ราชสกุลจิเมียวอิง (ญี่ปุ่น: 持明院統) เป็นเชื้อสายของจักรพรรดิโกะ-ฟูกากูซะจักรพรรดิองค์ที่ 89 ซึ่งเป็นพระราชโอรสของจักรพรรดิโกซางะจักรพรรดิองค์ที่ 88 ที่ขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่ปลายยุคคามากูระจนถึงยุคราชสำนักเหนือ-ใต้ โดยถูกเรียกว่าราชสำนักเหนือ
ภาพรวม
ชื่อจิเมียวอิงมาจากที่ ซึ่งเป็นได้สร้างวัดขึ้นในที่พำนักของเขาโดยตั้งชื่อว่าจิเมียวอิงทำให้มีการเรียกตระกูลนี้ว่าตระกูลจิเมียวอิง
หลานสาวของโมโตโยริคือ ชินโกะ ซึ่งเป็นบุตรสาวของ จิเมียวอิง โมโตอิเอะ บุตรชายของโมโตโยริ ได้เป็นพระชายาของเจ้าชายโมริซาดะ ซึ่งเจ้าชายโมริซาดะก็ประทับอยู่ในวัดแห่งนี้ ในช่วงสงครามปีโจคิวอดีตจักรพรรดิทั้ง 3 (อดีตจักรพรรดิโกะ-โทบะ อดีตจักรพรรดิสึจิมิกาโดะและอดีตจักรพรรดิจุนโตกุ) ถูกเนรเทศโดยรัฐบาลโชกุนและจักรพรรดิชูเกียวถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ โอรสของเจ้าชายโมริซาดะคือเจ้าชายชิเงฮิโตะจึงได้เป็นจักรพรรดิโกะ-โฮริกาวะ (ส่วนเจ้าชายโมริซากะได้มีสถานะเทียบเท่าจักรพรรดิพระนามว่าโกะ-ทากากุระอิง) หลังจากที่จักรพรรดิโกะ-โฮริกาวะสละราชบัลลังก์ พระองค์ก็ประทับอยู่ในวัดจิเมียวอิง จากนั้น จักรพรรดิโกซางะ และจักรพรรดิโกะ-ฟูกากูซะ ก็เสด็จมาประทับที่วัดแห่งนี้ดังนั้นเชื้อสายตั้งแต่จักรพรรดิโกะ-ฟูกากูซะถึงจักรพรรดิโกะ-โคมัตสึจึงถูกเรียกว่าสายราชสกุลจิเมียวอิง
อย่างไรก็ตาม จิเมียวอิงถูกปกครองโดยพระราชธิดาของอดีตจักรพรรดิโกะ-โฮริกาวะคือ มูโรมาจิอิง (เจ้าหญิงคิชิ) หลังจากการสวรรคตของอดีตจักรพรรดิโกะ-โฮริกาวะ และพระราชโอรสของอดีตจักรพรรดิโกะ-โฮริกาวะ อดีตจักรพรรดิฟูชิมิ ได้สืบทอดวัดจิเมียวอิงหลังจากการสิ้นพระชนม์ของมูโรมาจิอิง ในปีที่ 4 (ค.ศ. 1302) วัดจิเมียวอิงจึงได้กลายเป็นพระราชวังเซ็นงาวะ และได้รับการขนานนามว่าเป็นราชสกุลจิเมียวอิง
เนื่องจากอดีตจักรพรรดิโกซางะซึ่งว่าราชการในวัดสวรรคตโดยมีพระราชประสงค์ให้ทายาทของจักรพรรดิคาเมยามะ (สายราชสกุลไดกากูจิ) ซึ่งเป็นพระราชอนุชาของอดีตจักรพรรดิโกะ-ฟูกากูซะขึ้นสืบราชบัลลังก์ ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างอดีตจักรพรรดิโกะฟูกากูซะกับจักรพรรดิคาเมยามะ รัฐบาลโชกุนคามากูระจึงมีคำสั่งว่าทายาทของทั้ง 2 ราชสกุลควรสลับกันสืบทอดราชบัลลังก์ (両統造立) หลังจากผ่านไปประมาณ 10 ปี
