บุก หรือ สกุลบุก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Amorphophallus) เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปีหลากชนิด ในวงศ์บอน (Araceae) มีหัวใต้ดินขนาดใหญ่ ออกดอกในช่วงต้นฤดูฝน ขณะบานส่งกลิ่นเหม็นมาก เมื่อดอกโรยแล้วใบจะงอกตามออกมาเพียงใบเดียว ก้านดอกและก้านใบกลมยาว และพักตัวในฤดูแล้ง ลำต้นเหี่ยวแห้งและเหลือหัวอยู่ใต้ดิน มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ในภูมิภาคเขตร้อนในทวีปเอเชีย แอฟริกา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปออสเตรเลีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรต่าง ๆ ไปจนถึงเขตอบอุ่นตอนกลาง ของประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งในประเทศไทย
บุก | |
---|---|
ดอกบุกยักษ์ (Titan arum หรือ Amorphophallus titanum) บุกที่มีช่อดอกใหญ่ที่สุด | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | พืช |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง |
เคลด: | พืชดอก |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงเดี่ยว |
อันดับ: | อันดับขาเขียด |
วงศ์: | วงศ์บอน |
วงศ์ย่อย: | |
เผ่า: | |
สกุล: | บุก ex |
ชนิดต้นแบบ | |
Amorphophallus paeoniifolius | |
Species | |
ดูในบทความ | |
ชื่อพ้อง | |
|
พืชในสกุลบุกบางชนิดกินได้ และจัดเป็น "อาหารในภาวะทุพภิกขภัย" โดยส่วนของก้านใบ ก้านดอกอ่อน และหัวใต้ดิน มาบริโภคได้ซึ่งต้องผ่านการเตรียมอาหารอย่างระมัดระวังเพื่อขจัดสารเคมีที่ก่อความระคายเคือง หัวบุกบางชนิดยังนำมาแปรรูปเป็นผงบุกซึ่งนำไปสกัดได้สาร ซึ่งมีศักยภาพในการใช้ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ ชนิดที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักได้แก่ ดอกบุกยักษ์ (A. titanum) ในอินโดนีเซียซึ่งเป็นหนึ่งในพืชชนิดที่มีช่อดอกที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ดอกซากศพ" จากกลิ่นฉุนที่เกิดขึ้นในช่วงดอกบาน และอีกชนิดคือคอนยัค ที่รู้จักดีในการใช้เป็นอาหารญี่ปุ่นเรียก คนเนียกุ (บุกก้อนและบุกเส้น)
ประวัติ
บันทึกที่เก่าที่สุดของการจัดระบบอนุกรมวิธานพืชบุก คือในปี 1692 เมื่อเฮนดริค ฟาน รีเดอ (Van Rheede tot Drakenstein) ตีพิมพ์ระบุชนิดพืช 2 ชนิดในสกุล โดยชื่อสกุล "Amorphophallus" ถูกระบุเป็นครั้งแรกโดยคาร์ล บรูเมอ (Carl Ludwig Blume) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ในปี 1834 ต่อมาระหว่างปี 1876 ถึง 1911 อดอล์ฟ เองเกลอร์ (Engler) ได้รวมสกุลอื่น ๆ จำนวนหนึ่งเข้าใน Amorphophallus และลงในบทความเกี่ยวกับสกุลนี้ซึ่งระบุเป็นเอกสารฉบับสุดท้าย ตีพิมพ์ในปี 1911 ด้วยสีและกลิ่นของดอกจึงมักถูกเรียกว่า "purple aki" (ชื่ออาชญากรในอังกฤษช่วงปี 1995–2000)
อนุกรมวิธาน
ชื่อสกุล Amorphophallus มาจากภาษากรีกโบราณ amorphos "ไม่มีรูปร่าง" หรือ "ผิดรูป" + phallos "องคชาต" จากรูปร่างของช่อดอกเชิงลดแบบมีกาบ (spadix) ที่โดดเด่น
บุกเป็นสกุลขนาดใหญ่ของพืชสมุนไพรที่มีหัวในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนประมาณ 200 ชนิดจากวงศ์บอน (Araceae)
รายชื่อชนิด
-
- Amorphophallus abyssinicus subsp. abyssinicus
- Amorphophallus abyssinicus subsp. akeassii
- Amorphophallus abyssinicus subsp. unyikae
-
- Amorphophallus angolensis subsp. angolensis
- Amorphophallus angolensis subsp. maculatus
- :
-
- Amorphophallus calabaricus subsp. calabaricus
- Amorphophallus calabaricus subsp. mayoi
- : West-Java giant amorphophallus
- : Sumatra giant amorphophallus
- : Taiwan amorphophallus
- Amorphophallus konjac : คนเนียกุ (Devil's tongue, elephant foot, elephant-yam, leopard palm, snake palm, umbrella arum, voodoo lily)
- Hett., S.R.Yadav & K.S.Patil
- Amorphophallus koratensis Gagnep. : บุกหูช้าง
- Engl.
