โรติโนน (อังกฤษ: rotenone) เป็นสารประกอบเคมีประเภทที่เป็นเกล็ดผลึก ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ใช้เป็น ยาฆ่าแมลง และสารฆ่าศัตรูพืชในวงกว้าง เป็นสารพิษเกิดขึ้นตามธรรมชาติในเมล็ด ลำต้น และราก ของพืชตระกูลถั่ว (วงศ์ Fabaceae) หลายชนิด เช่น รากมันแกว (jicama) และ ราก "โล่ติ๊น" (หางไหล) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสาร "โรติโนน"
ชื่อ | |
---|---|
(2R,6aS,12aS)-1,2,6,6a,12,12a-hexahydro-2-isopropenyl-8,9-dimethoxychromeno[3,4-b]furo(2,3-h)chromen-6-one | |
ชื่ออื่น Tubatoxin, Paraderil | |
เลขทะเบียน | |
| |
3D model () |
|
| |
| |
เคมสไปเดอร์ |
|
100.001.365 | |
| |
MeSH | Rotenone |
ผับเคม CID |
|
| |
(EPA) |
|
| |
| |
คุณสมบัติ | |
C23H22O6 | |
มวลโมเลกุล | 394.423 g·mol−1 |
ลักษณะทางกายภาพ | ผลึกของแข็งไม่มีสีจนถึงสีแดง |
กลิ่น | ไม่มีกลิ่น |
ความหนาแน่น | 1.27 กรัม/ซม.3 ที่ 20 °ซ. |
จุดหลอมเหลว | 165°–166° ซ. |
จุดเดือด | 210°–220° ซ. ที่ 0.5 mmHg |
ความสามารถละลายได้ | ละลายได้ใน และแอซีโทน, ละลายได้เล็กน้อยในเอทานอล |
ความดันไอ | <0.00004 mmHg (20°ซ.) |
ความอันตราย | |
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |
LD50 () | 60 มก./กก. (oral, rat) 132 มก./กก. (oral, rat) 25 มก./กก. (oral, rat) 2.8 มก./กก. (oral, mouse) |
(US health exposure limits): | |
(Permissible) | TWA 5 มก./ม.3 |
(Recommended) | TWA 5 มก./ม.3 |
(Immediate danger) | 2500 มก./ม.3 |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa อ้างอิงกล่องข้อมูล |
มีหลักฐานบ่งชี้ว่า โรติโนนอาจทำให้เกิดโรคพาร์กินสันจากการสัมผัสทั้งแบบเฉียบพลันและเป็นเวลานาน
การค้นพบ
ในหลายภูมิภาคของโลกที่มีการใช้ส่วนของพืชที่มีสารโรติโนนในมานานหลายร้อยปี แต่บันทึกหลักฐานที่เก่าที่สุดของการใช้พืชจำพวกนี้ในการฆ่าศัตรูพืชย้อนไปถึงปี พ.ศ. 2391
สารสำคัญทางเคมีที่ใช้งานได้ถูกสกัดได้เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2438 โดยนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล จอฟรอย (Emmanuel Geoffroy) ซึ่งเรียกสารประกอบทางเคมีนี้ว่า นิคูลีน (nicouline) จากตัวอย่างของพืช Lonchocarpus nicou (ชื่อเดิม Robinia nicou) ขณะเดินทางในเฟรนช์เกียนา เพื่อวิจัยวิทยานิพนธ์และตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2438 ในปี พ.ศ. 2445 Kazuo Nagai วิศวกรเคมีชาวญี่ปุ่นของคณะผู้สำเร็จราชการไต้หวันได้แยกสารประกอบผลึกบริสุทธิ์จากพืช Derris elliptica ซึ่งเขาเรียกว่าสาร "rotenone" ตามชื่อสามัญของพืชที่พบในไต้หวัน จีนตัวเต็ม: 蘆藤 (ตามสำเนียงหมิ่นหนาน lôo-tîn - ลู่ติ่น; จีนตัวย่อ: 芦藤 หลูเถิง ซึ่งแปลตามตัวว่า หญ้าเถา) แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น "โรเทน" (ローテン) พืชตระกูลถั่วชนิดนี้ (ลู่ติ่น) ในภาษาไทยทับศัพท์เรียกตามว่า "โล่ติ๊น" หรือ หางไหล ต่อมาในปี พ.ศ. 2473 นิคูลีนและโรติโนน ถูกระบุให้เป็นสารเคมีชนิดเดียวกัน
