ชะนี ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: 13.8–0Ma สมัยไมโอซีนตอนปลาย–ปัจจุบัน | |
---|---|
ชะนีแก้มขาว (Nomascus leucogenys) | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Primates |
วงศ์ใหญ่: | Hominoidea |
วงศ์: | Hylobatidae , 1870 |
สกุล | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของชะนีทั้ง 4 สกุล |
ชะนี (วงศ์: Hylobatidae; อังกฤษ: Gibbons; ภาษาเหนือ: อี่ฮุย, อี่วุย) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับวานร (Primates) เป็นลิงไม่มีหาง ซึ่งชะนีถูกจัดให้อยู่ในวงศ์ Hylobatidae และถูกจัดให้เป็น 1 ใน 4 ลิงที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด (ประกอบไปด้วย ชะนี ชิมแปนซี อุรังอุตัง กอริลลา ซึ่งชะนีมีความใกล้เคียงมนุษย์น้อยที่สุดในบรรดาทั้ง 4 นี้ เนื่องจากมีแขนขาเรียวยาว มีฟันเขี้ยวที่แหลมคม และใช้ชีวิตหากินอยู่บนต้นไม้มากกว่าพื้นดิน) ซึ่งนับว่าชะนีมีแขนที่ยาวที่สุดในบรรดาสัตว์อันดับวานรทั้งหมด และมีฟันที่เขียนเป็นสูตรได้ว่า
ชนิด
มีทั้งหมด 4 สกุล ) แบ่งได้ออกเป็น 18 ชนิด 10 ชนิดพบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 2 ชนิด พบในเอเชียใต้และจีนตอนใต้
สำหรับในประเทศไทยพบทั้งหมด 4 ชนิด คือ
- ชะนีมือดำ (Hylobates agilis)
- ชะนีมือขาว (Hylobates lar)
- ชะนีมงกุฎ (Hylobates pileatus)
- ชะนีเซียมัง (Symphalangus syndactylus)
ลูกผสม
ชะนีหลายชนิดจำแนกได้ยากตามสีของขน ดังนั้นจึงระบุได้ด้วยเสียงหรือพันธุกรรม ความคลุมเครือทางสัณฐานวิทยาเหล่านี้นำไปสู่การผสมพันธุ์ในสวนสัตว์ สวนสัตว์มักจะได้รับชะนีที่ไม่ทราบแหล่งกำเนิด ดังนั้นพวกมันจึงต้องอาศัยการแปรผันทางสัณฐานวิทยาหรือฉลากที่ไม่สามารถตรวจสอบได้เพื่อกำหนดชนิดพันธุ์และชื่อชนิดย่อย ดังนั้นชะนีที่แยกจากกันโดยทั่วไปจึงมีการระบุอย่างไม่ถูกต้องและอยู่รวมกัน ลูกผสมต่างชนิดภายในสกุลหนึ่ง ยังสงสัยว่าจะเกิดขึ้นในชะนีป่าซึ่งมีที่อยู่ทับซ้อนกัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีบันทึกลูกผสมที่ไม่เป็นหมันระหว่างชะนีชนิดต่าง ๆ ทั้งในป่าหรือในสวนสัตว์
ลักษณะและพฤติกรรม
ชะนีส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ โดยอยู่กันแบบครอบครัวที่มีผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต (อายุขัยโดยเฉลี่ย 25-30 ปี โดยที่ชะนีตัวเมียมีลูกได้สูงสุด 5 ตัว ตลอดอายุขัย) แต่อยู่เป็นฝูง ฝูง ๆ หนึ่งมีสมาชิกตั้งแต่ 2-5 ตัว ชะนีมีแขนที่ยาวและแข็งแรงรวมทั้งมือ ใช้สำหรับห้อยโหนต้นไม้จากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว อาหารของชะนีหลัก ๆ คือ ส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ใบไม้, ผลไม้และดอกไม้ เป็นต้น แต่อาจจะกินสัตว์ขนาดเล็กได้เพื่อเพิ่มโปรตีน โดยปกติแล้วชะนีจะใช้ชีวิตแทบทั้งหมดอยู่บนต้นไม้สูง จะลงมาพื้นดินก็แค่ดื่มน้ำหรือเหตุอย่างอื่น ซึ่งตามปกติชะนีจะดื่มน้ำโดยการควักล้วงจากโพรงไม้หรือเลียตามใบไม้
