มหิยังคะ (บาลี: มหิยงฺค) หรือ รัฐเมืองยอง (ไทใหญ่: မိူင်းယွင်း; พม่า: မိုင်းယောင်း; ไทลื้อ: ᩮᨾᩨ᩠ᨦᨿᩬᨦ) เป็นรัฐเจ้าฟ้าแห่งหนึ่งในกลุ่มสหพันธรัฐชาน ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศพม่า มีราชธานีคือเมืองยอง หรือเชียงช้าง ตั้งอยู่บริเวณแคบ ๆ ทางตะวันออกสุดของรัฐเชียงตุงริมฝั่งแม่น้ำโขง ใกล้พรมแดนจีนและลาว เคยมีสถานะเป็นประเทศราชหรือลูกบ้านหางเมืองของอาณาจักรล้านนา ด้วยเป็นรัฐชายขอบ มีสภาพเป็นรัฐเกษตรกรรมขนาดน้อยในหุบเขา มีเทือกเขาล้อมรอบ ประชากรส่วนใหญ่เป็น แต่ในราชธานีประชากรส่วนใหญ่เป็นไทลื้อ ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของชุมชนชาวไทลื้อเมืองเชียงรุ่ง ส่งสุนันทะราชบุตรมาสร้างเมืองยองด้วยการปราบปรามชาวลัวะแล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน และปกครองตนเองอย่างอิสระไม่ขึ้นกับใคร
เมืองยอง မိူင်းယွင် | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
รัฐเจ้าฟ้าของสหพันธรัฐชาน | |||||||
พุทธศตวรรษที่ 19 – พ.ศ. 2358 | |||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||
• ก่อตั้ง | พุทธศตวรรษที่ 19 | ||||||
• ถูกผนวกเข้ากับรัฐเชียงตุง | พ.ศ. 2358 | ||||||
|
เมืองยองเป็นนครรัฐขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขา ที่ราบค่อนข้างน้อย และเป็นรัฐเกษตรกรรมเพื่อยังชีพ รวมทั้งตั้งอยู่บนเส้นทางเดินทัพของรัฐอื่น ๆ ทำให้เมืองยองต้องเผชิญกับภัยสงครามบ่อยครั้ง
ประวัติ
รัฐเมืองยองเดิมเป็นที่ตั้งชุมชนของหรือลัวะ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของแถบนี้ ใน ตำนานเมืองยอง ระบุว่า ชาวละว้าตั้งชุมชนอาศัยเป็นปึกแผ่นเจ็ดหมู่บ้านรอบสระน้ำใหญ่ มีท้าวลกพญาละว้าเป็นหัวหน้า ต่อมาเกิดภัยแล้ง มีชาวละว้าอพยพมาอาศัยในเขตของท้าวลก ซึ่งในจำนวนผู้อพยพนั้น มีละว้ากลุ่มหนึ่งที่ขึ้นกับเจ้าเชียงตุงด้วย เจ้าเมืองเชียงตุงจึงส่งคนมาเจรจาขอละว้ากลุ่มนี้คืนเมืองแต่ท้าวลกพญาละว้าไม่ยอมให้ จึงเกิดการสู้รบกัน กองทัพของท้าวลกยกไปตีหัวเมืองใหญ่น้อยได้ 28 หัวเมือง รวมทั้งเมืองเชียงรุ่งด้วย แต่หลังท้าวลกเสียชีวิต ก็แต่งตั้งพญาวรรณหรือพญางามขึ้นเป็นหัวหน้าแทน ต่อมาเจ้าเมืองเชียงรุ่งคิดอุบายสำคัญ โดยส่งสุนันทราชบุตร พระโอรสลำดับที่สอง นำเครื่องบรรณาการไปฝากตัวรับใช้พญาวรรณ ครั้นถึงเทศกาลสำคัญตามธรรมเนียมละว้า ที่ทุกปีชาวบ้านทั้งเจ็ดหมู่บ้านจะร่วมกันจัดกิจกรรมวิดเอาปลามาทำอาหารเลี้ยงร่วมกัน ซึ่งวันนั้นเอง สุนันทราชบุตรลอบนำยาพิษใส่ในสุราให้พวกหัวหน้าละว้าดื่มทุกคนแล้วตัดศีรษะกับทั้งบริวาร ชาวละว้าทั้งหลายที่สิ้นหัวหน้าก็พากันหลบหนีไปฝั่งล้านช้าง กลายเป็นข่าเผ่าต่าง ๆ สุนันทราชบุตรก็ปราบดาภิเษกเป็นเจ้าเมืองแทน และปกครองตนเองอย่างอิสระไม่ขึ้นตรงต่อใคร จากตำนานดังกล่าว สรัสวดี อ๋องสกุล นักประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าเมืองยองคงสถาปนาเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา เจ้าสุนันทะและเชื้อสายครองเมืองยองได้ห้ารัชกาลก็สูญวงศ์ หาผู้สืบราชบัลลังก์มิได้ เพราะเชื้อสายเจ้าผู้ครองมีศรัทธาพระศาสนาออกผนวชเสียหมด ด้วยเหตุนี้จึงต้องตั้งขุนนางช่วยกันดูแลบ้านเมืองกันเอง เมืองยองว่างกษัตริย์นาน 65 ถึง 67 ปี