การใช้
สารโรติโนน ใช้เป็นยาเบื่อปลา (ยาฆ่าปลา) ยาฆ่าแมลง และสารฆ่าศัตรูพืช ในวงกว้าง (แบบไม่เลือกชนิด)
ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีความพยายามในการยกเลิกการใช้โรติโนนในทุกประเภทการใช้ ยกเว้นเพื่อเป็นยาเบื่อปลา ในสหราชอาณาจักร โรติโนนในฐานะยาฆ่าแมลง (ภายใต้ชื่อการค้า Derris) ถูกห้ามขายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552
ยาเบื่อปลา
การใช้โรติโนนโดยชนพื้นเมืองในการช่วยจับปลา ด้วยการนำพืช (ตระกูลถั่ว - Fabaceae) มาบดหยาบและจุ่มลงในแหล่งน้ำ เนื่องจากโรติโนนส่งผลรบกวนระบบการหายใจของปลา ปลาที่ได้รับพิษจะลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำที่มีออกซิเจนมากกว่า เพื่อหายใจหรือกลืนอากาศ ซึ่งทำให้ถูกจับได้ง่ายขึ้น การใช้โรติโนนที่เป็นยาเบื่อปลานี้ ยังถูกใช้โดยหน่วยงานของรัฐเพื่อฆ่าปลาในแม่น้ำและทะเลสาบในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2495
ยังถูกใช้โดยนักชีววิทยาประมงในการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของปลาทะเล ในการสุ่มตัวอย่างขนาดเล็กเพื่อรวบรวมปลาที่เป็นหายากหรือซ่อนอยู่ แต่มีความสำคัญของระบบนิเวศน์ชายฝั่ง โรติโนนเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการเบื่อปลา เนื่องจากสามารถใช้ในปริมาณน้อย และมีผลกระทบข้างเคียงต่อสิ่งแวดล้อมเล็กน้อยและในระยะเวลาที่สั้นมาก
ยาฆ่าแมลงและสารฆ่าศัตรูพืช
โรติโนนยังใช้ในรูปแบบผงเพื่อรักษาหิดและเหาในมนุษย์ และไรปรสิตในไก่ ปศุสัตว์ และสัตว์เลี้ยง
และถูกใช้เป็นผงกำจัดศัตรูพืชเชิงอินทรีย์ หรือบดจากพืชเพื่อผสมในการฉีด สำหรับสวน ฤทธิ์การกำจัดแบบไม่เลือกนี้ ทำให้สามารถฆ่าได้เป็นวงกว้าง อีกทั้งการย่อยสลายทางชีวภาพในดินอย่างรวดเร็ว โดยอัตราการย่อยสลาย 90% ภายใน 1-3 เดือนที่อุณหภูมิ 20 ° ซ และเร็วขึ้นสามเท่าที่อุณหภูมิ 30 °ซ. หลังจากใช้งาน
กลไกการออกฤทธิ์
โรติโนน มีกลไกออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการออกซิเดทีฟฟอสโฟรีเลชัน โดยยับยั้งกระบวนการส่งผ่านอิเลกตรอนในไมโตคอนเดรีย คอมเพล็กซ์ที่ 1 (Mitochondrial complex 1 electron transport inhibitors) รบกวน (ขัดขวาง) การทำงานของนิโคตินาไมด์อะดินีนไดนิวคลีโอไทด์ (NADH) ในกระบวนการสร้างพลังงานของเซลล์ (energy metabolism) ส่งผลให้คอมเพล็กซ์ที่ 1 ไม่สามารถส่งผ่านอิเล็กตรอนไปยัง CoQ ได้ ทำให้เกิดการสำรองอิเล็กตรอนภายในเมทริกซ์ไมโทคอนเดรีย ออกซิเจนในเซลล์จะลดลงจนถึงขั้นรุนแรง
โรติโนนยังยับยั้งการสร้างไมโครทิวบูล (microtubule) ที่มีผลต่อการคงโครงสร้างของเซลล์
ความเป็นพิษ
โรติโนน ถูกจัดประเภทโดยองค์การอนามัยโลก ว่าเป็นอันตรายปานกลาง คือ เป็นพิษเล็กน้อยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ แต่เป็นพิษอย่างร้ายแรงต่อแมลงและสิ่งมีชีวิตในน้ำ รวมทั้งปลา ระดับผลของความเป็นพิษต่อปลาและแมลงที่สูงกว่าสัตว์อื่นนี้ เป็นผลจากโรติโนนเป็นสารประกอบที่ละลายได้ดีในน้ำมัน (lipophilic) ทำให้ถูกดูดซึมผ่านเหงือกหรือหลอดลมได้ง่าย แต่จะไม่ผ่านผิวหนังหรือทางเดินอาหารได้ง่าย
