สไปโนซอรัส (อังกฤษ: Spinosaurus) มีความหมายว่าสัตว์เลื้อยคลานมีกระโดง ถูกค้นพบครั้งแรกในทะเลทรายซาฮาร่าของอียิปต์ เมื่อปี ค.ศ. 1915 โดยนักบรรพชีวินวิทยาชาวบาวาเรีย นาม โดยขุดค้นไปตามชายขอบด้านตะวันออกของระบบแม่น้ำโบราณซึ่งมีหินในชั้นแคมเบรียนก่อตัวเป็นพรมแดนด้านตะวันตก สไปโนซอรัสเป็นสัตว์กินเนื้อที่เดิน 2 ขาเป็นหลัก มีจุดเด่น คือกระดูกสันหลังสูงเป็นแผ่นคล้ายใบเรือ เป็นรูปทรงที่คล้ายกับตัว M มี 11 ชิ้น ชิ้นที่ยาวที่สุดมีความยาว 1.69 เมตร เนื่องจากถูกค้นพบฟอสซิลในบิรเวณใกล้แม่น้ำประเทศอียิปต์จึงได้ตั้งสันนิษฐานว่า อาหารของสไปโนซอรัสส่วนใหญ่อาจจะเป็นปลา พร้อมกับการที่มันมีกะโหลกที่คล้ายจะงอยปากแคบที่เต็มไปด้วยฟันรูปกรวยซึ่งสามารถใช้ในการจับเหยื่อตัวลื่นๆได้ มีหงอนเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่ระหว่างดวงตาทั้งสองข้างดวงตา แขนมีความแข็งแรง มีนิ้วอยู่ทั้งหมด 3 นิ้ว สามารถใช้เป็นอาวุธและจับเหยื่อได้
สไปโนซอรัส ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: –, 112.03–93.5Ma Possible record | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
เคลด: | ไดโนเสาร์ |
เคลด: | ซอริสเกีย |
เคลด: | เทโรพอด |
วงศ์: | † |
เผ่า: | † |
สกุล: | †Spinosaurus , 1915 |
ชนิดต้นแบบ | |
Spinosaurus aegyptiacus Stromer, 1915 | |
ชื่อพ้อง | |
|
มีความสูงจากพื้นถึงสะโพกที่ 3 เมตร ความยาวตั้งแต่ปลายจมูกจรดปลายหางประมาณ 15 เมตร ค้นพบฟอสซิลที่สมบูรณ์ที่สุดยาว 15 เมตร (ส่วนกะโหลก ยาว 1.75 ม.) น้ำหนัก 6-10 ตัน
อาศัยอยู่ใน ทวีปแอฟริกา มีชีวิตอยู่ในตอนกลางของยุคครีเทเชียส (100-97 ล้านปีที่แล้ว) ในช่วงที่มันอาศัยอยู่ในยุคครีเตเชียสตอนกลางมีไดโนเสาร์คาร์คาโรดอนโทซอริดส์ขนาดใหญ่ คือ คาร์คาโรดอนโทซอรัส ได้อาศัยอยู่ร่วมระบบนิเวศเดียวกันที่มีความยาวประมาณ 13 เมตร และเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่คู่แข่งของสไปโนซอรัสและไดโนเสาร์กินเนื้อสกุลอื่นแต่อย่างใด สไปโนซอรัสเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ1ในโลก , มันมีญาติอย่าง ซูโคไมมัส บารีออนนิกซ์
การค้นพบและข้อสันนิษฐาน
สไปโนซอรัสถูค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1915 โดยนักบรรพชีวินวิมยาชาวบาวาเรีย เอิร์ล สโตรเมอร์ โดยค้นพบในบริเวณทะเลทรายซาฮาราทางตะวันออกของประเทศอียิปต์ ซึ่งในสมัยนั้นมันถูกวาดขึ้นและสันนิษฐานหน้าตาให้คล้ายกับ T-rex หรือ อัลโลซอรัส เพราะมีการค้นพบเพียงส่วนของกรามล่าง กระโดงหลัง และกระดูกส่วนอื่นๆเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ภาพจำของสไปโนซอรัสในยุคนั้นจึงเหมือนกับ T-rex มีกระโดง ที่เดินหางลากพื้นเป็นกิ้งก่าอุ้ยอ้าย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1943 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดลงในเมืองมิวนิก ทำให้หลักฐานฟอสซิลของสไปโนซอรัสที่อยู่ในถูกทำลายจนหมดและตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีการค้นพบหลักฐานทางฟอสซิลของสไปโนซอรัสในแอฟริกาอีกเลย
จนกระที่งในปี ค.ศ.1990 ได้มีการค้นพบญาติสนิทของสไปโนซอรัสอย่าง ซูโคไมมัส และ บาริออนนิกซ์ จึงทำให้รู้ว่าสไปโนซอรัสนั้นไม่ได้มีหน้าสั้นคล้ายกับพวกอัลโลซอรัส แต่มีปากยาวแคบ ทำให้สไปโนซอรัสในยุคนี้มีหน้าตาที่คล้ายกับญาติสนิทของมัน คือมีลำตัวยาว ปากยาวแคบ มีหงอนขนาดเล็กอยู่เหนือดวงตาทั้งสองข้าง และมันเดินได้ด้วยสองขาหลัง มีกระโดงเป็นรูปครึ่งวงกลมขนาดใหญ่บนหลัง
และต่อมาในปี ค.ศ.2014 และ ได้เสนอทฤษฎีที่กล่าวว่า สไปโนซอรัสเป็นไดโนเสาร์ที่หากินอยู่ในน้ำเป็นหลัก โดยมีอาหารหลัก คือ ปลาและสัตว์น้ำ ด้วยรูจมูกซึ่งตั้งอยู่บนกะโหลกค่อนมาทางดวงตาช่วยให้หายใจได้แม้ส่วนใหญ่ของหัวจะจมลงในน้ำ และลำตัวทรงกระบอกที่คล้ายโลมาและวาฬ ส่วนความหนาแน่นของซี่โครงและกระดูกที่แขนก็คล้ายคลึงกับกระดูกของพะยูน ขาหลังที่สั้นและน่าจะเหมาะกับการว่ายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีกรงเล็บเท้าแบน ๆ ในเท้าหลังที่กว้างมีพังผืดเชื่อมต่อกันเหมือนตีนเป็ด อีกทั้งยังมีขากรรไกรเรียวยาวและฟันรูปกรวยคล้ายกับฟันของจระเข้น่าจะใช้จับปลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหลุมตรงปลายจมูกซึ่งปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นในสัตว์จำพวกจระเข้และอัลลิเกเตอร์ อาจมีตัวรับความดันสำหรับตรวจจับอาหารในน้ำขุ่น โดยเชื่อว่า เมื่อล่าเหยื่อ สไปโนซอรัสจะโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วงับปลาด้วยปากที่ยาว และเชื่อว่าสไปโนซอรัสใช้เวลาว่ายน้ำหาอาหารมากถึงร้อยละ 80 ต่อวัน
หลังจากมีการค้นพบขาหลังของสไปโนซอรัสในปี ค.ศ.2014 ก็พบว่าขาหลังของสไปโนซอรัสนั้นสั้น ยืน2ขาได้ลำบาก ต่างจากในภาพยนตร์จูราสสิค พาร์ค 3ได้ และยังมีการพบว่าเท้านั้นเป็นผังผืดเหมือนตีนเป็ด ซึ่งไม่เหมาะที่จะวิ่งไล่จับเหยือบนบกได้ ดังนั้นจึงคาดว่าน่าจะมีไว้ใช้ในการว่ายน้ำมากกว่า
กระโดงบนหลังของสไปโนซอรัส เดิมทีแล้วนักบรรพชีวินวิทยาได้สันนิฐานว่า น่าจะใช้ในการปรับอุณหภูมิของร่างกาย และใช้ในการทรงตัว จึงทำให้มันเป็นสัตว์ที่ตื่นตัวมาก
