บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ หรือวัดเมือง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงฝั่งตะวันตก เลขที่ 156 ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นับแต่ วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ เป็นพระอารามหลวง
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์, วัดเมือง |
ที่ตั้ง | ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ |
นิกาย | มหานิกาย |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยโปรดให้ เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยามหาโยธา หาที่จะสร้างเมืองฉะเชิงเทราใหม่ และโปรดให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษ์รณเรศ (หม่อมไกรสร) ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 33 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เป็นแม่กองทำการสร้างกำแพงเมืองฉะเชิงเทรา แล้วเสร็จเมื่อปี 2380 อีกทั้งพระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้างวัดแห่งหนึ่ง ดังในพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงระบุว่า
"...แล้วโปรดให้กรมหลวงรักษรณเรศออกไปสร้างป้อมกำแพงที่เมืองฉเชิงเทราอีกตำบล 1 โปรดให้สร้างวัดไว้ในกลางเมือง ซึ่งพระราชทานนามในบัดนี้ว่า วัดปิตุลาธิราชรังสฤษดิ..."
เดิมทีวัดเมืองนี้อาจเคยมีแผนให้สร้างกลางเมืองแต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ จึงมีการสร้างบริเวณด้านเหนือของเมืองแทน จากข้อมูลคำให้การจีนบู๊ว่าด้วยเรื่องอั้งยี่เมืองฉะเชิงเทรากำเริบ จ.ศ. 1210 เมื่อคราวเกิดกบฏจีนตั้วเฮียขึ้นในปี พ.ศ. 2391 แสดงว่ามีวัดบริเวณเหนือเมืองแล้ว โดยพบข้อความที่ระบุว่า "จีนกิแต้จิ๋วเถ้าแก่สวนอ้อย คุมคน 1,200 เศษ ลงเรืออ้อย 6 ลำไปที่เมืองมาจอดเรือข้าวที่วัดเหนือเมือง แล้วจีนเอี้ยงคุมพวก 300 เศษ เข้าด้านเหนือ จีนจอเป็นคนตีกลองสัญญา จีนตูคุมพวก 300 เศษ เข้าด้านใต้ ข้าพเจ้าจีนเส็งคุมพวก 200 เศษ เข้าด้านตะวันออกจีนสามขีเป็นคนตีกลองสัญญา จีนซุนเตียคุมพวก 200 เศษ เข้าด้านตะวันตก เข้าล้อมเมืองพร้อมกันตีกลองสัญญายิงปืนทั้ง 4 ด้าน" จากนั้นภายหลังเหตุการณ์การกบฏแล้วกว่า 36 ปี ราวปี พ.ศ. 2427 พระยาวิเศษฤๅไชย(ช้าง) ได้ทำการบูรณะใหม่โดยปรากฏหลักฐานในบันทึกของ เซอร์ เออร์เนสต์ เมสัน ซาโตว (Sir Ernest Mason Satow) อัครราชทูตอังกฤษ ประจำกรุงสยาม เมื่อคราวตรวจพื้นที่ เมืองต่างๆในแม่น้ำบางปะกง ว่า
"...เจ้าเมืองปล่อยเรื่องหยุมหยิมในการบริหารปกครองอยู่ในอำนาจของน้องชาย ผู้ซึ่งเป็นปลัดและอายุได้ 75 ปีแล้ว ท่านสนใจแต่เพียงการเตรียมตนสำหรับโลกหน้าโดยการสร้างวัดแห่งหนึ่ง..."
