คาเคเปอร์เร เซนุสเรตที่ 2 เป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณพระองค์ที่สี่จากราชวงศ์ที่สิบสอง ทรงปกครองตั้งแต่ 1897 ถึง 1878 ปีก่อนคริสตกาล ถูกสร้างขึ้นที่ พระองค์ทรงให้ความสนใจอย่างมากในภูมิภาคโอเอซิสแห่งไฟยุม และทรงริเริ่มการก่อสร้างเกี่ยวกับระบบชลประทานที่กว้างขวางตั้งแต่ ไปจนถึง ผ่านการก่อสร้างกำแพงกั้นน้ำที่เอล-ลาฮูนและการเพิ่มเครือข่ายคลองระบายน้ำ จุดประสงค์ของแผนการก่อสร้างนี้คือเพื่อเพิ่มจำนวนพื้นที่ทำการเกษตรในพื้นที่นั้น ความสำคัญของแผนการก่อสร้างนี้ได้เน้นย้ำการตัดสินใจของพระองค์ในการย้ายสุสานหลวงจากดาห์ชูร์ไปยังเอล-ลาฮูน ซึ่งพระองค์ได้ทรงโปรดให้สร้างพีระมิดของพระองค์ ตำแหน่งนี้จะยังคงเป็นเมืองหลวงทางการเมืองสำหรับราชวงศ์ที่สิบสองและสิบสามแห่งอียิปต์ และพระองค์ยังทรงตั้งเขตคนงานแห่งแรกขึ้นใกล้กับเมืองเซนุสเรตโฮเทป ()
ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เซโซทริสที่ 2, เซนวอสเรตที่ 2 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ส่วนหัวของรูปสลักหินของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 จาก | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ฟาโรห์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัชกาล | ร่วมอุปราช 5 ปี ครองราชย์องค์เดียวประมาณ 15 ปี | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | อเมเนมเฮตที่ 2 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | เซนุสเรตที่ 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คู่เสกสมรส | , โนเฟรตที่ 2, อิตาวีเรต (?), คเนเมต (?) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชบุตร | เซนุสเรตที่ 3, เซนุสเรต-ซันบี, อิตาคาย, เนเฟอร์เรต, ซิตทัตฮัตฮอร์ยูเนต | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พระราชบิดา | อเมเนมเฮตที่ 2 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สุสาน | 29°14′10″N 30°58′14″E / 29.23611°N 30.97056°E | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราชวงศ์ |
ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 นั้นต่างจากผู้สืบพระราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์ โดยยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์หรือผู้ปกครองท้องถิ่นต่างๆ ของอียิปต์ ซึ่งเกือบจะมีความมั่งคั่งพอ ๆ กับฟาโรห์ ในปีที่ 6 แห่งการครองราชย์ของพระองค์ได้ปรากฏบนภาพวาดฝาผนังจากหลุมฝังศพของผู้ปกครองท้องถิ่นนามว่า ที่เบนิ ฮาซาน
รัชสมัย
การสำเร็จราชการร่วม
การมีผู้สำเร็จราชการร่วมเป็นประเด็นสำคัญสำหรับความเข้าใจของนักไอยคุปต์วิทยาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในช่วงสมัยราชอาณาจักรกลางและราชวงศ์ที่สิบสองแห่งอียิปต์ คลอดด์ ออบซอเมอร์ นักไอยคุปต์วิทยาชาวเบลเยียมได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการการมีผู้สำเร็จราชการร่วมในราชวงศ์ที่สิบสอง โรเบิร์ต ดี. เดเลีย นักเขียน และคาร์ล ยานเซน-วินเคล์น นักไอยคุปต์วิยาชาวเยอรมัน ได้ตรวจสอบงานเขียนของออบซอเมอร์ และได้ข้อสรุปเพื่อสนับสนุนการมีผู้สำเร็จราชการร่วม โดยยานเซน-วินเคล์นได้อ้างจากจารึกที่พบในโคนอสโซว่าเป็นหลักฐานที่หักล้างไม่ได้สำหรับการสนับสนุนการสำเร็จราชการร่วมกันระหว่างฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 และฟาโรห์อเมเนมเฮตที่ 2 และโดยการขยายการยืนยันการสำเร็จราชการร่วมในช่วงราชวงศ์ที่สิบสอง นักไอยคุปต์วิทยาชาวอเมริกันได้กล่าวว่า "ระบบการปกครองร่วมของช่วงเวลานั้นล้วนทราบกันดีอยู่แล้ว...จากเอกสารที่ระบุสองช่วงรัชสมัย" ชไนเดอร์ นักไอยคุปต์วิทยาชาวเยอรมันได้สรุปว่า เอกสารและหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นข้อยืนยันอย่างชัดเจนของการสำเร็จราชการร่วมในช่วงเวลานั้น
แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุถึงช่วงเวลาของการการสำเร็จราชการร่วมของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 โดยที่ฟาโรห์อเมเนมเฮตที่ 2 พระราชบิดาของพระองค์เป็นผู้สำเร็จราชการร่วม ปีเตอร์ เคลย์ตัน นักไอยคุปต์วิทยาชาวอังกฤษ ได้ระบุว่า พระองค์ได้ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมอย่างน้อยสามปี นิโกลา กริมาล นักอียิปต์วิทยาชาวฝรั่งเศสได้ระบุว่า พระองค์ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมเป็นเวลาเกือบ 5 ปี ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์เพียงพระองค์เดียว
ระยะเวลารัชสมัย
ระยะเวลารัชสมัยของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 และฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 เป็นหนึ่งในข้อพิจารณาหลักในการแยกแยะลำดับเหตุการณ์ของราชวงศ์ที่สิบสอง เชื่อกันว่า บันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูรินได้ระบุว่า ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ครองราชย์เป็นเวลา 19 ปี และฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 เป็นระยะเวลา 30 ปี ข้อสันนิษฐานเดิมนี้ถูกโต้แย้งในปี ค.ศ. 1972 เมื่อ นักไอยคุปต์วิทยาชาวอเมริกันได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปีรัชสมัยที่ปรากฏครั้งสุดท้ายของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 อยู่ที่ปีที่ 7 แห่งการครองราชย์ และในทำนองเดียวของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 อยู่ที่ปีที่ 19 แห่งการครองราชย์
