127 ped 2925 istingxkesbAppendicitis history diagnosis and treatment 2007 02 23 thi ewyaebkaemchchin by Surgeons Net Education Appendicitis Research 2015 02 20 thi ewyaebkaemchchin Latest research from the literature on appendicitis Appendicitis Update 2010 02 21 thi ewyaebkaemchchin Complete information including laparoscopic appendectomy Acute and Suppurative Appendicitis from the Spring 1998 issue of The Permanente Medical Journal