พญาสามฝั่งแกน กษัตริย์ล้านนาทรงกระทำสงครามปราบปรามเมืองยองสำเร็จ เพราะต้องการให้เมืองยองเป็นเมืองหน้าด่าน คอยป้องกันการโจมตีจากรัฐเชียงตุง เชียงรุ่ง และ เมืองยองยอมอ่อนน้อมต่อล้านนาในฐานะลูกเมือง ให้ทำนุบำรุง รวมทั้งมีการส่งช่างฟ้อนลงมาบูชากษัตริย์ล้านนา ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าติโลกราชทรงยึดเมืองยองอีกครั้ง ทรงตั้งขุนนางปกครองกันเอง ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และกัลปนาผู้คนจากบ้านกอมเป็นข้าพระธาตุจอมยอง แล้วให้ช่างฟ้อนลงมาฟ้อนคารวะกษัตริย์ล้านนาปีละครั้ง
หลังพุทธศตวรรษที่ 22 เป็นต้นมา หลังอาณาจักรล้านนาล่มสลาย รัฐเมืองยองก็ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า แต่หากพม่าอ่อนแอ เมืองยองจะถูกรัฐอื่น ๆ แทรกแซง เช่น เชียงรุ่ง และเชียงใหม่ ในช่วงสั้น ๆ
ต่อมาเมื่อพระยากาวิละฟื้นฟูบ้านเมือง ได้ทำการกวาดต้อนผู้คนจากเมืองยองไปไว้เมืองลำพูนที่ตั้งขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2348 ทำให้เมืองยองแทบเป็นเมืองร้าง สร้างความไม่พอใจแก่เจ้ามหาขนานเมืองเชียงตุง และเจ้าพุทธวงศาเจ้าเมืองยอง ทั้งสองจึงเอาใจออกหากไปเข้าฝ่ายพม่า เพราะมองว่าพม่าไม่มีนโยบายกวาดต้อนผู้คน และคิดว่าอย่างไรเสียพม่าก็ต้องขึ้นมาปราบเมืองยองอยู่แล้ว เจ้าพุทธวงศารวบรวมผู้คนได้ 150 ครัวเรือนเศษมาตั้งเมืองยองขึ้นใหม่ แล้วขอร่วมสวามิภักดิ์เข้ากับพม่ามาตั้งแต่นั้น ที่สุดเมืองยองถูกผนวกเข้ากับรัฐเชียงตุงใน พ.ศ. 2358
ประชากรศาสตร์
ชาติพันธุ์
จากการครองราชย์ของเจ้าสุนันทะ ทรงนำชาวไทลื้อจากเชียงรุ่งกลุ่มเล็ก ๆ เข้ามาด้วย เมืองยองจึงรับวัฒนธรรมไทลื้อ ชาวลัวะซึ่งเป็นชนพื้นเมืองก็รับวัฒนธรรมไทลื้อไปด้วย เช่น การแต่งกาย ส่วนชาวลื้อเมืองยองเองก็ต้องผสมกลมกลืนไปกับชาวลัวะซึ่งเป็นชนพื้นเมือง
ศาสนา
รัฐเมืองยองรับศาสนาพุทธจากเมืองเชียงรุ่ง ดังปรากฏความใน ตำนานเมืองยอง ความว่า "...สัพพัญญูพระพุทธเจ้าโคตมะแห่งเราเกิดมาโปรดโลกและจรเดินบิณฑบาตข้าวลุกแต่เมืองวิเทหราชลงมารอดเมืองมหิยังคะ..." และ ตำนานพระธาตุหลวงจอมยอง ก็ระบุว่าเมืองยองเพิ่งรับศาสนาพุทธหลังเจ้าสุนันทะสร้างเมืองยอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาเจ้าผู้ครองเองก็มีศรัทธาในศาสนาพุทธ ออกผนวชกันหมดจนสิ้นวงศ์ ต่อมามีคณะสงฆ์จากอาณาจักรล้านนาเดินทางเข้าไปเผยแผ่ศาสนา ดังจะพบว่ามีการสถาปนาวัดนิกายสวนดอก (หรือ นิกายรามัญ) และนิกายป่าแดง (หรือ นิกายสีหล) สู่เมืองยองตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าติโลกราชเป็นต้นมา ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเผยแผ่ศาสนาในรัชสมัยพระเจ้าบุเรงนองเสียอีก
งานพุทธศิลป์แบบล้านนาในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองยอง เช่น และพระเจ้าทิพย์ (องค์ยืน) พระพุทธรูปในวัดพระแก้วเมืองยอง
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- "รู้จักประวัติศาสตร์ "ไทยอง" ที่กว่า 80% ของคนลำพูนล้วนสืบเชื้อสายมา". มติชนสุดสัปดาห์. 30 มีนาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2563.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "ตำนานเมืองยอง". สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2563.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "Gazetteer of Upper Burma and the Shan states"