ศาสตราจารย์ด้านไอยคุปต์วิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ได้เสนอความเห็นถึงความเป็นไปได้ที่พระนามในบันทึกพระนามแห่งตูรินจะถูกจัดเรียงผิดและเสนอระยะเวลารัชสมัยที่เป็นไปได้สองช่วงสำหรับฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 คือ มากกว่า 10 ปี หรือ 19 ปี นักไอยคุปต์วิทยาหลายคน เช่น ได้อ้างถึงบทความของมาร์ค ซี. สโตน ซึ่งตีพิมพ์ใน ก็อทติงเงอ มิสเซลเลิน (Göttinger Miszellen) ในปี ค.ศ. 1997 เนื่องจากระบุว่าปีรัชสมัยสูงสุดของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 อยู่ที่ปีที่ 8 แห่งการครองราชย์ โดยอ้างอิงจากจารึก ไคโร เจอี 59485
นักวิชาการบางคนได้กำหนดให้พระองค์ครองราชย์เพียงระยะเวลา 10 ปี และให้ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 ครองราชย์เป็นระยะเวลา 19 ปีแทน อย่างไรก็ตาม นักไอยคุปต์วิทยาคนอื่น ๆ เช่น และ ยังคงเชื่อข้อสันนิษฐานเดิมที่ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ทรงครองราชย์ระยะเวลายาวนานกว่า 19 ปี และเมื่อพิจารณาจากจำนวนพระราชกรณียกิจที่ฟาโรห์ทรงดำเนินการในรัชสมัยของพระองค์[] เยอร์โกได้ตั้งข้อสังเกตว่า การลดจำนวนปีในรัชสมัยเหลือเพียง 6 ปี จะส่งผลทำให้เกิดปัญหา เนื่องจาก:
“ | ฟาโรห์พระองค์นั้นสร้างพีระมิดที่เสร็จสมบูรณ์ที่คาฮูน โดยมีวิหารฝังพระศพหินแกรนิตแข็งและหมู่อาคารที่ซับซ้อน แผนการสร้างดังกล่าวใช้เวลาอย่างเหมาะสมที่สุดระหว่าง 15 ถึง 20 ปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ แม้จะมีแกนอิฐโคลนที่ใช้ในพีระมิดจากสมัยราชอาณาจักรกลางก็ตาม | ” |
ในปัจจุบัน ข้อถกเถียงเกี่ยวกับระยะเวลาในการครองราชย์ของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 นั้นไม่ยังไม่เป็นที่สรุปได้ แต่นักไอยคุปต์วิทยาหลายคนในปัจจุบันมักที่จะกำหนดให้พระองค์ครองราชย์อยู่ที่ 9 หรือ 10 ปีเท่านั้น เนื่องจากไม่มีระยะเวลาที่มากกว่าที่ยืนยันถึงพระองค์ที่ครองราชย์เกินปีที่ 8 แห่งการครองของพระองค์ ประเด็นนี้จะนำมาซึ่งการแก้ไขระยะเวลาการครองที่ระบุในบันทึกพระนามแห่งตูรินไว้ที่ 19 ปี ให้เป็น 9 ปีแทน อย่างไรก็ตาม วันและเดือนของการครองราชย์ของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 สามารถตรวจสอบได้ ตามคำกล่าวของ บันทึกจากวิหารในที่เมืองพีระมิดแห่งเซซอสทริส/เซนุสเรตที่ 2 ได้กล่าวถึงเทศกาล "การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์" ซึ่งอาจจะเป็นวันสวรรคตของพระองค์ บันทึกนี้ระบุว่าเทศกาลนี้เกิดขึ้นในเดือนเพเรตที่ 4 วันที่ 14
เหตุการณ์ภายในพระราชอาณาจักร
โอเอซิสแห่งไฟยุม ซึ่งเป็นภูมิภาคหนึ่งในอียิปต์ตอนกลางมีมนุษย์อาศัยอยู่มานานกว่า 8,000 ปี มันกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในอียิปต์ระหว่างช่วงสมัยราชอาณาจักรกลาง ตลอดระยะเวลานั้น ผู้ปกครองดำเนินแผนพัฒนาเพื่อเปลี่ยนไฟยุมให้กลายเป็นศูนย์กลางเกษตรกรรม ศาสนา และสถานตากอากาศ โดยโอเอซิสตั้งอยู่ 80 กม. (50 ไมล์) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเมมฟิส มีพื้นที่ทำการเกษตร มีศูนย์กลางอยู่ที่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ
ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ทรงได้ริเริ่มแผนพัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่แอ่งน้ำเพื่อการล่าสัตว์และตกปลา ซึ่งเป็นแผนพัฒนาที่ดำเนินต่อโดยผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของพระองค์และ "พัฒนาเสร็จสมบูรณ์" ในรัชสมัยของฟาโรห์อเมเนมเฮตที่ 3 ผู้เป็นพระราชนัดดาของพระองค์ เพื่อการเริ่มต้นแผนพัฒนานี้ขึ้น พระองค์ได้ทรงโปรดให้พัฒนาระบบชลประทานที่มีกำแพงกั้นน้ำและเครือข่ายของคลองที่ผันจากทะเลสาบโมเอริส พื้นที่ที่ถูกเวนคืนในแผนพัฒนานี้ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ทางการเกษตร
ลัทธิบูชาเทพแห่งจระเข้โซเบคได้รุ่งเรืองในช่วงเวลานั้น
เหตุการณ์ภายนอกพระราชอาณาจักร
รัชสมัยของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 เป็นช่วงเวลาเข้าสู่ยุคแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง โดยไม่มีการบันทึกการเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการทหารและมีการขยับขยายการค้าขายระหว่างอียิปต์กับดินแดนตะวันออกใกล้
ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มชาวเอเชียตะวันตกที่มาขอเข้าเฝ้าฟาโรห์พร้อมของกำนัลต่าง ๆ ก็ถูกบันทึกไว้ เช่นเดียวกับในภาพวาดบนหลุมฝังศพของ ซึ่งมีชีวิตและทำงานในช่วงรัชสมัยฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 จากราชวงศ์ที่สิบสอง ซึ่งเป็นภาพของชาวต่างชาติ ซึ่งอาจจะเป็นชาวคานาอันหรือชาวเบดูอิน ถูกเรียกว่าเป็นชาวอามู (ꜥꜣmw) รวมถึงหัวหน้าคณะที่มีตัวเลียงผานิวเบียที่เรียกว่า อาบิชา ชาวฮิกซอส (𓋾𓈎𓈉 ḥḳꜣ-ḫꜣsw, เฮกา-คาซุต สำหรับ "ชาวฮิกซอส") ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่มีการปรากฏของ "ฮิกซอส"
การสืบสันตติวงศ์
ไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวกับการสำเร็จราชการร่วมกันระหว่างฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 กับฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 เมอร์เนนได้ชี้แจงว่า หลักฐานหลักที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวสำหรับฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 และ 3 คือตราประทับสคารับที่ปรากฏพระนามของของทั้งสองพระองค์ ความเกี่ยวข้องกันนี้สามารถอธิบายได้ว่า เป็นผลมาจากบันทึกเวลาย้อนหลัง ซึ่งปีสุดท้ายของรัชสมัยของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 อาจถูกรวมเข้ากับปีแรกแห่งการครองราชย์ของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานร่วมสมัยจากบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูริน ซึ่งทำให้ฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 มีระยะเวลาในการปกครองครบ 19 ปีเต็มและจารึกบางส่วนอุทิศเพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นพิธีกรรมที่เริ่มโดยฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 และ 3 และบันทึกปาปิรัสที่มีบันทึกในช่วงปีที่ 19 แห่งการครองราชย์ของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 และปีแรกของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 นั้นมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยและไม่จำเป็นว่าจำเป็นต้องมีการสำเร็จราชการร่วม และเมอร์เนนโต้แย้งว่าหากมีการสำเร็จราชการร่วมจริง ก็จะมีระยะเวลาเพียงไม่เกินสองสามเดือน
หลักฐานจากบันทึกปาปิรัสในตอนนี้ได้ถูกหักล้างจากข้อเท็จจริงที่ว่าบันทึกดังกล่าวได้รับลงระยะเวลาในปีที่ 19 แห่งการครองราชย์ของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 และปีที่ 1 แห่งการครองราชย์ของฟาโรห์อเมเนมเฮตที่ 3[] ปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบบันทึกจากรัชสมัยฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ใน ราชธานีใหม่ของพระองค์
สมบัติในสถานที่ฝังพระศพ
ในปี ค.ศ. 1889 นักไอยคุปต์วิทยาชาวอังกฤษ ได้ค้นพบ "ทองคำอันมหัศจรรย์และยูเรอุสประดับด้วยทองคำ" ซึ่งแต่เดิมนั้นจะต้องประกอบเป็นชิ้นส่วนของอุปกรณ์ฝังพระศพที่ถูกขโมยไปของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ในห้องที่มีน้ำท่วมขัง ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไคโร หลุมฝังพระศพของเจ้าหญิงซิตฮาธอร์ยูเนต พระราชธิดาในฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ก็ถูกค้นพบโดยนักไอยคุปต์วิทยาในพื้นที่ฝังพระศพที่แยกต่างหาก พบเครื่องประดับหลายชิ้นจากหลุมฝังพระศพของพระองค์ รวมทั้งสร้อยประดับพระอุระ และมงกุฏหรือรัดเกล้าที่นั่น ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิแทนแห่งนิวยอร์กหรือพิพิธภัณฑ์ไคโรในอียิปต์
ในปี ค.ศ. 2009 นักโบราณคดีชาวอียิปต์ประกาศผลการขุดค้นครั้งใหม่นำโดยนักอียิปต์โบราณ อับดุล เราะห์มาน อัล-อาเยดี พวกเขาเล่าถึงการขุดพบมัมมี่ยุคฟาโรห์ในโลงไม้สีสดใสใกล้กับพีระมิดแห่งลาฮูน มีรายงานว่ามัมมี่กลุ่มแรกที่พบในทะเลทรายที่ปกคลุมไปด้วยทรายรอบๆ พีระมิด
พีระมิด
พีระมิดถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ โครงของแขนรัศมีหินปูน คล้ายกับพีระมิดของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 1 แทนที่จะใช้หิน โคลน และปูน กลับใช้อิฐโคลนเป็นโครงสร้างภายในก่อนที่จะหุ้มพีระมิดด้วยชั้นของหินปูน แผ่นไม้อัด หินที่หุ้มชั้นนอกถูกล็อคเข้าด้วยกันโดยใช้ส่วนเสริมประกบ ซึ่งบางส่วนยังคงอยู่ มีการขุดคูน้ำรอบแกนกลางซึ่งเต็มไปด้วยหินเพื่อทำหน้าที่คล้ายท่อน้ำแบบฝรั่งเศส การหุ้มหินปูนอยู่ในท่อระบายน้ำนี้ แสดงว่าฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 ทรงกังวลเกี่ยวกับความเสียหายจากน้ำ
มีมาสตาบาจำนวนแปดหลังและพีระมิดขนาดเล็กอีกหนึ่งหลังอยู่ทางเหนือของสถานที่ฝังพระศพฟาโรห์เซนุสเรตที่ 2 และทั้งหมดอยู่ภายในกำแพงล้อมรอบ ผนังถูกหุ้มด้วยหินปูนที่ตกแต่งด้วยช่องต่างๆ บางทีอาจทำตามแบบสถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์ดโจเซอร์ที่ซัคคารา มาสตาบาเหล่านั้นถมทึบและไม่พบห้องใดเลยภายในหรือด้านล่าง ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกมันเป็นอนุสาวรีย์และอาจเป็นสัญลักษณ์ในธรรมชาติ และเพทรีได้สำรวจพีระมิดเสริมและไม่พบห้องใด ๆ อีก
ทางเข้าห้องใต้ดินอยู่ทางด้านใต้ของพีระมิด ซึ่งทำให้เพทรีสับสนเป็นเวลาหลายเดือนขณะที่เขามองหาทางเข้าทางด้านเหนือแบบดั้งเดิม
หลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว ปล่องทางเข้าแนวตั้งก็ถูกเติมเข้าไปแล้ว และห้องนี้ก็ถูกทำให้ดูเหมือนห้องฝังพระศพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้พวกโจรปล้นสุสานไม่ต้องมองหาที่ไหนอีกแล้ว
ปล่องทางเข้ารองนำไปสู่ห้องโค้งและปล่องหลุมลึก นี่อาจเป็นแง่มุมหนึ่งของลัทธิบูชาโอซิริส ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นการหาแหล่งน้ำก็ตาม มีทางเดินไปทางเหนือ ผ่านห้องด้านข้างอีกห้องหนึ่งแล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก สิ่งนี้นำไปสู่ห้องโถงและห้องฝังพระศพที่มีหลังคาโค้ง โดยมีห้องข้างทางทิศใต้ ห้องฝังพระศพถูกล้อมรอบด้วยทางเดินที่ไม่ซ้ำกันซึ่งอาจอ้างอิงถึงการเกิดของโอซิริส พบโลงพระศพขนาดใหญ่ภายในห้องฝังพระศพ มันใหญ่กว่าทางเข้าและอุโมงค์ แสดงว่ามันถูกวางในตำแหน่งเมื่อสร้างห้องและด้านบนเปิดโล่งสู่ท้องฟ้า เปลือกหุ้มหินปูนด้านนอกพีระมิดได้ถูกนำออกไปโดยฟาโรห์รามเสสที่ 2 เพื่อที่ให้พระองค์สามารถนำหินกลับมาใช้ใหม่นั่นเอง และพระองค์ได้ทรงทิ้งจารึกที่ทรงสั่งให้ทำไว้
หมายเหตุ
- ปีที่มีการเสนอคือ: ประมาณ 1900 - 1880 ปีก่อนคริสตกาล, ประมาณ 1897 - 1878 ปีก่อนคริสตกาล, ประมาณ 1897 - 1877 ปีก่อนคริสตกาล, ประมาณ 1895 - 1878 ปีก่อนคริสตกาล, ประมาณ 1877 - 1870 ปีก่อนคริสตกาล
อ้างอิง
- Grimal 1992, p. 166.
