ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุล (อังกฤษ: molecular orbital (MO) theory) เป็นทฤษฎีที่อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างอิเล็กทรอนิกของโมเลกุลโดยไม่ได้พิจารณาว่าอิเล็กตรอนจะอยู่เฉพาะในพันธะระหว่างอะตอมเท่านั้น แต่พิจารณาว่าอิเล็กตรอนมีการเคลื่อนที่ไปทั่วโมเลกุลภายใต้อิทธิพลของนิวเคลียสทั้งหมดที่มีในโมเลกุลโดยตัวทฤษฎีใช้ความรู้เกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัมในการอธิบายพฤติกรรมของอิเล็กตรอน เมื่อเรากล่าวถึงออร์บิทัลเชิงอะตอม (atomic orbitals; AOs) เราจะพิจารณาว่าออร์บิทัลประกอบด้วยอิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆอะตอมหนึ่งๆนั้น ออร์บิทัลเชิงโมเลกุล (molecular orbitals; MOs) จะพิจารณาว่าประกอบด้วยเวเลนซ์อิเล็กตรอนของอะตอมต่างๆที่ประกอบกันเป็นโมเลกุลนั่นเอง โดยทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลถูกเสนอขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากการศึกษาการเกิดพันธะเคมีโดยการประมาณตำแหน่งของอิเล็กตรอนที่เกิดพันธะหรือออร์บิทัลเชิงโมเลกุลเป็นการรวมกันเชิงเส้นตรงของออร์บิทัลเชิงอะตอม (Linear Combinations of Atomic Orbitals; LCAO) ซึ่งการประมาณนี้ในปัจจุบันจะประยุกต์ใช้ทฤษฎีฟังก์ชันนัลความหนาแน่น (Density Functional Theory; DFT) หรือ แบบจำลองฮาร์ทรี-ฟอกก์ (Hartree–Fock (HF) models) กับสมการชเรอดิงเงอร์
ประวัติ
ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลถูกพัฒนาขึ้นภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากทฤษฎีพันธะเวเลนซ์ (valence bond theory) ได้ถูกเสนอขึ้นโดยตัวทฤษฎีมีความชัดเจนและได้รับการยอมรับมากขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927 เป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทในการเสนอทฤษฎีนี้ ได้แก่ ฟรีดริช ฮุนด์ (Friedrich Hund) โรเบิร์ต มัลลิเกน (Robert Mulliken) จอห์น สเลเตอร์ (John C. Slater) และ จอห์น เลนนาร์ด-โจนส์ (John Lennard-Jones)
ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลเดิมถูกเรียกว่า ทฤษฎีฮุนด์-มัลลิเกน (Hund-Mulliken theory) อ้างอิงจากงานวิจัยของเอริก ฮุกเกล (Erich Hückel) นักฟิสิกส์และนักเคมีฟิสิกัลชาวเยอรมัน พบว่า ทฤษฎีนี้ถูกใช้ครั้งแรกโดยในปี ค.ศ. 1929 จอห์น เลนนาร์ด-โจนส์
เอริก ฮุกเกล ได้ประยุกต์ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลในการอธิบายโมเลกุลไฮโดรคาร์บอนที่ไม่อิ่มตัว (unsaturated hydrocarbon molecules) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1931 โดยเรียกว่า วิธีฮุกเกล หรือวิธีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลแบบฮุกเกล (Hückel method or Hückel molecular orbital (HMO) method) เพื่อหาพลังงานของออร์บิทัลเชิงโมเลกุลของไพอิเล็กตรอน (π electrons) โดยเฉพาะสารประกอบไฮโดรคาร์บอนคอนจูเกชันและสารประกอบแอโรแมติก ซึ่งใช้อธิบายความเสถียรของโมเลกุลที่มี π อิเล็กตรอน 6 ตัวได้ดี เช่น เบนซีน เป็นต้น
มีการคำนวณที่แม่นยำสำหรับฟังก์ชันคลื่นของออร์บิทัลเชิงโมเลกุล (molecular orbital wavefunction) สำหรับโมเลกุลไฮโดรเจนเป็นครั้งแรกโดยชาล์ส คูลซอน (Charles Coulson) ในปี ค.ศ. 1938
ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลถูกพัฒนาเรื่อยมาและทำให้เกิดทฤษฎีใหม่คือทฤษฎีสนามลิแกนด์ (Ligand Field Theory; LFT) ที่พัฒนาขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 1930 และ 1940 ซึ่งเป็นทฤษฎีทางเลือกของทฤษฎีสนามผลึก (Crystal Field Theory) ที่ถูกเสนอมาก่อนหน้านี้เพื่ออธิบายสมบัติของสารประกอบโคออร์ดิเนชัน
ชนิดของออร์บิทัลเชิงโมเลกุล
ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลใช้ผลรวมเชิงเส้นตรงของออร์บิทัลเชิงอะตอม (LCAO) ในการแสดงออร์บิทัลเชิงโมเลกุลเพื่อเกิดเป็นพันธะระหว่างอะตอม ซึ่งออร์บิทัลเชิงโมเลกุลเหล่านี้แบ่งออกเป็น ออร์บิทัลแบบสร้างพันธะ (bonding orbitals) ออร์บิทัลแบบต้านพันธะ (antibonding orbitals) และออร์บิทัลแบบไม่สร้างพันธะ (non-bonding orbitals) โดยออร์บิทัลแบบสร้างพันธะจะเป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นของอิเล็กตรอนสูงระหว่างนิวเคลียสซึ่งอิเล็กตรอนในออร์บิทัลเหล่านี้จะยึดเหนี่ยวนิวเคลียสของอะตอมที่เกิดพันธะเข้าด้วยกัน ส่วนออร์บิทัลแบบต้านพันธะจะเป็นอิเล็กตรอนที่อยู่หลังนิวเคลียสและมีแนวโน้มที่จะดึงนิวเคลียสของอะตอมที่สร้างพันธะออกจากกันหรือทำให้ความแข็งแรงของพันธะอ่อนลงนั่นเอง อิเล็กตรอนในออร์บิทัลแบบไม่สร้างพันธะมักจะหมายถึงอิเล็กตรอนที่ยังคงอยู่ในออร์บิทัลเชิงอะตอมของอะตอมคู่ร่วมพันธะ โดยอิเล็กตรอนในออร์บิทัลชนิดนี้จะไม่มีอันตรกิริยากับส่วนอื่นๆของโมเลกุลและไม่มีผลต่อความแข็งแรงของพันธะด้วย
ตัวอย่างการใช้ทฤษฎีออร์บิทัลเชิงโมเลกุลอธิบายการเกิดพันธะเคมี
โมเลกุลไฮโดรเจนฟลูออไรด์
เมื่อพิจารณาโมเลกุลไฮโดรเจนฟลูออไรด์ (HF) (ภาพข้างล่าง (ก)) ออร์บิทัลเชิงอะตอม 2s ของฟลูออรีนไม่มีอันตรกิริยากับ 1s ออร์บิทัลของไฮโดรเจน จำนวนอิเล็กตรอนที่เกี่ยวข้องมีทั้งหมด 10 อิเล็กตรอน โดยอิเล็กตรอน 2 ตัวแรกอยู่ในออร์บิทัลแกนที่มีพลังงานต่ำ อิเล็กตรอน 2 ตัวถัดไป อยู่ใน 2σ ออร์บิทัลที่ประกอบด้วยเอกลักษณ์ของฟังก์ชันคลื่นของไฮโดรเจนอยู่จำนวนหนึ่ง พันธะนี้จัดเป็นพันธะที่มีถูกโพลาไรส์เนื่องจากฟลูออรีนเอกลักษณ์ของ 2s ออร์บิทัลจากฟลูออรีน ในขณะที่ 3σ ออร์บิทัลมีเอกลักษณ์ของ 2p ของฟลูออรีนมากกว่า 2s และออร์บิทัลนี้ก็สร้างพันธะกับไฮโดรเจนเช่นกัน ชุดของออร์บิทัล 2σ และ 3σ แสดงให้เห็นถึงหลักการของทฤษฎี โดยเมื่อโครงสร้างลิวอีสหรือการเขียนแผนภาพเวเลนซ์ของโมเลกุลนั้น คู่อิเล็กตรอนอยู่กับที่ระหว่างสองออร์บิทัล ในขณะที่ออร์บิทัลเชิงโมเลกุลแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของออร์บิทัลเชิงอะตอมแต่ละชนิดที่กระจายไปยังออร์บิทัลเชิงโมเลกุลต่างๆเมื่อเกิดเป็นโมเลกุล
ออร์บิทัลเชิงอะตอม 2px และ 2py ของฟลูออรีนที่ถูกเติมเต็มออร์บิทัลละสองอิเล็กตรอนกลายเป็นออร์บิทัลเชิงโมเลกุลในออร์บิทัลที่มีสมมาตรแบบ π โดยไม่ถูกการรบกวนใดๆ ออร์บิทัลสองออร์บิทัลนี้เรียกว่า ออร์บิทัลที่ไม่สร้างพันธะ โดยยังมีเอกลักษณ์ของออร์บิทัลเหมือนออร์บิทัลเชิงอะตอมของฟลูออรีน
โมเลกุลคาร์บอนมอนอกไซด์
พิจารณาภาพข้างล่าง (ข) ซึ่งแสดงออร์บิทัลเชิงโมเลกุลของคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ซึ่งเป็นลิแกนด์ที่สำคัญในเคมีอนินทรีย์ เนื่องจากมีอิเล็กตรอน 14 ตัว โมเลกุลนี้จึงเป็นโมเลกุลที่เป็นไอโซอิเล็กทรอนิกกับโมเลกุลไนโตรเจน (N2 โครงแบบอิเล็กทรอนิกของโมเลกุล (molecular electronic configuration) คือ 1σ22σ 23σ 24σ 2(1π)4(5σ)2
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Czech, P. T. 2006. Molecular Orbital Theory. Encyclopedia of Inorganic Chemistry.
- Kutzelnigg, Werner (1996). Friedrich Hund and Chemistry. Angewandte Chemie 35: 573–586.
- Platt, J. R. (1966). 1966 Nobel Laureate in Chemistry: Robert S. Mulliken. Science 154 (3750): 745–747.
- J. C. Slater and G. F. Koster (1954). Simplified LCAO Method for the Periodic Potential Problem. Physical Review 94 (6): 1498–1524.
- Mulliken, Robert S. (1972) [1966].Spectroscopy, Molecular Orbitals, and Chemical Bonding (Press release). Nobel Lectures, Chemistry 1963–1970.
- Hückel, Erich (1934). Theory of free radicals of organic chemistry. Trans. Faraday Soc. 30: 40–52.
- Lennard-Jones, J.E. (1929). The electronic structure of some diatomic molecules. Trans. Faraday Soc. 25: 668–686.
- E. Hückel, Zeitschrift für Physik, 70, 204 (1931); 72, 310 (1931); 76, 628 (1932); 83, 632 (1933).
- Coulson, C.A. (1938),Self-consistent field for molecular hydrogen, Mathematical Proceedings of the Cambridge Philosophical Society 34 (2): 204–212.
- Griffith, J.S. and L.E. Orgel. Ligand Field Theory. Q. Rev. Chem. Soc. 1957, 11, 381-383.
- Van Vleck, J. (1932). Theory of the Variations in Paramagnetic Anisotropy Among Different Salts of the Iron Group. Physical Review 41: 208.
- 'Miessler and Tarr (2013), Inorganic Chemistry, 5th ed, 117-165, 475-534.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
thvsdixxrbithlechingomelkul xngkvs molecular orbital MO theory epnthvsdithixthibayekiywkbokhrngsrangxielkthrxnikkhxngomelkulodyimidphicarnawaxielktrxncaxyuechphaainphntharahwangxatxmethann aetphicarnawaxielktrxnmikarekhluxnthiipthwomelkulphayitxiththiphlkhxngniwekhliysthnghmdthimiinomelkulodytwthvsdiichkhwamruekiywkbklsastrkhwxntminkarxthibayphvtikrrmkhxngxielktrxn emuxeraklawthungxxrbithlechingxatxm atomic orbitals AOs eracaphicarnawaxxrbithlprakxbdwyxielktrxnthixyurxbxatxmhnungnn xxrbithlechingomelkul molecular orbitals MOs caphicarnawaprakxbdwyewelnsxielktrxnkhxngxatxmtangthiprakxbknepnomelkulnnexng odythvsdixxrbithlechingomelkulthukesnxkhuninchwngtnkhriststwrrsthi 20 cakkarsuksakarekidphnthaekhmiodykarpramantaaehnngkhxngxielktrxnthiekidphnthahruxxxrbithlechingomelkulepnkarrwmknechingesntrngkhxngxxrbithlechingxatxm Linear Combinations of Atomic Orbitals LCAO sungkarpramanniinpccubncaprayuktichthvsdifngkchnnlkhwamhnaaenn Density Functional Theory DFT hrux aebbcalxngharthri fxkk Hartree Fock HF models kbsmkarcherxdingengxrprawtithvsdixxrbithlechingomelkulthukphthnakhunphayinrayaewlaimnanhlngcakthvsdiphnthaewelns valence bond theory idthukesnxkhunodytwthvsdimikhwamchdecnaelaidrbkaryxmrbmakkhuntngaetpi