- ประวัติศาสตร์ล้านนา, หน้า 192
- ประวัติศาสตร์ล้านนา, หน้า 231
- James B. Minahan, Encyclopedia of the Stateless Nations: p. 2024
- รัฐฉาน (เมืองไต) : พลวัติของชาติพันธุ์ในบริบทประวัติศาสตร์และการเมืองร่วมสมัย, หน้า 82
- ประวัติศาสตร์ล้านนา, หน้า 234-235
- ประวัติศาสตร์ล้านนา, หน้า 237
- 30 ชาติในเชียงราย, หน้า 242
- ประวัติศาสตร์ล้านนา, หน้า 159
- รัฐฉาน (เมืองไต) : พลวัติของชาติพันธุ์ในบริบทประวัติศาสตร์และการเมืองร่วมสมัย, หน้า 80
- รัฐฉาน (เมืองไต) : พลวัติของชาติพันธุ์ในบริบทประวัติศาสตร์และการเมืองร่วมสมัย, หน้า 99
- Shan and Karenni States - World Statesmen
- Sanda Simms, The Kingdoms of Laos. p. 207
- "ทำไมคนยองเมืองลำพูน จึงไม่เรียกตัวเองว่า "ไทลื้อ"". มติชนสุดสัปดาห์. 19 ธันวาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2563.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - พระสกาวุฒิ ยสวฑฺฒโน (ปริวรรต) (31 พฤษภาคม 2562). "ประวัติพระธาตุหลวงจอมยอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองยอง". เชียงใหม่นิวส์. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2563.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ประวัติศาสตร์ล้านนา, หน้า 162
- รัฐฉาน (เมืองไต) : พลวัติของชาติพันธุ์ในบริบทประวัติศาสตร์และการเมืองร่วมสมัย, หน้า 95
- บรรณานุกรม
- บุญช่วย ศรีสวัสดิ์. 30 ชาติในเชียงราย. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สยามปริทัศน์, 2557. 592 หน้า. ISBN
- สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 7, กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2553. 660 หน้า. ISBN
- เสมอชัย พูลสุวรรณ. รัฐฉาน (เมืองไต) : พลวัติของชาติพันธุ์ในบริบทประวัติศาสตร์และการเมืองร่วมสมัย. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), 2552. 222 หน้า. ISBN
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
mhiyngkha bali mhiyng kh hrux rthemuxngyxng ithihy မ င ယ င phma မ င ယ င ithlux ᨾ ᨦᨿ ᨦ epnrthecafaaehnghnunginklumshphnthrthchan pccubnxyuinekhtpraethsphma mirachthanikhuxemuxngyxng hruxechiyngchang tngxyubriewnaekhb thangtawnxxksudkhxngrthechiyngtungrimfngaemnaokhng iklphrmaedncinaelalaw ekhymisthanaepnpraethsrachhruxlukbanhangemuxngkhxngxanackrlanna dwyepnrthchaykhxb misphaphepnrthekstrkrrmkhnadnxyinhubekha miethuxkekhalxmrxb prachakrswnihyepn aetinrachthaniprachakrswnihyepnithlux sungekidcakkarkhyaytwkhxngchumchnchawithluxemuxngechiyngrung sngsunntharachbutrmasrangemuxngyxngdwykarprabpramchawlwaaelwprabdaphieskkhunepnecaemuxngaethn aelapkkhrxngtnexngxyangxisraimkhunkbikhremuxngyxng မ င ယ င rthecafakhxngshphnthrthchanphuththstwrrsthi 19 ph s 2358prawtisastr kxtngphuththstwrrsthi 19 thukphnwkekhakbrthechiyngtungph s 2358thdiprthechiyngtung emuxngyxngepnnkhrrthkhnadelkthimikhxcakdmak ephraaphunthiswnihyepnpaekha thirabkhxnkhangnxy aelaepnrthekstrkrrmephuxyngchiph rwmthngtngxyubnesnthangedinthphkhxngrthxun