ความสัมพันธ์กับมนุษย์
ชะนีเป็นสัตว์ที่มนุษย์รับรู้ดีว่า มีเสียงร้องที่สูงและดังมาก มีหลายโทนเสียงและหลายระดับหลากหลายมาก สำหรับติดต่อสื่อสารกัน ซึ่งแต่ละชนิดก็ร้องแตกต่างกันออกไป โดยเสียงร้องของชะนีมักจะร้องว่า "ผัว ๆ ๆ ๆ ๆ" ทั้งตัวเมียและตัวผู้ ดังนั้น บริบททางสังคมไทยที่มักมีการเปรียบเทียบคนกับคำอื่น ๆ เพื่อเหน็บแนม ประชดประชัน หรือด่าทออ้อม ๆ จึงหยิบคำว่า "ชะนี" มาใช้เป็นศัพท์สแลงที่หมายความถึง ผู้หญิงที่มีกิริยาม้าดีดกะโหลกจนน่าหมั่นไส้ ซึ่งมีที่มาจากนิทานพื้นบ้านของไทยเรื่อง จันทโครพ ที่นางโมราเมื่อได้ให้พระขรรค์แก่โจรป่าฆ่าจันทโครพผู้เป็นสามีแล้ว ก็ถูกพระอินทร์สาบให้กลายร่างเป็นชะนีร้องเรียกหาผัวไป
ชะนีทุกชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พุทธศักราช 2535
เชื่อว่าการถูกชะนีกัด หรือข่วนมีโอกาสติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี จากชะนีได้ หากผู้ที่ถูกกัดไม่มีภูมิต้านทานโรค
ความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการของสัตว์ชนิดนั้นกับญาติ
ลิงไม่มีหางหรือ Apes มีสายวิวัฒนาการมาจากลิงโลกเก่า แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ชะนี อุรังอุตัง กอริลล่า และชิมแพนซี จากการศึกษาสารพันธุกรรมทำให้เราทราบว่า เอพแอฟริกา ได้แก่ กอริลล่าและชิมแพนซีนั้นมีความใกล้ชิดทางสายวิวัฒนาการกับมนุษย์มากกว่า Apes เอเชีย ซึ่งได้แก่ ชะนีและอุรังอุตัง ซึ่งมีจำนวนโครโมโซม 48 อัน ในขณะที่มนุษย์มี 46 อัน โดยเฉพาะชิมแพนซีนั้น มีหมู่เลือด ABO เช่นเดียวกับมนุษย์ และจากหลักฐานทางชีววิทยาระดับโมเลกุลพบว่าดีเอ็นเอของมนุษย์มีความคล้ายกันกับชิมแพนซีถึง 98.4% นอกจากนี้หลักฐานดังกล่าวยังทำให้สันนิษฐานได้ว่าบรรพบุรุษของมนุษย์ วิวัฒนาการแยกจากลิงไม่มีหางเมื่อประมาณ 7.5-4 ล้านปีที่ผ่านมา
การปรับตัวเชิงวิวัฒนาการด้านต่าง ๆ ของสัตว์
เขตครอบครอง
ในการเลี้ยงลูกอ่อน และมีการป้องกันมิให้ชะนีครอบครัวอื่นรุกล้ำเข้ามาใน เขตครอบครอง (territory) แต่ละกลุ่มจะอาศัยอยู่ในเขตครอบครองเฉพาะของมันในป่า ตลอดการดำรงชีพของมัน จะมีการประกาศเขตครอบครองโดยวิธีการส่งเสียงร้อง ซึ่งจะแตกต่าง กันไปตามชนิดของชะนี ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ใช้เสียงร้องในการจำแนกชนิดและเพศของชะนี ในชะนีธรรมดาและชะนีมือดำ ตัวเมียจะเริ่มส่งเสียงร้องก่อน และเมื่อตัวเมียร้องจบตัวผู้จะขานรับต่อ เสียงร้องของชะนีตัวเมียทั้งสองชนิดนี้จะคล้ายกันมาก แต่เสียงร้องของตัวผู้จะต่างกัน ส่วนในชะนีมงกุฎ ขณะที่ตัวเมียยังร้องไม่จบ ตัวผู้จะร้องรับขึ้นมาเสียงร้องของชะนีจะร้องซ้ำกันทุก ๆ ประมาณ 1-3 นาที และร้องอยู่นานประมาณ 10-30 นาที