- (Serebryanyi) Hett. & Claudel
- Linden & André
- Mayo & Widjaja
- (Serebryanyi) Hett. & Claudel
- Hett.
- Hett.
- Malaisse & Bamps
- Gagnep.
- Hett.
- Hett. & Serebryanyi
- Bogner
- Engl. & Gehrm.
- Kurz ex Hook.f.
- (Engl.) Engl. & Gehrm.
- Hett. & Sizemore
- Merr.
- (Roxb.) Kunth
- (Gagnep. ex Serebryanyi) Hett. & Claudel
- Craib
-
- Amorphophallus maximus subsp. fischeri
- Amorphophallus maximus subsp. maximus
- Amorphophallus muelleri : บุกคนโท
- Amorphophallus paeoniifolius : Whitespot giant arum, elephant yam
- : Brunei amorphophallus
- Amorphophallus saraburiensis : บุกรอ
- Amorphophallus titanum : บุกยักษ์ (titan arum, krubi) (ดอกไม้ที่มีช่อดอกใหญ่ที่สุดในโลก)
- : Kerri's giant arum
-
- Amorphophallus zenkeri subsp. mannii
- Amorphophallus zenkeri subsp. zenkeri
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
บุก (Amorphophallus) เป็นพืชพืชล้มลุก อายุหลายปี หลายชนิดมีขนาดตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ เจริญจากหัวใต้ดิน หัวบุกมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละชนิด ตั้งแต่หัวทรงกลมสม่ำเสมอของบุกคอนยัค (A. konjac) หัวยาวของ A. longituberosus และทรงกระบอก A. macrorhizus หรือลักษณะคล้ายหัวมันแกว หรือหน่อรอบหัว ไปจนถึงหัวที่มีลักษณะกระจุก ๆ ของ A. coaetaneus
ใบเดี่ยว เป็นใบประกอบแตกแขนง สองชั้น สามชั้น หรือหลายแขนง ก้านใบเป็นลำกลมตั้งตรง เกิดขึ้นมาจากกลางหัวบุก ใบแฉกและปลายใบแหลมลักษณะคล้ายใบมะละกอ ลักษณะคล้ายลำต้นซึ่งเรียกว่า ลำต้นเทียม ผิวลำต้นมีสีเขียวเข้ม บางชนิดมีลายเป็นเส้นตรง ลายกระ ลายด่าง มีสีเขียวสลับขาวหรือน้ำตาลอ่อน บางชนิดสีเขียวล้วน น้ำตาลล้วน มีทั้งชนิดที่ผิวเรียบ บางชนิดก้านใบมีหนามอ่อนทั่วทั้งก้านใบ โดยทั่วไปออกใบหลังจากดอกโรยแล้วจากกลางหัว
ดอก คล้ายดอกหน้าวัว (เป็นพืชวงศ์เดียวกัน) คือมีกาบและฝักดอกตรงกลาง เป็นดอกไม้แบบดอกรวมที่ไม่มีกลีบดอก ดอกบุกแต่ละชนิดมีขนาด สี และรูปทรงต่างกัน บางชนิดมีดอกขนาดใหญ่มากสูงได้หลายเมตรและมีกลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกบางชนิดมีดอกเล็ก บางชนิดมีกลิ่นหอม ก้านดอกงอกโผล่ขึ้นตรงจากกลางหัวบุกเช่นเดียวกับก้านใบ ช่อดอกบุกมีกาบหุ้มช่อ ภายในช่อดอกแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกด้านบนสุดเป็นส่วนของจะงอยเกสรเพศผู้ ลักษณะคล้ายดอกบัวตูม, กลมป้อม, ยาวรี หรือทรงกระบอก ส่วนที่สองเป็นดอกเพศผู้ลักษณะคล้ายไข่ปลาเรียงชิดติดกันแน่น บางชนิดจะมีส่วนของดอกเพศผู้ที่เป็นหมันปนอยู่ ส่วนใหญ่มักเป็นสีน้ำตาลอมม่วงหรือขาวอมเขียว ข้างในมีสันหรือหูดซึ่งทำหน้าที่เป็นกับดักแมลง ส่วนที่สามด้านล่างสุดคือ ดอกเพศเมีย ประกอบด้วยยอดแกสรเพศเมีย ก้านเกสรเพศเมีย และรังไข่
ดอกตัวเมียที่โตเต็มที่มักจะบานเปิดรับเกสรเพศผู้ได้เพียง 1 วัน หลายชนิดช่อดอกส่งกลิ่นของเนื้อเน่าเพื่อดึงดูด (แม้ว่าบางชนิดอาจมีกลิ่นหอม) ให้เดินผ่านกับดักแมลงซึ่งมีลักษณะทางเดียวคือ กาบดอกที่เรียวแคบลง แมลงผสมเกสรต้องเดินผ่านดอกตัวผู้จำนวนมากที่เจริญเต็มที่และปล่อยละอองเรณู ซึ่งตกลงบนตัวและขนของแมลงเหล่านี้ จากนั้นจะตามกลิ่นที่ปล่อยออกจากดอกเพศเมียที่ด้านล่างและเกิดการผสมเกสร ดอกของบุกยังใช้เป็นพืชอาหารโดยหนอนผีเสื้อและ (Lepidoptera) บางชนิดเช่น Palpifer sexnotatus และ Palpifer sordida