การสลายตัว
โรติโนน สลายตัวได้เร็วมากภายใต้แสงแดด และในที่ที่มีอุณหภูมิสูง แต่คงสภาพอยู่ได้นานกว่าในน้ำจืด อัตราการสลายตัวในน้ำขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ อุณหภูมิ, pH, ความกระด้างของน้ำ และแสงแดด โดยทั่วไปมีครึ่งชีวิตในน้ำธรรมชาติอุณหภูมิ 24° ซ. ที่ 12 ชม. และ 3.5 วัน ในน้ำอุณหภูมิ 0° ซ. โดยมากจะสลายตัวหมดไม่เกิน 6 วัน โดยออกซิไดซ์เป็นสารประกอบ rotenolone ซึ่งมีความเป็นพิษน้อยกว่า
การทำลาย
สามารถทำลายโรติโนนในน้ำได้โดยใช้ด่างทับทิมเพื่อลดความเป็นพิษลง สู่ระดับที่ความเป็นพิษยอมรับได้
การช่วยเหลือ
การช่วยเหลือผู้ที่เกิดอาการพิษจากการกินโรติโนน (เช่น จากเมล็ดมันแกว) เบื้องต้นคือการกำจัดเศษพืชพิษในกระเพาะอาหาร ลดการดูดซึมของสารพิษ เช่น ให้ดื่มนม ไข่ขาว เพื่อทำให้อาเจียนให้เร็วที่สุด และนำส่งโรงพยาบาล เนื่องจากโรติโนนมีผลทำให้เกิดการพร่องออกซิเจน แพทย์จะใช้วิธีการรักษาผู้ป่วยแบบประคับประคองอาการ ไม่มียารักษา เช่น ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ช็อค ต้องรีบให้การช่วยเหลือฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้ หรือใส่เครื่องช่วยหายใจ ให้น้ำเกลือ ถ้าสูญเสียน้ำมาก และให้ยาตามความเหมาะสม เป็นต้น โดยพิษจะค่อยๆ ถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ
โรคพาร์กินสัน
ในปีพ.ศ. 2543 มีรายงานว่าการฉีดโรติโนนในหนูทำให้เกิดอาการคล้ายกับโรคพาร์กินสัน (PD)
ในปีพ.ศ. 2554 การศึกษาของสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการใช้โรติโนน กับโรคพาร์กินสัน ในคนงานและกสิกรในแหล่งผลิตการเกษตร
ในพืช
โรติโนน (rotenone) ผลิตจากการสกัดจากรากและลำต้น ของพืชเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนหลายชนิดโดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว ใน (Lonchocarpus) และ (Derris)
พืชชนิดที่มีโรติโนน ได้แก่
- ราก หางไหล (หรือ โล่ติ๊น Derris elliptica) — เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของแปซิฟิก
- ราก Derris involuta — เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของแปซิฟิก
- Tephrosia virginiana — อเมริกาเหนือ
- มันแกว (Pachyrhizus erosus) ยกเว้น ส่วนหัว — อเมริกากลาง และเอเชีย
- ราก Lonchocarpus utilis — อเมริกาใต้
- ราก Lonchocarpus urucu — อเมริกาใต้
- Verbascum thapsus — ยุโรป แอฟริกาเหนือและเอเชีย
- Mundulea sericea — ยุโรป แอฟริกาใต้
- Piscidia piscipula — ทางใต้ของฟลอริดา และหมู่เกาะแคริบเบียน
- พืชบางชนิดในสกุลจั่น (Millettia) และสกุลคราม (Tephrosia) — เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อ้างอิง
- NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0548". (NIOSH).
- "Rotenone". Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations (IDLH). (NIOSH).
- คลังความรู้สุขภาพ. "พิษจากเมล็ดมันแกว". www.healthydee.moph.go.th, กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข.