และต่อมา นิซาร์ อิบราฮัม และนักวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษากระโดงอย่างละเอียดแล้วว่า กระโดงนั้นมีปริมาณหลอดเลือดน้อยมากจึงไม่สามารถใช้ในการปรับอุณหภูมิ จึงได้สันนิฐานใหม่ว่า กระโดงน่าจะใช้ในการดึงดูดเพศตรงข้ามหรือไม่ก็ใช้ในการข่มขวัญพวกเดียวกันเองหรือไดโนเสาร์นักล่าสายพันธุ์อื่นๆ และได้มีการย้ายชิ้นส่วนกระโดงที่ยาวสุดไปไว้ช่วงท้าย เพื่อให้หางเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระมากขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ในการว่ายน้ำ
และล่าสุดในปี 2020 ได้มีการค้นพบฟอสซิลส่วนปลายหางของสไปโนซอรัส ซึ่งมันคือหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีของนิซาร์และพอลเป็นอย่างดี ซึ่งโครงกระดูกส่วนนี้เป็นกระดูกที่แสดงให้เห็นว่าสไปโนซอรัสนั้นเป็นสัตว์ (สัตว์ที่มีการหาอาหาร ความเป็นอยู่ รวมถึงการดำรงชีวิตต่างๆใกล้แหล่งน้ำ เช่น ตุ่นปากเป็ด แมวน้ำ จระเข้ เป็นต้น) จึงทำให้รูปร่างหน้าตาล่าสุดของสไปโนซอรัสนั้น มีหางเป็นใบพายคล้ายครีบปลาขนาดใหญ่ตั้งแต่โคนหางถึงปลายหาง จึงทำให้มันสามารถว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้ทำการทดลองเกี่ยวกับหางของสไปโนซอรัส โดยใช้แบบจำลองสามมิติในการทดสอบประสิทธิภาพของหางสไปโนซอรัสแล้วพบว่าหางของมันนั้นมีความยืดหยุ่นมากเมื่อเทียบกับเทอโรพอดชนิดอื่นๆ มันจึงสามรถว่ายน้ำได้อย่างอิสระ ส่วนลักษณะการเดินนั้นยังเป็นข้อสันนิษฐานกันอยู่ซึ่งมันอาจจะเดินด้วยสองขาหลังและสามารถใช้ในการว่ายน้ำได้อีกด้วยเพราะขาหลังของมันมีเล็บเท้าที่แบนเหมาะแก่การว่ายน้ำ พร้อมทั้งยังมีการสันนิษฐานว่ามันอาจจะมีพังผืดระหว่างนิ้วของพวกมันด้วย
ลักษณะเด่นและรายละเอียด
ขนาด
สไปโนซอรัสเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา โดยมีขนาดโดยประมาณคือ 15 - 17 เมตร และน้ำหนัก 11 - 16 ตัน ซึ่งถือว่าใหญ่กว่า นักล่าจากแดนใต้อย่าง จิกแกนโนโตซอรัส ที่มีขนาดอยู่ที่ 13 เมตร หนัก 14 - 15 ตัน และ ทรราชแห่งไดโนเสาร์ ไทแรนโนซอรัส ก็ยังมีขนาดเพียงแค่ 12.3 เมตรเท่านั้น สไปโนซอรัสจึงถือว่าเป็นไดโนเสาร์เทอโรพอดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็น Apex predator (สุดยอดนักล่า) เพราะมันมีคู่แข่งทางธรรมชาติอยู่มาก ทำให้มันต้องหันมากินปลาและสัตว์น้ำแทน เพื่อลดการเผชิญหน้ากับนักล่าขนาดใหญ่ตัวอื่น ซึ่งเป็นการสนับสนุนทฤษฎีของนิซาร์ได้เป็นอย่างดี
กะโหลก
กะโหลกของสไปโนซอรัสนั้นเป็นกะโหลกทรงแคบจากด้านข้างและทรงสูงต่างจากจระเข้ตรงที่จระเข้จะมีกะโหลกทรงแคบจากด้านบน ทำให้สไปโนซอรัสมีความแตกต่างจากจระเข้ สไปโนซอรัสมีจมูกที่ยาวแคบและมีรูอยู่บริเวณปลายปากซึ่งรูเหล่านั้นเป็นประสาทสัมผัสที่ส่งตรงถึงสมองโดยตรง ประสาทสัมผัสเหล่านี้เป็นส่วนช่วยในการล่าเหยื่อในน้ำของสไปโนซอรัส ซึ่งใช้ในการจับการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามรถรู้ถึงตำแหน่งของเหยื่อได้ โดยเจ้าสไปโนซอรัสจะจุ่มปลายปากลงไปในน้ำและกวาดไปมา พอจับการเคลื่อนไหวได้มันจะโจมตีทันที
