วัดอัมพวัน เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ใน อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก
วัดอัมพวัน | |
---|---|
ที่ตั้ง | อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดอัมพวันสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และเป็นวัดร้างอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างเสียกรุงครั้งที่ 2 ในสมัยรัตนโกสินทร์เริ่มมีพระมาจำพรรษาอยู่ เท่าที่ปรากฎหลักฐานว่าหลวงปู่จันทร์ (พระครูวิสุทธิธรรมธาดา) ได้มาทำการบูรณะร่วมกับชาวบ้านบางอ้อ และหม่อมราชวงศ์จำรัศ อิศรางกูร ณ อยุธยา ได้ล่องเรือแพมาและได้ถวายให้แก่วัดอัมพวันเมื่อ พ.ศ. 2451 และได้ร่วมกับชาวบางอ้อ และหลวงปู่จันทร์วางศิลาฤกษ์อุโบสถเมื่อ พ.ศ. 2458 แต่มาเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2466 ที่ประตูไม้แกะสลักด้านหลังหรือด้านทิศตะวันตกของอุโบสถ มีชื่อของผู้สร้างสลักอยู่คือ นายวอน นางแม้น เป็นบุตรเขยและบุตรสาวของผู้เริ่มก่อสร้างอุโบสถ รวมทั้งหลวงนาและขุนวารี ซึ่งหลวงนาเป็นพ่อของขุนวารีผู้ชึ่งอุทิศที่ดินสร้างโบสถ์และเป็นธุระจัดช่างมาจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
ระหว่าง พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาทางชลมารค และสร้างพลับพลาที่หน้าโบสถ์แต่ทรงประทับอยู่ในเรือ และทรงพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ไว้และด้านล่างภาพเขียนว่า พระองค์ผู้ทรงพระราชทานสันติสุขและสันติภาพให้แก่สยามประเทศ นอกจากนี้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เคยเสด็จวัดอัมพวันและพระราชทานพระฉายาลักษณ์ ซึ่งในภาพลงวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2465 จากข้อมูลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าวัดอัมพวันตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2456 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2521
อาคารเสนาสนะ
อาคารเสนาสนะที่สำคัญ ได้แก่ อุโบสถก่ออิฐถือปูน ยาว 20.50 เมตร กว้าง 9 เมตร ขนาดห้าห้อง หลังคาเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง อยู่ภายในกำแพงแก้วสูง 50 เซนติเมตร มีมุขด้านหน้าหรือด้านตะวันออกและด้านหลังหรือด้านตะวันตก มุขทั้งสองมีเสาขนาดใหญ่รองรับมุขละสี่ต้น เป็นเสาย่อมุม ผนังด้านข้างรับน้ำหนักหลังคาโบสถ์ ภายในประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะรัตนโกสินทร์ เจดีย์รายเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ก่ออิฐถือปูน ส่วนยอดชำรุด ฐานกว้างประมาณ 2 เมตร สูง 3 เมตร
หอระฆัง (เก่า) เป็นเครื่องไม้ สูง 6 เมตร กว้างด้านละประมาณ 2 เมตร เครื่องบนหลังคามุงกระเบื้อง หางหงส์ หน้าบันแกะสลักเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญ ศาลาการเปรียญเป็นอาคารเครื่องไม้ มุงกระเบื้องขนาดกว้างประมาณ 16 เมตร ยาวประมาณ 18 เมตร สูงประมาณ 12 เมตร อาคารยกพื้นสูงหนึ่งชั้น ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ เป็นเครื่องไม้หน้าบันแกะสลักรูปพระพุทธรูป
หมู่กุฎิเรือนไทย เป็นเรือนไทยขนาดสามห้อง หลังคามุงกระเบื้องว่าว ปั้นลมเป็นไม้ หน้าบันแบบใบปรือ ตัวเรือนยกพื้นสูง กุฎิเรือนแพ เดิมเป็นเรือนแพอยู่ในกรุงเก่า ได้ถวายแก่วัดอัมพวัน เมื่อ พ.ศ. 2451 เพื่อทำเป็นกุฎิ โดยปล่อยส่วนที่รับน้ำหนักแพให้จมลง และใช้อิฐก่อเป็นเสาตั้งรับบแทน เป็นเรือนแพแฝด หน้าบันแบบใบปรือเช่นเดียวกับหมู่กุฎิเรือนไทย ฝาผนังแพด้านนอกเป็นแบบฝาถัง วางตามขวาง
อ้างอิง
- "พระสมเด็จพิมพ์เล็บมือ กรุวัดอัมพวัน". ข่าวสด.