{{}}
: CS1 maint: url-status ()[] - Metcalf RL. (1948). The Mode of Action of Organic Insecticides. National Research Council, Washington DC.
- Ambrose, Anthony M.; Harvey B. Haag (1936). "Toxicological study of Derris". Industrial & Engineering Chemistry. 28 (7): 815–821. doi:10.1021/ie50319a017.
- . ASNOM. 2008-01-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-06. สืบค้นเมื่อ 2008-03-16.
- Nagai, Kazuo (1902). "魚籘有毒成分の研究 第一報 [First report of research on toxic ingredients in fish rattan]". 東京化學會誌 [Tokyo Kagaku Kaishi = Tokyo Chemical Society Journal] (ภาษาญี่ปุ่น). 23 (7): 744–777. doi:10.1246/nikkashi1880.23.744.
- La Forge, F. B.; Haller, H. L.; Smith, L. E. (1933). "The Determination of the structure of rotenone". Chemical Reviews. 18 (2): 181–213. doi:10.1021/cr60042a001.
- Peter Fimrite (2007-10-02). "Lake poisoning seems to have worked to kill invasive pike". .[]
- (PDF). EPA 738-R-07-005. United States Environmental Protection Agency. มีนาคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 14 กรกฎาคม 2011.
- . Consumer Product Safety. Health Canada. 29 มกราคม 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 มกราคม 2013.
- "RHS advice for the garden - Rotenone withdrawal". Telegraph Gardening. 2 October 2008. สืบค้นเมื่อ 20 October 2019.
- Schmidt, Peter (28 February 2010). "One Strange Fish Tale". The Chronicle of Higher Education. สืบค้นเมื่อ 24 September 2015.
- Robertson, D. Ross; Smith-Vaniz, William F. (2008). "Rotenone: An Essential but Demonized Tool for Assessing Marine Fish Diversity". BioScience. 58 (2): 165. doi:10.1641/B580211.
- "Effects of Rotenone, a commonly-used organic pesticide on mitochondrial complex 1 function and altered immune responses". University of Massachusetts Center for Agriculture. สืบค้นเมื่อ 2014-02-10.
- Cavoski, Ivana; Caboni, Pierluigi; Sarais, Giorgia; Miano, Teodoro (2008-08-06). "Degradation and Persistence of Rotenone in Soils and Influence of Temperature Variations". Journal of Agricultural and Food Chemistry (ภาษาอังกฤษ). 56 (17): 8066–8073. doi:10.1021/jf801461h. PMID 18681442.
- สุเทพ สหายา. กลไกการออกฤทธิ์สารเคมีป้องกาจัดแมลง 29 กลุ่ม.
- IRAC Mode of Action Classification Scheme. Insecticide Resistance Action Committee (IRAC) International MoA Working Group. มึนาคม 2563. (ภาษาอังกฤษ)
- Heinz, S.; Freyberger, A.; Lawrenz, B.; Schladt, L.; Schmuck, G.; Ellinger-Ziegelbauer, H. (2017). "Mechanistic Investigations of the Mitochondrial Complex I Inhibitor Rotenone in the Context of Pharmacological and Safety Evaluation". Scientific Reports. 7: 45465. Bibcode:2017NatSR...745465H. doi:10.1038/srep45465. PMC 5379642. PMID 28374803.
- IPCS, International Programme on Chemical Safety, United Nations Environment Programme; International Labour Organization, World Health Organization (2007). The WHO Recommended Classification of Pesticides by Hazard. World Health Organization. ISBN . สืบค้นเมื่อ 2007-12-02.
- Tseng, Kuo-Hsiung; Chou, Chih-Ju; Liu, To-Cheng; Tien, Der-Chi; Wu, Tong-chi; Stobinski, Leszek (2018). "Interactive Relationship between Silver Ions and Silver Nanoparticles with PVA Prepared by the Submerged Arc Discharge Method". Advances in Materials Science and Engineering. 2018: 1–9. doi:10.1155/2018/3240959. ISSN 1687-8434.
- หางไหลแดง-โล่ติ๊น. กรมวิชาการเกษตร, 2548. ISBN .
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2021-03-19.
- Vitax Safety Data Sheet for Derris dust, revised October 1998
- Caboni P, Sherer T, Zhang N, Taylor G, Na H, Greenamyre J, Casida J (2004). "Rotenone, deguelin, their metabolites, and the rat model of Parkinson's disease". Chem Res Toxicol. 17 (11): 1540–8. doi:10.1021/tx049867r. PMID 15540952.