โครงสร้างของกระโดงหลัง
อย่างที่รู้กันว่าสไปโนซอรัสนั้นเป็นไดโนเสาร์ที่มีกระดูกสันหลังสูงจนกลายเป็นกระโดงหลังที่มีลักษณะคล้ายใบเรือขนาดใหญ่ ที่เป็นรูปตัว M แต่ในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์และนักบรรพชีวินวิทยาหลายต่อหลายคนยังถกเถียงกันอยู่ถึงหน้าที่ของกระโดงหลังของเจ้าสไปโนซอรัส เพราะในตอนแรกที่ค้นพบมัน สโตรเมอร์ ได้สันนิษฐานไว้ว่ากระโดงหลังของมันนั้นใช้ในการปรับอุณหภูมิของร่างกายคล้ายกับกระโดงหลังของ ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในยุคเพอร์เมียนตอนกลาง (เจ้าไดเมโทรดอนมักถูกหลายๆคนเข้าใจผิดว่าเป็นสไปโนซอรัสอยู่ตลอด)
แต่สุดท้ายทฤษฏีนี้ก็ถูกปัดตกไปเพราะไม่มีการค้นพบร่องรอยของเส้นเลือดในโครงกระกระดูกกระโดงหลังเลย ต่างจากเจ้าสเตโกซอรัสที่มีการค้นพบร่องรอยของเส้นในแผ่นหลังของพวกมัน หรือจะเป็นไดเมโทรดอนก็เช่นกัน... ทำให้ได้มีการสันนิษฐานขึ้นมาใหม่ว่ากระโดงหลังของมันนั้นอาจจะใช้ในการข่มขู่ศัตรูและดึงดูดเพศตรงข้ามคล้ายกับหงอนหรือหางของนกยูง
ในวัฒนธรรมร่วมสมัย
สไปโนซอรัสได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง จูราสสิค พาร์ค 3 และกลายเป็นตัวชูโรงแทน T-REX ในภาพยนตร์ได้เปรียบเทียบการต่อสู้ของไดโนเสาร์นักล่า 2 พันธุ์มาประจันหน้ากัน ซึ่งท้ายที่สุด สไปโนซอรัส ซึ่งได้เปรียบที่ขนาดตัว และ น้ำหนักที่มากกว่า เป็นฝ่ายหักคอ T-REX ล้มไป ใน จูราสสิค เวิลด์ สไปโนซอรัสมาในรูปแบบโครงกระดูก และถูก ทีเร็กซ์พุ่งชนพังทลาย
สไปโนซอรัสยังปรากฏตัวในสารคดีของ BBC เรื่อง Planet dinosaurs ตอนที่ 1 lost world ซึ่งในตอนจบได้เข้าปะทะกับคาร์คาโรดอนโตซอรัสที่อยู่ในเขตเดียวกัน แม้ในตอนแรกสไปโนซอรัสจะขับไล่คาร์คาโรดอนโตซอรัสไปได้ แต่ในที่สุด ด้วยการกัดที่อันตรายกว่าของคาร์คาโรดอนโตซอรัสก็ทำให้สไปโนซอรัสพบจุดจบในที่สุด
ดูเพิ่ม
- แบรีออนิกซ์ (Baryonyx walkeri)
- ซูโคไมมัส (Suchomimus tenerensis)
- อิริเทเทอร์ (Irritator challengeri)
- สยามโมซอรัส (Siamosaurus suteethorni)
- (Ichthyovenator laosensis)
อ้างอิง
- Churcher, C. S; De Iuliis, G (2001). "A new species of Protopterus and a revision of Ceratodus humei (Dipnoi: Ceratodontiformes) from the Late Cretaceous Mut Formation of eastern Dakhleh Oasis, Western Desert of Egypt". Palaeontology. 44 (2): 305–323. doi:10.1111/1475-4983.00181.