ซึ่งสอดคล้องกับการให้ข้อมูลความทรงจำของชาวบ้านในพื้นบ้านจอมศรี อำเภอพนมสารคาม ซึ่งเป็นเครื่อญาติกับคุณนายมีภรรยาเจ้าเมืองว่ามีการมาสร้าง (บูรณะ) วัดเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5 จริง
เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว ในระยะแรกเรียกชื่อวัดว่า "วัดเหนือเมือง" "วัดหลักเมือง"หรือ วัดท้ายเมือง' ด้วยเพราะสร้างในพื้นที่ด้านท้ายเมือง และ/หรือ อยู่ในพื้นที่ด้านเหนือของเมือง จึงมีการขานชื่อที่ต่างกันไปโดยเรียกรวมๆ อย่างสามัญว่า "วัดเมือง"
เนื่องด้วยเป็นวัดสำคัญของเมืองจึงใช้ในพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และปรากฏหลักฐานว่าได้รับผ้าพระกฐินพระราชทานในสมัยรัชกาลที่ 4 จากนั้นได้รับพระราชทานนามวัดใหม่ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฏ์” อันเป็นการเฉลิมพระเกียรติให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวาระฉลองพระชนมายุครบรอบ 100 พรรษา ในปี พ.ศ. 2430 (แต่เอกสารราชการได้ปรากฏชื่อวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฏ์ มาก่อนหน้านั้นแล้วอย่างน้อยตั้งแต่ปี พ.ศ.2427 จากคดีนายฮ้อยแสงสุริยาที่กล่าวโทษพระยาวิเศษฤๅไชย(ช้าง)) อีกทั้งวัดนี้ได้ใช้เป็นที่พระราชทานเพลิงศพบุคคลสำคัญของเมืองฉะเชิงเทราหลายท่านโดยเฉพาะเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ พระยาวิเศษฤๅไชย(ช้าง)เจ้าเมืองฉะเชิงเทราในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 เป็นต้นด้วยความสัมพันธ์กับงานราชการมากจนครั้งหนึ่งได้รับการเปรียบเปรยว่า"วัดโสธรเป็นวัดของทหาร วัดเมืองของราชการ"
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ มีชื่ออยู่ในทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมีสภาพเป็นวัดตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ว่า ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2385 และได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2395 ซึ่งมีเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ได้ปกครองดูแลตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เนื่องใน โอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นับแต่ วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ เป็นพระอารามหลวง
ทำเนียบเจ้าอาวาส
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ (พระอารามหลวง) เดิมเป็นวัดราษฎร์ ตั้งแต่สร้างวัดมาตามหลักฐาน ที่ปรากฏ มีพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสที่พอสืบค้นได้ ดังนี้
- พระอธิการแก้ว
- พระครูธรรมภาณีวรคุณ (ช่วย แย้มจินดา) พ.ศ. 2454 - พ.ศ. 2485
- พระครูอุดมสมณคุณ (เติม ทองเสริม) พ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2514
- พระครูจินดาภิรมย์ (ชด แย้มจินดา) พ.ศ. 2514 - พ.ศ. 2524
- พระครูไพโรจน์ธรรมาภิวัฒน์ (สง่า ธมฺมโสภโณ) พ.ศ. 2524 - 2545
- พระสมุห์พงษ์พันธ์ วีรธมฺโม (ปัจจุบันคือ พระครูวีรศรัทธาธรรม (พงษ์พันธ์ วีรธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสุนีย์ศรัทธาธรรม) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส วันที่ 15 มิถุนายน 2545 ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546
- (สำราญ ญาณวุฑฺโฒ) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส พ.ศ. 2554 ถึง พ.ศ. 2559
- ป.ธ.9 พ.ศ. 2547 (20 กุมภาพันธ์ 2547 ) ถึง ปัจจุบัน
ด้านการศาสนศึกษา
มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อยู่ในความผิดชอบของ กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการจัดการศึกษาทางวิชาการพระพุทธศาสนา แผนกนักธรรม-ภาษาบาลี และหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับมัธยมศึกษา (ม.1-ม.6)
การศึกษา แผนกธรรม นักธรรม (ตรี-โท-เอก), ธรรมศึกษา (ตรี-โท-เอก)
การศึกษาแผนกบาลี เปรียญธรรม 1-2 ถึง 9
การศึกษาแผนกสามัญ ในระดับมัธยมศึกษา (ม.1-ม.6)
อ้างอิง
- จดหมายเหตุ ฉบับพระยาประมูลธนรักษ์(จ.ศ.1087-1218) "ปีระกา จ.ศ.1199 ทำ(ป้อม)เมืองฉะเชิงเทรา" (อ้างจาก ประชุมจดหมายเหตุโหร รวม3ฉบับ(2551).สำนักพิมพ์ต้นฉบับ :หน้า55-56)
- https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%93%E0%B9%93
- หนังสือ 100 เอกสารสำคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย เล่มที่ 15 เอกสารลำดับที่ 67 หน้า174-175 เอกสารบันทึกประจำวันฯ เพชรรุ่ง เทียนปิ๋วโรจน์
- กรมศิลปากร, สำนักเอกสารโบราณ, จดหมายเหตุเมืองฉะเชิงเทรา จ.ศ.1224 ใบบอกเมืองฉะเชิงเทรา เลขที่ 33.