- Dodson & Hilton 2004, p. 289.
- Lehner 2008, p. 8.
- Arnold 2003, p. 267.
- Clayton 1994, p. 78.
- Frey 2001, p. 150.
- Grimal 1992, p. 391.
- Shaw 2004, p. 483.
- Callender 2004, p. 152.
- Leprohon 2013, p. 59.
- Verner 2002, p. 386.
- Petrie 1891, p. 5ff.
- Clayton 1994, p. 83.
- Callender 2004, pp. 137–138.
- Simpson 2001, p. 453.
- Schneider 2006, p. 170.
- Delia 1997, pp. 267–268.
- Jansen-Winkeln 1997, pp. 115–135.
- Schneider 2006, pp. 170–171.
- Jansen-Winkeln 1997, pp. 188–189.
- Murnane 1977, p. 7.
- Schneider 2006, p. 171.
- Clayton 1994, p. 82.
- Grimal 1992, p. 166.
- Ryholt 1997, p. 14.
- Ryholt 1997, pp. 14–15.
- Schneider 2006, p. 172 citing Stone (1997, pp. 91–100).
- Yurco 2014, p. 69 citing Edwards (1985, pp. 98 & 292) and Grimal (1992, pp. 166 & 391).
- von Beckerath 1995, p. 447.
- Borchardt 1899, p. 91.
- Gardiner 1945, pp. 21–22.
- Simpson n.d., LA V900.
- Wilfong 2001, p. 496.
- Callender 2004, pp. 152–153.
- Callender 2004, p. 152.
- Van de Mieroop 2011, p. 131.
- Bard 2015, p. 188.
- Kamrin 2009, p. 25.
- Curry, Andrew (2018). "The Rulers of Foreign Lands - Archaeology Magazine". www.archaeology.org.
- Van de Mieroop 2011, p. 131.
- Bard 2015, p. 188.
- Kamrin 2009, p. 25.
- Curry, Andrew (2018). "The Rulers of Foreign Lands - Archaeology Magazine". www.archaeology.org.
- Jansen-Winkeln 1997, p. 119.
- Murnane 1977, p. 9.
- Murnane 1977, p. 228.
- Clayton 1994, p. 80.
- See and online Cache of mummies unearthed at Egypt's Lahun pyramid.
แหล่งที่มา
- Arnold, Dieter (2003). The Encyclopaedia of Ancient Egyptian Architecture. London: I.B Tauris & Co Ltd. ISBN .
- Borchardt, Ludwig (1899). Erman, A.; Steindorff, G. (บ.ก.). "Der zweite Papyrusfund von Kahun und die zeitliche Festlegung des mittleren Reiches der ägyptische Geschichte". Zeitschrift für ägyptische Sprache und Altertumskunde (ภาษาเยอรมัน). Leipzig: J. C. Hinrichs'sche Buchhandlung (37): 89–103. ISSN 2196-713X.
- Callender, Gae (2004). "The Middle Kingdom Renaissance (c.2055–1650 BC)". ใน Shaw, Ian (บ.ก.). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford: Oxford University Press. pp. 137–171. ISBN .
- Clayton, Peter (1994). Chronicle of the Pharaohs. London: Thames & Hudson Ltd. ISBN .
- de Morgan, Jacques; Bouriant, Urbain; Legrain, Georges Albert; Jéquier, Gustave; Barsanti, Alfred (1894). Catalogue des monuments et inscriptions de l'Ègypte (ภาษาฝรั่งเศส). Vienne: Adolphe Holzhausen. OCLC 741162031.
- Delia, Robert D. (1997). "Sésostris Ier; Étude chronologique et historique de règne. Étude No. 5 by Claude Obsomer". Journal of the American Research Center in Egypt (ภาษาฝรั่งเศส): 267–268. doi:10.2307/40000813. ISSN 0065-9991.
- Dodson, Aidan; Hilton, Dyan (2004). The Complete Royal Families of Ancient Egypt. London: Thames & Hudson. ISBN .
- Edwards, Iorwerth Eiddon Stephen (1985). The Pyramids of Egypt. New York: Penguin Books. ISBN .
- Frey, Rosa A. (2001). "Illahun". ใน Redford, Donald B. (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford: Oxford University Press. pp. 150–151. ISBN .
- Gardiner, Alan H. (1945). "Regnal Years and Civil Calendar in Pharaonic Egypt". The Journal of Egyptian Archaeology. 31 (1): 11–28. doi:10.2307/3855380. ISSN 0307-5133.
- (1992). A History of Ancient Egypt. Translated by Ian Shaw. Oxford: Blackwell publishing. ISBN .
- Jansen-Winkeln, Karl (1997). "Zu den Koregenz der 12. Dynastie" (PDF). Studien zur Altägyptischen Kultur (ภาษาเยอรมัน) (24): 115–135. ISSN 0340-2215.
- Lehner, Mark (2008). The Complete Pyramids. New York: Thames & Hudson. ISBN .
- Leprohon, Ronald J. (2013). The Great Name: Ancient Egyptian Royal Titulary. Vol. 33 of Writings from the ancient world. Atlanta: Society of Biblical Literature. ISBN .
- Murnane, William J. (1977). "Ancient Egyptian Coregencies". Studies in Ancient Oriental Civilization (SAOC). Chicago: The Oriental Institute of the University of Chicago (40). ISBN . ISSN 0081-7554.
- Petrie, W. M. F. (1891). Illahun, Kahun and Gurob. London.
- (1997). The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period, c. 1800–1550 B.C. CNI publications, 20. Copenhagen: Museum Tusculanum Press: University of Copenhagen. ISBN .
- Schneider, Thomas (2006). "The relative chronology of the Middle Kingdom and the Hyksos Period (Dyns. 12–17)". ใน Hornung, Erik; Krauss, Rolf; Warburton, David A. (บ.ก.). Ancient Egyptian Chronology. Leiden, Boston: Brill. pp. 168–196. ISBN .
- Shaw, Ian, บ.ก. (2004). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford: Oxford University Press. ISBN .
- Simpson, W. K. (n.d.). LA V900.
- Simpson, William Kelly (2001). "Twelfth Dynasty". ใน Redford, Donald B. (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 3. Oxford: Oxford University Press. pp. 453–457. ISBN .
- Stone, Mark (1997). "Reading the Highest Attested Date for Senwosret II: Stela Cairo JE 59485". Göttinger Miszellen (159): 91–100. ISSN 0344-385X.
- Verner, Miroslav (2001e). The Pyramids: The Mystery, Culture and Science of Egypt's Great Monuments. New York: Grove Press. ISBN .
- Verner, Miroslav (2002). The Pyramids: The Mystery, Culture, and Science of Egypt's Great Monument. New York: Grove Press.