ผลอ่อนของบุกเป็นแบบผลเบอร์รี่ทรงกลมมีสีขาวอมเหลือง เมื่อสุกแก่เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม สีม่วง สีส้ม หรือสีแดง แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิด มักมีจุกดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผลของบุกส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน แต่เมล็ดภายใน แตกต่างกัน บางชนิดมีเมล็ดรูปกลม แต่ส่วนมากมีเมล็ดเป็นรูปทรงกลมรี บุกบางชนิดมีเมล็ดจำนวนมากกว่าพันเมล็ด ในขณะที่บุกชนิดที่มีขนาดเล็กชนิดอื่น มีเมล็ดจำนวนไม่เกินร้อยเมล็ด
วงจรชีวิต
บุกเป็นพืชหัวล้มลุกที่มีช่วงการเจริญเติบโตทางลำต้นต่างปีกับที่เจริญเติบโตเป็นดอก ส่วนใหญ่มีการเจริญเติบโตทางลำต้นเพียงอย่างเดียวนาน 4–6 ปี จึงเข้าสู่ช่วงออกดอก บุกซึ่งมีดอกส่วนใหญ่จะไม่มีการเจริญเติบโตทางลำต้น โดยธรรมชาติจะเริ่มงอกและเจริญเติบโตในช่วงปลายฤดูแล้งต่อฤดูฝน หัวที่งอกและเจริญเติบโตเป็นดอกจะงอกได้เร็วกว่าหัวที่เจริญเติบโตเป็นต้น โดยมีลักษณะการเจริญเติบโตแบบถ่ายหัว หัวที่เกิดใหม่จะซ้อนอยู่ด้านบนของหัวเดิม หัวเก่าจะฝ่อและเหี่ยวแห้งไปเมื่อต้นและใบเหี่ยวเฉาหรือผลสุกแก่เต็มที่ หัวก็เริ่มเข้าสู่ระยะพักตัวรอเวลาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่องอกเป็นต้นหรือเป็นดอกในปีต่อไป
ชนิดเด่น
- บุกยักษ์ (Amorphophallus titanum หรือ 'corpse flower' หรือ titan arum) พบที่หมู่เกาะสุมาตรา มีช่อดอกที่ไม่มีกิ่งก้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูงได้ถึง 2.5 เมตร (8.2 ฟุต) และกว้าง 1.5 เมตร (4.9 ฟุต) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2015 ดอกบุกยักษ์ที่สูงมากกว่า 1.2 เมตร (3.9 ฟุต) ซึ่งมีผู้เข้าชมหลายพันคนต่อแถวเพื่อดูและดมกลิ่น ได้รับการขนานนามว่า "อลิซ" อธิบายว่ามันมีกลิ่น "กลิ่นแรงมาก เหมือนคนจรจัด ยุ้งข้าว ผ้าอ้อมสกปรก และมีกลิ่นเหมือนลูกเหม็นเล็กน้อยด้วย" บุกยักษ์มีถิ่นกำเนิดในป่าฝนของประเทศอินโดนีเซีย ใช้เวลาประมาณ 7-10 ปีจึงจะออกดอก
- Amorphophallus gigas ซึ่งมีลำต้นเทียมที่สูงกว่า แต่มีช่อดอกที่เล็กกว่า[]
- บุกคอนยัค (Amorphophallus konjac) ใช้ทำคนเนียกุ (コンニャク) สารเพิ่มความข้นในอาหารญี่ปุ่นและเป็นวุ้นที่กินได้ซึ่งมีกลูโคแมนแนน
- ใบของบุกยักษ์ในธรรมชาติ
- โครงสร้างภายในกาบดอกของบุกคางคก ด้านบนสุด (ขวา) คือจะงอยรูปดอกบัว, ดอกเพศผู้ (กลาง) และดอกเพศเมียที่ด้านล่างของช่อดอก (ซ้าย)
- ดอกเพศผู้ (บน) และดอกเพศเมีย (ล่าง) ทั้งคู่ไม่มีกลีบดอก
- ผลบุก คล้ายผลกล้วยขนาดเล็ก มีจุกดำที่ปลาย
การแพร่กระจายและถิ่นที่อยู่
บุกเป็นพืชในที่ลุ่มทั่วไป เติบโตในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของพื้นที่เขตร้อนของแอฟริกา, เอเชีย และ โอเชียเนีย (Paleotropical Kingdom) ไม่พบในทวีปอเมริกา แม้ว่าจะมีสกุล Dracontium คล้ายคลึงกันมากแต่ไม่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกัน บุกส่วนใหญ่เป็น บุกเติบโตได้ดีบนพื้นที่รกร้างเช่น
ชนิดที่พบในประเทศไทย
ในประเทศไทยพบ 68 ชนิด เป็นบุกพื้นเมือง 64 ชนิด โดยพบทางภาคเหนือของไทยมากกว่า 41 ชนิด จากการสำรวจพบบุกบนพื้นที่สูงในจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน
ชนิดที่สำคัญ ได้แก่
การใช้ประโยชน์
บุกคอนยัค
ปลูกในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใช้ประโยชน์จากหัวที่เป็นขนาดใหญ่ ใช้ทำแป้งและวุ้นก้อนในชื่อ คนเนียกุ (อาหารญี่ปุ่น), โหมยฺวี่โต้วฟู (魔芋豆腐) ใน นอกจากนี้ยังใช้แทนในอาหารมังสวิรัติ ในประเทศไทยใช้บุกคางคกและบุกเนื้อทราย
ประโยชน์ด้านสุขภาพ
หัวบุกคอนยัคแห้ง มีสารสำคัญคือ สารเหนียวประมาณร้อยละ 40 สารพอลิแซ็กคาไรด์นี้ทำให้บุกก้อนมีความหนืดสูงที่ละลายน้ำได้ และอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น ในยาจีนโบราณสำหรับการล้างพิษ, การควบคุมเนื้องอก, การบรรเทาอาการเลือดชะงักงัน, การจัดการโรคหอบหืด, การรักษาโรคผิวหนัง และการทำให้เสมหะเหลว ใยอาหารจากหัวบุกใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริมลดน้ำหนัก
พิษ
โดยทั่วไปยางที่พบในหัวบุกสด ลำต้นและใบ (ในบุกหลายชนิดเช่น บุกคอนยัค (A. konjac), บุกคนโท (A. muelleri), A. oncophyllus, บุกคางคก (A. paeoniifolius)) ประกอบด้วยสารแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) หากสัมผัสกับผิวหนังจะทำให้เกิดอาการคัน หากเข้าตาจะทำให้เกิดการระคายเคือง มีอาการแสบตาอย่างรุนแรงและอาจทำให้ตาบอดได้
หัวบุกออกรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร ในกลุ่มคนที่ม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหารไม่ดี ควรหลีกเลี่ยงและหรือไม่กินมากเกินไป
อ้างอิง
- "Amorphophallus Blume ex Decne". Plants of the World Online. Royal Botanic Gardens, Kew. 2022. สืบค้นเมื่อ 6 December 2022.
- การใช้ประโยชน์จากฐานชีวภาพของพืชสกุลบุกในพื้นที่ทองผาภูมิ. กลุ่มวิจัยพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์, สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร. สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2565.
- Kew World Checklist of Selected Plant Families
- Sedayu, A., C. M. Eurlings, Gravendeel, B., & Hetterscheid, W. (2010). Morphological character evolution of Amorphophallus (Araceae) based on a combined phylogenetic analysis of trnL, rbcL and LEAFY second intron sequences. Botanical Studies, 51, 473–490.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-12-21. สืบค้นเมื่อ 2009-11-06.
- "Titan arum". Eden Project (ภาษาอังกฤษ). 2018-02-04. สืบค้นเมื่อ 2020-12-30.
- Hetterscheid, W., & Ittenbach, S. (1990). Everything you always wanted to know about Amorphophallus but were afraid to stick your nose into! Aroideana, 19, 17-20.
- Yuzammi, Yuzammi (October 2020). "A new species of Amorphophallus (Araceae—Thomsoniaea) from Sulawesi, Indonesia" (461): 295–300. doi:10.11646/phytotaxa.461.4.6.
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - Wasan Yodsanit (2011-12-11). "พันธ์บุกในประเทศไทย".
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - "Thousands line up to see huge stinky flower" (video). Reuters Editors' Picks. Reuters. 30 September 2015. สืบค้นเมื่อ 30 September 2015.
Chicago's floral celebrity is over four feet tall, incredibly rare, and smells like death
- Design, UBC Web. "Bulbs, White, House, Nursery". Amorphophallus Conjak | White House Nursery (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-12-08.