thaihemuxngyxngtxngephchiykbphysngkhrambxykhrngprawtirthemuxngyxngedimepnthitngchumchnkhxnghruxlwa sungepnchnphunemuxngkhxngaethbni in tananemuxngyxng rabuwa chawlawatngchumchnxasyepnpukaephnecdhmubanrxbsranaihy mithawlkphyalawaepnhwhna txmaekidphyaelng michawlawaxphyphmaxasyinekhtkhxngthawlk sungincanwnphuxphyphnn milawaklumhnungthikhunkbecaechiyngtungdwy ecaemuxngechiyngtungcungsngkhnmaecrcakhxlawaklumnikhunemuxngaetthawlkphyalawaimyxmih cungekidkarsurbkn kxngthphkhxngthawlkykiptihwemuxngihynxyid 28 hwemuxng rwmthngemuxngechiyngrungdwy aethlngthawlkesiychiwit kaetngtngphyawrrnhruxphyangamkhunepnhwhnaaethn txmaecaemuxngechiyngrungkhidxubaysakhy odysngsunnthrachbutr phraoxrsladbthisxng naekhruxngbrrnakaripfaktwrbichphyawrrn khrnthungethskalsakhytamthrrmeniymlawa thithukpichawbanthngecdhmubancarwmkncdkickrrmwidexaplamathaxahareliyngrwmkn sungwnnnexng sunnthrachbutrlxbnayaphisisinsuraihphwkhwhnalawadumthukkhnaelwtdsirsakbthngbriwar chawlawathnghlaythisinhwhnakphaknhlbhniipfnglanchang klayepnkhaephatang sunnthrachbutrkprabdaphieskepnecaemuxngaethn aelapkkhrxngtnexngxyangxisraimkhuntrngtxikhr caktanandngklaw srswdi xxngskul nkprawtisastr snnisthanwaemuxngyxngkhngsthapnaemuxphuththstwrrsthi 19 epntnma ecasunnthaaelaechuxsaykhrxngemuxngyxngidharchkalksuywngs haphusubrachbllngkmiid ephraaechuxsayecaphukhrxngmisrththaphrasasnaxxkphnwchesiyhmd dwyehtunicungtxngtngkhunnangchwyknduaelbanemuxngknexng emuxngyxngwangkstriynan 65 thung 67 pi phyasamfngaekn kstriylannathrngkrathasngkhramprabpramemuxngyxngsaerc ephraatxngkarihemuxngyxngepnemuxnghnadan khxypxngknkarocmticakrthechiyngtung echiyngrung aela emuxngyxngyxmxxnnxmtxlannainthanalukemuxng ihthanubarung rwmthngmikarsngchangfxnlngmabuchakstriylanna txmainrchkalphraecatiolkrachthrngyudemuxngyxngxikkhrng thrngtngkhunnangpkkhrxngknexng thrngthanubarungphraphuththsasna aelaklpnaphukhncakbankxmepnkhaphrathatucxmyxng aelwihchangfxnlngmafxnkharwakstriylannapilakhrng hlngphuththstwrrsthi 22 epntnma hlngxanackrlannalmslay rthemuxngyxngktkepnemuxngkhunkhxngphma aethakphmaxxnaex emuxngyxngcathukrthxun aethrkaesng echn echiyngrung aelaechiyngihm inchwngsn txmaemuxphrayakawilafunfubanemuxng idthakarkwadtxnphukhncakemuxngyxngipiwemuxnglaphunthitngkhunihmin ph s 2348 thaihemuxngyxngaethbepnemuxngrang srangkhwamimphxicaekecamhakhnanemuxngechiyngtung aelaecaphuththwngsaecaemuxngyxng thngsxngcungexaicxxkhakipekhafayphma ephraamxngwaphmaimminoybaykwadtxnphukhn aelakhidwaxyangiresiyphmaktxngkhunmaprabemuxngyxngxyuaelw ecaphuththwngsarwbrwmphukhnid 150 khrweruxnessmatngemuxngyxngkhunihm aelwkhxrwmswamiphkdiekhakbphmamatngaetnn thisudemuxngyxngthukphnwkekhakbrthechiyngtungin ph s 2358prachakrsastrchatiphnthu cakkarkhrxngrachykhxngecasunntha thrngnachawithluxcakechiyngrungklumelk ekhamadwy