- von Beckerath, Jürgen (1995). "Nochmals zur Chronologie der XII. Dynastie". Orientalia (ภาษาเยอรมัน). Gregorian Biblical Press. 64 (4): 445–449. ISSN 0030-5367.
- Wilfong (2001). "Faiyum". ใน Redford, Donald B. (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 1. Oxford: Oxford University Press. pp. 496–497. ISBN .
- Yurco, Frank (2014). "Black Athena: An Egyptological Review". ใน Lefkowitz, Mary; Rogers, Guy Maclean (บ.ก.). Black Athena Revisited. Chapel Hill: University of North Carolina Press. pp. 62–100. ISBN .
บทความอื่น
- W. Grajetzki, The Middle Kingdom of Ancient Egypt: History, Archaeology and Society, Duckworth, London 2006 ISBN , 48-51
แหล่งข้อมูลอื่น
- Senusret (II) Khakheperre
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
khaekhepxrer esnusertthi 2 epnfaorhaehngxiyiptobranphraxngkhthisicakrachwngsthisibsxng thrngpkkhrxngtngaet 1897 thung 1878 pikxnkhristkal thuksrangkhunthi phraxngkhthrngihkhwamsnicxyangmakinphumiphakhoxexsisaehngifyum aelathrngrierimkarkxsrangekiywkbrabbchlprathanthikwangkhwangtngaet ipcnthung phankarkxsrangkaaephngknnathiexl lahunaelakarephimekhruxkhaykhlxngrabayna cudprasngkhkhxngaephnkarkxsrangnikhuxephuxephimcanwnphunthithakarekstrinphunthinn khwamsakhykhxngaephnkarkxsrangniidennyakartdsinickhxngphraxngkhinkaryaysusanhlwngcakdahchuripyngexl lahun sungphraxngkhidthrngoprdihsrangphiramidkhxngphraxngkh taaehnngnicayngkhngepnemuxnghlwngthangkaremuxngsahrbrachwngsthisibsxngaelasibsamaehngxiyipt aelaphraxngkhyngthrngtngekhtkhnnganaehngaerkkhuniklkbemuxngesnusertohethp faorhesnusertthi 2esosthristhi 2 esnwxsertthi 2swnhwkhxngrupslkhinkhxngfaorhesnusertthi 2 cakfaorhrchkalrwmxuprach 5 pi khrxngrachyxngkhediywpraman 15 pikxnhnaxemenmehtthi 2thdipesnusertthi 3phraprmaphiithyphranamhxrsSeshemtawy Ssm t3wy The one who has guided the Two LandsphranamenbtiSekhamaat Sḫˁ M3ˁt The one who has caused to appear rupaebbxun Sekhainebti Sḫˁ j Nb tj He who causes the two ladies to appearphranamhxrsthxngkhaHetep netjeru Ḥtp nṯr w With whom the gods are satisfiedphranamkhrxngrachyKhakheperre Ḫˁ ḫpr Rˁ The of Ra comes into being hrux The very appearance of the manifestation of RephranamprasutiSenusret S n Wsrt The man belonging tokhuesksmrs onefrtthi 2 xitawiert khenemt phrarachbutresnusertthi 3 esnusert snbi xitakhay enefxrert sitthththxryuentphrarachbidaxemenmehtthi 2susan29 14 10 N 30 58 14 E 29 23611 N 30 97056 E 29 23611 30 97056rachwngs faorhesnusertthi 2 nntangcakphusubphrarachbllngktxcakphraxngkh odyyngkhngrksakhwamsmphnththidikbrachwngshruxphupkkhrxngthxngthintang khxngxiyipt sungekuxbcamikhwammngkhngphx kbfaorh inpithi 6 aehngkarkhrxngrachykhxngphraxngkhidpraktbnphaphwadfaphnngcakhlumfngsphkhxngphupkkhrxngthxngthinnamwa thiebni hasanrchsmykarsaercrachkarrwm karmiphusaercrachkarrwmepnpraednsakhysahrbkhwamekhaickhxngnkixykhuptwithyaekiywkbprawtisastrinchwngsmyrachxanackrklangaelarachwngsthisibsxngaehngxiyipt khlxdd xxbsxemxr nkixykhuptwithyachawebleyiymidptiesthkhwamepnipidkhxngkarkarmiphusaercrachkarrwminrachwngsthisibsxng orebirt di edeliy nkekhiyn aelakharl yanesn winekhln nkixykhuptwiyachaweyxrmn idtrwcsxbnganekhiynkhxngxxbsxemxr aelaidkhxsrupephuxsnbsnunkarmiphusaercrachkarrwm odyyanesn winekhlnidxangcakcarukthiphbinokhnxsoswaepnhlkthanthihklangimidsahrbkarsnbsnunkarsaercrachkarrwmknrahwangfaorhesnusertthi 2 aelafaorhxemenmehtthi 2 aelaodykarkhyaykaryunynkarsaercrachkarrwminchwngrachwngsthisibsxng nkixykhuptwithyachawxemriknidklawwa rabbkarpkkhrxngrwmkhxngchwngewlannlwnthrabkndixyuaelw cakexksarthirabusxngchwngrchsmy chinedxr nkixykhuptwithyachaweyxrmnidsrupwa exksaraelahlkthanthangobrankhdithikhnphbemuxerw niepnkhxyunynxyangchdecnkhxngkarsaercrachkarrwminchwngewlann aehlngkhxmulbangaehngrabuthungchwngewlakhxngkarkarsaercrachkarrwmkhxngfaorhesnusertthi 2 odythifaorhxemenmehtthi 2 phrarachbidakhxngphraxngkhepnphusaercrachkarrwm pietxr ekhlytn nkixykhuptwithyachawxngkvs idrabuwa phraxngkhidthrngepnphusaercrachkarrwmxyangnxysampi niokla krimal nkxiyiptwithyachawfrngessidrabuwa phraxngkhthrngepnphusaercrachkarrwmepnewlaekuxb 5 pi kxnesdckhunkhrxngrachyephiyngphraxngkhediyw rayaewlarchsmy rayaewlarchsmykhxngfaorhesnusertthi 2 aelafaorhesnusertthi 3 epnhnunginkhxphicarnahlkinkaraeykaeyaladbehtukarnkhxngrachwngsthisibsxng echuxknwa bnthukphranamkstriyaehngturinidrabuwa faorhesnusertthi 2 khrxngrachyepnewla 19 pi aelafaorhesnusertthi 3 epnrayaewla 30 pi khxsnnisthanedimnithukotaeynginpi kh s 1972 emux nkixykhuptwithyachawxemriknidtngkhxsngektwa pirchsmythipraktkhrngsudthaykhxngfaorhesnusertthi 2 xyuthipithi 7 aehngkarkhrxngrachy aelainthanxngediywkhxngfaorhesnusertthi 3 xyuthipithi 19 aehngkarkhrxngrachy sastracarydanixykhuptwithyaaehngmhawithyalyokhepnehekn