- Tanner, Caroline M.; Kamel, Freya; Ross, G. Webster; Hoppin, Jane A.; Goldman, Samuel M.; Korell, Monica; Marras, Connie; Bhudhikanok, Grace S.; Kasten, Meike; Chade, Anabel R.; Comyns, Kathleen; Richards, Marie Barber; Meng, Cheryl; Priestley, Benjamin; Fernandez, Hubert H.; Cambi, Franca; Umbach, David M.; Blair, Aaron; Sandler, Dale P.; Langston, J. William (2011). "Rotenone, Paraquat and Parkinson's Disease". Environmental Health Perspectives. 119 (6): 866–72. doi:10.1289/ehp.1002839. ISSN 0091-6765. PMC 3114824. PMID 21269927.
- Fang N, Casida J (1999). "Cubé resin insecticide: identification and biological activity of 29 rotenoid constituents". J Agric Food Chem. 47 (5): 2130–6. doi:10.1021/jf981188x. PMID 10552508.
- Peterson Field Guides to Medicinal Plants and Herbs of Eastern and Central North America (2nd ed.). pp. 130–131.
- Coates Palgrave, Keith (2002). Trees of Southern Africa. . ISBN .
- Nellis, David N. (1994). Seashore plants of South Florida and the Caribbean. Pineapple Press. 160 p.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ortionn xngkvs rotenone epnsarprakxbekhmipraephththiepnekldphluk immiklin immisi ichepn yakhaaemlng aelasarkhastruphuchinwngkwang epnsarphisekidkhuntamthrrmchatiinemld latn aelarak khxngphuchtrakulthw wngs Fabaceae hlaychnid echn rakmnaekw jicama aela rak oltin hangihl sungepnthimakhxngchuxsar ortionn ortionn chux 2R 6aS 12aS 1 2 6 6a 12 12a hexahydro 2 isopropenyl 8 9 dimethoxychromeno 3 4 b furo 2 3 h chromen 6 onechuxxun Tubatoxin Paraderilelkhthaebiynelkhthaebiyn CAS 83 79 4 Y3D model rupphaphaebbottxbCHEBI 28201 NChEMBL429023 Nekhmsipedxr 6500 N100 001 365C07593 YMeSH Rotenonephbekhm CID 675803L9OT429T Y EPA DTXSID6021248InChI 1 C23H22O6 c1 11 2 16 8 14 15 28 16 6 5 12 22 24 21 13 7 18 25 3 19 26 4 9 17 13 27 10 20 21 29 23 12 14 h5 7 9 16 20 21H 1 8 10H2 2 4H3 t16 20 21 m1 s1CC C C H 1Cc2c O1 ccc3c2O C H 4COc5cc OC c OC cc5 C H 4C3 Okhunsmbtisutrekhmi C 23H 22O 6mwlomelkul 394 423 g mol 1lksnathangkayphaph phlukkhxngaekhngimmisicnthungsiaedngklin immiklinkhwamhnaaenn 1 27 krm sm 3 thi 20 s cudhlxmehlw 165 166 s cudeduxd 210 220 s thi 0 5 mmHgkhwamsamarthlalayid lalayidin aelaaexsiothn lalayidelknxyinexthanxlkhwamdnix lt 0 00004 mmHg 20 s khwamxntrayprimanhruxkhwamekhmkhn LD LC LD50 60 mk kk oral rat 132 mk kk oral rat 25 mk kk oral rat 2 8 mk kk oral mouse US health exposure limits Permissible TWA 5 mk m 3 Recommended TWA 5 mk m 3 Immediate danger 2500 mk m 3hakmiidrabuepnxun khxmulkhangtnnikhuxkhxmulsar n phawamatrthanthi 25 C 100 kPa xangxingklxngkhxmul mihlkthanbngchiwa ortionnxacthaihekidorkhpharkinsncakkarsmphsthngaebbechiybphlnaelaepnewlanankarkhnphbinhlayphumiphakhkhxngolkthimikarichswnkhxngphuchthimisarortionninmananhlayrxypi aetbnthukhlkthanthiekathisudkhxngkarichphuchcaphwkniinkarkhastruphuchyxnipthungpi ph s 2391 sarsakhythangekhmithiichnganidthukskdidepnkhrngaerkinpi ph s 2438 odynkphvkssastrchawfrngess exmmanuexl cxfrxy Emmanuel Geoffroy sungeriyksarprakxbthangekhminiwa nikhulin nicouline caktwxyangkhxngphuch Lonchocarpus nicou chuxedim Robinia nicou khnaedinthanginefrnchekiyna ephuxwicywithyaniphnthaelatiphimphinpi ph s 2438 inpi ph s 2445 Kazuo Nagai