บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า "วัดใหญ่" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร | |
---|---|
พระอัฎฐารส พระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติและพระปรางค์ประธานวัดเบื้องหลัง | |
ชื่อสามัญ | วัดใหญ่, วัดหลวงพ่อใหญ่, วัดพระพุทธชินราช |
ที่ตั้ง | 92/3 ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
พระประธาน | พระพุทธชินราช |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระพุทธชินสีห์, พระศรีศาสดา, พระอัฏฐารส, พระเหลือ |
เจ้าอาวาส | พระเทพรัตนมุนี (สุรชัย สุรชโย) |
กิจกรรม | งานนมัสการพระพุทธชินราชในวันขึ้น 6 ค่ำ ถึงวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 |
ส่วนหนึ่งของ |
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมและประติมากรรมที่งดงามยิ่ง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก
ประวัติ
วัดท พระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิม เพราะได้พบหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัยมีความว่า พ่อขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์ ...
ส่วนในพงศาวดารเหนือกล่าวไว้ว่า " ในราวพุทธศักราช ๑๙๐๐ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาที่ 1) เป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาอื่น ๆ จนช่ำชองแตกฉาน หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กลาง มีพระวิหาร ๔ ทิศ มีพระระเบียง ๒ ชั้นและทรงรับสั่งให้ปั้นหุ่นหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง ๓ หลัง"
ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2458 ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
โบราณสถานและโบราณวัตถุภายในวัด
พระวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธชินราช
พระวิหารพระพุทธชินราช เป็นวิหารทรงโรง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช ซึ่งนับถือกันว่า เป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งในโลก ตัวพระวิหารสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และได้รับการบูรณะให้มีสภาพดีมาตลอดจนถึงสมัยปัจจุบัน พระวิหารหลังนี้จึงเป็นสถาปัตยกรรมสมัยกรุงสุโขทัยที่มีความสง่างามสมส่วน และยังคงสภาพสมบูรณ์ดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทย
ในพระวิหารหลวงมีบานประตูประดับมุก 2 บานคู่ กว้าง 1 เมตร สูง 4.50 เมตร เป็นบานประตูประดับมุกโบราณที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง ตัวบานประตูมุกสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2299 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และได้ทรงนำบานประตูไม้แกะสลักเดิมไปถวายเป็นบานประตูพระวิหารพระแท่นศิลาอาสน์
พระเหลือ
หลังจากสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาแล้ว พระยาลิไทรับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือนำมารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดเล็ก หน้าตัก กว้าง 1 ศอกเศษ เรียกชื่อพระพุทธรูปนี้ว่า “พระเหลือ”เศษทองยังเหลืออยู่อีกจึงได้หล่อพระสาวกยืนอยู่ 2 องค์ ส่วนอิฐที่ก่อเตาสำหรับหลอมทองในการหล่อพระพุทธรูป นำมารวมกันบนชุกชี (ฐานชุกชี) พร้อมกับปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้นลงบนชุกชี เรียกว่า โพธิ์สามเส้า ระหว่างต้นโพธิ์ได้สร้างวิหารน้อยขึ้นมา 1 หลัง อัญเชิญพระเหลือกับสาวกเข้าไปประดิษฐานอยู่ เรียกว่า พระเหลือ
พระวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน
วิหารพระเจ้าเข้านิพพาน เป็นวิหารขนาดกลางตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวิหารพระพุทธชินราชนอกเขต ภายในประดิษฐานหีบปิดทอง(สมมุติ)บรรจุพระบรมศพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำด้วยศิลาตั้งอยู่บนจิตรากาธานประดับด้วยลวดลายลงรักปิดทองร่องกระจกสวยงาม ที่ปลายหีบมีพระบาททั้งสองยื่นออกมา และบริเวณด้านหน้า หรือด้านท้าย หีบพระบรมศพ มีพระมหากัสสปะเถระ นั่งนมัสการพระบรมศพ ซึ่งนับว่าเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญของวัดพระศรีรัตนมหาวรวิหาร โดยผู้สร้างถือคติว่าเป็นการจำลองสังเวชนียสถานของพระพุทธเจ้า คาดว่ามีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย
พระวิหารพระอัฏฐารส
บริเวณหลังวิหารพระพุทธชินราช มีพระอัฎฐารส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูง 18 ศอก (ประมาณ 10 เมตร) สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ในราว พ.ศ. 1800 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่แต่วิหารได้พังไปจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3 – 4 ต้น และเนินพระวิหารบางส่วน เรียกว่า “เนินวิหารเก้าห้อง” ในปัจจุบันกรมศิลปากรได้ทำการบูรณะขุดแต่งทางโบราณคดีในบริเวณที่เรียกว่า “เนินวิหารเก้าห้อง” ซึ่งขุดพบฐานพระวิหารเดิมและพระพุทธรูปวัตถุโบราณจำนวนหนึ่ง
- ภาพเก่าวิหารพระอัฏฐารส ก่อนถูกดินทับถมจนกลายเป็น "เนินวิหารเก้าห้อง" (ในภาพยังเห็นเสาและผนังพระวิหารบางส่วนเหลืออยู่)
- วิหารเก้าห้องประดิษฐานพระอัฏฐารส (เดิมเนินวิหารเก้าห้อง) ขณะกำลังทำการบูรณะขุดแต่งทางโบราณคดี ในปี พ.ศ. 2550 เผยให้เห็นแท่นสักการะและพื้นวิหารเดิม
เกร็ด
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ว่า "นมัสการพระพุทธชินราชแล้ว ดูธรรมมาสน์เทศน์ ธรรมาสน์สวด ดูเรือนแก้ว แลสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ ล้วนเป็นของดีอย่างเอก ไม่เคยพบไม่เคยเห็น"
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงกล่าวถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารไว้ว่า " เป็นวัดใหญ่และเป็นวัดที่สำคัญกว่าวัดอื่นในเมืองพิษณุโลก มีพระมหาธาตุอยู่กลางเห็นจะสร้างตั้งแต่สุโขทัยเป็นราชธานี หากแต่ซ่อมแซมมาหลายครั้งหลายสมัย"
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-29. สืบค้นเมื่อ 2007-04-21.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul wdphrasrirtnmhathatuwrmhawihar khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir wdphrasrirtnmhathatu hruxthikhnswnihyeriykknwa wdihy epnphraxaramhlwngchnexk chnidwrmhawihar tngxyuthithnnphuththbucha rimfngaemnanandanthistawnxxk trngkhamkbsalaklangcnghwdphisnuolk epnthipradisthanphraphuththchinrach phraphuththrupthiidrbkarykyxngwaswyngamthisudinpraethsithywdphrasrirtnmhathatuwrmhawiharphraxdthars phraphuththrupyunpanghamyatiaelaphraprangkhprathanwdebuxnghlngchuxsamywdihy wdhlwngphxihy wdphraphuththchinrachthitng92 3 thnnphuththbucha tablinemuxng xaephxemuxngphisnuolk cnghwdphisnuolkpraephthphraxaramhlwngchnexk chnidwrmhawiharnikayethrwath mhanikayphraprathanphraphuththchinrachphraphuththrupsakhyphraphuththchinsih phrasrisasda phraxtthars phraehluxecaxawasphraethphrtnmuni surchy surchoy kickrrmngannmskarphraphuththchinrachinwnkhun 6 kha thungwnkhun 12 kha eduxn 3swnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna wdphrasrirtnmhathatuwrmhawihar epnwdthimiprawtiyawnanmatngaetsmykrungsuokhthy misthaptykrrm silpkrrmaelapratimakrrmthingdngamying thuxidwaepnmrdkthangsilpwthnthrrmxnlakhakhxngemuxngphisnuolkprawtiphraphuththchinrachinpccubn wdth phrasrirtnmhathatuwrmhawihar immihlkthanwasrangkhunemuxid snnisthanwasrangkhunkxnsmysuokhthy aelaepnphraxaramhlwngmaaetedim ephraaidphbhlkthansilacaruksuokhthymikhwamwa phxkhunsrinawnathmthrngsrangphrathntthatusukhnthecdiy swninphngsawdarehnuxklawiwwa inrawphuththskrach 1900 phraecasrithrrmitrpidk phramhathrrmrachathi 1 epnphramhakstriykhrxngkrungsuokhthy thrngmisrththaeluxmisinbwrphuththsasnaepnxyangying thngyngidthrngsuksaphraitrpidkaelakhmphirsasnaxun cnchachxngaetkchan haphuidesmxehmuxnidyak phraxngkhidthrngsrangwdphrasrirtnmhathatu infngtawnxxkkhxngaemnanan miphraprangkhxyuklang miphrawihar 4 this miphraraebiyng 2 