idesnxkhwamehnthungkhwamepnipidthiphranaminbnthukphranamaehngturincathukcderiyngphidaelaesnxrayaewlarchsmythiepnipidsxngchwngsahrbfaorhesnusertthi 2 khux makkwa 10 pi hrux 19 pi nkixykhuptwithyahlaykhn echn idxangthungbthkhwamkhxngmarkh si sotn sungtiphimphin kxthtingengx miseslelin Gottinger Miszellen inpi kh s 1997 enuxngcakrabuwapirchsmysungsudkhxngfaorhesnusertthi 2 xyuthipithi 8 aehngkarkhrxngrachy odyxangxingcakcaruk ikhor ecxi 59485 nkwichakarbangkhnidkahndihphraxngkhkhrxngrachyephiyngrayaewla 10 pi aelaihfaorhesnusertthi 3 khrxngrachyepnrayaewla 19 piaethn xyangirktam nkixykhuptwithyakhnxun echn aela yngkhngechuxkhxsnnisthanedimthifaorhesnusertthi 2 thrngkhrxngrachyrayaewlayawnankwa 19 pi aelaemuxphicarnacakcanwnphrarachkrniykicthifaorhthrngdaeninkarinrchsmykhxngphraxngkh txngkarxangxing eyxrokidtngkhxsngektwa karldcanwnpiinrchsmyehluxephiyng 6 pi casngphlthaihekidpyha enuxngcak faorhphraxngkhnnsrangphiramidthiesrcsmburnthikhahun odymiwiharfngphrasphhinaekrnitaekhngaelahmuxakharthisbsxn aephnkarsrangdngklawichewlaxyangehmaasmthisudrahwang 15 thung 20 picungcaesrcsmburn aemcamiaeknxithokhlnthiichinphiramidcaksmyrachxanackrklangktam inpccubn khxthkethiyngekiywkbrayaewlainkarkhrxngrachykhxngfaorhesnusertthi 2 nnimyngimepnthisrupid aetnkixykhuptwithyahlaykhninpccubnmkthicakahndihphraxngkhkhrxngrachyxyuthi 9 hrux 10 piethann enuxngcakimmirayaewlathimakkwathiyunynthungphraxngkhthikhrxngrachyekinpithi 8 aehngkarkhrxngkhxngphraxngkh praednnicanamasungkaraekikhrayaewlakarkhrxngthirabuinbnthukphranamaehngturiniwthi 19 pi ihepn 9 piaethn xyangirktam wnaelaeduxnkhxngkarkhrxngrachykhxngfaorhesnusertthi 2 samarthtrwcsxbid tamkhaklawkhxng bnthukcakwiharinthiemuxngphiramidaehngessxsthris esnusertthi 2 idklawthungethskal karesdckhunsuswrrkh sungxaccaepnwnswrrkhtkhxngphraxngkh bnthuknirabuwaethskalniekidkhunineduxnephertthi 4 wnthi 14 ehtukarnphayinphrarachxanackr oxexsisaehngifyum sungepnphumiphakhhnunginxiyipttxnklangmimnusyxasyxyumanankwa 8 000 pi mnklayepnsunyklangsakhyinxiyiptrahwangchwngsmyrachxanackrklang tlxdrayaewlann phupkkhrxngdaeninaephnphthnaephuxepliynifyumihklayepnsunyklangekstrkrrm sasna aelasthantakxakas odyoxexsistngxyu 80 km 50 iml thangthistawntkechiyngitkhxngemuxngemmfis miphunthithakarekstr misunyklangxyuthi sungepnaehlngnatamthrrmchati faorhesnusertthi 2 thrngidrierimaephnphthnaephuxichpraoychncakthrphyakrthrrmchatikhxngphunthiaexngnaephuxkarlastwaelatkpla sungepnaephnphthnathidaenintxodyphusubthxdphrarachbllngkkhxngphraxngkhaela phthnaesrcsmburn inrchsmykhxngfaorhxemenmehtthi 3 phuepnphrarachnddakhxngphraxngkh ephuxkarerimtnaephnphthnanikhun phraxngkhidthrngoprdihphthnarabbchlprathanthimikaaephngknnaaelaekhruxkhaykhxngkhlxngthiphncakthaelsabomexris phunthithithukewnkhuninaephnphthnanikidrbkarprbepliynihepnphunthithangkarekstr lththibuchaethphaehngcraekhosebkhidrungeruxnginchwngewlann ehtukarnphaynxkphrarachxanackr rchsmykhxngfaorhesnusertthi 2 epnchwngewlaekhasuyukhaehngsntiphaphaelakhwamecriyrungeruxng odyimmikarbnthukkarekhluxnihwkickrrmthangkarthharaelamikarkhybkhyaykarkhakhayrahwangxiyiptkbdinaedntawnxxkikl inchwngewlaediywkn klumchawexechiytawntkthimakhxekhaefafaorhphrxmkhxngkanltang kthukbnthukiw echnediywkbinphaphwadbnhlumfngsphkhxng sungmichiwitaelathanganinchwngrchsmyfaorhesnusertthi 3 cakrachwngsthisibsxng sungepnphaphkhxngchawtangchati sungxaccaepnchawkhanaxnhruxchawebduxin thukeriykwaepnchawxamu ꜥꜣmw rwmthunghwhnakhnathimitweliyngphaniwebiythieriykwa xabicha chawhiksxs 𓋾𓈎𓈉 ḥḳꜣ ḫꜣsw ehka khasut sahrb chawhiksxs sungepnhlkthanchinaerkthimikarpraktkhxng hiksxs klumchntangaednchawexechiytawntk sungnakhxngkanlmathwayaedfaorh phwkekhaxaccaepnchawkhanaxn sungthukeriykwa chaw ꜥꜣmw sungprakxbdwyburushwhnakhnaphrxmkbtweliyngphaniwebiythithukeriykwa xabicha chawhiksxs 𓋾𓈎𓈉 ḥḳꜣ ḫꜣsw ehka khasut sahrb chawhiksxs cakphaphinhlumfngsphthiebni hasankhxng kharachkarcakrachwngsthisibsxngaehngxiyipt phuthithahnathiinchwngrchsmyfaorhesnusertthi praman 1900 pikxnkhristkal karsubsnttiwngssrxypradbphraxurakhxngfaorhesnusertthi 2 caksusanaehngsithathxryuent imphbhlkthanthiekiywkbkarsaercrachkarrwmknrahwangfaorhesnusertthi 2 kbfaorhesnusertthi 3 emxrennidchiaecngwa hlkthanhlkthimixyuephiyngchinediywsahrbfaorhesnusertthi 2 aela 3 khuxtraprathbskharbthipraktphranamkhxngkhxngthngsxngphraxngkh khwamekiywkhxngknnisamarthxthibayidwa epnphlmacakbnthukewlayxnhlng sungpisudthaykhxngrchsmykhxngfaorhesnusertthi 2 xacthukrwmekhakbpiaerkaehngkarkhrxngrachykhxngfaorhesnusertthi 3 sungcaidrbkarsnbsnuncakhlkthanrwmsmycakbnthukphranamkstriyaehngturin sungthaihfaorhesnusertthi 3 mirayaewlainkarpkkhrxngkhrb 19 pietmaelacarukbangswnxuthisephuxechlimchlxngkarerimtnphithikrrmthierimodyfaorhesnusertthi 2 aela 3 aelabnthukpapirsthimibnthukinchwngpithi 19 aehngkarkhrxngrachykhxngfaorhesnusertthi 