ในปีที่ 3 (ค.ศ. 1333) เนื่องจากการฟื้นฟูเค็มมุโดยจักรพรรดิโกไดโงะ ซึ่งมาจากสายราชสกุลไดกากูจิ ดูเหมือนว่าราชวงศ์ถูกรวมเข้ากับสายราชสกุลไดกากูจิ แต่รัฐบาลใหม่ล่มสลายภายในเวลา 2 ปีครึ่ง เพื่อแทนที่จักรพรรดิโกไดโงะที่หนีไปโยชิโนะ อาชิกางะ ทากาอูจิจึงสนับสนุนจักรพรรดิโคเมียวจากราชสกุลจิเมียวอิง จักรพรรดิโกไดโงะอ้างว่าพระองค์ปกครองราชสำนักใต้ด้วยความชอบธรรมของพระองค์เอง และยุคราชสำนักเหนือ-ใต้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิโกะ-โคมัตสึ ราชวงศ์ได้ถูกส่งผ่านไปยังราชสำนักเหนือ ของราชสกุลจิเมียวอิง ตาม (ค.ศ. 1392)
สาขาย่อยของราชสกุลจิเมียวอิง
ในศักราช อดีตจักรพรรดิโคงง ซึ่งเป็นชิเต็นในขณะนั้น รวมถึงพระราชอนุชาของพระองค์คืออดีตจักรพรรดิโคเมียว จักรพรรดิของราชสำนักเหนือในขณะนั้นคือจักรพรรดิซุโก และสมาชิกส่วนใหญ่ของราชสำนักเหนือ รวมถึงเจ้าชายนาโอฮิโตะ ที่รัชทายาท ถูกส่งตัวไปยังราชสำนักใต้
ในเวลานั้น ตระกูลอาชิกางะได้ครอบครองวังของพระราชอนุชาของจักรพรรดิซุโก ที่เสด็จไปที่วัดเมียวโฮอิง ซึ่งพระองค์วางแผนที่จะออกผนวช ขณะที่จักรพรรดิโกะ-โคงง ถูกบังคับให้ขึ้นครองราชบัลลังก์โดยปราศจากและพระราชโองการของชิเต็นซึ่งกำหนดโดยกฎหมายสืบราชสันตติวงศ์ (กฎหมายจารีตประเพณี) ในขณะนั้น เขาออกจากเกียวโตและไปยังและร่วมกับตระกูลอาชิกางะด้วยเหตุนี้ ตระกูลอาชิกางะจึงแสดงท่าทีเคารพองค์จักรพรรดิโกะ-โคงงผู้ซึ่งต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขา ในขณะนั้น ราชสำนักใต้กดดันให้อดีตจักรพรรดิซุโกซึ่งได้เป็นผู้นำของราชสกุลจิเมียวอิงรวมถึงอดีตจักรพรรดิโคงงผู้เป็นชิเต็น โนะ คิมิ ให้สละสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ของพระองค์เอง และทายาทของพระองค์และโดยต้องให้คำมั่นสัญญาก่อนจะอนุญาตให้กลับไปเกียวโต สำหรับอดีตจักรพรรดิโคงงและอดีตจักรพรรดิซุโก การครองราชย์ของจักรพรรดิโกะ-โคงงซึ่งเดิมคาดว่าจะออกผนวชเป็นพระภิกษุนั้นเป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึง ในการตอบสนองต่อเรื่องนี้รัฐบาลโชกุนมูโรมาจิและจักรพรรดิโกะ-โคงง กำลังควบคุมอดีตจักรพรรดิโคงงรวมถึงอดีตจักรพรรดิซุโกโดยกล่าวว่าขุนนางในราชสำนักที่รับใช้อดีตจักรพรรดิโคงง และอดีตจักรพรรดิซุโกจะถูกลงโทษ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จักรพรรดิโคงงสวรรคต จักรพรรดิโกะ-โคงงมีพระราชประสงค์ให้ทายาทของพระองค์ได้สืบราชบัลลังก์ และแสดงเจตจำนงต่อรัฐบาลโชกุนมูโรมาจิ บังเอิญเป็นยุคของโชกุนหนุ่ม อาชิกางะ โยชิมิตสึ และผู้ซึ่งปกป้องโยชิมิตสึในฐานะคันเร ได้แก้ตัวว่าเป็นเรื่องยากสำหรับโชกุนหนุ่มที่จะตัดสินใจ เขาเห็นด้วยกับเจตน์จำนงขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นจักรพรรดิโกะ-โคงงจึงสละราชบัลลังก์ให้กับจักรพรรดิโกะ-เอ็งยู ผู้เป็นพระราชโอรส และเมื่อจักรพรรดิโกะ-เอ็งยูสละราชบัลลังก์ให้กับพระราชโอรสคือจักรพรรดิโกะ-โคมัตสึ ในอีก 11 ปีต่อมา โยชิมิตสึซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เห็นชอบด้วย แม้ว่าอดีตจักรพรรดิซุโกจะคัดค้านอย่างรุนแรงถึงขั้นขัดแย้งกับพระราชอนุชาและพระราชนัดดาของพระองค์ก็ตาม แต่พระองค์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าชายโยชิฮิโตะซึ่งเป็นโอรสของอดีตจักรพรรดิซุโกได้ตั้งสายราชสกุลของพระองค์ชื่อว่า 'ฟุชิมิ โนะ มิยะ' เนื่องจากเป็นที่พำนักของพระองค์ จักรพรรดิโกะ-โคมัตสึซึ่งได้รับการอุปถัมภ์ของอาชิกางะ โยชิมิตสึและอาชิกางะ โยชิโมจิบุตรชายของเขา ประสบความสำเร็จในการสืบราชสันตติวงศ์ผ่าน จากนั้นจึงมอบราชบัลลังก์ให้กับจักรพรรดิโชโก พระราชโอรสองค์โตของพระองค์ และเริ่มต้นการว่าราชการในวัด ในทางกลับกัน ฟุชิมิโนะมิยะกำลังตกต่ำหลังจากการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโยชิฮิโตะและพระโอรสองค์โตของพระองค์คือ เจ้าชายฮารุฮิโตะ
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิโชโกมีพระพลานามัยไม่สู้ดีและไม่สามารถมีพระบุตรได้ และพระอนุชาของพระองค์คือ เจ้าชายโองาวะ ซึ่งเป็นที่รัชทายาทได้สิ้นพระชนม์ไปก่อน ดังนั้นจึงไม่มีสมาชิกจากสายราชสกุลของอดีตจักรพรรดิโกะ-โคงงได้สืบราชบัลลังก์อีก ในทางกลับกัน ราชสำนักใต้ (ราชสำนักใต้ยุคหลัง) คาดหวังสิ่งนี้และเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องการสืบทอดราชบัลลังก์ หลังจากนั้น อดีตจักรพรรดิโกะ-โคมัตสึจึงได้ประกาศให้เจ้าชายซาดาฟูซะ พระโอรสของเจ้าชายโยชิฮิโตะ ซึ่งเป็นผู้สืบราชสกุล ฟุชิมิ โนะ มิยะ เป็นพระราชโอรสบุญธรรมของพระองค์ ในโอกาสนี้ อดีตจักรพรรดิโกะ-โคมัตสึและเจ้าชายซาดาฟูซะได้ออกผนวช ในวันที่ 3 เดือน 6 อย่างไรก็ตาม ปัญหาการสืบราชบัลลังก์ไม่เพียงแต่กลับไปสู่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิโชโกกับเจ้าชายซาดาฟูซะแย่ลงไปอีก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 6 เดือน 7 ศักราช ที่ 1 จักรพรรดิโชโกก็ประชวรหนัก เมื่อวันที่ 13 เดือน 7 โชกุน อาชิกางะ โยชิโนริ สนับสนุนเจ้าชายฮิโกฮิโตะ โอรสของเจ้าชายซาดาฟูซะ อดีตจักรพรรดิจึงตัดสินพระทัยให้เจ้าชายฮิโกฮิโตะขึ้นสืบราชบัลลังก์ทันทีในฐานะพระราชโอรสบุญธรรมของพระองค์
อ้างอิง
- 『室町の王権 足利義満の王権簒奪計画』(、1990年)
- 横井清『室町時代の一皇族の生涯 『看聞日記』の世界』(、2002年)
- 近藤成一 「内裏と院御所」(初出:五味文彦 編『都市の中世』(吉川弘文館、1992年)/所収:近藤『鎌倉時代政治構造の研究』(校倉書房、2016年) )
- 「伏見宮家の成立 -貞成親王と貞常親王-」(所収:松岡心平 編『看聞日記と中世文化』(森話社、2009年) )
- 「後小松天皇の御遺詔」(初出:『国史学』47・48号(1944年2月)、所収:『村田正志著作集 第2巻続南北朝史論』(思文閣出版、1983年) )
- 松薗斉『日記の家 中世国家の記録組織』(、1997年)
- 第七章 持明院統天皇家の分裂 p178~p201
- 久水俊和「改元と仏事からみる皇統意識」(初出:『国史学』199号(2009年)、所収:『室町期の朝廷公事と公武関係』(岩田書院、2011年) )