- "บุก" แต่ไม่รุกป่า. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง, 11 พฤษภาคม 2564.
- อรพรรณ ศังขจันทรานนท์. ความหลากชนิดของพืชสกุลบุก (Amorphophallus Blume ex Decne.) ในประเทศไทย. คณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
- Chua, M; Baldwin, TC; Hocking, TJ; Chan, K (24 March 2010). "Traditional uses and potential health benefits of Amorphophallus konjac K. Koch ex N.E.Br". Journal of Ethnopharmacology. 128 (2): 268–78. doi:10.1016/j.jep.2010.01.021. PMID 20079822.
- . Calorie-Count.US. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-21. สืบค้นเมื่อ 2013-07-09.
- Pillay, Roshni; Chemban, Faiz Mukthar; Pillay, Vijay V; Rathish, Balram. "Little Known Dangers of an Exotic Poisonous Fruit: Lessons From Two Cases of Konjac Ingestion". Cureus. 12 (12): e11972. doi:10.7759/cureus.11972. ISSN 2168-8184. PMC 7790319. PMID 33425544.
- บุก และหัวบุก Puechkaset, 3 พฤศจิกายน 2015.
- บุก สมุนไพร สรรพคุณลดความอ้วน ช่วยควบคุมน้ำหนัก BeeZab.com, สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2565.
- "Amorphophallus konjac Devil's Tongue, Devil's Tongue, Snake Plant, Konjac, Konnyaku Potato, Voodoo Lily PFAF Plant Database". pfaf.org.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
buk hrux skulbuk chuxwithyasastr Amorphophallus epnphuchlmlukxayuhlaypihlakchnid inwngsbxn Araceae mihwitdinkhnadihy xxkdxkinchwngtnvdufn khnabansngklinehmnmak emuxdxkoryaelwibcangxktamxxkmaephiyngibediyw kandxkaelakanibklmyaw aelaphktwinvduaelng latnehiywaehngaelaehluxhwxyuitdin miekhtkarkracayphnthuxyuinphumiphakhekhtrxninthwipexechiy aexfrika phakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngthwipxxsetreliy aelahmuekaainmhasmuthrtang ipcnthungekhtxbxuntxnklang khxngpraethscin ekahli yipun rwmthnginpraethsithybukdxkbukyks Titan arum hrux Amorphophallus titanum bukthimichxdxkihythisudkarcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr phuchekhld phuchmithxlaeliyngekhld phuchdxkekhld phuchibeliyngediywxndb xndbkhaekhiydwngs wngsbxnwngsyxy epha skul buk exchnidtnaebbAmorphophallus paeoniifoliusSpeciesduinbthkhwamchuxphxngAllopythion Schott Brachyspatha Schott Candarum Schott Conophallus Schott Corynophallus Schott Dunalia Montrouz Hansalia Schott Hydrosme Schott Kunda Raf Plesmonium Schott Proteinophallus Hook f Pseudodracontium N E Br Pythion Mart Pythonium Schott Rhaphiophallus Schott Synantherias Schott Tapeinophallus Baill Thomsonia Wall phuchinskulbukbangchnidkinid aelacdepn xaharinphawathuphphikkhphy odyswnkhxngkanib kandxkxxn aelahwitdin mabriophkhidsungtxngphankaretriymxaharxyangramdrawngephuxkhcdsarekhmithikxkhwamrakhayekhuxng hwbukbangchnidyngnamaaeprrupepnphngbuksungnaipskdidsar sungmiskyphaphinkarichpraoychndanxutsahkrrmxaharephuxsukhphaph chnidthioddednepnthiruckidaek dxkbukyks A titanum inxinodniesiysungepnhnunginphuchchnidthimichxdxkthiihythisudinolkaelaepnthiruckkninchux dxksaksph cakklinchunthiekidkhuninchwngdxkban aelaxikchnidkhuxkhxnykh thiruckdiinkarichepnxaharyipuneriyk khneniyku bukkxnaelabukesn prawtibnthukthiekathisudkhxngkarcdrabbxnukrmwithanphuchbuk khuxinpi 1692 emuxehndrikh fan riedx Van Rheede tot Drakenstein tiphimphrabuchnidphuch 2 chnidinskul odychuxskul Amorphophallus thukrabuepnkhrngaerkodykharl bruemx Carl Ludwig Blume nkphvkssastrchawdtchinpi 1834 txmarahwangpi 1876 thung 1911 xdxlf exngeklxr Engler idrwmskulxun canwnhnungekhain Amorphophallus aelalnginbthkhwamekiywkbskulnisungrabuepnexksarchbbsudthay