บทความนี้ไม่มีจาก |
สำหรับความหมายอื่น ดูที่ ดินแดนสุวรรณภูมิ อาณาจักรสุพรรณภูมิ หรือ แคว้นสุพรรณภูมิ เป็นแคว้นของชนชาติไทยในอดีต มีมาก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา โดยมีเมืองอู่ทองเป็นเมืองหลวง
การกำเนิด
สืบเนื่องจาก กษัตริย์โยนกเชียงแสน ครอง (เมืองฝาง) อพยพผู้คนหนีการโจมตีจากพวกมอญลงมาทางใต้ บรรดาเชื้อพระวงศ์และผู้คนต่างที่อพยพลงมาด้วยได้พากันแยกย้ายไปตั้งบ้านเมืองของตนอยู่ตามแคว้นต่าง ๆ โดยมีเมืองใหญ่ ๆ 2 เมืองคือ เมืองอโยธยา และเมืองอู่ทอง แคว้นสุพรรณภูมิ ต่อมา พระเจ้าไชยสิริทรงขยายอาณาเขตไปทางใต้และได้ปกครอง และได้ตั้งเมืองนครศิริธรรมราช (นครศรีธรรมราช) เป็นเมืองหลวง
ราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ในช่วง พ.ศ. 1843-พ.ศ. 1893 เมืองอู่ทองอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรสุโขทัย แต่มีหลายความคิดเกี่ยวกับเมืองสุพรรณภูมิ เช่น ต้นกำเนิดของพระเจ้าอู่ทองที่ยังคงมีความไม่ชัดเจน การปกครองแคว้นสุพรรณภูมิควบคู่ไปกับการปกครองอาณาจักรสุโขทัย ในช่วงหลังการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ภายหลังแคว้นสุพรรณภูมิได้ถูกลดความสำคัญลงเป็นหัวชั้นเมืองเอก (เมืองหน้าด่าน) เท่านั้น การปกครองจะมีการแต่งตั้งผู้ปกครองที่มีเชื้อสายราชวงศ์ทั้งทางสุโขทัยและอยุธยามาปกครองโดยมีตำแหน่ง "เจ้าเมืองอู่ทอง" ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองแคว้นสุพรรณภูมิสำหรับพระราชโอรสมักเรียกตามตำแหน่งสกุลยศว่า "ขุนหลวง" ในลักษณะคล้ายกับเมืองพิษณุโลกสองแคว และปกครอง (แพรกศรีราชา) นอกจากนี้พระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงศรีอยุธยาต้องทรงแต่งตั้งพระชายาผู้สืบเชื้อสายจากผู้ครองอาณาจักรสุพรรณภูมิในตำแหน่ง "" ด้วย
ผู้ปกครอง
- - พระราชบิดาในขุนหลวงพะงั่วและพระสสุระ (พ่อตา) ของพระเจ้าอู่ทองในช่วงก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา (มีผู้ปกครองเรียกว่า ผู้รั้ง)
- พระเจ้าอู่ทอง - ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา ครองเมืองต่อจากพระราชบิดาในขุนหลวงพะงั่ว
- ขุนหลวงพะงั่ว - เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 1893 ในการนั้นพระองค์ทรงสถาปนาขุนหลวงพะงั่วขึ้นเป็น "สมเด็จพระบรมราชาธิราช"
- พระศรีเทพาหูราช - เป็นพระโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) กับพระมหาเทวีซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระมหาธรรมราชาที่ ๑
- - เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระอินทราชาและพระเชษฐาในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)
รายพระนามพระมหากษัตริย์ ที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรสุพรรณภูมิ
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ - ทรงปกครองแคว้นสุพรรณภูมิก่อนทรงย้ายไปตั้งพระนครใหม่ที่เมืองอยุธยา
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ - มีพระนามเดิมว่า ขุนหลวงพะงั่ว เป็นพระเชษฐาของพระมเหสีในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ และได้ครองเมืองสุพรรณบุรี เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เสด็จสวรรคต พระองค์ได้นำกำลังจากเมืองสุพรรณบุรีมาประชิดกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระราเมศวรได้อัญเชิญพระองค์เข้าเมืองแล้วถวายพระราชสมบัติให้ พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อปี พ.ศ. 1913 เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 1931
- สมเด็จพระอินทราชา - สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีนครินทราธิราช หรือ สมเด็จพระนครินทราธิราช แต่นักประวัติศาสตร์บางท่านก็เชื่อว่าพระองค์คือ พระศรีเทพาหูราช
อ้างอิง
- พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ.ประวัติศาสตร์ไทย หน้า 525 - 527.
- พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ.ประวัติศาสตร์ไทย ตำนานพระเจ้าอู่ทอง หน้า 535.