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rachskulciemiywxing yipun 持明院統 epnechuxsaykhxngckrphrrdioka fukakusackrphrrdixngkhthi 89 sungepnphrarachoxrskhxngckrphrrdioksangackrphrrdixngkhthi 88 thikhunkhrxngbllngktngaetplayyukhkhamakuracnthungyukhrachsankehnux it odythukeriykwarachsankehnuxphaphrwmchuxciemiywxingmacakthi sungepnidsrangwdkhuninthiphankkhxngekhaodytngchuxwaciemiywxingthaihmikareriyktrakulniwatrakulciemiywxing hlansawkhxngomotoyrikhux chinoka sungepnbutrsawkhxng ciemiywxing omotxiexa butrchaykhxngomotoyri idepnphrachayakhxngecachayomrisada sungecachayomrisadakprathbxyuinwdaehngni inchwngsngkhrampiockhiwxditckrphrrdithng 3 xditckrphrrdioka othba xditckrphrrdisucimikaodaaelaxditckrphrrdicunotku thukenrethsodyrthbalochkunaelackrphrrdichuekiywthukpldxxkcakrachbllngk oxrskhxngecachayomrisadakhuxecachaychienghiotacungidepnckrphrrdioka ohrikawa swnecachayomrisakaidmisthanaethiybethackrphrrdiphranamwaoka thakakuraxing hlngcakthickrphrrdioka ohrikawaslarachbllngk phraxngkhkprathbxyuinwdciemiywxing caknn ckrphrrdioksanga aelackrphrrdioka fukakusa kesdcmaprathbthiwdaehngnidngnnechuxsaytngaetckrphrrdioka fukakusathungckrphrrdioka okhmtsucungthukeriykwasayrachskulciemiywxing xyangirktam ciemiywxingthukpkkhrxngodyphrarachthidakhxngxditckrphrrdioka ohrikawakhux muormacixing ecahyingkhichi hlngcakkarswrrkhtkhxngxditckrphrrdioka ohrikawa aelaphrarachoxrskhxngxditckrphrrdioka ohrikawa xditckrphrrdifuchimi idsubthxdwdciemiywxinghlngcakkarsinphrachnmkhxngmuormacixing inpithi 4 kh s 1302 wdciemiywxingcungidklayepnphrarachwngesnngawa aelaidrbkarkhnannamwaepnrachskulciemiywxing enuxngcakxditckrphrrdioksangasungwarachkarinwdswrrkhtodymiphrarachprasngkhihthayathkhxngckrphrrdikhaemyama sayrachskulidkakuci sungepnphrarachxnuchakhxngxditckrphrrdioka fukakusakhunsubrachbllngk khwamkhdaeyngekidkhunrahwangxditckrphrrdiokafukakusakbckrphrrdikhaemyama rthbalochkunkhamakuracungmikhasngwathayathkhxngthng 2 rachskulkhwrslbknsubthxdrachbllngk 両統造立 hlngcakphanippraman 10 pi inpithi 3 kh s 1333 enuxngcakkarfunfuekhmmuodyckrphrrdiokidonga sungmacaksayrachskulidkakuci duehmuxnwarachwngsthukrwmekhakbsayrachskulidkakuci aetrthbalihmlmslayphayinewla 2 pikhrung ephuxaethnthickrphrrdiokidongathihniipoychiona xachikanga thakaxucicungsnbsnunckrphrrdiokhemiywcakrachskulciemiywxing ckrphrrdiokidongaxangwaphraxngkhpkkhrxngrachsankitdwykhwamchxbthrrmkhxngphraxngkhexng aelayukhrachsankehnux itkiderimtnkhun txmainrchsmykhxngckrphrrdioka okhmtsu rachwngsidthuksngphanipyngrachsankehnux khxngrachskulciemiywxing tam kh s 1392 sakhayxykhxngrachskulciemiywxinginskrach xditckrphrrdiokhngng sungepnchietninkhnann rwmthungphrarachxnuchakhxngphraxngkhkhuxxditckrphrrdiokhemiyw ckrphrrdikhxngrachsankehnuxinkhnannkhuxckrphrrdisuok aelasmachikswnihykhxngrachsankehnux rwmthungecachaynaoxhiota thirchthayath thuksngtwipyngrachsankit inewlann trakulxachikangaidkhrxbkhrxngwngkhxngphrarachxnuchakhxngckrphrrdisuok thiesdcipthiwdemiywohxing sungphraxngkhwangaephnthicaxxkphnwch khnathickrphrrdioka okhngng thukbngkhbihkhunkhrxngrachbllngkodyprascakaelaphrarachoxngkarkhxngchietnsungkahndodykdhmaysubrachsnttiwngs kdhmaycaritpraephni inkhnann ekhaxxkcakekiywotaelaipyngaelarwmkbtrakulxachikangadwyehtuni trakulxachikangacungaesdngthathiekharphxngkhckrphrrdioka okhngngphusungtxngrwmthukkhrwmsukhkbphwkekha inkhnann rachsankitkddnihxditckrphrrdisuoksungidepnphunakhxngrachskulciemiywxingrwmthungxditckrphrrdiokhngngphuepnchietn ona khimi ihslasiththiinkarsubrachbllngkkhxngphraxngkhexng aelathayathkhxngphraxngkhaelaodytxngihkhamnsyyakxncaxnuyatihklbipekiywot sahrbxditckrphrrdiokhngngaelaxditckrphrrdisuok karkhrxngrachykhxngckrphrrdioka okhngngsungedimkhadwacaxxkphnwchepnphraphiksunnepneruxngthikhadkhidimthung inkartxbsnxngtxeruxngnirthbalochkunmuormaciaelackrphrrdioka okhngng kalngkhwbkhumxditckrphrrdiokhngngrwmthungxditckrphrrdisuokodyklawwakhunnanginrachsankthirbichxditckrphrrdiokhngng aelaxditckrphrrdisuokcathuklngoths xyangirktam hlngcakthickrphrrdiokhngngswrrkht ckrphrrdioka okhngngmiphrarachprasngkhihthayathkhxngphraxngkhidsubrachbllngk aelaaesdngectcanngtxrthbalochkunmuormaci bngexiyepnyukhkhxngochkunhnum xachikanga oychimitsu aelaphusungpkpxngoychimitsuinthanakhner idaektwwaepneruxngyaksahrbochkunhnumthicatdsinic ekhaehndwykbectncanngkhxngxngkhckrphrrdi dngnnckrphrrdioka okhngngcungslarachbllngkihkbckrphrrdioka exngyu phuepnphrarachoxrs aelaemuxckrphrrdioka exngyuslarachbllngkihkbphrarachoxrskhuxckrphrrdioka okhmtsu inxik 11 