tiphimphinpi 1911 dwysiaelaklinkhxngdxkcungmkthukeriykwa purple aki chuxxachyakrinxngkvschwngpi 1995 2000 xnukrmwithanchuxskul Amorphophallus macakphasakrikobran amorphos immiruprang hrux phidrup phallos xngkhchat cakruprangkhxngchxdxkechingldaebbmikab spadix thioddedn bukepnskulkhnadihykhxngphuchsmuniphrthimihwinekhtrxnaelakungekhtrxnpraman 200 chnidcakwngsbxn Araceae raychuxchniddxkbukyks Amorphophallus titanum phaphkhyaybukkhangkhk Amorphophallus paeoniifolius bukekliyng Amorphophallus bulbifer Amorphophallus abyssinicus subsp abyssinicus Amorphophallus abyssinicus subsp akeassii Amorphophallus abyssinicus subsp unyikae Amorphophallus angolensis subsp angolensis Amorphophallus angolensis subsp maculatus Amorphophallus calabaricus subsp calabaricus Amorphophallus calabaricus subsp mayoi West Java giant amorphophallus Sumatra giant amorphophallus Taiwan amorphophallus Amorphophallus konjac khneniyku Devil s tongue elephant foot elephant yam leopard palm snake palm umbrella arum voodoo lily Hett S R Yadav amp K S Patil Amorphophallus koratensis Gagnep bukhuchang Engl Serebryanyi Hett amp Claudel Linden amp Andre Mayo amp Widjaja Serebryanyi Hett amp Claudel Hett Hett Malaisse amp Bamps Gagnep Hett Hett amp Serebryanyi Bogner Engl amp Gehrm Kurz ex Hook f Engl Engl amp Gehrm Hett amp Sizemore Merr Roxb Kunth Gagnep ex Serebryanyi Hett amp Claudel Craib Amorphophallus maximus subsp fischeri Amorphophallus maximus subsp maximus Amorphophallus muelleri bukkhnoth Amorphophallus paeoniifolius Whitespot giant arum elephant yam Brunei amorphophallus Amorphophallus saraburiensis bukrx Amorphophallus titanum bukyks titan arum krubi dxkimthimichxdxkihythisudinolk Kerri s giant arum Amorphophallus zenkeri subsp mannii Amorphophallus zenkeri subsp zenkerilksnathangphvkssastrbuk Amorphophallus epnphuchphuchlmluk xayuhlaypi hlaychnidmikhnadtngaetelkthungihy ecriycakhwitdin hwbukmikhwamaetktangknxyangmakinaetlachnid tngaethwthrngklmsmaesmxkhxngbukkhxnykh A konjac hwyawkhxng A longituberosus aelathrngkrabxk A macrorhizus hruxlksnakhlayhwmnaekw hruxhnxrxbhw ipcnthunghwthimilksnakracuk khxng A coaetaneus ibediyw epnibprakxbaetkaekhnng sxngchn samchn hruxhlayaekhnng kanibepnlaklmtngtrng ekidkhunmacakklanghwbuk ibaechkaelaplayibaehlmlksnakhlayibmalakx lksnakhlaylatnsungeriykwa latnethiym phiwlatnmisiekhiywekhm bangchnidmilayepnesntrng laykra laydang misiekhiywslbkhawhruxnatalxxn bangchnidsiekhiywlwn natallwn mithngchnidthiphiweriyb bangchnidkanibmihnamxxnthwthngkanib odythwipxxkibhlngcakdxkoryaelwcakklanghw dxk khlaydxkhnaww epnphuchwngsediywkn khuxmikabaelafkdxktrngklang epndxkimaebbdxkrwmthiimmiklibdxk dxkbukaetlachnidmikhnad si aelarupthrngtangkn bangchnidmidxkkhnadihymaksungidhlayemtraelamiklinehmnehmuxnenuxstwena bukbangchnidmidxkelk bangchnidmiklinhxm kandxkngxkophlkhuntrngcakklanghwbukechnediywkbkanib chxdxkbukmikabhumchx phayinchxdxkaebngepn 3 swn swnaerkdanbnsudepnswnkhxngcangxyeksrephsphu lksnakhlaydxkbwtum klmpxm yawri hruxthrngkrabxk swnthisxngepndxkephsphulksnakhlayikhplaeriyngchidtidknaenn bangchnidcamiswnkhxngdxkephsphuthiepnhmnpnxyu swnihymkepnsinatalxmmwnghruxkhawxmekhiyw khanginmisnhruxhudsungthahnathiepnkbdkaemlng swnthisamdanlangsudkhux dxkephsemiy prakxbdwyyxdaeksrephsemiy kaneksrephsemiy aelarngikh dxktwemiythiotetmthimkcabanepidrbeksrephsphuidephiyng 1 wn hlaychnidchxdxksngklinkhxngenuxenaephuxdungdud