- เอลเบน,แอชเชอร์ (26 มกราคม 2564)https://www.nytimes.com/2021/01/26/science/spinosaurus-underwater-dinosaur.html นิวยอร์กไทมส์
- Smith , J.B.; Lamanna , M.C.; Mayr, H.; และ Larcovara, K.J. (2006) "ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับ spinosaurus aegyptiacus,Stromer,1915" วารสารบรรพชีวินวิทยา
- https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0195667120302068?via%3Dihub
แหล่งข้อมูลอื่น
- Spinosaurus in the Dino Directory
- Spinosaurus at DinoData
- The Biggest Carnivore: Dinosaur History Rewritten
- Spinosaurus Jaws 2012-02-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Discover Magazine
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
siponsxrs xngkvs Spinosaurus mikhwamhmaywastweluxykhlanmikraodng thukkhnphbkhrngaerkinthaelthraysaharakhxngxiyipt emuxpi kh s 1915 odynkbrrphchiwinwithyachawbawaeriy nam odykhudkhniptamchaykhxbdantawnxxkkhxngrabbaemnaobransungmihininchnaekhmebriynkxtwepnphrmaedndantawntk siponsxrsepnstwkinenuxthiedin 2 khaepnhlk micudedn khuxkraduksnhlngsungepnaephnkhlayiberux epnrupthrngthikhlaykbtw M mi 11 chin chinthiyawthisudmikhwamyaw 1 69 emtr enuxngcakthukkhnphbfxssilinbirewniklaemnapraethsxiyiptcungidtngsnnisthanwa xaharkhxngsiponsxrsswnihyxaccaepnpla phrxmkbkarthimnmikaohlkthikhlaycangxypakaekhbthietmipdwyfnrupkrwysungsamarthichinkarcbehyuxtwlunid mihngxnediywkhnadihyxyurahwangdwngtathngsxngkhangdwngta aekhnmikhwamaekhngaerng miniwxyuthnghmd 3 niw samarthichepnxawuthaelacbehyuxidsiponsxrs chwngewlathimichiwitxyu 112 03 93 5Ma PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg N Possible recordkarcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr stwiflm stwmiaeknsnhlngekhld idonesarekhld sxrisekiyekhld ethorphxdwngs epha skul Spinosaurus 1915chnidtnaebbSpinosaurus aegyptiacus Stromer 1915chuxphxng Spinosaurus maroccanus 1996 Russell 1996 mikhwamsungcakphunthungsaophkthi 3 emtr khwamyawtngaetplaycmukcrdplayhangpraman 15 emtr khnphbfxssilthismburnthisudyaw 15 emtr swnkaohlk yaw 1 75 m nahnk 6 10 tn xasyxyuin thwipaexfrika michiwitxyuintxnklangkhxngyukhkhriethechiys 100 97 lanpithiaelw inchwngthimnxasyxyuinyukhkhrietechiystxnklangmiidonesarkharkhaordxnothsxridskhnadihy khux kharkhaordxnothsxrs idxasyxyurwmrabbniewsediywknthimikhwamyawpraman 13 emtr aelaepnidonesarkinenuxkhnadihythiimichkhuaekhngkhxngsiponsxrsaelaidonesarkinenuxskulxunaetxyangid siponsxrsepnidonesarkinenuxthiihythisudepnxndb1inolk mnmiyatixyang suokhimms barixxnnikskarkhnphbaelakhxsnnisthansiponsxrsthukhnphbkhrngaerkinpi kh s 1915 odynkbrrphchiwinwimyachawbawaeriy