- ราชกิจจานุเบกษาเล่ม 4 แผ่นที่ 12 หน้า88-89 "ชักศพพระยาวิเศษฤๅไชย เข้าโรงทิมวัดปิตุลาธิราชรังสฤษดิ ณ วันอาทิตย์ เดือนเจ็ด ขึ้นค่ำหนึ่ง "
- หนังสือ ประวัติหลวงพ่อโสธรกับการสร้างพระอุโบสถ พิมพ์เนื่องในงานฝังลูกนิมิตรผูกพัทธสีมา วัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทราปี 2500 หน้า 6
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul wdpitulathirachrngsvsdi khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir wdpitulathirachrngsvsdi hruxwdemuxng epnphraxaramhlwngchntri chnidsamy tngxyurimaemnabangpakngfngtawntk elkhthi 156 thnnmruphngs tablhnaemuxng xaephxemuxngchaechingethra cnghwdchaechingethra sranginsmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw aelaidrbphramhakrunathikhunoprdekla ihykepnphraxaramhlwng chntri chnidsamy emuxwnthi 29 mithunayn ph s 2551 enuxnginoxkasmhamngkhlechlimphrachnmphrrsa 80 phrrsa phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr rchkalthi 9 wnthi 5 thnwakhm ph s 2550 nbaet wdpitulathirachrngsvsdi epnphraxaramhlwngwdpitulathirachrngsvsdichuxsamywdpitulathirachrngsvsdi wdemuxngthitngtablhnaemuxng xaephxemuxng cnghwdchaechingethrapraephthphraxaramhlwngchntri chnidsamynikaymhanikayswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawtiwdpitulathirachrngsvsdisranginsmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw rchkalthi 3 odyoprdih ecaphrayaymrach ecaphrayamhaoytha hathicasrangemuxngchaechingethraihm aelaoprdihphraecabrmwngsethx krmhlwngrksrners hmxmikrsr sungepnphrarachoxrsxngkhthi 33 inphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach rchkalthi 1 epnaemkxngthakarsrangkaaephngemuxngchaechingethra aelwesrcemuxpi 2380 xikthngphraxngkhoprdeklaihsrangwdaehnghnung dnginphrarachniphnth inphrabathsmedcphraprminthrmhaculalngkrn phraculcxmeklaecaxyuhwthrngrabuwa aelwoprdihkrmhlwngrksrnersxxkipsrangpxmkaaephngthiemuxngchechingethraxiktabl 1 oprdihsrangwdiwinklangemuxng sungphrarachthannaminbdniwa wdpitulathirachrngsvsdi edimthiwdemuxngnixacekhymiaephnihsrangklangemuxngaetdwyehtuidimthrabid cungmikarsrangbriewndanehnuxkhxngemuxngaethn cakkhxmulkhaihkarcinbuwadwyeruxngxngyiemuxngchaechingethrakaerib c s 1210 emuxkhrawekidkbtcintwehiykhuninpi ph s 2391 aesdngwamiwdbriewnehnuxemuxngaelw odyphbkhxkhwamthirabuwa cinkiaetciwethaaekswnxxy khumkhn 1 200 ess lngeruxxxy 6 laipthiemuxngmacxderuxkhawthiwdehnuxemuxng aelwcinexiyngkhumphwk 300 ess ekhadanehnux cincxepnkhntiklxngsyya cintukhumphwk 300 ess ekhadanit khaphecacinesngkhumphwk 200 ess ekhadantawnxxkcinsamkhiepnkhntiklxngsyya cinsunetiykhumphwk 200 ess ekhadantawntk ekhalxmemuxngphrxmkntiklxngsyyayingpunthng 4 dan caknnphayhlngehtukarnkarkbtaelwkwa 36 pi rawpi ph s 2427 phrayawiessviichy chang idthakarburnaihmodyprakthlkthaninbnthukkhxng esxr exxrenst emsn saotw Sir Ernest Mason Satow xkhrrachthutxngkvs pracakrungsyam emuxkhrawtrwcphunthi emuxngtanginaemnabangpakng wa ecaemuxngplxyeruxnghyumhyiminkarbriharpkkhrxngxyuinxanackhxngnxngchay phusungepnpldaelaxayuid 75 piaelw thansnicaetephiyngkaretriymtnsahrbolkhnaodykarsrangwdaehnghnung sungsxdkhlxngkbkarihkhxmulkhwamthrngcakhxngchawbaninphunbancxmsri xaephxphnmsarkham sungepnekhruxyatikbkhunnaymiphrryaecaemuxngwamikarmasrang burna wdemuxnginsmyrchkalthi 5 cring emuxsrangwdesrcaelw inrayaaerkeriykchuxwdwa wdehnuxemuxng wdhlkemuxng hrux wdthayemuxng dwyephraasranginphunthidanthayemuxng aela hrux xyuinphunthidanehnuxkhxngemuxng cungmikarkhanchuxthitangknipodyeriykrwm xyangsamywa wdemuxng enuxngdwyepnwdsakhykhxngemuxngcungichinphrarachphithithuxnaphraphiphthnstya