บทอ่านเพิ่มเติม
- ฉันทัส เพียรธรรม. การสังเคราะห์องค์ความรู้ประวัติศาสตร์รัฐสุพรรณภูมิ จังหวัดสุพรรณบุรีด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วม. JOURNAL OF NAKHONRATCHASIMA COLLEGE Vol.11 No.1 January –April 2017. p. 272–290.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir sahrbkhwamhmayxun duthi dinaednsuwrrnphumi xanackrsuphrrnphumi hrux aekhwnsuphrrnphumi epnaekhwnkhxngchnchatiithyinxdit mimakxnsthapnakrungsrixyuthya odymiemuxngxuthxngepnemuxnghlwngkarkaenidsubenuxngcak kstriyoynkechiyngaesn khrxng emuxngfang xphyphphukhnhnikarocmticakphwkmxylngmathangit brrdaechuxphrawngsaelaphukhntangthixphyphlngmadwyidphaknaeykyayiptngbanemuxngkhxngtnxyutamaekhwntang odymiemuxngihy 2 emuxngkhux emuxngxoythya aelaemuxngxuthxng aekhwnsuphrrnphumi txma phraecaichysirithrngkhyayxanaekhtipthangitaelaidpkkhrxng aelaidtngemuxngnkhrsirithrrmrach nkhrsrithrrmrach epnemuxnghlwng rawphuththstwrrsthi 16 17 inchwng ph s 1843 ph s 1893 emuxngxuthxngxyuphayitkarpkkhrxngkhxngxanackrsuokhthy aetmihlaykhwamkhidekiywkbemuxngsuphrrnphumi echn tnkaenidkhxngphraecaxuthxngthiyngkhngmikhwamimchdecn karpkkhrxngaekhwnsuphrrnphumikhwbkhuipkbkarpkkhrxngxanackrsuokhthy inchwnghlngkarsthapnakrungsrixyuthya phayhlngaekhwnsuphrrnphumiidthukldkhwamsakhylngepnhwchnemuxngexk emuxnghnadan ethann karpkkhrxngcamikaraetngtngphupkkhrxngthimiechuxsayrachwngsthngthangsuokhthyaelaxyuthyamapkkhrxngodymitaaehnng ecaemuxngxuthxng sungepnsunyklangkarpkkhrxngaekhwnsuphrrnphumisahrbphrarachoxrsmkeriyktamtaaehnngskulyswa khunhlwng inlksnakhlaykbemuxngphisnuolksxngaekhw aelapkkhrxng aephrksriracha nxkcakniphramhakstriyphukhrxngkrungsrixyuthyatxngthrngaetngtngphrachayaphusubechuxsaycakphukhrxngxanackrsuphrrnphumiintaaehnng dwyphupkkhrxng phrarachbidainkhunhlwngphangwaelaphrassura phxta khxngphraecaxuthxnginchwngkxnsthapnakrungsrixyuthya miphupkkhrxngeriykwa phurng phraecaxuthxng kxnsthapnakrungsrixyuthya khrxngemuxngtxcakphrarachbidainkhunhlwngphangw khunhlwngphangw emuxsmedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng thrngsthapnakrungsrixyuthyaemuxpi ph s 1893 inkarnnphraxngkhthrngsthapnakhunhlwngphangwkhunepn smedcphrabrmrachathirach phrasriethphahurach epnphraoxrsinsmedcphrabrmrachathirachthi 1 khunhlwngphangw kbphramhaethwisungepnphrakhnisthakhxngphramhathrrmrachathi 1 epnphrarachoxrsinsmedcphraxinthrachaaelaphraechsthainsmedcphrabrmrachathirachthi 2 ecasamphraya rayphranamphramhakstriy thiekiywkhxngkbxanackrsuphrrnphumismedcphraramathibdithi 1 thrngpkkhrxngaekhwnsuphrrnphumikxnthrngyayiptngphrankhrihmthiemuxngxyuthya smedcphrabrmrachathirachthi 1 miphranamedimwa khunhlwngphangw epnphraechsthakhxngphramehsiinsmedcphraramathibdithi 1 aelaidkhrxngemuxngsuphrrnburi emuxsmedcphraramathibdithi 1 esdcswrrkht phraxngkhidnakalngcakemuxngsuphrrnburimaprachidkrungsrixyuthya smedcphraraemswridxyechiyphraxngkhekhaemuxngaelwthwayphrarachsmbtiih phraxngkhcungesdckhunkhrxngrachsmbtiemuxpi ph s 1913 esdcswrrkhtemuxpi ph s 1931 smedcphraxinthracha smedcphraxinthracha ecankhrxinthr hrux smedcphraramathibdisrinkhrinthrathirach hrux smedcphrankhrinthrathirach aetnkprawtisastrbangthankechuxwaphraxngkhkhux phrasriethphahurachxangxingphladisy siththithykic prawtisastrithy hna 525 527 phladisy siththithykic prawtisastrithy tananphraecaxuthxng hna 535 bthxanephimetimchnths ephiyrthrrm karsngekhraahxngkhkhwamruprawtisastrrthsuphrrnphumi cnghwdsuphrrnburidwykrabwnkarkarmiswnrwm JOURNAL OF NAKHONRATCHASIMA COLLEGE Vol 11 No 1 January April 2017 p 272 290