exirl sotremxr odykhnphbinbriewnthaelthraysaharathangtawnxxkkhxngpraethsxiyipt sunginsmynnmnthukwadkhunaelasnnisthanhnataihkhlaykb T rex hrux xlolsxrs ephraamikarkhnphbephiyngswnkhxngkramlang kraodnghlng aelakradukswnxunephiyngelknxyethann thaihphaphcakhxngsiponsxrsinyukhnncungehmuxnkb T rex mikraodng thiedinhanglakphunepnkingkaxuyxay txmainpi kh s 1943 chwngsngkhramolkkhrngthi 2 faysmphnthmitridthingraebidlnginemuxngmiwnik thaihhlkthanfxssilkhxngsiponsxrsthixyuinthukthalaycnhmdaelatngaetnnmakimmikarkhnphbhlkthanthangfxssilkhxngsiponsxrsinaexfrikaxikely cnkrathinginpi kh s 1990 idmikarkhnphbyatisnithkhxngsiponsxrsxyang suokhimms aela barixxnniks cungthaihruwasiponsxrsnnimidmihnasnkhlaykbphwkxlolsxrs aetmipakyawaekhb thaihsiponsxrsinyukhnimihnatathikhlaykbyatisnithkhxngmn khuxmilatwyaw pakyawaekhb mihngxnkhnadelkxyuehnuxdwngtathngsxngkhang aelamnediniddwysxngkhahlng mikraodngepnrupkhrungwngklmkhnadihybnhlng phaphkhxngsiponsxrsinchwngyukh 1990 aelatxmainpi kh s 2014 aela idesnxthvsdithiklawwa siponsxrsepnidonesarthihakinxyuinnaepnhlk odymixaharhlk khux plaaelastwna dwyrucmuksungtngxyubnkaohlkkhxnmathangdwngtachwyihhayicidaemswnihykhxnghwcacmlnginna aelalatwthrngkrabxkthikhlayolmaaelawal swnkhwamhnaaennkhxngsiokhrngaelakradukthiaekhnkkhlaykhlungkbkradukkhxngphayun khahlngthisnaelanacaehmaakbkarwayna odyechphaaxyangyingkarthimikrngelbethaaebn inethahlngthikwangmiphngphudechuxmtxknehmuxntinepd xikthngyngmikhakrrikreriywyawaelafnrupkrwykhlaykbfnkhxngcraekhnacaichcbplaidxyangmiprasiththiphaph swnhlumtrngplaycmuksungpccubnyngpraktihehninstwcaphwkcraekhaelaxllieketxr xacmitwrbkhwamdnsahrbtrwccbxaharinnakhun odyechuxwa emuxlaehyux siponsxrscaonmtwipkhanghnaaelwngbpladwypakthiyaw aelaechuxwasiponsxrsichewlawaynahaxaharmakthungrxyla 80 txwn hnatakhxngsiponsxrsthi nisar aela phxlidesnxiwinpi 2014 hlngcakmikarkhnphbkhahlngkhxngsiponsxrsinpi kh s 2014 kphbwakhahlngkhxngsiponsxrsnnsn yun2khaidlabak tangcakinphaphyntrcurassikh pharkh 3id aelayngmikarphbwaethannepnphngphudehmuxntinepd sungimehmaathicawingilcbehyuxbnbkid dngnncungkhadwanacamiiwichinkarwaynamakkwa kraodngbnhlngkhxngsiponsxrs edimthiaelwnkbrrphchiwinwithyaidsnnithanwa nacaichinkarprbxunhphumikhxngrangkay aelaichinkarthrngtw cungthaihmnepnstwthituntwmak aelatxma nisar xibrahm aelankwithyasastr idsuksakraodngxyanglaexiydaelwwa kraodngnnmiprimanhlxdeluxdnxymakcungimsamarthichinkarprbxunhphumi cungidsnnithanihmwa kraodngnacaichinkardungdudephstrngkhamhruximkichinkarkhmkhwyphwkediywknexnghruxidonesarnklasayphnthuxun aelaidmikaryaychinswnkraodngthiyawsudipiwchwngthay