2 aelapiaerkkhxngfaorhesnusertthi 3 nnmihlkthanephiyngelknxyaelaimcaepnwacaepntxngmikarsaercrachkarrwm aelaemxrennotaeyngwahakmikarsaercrachkarrwmcring kcamirayaewlaephiyngimekinsxngsameduxn hlkthancakbnthukpapirsintxnniidthukhklangcakkhxethccringthiwabnthukdngklawidrblngrayaewlainpithi 19 aehngkarkhrxngrachykhxngfaorhesnusertthi 3 aelapithi 1 aehngkarkhrxngrachykhxngfaorhxemenmehtthi 3 txngkarxangxing pccubnyngimmikarkhnphbbnthukcakrchsmyfaorhesnusertthi 2 in rachthaniihmkhxngphraxngkhsmbtiinsthanthifngphrasphmngkutkhxngecahyingsithathxryuent inpi kh s 1889 nkixykhuptwithyachawxngkvs idkhnphb thxngkhaxnmhscrryaelayuerxuspradbdwythxngkha sungaetedimnncatxngprakxbepnchinswnkhxngxupkrnfngphrasphthithukkhomyipkhxngfaorhesnusertthi 2 inhxngthiminathwmkhng pccubnxyuinphiphithphnthikhor hlumfngphrasphkhxngecahyingsithathxryuent phrarachthidainfaorhesnusertthi 2 kthukkhnphbodynkixykhuptwithyainphunthifngphrasphthiaeyktanghak phbekhruxngpradbhlaychincakhlumfngphrasphkhxngphraxngkh rwmthngsrxypradbphraxura aelamngkuthruxrdeklathinn pccubncdaesdngxyuthiphiphithphnthemothrophliaethnaehngniwyxrkhruxphiphithphnthikhorinxiyipt inpi kh s 2009 nkobrankhdichawxiyiptprakasphlkarkhudkhnkhrngihmnaodynkxiyiptobran xbdul eraahman xl xaeydi phwkekhaelathungkarkhudphbmmmiyukhfaorhinolngimsisdisiklkbphiramidaehnglahun miraynganwammmiklumaerkthiphbinthaelthraythipkkhlumipdwythrayrxb phiramidphiramidphiramidaehngesnusertthi 2 thi phiramidthuksrangkhunrxb okhrngkhxngaekhnrsmihinpun khlaykbphiramidkhxngfaorhesnusertthi 1 aethnthicaichhin okhln aelapun klbichxithokhlnepnokhrngsrangphayinkxnthicahumphiramiddwychnkhxnghinpun aephnimxd hinthihumchnnxkthuklxkhekhadwyknodyichswnesrimprakb sungbangswnyngkhngxyu mikarkhudkhunarxbaeknklangsungetmipdwyhinephuxthahnathikhlaythxnaaebbfrngess karhumhinpunxyuinthxrabaynani aesdngwafaorhesnusertthi 2 thrngkngwlekiywkbkhwamesiyhaycakna mimastabacanwnaepdhlngaelaphiramidkhnadelkxikhnunghlngxyuthangehnuxkhxngsthanthifngphrasphfaorhesnusertthi 2 aelathnghmdxyuphayinkaaephnglxmrxb phnngthukhumdwyhinpunthitkaetngdwychxngtang bangthixacthatamaebbsthanthifngphrasphkhxngfaorhdocesxrthiskhkhara mastabaehlannthmthubaelaimphbhxngidelyphayinhruxdanlang sungbngchiwaphwkmnepnxnusawriyaelaxacepnsylksninthrrmchati aelaephthriidsarwcphiramidesrimaelaimphbhxngid xik thangekhahxngitdinxyuthangdanitkhxngphiramid sungthaihephthrisbsnepnewlahlayeduxnkhnathiekhamxnghathangekhathangdanehnuxaebbdngedim aephnhinpunpraktkharthuchkhxngfaorhesnusertthi 2 aelaphranamaelaphaphslkkhxngethphienkhebt cakmastabahmayelkhthi 4 thangdanehnuxkhxngphiramidaehngesnusertthi 2 thiexl lahun praethsxiyipt cdaesdngxyuthiphiphithphnthobrankhdixiyiptephuri krunglxndxn hlngcakkarkxsrangesrcsinaelw plxngthangekhaaenwtngkthuketimekhaipaelw aelahxngnikthukthaihduehmuxnhxngfngphrasph imtxngsngsyelywaniepnkhwamphyayamthicaonmnawihphwkocrplnsusanimtxngmxnghathiihnxikaelw plxngthangekharxngnaipsuhxngokhngaelaplxnghlumluk nixacepnaengmumhnungkhxnglththibuchaoxsiris thungaemwamnxaccaepnkarhaaehlngnaktam mithangedinipthangehnux phanhxngdankhangxikhxnghnungaelweliywipthangthistawntk singninaipsuhxngothngaelahxngfngphrasphthimihlngkhaokhng odymihxngkhangthangthisit hxngfngphrasphthuklxmrxbdwythangedinthiimsaknsungxacxangxingthungkarekidkhxngoxsiris phbolngphrasphkhnadihyphayinhxngfngphrasph mnihykwathangekhaaelaxuomngkh aesdngwamnthukwangintaaehnngemuxsranghxngaeladanbnepidolngsuthxngfa epluxkhumhinpundannxkphiramididthuknaxxkipodyfaorhramessthi 2 ephuxthiihphraxngkhsamarthnahinklbmaichihmnnexng aelaphraxngkhidthrngthingcarukthithrngsngihthaiwhmayehtupithimikaresnxkhux praman 1900 1880 pikxnkhristkal praman 1897 1878 pikxnkhristkal praman 1897 1877 pikxnkhristkal praman 1895 1878 pikxnkhristkal praman 1877 1870 pikxnkhristkalxangxingGrimal 1992 p 166 Dodson amp Hilton 2004 p 289 Lehner 2008 p 8 Arnold 2003 p 267 Clayton 1994 p 78 Frey 2001 p 150 Grimal 1992 p 391 Shaw 2004 p 483 Callender 2004 p 152 Leprohon 2013 p 59 Verner 2002 p 386 Petrie 1891 p 5ff Clayton 1994 p 83 Callender 2004 pp 137 138 Simpson 2001 p 453 Schneider 2006 p 170 Delia 1997 pp 267 268 Jansen Winkeln 1997 pp 115 135 Schneider 2006 pp 170 171 Jansen Winkeln 1997 pp 188 189 Murnane 1977 p 7 Schneider 2006 p 171 Clayton 1994 p 82 Grimal 1992 p 166 Ryholt 1997 p 14 Ryholt 1997 pp 14 15 Schneider 2006 p 172 citing Stone 1997 pp 91 100 Yurco 2014 p 69 citing Edwards 1985 pp 98 amp 292 and Grimal 1992 pp 166 amp 391 von Beckerath 1995 p 447 Borchardt 1899 p 91 Gardiner 1945 pp 21 22 Simpson n d LA V900 Wilfong 2001 p 496 Callender 2004 pp 152 153 Callender 2004 p 152 Van de Mieroop 2011 p 131 Bard 2015 p 188 Kamrin 2009 p 25 Curry Andrew 2018 The Rulers of Foreign Lands Archaeology Magazine www archaeology