wiswkrekhmichawyipunkhxngkhnaphusaercrachkarithwnidaeyksarprakxbphlukbrisuththicakphuch Derris elliptica sungekhaeriykwasar rotenone tamchuxsamykhxngphuchthiphbinithwn cintwetm 蘆藤 tamsaeniynghminhnan loo tin lutin cintwyx 芦藤 hluething sungaepltamtwwa hyaetha aeplepnphasayipun orethn ローテン phuchtrakulthwchnidni lutin inphasaithythbsphtheriyktamwa oltin hrux hangihl txmainpi ph s 2473 nikhulinaelaortionn thukrabuihepnsarekhmichnidediywknkarichsarortionn ichepnyaebuxpla yakhapla yakhaaemlng aelasarkhastruphuch inwngkwang aebbimeluxkchnid inshrthxemrikaaelaaekhnada mikhwamphyayaminkarykelikkarichortionninthukpraephthkarich ykewnephuxepnyaebuxpla inshrachxanackr ortionninthanayakhaaemlng phayitchuxkarkha Derris thukhamkhaytngaetpi ph s 2552 yaebuxpla karichortionnodychnphunemuxnginkarchwycbpla dwykarnaphuch trakulthw Fabaceae mabdhyabaelacumlnginaehlngna enuxngcakortionnsngphlrbkwnrabbkarhayickhxngpla plathiidrbphiscalxytwkhunsuphiwnathimixxksiecnmakkwa ephuxhayichruxklunxakas sungthaihthukcbidngaykhun karichortionnthiepnyaebuxplani yngthukichodyhnwyngankhxngrthephuxkhaplainaemnaaelathaelsabinshrthxemrikamatngaetpiph s 2495 yngthukichodynkchiwwithyapramnginkarsuksakhwamhlakhlaythangchiwphaphkhxngplathael inkarsumtwxyangkhnadelkephuxrwbrwmplathiepnhayakhruxsxnxyu aetmikhwamsakhykhxngrabbniewsnchayfng ortionnepnekhruxngmuxthimiprasiththiphaphsunginkarebuxpla enuxngcaksamarthichinprimannxy aelamiphlkrathbkhangekhiyngtxsingaewdlxmelknxyaelainrayaewlathisnmak yakhaaemlngaelasarkhastruphuch ortionnyngichinrupaebbphngephuxrksahidaelaehainmnusy aelairprsitinik psustw aelastweliyng aelathukichepnphngkacdstruphuchechingxinthriy hruxbdcakphuchephuxphsminkarchid sahrbswn vththikarkacdaebbimeluxkni thaihsamarthkhaidepnwngkwang xikthngkaryxyslaythangchiwphaphindinxyangrwderw odyxtrakaryxyslay 90 phayin 1 3 eduxnthixunhphumi 20 s aelaerwkhunsamethathixunhphumi 30 s hlngcakichnganklikkarxxkvththiortionn miklikxxkvththiybyngkrabwnkarxxksiedthiffxsofrielchn odyybyngkrabwnkarsngphanxielktrxninimotkhxnedriy khxmephlksthi 1 Mitochondrial complex 1 electron transport inhibitors rbkwn khdkhwang karthangankhxngniokhtinaimdxadininidniwkhlioxithd NADH inkrabwnkarsrangphlngngankhxngesll energy metabolism sngphlihkhxmephlksthi 1 imsamarthsngphanxielktrxnipyng CoQ id thaihekidkarsarxngxielktrxnphayinemthriksimothkhxnedriy xxksiecninesllcaldlngcnthungkhnrunaerng ortionnyngybyngkarsrangimokhrthiwbul microtubule thimiphltxkarkhngokhrngsrangkhxngesllkhwamepnphisortionn thukcdpraephthodyxngkhkarxnamyolk waepnxntraypanklang khux epnphiselknxytxmnusyaelastweliynglukdwynmxun aetepnphisxyangrayaerngtxaemlngaelasingmichiwitinna rwmthngpla radbphlkhxngkhwamepnphistxplaaelaaemlngthisungkwastwxunni epnphlcakortionnepnsarprakxbthilalayiddiinnamn lipophilic thaihthukdudsumphanehnguxkhruxhlxdlmidngay aetcaimphanphiwhnnghruxthangedinxaharidngay karslaytw ortionn slaytwiderwmakphayitaesngaedd aelainthithimixunhphumisung aetkhngsphaphxyuidnankwainnacud xtrakarslaytwinnakhunxyukbpccyhlayprakar idaek xunhphumi pH khwamkradangkhxngna aelaaesngaedd odythwipmikhrungchiwitinnathrrmchatixunhphumi 24 s thi 12 chm aela 3 5 wn innaxunhphumi 0 s odymakcaslaytwhmdimekin 6 wn odyxxksiidsepnsarprakxb rotenolone