emuxngyxngcungrbwthnthrrmithlux chawlwasungepnchnphunemuxngkrbwthnthrrmithluxipdwy echn karaetngkay swnchawluxemuxngyxngexngktxngphsmklmklunipkbchawlwasungepnchnphunemuxng sasna rthemuxngyxngrbsasnaphuththcakemuxngechiyngrung dngpraktkhwamin tananemuxngyxng khwamwa sphphyyuphraphuththecaokhtmaaehngeraekidmaoprdolkaelacredinbinthbatkhawlukaetemuxngwiethhrachlngmarxdemuxngmhiyngkha aela tananphrathatuhlwngcxmyxng krabuwaemuxngyxngephingrbsasnaphuththhlngecasunnthasrangemuxngyxng hlngcaknnepntnmaecaphukhrxngexngkmisrththainsasnaphuthth xxkphnwchknhmdcnsinwngs txmamikhnasngkhcakxanackrlannaedinthangekhaipephyaephsasna dngcaphbwamikarsthapnawdnikayswndxk hrux nikayramy aelanikaypaaedng hrux nikaysihl suemuxngyxngtngaetrchsmyphraecatiolkrachepntnma sungekidkhunkxnkarephyaephsasnainrchsmyphraecabuerngnxngesiyxik nganphuththsilpaebblannainkhriststwrrsthi 15 yngkhnghlngehluxxyuinemuxngyxng echn aelaphraecathiphy xngkhyun phraphuththrupinwdphraaekwemuxngyxngxangxingechingxrrth ruckprawtisastr ithyxng thikwa 80 khxngkhnlaphunlwnsubechuxsayma mtichnsudspdah 30 minakhm 2562 subkhnemux 7 knyayn 2563 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help tananemuxngyxng sankhxsmud mhawithyalyechiyngihm subkhnemux 7 knyayn 2563 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help Gazetteer of Upper Burma and the Shan states prawtisastrlanna hna 192 prawtisastrlanna hna 231 James B Minahan Encyclopedia of the Stateless Nations p 2024 rthchan emuxngit phlwtikhxngchatiphnthuinbribthprawtisastraelakaremuxngrwmsmy hna 82 prawtisastrlanna hna 234 235 prawtisastrlanna hna 237 30 chatiinechiyngray hna 242 prawtisastrlanna hna 159 rthchan emuxngit phlwtikhxngchatiphnthuinbribthprawtisastraelakaremuxngrwmsmy hna 80 rthchan emuxngit phlwtikhxngchatiphnthuinbribthprawtisastraelakaremuxngrwmsmy hna 99 Shan and Karenni States World Statesmen Sanda Simms The Kingdoms of Laos p 207 thaimkhnyxngemuxnglaphun cungimeriyktwexngwa ithlux mtichnsudspdah 19 thnwakhm 2562 subkhnemux 7 knyayn 2563 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help phraskawuthi yswth thon priwrrt 31 phvsphakhm 2562 prawtiphrathatuhlwngcxmyxng singskdisiththikhuemuxngyxng echiyngihmniws subkhnemux 7 knyayn 2563 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help prawtisastrlanna hna 162 rthchan emuxngit phlwtikhxngchatiphnthuinbribthprawtisastraelakaremuxngrwmsmy hna 95 brrnanukrmbuychwy sriswsdi 30 chatiinechiyngray phimphkhrngthi 8 krungethph syamprithsn 2557 592 hna ISBN 978 974 315 871 1 srswdi xxngskul prawtisastrlanna phimphkhrngthi 7 krungethph xmrinthr 2553 660 hna ISBN 978 974 8132 15 0 esmxchy phulsuwrrn rthchan emuxngit phlwtikhxngchatiphnthuinbribthprawtisastraelakaremuxngrwmsmy krungethph sunymanusywithyasirinthr xngkhkarmhachn 2552 222 hna ISBN 9789746605694