- "วัดอัมพวัน". สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-21. สืบค้นเมื่อ 2022-01-21.
- "มรดกทางพระพุทธศาสนา".
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wdxmphwn epnwdrasdrsngkdkhnasngkhfaymhanikay tngxyuin xaephxbanna cnghwdnkhrnaykwdxmphwnthitngxaephxbanna cnghwdnkhrnaykpraephthwdrasdrnikaymhanikayswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawtiwdxmphwnsrangmatngaetsmykrungsrixyuthyatxnplay aelaepnwdrangxyuchwnghnungrahwangesiykrungkhrngthi 2 insmyrtnoksinthrerimmiphramacaphrrsaxyu ethathiprakdhlkthanwahlwngpucnthr phrakhruwisuththithrrmthada idmathakarburnarwmkbchawbanbangxx aelahmxmrachwngscars xisrangkur n xyuthya idlxngeruxaephmaaelaidthwayihaekwdxmphwnemux ph s 2451 aelaidrwmkbchawbangxx aelahlwngpucnthrwangsilavksxuobsthemux ph s 2458 aetmaesrcemux ph s 2466 thipratuimaekaslkdanhlnghruxdanthistawntkkhxngxuobsth michuxkhxngphusrangslkxyukhux naywxn nangaemn epnbutrekhyaelabutrsawkhxngphuerimkxsrangxuobsth rwmthnghlwngnaaelakhunwari sunghlwngnaepnphxkhxngkhunwariphuchungxuthisthidinsrangobsthaelaepnthuracdchangmacakwdrakhngokhsitaramwrmhawihar rahwang ph s 2461 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwidesdcmathangchlmarkh aelasrangphlbphlathihnaobsthaetthrngprathbxyuinerux aelathrngphrarachthanphrabrmchayalksniwaeladanlangphaphekhiynwa phraxngkhphuthrngphrarachthansntisukhaelasntiphaphihaeksyampraeths nxkcaknismedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs idekhyesdcwdxmphwnaelaphrarachthanphrachayalksn sunginphaphlngwnthi 16 tulakhm ph s 2465 cakkhxmulkhxngsanknganphraphuththsasnaaehngchati rabuwawdxmphwntngwdemux ph s 2456 idrbphrarachthanwisungkhamsimaemuxwnthi 24 tulakhm ph s 2521xakharesnasnaxakharesnasnathisakhy idaek xuobsthkxxiththuxpun yaw 20 50 emtr kwang 9 emtr khnadhahxng hlngkhaepnekhruxngimmungkraebuxng xyuphayinkaaephngaekwsung 50 esntiemtr mimukhdanhnahruxdantawnxxkaeladanhlnghruxdantawntk mukhthngsxngmiesakhnadihyrxngrbmukhlasitn epnesayxmum phnngdankhangrbnahnkhlngkhaobsth phayinpradisthanphraprathan epnphraphuththruppangmarwichy silpartnoksinthr ecdiyrayepnecdiythrngrakhng kxxiththuxpun swnyxdcharud thankwangpraman 2 emtr sung 3 emtr hxrakhng eka epnekhruxngim sung 6 emtr kwangdanlapraman 2 emtr ekhruxngbnhlngkhamungkraebuxng hanghngs hnabnaekaslkepnrupphanrththrrmnuy salakarepriyyepnxakharekhruxngim mungkraebuxngkhnadkwangpraman 16 emtr yawpraman 18 emtr sungpraman 12 emtr xakharykphunsunghnungchn prakxbdwychxfa ibraka hanghngs epnekhruxngimhnabnaekaslkrupphraphuththrup hmukudieruxnithy epneruxnithykhnadsamhxng hlngkhamungkraebuxngwaw pnlmepnim hnabnaebbibprux tweruxnykphunsung kudieruxnaeph edimepneruxnaephxyuinkrungeka idthwayaekwdxmphwn emux ph s 2451 ephuxthaepnkudi odyplxyswnthirbnahnkaephihcmlng aelaichxithkxepnesatngrbbaethn epneruxnaephaefd hnabnaebbibpruxechnediywkbhmukudieruxnithy faphnngaephdannxkepnaebbfathng wangtamkhwangxangxing phrasmedcphimphelbmux kruwdxmphwn khawsd wdxmphwn sanknganphraphuththsasnaaehngchati khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 01 21 subkhnemux 2022 01 21 mrdkthangphraphuththsasna