chnaelathrngrbsngihpnhunhlxphraphuththrupkhun 3 xngkh ephuxpradisthanepnphraprathaninphrawiharthng 3 hlng txmaemux pi ph s 2458 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdekla ihykkhunepnphraxaramhlwngchnexk chnidwrmhawihar emux ph s 2458 pccubncungmichuxetmwa wdphrasrirtnmhathatuwrmhawiharobransthanaelaobranwtthuphayinwdphrawiharhlwngpradisthanphraphuththchinrach phrawiharphraphuththchinrach epnwiharthrngorng epnthipradisthanphraphuththchinrach sungnbthuxknwa epnphraphuththrupthingdngamthisudxngkhhnunginolk twphrawiharsrangmatngaetsmykrungsuokhthy aelaidrbkarburnaihmisphaphdimatlxdcnthungsmypccubn phrawiharhlngnicungepnsthaptykrrmsmykrungsuokhthythimikhwamsngangamsmswn aelayngkhngsphaphsmburndithisudaehnghnungkhxngithy inphrawiharhlwngmibanpratupradbmuk 2 bankhu kwang 1 emtr sung 4 50 emtr epnbanpratupradbmukobranthingdngamthisudaehnghnung twbanpratumuksrangkhunihmemux ph s 2299 rchsmysmedcphraecaxyuhwbrmoks aelaidthrngnabanpratuimaekaslkedimipthwayepnbanpratuphrawiharphraaethnsilaxasn phraehlux hlngcaksrangphraphuththchinrach phraphuththchinsih aelaphrasrisasdaaelw phrayaliithrbsngihchangnaessthxngsmvththithiehluxnamarwmknhlxphraphuththruppangmarwichy khnadelk hnatk kwang 1 sxkess eriykchuxphraphuththrupniwa phraehlux essthxngyngehluxxyuxikcungidhlxphrasawkyunxyu 2 xngkh swnxiththikxetasahrbhlxmthxnginkarhlxphraphuththrup namarwmknbnchukchi thanchukchi phrxmkbpluktnmhaophthi 3 tnlngbnchukchi eriykwa ophthisamesa rahwangtnophthiidsrangwiharnxykhunma 1 hlng xyechiyphraehluxkbsawkekhaippradisthanxyu eriykwa phraehlux phrawiharphraecaekhaniphphan wiharphraecaekhaniphphan epnwiharkhnadklangtngxyuthangthisitkhxngwiharphraphuththchinrachnxkekht phayinpradisthanhibpidthxng smmuti brrcuphrabrmsphxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca thadwysilatngxyubncitrakathanpradbdwylwdlaylngrkpidthxngrxngkrackswyngam thiplayhibmiphrabaththngsxngyunxxkma aelabriewndanhna hruxdanthay hibphrabrmsph miphramhaksspaethra nngnmskarphrabrmsph sungnbwaepnobranwtthuthisakhykhxngwdphrasrirtnmhawrwihar odyphusrangthuxkhtiwaepnkarcalxngsngewchniysthankhxngphraphuththeca khadwamiephiyngaehngediywinpraethsithy phrawiharphraxtthars briewnhlngwiharphraphuththchinrach miphraxdthars sungepnphraphuththrupyunpanghamyatisung 18 sxk praman 10 emtr sranginsmyediywkbphraphuththchinrach inraw ph s 1800 edimpradisthanxyuinwiharihyaetwiharidphngipcnhmd ehluxephiyngesathikxdwysilaaelngkhnadihy 3 4 tn aelaeninphrawiharbangswn eriykwa eninwiharekahxng inpccubnkrmsilpakridthakarburnakhudaetngthangobrankhdiinbriewnthieriykwa eninwiharekahxng sungkhudphbthanphrawiharedimaelaphraphuththrupwtthuobrancanwnhnung phaphekawiharphraxtthars kxnthukdinthbthmcnklayepn eninwiharekahxng inphaphyngehnesaaelaphnngphrawiharbangswnehluxxyu wiharekahxngpradisthanphraxtthars edimeninwiharekahxng khnakalngthakarburnakhudaetngthangobrankhdi inpi ph s 2550 ephyihehnaethnskkaraaelaphunwiharedimekrdsmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs idthrngniphnthiwwa nmskarphraphuththchinrachaelw duthrrmmasnethsn thrrmasnswd dueruxnaekw aelsingthngpwngehlani lwnepnkhxngdixyangexk imekhyphbimekhyehn smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph idthrngklawthungwdphrasrirtnmhathatuwrmhawihariwwa epnwdihyaelaepnwdthisakhykwawdxuninemuxngphisnuolk miphramhathatuxyuklangehncasrangtngaetsuokhthyepnrachthani hakaetsxmaesmmahlaykhrnghlaysmy xangxing khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 09 29 subkhnemux 2007 04 21