kh s 1927 epntnma nkwithyasastrthimibthbathinkaresnxthvsdini idaek fridrich hund Friedrich Hund orebirt mlliekn Robert Mulliken cxhn seletxr John C Slater aela cxhn elnnard ocns John Lennard Jones thvsdixxrbithlechingomelkuledimthukeriykwa thvsdihund mlliekn Hund Mulliken theory xangxingcaknganwicykhxngexrik hukekl Erich Huckel nkfisiksaelankekhmifisiklchaweyxrmn phbwa thvsdinithukichkhrngaerkodyinpi kh s 1929 cxhn elnnard ocns exrik hukekl idprayuktthvsdixxrbithlechingomelkulinkarxthibayomelkulihodrkharbxnthiimximtw unsaturated hydrocarbon molecules tngaetpi kh s 1931 odyeriykwa withihukekl hruxwithixxrbithlechingomelkulaebbhukekl Huckel method or Huckel molecular orbital HMO method ephuxhaphlngngankhxngxxrbithlechingomelkulkhxngiphxielktrxn p electrons odyechphaasarprakxbihodrkharbxnkhxncuekchnaelasarprakxbaexoraemtik sungichxthibaykhwamesthiyrkhxngomelkulthimi p xielktrxn 6 twiddi echn ebnsin epntn mikarkhanwnthiaemnyasahrbfngkchnkhlunkhxngxxrbithlechingomelkul molecular orbital wavefunction sahrbomelkulihodrecnepnkhrngaerkodychals khulsxn Charles Coulson inpi kh s 1938 thvsdixxrbithlechingomelkulthukphthnaeruxymaaelathaihekidthvsdiihmkhuxthvsdisnamliaeknd Ligand Field Theory LFT thiphthnakhunmainchwngthswrrs 1930 aela 1940 sungepnthvsdithangeluxkkhxngthvsdisnamphluk Crystal Field Theory thithukesnxmakxnhnaniephuxxthibaysmbtikhxngsarprakxbokhxxrdienchn aephnphaphphlngngankhxngxxrbithlechingxatxmkhxngxatxmihodrecn sayaelakhwa aelaxxrbithlechingomelkulkhxng H2 klang aesdngxxrbithlechingomelkulaebbsrangphntha klanglang aelaxxrbithlechingomelkulaebbtanphntha klangbn xielktrxnaethndwyluksrsiaedngaesdngthisthangkarspinkhxngxielktrxnchnidkhxngxxrbithlechingomelkulthvsdixxrbithlechingomelkulichphlrwmechingesntrngkhxngxxrbithlechingxatxm LCAO inkaraesdngxxrbithlechingomelkulephuxekidepnphntharahwangxatxm sungxxrbithlechingomelkulehlaniaebngxxkepn xxrbithlaebbsrangphntha bonding orbitals xxrbithlaebbtanphntha antibonding orbitals aelaxxrbithlaebbimsrangphntha non bonding orbitals odyxxrbithlaebbsrangphnthacaepnbriewnthimikhwamhnaaennkhxngxielktrxnsungrahwangniwekhliyssungxielktrxninxxrbithlehlanicayudehniywniwekhliyskhxngxatxmthiekidphnthaekhadwykn swnxxrbithlaebbtanphnthacaepnxielktrxnthixyuhlngniwekhliysaelamiaenwonmthicadungniwekhliyskhxngxatxmthisrangphnthaxxkcakknhruxthaihkhwamaekhngaerngkhxngphnthaxxnlngnnexng xielktrxninxxrbithlaebbimsrangphnthamkcahmaythungxielktrxnthiyngkhngxyuinxxrbithlechingxatxmkhxngxatxmkhurwmphntha odyxielktrxninxxrbithlchnidnicaimmixntrkiriyakbswnxunkhxngomelkulaelaimmiphltxkhwamaekhngaerngkhxngphnthadwytwxyangkarichthvsdixxrbithlechingomelkulxthibaykarekidphnthaekhmiomelkulihodrecnfluxxird emuxphicarnaomelkulihodrecnfluxxird HF phaphkhanglang k xxrbithlechingxatxm 2s