pitxma oychimitsusungepnphuihyaelwkehnchxbdwy aemwaxditckrphrrdisuokcakhdkhanxyangrunaerngthungkhnkhdaeyngkbphrarachxnuchaaelaphrarachnddakhxngphraxngkhktam aetphraxngkhkimsamarththaxairid ecachayoychihiotasungepnoxrskhxngxditckrphrrdisuokidtngsayrachskulkhxngphraxngkhchuxwa fuchimi ona miya enuxngcakepnthiphankkhxngphraxngkh ckrphrrdioka okhmtsusungidrbkarxupthmphkhxngxachikanga oychimitsuaelaxachikanga oychiomcibutrchaykhxngekha prasbkhwamsaercinkarsubrachsnttiwngsphan caknncungmxbrachbllngkihkbckrphrrdiochok phrarachoxrsxngkhotkhxngphraxngkh aelaerimtnkarwarachkarinwd inthangklbkn fuchimionamiyakalngtktahlngcakkarsinphrachnmkhxngecachayoychihiotaaelaphraoxrsxngkhotkhxngphraxngkhkhux ecachayharuhiota xyangirktam ckrphrrdiochokmiphraphlanamyimsudiaelaimsamarthmiphrabutrid aelaphraxnuchakhxngphraxngkhkhux ecachayoxngawa sungepnthirchthayathidsinphrachnmipkxn dngnncungimmismachikcaksayrachskulkhxngxditckrphrrdioka okhngngidsubrachbllngkxik inthangklbkn rachsankit rachsankityukhhlng khadhwngsingniaelaekhluxnihwephuxeriykrxngkarsubthxdrachbllngk hlngcaknn xditckrphrrdioka okhmtsucungidprakasihecachaysadafusa phraoxrskhxngecachayoychihiota sungepnphusubrachskul fuchimi ona miya epnphrarachoxrsbuythrrmkhxngphraxngkh inoxkasni xditckrphrrdioka okhmtsuaelaecachaysadafusaidxxkphnwch inwnthi 3 eduxn 6 xyangirktam pyhakarsubrachbllngkimephiyngaetklbipsucuderimtnethann aetyngthaihkhwamsmphnthrahwangckrphrrdiochokkbecachaysadafusaaeylngipxik xyangirktam inwnthi 6 eduxn 7 skrach thi 1 ckrphrrdiochokkprachwrhnk emuxwnthi 13 eduxn 7 ochkun xachikanga oychionri snbsnunecachayhiokhiota oxrskhxngecachaysadafusa xditckrphrrdicungtdsinphrathyihecachayhiokhiotakhunsubrachbllngkthnthiinthanaphrarachoxrsbuythrrmkhxngphraxngkhxangxing 室町の王権 足利義満の王権簒奪計画 1990年 ISBN 4 12 100978 9 横井清 室町時代の一皇族の生涯 看聞日記 の世界 2002年 ISBN 4 06 159572 5 近藤成一 内裏と院御所 初出 五味文彦 編 都市の中世 吉川弘文館 1992年 所収 近藤 鎌倉時代政治構造の研究 校倉書房 2016年 ISBN 978 4 7517 4650 9 伏見宮家の成立 貞成親王と貞常親王 所収 松岡心平 編 看聞日記と中世文化 森話社 2009年 ISBN 978 4 916087 94 2 後小松天皇の御遺詔 初出 国史学 47 48号 1944年2月 所収 村田正志著作集 第2巻続南北朝史論 思文閣出版 1983年 ISBN 978 4 7842 0344 4 松薗斉 日記の家 中世国家の記録組織 1997年 ISBN 4 642 02757 2第七章 持明院統天皇家の分裂 p178 p201久水俊和 改元と仏事からみる皇統意識 初出 国史学 199号 2009年 所収 室町期の朝廷公事と公武関係 岩田書院 2011年 ISBN 978 4 87294 705 2