สภาพถิ่นที่อยู่อาศัย
ชะนีมีกระจายอยู่เฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น ซึ่งมีลักษณะของภูมิอากาศร้อน และมีความชุ่มชื้น เรียก Tropical zone จะอาศัยอยู่แต่ในเฉพาะในป่าดงดิบที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น Evergreen forest ชะนีเป็นสัตว์ที่ไม่สร้างรัง แต่จะเลือกต้นไม้ที่สูงใหญ่และมีเรือนยอดหนาทึบเป็นที่อยู่อาศัย มักจะนอนบนต้นไม้ที่สูงใหญ่มีความสูงตั้งแต่ 25 เมตร ขึ้นไป และส่วนมากมักจะเป็นต้นไม้ใน สกุลยางในการนอน ชะนีแต่ละตัวแยกกันนอนต้นไม้คนละต้นไม่นอนรวมกัน นอกจากลูกอ่อน เท่านั้นที่จะนอนบนต้นเดียวกันกับแม่
การหากิน
ชะนีเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารหลักซึ่งประกอบด้วยผลไม้ ใบไม้อ่อน ยอดอ่อน นอกจากนี้ชะนี ยังสามารถกินสัตว์เล็ก ๆ เป็นอาหารได้ พวกแมลงต่าง ๆ เช่น ปลวก มด ชะนี จะมีการดำเนินชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่บนต้นไม้ ไม่ว่าจะหาอาหาร การพักผ่อนตลอดจนพฤติกรรมต่าง ๆ จะห้อยโหนไปมาจากกิ่งไม้หนึ่งไปยังกิ่งอื่น ๆ อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ชะนียังสามารถเดิน ด้วยสองขา ไต่ไปตามต้นไม้อย่างชำนาญ มักจะไม่พบชะนีลงมาหากินบนพื้นดินนอกจากคราวจำเป็น เช่น ในช่วงฤดูแล้ง น้ำตามกิ่งไม้ โพรงไม้แห้ง จึงจำเป็นต้องลงมาหาแหล่งน้ำ บนพื้นดินวิธีการกินน้ำของชะนีแบ่งเป็นสามแบบ ดังนี้ 1. ใช้มือจุ่มลงไปในน้ำแล้วยกขึ้นดูดน้ำจากขนบริเวณหลังมือ 2. เลียน้ำที่เกาะอยู่ตามใบไม้ กิ่งไม้หรือตามส่วนต่าง ๆ ของ ต้นไม้ที่มีน้ำเกาะอยู่ 3. ก้มลงกินน้ำจากแหล่งน้ำโดยตรง ซึ่งมักจะเป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่ พอที่จะสามารถก้มลงกินได้
รูปภาพ
- เซียมมัง เป็นชะนีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีเสียงร้องดังที่สุด
- เสียงร้องของชะนีมือขาว
- ชะนีมือขาว หรือชะนีธรรมดา ชะนีชนิดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด
อ้างอิง
- [ (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-11-12. สืบค้นเมื่อ 2012-09-01. A New Generic Name for the Hoolock Gibbon (Hylobatidae) (อังกฤษ)]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-02. สืบค้นเมื่อ 2012-10-20.