khxngfluxxrinimmixntrkiriyakb 1s xxrbithlkhxngihodrecn canwnxielktrxnthiekiywkhxngmithnghmd 10 xielktrxn odyxielktrxn 2 twaerkxyuinxxrbithlaeknthimiphlngnganta xielktrxn 2 twthdip xyuin 2s xxrbithlthiprakxbdwyexklksnkhxngfngkchnkhlunkhxngihodrecnxyucanwnhnung phnthanicdepnphnthathimithukophlairsenuxngcakfluxxrinexklksnkhxng 2s xxrbithlcakfluxxrin inkhnathi 3s xxrbithlmiexklksnkhxng 2p khxngfluxxrinmakkwa 2s aelaxxrbithlniksrangphnthakbihodrecnechnkn chudkhxngxxrbithl 2s aela 3s aesdngihehnthunghlkkarkhxngthvsdi odyemuxokhrngsrangliwxishruxkarekhiynaephnphaphewelnskhxngomelkulnn khuxielktrxnxyukbthirahwangsxngxxrbithl inkhnathixxrbithlechingomelkulaesdngihehnthungexklksnkhxngxxrbithlechingxatxmaetlachnidthikracayipyngxxrbithlechingomelkultangemuxekidepnomelkul xxrbithlechingxatxm 2px aela 2py khxngfluxxrinthithuketimetmxxrbithllasxngxielktrxnklayepnxxrbithlechingomelkulinxxrbithlthimismmatraebb p odyimthukkarrbkwnid xxrbithlsxngxxrbithlnieriykwa xxrbithlthiimsrangphntha odyyngmiexklksnkhxngxxrbithlehmuxnxxrbithlechingxatxmkhxngfluxxrin omelkulkharbxnmxnxkisd phicarnaphaphkhanglang kh sungaesdngxxrbithlechingomelkulkhxngkharbxnmxnxkisd CO sungepnliaekndthisakhyinekhmixninthriy enuxngcakmixielktrxn 14 tw omelkulnicungepnomelkulthiepnixosxielkthrxnikkbomelkulinotrecn N2 okhrngaebbxielkthrxnikkhxngomelkul molecular electronic configuration khux 1s22s 23s 24s 2 1p 4 5s 2 aephnphaphaesdngxxrbithlechingomelkulkhxng k ihodrecnfluxxird HF kh kharbxnmxnxkisd CO duephimewelns ewelnsxielktrxn sarprakxbokhxxrdienchn thvsdisnamphluk karrwmknechingesntrngkhxngxxrbithlechingxatxmxangxingCzech P T 2006 Molecular Orbital Theory Encyclopedia of Inorganic Chemistry Kutzelnigg Werner 1996 Friedrich Hund and Chemistry Angewandte Chemie 35 573 586 Platt J R 1966 1966 Nobel Laureate in Chemistry Robert S Mulliken Science 154 3750 745 747 J C Slater and G F Koster 1954 Simplified LCAO Method for the Periodic Potential Problem Physical Review 94 6 1498 1524 Mulliken Robert S 1972 1966 Spectroscopy Molecular Orbitals and Chemical Bonding Press release Nobel Lectures Chemistry 1963 1970 Huckel Erich 1934 Theory of free radicals of organic chemistry Trans Faraday Soc 30 40 52 Lennard Jones J E 1929 The electronic structure of some diatomic molecules Trans Faraday Soc 25 668 686 E Huckel Zeitschrift fur Physik 70 204 1931 72 310 1931 76 628 1932 83 632 1933 Coulson C A 1938 Self consistent field for molecular hydrogen Mathematical Proceedings of the Cambridge Philosophical Society 34 2 204 212 Griffith J S and L E Orgel Ligand Field Theory Q Rev Chem Soc 1957 11 381 383 Van Vleck J 1932 Theory of the Variations in Paramagnetic Anisotropy Among Different Salts of the Iron Group Physical Review 41 208 Miessler and Tarr 2013 Inorganic Chemistry 5th ed 117 165 475 534