aelaprakthlkthanwaidrbphaphrakthinphrarachthaninsmyrchkalthi 4 caknnidrbphrarachthannamwdihm cakphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwwa wdpitulathirachrngsvst xnepnkarechlimphraekiyrtiihphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw inwarachlxngphrachnmayukhrbrxb 100 phrrsa inpi ph s 2430 aetexksarrachkaridpraktchuxwdpitulathirachrngsvst makxnhnannaelwxyangnxytngaetpi ph s 2427 cakkhdinayhxyaesngsuriyathiklawothsphrayawiessviichy chang xikthngwdniidichepnthiphrarachthanephlingsphbukhkhlsakhykhxngemuxngchaechingethrahlaythanodyechphaaecaemuxnghruxphuwarachkar sunghnunginnnidaek phrayawiessviichy chang ecaemuxngchaechingethrainwnthi 22 phvsphakhm ph s 2430 epntndwykhwamsmphnthkbnganrachkarmakcnkhrnghnungidrbkarepriybeprywa wdosthrepnwdkhxngthhar wdemuxngkhxngrachkar wdpitulathirachrngsvsdi michuxxyuinthaebiynwdkhxngsanknganphraphuththsasnaaehngchati aelamisphaphepnwdtammatra 31 aehngphrarachbyytikhnasngkh ph s 2505 aekikhephimetimaehngphrarachbyytikhnasngkh chbbthi 2 ph s 2535 wa tngemux ph s 2385 aelaidrbwisungkhamsimaemux ph s 2395 sungmiecakhnapkkhrxngfaysngkhidpkkhrxngduaeltlxdmacnthungpccubn txmawdpitulathirachrngsvsdi idrbphramhakrunathikhunoprdekla ihykepnphraxaramhlwng chntri chnidsamy emuxwnthi 29 mithunayn ph s 2551 enuxngin oxkasmhamngkhlechlimphrachnmphrrsa 80 phrrsa phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr rchkalthi 9 wnthi 5 thnwakhm ph s 2550 nbaet wdpitulathirachrngsvsdi epnphraxaramhlwngthaeniybecaxawaswdpitulathirachrngsvsdi phraxaramhlwng edimepnwdrasdr tngaetsrangwdmatamhlkthan thiprakt miphraphiksuphudarngtaaehnngecaxawasthiphxsubkhnid dngni phraxthikaraekw phrakhruthrrmphaniwrkhun chwy aeymcinda ph s 2454 ph s 2485 phrakhruxudmsmnkhun etim thxngesrim ph s 2485 ph s 2514 phrakhrucindaphirmy chd aeymcinda ph s 2514 ph s 2524 phrakhruiphorcnthrrmaphiwthn snga thm mosphon ph s 2524 2545 phrasmuhphngsphnth wirthm om pccubnkhux phrakhruwirsrththathrrm phngsphnth wirthm om ecaxawaswdsuniysrththathrrm phurksakaraethnecaxawas wnthi 15 mithunayn 2545 thungwnthi 19 kumphaphnth 2546 saray yanwuth oth phurksakaraethnecaxawas ph s 2554 thung ph s 2559 p th 9 ph s 2547 20 kumphaphnth 2547 thung pccubndankarsasnsuksamiorngeriynphrapriytithrrm aephnksamysuksa xyuinkhwamphidchxbkhxng kxngphuththsasnsuksa sanknganphraphuththsasnaaehngchati daeninkarcdkarsuksathangwichakarphraphuththsasna aephnknkthrrm phasabali aelahlksutrkarsuksakhxngkrathrwngsuksathikar inradbmthymsuksa m 1 m 6 karsuksa aephnkthrrm nkthrrm tri oth exk thrrmsuksa tri oth exk karsuksaaephnkbali epriyythrrm 1 2 thung 9 karsuksaaephnksamy inradbmthymsuksa m 1 m 6 xangxingcdhmayehtu chbbphrayapramulthnrks c s 1087 1218 piraka c s 1199 tha pxm emuxngchaechingethra xangcak prachumcdhmayehtuohr rwm3chbb 2551 sankphimphtnchbb hna55 56 https th wikisource org wiki E0 B8 9B E0 B8 A3 E0 B8 B0 E0 B8 8A E0 B8 B8 E0 B8 A1 E0 B8 9E E0 B8 87 E0 B8 A8 E0 B8 B2 E0 B8 A7 E0 B8 94 E0 B8 B2 E0 B8 A3 E0 B8 A0 E0 B8 B2 E0 B8 84 E0 B8 97 E0 B8 B5 E0 B9 88 E0 B9 93 E0 B9 93 hnngsux 100 exksarsakhy srrphsaraprawtisastrithy elmthi 15 exksarladbthi 67 hna174 175 exksarbnthukpracawn ephchrrung ethiynpiworcn krmsilpakr sankexksarobran cdhmayehtuemuxngchaechingethra c s 1224 ibbxkemuxngchaechingethra elkhthi 33 rachkiccanuebksaelm 4 aephnthi 12 hna88 89 chksphphrayawiessviichy ekhaorngthimwdpitulathirachrngsvsdi n wnxathity eduxnecd khunkhahnung hnngsux prawtihlwngphxosthrkbkarsrangphraxuobsth phimphenuxnginnganfngluknimitrphukphththsima wdosthr cnghwdchaechingethrapi 2500 hna 6