aemwabangchnidxacmiklinhxm ihedinphankbdkaemlngsungmilksnathangediywkhux kabdxkthieriywaekhblng aemlngphsmeksrtxngedinphandxktwphucanwnmakthiecriyetmthiaelaplxylaxxngernu sungtklngbntwaelakhnkhxngaemlngehlani caknncatamklinthiplxyxxkcakdxkephsemiythidanlangaelaekidkarphsmeksr dxkkhxngbukyngichepnphuchxaharodyhnxnphiesuxaela Lepidoptera bangchnidechn Palpifer sexnotatus aela Palpifer sordida phlxxnkhxngbukepnaebbphlebxrrithrngklmmisikhawxmehluxng emuxsukaekepliynepnsiekhiywekhm simwng sism hruxsiaedng aetktangknipkhunxyukbchnid mkmicukdathiplaykhlayphlklwy phlkhxngbukswnihycamilksnakhlay kn aetemldphayin aetktangkn bangchnidmiemldrupklm aetswnmakmiemldepnrupthrngklmri bukbangchnidmiemldcanwnmakkwaphnemld inkhnathibukchnidthimikhnadelkchnidxun miemldcanwnimekinrxyemld wngcrchiwit bukepnphuchhwlmlukthimichwngkarecriyetibotthanglatntangpikbthiecriyetibotepndxk swnihymikarecriyetibotthanglatnephiyngxyangediywnan 4 6 pi cungekhasuchwngxxkdxk buksungmidxkswnihycaimmikarecriyetibotthanglatn odythrrmchaticaerimngxkaelaecriyetibotinchwngplayvduaelngtxvdufn hwthingxkaelaecriyetibotepndxkcangxkiderwkwahwthiecriyetibotepntn odymilksnakarecriyetibotaebbthayhw hwthiekidihmcasxnxyudanbnkhxnghwedim hwekacafxaelaehiywaehngipemuxtnaelaibehiywechahruxphlsukaeketmthi hwkerimekhasurayaphktwrxewlaaelasphaphaewdlxmthiehmaasmephuxngxkepntnhruxepndxkinpitxip chnidedn bukyks Amorphophallus titanum hrux corpse flower hrux titan arum phbthihmuekaasumatra michxdxkthiimmikingkanthiihythisudinolk odymikhwamsungidthung 2 5 emtr 8 2 fut aelakwang 1 5 emtr 4 9 fut emuxwnthi 29 knyayn 2015 dxkbukyksthisungmakkwa 1 2 emtr 3 9 fut sungmiphuekhachmhlayphnkhntxaethwephuxduaeladmklin idrbkarkhnannamwa xlis xthibaywamnmiklin klinaerngmak ehmuxnkhncrcd yungkhaw phaxxmskprk aelamiklinehmuxnlukehmnelknxydwy bukyksmithinkaenidinpafnkhxngpraethsxinodniesiy ichewlapraman 7 10 picungcaxxkdxk Amorphophallus gigas sungmilatnethiymthisungkwa aetmichxdxkthielkkwa txngkarxangxing bukkhxnykh Amorphophallus konjac ichthakhneniyku コンニャク sarephimkhwamkhninxaharyipunaelaepnwunthikinidsungmikluokhaemnaennibkhxngbukyksinthrrmchati okhrngsrangphayinkabdxkkhxngbukkhangkhk danbnsud khwa khuxcangxyrupdxkbw dxkephsphu klang aeladxkephsemiythidanlangkhxngchxdxk say dxkephsphu bn aeladxkephsemiy lang thngkhuimmiklibdxk phlbuk khlayphlklwykhnadelk micukdathiplaykaraephrkracayaelathinthixyubukepnphuchinthilumthwip etibotinekhtrxnaelakungekhtrxnkhxngphunthiekhtrxnkhxngaexfrika exechiy aela oxechiyeniy Paleotropical Kingdom imphbinthwipxemrika aemwacamiskul Dracontium khlaykhlungknmakaetimekiywkhxngxyangiklchidkn bukswnihyepn buketibotiddibnphunthirkrangechn chnidthiphbinpraethsithy inpraethsithyphb 68 chnid epnbukphunemuxng 64 chnid odyphbthangphakhehnuxkhxngithymakkwa 41 chnid cakkarsarwcphbbukbnphunthisungincnghwdtak aemhxngsxn echiyngihm echiyngray aelanan chnidthisakhy idaek bukkhangkhk Amorphophallus paeoniifolius Amorphophallus bulbifer bukhuchang Amorphophallus koratensis bukkhnoth hrux bukenuxthray Amorphophallus muelleri bukrx Amorphophallus saraburiensis karichpraoychnbukkhxnykh plukinexechiytawnxxkaelaexechiytawnxxkechiyngit aelaichpraoychncakhwthiepnkhnadihy ichthaaepngaelawunkxninchux khneniyku xaharyipun ohmy wiotwfu 魔芋豆腐 in nxkcakniyngichaethninxaharmngswirti inpraethsithyichbukkhangkhkaelabukenuxthray praoychndansukhphaph hwbukkhxnykhaehng misarsakhykhux sarehniywpramanrxyla 40 