sungmikhwamepnphisnxykwa karthalay samarththalayortionninnaidodyichdangthbthimephuxldkhwamepnphislng suradbthikhwamepnphisyxmrbid karchwyehlux karchwyehluxphuthiekidxakarphiscakkarkinortionn echn cakemldmnaekw ebuxngtnkhuxkarkacdessphuchphisinkraephaaxahar ldkardudsumkhxngsarphis echn ihdumnm ikhkhaw ephuxthaihxaeciyniherwthisud aelanasngorngphyabal enuxngcakortionnmiphlthaihekidkarphrxngxxksiecn aephthycaichwithikarrksaphupwyaebbprakhbprakhxngxakar immiyarksa echn thaphupwyhyudhayic chxkh txngribihkarchwyehluxchukechin ephuxihphupwyhayicid hruxisekhruxngchwyhayic ihnaeklux thasuyesiynamak aelaihyatamkhwamehmaasm epntn odyphiscakhxy thukkhbxxkcakrangkaythangpssawa orkhpharkinsn inpiph s 2543 miraynganwakarchidortionninhnuthaihekidxakarkhlaykborkhpharkinsn PD inpiph s 2554 karsuksakhxngsthabnsukhphaphaehngchatikhxngshrthxemrikaaesdngihehnkhwamechuxmoyngrahwangkarichortionn kborkhpharkinsn inkhnnganaelaksikrinaehlngphlitkarekstrinphuchortionn rotenone phlitcakkarskdcakrakaelalatn khxngphuchekhtrxnaelakungekhtrxnhlaychnidodyechphaaphuchtrakulthw in Lonchocarpus aela Derris phuchchnidthimiortionn idaek rak hangihl hrux oltin Derris elliptica exechiytawnxxkechiyngit aelahmuekaathangtxntawntkechiyngitkhxngaepsifik rak Derris involuta exechiytawnxxkechiyngit aelahmuekaathangtxntawntkechiyngitkhxngaepsifikTephrosia virginiana xemrikaehnux mnaekw Pachyrhizus erosus ykewn swnhw xemrikaklang aelaexechiy rak Lonchocarpus utilis xemrikait rak Lonchocarpus urucu xemrikait Verbascum thapsus yuorp aexfrikaehnuxaelaexechiy Mundulea sericea yuorp aexfrikait Piscidia piscipula thangitkhxngflxrida aelahmuekaaaekhribebiyn phuchbangchnidinskulcn Millettia aelaskulkhram Tephrosia exechiytawnxxkechiyngitxangxingNIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards 0548 NIOSH Rotenone Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations IDLH NIOSH khlngkhwamrusukhphaph phiscakemldmnaekw www healthydee moph go th kxngsukhsuksa krmsnbsnunbrikarsukhphaph krathrwngsatharnsukh a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk lingkesiy Metcalf RL 1948 The Mode of Action of Organic Insecticides National Research Council Washington DC Ambrose Anthony M Harvey B Haag 1936 Toxicological study of Derris Industrial amp Engineering Chemistry 28 7 815 821 doi 10 1021 ie50319a017 ASNOM 2008 01 02 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 09 06 subkhnemux 2008 03 16 Nagai Kazuo 1902 魚籘有毒成分の研究 第一報 First report of research on toxic ingredients in fish rattan 東京化學會誌 Tokyo Kagaku Kaishi Tokyo Chemical Society Journal phasayipun 23 7 744 777 doi 10 1246 nikkashi1880 23 744 La Forge F B Haller H L Smith L E 1933 The Determination of the structure of rotenone Chemical Reviews 18 2 181 213 doi 10 1021 cr60042a001 Peter Fimrite 2007 10 02 Lake poisoning seems to have worked to kill invasive pike lingkesiy PDF EPA 738 R 07 005 United States Environmental Protection Agency minakhm 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 14 krkdakhm 2011 Consumer Product Safety Health Canada 29 mkrakhm 2008 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 11 mkrakhm 2013 RHS advice for the garden Rotenone withdrawal Telegraph Gardening 2 October 2008 subkhnemux 20 