org Van de Mieroop 2011 p 131 sfn error no target CITEREFVan de Mieroop2011 Bard 2015 p 188 sfn error no target CITEREFBard2015 Kamrin 2009 p 25 sfn error no target CITEREFKamrin2009 Curry Andrew 2018 The Rulers of Foreign Lands Archaeology Magazine www archaeology org Jansen Winkeln 1997 p 119 Murnane 1977 p 9 Murnane 1977 p 228 Clayton 1994 p 80 See and online Cache of mummies unearthed at Egypt s Lahun pyramid aehlngthimaArnold Dieter 2003 The Encyclopaedia of Ancient Egyptian Architecture London I B Tauris amp Co Ltd ISBN 978 1 86064 465 8 Borchardt Ludwig 1899 Erman A Steindorff G b k Der zweite Papyrusfund von Kahun und die zeitliche Festlegung des mittleren Reiches der agyptische Geschichte Zeitschrift fur agyptische Sprache und Altertumskunde phasaeyxrmn Leipzig J C Hinrichs sche Buchhandlung 37 89 103 ISSN 2196 713X Callender Gae 2004 The Middle Kingdom Renaissance c 2055 1650 BC in Shaw Ian b k The Oxford History of Ancient Egypt Oxford Oxford University Press pp 137 171 ISBN 978 0 19 815034 3 Clayton Peter 1994 Chronicle of the Pharaohs London Thames amp Hudson Ltd ISBN 978 0 500 05074 3 de Morgan Jacques Bouriant Urbain Legrain Georges Albert Jequier Gustave Barsanti Alfred 1894 Catalogue des monuments et inscriptions de l Egypte phasafrngess Vienne Adolphe Holzhausen OCLC 741162031 Delia Robert D 1997 Sesostris Ier Etude chronologique et historique de regne Etude No 5 by Claude Obsomer Journal of the American Research Center in Egypt phasafrngess 267 268 doi 10 2307 40000813 ISSN 0065 9991 Dodson Aidan Hilton Dyan 2004 The Complete Royal Families of Ancient Egypt London Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 05128 3 Edwards Iorwerth Eiddon Stephen 1985 The Pyramids of Egypt New York Penguin Books ISBN 978 0 140 22549 5 Frey Rosa A 2001 Illahun in Redford Donald B b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 2 Oxford Oxford University Press pp 150 151 ISBN 978 0 19 510234 5 Gardiner Alan H 1945 Regnal Years and Civil Calendar in Pharaonic Egypt The Journal of Egyptian Archaeology 31 1 11 28 doi 10 2307 3855380 ISSN 0307 5133 1992 A History of Ancient Egypt Translated by Ian Shaw Oxford Blackwell publishing ISBN 978 0 631 19396 8 Jansen Winkeln Karl 1997 Zu den Koregenz der 12 Dynastie PDF Studien zur Altagyptischen Kultur phasaeyxrmn 24 115 135 ISSN 0340 2215 Lehner Mark 2008 The Complete Pyramids New York Thames amp Hudson ISBN 978 0 500 28547 3 Leprohon Ronald J 2013 The Great Name Ancient Egyptian Royal Titulary Vol 33 of Writings from the ancient world Atlanta Society of Biblical Literature ISBN 978 1 589 83736 2 Murnane William J 1977 Ancient Egyptian Coregencies Studies in Ancient Oriental Civilization SAOC Chicago The Oriental Institute of the University of Chicago 40 ISBN 978 0 918986 03 0 ISSN 0081 7554 Petrie W M F 1891 Illahun Kahun and Gurob London 1997 The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c 1800 1550 B C CNI publications 20 Copenhagen Museum Tusculanum Press University of Copenhagen ISBN 978 87 7289 421 8 Schneider Thomas 2006 The relative chronology of the Middle Kingdom and the Hyksos Period Dyns 12 17 in Hornung Erik Krauss Rolf Warburton David A b k Ancient Egyptian Chronology Leiden Boston Brill pp 168 196 ISBN 978 90 04 11385 5 Shaw Ian b k 2004 The Oxford History of Ancient Egypt Oxford Oxford University Press ISBN 978 0 19 815034 3 Simpson W K n d LA V900 Simpson William Kelly 2001 Twelfth Dynasty in Redford Donald B b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 3 Oxford Oxford University Press pp 453 457 ISBN 978 0 19 510234 5 Stone Mark 1997 Reading the Highest Attested Date for Senwosret II Stela Cairo JE 59485 Gottinger Miszellen 159 91 100 ISSN 0344 385X Verner Miroslav 2001e The Pyramids The Mystery Culture and Science of Egypt s Great Monuments New York Grove Press ISBN 978 0 8021 1703 8 Verner Miroslav 2002 The Pyramids The Mystery Culture and Science of Egypt s Great Monument New York Grove Press von Beckerath Jurgen 1995 Nochmals zur Chronologie der XII Dynastie Orientalia phasaeyxrmn Gregorian Biblical Press 64 4 445 449 ISSN 0030 5367 Wilfong 2001 Faiyum in Redford Donald B b k The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt Volume 1 Oxford Oxford University Press pp 496 497 ISBN 978 0 19 510234 5 Yurco Frank 2014 Black Athena An Egyptological Review in Lefkowitz Mary Rogers Guy Maclean b k Black Athena Revisited Chapel Hill University of North Carolina Press pp 62 100 ISBN 978 0 8078 4555 4 bthkhwamxunW Grajetzki The Middle Kingdom of Ancient Egypt History Archaeology and Society Duckworth London 2006 ISBN 0 7156 3435 6 48 51aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb faorhesnusertthi 2 Senusret II Khakheperre