- วิถีวานร, "พินัยกรรมธรรมชาติ". สารคดีทางทีวีไทย: ศุกร์ที่ 18 มกราคม 2556
- Myers, P. 2000. Family Hylobatidae, Animal Diversity Web. Accessed April 05, 2011-04-05.
- จาก itis.gov (อังกฤษ)
- Tenaza, R. (1984). "Songs of hybrid gibbons (Hylobates lar × H. muelleri)". American Journal of Primatology. 8 (3): 249–253. doi:10.1002/ajp.1350080307. PMID 31986810. S2CID 84957700.
- Sugawara, K. (1979). "Sociological study of a wild group of hybrid baboons between Papio anubis and P. hamadryas in the Awash Valley, Ethiopia". Primates. 20 (1): 21–56. doi:10.1007/BF02373827. S2CID 23061688.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCarbone et al. 2014
- China's Last Elephants, "China Uncovered" สารคดีทางอนิมอลพลาเน็ต ทางทรูวิชั่นส์: เสาร์ที่ 26 มกราคม 2556
- ฟ้าวันใหม่สุดสัปดาห์ 310 05 58 เบรก 2
- ชะนีมงกุฎ..สัตว์น่ารัก แต่เป็นพาหะนำไวรัสฯบี ไทยรัฐ 5 มิ.ย. 50
- [1]
- [2][]
- [3][]
- [4][]
- เซียมมัง[]
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
chani chwngewlathimichiwitxyu 13 8 0Ma PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg Nsmyimoxsintxnplay pccubnchaniaekmkhaw Nomascus leucogenys karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Mammaliaxndb Primateswngsihy Hominoideawngs Hylobatidae 1870skulHoolock Nomascus Symphalangus aephnthiaesdngkarkracayphnthukhxngchanithng 4 skul chani wngs Hylobatidae xngkvs Gibbons phasaehnux xihuy xiwuy cdxyuiniflmstwmiaeknsnhlng chnstweliynglukdwynm xndbwanr Primates epnlingimmihang sungchanithukcdihxyuinwngs Hylobatidae aelathukcdihepn 1 in 4 lingthimikhwamiklekhiyngkbmnusymakthisud prakxbipdwy chani chimaepnsi xurngxutng kxrilla sungchanimikhwamiklekhiyngmnusynxythisudinbrrdathng 4 ni enuxngcakmiaekhnkhaeriywyaw mifnekhiywthiaehlmkhm aelaichchiwithakinxyubntnimmakkwaphundin sungnbwachanimiaekhnthiyawthisudinbrrdastwxndbwanrthnghmd aelamifnthiekhiynepnsutridwa 2 1 2 32 1 2 3 displaystyle tfrac 2 1 2 3 2 1 2 3 chnidmithnghmd 4 skul aebngidxxkepn 18 chnid 10 chnidphbinphumiphakhexechiytawnxxkechiyngit aela 2 chnid phbinexechiyitaelacintxnit sahrbinpraethsithyphbthnghmd 4 chnid khux chanimuxda Hylobates agilis chanimuxkhaw Hylobates lar chanimngkud Hylobates pileatus chaniesiymng Symphalangus syndactylus lukphsm chanihlaychnidcaaenkidyaktamsikhxngkhn dngnncungrabuiddwyesiynghruxphnthukrrm khwamkhlumekhruxthangsnthanwithyaehlaninaipsukarphsmphnthuinswnstw swnstwmkcaidrbchanithiimthrabaehlngkaenid dngnnphwkmncungtxngxasykaraeprphnthangsnthanwithyahruxchlakthiimsamarthtrwcsxbidephuxkahndchnidphnthuaelachuxchnidyxy dngnnchanithiaeykcakknodythwipcungmikarrabuxyangimthuktxngaelaxyurwmkn lukphsmtangchnidphayinskulhnung yngsngsywacaekidkhuninchanipasungmithixyuthbsxnkn xyangirktam immibnthuklukphsmthiimepnhmnrahwangchanichnidtang thnginpahruxinswnstwlksnaaelaphvtikrrmchaniswnihycaxasyxyuinpadibchunthixudmsmburn odyxyuknaebbkhrxbkhrwthimiphwediywemiyediywiptlxdchiwit xayukhyodyechliy 25 30 pi odythichanitwemiymilukidsungsud 5 tw tlxdxayukhy aetxyuepnfung fung hnungmismachiktngaet 2 5 tw chanimiaekhnthiyawaelaaekhngaerngrwmthngmux ichsahrbhxyohntnimcaktnhnungipyngxiktnhnungxyangkhlxngaekhlw xaharkhxngchanihlk khux swntang khxngphuch echn ibim phlimaeladxkim epntn aetxaccakinstwkhnadelkidephuxephimoprtin odypktiaelwchanicaichchiwitaethbthnghmdxyubntnimsung calngmaphundinkaekhdumnahruxehtuxyangxun sungtampktichanicadumnaodykarkhwklwngcakophrngimhruxeliytamibimkhwamsmphnthkbmnusychaniepnstwthimnusyrbrudiwa miesiyngrxngthisungaeladngmak mihlayothnesiyngaelahlayradbhlakhlaymak sahrbtidtxsuxsarkn sungaetlachnidkrxngaetktangknxxkip odyesiyngrxngkhxngchanimkcarxngwa phw thngtwemiyaelatwphu dngnn bribththangsngkhmithythimkmikarepriybethiybkhnkbkhaxun ephuxehnbaenm prachdprachn hruxdathxxxm cunghyibkhawa chani maichepnsphthsaelngthihmaykhwamthung phuhyingthimikiriyamadidkaohlkcnnahmnis sungmithimacaknithanphunbankhxngithyeruxng cnthokhrph thinangomraemuxidihphrakhrrkhaekocrpakhacnthokhrphphuepnsamiaelw kthukphraxinthrsabihklayrangepnchanirxngeriykhaphwip chanithukchnidepnstwpakhumkhrxngtam phuththskrach 2535 echuxwakarthukchanikd hruxkhwnmioxkastidechuxiwrstbxkesb bi cakchaniid hakphuthithukkdimmiphumitanthanorkhkhwamsmphnthechingwiwthnakarkhxngstwchnidnnkbyatilingimmihanghrux Apes misaywiwthnakarmacaklingolkeka aebngidepn 4 klumihy idaek chani xurngxutng kxrilla aelachimaephnsi cakkarsuksasarphnthukrrmthaiherathrabwa exphaexfrika idaek kxrillaaelachimaephnsinnmikhwamiklchidthangsaywiwthnakarkbmnusymakkwa Apes exechiy sungidaek chaniaelaxurngxutng sungmicanwnokhromosm 48 xn inkhnathimnusymi 46 xn odyechphaachimaephnsinn mihmueluxd ABO echnediywkbmnusy aelacakhlkthanthangchiwwithyaradbomelkulphbwadiexnexkhxngmnusymikhwamkhlayknkbchimaephnsithung 98 4 nxkcaknihlkthandngklawyngthaihsnnisthanidwabrrphburuskhxngmnusy wiwthnakaraeykcaklingimmihangemuxpraman 7 5 4 lanpithiphanmakarprbtwechingwiwthnakardantang khxngstwekhtkhrxbkhrxng inkareliynglukxxn aelamikarpxngknmiihchanikhrxbkhrwxunruklaekhamain ekhtkhrxbkhrxng territory aetlaklumcaxasyxyuinekhtkhrxbkhrxngechphaakhxngmninpa tlxdkardarngchiphkhxngmn camikarprakasekhtkhrxbkhrxngodywithikarsngesiyngrxng sungcaaetktang kniptamchnidkhxngchani sungepnpraoychnthiichesiyngrxnginkarcaaenkchnidaelaephskhxngchani inchanithrrmdaaelachanimuxda twemiycaerimsngesiyngrxngkxn aelaemuxtwemiyrxngcbtwphucakhanrbtx esiyngrxngkhxngchanitwemiythngsxngchnidnicakhlayknmak aetesiyngrxngkhxngtwphucatangkn swninchanimngkud khnathitwemiyyngrxngimcb twphucarxngrbkhunmaesiyngrxngkhxngchanicarxngsaknthuk praman 1 3 nathi aelarxngxyunanpraman 10 30 nathi sphaphthinthixyuxasy chanimikracayxyuechphaainaethbexechiytawnxxkechiyngitethann sungmilksnakhxngphumixakasrxn aelamikhwamchumchun eriyk Tropical zone caxasyxyuaetinechphaainpadngdibthimitnimkhunxyuhnaaenn Evergreen forest chaniepnstwthiimsrangrng aetcaeluxktnimthisungihyaelamieruxnyxdhnathubepnthixyuxasy mkcanxnbntnimthisungihymikhwamsungtngaet 25 emtr khunip aelaswnmakmkcaepntnimin skulyanginkarnxn chaniaetlatwaeykknnxntnimkhnlatnimnxnrwmkn nxkcaklukxxn ethannthicanxnbntnediywknkbaem karhakin chaniepnstwthikinphuchepnxaharhlksungprakxbdwyphlim ibimxxn yxdxxn nxkcaknichani yngsamarthkinstwelk epnxaharid phwkaemlngtang echn plwk md chani camikardaeninchiwitekuxbthnghmdxyubntnim imwacahaxahar karphkphxntlxdcnphvtikrrmtang cahxyohnipmacakkingimhnungipyngkingxun xyangkhlxngaekhlw nxkcaknichaniyngsamarthedin dwysxngkha itiptamtnimxyangchanay mkcaimphbchanilngmahakinbnphundinnxkcakkhrawcaepn echn inchwngvduaelng natamkingim ophrngimaehng cungcaepntxnglngmahaaehlngna bnphundinwithikarkinnakhxngchaniaebngepnsamaebb dngni 1 ichmuxcumlngipinnaaelwykkhundudnacakkhnbriewnhlngmux 2 eliynathiekaaxyutamibim kingimhruxtamswntang khxng tnimthiminaekaaxyu 3 kmlngkinnacakaehlngnaodytrng sungmkcaepnaehlngnathiihy phxthicasamarthkmlngkinidrupphaphesiymmng epnchanithimikhnadihythisudinolk aelamiesiyngrxngdngthisud source source esiyngrxngkhxngchanimuxkhaw chanimuxkhaw hruxchanithrrmda chanichnidthiepnthiruckmakthisudxangxing PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 11 12 subkhnemux 2012 09 01 A New Generic Name for the Hoolock Gibbon Hylobatidae xngkvs khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 04 02 subkhnemux 2012 10 20 withiwanr phinykrrmthrrmchati sarkhdithangthiwiithy sukrthi 18 mkrakhm 2556 Myers P 2000 Family Hylobatidae Animal Diversity Web Accessed April 05 2011 04 05 cak itis gov xngkvs Tenaza R 1984 Songs of hybrid gibbons Hylobates lar H muelleri American Journal of Primatology 8 3 249 253 doi 10 1002 ajp 1350080307 PMID 31986810 S2CID 84957700 Sugawara K 1979 Sociological study of a wild group of hybrid baboons between Papio anubis and P hamadryas in the Awash Valley Ethiopia Primates 20 1 21 56 doi 10 1007 BF02373827 S2CID 23061688 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Carbone et al 2014 China s Last Elephants China Uncovered sarkhdithangxnimxlphlaent thangthruwichns esarthi 26 mkrakhm 2556 fawnihmsudspdah 310 05 58 ebrk 2 chanimngkud stwnark aetepnphahanaiwrsbi ithyrth 5 mi y 50 1 2 lingkesiy 3 lingkesiy 4 lingkesiy esiymmng lingkesiy aehlngkhxmulxunwikispichismikhxmulphasaxngkvsekiywkb Hylobatidae