ephuxihhangekhluxnthiidxyangxisramakkhunsungepnpraoychninkarwayna phaphkhxngsiponsxrsthikalnglaehyuxitna ody Denny Navarra aelalasudinpi 2020 idmikarkhnphbfxssilswnplayhangkhxngsiponsxrs sungmnkhuxhlkthanthisnbsnunthvsdikhxngnisaraelaphxlepnxyangdi sungokhrngkradukswnniepnkradukthiaesdngihehnwasiponsxrsnnepnstw stwthimikarhaxahar khwamepnxyu rwmthungkardarngchiwittangiklaehlngna echn tunpakepd aemwna craekh epntn cungthaihrupranghnatalasudkhxngsiponsxrsnn mihangepnibphaykhlaykhribplakhnadihytngaetokhnhangthungplayhang cungthaihmnsamarthwaynaidxyangkhlxngaekhlw nkwithyasastrhlaykhnidthakarthdlxngekiywkbhangkhxngsiponsxrs odyichaebbcalxngsammitiinkarthdsxbprasiththiphaphkhxnghangsiponsxrsaelwphbwahangkhxngmnnnmikhwamyudhyunmakemuxethiybkbethxorphxdchnidxun mncungsamrthwaynaidxyangxisra swnlksnakaredinnnyngepnkhxsnnisthanknxyusungmnxaccaedindwysxngkhahlngaelasamarthichinkarwaynaidxikdwyephraakhahlngkhxngmnmielbethathiaebnehmaaaekkarwayna phrxmthngyngmikarsnnisthanwamnxaccamiphngphudrahwangniwkhxngphwkmndwylksnaednaelaraylaexiydkhnad tarangepriybethiybkhnadkhxngethxorphxdkhnadihyhlaychnidkbtwkhxngmnusy siponsxrsepnidonesarkinenuxthimikhnadihythisudethathiekhykhnphbma odymikhnadodypramankhux 15 17 emtr aelanahnk 11 16 tn sungthuxwaihykwa nklacakaednitxyang cikaeknonotsxrs thimikhnadxyuthi 13 emtr hnk 14 15 tn aela thrrachaehngidonesar ithaernonsxrs kyngmikhnadephiyngaekh 12 3 emtrethann siponsxrscungthuxwaepnidonesarethxorphxdthiihythisudethathiekhykhnphbma aetkichwamncaepn Apex predator sudyxdnkla ephraamnmikhuaekhngthangthrrmchatixyumak thaihmntxnghnmakinplaaelastwnaaethn ephuxldkarephchiyhnakbnklakhnadihytwxun sungepnkarsnbsnunthvsdikhxngnisaridepnxyangdiphaphkhxngrubriewnplaycmukthiepnprasathsmphssahrbichinkarlaehyuxitnakaohlk kaohlkkhxngsiponsxrsthimikhnadpraman 1 75 emtr kaohlkkhxngsiponsxrsnnepnkaohlkthrngaekhbcakdankhangaelathrngsungtangcakcraekhtrngthicraekhcamikaohlkthrngaekhbcakdanbn thaihsiponsxrsmikhwamaetktangcakcraekh siponsxrsmicmukthiyawaekhbaelamiruxyubriewnplaypaksungruehlannepnprasathsmphsthisngtrngthungsmxngodytrng prasathsmphsehlaniepnswnchwyinkarlaehyuxinnakhxngsiponsxrs sungichinkarcbkarekhluxnihwephiyngelknxyksamrthruthungtaaehnngkhxngehyuxid odyecasiponsxrscacumplaypaklngipinnaaelakwadipma phxcbkarekhluxnihwidmncaocmtithnthi okhrngsrangkhxngkraodnghlng xyangthiruknwasiponsxrsnnepnidonesarthimikraduksnhlngsungcnklayepnkraodnghlngthimilksnakhlayiberuxkhnadihy thiepnruptw M aetintxnninkwithyasastraelankbrrphchiwinwithyahlaytxhlaykhnyngthkethiyngknxyuthunghnathikhxngkraodnghlngkhxngecasiponsxrs