October 2019 Schmidt Peter 28 February 2010 One Strange Fish Tale The Chronicle of Higher Education subkhnemux 24 September 2015 Robertson D Ross Smith Vaniz William F 2008 Rotenone An Essential but Demonized Tool for Assessing Marine Fish Diversity BioScience 58 2 165 doi 10 1641 B580211 Effects of Rotenone a commonly used organic pesticide on mitochondrial complex 1 function and altered immune responses University of Massachusetts Center for Agriculture subkhnemux 2014 02 10 Cavoski Ivana Caboni Pierluigi Sarais Giorgia Miano Teodoro 2008 08 06 Degradation and Persistence of Rotenone in Soils and Influence of Temperature Variations Journal of Agricultural and Food Chemistry phasaxngkvs 56 17 8066 8073 doi 10 1021 jf801461h PMID 18681442 suethph shaya klikkarxxkvththisarekhmipxngkacdaemlng 29 klum IRAC Mode of Action Classification Scheme Insecticide Resistance Action Committee IRAC International MoA Working Group munakhm 2563 phasaxngkvs Heinz S Freyberger A Lawrenz B Schladt L Schmuck G Ellinger Ziegelbauer H 2017 Mechanistic Investigations of the Mitochondrial Complex I Inhibitor Rotenone in the Context of Pharmacological and Safety Evaluation Scientific Reports 7 45465 Bibcode 2017NatSR 745465H doi 10 1038 srep45465 PMC 5379642 PMID 28374803 IPCS International Programme on Chemical Safety United Nations Environment Programme International Labour Organization World Health Organization 2007 The WHO Recommended Classification of Pesticides by Hazard World Health Organization ISBN 978 92 4 154663 8 subkhnemux 2007 12 02 Tseng Kuo Hsiung Chou Chih Ju Liu To Cheng Tien Der Chi Wu Tong chi Stobinski Leszek 2018 Interactive Relationship between Silver Ions and Silver Nanoparticles with PVA Prepared by the Submerged Arc Discharge Method Advances in Materials Science and Engineering 2018 1 9 doi 10 1155 2018 3240959 ISSN 1687 8434 hangihlaedng oltin krmwichakarekstr 2548 ISBN 974 436 440 8 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 03 04 subkhnemux 2021 03 19 Vitax Safety Data Sheet for Derris dust revised October 1998 Caboni P Sherer T Zhang N Taylor G Na H Greenamyre J Casida J 2004 Rotenone deguelin their metabolites and the rat model of Parkinson s disease Chem Res Toxicol 17 11 1540 8 doi 10 1021 tx049867r PMID 15540952 Tanner Caroline M Kamel Freya Ross G Webster Hoppin Jane A Goldman Samuel M Korell Monica Marras Connie Bhudhikanok Grace S Kasten Meike Chade Anabel R Comyns Kathleen Richards Marie Barber Meng Cheryl Priestley Benjamin Fernandez Hubert H Cambi Franca Umbach David M Blair Aaron Sandler Dale P Langston J William 2011 Rotenone Paraquat and Parkinson s Disease Environmental Health Perspectives 119 6 866 72 doi 10 1289 ehp 1002839 ISSN 0091 6765 PMC 3114824 PMID 21269927 Fang N Casida J 1999 Cube resin insecticide identification and biological activity of 29 rotenoid constituents J Agric Food Chem 47 5 2130 6 doi 10 1021 jf981188x PMID 10552508 Peterson Field Guides to Medicinal Plants and Herbs of Eastern and Central North America 2nd ed pp 130 131 Coates Palgrave Keith 2002 Trees of Southern Africa ISBN 978 0 86977 081 8 Nellis David N 1994 Seashore plants of South Florida and the Caribbean Pineapple Press 160 p