sarphxliaeskkhairdnithaihbukkxnmikhwamhnudsungthilalaynaid aelaxacmipraoychntxsukhphaphhlayxyang echn inyacinobransahrbkarlangphis karkhwbkhumenuxngxk karbrrethaxakareluxdchangkngn karcdkarorkhhxbhud karrksaorkhphiwhnng aelakarthaihesmhaehlw iyxaharcakhwbukichepnswnprakxbkhxngxaharesrimldnahnk hwbukkhxnykh A konjac khneniyku bukkxn khneniykusachimi chirataki Shirataki bukesn phisodythwipyangthiphbinhwbuksd latnaelaib inbukhlaychnidechn bukkhxnykh A konjac bukkhnoth A muelleri A oncophyllus bukkhangkhk A paeoniifolius prakxbdwysaraekhlesiymxxksaelt calcium oxalate haksmphskbphiwhnngcathaihekidxakarkhn hakekhatacathaihekidkarrakhayekhuxng mixakaraesbtaxyangrunaerngaelaxacthaihtabxdid hwbukxxkrsephd epnyarxn miphisxxkvththitxmam tb aelarabbthangedinxahar inklumkhnthimam tb aelarabbthangedinxaharimdi khwrhlikeliyngaelahruximkinmakekinipxangxing Amorphophallus Blume ex Decne Plants of the World Online Royal Botanic Gardens Kew 2022 subkhnemux 6 December 2022 karichpraoychncakthanchiwphaphkhxngphuchskulbukinphunthithxngphaphumi klumwicyphvkssastraelaphiphithphnth sankkhumkhrxngphnthuphuch krmwichakarekstr subkhnemux 3 kumphaphnth 2565 Kew World Checklist of Selected Plant Families Sedayu A C M Eurlings Gravendeel B amp Hetterscheid W 2010 Morphological character evolution of Amorphophallus Araceae based on a combined phylogenetic analysis of trnL rbcL and LEAFY second intron sequences Botanical Studies 51 473 490 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 12 21 subkhnemux 2009 11 06 Titan arum Eden Project phasaxngkvs 2018 02 04 subkhnemux 2020 12 30 Hetterscheid W amp Ittenbach S 1990 Everything you always wanted to know about Amorphophallus but were afraid to stick your nose into Aroideana 19 17 20 Yuzammi Yuzammi October 2020 A new species of Amorphophallus Araceae Thomsoniaea from Sulawesi Indonesia 461 295 300 doi 10 11646 phytotaxa 461 4 6 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help Wasan Yodsanit 2011 12 11 phnthbukinpraethsithy a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help Thousands line up to see huge stinky flower video Reuters Editors Picks Reuters 30 September 2015 subkhnemux 30 September 2015 Chicago s floral celebrity is over four feet tall incredibly rare and smells like death Design UBC Web Bulbs White House Nursery Amorphophallus Conjak White House Nursery phasaxngkvs subkhnemux 2021 12 08 buk aetimrukpa sthabnwicyaelaphthnaphunthisung 11 phvsphakhm 2564 xrphrrn sngkhcnthrannth khwamhlakchnidkhxngphuchskulbuk Amorphophallus Blume ex Decne inpraethsithy khnawnsastrmhawithyalyekstrsastr Chua M Baldwin TC Hocking TJ Chan K 24 March 2010 Traditional uses and potential health benefits of Amorphophallus konjac K Koch ex N E Br Journal of Ethnopharmacology 128 2 268 78 doi 10 1016 j jep 2010 01 021 PMID 20079822 Calorie Count US khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 11 21 subkhnemux 2013 07 09 Pillay Roshni Chemban Faiz Mukthar Pillay Vijay V Rathish Balram Little Known Dangers of an Exotic Poisonous Fruit Lessons From Two Cases of Konjac Ingestion Cureus 12 12 e11972 doi 10 7759 cureus 11972 ISSN 2168 8184 PMC 7790319 PMID 33425544 buk aelahwbuk Puechkaset 3 phvscikayn 2015 buk smuniphr srrphkhunldkhwamxwn chwykhwbkhumnahnk BeeZab com subkhnemux 4 kumphaphnth 2565 Amorphophallus konjac Devil s Tongue Devil s Tongue Snake Plant Konjac Konnyaku Potato Voodoo Lily PFAF Plant Database pfaf org