ephraaintxnaerkthikhnphbmn sotremxr idsnnisthaniwwakraodnghlngkhxngmnnnichinkarprbxunhphumikhxngrangkaykhlaykbkraodnghlngkhxng thiepnstweluxykhlankhlaystweliynglukdwynm sungekhyxasyxyuinyukhephxremiyntxnklang ecaidemothrdxnmkthukhlaykhnekhaicphidwaepnsiponsxrsxyutlxd idemothrdxn epnstweluxykhlankhlaystweliynglukdwynmthixasyxyuinyukhephxremiyntxnklang odykraodnghlngsungednkhxngmnnnsamarthichinkarprbxunhphumirangkayid aetsudthaythvstinikthukpdtkipephraaimmikarkhnphbrxngrxykhxngesneluxdinokhrngkrakradukkraodnghlngely tangcakecasetoksxrsthimikarkhnphbrxngrxykhxngesninaephnhlngkhxngphwkmn hruxcaepnidemothrdxnkechnkn thaihidmikarsnnisthankhunmaihmwakraodnghlngkhxngmnnnxaccaichinkarkhmkhustruaeladungdudephstrngkhamkhlaykbhngxnhruxhangkhxngnkyunginwthnthrrmrwmsmysiponsxrsidpraktinphaphyntreruxng curassikh pharkh 3 aelaklayepntwchuorngaethn T REX inphaphyntridepriybethiybkartxsukhxngidonesarnkla 2 phnthumapracnhnakn sungthaythisud siponsxrs sungidepriybthikhnadtw aela nahnkthimakkwa epnfayhkkhx T REX lmip in curassikh ewild siponsxrsmainrupaebbokhrngkraduk aelathuk thierksphungchnphngthlay siponsxrsyngprakttwinsarkhdikhxng BBC eruxng Planet dinosaurs txnthi 1 lost world sungintxncbidekhapathakbkharkhaordxnotsxrsthixyuinekhtediywkn aemintxnaerksiponsxrscakhbilkharkhaordxnotsxrsipid aetinthisud dwykarkdthixntraykwakhxngkharkhaordxnotsxrskthaihsiponsxrsphbcudcbinthisudduephimaebrixxniks Baryonyx walkeri suokhimms Suchomimus tenerensis xiriethethxr Irritator challengeri syamomsxrs Siamosaurus suteethorni Ichthyovenator laosensis xangxingChurcher C S De Iuliis G 2001 A new species of Protopterus and a revision of Ceratodus humei Dipnoi Ceratodontiformes from the Late Cretaceous Mut Formation of eastern Dakhleh Oasis Western Desert of Egypt Palaeontology 44 2 305 323 doi 10 1111 1475 4983 00181 exlebn aexchechxr 26 mkrakhm 2564 https www nytimes com 2021 01 26 science spinosaurus underwater dinosaur html niwyxrkithms Smith J B Lamanna M C Mayr H aela Larcovara K J 2006 khxmulihmekiywkb spinosaurus aegyptiacus Stromer 1915 warsarbrrphchiwinwithya https www sciencedirect com science article abs pii S0195667120302068 via 3Dihubaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb siponsxrs wikispichismikhxmulphasaxngkvsekiywkb Spinosaurus Spinosaurus in the Dino Directory Spinosaurus at DinoData The Biggest Carnivore Dinosaur History Rewritten Spinosaurus Jaws 2012 02 08 thi ewyaebkaemchchin Discover Magazine bthkhwambrrphchiwinwithyaniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk