เอ็ม1 เอบรามส์ (อังกฤษ: M1 Abrams) เป็นรถถังหลักรุ่นที่สามของสหรัฐอเมริกา ชื่อมีที่มาจากพลเอก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในสงครามเวียดนามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511–2515 มันมีอาวุธที่ดี เกราะขนาดหนัก และคล่องตัวตามที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำสงครามยานเกราะยุคใหม่ จุดเด่นคือเครื่องยนต์กังหันแก๊สที่ทรงพลัง การใช้เกราะผสม และการเก็บกระสุนแยกต่างหากจากห้องของลูกเรือ เป็นหนึ่งในรถถังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการ ด้วยน้ำหนักเกือบ 62 ตัน
บทบาท | รถถังหลัก |
---|---|
สัญชาติ | สหรัฐ |
ประจำการ | พ.ศ. 2523 – ปัจจุบัน |
ผู้ใช้งาน | ดูที่ประเทศผู้ใช้งาน |
สงคราม | สงครามอ่าว สงครามคอซอวอ สงครามอิรัก สงครามอัฟกานิสถาน |
ผู้ออกแบบ | ไครสเลอร์ ดีเฟนซ์(ปัจจุบันเป็น เจเนรัล ไดนามิกส์) |
บริษัทผู้ผลิต | (พ.ศ. 2523-ปัจจุบัน) (พ.ศ. 2525-2539) |
มูลค่า | 65.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เอ็ม1เอ2) (88.92 ล้าน เมื่อปรับค่าเงิน พ.ศ. 2559) |
จำนวนที่ผลิต | มากกว่า 10800 คัน |
แบบอื่น | ดูที่รุ่นต่าง ๆ |
น้ำหนัก | 68.3 ตัน |
ความยาว | รวมปืนที่ยื่นออกไปข้างหน้า 9.77 เมตร ตัวถัง 7.93 เมตร |
ความกว้าง | 3.66 เมตร |
ความสูง | 2.44 เมตร |
ลูกเรือ | 4 นาย (ผู้บังคับการรถถัง พลปืน พลบรรจุ และพลขับ) |
เกราะ | เกราะอาร์เอช แผ่นเหล็กป้องกันยูเรเนียม |
อาวุธหลัก | ปืนใหญ่ลำกล้องเกลียว ขนาด 105 ม.ม. (เอ็ม1) ปืนใหญ่ปัจจุบันไร้เกลียว ขนาด 120 ม.ม.(เอ็ม1เอ1 เอ็ม1เอ2 เอ็ม1เอ2เอสอีพี) |
อาวุธรอง | ปืนกลหนักเอ็ม 2 บราวนิง ขนาด 12.7 ม.ม.หนึ่งกระบอก ปืนกล ขนาด 7.62 ม.ม.สองกระบอก (หนึ่งกระบอกบนฝาครอบ หนึ่งกระบอกข้างปืนหลัก) |
เครื่องยนต์ | ซี ให้แรงขับ 1,500 แรงม้า |
กำลัง/น้ำหนัก | 24.5 แรงม้า/ตัน |
ระบบส่งกำลัง | อัลลิสัน ดีโอเอ เอ็กซ์-1100-3บี |
ระบบช่วงล่าง | ทอร์ชั่นบาร์ |
ระยะห่างระหว่างตัวถังกับพื้น | 0.48 เมตร (เอ็ม1 เอ็ม1เอ1) 0.43 เมตร (เอ็ม1เอ2) |
ความจุเชื้อเพลิง | 500 แกลลอน |
พิสัย | 465.29 กิโลเมตร |
ความเร็ว | บนถนน: 68-72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกถนน: 40.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
เอ็ม1 เอบรามส์ได้เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยเข้ามาแทนที่ อย่างไรก็ตามมันก็ทำงานร่วมกับเอ็ม60เอรุ่นที่ได้รับการพัฒนามาตลอดทศวรรษ ซึ่งเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 รุ่นหลัก ๆ ของเอ็ม1 มีสามรุ่นด้วยกัน คือ เอ็ม1 เอ็ม1เอ1 และเอ็ม1เอ2 โดยมีการพัฒนาด้านอาวุธ การป้องกัน และระบบไฟฟ้า การพัฒนาเหล่านี้มีเพื่อทำให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาเอ็ม1เอ3 มันเป็นรถถังประจัญบานหลักของกองทัพบกสหรัฐและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐ รวมทั้ง และกองทัพบกอิรัก เอ็ม1 เอบรามส์จะประจำการจนถึงคริสต์ทศวรรษ 2050 ประมาณ 70 ปีหลังจากที่เข้าประจำการครั้งแรก
ประวัติ
การพัฒนา
ความพยายามครั้งแรกที่จะแทนที่รถถังคือ ที่พัฒนาขึ้นด้วยการร่วมมือกับเยอรมนีตะวันตกในคริสต์ทศวรรษ 1960 เอ็มบีที-70 นั้นเป็นสิ่งที่ใหม่และมีแนวคิดหลายอย่างซึ่งได้พิสูจน์ว่าไม่ประสบความสำเร็จ ผลต่อมาคือโครงการถูกยกเลิกไป ต่อมาสหรัฐก็เริ่มเอ็กซ์เอ็ม803 ซึ่งไม่ต่างอะไรจากรถถังเอ็มบีที-70 แต่เป็นรุ่นที่ลดความซับซ้อนและราคาลง
สภาคองเกรสได้ยกเลิกเอ็มบีที-70 ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2513 และเอ็กซ์เอ็ม803 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515 และโอนงบประมาณไปที่เอ็กซ์เอ็ม815 ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็กซ์เอ็ม1 เอบรามส์ตามชื่อนายพล ต้นแบบถูกส่งมอบในปี พ.ศ. 2519 โดยไครส์เลอร์ ดีเฟนซ์และโดยติดตั้งอาวุธเป็นปืนใหญ่ ขนาด 105 ม.ม. ที่เทียบเท่ากับของลีโอพาร์ด 2 การออกแบบไครส์เลอร์ ดีเฟนซ์ถูกเลือกให้ได้รับการพัฒนาต่อไปให้เป็นรถถังเอ็ม1 ในปี พ.ศ. 2522 ก็ได้ซื้อบริษัทไครส์เลอร์ ดีเฟนซ์
มีเอ็ม1 เอบรามส์จำนวน 3,273 คันที่ถูกผลิตออกมาในช่วงพ.ศ. 2522–2528 และเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2523 มีอาวุธคือปืนใหญ่รถถัง ขนาด 105 ม.ม. ที่ผลิตตามใบอนุญาต รุ่นที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเอ็ม1ไอพีเปิดตัวในปี พ.ศ. 2527 เอ็ม1ไอพีถูกใช้ในการประกวดแข่งขันรถถังสำหรับแคนาดาเมื่อปี พ.ศ. 2528 และ 2530
มีเอ็ม1เอ1 เอบรามส์ประมาณ 5,000 คันที่ถูกผลิตออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529–2535 และมีจุดเด่นที่ปืน ขนาด 120 ม.ม.ที่ผลิตโดยของเยอรมนีเพื่อใช้กับลีโอพาร์ด 2 เกราะที่แข็งแกร่ง และระบบป้องกันนิวเคลียร์ เคมี ชีวภาพ (นชค.)
ปัจจุบันโรงงานผลิตในโอไฮโอเป็นผู้ผลิตเอบรามส์ และก่อนหน้านั้นเมื่อปี พ.ศ. 2525–2539 ผลิตที่โรงงานในมิชิแกน
สงครามอ่าวเปอร์เซีย
เมื่อเข้าประจำการในคริสต์ทศวรรษ 1980 เอบรามส์ก็เข้าทำหน้าที่ร่วมกับ และรถถังของเนโทในการซ้อมรบมากมายในช่วงสงครามเย็น การซ้อมรบเหล่านี้เกิดขึ้นในทางตะวันตกของยุโรป โดยเฉพาะในเยอรมันตะวันตก แต่ก็รวมทั้งในประเทศอื่น ๆ อย่างเกาหลีใต้ ในการฝึกเหล่านี้ลูกเรือของเอบรามส์ได้พัฒนาทักษะของพวกเขาเพื่อใช้จัดการกับทหารและยุทธโธปกรณ์ของสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2534 สหภาพโซเวียตล่มสลายลง และเอบรามส์ก็พบวิถีการใช้งานในตะวันออกกลาง
เอบรามส์ยังคงไม่ได้รับการทดสอบในการรบจนกระทั่งถึงสงครามอ่าวในปี พ.ศ. 2534 เอ็ม1เอ1 ทั้งหมด 1,848 คันถูกส่งเข้าซาอุดีอาระเบีย เอ็ม1เอ1นั้นเหนือชั้นกว่ารถถังที-55 และที-62 ของอิรักที่ผลิตโดยโซเวียต เช่นเดียวกันกับรถถังที-72 และ ที-72 นั้นเหมือนกับรถถังรุ่นส่งออกทั่วไปของโซเวียตคือ ไม่มีเกราะแบบหลายชั้น และระบบควบคุมการยิงที่ด้อยกว่า เอ็ม1เอ1 เอบรามส์ จึงมีเอ็ม1เอ1 เพียง 23 คันเท่านั้นที่เสียหายร้ายแรงในสงครามอ่าว และมีเพียงคันเดียวเท่านั้นที่สูญเสียลูกเรือไป บางคันได้รับความเสียหายเล็กน้อย มีเอบรามส์เพียงไม่กี่คันที่ถูกศัตรูยิง และมีเพียงคันเดียวที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เอ็ม1เอ1 สามารถจัดการเป้าหมายได้เกินระยะ 2,500 เมตร ด้วยระยะนี้ทำให้รถถังโซเวียตหมดโอกาสในปฏิบัติการพายุทะเลทราย เพราะว่าระยะหวังผลของรถถังโซเวียตของอิรักนั้นต่ำกว่า 2,000 เมตร (รถถังของอิรักไม่สามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังได้เหมือนของโซเวียต) นั่นหมายความว่าเอบรามส์สามารถยิงใส่รถถังของศัตรูได้ก่อนที่พวกนั้นจะเข้าสู่ระยะยิง ในอุบัติเหตุการยิงใส่พวกเดียวกันเองเกราะของป้อมปืนนั้นสามารถรอดจากของรถถังเอ็ม1เอ1 อีกคันได้ ไม่เหมือนกับเกราะด้านข้างของลำตัวกับเกราะด้านหลังของป้อมปืนซึ่งถูกทำลายโดยการยิงจากพวกเดียวกันเองที่ใช้กระสุนยูเรเนียมใน
การพัฒนาในช่วงสงคราม
เอ็ม1เอ2 คือการพัฒนาขั้นต่อไปของเอ็ม1เอ1 ซึ่งมีกล้องตรวจการณ์ความร้อนของผู้บังคับรถ ("Commander Independent Thermal Vision, CITV") ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในแบบดิจิทัล ,ระบบหน้าจอแยกของพลขับ (Driver Independent Display, DID) ระบบเอสอีพีของเอ็ม1เอ2 หรือชุดเสริมระบบ (System Enhancement Package, SEP) ซึ่งได้เพิ่มแผนที่ดิจิทัล ความสามารถด้านเอฟบีซีบี2 (FBCB2) และระบบทำความเย็นที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ลูกเรืออยู่ในสภาพอุณหภูมิที่เหมาะสมพร้อมกับระบบหลากคอมพิวเตอร์
การพัฒนาเพิ่มเติมยังรวมทั้งเกราะกันกระสุนยูเรเนียม ระบบที่ทำให้รุ่นเอ1 เหมือนเป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด (เอ็ม1เอ1 เอไอเอ็ม) ชุดเสริมดิจิทัลสำหรับเอ1 (เอ็ม1เอ1ดี) โปรแกรมพื้นฐานที่ทำให้ทั้งของกองทัพบกและนาวิกโยธินสหรัฐเท่าเทียมกัน (เอ็ม1เอ1เอชซี) และการพัฒนาด้านไฟฟ้าสำหรับเอ2 (เอ็ม1เอ2 เอสอีพี)
เอ็ม1เอ1 บางคันได้รับการพัฒนาด้านเกราะใน ปฏิบัติการพายุทะเลทราย และในบอสเนีย มันสามารถติดตั้งเครื่องกวาดทุ่นระเบิดได้หากจำเป็น โครงสร้างของเอ็ม1 ยังเป็นต้นแบบให้กับยานวิศวกรรมรบกริซลี่และ
มีเอ็ม1 และเอ็ม1เอ1 มากกว่า 8,800 คันที่ถูกผลิตขึ้นมาคันละ 2.35–4.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นนั้น ๆ
สงครามอิรัก
การรบต่อมาเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เมื่อกองกำลังสหรัฐเข้าบุกอิรักและขับไล่ผู้นำซัดดัม ฮุสเซนของอิรักออกจากประเทศ เมื่อถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2548 มีเอบรามส์ประมาณ 80 คันที่เสียหายจนไม่สามารถทำงานได้โดยศัตรู กระนั้น ในปฏิบัติการบุกก็ไม่มีลูกเรือของเอบรามส์คนใดที่เสียชีวิต แม้ว่าการครอบครองที่เกิดขึ้นภายหลังทำให้พวกเขาจำนวนมากถูกสังหารโดยพลซุ่มยิงและกับระเบิด
ความสำเร็จที่ไม่สมดุลที่สุดของเอ็ม1เอ2 คือการทำลายรถถังที-72 7 คันในการรบระยะใกล้ที่ดุเดือด (ด้วยระยะน้อยกว่า 46 เมตร) ใกล้กับเมืองมาห์มูดิยาห์ซึ่งห่างจากแบกแดดไปทางใต้ 29 กิโลเมตร โดยฝ่ายอเมริกาไม่มีการสูญเสียเลย นอกจากอาวุธขนาดหนักของเอบรามส์ ลูกเรือบางคนได้เพิ่มอาวุธต่อต้านรถถังพาดไหล่ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาอาจเจอกับรถถังของศัตรูในเขตเมืองซึ่งปืนใหญ่รถถังไม่สามารถเล็งได้
ด้วยบทเรียนจากปฏิบัติการพายุทะเลทราย เอบรามส์และยานรบอื่น ๆ ของสหรัฐที่ใช้ในการรบจะติดตั้งแผงระบุฝ่ายเพื่อป้องกันการยิงพวกเดียวกันเอง พวกมันจะถูกติดตั้งบนด้านข้างและด้านท้ายของป้อมปืน โดยแผงดังกล่าวจะมีภาพกล่องสี่มุมซึ่งติดตั้งอยู่บนแต่ละด้านของป้อมปืน เอบรามส์บางคันก็จะติดตั้งที่เก็บเสบียงเพิ่มที่ด้านหลังของป้อมปืนเพื่อให้ลูกเรือนั้นบรรทุกของได้มากขึ้น
เอบรามส์จำนวนมากถูกทำลาย (เฉพาะคันที่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้) โดยพวกเดียวกันเองเพื่อไม่ให้พวกมันถูกยึด โดยปกติแล้วจะใช้เอบรามส์อีกคันเพื่อทำลาย ซึ่งพวกมันมักไม่ค่อยถูกทำลายโดยฝั่งตรงข้าม
เอบรามส์ส่วนใหญ่มักได้รับความเสียหายจากระเบิด
เอบรามส์บางคันได้รับความเสียหายขณะที่ทหารราบฝ่ายอิรักเข้าบุก บ้างก็ใช้เครื่องยิงจรวดยิงเข้าใส่ที่สายพาน ด้านหลัง และด้านบน ส่วนรูปแบบอื่นั้นจะเป็นการใช้ปืนกลหนักยิงเช้าใส่จุดสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีลูกเรือของเอบรามส์จำนวนมากที่ถูกสังหารโดยพลซุ่มยิงในขณะที่พวกเขาโผล่ออกมาจากป้อมปืน
เนื่องมาจากความเสียเปรียบของมันเมื่ออยู่ในเมือง จึงมีการสร้างชุดอุปกรณ์อยู่รอดในเขตเมืองของรถถังหรือทัสค์ (Tank Urban Survival Kit, TUSK) ขึ้นมา ซึ่งเอบรามส์บางคันที่ใช้มีแนมโน้มที่จะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นเมือง
ในอนาคต
ถูกเชื่อว่าจะนำเข้ามาร่วมกับเอบรามส์ในกองทัพสหรัฐสำหรับการรบที่เข้มข้นน้อยกว่า เมื่อต้นปี พ.ศ. 2533 คันต้นแบบถูกสร้างขึ้นแต่โครงการก็ถูกยกเลิกไป ที่มี 8 ล้อถูกออกแบบขึ้นมาในทางเดียวกัน มันได้เข้าสู่ประจำการและพบว่าด้อยประสิทธิภาพ
ระบบรบในอนาคตของกองทัพสหรัฐต้องการหารถถังเข้ามาแทนที่เอบรามส์ แต่โครงการก็ถูกตัดออกจากงบประมาณของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
เอ็ม1เอ3 เอบรามส์เป็นการออกแบบในช่วงแรก กองทัพสหรัฐต้องการสร้างต้นแบบในปี พ.ศ. 2557 และเริ่มทำให้เอ็ม1เอ3 พร้อมเข้าประจำการในปี พ.ศ. 2560
โครงการยานรบภาคพื้นดิน บีซีทีของกองทัพสหรัฐที่กำลังพัฒนา อาจเข้ามาแทนที่เอ็ม1 ทั้งในสหรัฐและประเทศอื่นอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม กองทัพกล่าวว่าเอบรามส์ยังคงประจำการอยู่ไปจนถึงปี พ.ศ. 2593
การออกแบบ
การป้องกัน
ลายพราง
ไม่เหมือนกับยานพาหนะในยุคแรก ๆ ของกองทัพบกสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนาม ซึ่งใช้โครงสีน้ำตาลเขียวเข้มและรูปดาวดวงใหญ่ เอ็ม1 (ขนาดปืน 105 ม.ม.) ในรุ่นผลิตแรก ๆ นั้นจะใช้สีเขียวล้วนและเปลี่ยนการใช้รูปดาวไปเป็นแต้มสีดำแทน บางหน่วยจะทำสีรถถังที่ประกอบด้วย 4 สี ปัจจุบันรถถังในภาคสนามที่ใช้สีเดิมที่เป็นสีเขียวนั้นแถบจะไม่มีแล้ว
เอ็ม1เอ1 (ขนาดปืน 120 ม.ม.) ที่ผลิตมาจากโรงงานจะมาพร้อมลายพราง 3 สีของเนโท คือ ดำ เขียว และน้ำตาลเขียว ปัจจุบันเอ็ม1 และเอ็ม1เอ1 ที่ประจำในสงครามอ่าวจะถูกทำสีเป็นสีน้ำตาลทะเลทราย รถถังบางคันจะถูกทำสีให้ตรงตามกับหน่วยสังกัด เอ็ม1เอ2 ที่ถูกผลิตให้กับประเทศในตะวันออกกลางก็ทำสีเป็นสีน้ำตาลทะเลทรายเช่นกัน
เอ็ม1 บางรุ่นกำลังถูกทำสีเป็นสีน้ำตาลทะเลทรายเพื่อส่งเข้าทำหน้าที่ในอิรัก ชิ้นส่วนอะไหล่ (เช่น ล้อ แผงเกราะข้าง ล้อเฟือง เป็นต้น) จะถูกทำสีเป็นสีเขียวล้วน ซึ่งบางครั้งก็นำไปใช้กับทั้งรถถังคันที่เป็นสีเขียวและสีน้ำตาลทะเลทราย
การอำพรางตัว
ส่วนป้อมปืนนั้นจะมีท่อยิงอยู่หกท่อ พวกมันสามารถสร้างกำแพงควันหนาที่ทำให้ศัตรูมองไม่เห็นแม้จะใช้กล้องตรวจจับความร้อนก็ตาม นอกจากนี้มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นยิงชาฟฟ์ที่จะรบกวนเรดาร์ได้อีกด้วย ที่เครื่องยนต์มีการติดตั้งเครื่องสร้างควันที่จะเปิดได้โดยพลขับ เมื่อทำงาน มันจะพ่นเชื้อเพลิงตามท่อของเครื่องยนต์จนเกิดเป็นควันขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เนื่องมาจากการเปลี่ยนการใช้น้ำมันดีเซลไปเป็นเชื้อเพลิงเจพี-8 ระบบดังกล่าวจึงถูกปิดในรถถังส่วนมาก เพราะว่าเจพี-8 จะทำให้เครื่องยนต์ลุกเป็นไฟแทนหากพ่นมันไปตามท่อเครื่องยนต์
ระบบการป้องกันแบบเชิงรุก
นอกเหนือจากเกราะที่ก้าวหน้าแล้ว เอบรามส์บางคันก็ยังติดตั้งอุปกรณ์ต่อต้านขีปนาวุธเอาไว้ ซึ่งมันสามารถรบกวนระบบนำวิถีของขีปนาวุธสายลวดและขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถีด้วยวิทยุ (เช่น ของรัสเซีย) และขีปนาวุธนำวิถีด้วยความร้อนและอินฟราเรดอื่น ๆ อุปกรณ์นี้จะติดตั้งอยู่บนป้อมปืนหน้าฝาปิดห้องลูกเรือ มันทำให้บางคนเข้าใจผิดว่ารถถังที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้คือเอ็ม1เอ2 เพราะว่าการติดตั้งช่องสำหรับผู้บัญชาการรถถังในตำแหน่งเดียวกัน
เกราะ
เอบรามส์นั้นได้รับการป้องกันจากเกราะที่มีการออกแบบมาจากของอังกฤษ ซึ่งมันคือการพัฒนาจากเกราะเบอร์ลิงตันของอังกฤษเช่นเดียวกัน ช็อบแฮมเป็นเกราะแบบผสมที่เกิดจากการซ้อนวัสดุที่ประกอบด้วย เหล็กอัลลอย เซรามิก พลาสติกผสม และเคฟลาร์ ทำให้มันมีเกราะหนาถึง 1,320–1,620 มิลลิเมตรที่ต้านทานสารเคมีและความร้อน พร้อมเกราะต้านหนา 940–960 มิลลิเมตร อาจมีการนำมาใช้ในส่วนล่างหากจำเป็น (ในการรบแบบเมือง) และเกราะแสลทที่ด้านท้ายของรถถังเพื่อป้องกันการโจมตีจาก การป้องกันสะเก็ดระเบิดจะใช้เกราะเคฟลาร์ ในตอนแรกเมื่อปี พ.ศ. 2530 เอ็ม1เอ1 ได้รับการพัฒนาไปใช้เกราะที่ทำงานร่วมกับยูเรเนียมสิ้นอายุที่จะติดตั้งตรงด้านหน้าของป้อมปืนและด้านหน้าของตัวถัง เกราะแบบนี้มีประสิทธิภาพมากในการเพิ่มแรงต้านทานต่ออาวุธต่อต้านรถถังทุกรูปแบบ แต่มันก็ตามมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะว่ายูเรเนียมสิ้นอายุนั้นหนักกว่าตะกั่วถึง 1.7 เท่า
เอ็ม1เอ1 รุ่นแรก ๆ ที่ใช้เกราะแบบนี้ประจำการอยู่ในเยอรมนี เพราะว่าพวกมันคือแนวตั้งรับแรกสุดต่อสหภาพโซเวียต กองพันยานเกราะของสหรัฐที่ทำสงครามในปฏิบัติการพายุทะเลทรายได้รับการปรับเปลี่ยนไปใช้เกราะยูเรเนียมอย่างกะทันหันก่อนเริ่มการรบ เอ็ม1เอ2 นั้นใช้เกราะเนื้อเดียวที่หนา 610 มิลลิเมตร ความแข็งแกร่งของเกราะนั้นพอ ๆ กับรถถังประจัญบานหลักของฝั่งยุโรปอย่างลีโอพาร์ด 2 ในสงครามอ่าว รถถังเอบรามส์รอดจากการถูกยิงหลายครั้งในระยะใกล้โดยรถถังและขีปนาวุธต่อต้านรถถังของอิรัก กระสุนของเอบรามส์ด้วยกันเองก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุเกราะด้านหน้าและด้านข้างได้เช่นกัน ตัวอย่างที่ให้เห็นเกิดขึ้นเมื่อเอบรามส์คันหนึ่งต้องการทำลายเอบรามส์อีกคันที่ติดหล่มและขวางทางอยู่จนต้องทิ้งมันไว้
การควบคุมความเสียหาย
ในกรณีที่เอบรามส์ได้รับความเสียหายจากการถูกยิงเข้าที่ส่วนห้องลูกเรือ รถถังจึงได้ติดตั้งระบบดับเพลิงเอาไว้ ซึ้งมันจะทำการดับเพลิงโดยอัตโนมัติทันทีเมื่อเกิดไฟไหม้
เชื้อเพลิงและกระสุนจะถูกเก็บเอาไว้ในส่วนที่หุ้มเกราะเพื่อป้องกันลูกเรือจากการระเบิดของกระสุนในรถถังเมื่อรถถังถูกยิง
อาวุธ
อาวุธหลัก
- ปืนลำกล้องเกลียว เอ็ม68เอ1
อาวุธหลักของเอ็ม1 คันต้นแบบคือปืนใหญ่รถถัง ที่จะยิงกระสุนหลากชนิด เช่น และกระสุนต่อต้านบุคคล ปืนแบบนี้ถูกสร้างจากปืน ภายใต้ใบอนุญาตของอังกฤษ ในขณะที่มันเป็นปืนที่มีความน่าเชื่อถือและถูกใช้อย่างกว้างขวางในประเทศกลุ่มเนโท แต่ก็มีความต้องการปืนที่ยิงได้ไกลกว่า 3 กิโลเมตรอย่างแม่นยำเพื่อจัดการกับเกราะสมัยใหม่ เพื่อให้ได้ความแม่นยำในระดับนั้น เส้นผ่าศูนย์กลางของกระสุนจะต้องยาวมากขึ้น การทำงานในด้านความแม่นยำและการทะลุทะลวงเกราะของเอ็ม68เอ1 นั้นเทียบได้กับของเอ็ม256เอ1 ถึง 3 กิโลเมตร แต่หากไกลกว่านั้น กระสุนขนาด 105 ม.ม.จะสูญเสียพลังจลน์ที่ใช้เพื่อเจาะเกราะสมัยใหม่
- ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ เอ็ม256
อาวุธหลักของเอ็ม1เอ1 และเอ็ม1เอ2 คือ เอ็ม256เอ1 ขนาด 120 ม.ม. ซึ่งออกแบบโดยในประเทศเยอรมนี ผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดยในสหรัฐอเมริกา เอ็ม256เอ1 เป็นแบบดัดแปลงมาจากปืน ที่ใช้กับรถถังลีโอพาร์ด 2 ของเยอรมัน รถถังลีโอพาร์ดนั้นมีหลายรุ่น รุ่นสูงสุดคือ ลีโอพาร์ด 2เอ6 ที่ใช้ปืนแอล/55 ที่ยาวกว่าแอล/44
เอ็ม256เอ1 สามารถยิงกระสุนได้อย่างหลากหลาย กระสุนแบบ ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับภัยคุกคามอย่างรถถังที-90 หรือที-80 ของโซเวียตที่ติดเกราะระเบิดปฏิกิริยา นอกจากนี้มันยังใช้กระสุนระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถังอย่าง ซึ่งรุ่นล่าสุด (เอ็ม830เอ1) ของมันจะทำงานร่วมกับชนวนสัมผัสไฟฟ้าที่ซับซ้อนและสะเก็ดระเบิด ซึ่งทำให้มันมีประสิทธิภาพกับพาหนะหุ้มเกราะ ทหารราบ และอากาศยานบินต่ำ เอบรามส์ใช้การบรรจุกระสุนด้วยมือ ซึ่งสนับสนุนพลประจำรถถังให้สามารถทำหน้าที่อื่นได้ เช่น การซ่อมบำรุงและดำเนินการสังเกต/ฟังหลังปฏิบัติการยิง (OP/LP)
กระสุนต่อต้านบุคคล เอ็ม1028 ขนาด 120 ม.ม.ได้ถูกนำมาใช้หลังจากสิ้นสุดการบุกอิรักเมื่อปี พ.ศ. 2546 มันบรรจุด้วยลูกปรายทำจากทังสเตนขนาด 3 ม.ม. จำนวน 1,098 ลูก ซึ่งจะกระจายออกจากปากกระบอกปืนเหมือนกับปืนลูกซอง โดยให้ระยะสังหารถึง 600 เมตร ลูกปรายทังสเตนนั้นสามารถถูกใช้เพื่อกำจัดศัตรูในพาหนะ การรบในเขตเมือง กวาดล้างช่องเขา หยุดการโจมตีจากทหารราบและตอบโต้ และสนับสนุนการโจมตีของทหารราบฝ่ายพันธมิตร กระสุนดังกล่าวยังมีประสิทธิภาพอย่างมากในการสร้างช่องบนกำแพงเพื่อส่งทหารราบเข้าพื้นที่ โดยใช้ได้ไกล 75 เมตร
นอกจากนี้แล้ว กระสุนรุ่นใหม่อย่าง เอ็กซ์เอ็ม1111 ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเช่นกัน มันเป็นกระสุนแบบนำวิถีโดยมีระยะหวังผลประมาณ 12 กิโลเมตรและใช้หัวรบพลังงานจลน์ ซึ่งใช้จรวดขับเคลื่อน มันมีแนวโน้มที่จะเป็นกระสุนเจาะเกราะที่ดีที่สุดของสหรัฐ โดยสามารถเจาะทะลุเกราะที่หนา 790 ม.ม.ได้ แต่ได้ยกเลิกไปพร้อมกับโครงการระบบการรบอนาคต (Future Combat System, FCS)
อาวุธรอง
รถถังเอบรามส์นั้นมีปืนกลทั้งสิ้น 3 กระบอก ได้แก่
- ปืนกลเอ็ม2เอชบี ขนาด .50 (12.7 ม.ม.) ซึ่งติดอยู่หน้าช่องของผู้บัญชาการรถถัง ในรุ่นเอ็ม1 เอ็ม1ไอพี และเอ็ม1เอ1 ปืนนี้จะใช้ระบบไฟฟ้าและสามารถยิงด้วยกล้องมอง 3 ระดับ โดยมักเรียกว่าอาวุธประจำสถานีของผู้บัญชาการหรือซีดับบลิวเอส (Commander's Weapon Station, CWS) ในรุ่นเอ็ม1เอ2 และเอ็ม1เอ2เอสอีพี ปืนนี้จะต้องยิงโดยลูกเรือเอง เมื่อใช้ชุดอุปกรณ์ทัสค์ รถถังจะสามารถติดตั้งปืนกลเอ็ม2เอชบีหรือ บนแท่นควบคุมได้ (แท่นควบคุมนี้จะทำงานเหมือนกับอาวุธประจำสถานีควบคุมระยะไกล ที่ใช้กับยานพาหนะตระกูล การพัฒนาขึ้นต่อคือ เอ็ม1เอ1 เอบรามส์ อินเตอร์เกรทเต็ด มาเนจเมนท์หรือเอไอเอ็ม (M1A1 Abrams Integrated Management, AIM) ซึ่งมีปืนขนาด .50 คาลิเบอร์ที่ติดตั้งกล้องจับความร้อนและอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อช่วยในการยิงเมื่อทรรศนะวิสัยไม่ชัด
- ขนาด 7.62 ม.ม. ซึ่งติดตั้งอยู่หน้าช่องพลบรรจุกระสุน (ในภาพด้านขวา) บางครั้งจะมีการติดตั้งเกราะในช่วงสงครามอิรัก รวมทั้งกล้องมองกลางคืนด้วยเช่นกัน
- ปืนกล เอ็ม240 ขนาด 7.62 ม.ม. กระบอกที่สองนั้นจะอยู่ทางขวา ข้างปืนใหญ่หลัก มันจะถูกควบคุมและยิงโดยระบบคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกับปืนใหญ่หลัก
- ปืนกล เอ็ม2เอชบี ขนาด 12.7 ม.ม. กระบอกที่สองสามารถติดตั้งไว้เหนือปืนใหญ่หลักได้เช่นกัน (เป็นอีกทางเลือก)
สำหรับกองทัพสหรัฐ ในรถถังจะมี หรือ ซึ่งเก็บเอาไว้ในส่วนป้อมปืนในกรณีฉุกเฉินเมื่อลูกเรือต้องสละรถถัง ในขณะเดียวกันลูกเรือเองก็จะมีเป็นอาวุธประจำกาย ในปัจจุบันลูกเรือของกองทัพสหรัฐจะมีปืนเล็กยาวหรือคาร์บินคนละหนึ่งกระบอก ในปฏิบัติการปลดปล่อยอิรักลูกเรือบางนายจะใช้จรวดต่อสู้รถถังประทับบ่า สำหรับจัดการกับยานเกราะในสภาพแวดล้อมที่คับแคบจนไม่สามารถใช้ปืนใหญ่หลักของเอ็ม1 เอบรามส์ได้
การเล็ง
ระบบกล้องเล็งของรถถังเอ็ม1 เอบรามส์นั้น จะประกอบไปด้วย ศูนย์เล็งหลักของพลยิง (Gunner Primary Sight,GPS) ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องเล็งกลางวัน,กล้องเล็งชนิดตรวจจับความร้อนและเลเซอร์วัดระยะ โดยทั้งระบบจะมีระบบรักษาการทรงตัวอิสระในแนวดิ่ง และสำหรับในรุ่นเอ็ม1เอ2 ศูนย์เล็งจะรักษาการทรงตัวอิสระทั้งแนวดิ่งและแนวระดับ ซึ่งผู้บังคับรถจะสามารถตรวจการณ์ผ่านศูนย์เล็งของพลยิงผ่านชุดถ่ายทอดศูนย์เล็ง และสำหรับรุ่นเอ็ม1เอ2 ผู้บังคับรถจะมีกล้องตรวจการณ์ความร้อนของผู้บังคับรถ ("Commander Independent Thermal Vision, CITV") สำหรับตรวจการณ์รอบทิศ และนอกจากนี้ พลยิงยังมีศูนย์เล็งสำรองสำหรับใช้ในกรณีที่ศูนย์เล็งหลักถูกทำลาย หรือ ไม่สามารถใช้การได้ รถถังเอบรามส์มีคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีที่จะรวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง เพื่อคำนวณ แสดงผล และทำงานร่วมกับปัจจัยในการทำงานทั้งสามอย่างของการยิง คือ มุม ชนิดกระสุน และระยะเป้าหมาย ปัจจัยทั้งสามจะต้องพึ่งพา เลเซอร์หาระยะ เซ็นเซอร์วัดแรงลม เซ็นเซอร์จุดศูนย์ถ่วง ข้อมูลการทำงานและการเคลื่อนที่ของกระสุนชนิดนั้น ๆ ข้อมูลแนวปากกระบอกปืน อุณหภูมิกระสุน อุณหภูมิอากาศ แรงกดอากาศ ระบบอ้างอิงปากกระบอกปืน และเครื่องวัดความเร็วในการเคลื่อนที่ของเป้าหมาย ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้จะถูกคำนวณออกมาเป็นวิธีการยิงและทำการอัปเดต 30 ครั้งต่อวินาที การอัปเดตนั้นจะแสดงผลให้กับพลปืนหรือผู้บัญชาการ ทั้งภาพปกติและภาพความร้อน มุมและกระบอกปืนจะถูกเปลี่ยนให้เหมาะสมโดยคอมพิวเตอร์
ระบบควบคุมการยิงจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อประมวลการยิงให้กับพลปืน มันจะเพิ่มโอกาสในการยิงถูกเป้าหมายถึง 95% ในระยะปกติ ทั้งผู้บัญชาการและพลปืนสามารถทำการยิงปืนใหญ่หลักได้ นอกจากนี้กล้องตรวจการณ์ความร้อนของผู้บังคับรถของรถถังเอ็ม1เอ2 สามารถถูกใช้เพื่อระบุตำแหน่งเป้าหมายและส่งต่อเป้าหมายไปยังพลปืนเพื่อทำการยิงได้ ในขณะที่หาเป้าหมายต่อไป ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องหรือระบบเล็งได้รับความเสียหาย อาวุธหลักจะสามารถเล็งได้ด้วยมือ ป้อมปืนและปืนใหญ่สามารถปรับได้ด้วยข้อเหวี่ยงหากเกิดความเสียหายต่อระบบไฮดรอลิกหรือระบบควบคุมการยิง
การขับเคลื่อน
ทางยุทธวิธี
เอ็ม1 เอบรามส์นั้นมีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ เอจีที-1500 และระบบส่งกำลัง อัลลิสัน เอ็กซ์-1100-3บี ซึ่งมีความเร็วหกระดับด้วยกัน (เดินหน้าสี่และถอยหลังสอง) ทั้งสองอย่างนี้ทำให้มันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนถนน และ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนพื้นผิวทั่วไป มันสามารถทำความเร็วได้เกินสมรรถนะเป็น 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่การวิ่งเร็วเกิน 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะสร้างความเสียหายให้กับตีนตะขาบและทำให้ลูกเรือได้รับบาดเจ็บได้ มีการสร้างถังสารพัดประโยชน์ขึ้นไว้รอบเครื่องยนต์ ถังดังกล่าวจะสามารถบรรจุได้ทั้งน้ำมันดีเซล น้ำมันก๊าด เชื้อเพลิงเจพี-4 หรือเจพี-8 ของเครื่องบินไอพ่น กองทัพบกสหรัฐใช้เชื้อเพลิงเจพี-8 เพื่อทำให้พลาธิการทางทหารง่ายขึ้น กองพันยานเกราะของออสเตรเลียใช้น้ำมันดีเซล เพราะว่ามันถูกกว่าและดูเหมาะสมกว่าในทางพลาธิการของกองทัพออสเตรเลีย
จากสงครามอิรัก กองทัพบกสหรัฐจึงเริ่มมองหาเครื่องยนต์มาแทนที่เอจีที-1500 เพราะปัญหาการใช้เชื้อเพลิง เครื่องยนต์เทอร์ไบน์นั้นให้การเร่งกำลังที่ดีกว่า แต่ใช้เชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลถึงสองเท่า เครื่องยนต์เทอร์ไบน์นั้นมีน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ดีเซล แต่ก็ใช้พื้นที่และถังเชื้อเพลิงที่ใหญ่กว่า
ระบบขับเคลื่อนของเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์นั้นน่าไว้ใจกว่าทั้งในทางปฏิบัติและทางทฤษฎี แต่การผลาญเชื้อเพลิงที่มากของมันทำให้กลายเป็นปัญหาทางเสบียง เครื่องยนต์นั้นผลาญเชื้อเพลิงมากกว่า3.8 ลิตรต่อหนึ่งไมล์และ 45 ลิตรต่อชั่วโมงเมื่อไม่ได้เคลื่อนที่ ลมที่มีความเร็วและความร้อนสูงเท่าไอพ่นของเครื่องบินจะถูกส่งออกมาจากด้านท้ายของรถถัง ซึ่งทำให้ทหารราบไม่สามารถติดตามรถถังได้ในกรณีที่ต้องทำการรบในพื้นที่เมือง นอกจากนี้เครื่องยนต์เทอร์ไบน์นั้นมีเสียงที่เบากว่าเครื่องยนต์ดีเซล
ทางยุทธศาสตร์
การเคลื่อนที่ทางยุทธศาสตร์ คือความสามารถของรถถังของกองกำลังติดอาวุธที่จะต้องเข้าสู่สนามรบได้ตรงเวลา มีประสิทธิภาพ และพร้อมเพรียงกัน รถถังเอบรามส์นั้นจะถูกลำเลียงด้วยเครื่องบินขนส่งซี-5 กาแลคซีหรือซี-17 โกลบมาสเตอร์ 3 แม้ว่าในสงครามอ่าวเปอร์เซียรถถังเอบรามส์จำนวน 1,848 คันถูกลำเลียงโดยเรือ แต่ด้วยเนื้อที่ที่จำกัดบนเครื่องบินทั้งสองรุ่น (ซี-5 สามารถบรรทุกรถถังเอบรามส์พร้อมรบได้ 2 คัน ซี-17 สามารถบรรทุกได้ 1 คัน) ทำให้เกิดปัญหาในการลำเลียงรถถังอย่างมากในช่วงแรกของสงคราม
นาวิกโยธินของสหรัฐลำเลียงรถถังของหน่วยเฉพาะกิจอากาศโยธินด้วยเรือรบ โดยปกติแล้วเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้นวาสป์จะบรรทุกรถถังเอบรามส์ 4–5 คัน พร้อมกับหน่วยนาวิกโยธินสำรวจทาง โดยจะทำการลำเลียงรถถังขึ้นฝั่งด้วยยานยกพลขึ้นบกแบบสะเทินน้ำสะเทินบกทีละหนึ่งคัน
นอกจากนี้แล้วรถถังเอบรามส์ยังสามารถถูกลำเลียงด้วยรถบรรทุกระบบขนส่งอุปกรณ์ขนาดหนัก|เอ็ม1070]] รถบรรทุกนี้สามารถเดินทางบนทางหลวง ถนนรอง และเดินทางข้ามประเทศได้ โดยใช้พลขับทั้งหมด 4 นายในการควบคุมรถบรรทุกดังกล่าว
การลำเลียงรถถังเอบรามส์เข้าสู่สนามรบโดยตรงทางอากาศเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2546 โดยรถถังจากกองทหารราบที่ 1 ของสหรัฐถูกลำเลียงโดยเครื่องบินซี-17 จากเมืองรัมชไตน์ในเยอรมนีเข้าสู่ทางเหนือของอิรัก เพื่อทำการสนับสนุนหน่วยเฉพาะกิจไวกิง
รุ่นต่าง ๆ และการยกระดับ
- เอ็กซ์เอ็ม1-เอฟเอสอีดี: เป็นรุ่นทดสอบก่อนการผลิต มีรุ่นนี้ทั้งหมด 11 คันซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงพ.ศ. 2520–2521 พวกมันมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่าพาหนะนักบิน (Pilot Vehicle) จึงถูกทำสัญลักษณ์ด้วยอักษร PV-1 ถึง PV-11
- เอ็ม1: เป็นรุ่นแรกที่เข้าสู่สายการผลิต การผลิตเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2522 จนถึงปี พ.ศ. 2528 รถถัง 100 คันแรกเป็นรุ่นการผลิตระยะเริ่มในอัตราต่ำ หรือ LRIP (Low Rate Initial Production) จึงถูกเรียกว่าเอ็กซ์เอ็ม1 เพราะว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นก่อนที่รถถังดังกล่าวจะถูกจัดว่าเป็นรถถังชั้นเอ็ม1
- เอ็ม1ไอพี (Improved Performance): เป็นรุ่นที่ถูกสร้างเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ในปี พ.ศ. 2527 ก่อนที่จะมีการสร้างเอ็ม1เอ1 รุ่นนี้ประกอบด้วยการยกระดับและการปรับปรุง เช่น ป้อมปืนแบบใหม่ที่มีเกราะส่วนหน้าที่หนาขึ้น เกราะที่เดิมทีมีความหนา 650 มิลลิเมตรได้ถูกเพิ่มเป็น 880 มิลลิเมตร
- เอ็ม1เอ1: เป็นรุ่นที่เริ่มการผลิตในปี พ.ศ. 2528 มีระบบปรับความดันเพื่อป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมี ทีพื้นที่ส่วนด้านหลังสำหรับเก็บสัมภาระ เกราะระเบิดที่ออกแบบใหม่ และปืนเอ็ม256 ขนาด 120 มิลลิเมตร
- เอ็ม1เอ1เอชเอ (Heavy Armor): เป็นรุ่นที่ติดตั้งส่วนประกอบเกราะยูเรเนียมหมดอายุรุ่นแรกเข้าไป รถถังบางคันได้ติดตั้งยูเรเนียมรุ่นที่สองเข้าไป โดยเรียกรถถังเหล่านั้นว่าเอ็ม1เอ1เอชเอ+
- เอ็ม1เอ1เอชซี (Heavy Common): เป็นรุ่นที่ติดตั้งส่วนประกอบเกราะยูเรเนียมหมดอายุรุ่นที่สอง มีการควบคุมเครื่องยนต์ด้วยระบบดิจิทัล และมีการยกระดับอีกเล็กน้อย
- เอ็ม1เอ1ดี (Digital): เป็นการยกระดับแบบดิจิทัลของเอ็ม1เอ1เอชซี เพื่อให้มีการพัฒนาเท่าเทียมกับเอ็ม1เอ2เอสอีพี มีการผลิตเพียงสองกองพันเท่านั้น
- เอ็ม1เอ1เอไอเอ็ม รุ่น 1 (Abrams Integrated Management): เป็นโครงการที่ซึ่งรถถังรุ่นเก่าถูกนำมาปรับสภาพให้เป็นเหมือนรถถังที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยและได้มีการเพิ่มตัวเซ็นเซอร์อินฟราเรดมองข้างหน้าและตัวจับเป้าหมายระยะใกล้เข้าไป รวมทั้งมีโทรศัพท์ระหว่างรถถังและทหารราบ อุปกรณ์การสื่อสารที่รวมทั้งเอฟบีซีบี2 และตัวติดตามบลูฟอร์ซ เพื่อช่วยให้พลขับสามารถรับรู้ต่อสถานการณ์ได้ดีขึ้น และยังมีกล้องจับความร้อนสำหรับปืนกลขนาด .50 คาลิเบอร์อีกด้วย บริษัทเจเนรัลไดนามิกส์ได้รับสัญญาจากกองทัพบกสหรัฐให้ทำการสร้างรถถังรุ่นนี้ขึ้นมาอีก
- เอ็ม1เอ1เอไอเอ็ม รุ่น 2/เอ็ม1เอ1เอสเอ (Situational Awareness): เป็นรุ่นที่มีการยกระดับคล้ายกับเอไอเอ็ม รุ่น 1 ที่มาพร้อมกับส่วนประกอบเกราะยูเรเนียมหมดอายุรุ่นที่ 3
- เอ็ม1เอ1เอฟอีพี (Firepower Enhancement Package): เป็นการยกระดับที่คล้ายกับเอไอเอ็ม รุ่น 2 แต่สร้างให้กับนาวิกโยธินสหรัฐ
- เอ็ม1เอ1เควีที (Krasnovian Variant Tank): เป็นเอ็ม1เอ1 ที่ได้รับการดัดแปลงภายนอกให้ดูคล้ายกับรถถังของโซเวียตเพื่อใช้ในศูนย์ฝึกระดับชาติ โดยมีระบบเลเซอร์และอุปกรณ์ฮอฟฟ์แมนติดตั้งอยู่ด้วย
- เอ็ม1เอ1เอ็ม: เป็นรุ่นสำหรับส่งออกให้กับกองทัพบกอิรัก
- เอ็ม1เอ1เอสเอ (Special Armor): เป็นรุ่นที่ปรับแต่งให้กับกองทัพบกโมร็อกโก
- เอ็ม1เอ2 (Baseline): เป็นรุ่นที่มีการผลิตเริ่มในปี พ.ศ. 2535 เอ็ม1เอ2 มีความสามารถในการทำให้ผู้บัญชาการรถถังสามารถยิงสองเป้าหมายได้ โดยไม่ต้องทำการเลือกเป้าหมายตามลำดับ นอกจากนี้แล้วยังมันยังใช้ส่วนประกอบเกราะยูเรเนียมหมดอายุรุ่นที่สองอีกด้วย
- เอ็ม1เอ2เอสอีพี (System Enhancement Package): เป็นรุ่นที่ได้ยกระดับส่วนประกอบเกราะยูเรเนียมหมดอายุรุ่นที่สามเป็นการเคลือบเกราะด้วยกราไฟท์
- เอ็ม1เอ3: เป็นรุ่นที่อยู่ในการพัฒนา โดยจะมีต้นแบบออกมาให้เห็นในปี พ.ศ. 2557 และจะใช้งานได้จริงในปี พ.ศ. 2560 การพัฒนานั้นมีทั้งการใช้ปืนขนาด 120 มิลลิเมตรที่มีน้ำหนักเบากว่า การเพิ่มล้อที่มีระบบกันการสั่นสะเทือน สายพานที่ทนทานขึ้น เกราะที่เบาลง อาวุธระยะไกลที่มีความแม่นยำ กล้องอินฟราเรด และตัวตรวจจับเลเซอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ภายในแบบใหม่จะถูกติดตั้งเข้าไป โดยจะแทนที่ระบบลวดด้วยสายที่เป็นไฟเบอร์ออบติก ซึ่งสามารถลดน้ำหนักของรถถังลงไปได้ถึงสองตัน
- เอ็ม1 ทีทีบี (Tank Test Bed): เป็นรุ่นต้นแบบที่ใช้ป้อมปืนไร้คน จะมีลูกเรือสามคนในแคปซูลหุ้มเกราะที่ส่วนหน้าของรถถัง อาวุธหลักคือปืนขนาด 120 มิลลิเมตร ปืนเอ็ม256 ที่อาจถูกดัดแปลง และระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ
- ซีเอทีทีบี – เป็นรุ่นทดลองที่มีปืนขนาด 140 มิลลิเมตร ป้อมปืนหุ้มเกราะหนัก และตัวถังที่ถูกยกระดับมาจากเอ็ม1 ทั่วไป มันมีระบบบรรจุกระสุนในตัวป้อมปืน เครื่องยนต์ใหม่ และอาจรวมทั้งการยกระดับอื่น ๆ อีก รถถังรุ่นนี้ได้เข้าทำการทดสอบในปี พ.ศ. 2530–2531 ซีเอทีทีบีเป็นตัวย่อจาก Component Advanced Technology Test Bed หรือ ตัวทดสอบส่วนประกอบเทคโนโลยีขั้นสูง
- เอ็ม1ซีเอ็มวี (Combat Mobility Vehicle)
- พาหนะเก็บกวาดทุ่นระเบิดควบคุมจากระยะไกล เอ็ม1 แพนเทอร์ 2
- รถสะพานจู่โจมขนาดหนัก
- ระบบเก็บกวาดทุ่นระเบิดด้วยใบมีดและส่วนหมุน เอ็ม1 แพนเทอร์ 2
- พาหนะโจมตีฝ่าแนวรบ เอ็ม1เอบีวี: เป็นรุ่นสำหรับการโจมตีของนาวิกโยธินสหรัฐ มันสร้างขึ้นจากโครงรถของเอ็ม1เอ1 รถถังรุ่นนี้ได้ติดตั้งหลายระบบลงไป เช่น พลั่วกวาดทุ่นระเบิด สายระเบิดสำหรับกวาดระเบิด และระบบทำเครื่องหมายเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีเกราะที่ป้องกันอาวุธความร้อนสูงอีกด้วย ป้อมปืนของรถถังรุ่นนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยิงจรวดเอ็มไอซีแอลไอซีที่ด้านหลังแทน ปืนเอ็ม2เอชบี ขนาด .50 ถูกทำให้เป็นปืนควบคุมด้วยรีโมต และมีเครื่องยิงลูกระเบิดที่ติดอยู่ที่ด้านข้างของรถถังเพื่อป้องการโจมตีจากด้านหน้า
- พาหนะกู้ซากหุ้มเกราะ เอ็ม1 มีเพียงต้นแบบเพียงคันเดียวเท่านั้น
รายละเอียด
เอ็ม1 | เอ็ม1ไอพี | เอ็ม1เอ1 | เอ็ม1เอ2 | เอ็ม1เอ2เอสอีพี | |
---|---|---|---|---|---|
ปีที่ผลิต | พ.ศ. 2522–28 | พ.ศ. 2527 | พ.ศ. 2529–35 | พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา | |
ความยาว | 9.77 เมตร | ||||
ความกว้าง | 3.7 เมตร | ||||
ความสูง | 2.37 เมตร | 2.4 เมตร | |||
ความเร็วสูงสุด | 72 กม./ชม. | 66.8 กม./ชม. | 68 กม./ชม. | ||
พิสัย | 500 กิโลเมตร | 463 กิโลเมตร | 391 กิโลเมตร | ||
น้ำหนัก | 55.7 ตัน | 57 ตัน | 61.3 ตัน | 62.1 ตัน | 63 ตัน |
อาวุธหลัก | |||||
ลูกเรือ | 4 นาย (ผู้บัญชาการรถถัง, พลปืน, พลบรรจุ, พลขับ) |
หมายเหตุ: รถถังทุกรุ่นมีกำลังเครื่องยนต์ 1,500 แรงม้า
อุปกรณ์เพิ่มการอยู่รอดในเขตเมือง
อุปกรณ์เพิ่มการอยู่รอดในเขตเมือง (Tank Urban Survival Kit) หรือ ทัสค์ (TUSK) เป็นชุดเสริมสำหรับเอ็ม1 เอบรามส์ที่สร้างมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นเมือง สนามรบที่เป็นเมืองหรือมีพื้นที่แคบนั้นเป็นที่ที่อันตรายสำหรับรถถังทุกชนิด เพราะว่ามีเพียงเกราะส่วนหน้าของรถถังเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งกว่าเกราะส่วนอื่น ๆ ซึ่งในเขตเมือง การโจมตีจะสามารถมาได้จากทุกทิศทาง ศัตรูสามารถเข้าใกล้รรถถังในระยะที่สามารถโจมตีจุดอ่อนของรถถังได้ง่ายดาย หรืออาจเข้าโจมตีที่ส่วนบนของรถถังได้
การยกระดับเกราะนั้นมีทั้งเกราะปฏิกิริยาแรงระเบิด (Explosive Reactive Armor, ERA) แบบอารัต (ARAT, Abrams Reactive Armor) ที่ด้านข้างของรถถังและเกราะแบบตะแกรงที่ด้านหลังเพื่อป้องกันลูกระเบิดขับเคลื่อนด้วยจรวดและหัวรบติดระเบิดแบบอื่น ๆ
เกราะใสสำหรับปืนและระบบกล้องจับความร้อนถูกติดตั้งให้กับส่วนบนของรถถังที่มีปืนกล เอ็ม240 ขนาด 7.62 มม.ติดอยู่ นอกจากนี้ยังมีติดตั้งระบบควบคุมด้วยรีโมตคองส์เบิร์ก กรุพเพนสำหรับปืนขนาด .50 คาลิเบอร์ที่ส่วนของผู้บัญชาการรถถัง โดยที่ผู้บัญชาการไม่ต้องออกมายิงปืนด้วยตัวเอง ที่ด้านนอกรถถังยังมีโทรศัพท์เพื่อให้ทหารราบที่ด้านนอกรถถังสามารถติดต่อกับผู้บัญชาการรถถังได้อีกด้วย
ระบบทัสค์เป็นอุปกรณ์ที่สามารถติดตั้งขณะออกรบได้ ซึ่งมันทำให้รถถังสามารถถูกยกระดับได้โดยไม่ต้องพึ่งโรงซ่อมบำรุง เกราะปฏิกิริยาแรงระเบิดนั้นอาจไม่จำเป็นนักเพราะสถานการณ์ส่วนใหญ่รถถังจะต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอจึงเป็นการยากที่จะถูกยิง แต่สำหรับเกราะท้าย เกราะสำหรับพลบรรจุ โทรศัพท์สำหรับทหารราบ และระบบควบคุมอาวุธด้วยรีโมตคองส์เบิร์คนั้นเป็นสิ่งถูกติดตั้งให้กับรถถังเอ็ม1เอ2 ทุกคัน
ประเทศผู้ใช้งาน
- ยูเครน – กองทัพยูเครน: รัฐบาลสหรัฐจัดส่งรุ่น M1A2 Abrams ให้กองทัพยูเครนจำนวน 31 คัน เพื่อใช้ป้องกันประเทศจากการรุกรานของรัสเซีย
- ออสเตรเลีย – : มีรถถังรุ่นเอ็ม1เอ1เอไอเอ็ม 59 คัน สั่งซื้อจากสหรัฐเมื่อปี พ.ศ. 2549 เพื่อนำมาแทนที่รถถัง ในปี พ.ศ. 2550
- อียิปต์ – : มีรถถังเอ็ม1เอ1 1,005 คันที่ร่วมผลิตโดยสหรัฐและอียิปต์ นอกจากนี้ยังได้สั่งซื้อรถถังอีก 125 คัน
- อิรัก – กองทัพบกอิรัก: มีรถถังเอ็ม1เอ1เอ็ม 140 คัน (เป็นแบบที่ถูกลดระดับโดยไม่ติดตั้งเกราะที่มียูเรเนียมหมดอายุลงไป) อิรักเคยเช่าเอ็ม1เอ1 22 คันจากกองทัพบกสหรัฐเมื่อปี พ.ศ. 2551 รถถัง 11 คันแรกถูกส่งให้กับกองทัพบกอิรักเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 รถถังทั้งหมดถูกส่งมอบในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 มีรายงานว่าอิรักได้รับรถถังเพิ่มอีกหกคันเรียบร้อยแล้ว
- คูเวต – : มีรถถังเอ็ม1เอ2 218 คัน (เป็นแบบที่ถูกลดระดับโดยไม่ติดตั้งเกราะที่มียูเรเนียมหมดอายุลงไป)
- โมร็อกโก – มี M-1 ไช้งานอยู่ประมาน 222 คัน เป็นรุ่น M1A1 SA
- ซาอุดีอาระเบีย – : มีรถถังเอบรามส์ 373 คัน โดยทั้งหมดจะถูกยกระดับเป็นเอ็ม1เอ2เอสในซาอุดีอาระเบีย มีเอ็ม1เอ2เอส อีก 69 คันที่ถูกสั่งซื้อเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556 โดยจะทำการส่งในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
- สหรัฐ – กองทัพบกสหรัฐและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐมีรถถังทั้งหมดประมาณ 8,725 คัน ประกอบด้วยรุ่นเอ็ม1 เอ็ม1เอ1 และเอ็ม1เอ2
|
|
ประเทศที่อาจจะประจำการ
- บราซิล – เนื่องจากบราซิลได้เป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศ พันธมิตรหลักนอกเนโท ของสหรัฐฯในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เสนอรถถังเอ็ม1เอ1 ในคลังให้กับ จำนวน 110 ถึง 130 คัน โดยจะได้รับการปรับปรุงจากในสหรัฐฯ และจะประจำการในฐานะรถถังหลักของบราซิลเป็นระยะเวลา 20 ปี
- กรีซ – : สหรัฐได้เสนอรถถังเอ็ม1เอ1 ที่ใช้แล้ว 400 คันให้กับกรีซ แต่ตอนนี้คาดว่าโครงการล้มไปแล้วเนื่องจากวิฤกติหนี้สินกรีซ
- โมร็อกโก – : รถถังเอ็ม1เอ1 200 คันถูกขอมาในปี พ.ศ. 2554 หน่วยงานความมั่นคงได้รายงานให้กับสภาคองเกรสทราบถึงการซื้อขายทางการทหารกับต่างประเทศที่เป็นไปได้ในการยกระดับรถถังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 การขายนั้นประกอบด้วยการขายอุปกรณ์ยกระดับให้กับรถถังเอบรามส์ อย่าง เกราะพิเศษ การปรับปรุงรถถัง และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง
- เปรู - : ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 กองทัพเปรูได้ทำการทดสอบรถถังที่จะมาแทนที่ที-55 โดยมีเอ็ม1เอ1 เป็นผู้ได้รับการทดสอบด้วย อาจมีการสั่งซื้อรถถัง 120 หรือ 170 คัน รถถังเอบรามส์จะต้องทดสอบแข่งกับรถถังที-90เอส ลีโอพาร์ด 2เอ4/เอ6 ที-64 และที-84
- ไต้หวัน – : รัฐบาลไต้หวันกำลังพิจารณาการสั่งซื้อรถถังเอ็ม1เอ1 ที่ใช้แล้ว 200 คันจากสหรัฐ
- ไทย – กองทัพบกไทย: รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาการสั่งซื้อรถถังเอ็ม1 เอ2และเอ็ม1 เอ1ที่ใช้แล้ว 20 คันจากสหรัฐ
อ้างอิง
- Pike, John. Lima Army Tank Plant (LATP). Globalsecurity.org, 21 สิงหาคม 2005. สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2009. (Production cost of M1A2, upgraded)
- "Department of Defense - Annual Report FY99".
- Abrams fact file. U.S. Army
- M1: 498 km (310 mi), M1A1: 465 km (288 mi), M1A2: 391 km (243 mi)
- M1 Abrams Main Battle tank. FAS.org, 14 April 2000
- Hunnicutt 1984, pp. 6, 149, 408.
- R.P. Hunnicutt, Abrams: A History of the American Main Battle Tank
- "According to the Army’s Office of Deputy Chief of Staff for Operations and Plans, 23 Abrams tanks were destroyed or damaged in the Persian Gulf area. Of the nine Abrams destroyed, seven were due to friendly fire, and two were intentionally destroyed to prevent capture after they became disabled. Other Abrams tanks were damaged by enemy fire, land mines, on-board fires, or to prevent capture after they became disabled." From Early performance assessment of Bradleys and Abrams, p. 24.
- . TAB H -- Friendly-fire Incidents. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-01. สืบค้นเมื่อ 2010-03-12.
At approximately 4:30 AM on 27 February, an anti-tank guided missile (probably fired from a Bradley) struck A-33 in the engine compartment. The crew, uninjured, was evacuating the disabled tank when two DU rounds hit the tank in the left side of the hull and exited through the right side. The tank commander, driver, and gunner sustained injuries from fragments. The loader, who was already outside the tank, was uninjured. A-31 crew members assisted in rescuing A-33's crew.
; Sketch depicting the path of a DU 120 mm round through the hull of Abrams C-12 2009-06-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. OSD. - Komarow, Steven. "Tanks take a beating in Iraq", USA Today, March 29, 2005.
- Conroy, Jason & Martz, Ron. Heavy Metal: A Tank Company's Battle To Baghdad. Potomac Books, 2005, p. 158.
- Zucchino, David: Thunder Run: The Armored Strike to Capture Baghdad. Grove Press, 2004, pp. 20-30, 73.
- "M1A2 Abrams struck by Vehicle-Borne IED". สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2009 – โดยทาง YouTube.
- . Wlhoward.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 ธันวาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 10 ตุลาคม 2017.
- Kris Osborn (26 กันยายน 2009). "Army looking into lighter Abrams tank". ArmyTimes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กรกฎาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2010.
- Dan Lamothe (27 กันยายน 2009). "New Army tank could mean changes for M1A1 fleet". MarineCorpsTimes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 กันยายน 2012. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2010.
- . Defense Update.com. 25 เมษายน 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 มีนาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- "US to use depleted uranium". BBC News. 18 มีนาคม 2003. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- Clancy, Tom (1994). Armored Cav: A Guided Tour of an Armored Cavalry Regiment. Berkeley Books. ASIN B001U8ZN3A.
- Hilmes, Rolf (1 December 2004). "Arming Future MBTs – Some Considerations". Military Technology. Mönsch: 79. ISSN 0722-3226.
- "General Dynamics Awarded $34 Million for M1A1 Abrams Tank Upgrades" (Press release). General Dynamics. 5 กันยายน 2008.
- M1A1/M1A2 Main Battle Tank, USA 27 กันยายน 2005 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Army-technology.com.
- . kampfpanzer.de. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 มกราคม 2015. สืบค้นเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2014.
- "Heavy duty: overhaul under way for Abrams tank engine". Accessmylibrary.com. 1 กันยายน 2006. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- Komarow, Steven (9 มีนาคม 2006). "USA Today article". USA Today. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- "M1070 Heavy Equipment Transporter (HET) Fact File United States Army". Army.mil. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2010.
- Anderson, Jon R. (10 เมษายน 2003). "1st ID task force's tanks deployed to northern Iraq". Stars and Stripes. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2011.
- "M1 Abrams Main Battle Tank". Fas.org. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2010.
- "Armor: Iraq Getting M-1A1 Tanks". Strategypage.com. 3 สิงหาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- (PDF). dsca.mil. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-05-11. สืบค้นเมื่อ 2013-06-03.
- M1 Abrams Main Battle Tank, Federation of American Scientists.
- "Army looking into lighter Abrams tank". Army Times. 28 กันยายน 2009. สืบค้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2010.
- The Abrams Tank - Next Generation - About.com.
- "CATTB data". สืบค้นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011.
- John Pike. "Grizzly [Breacher]". Globalsecurity.org. จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 กรกฎาคม 2010. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2010.
- John Pike. "Panther". Globalsecurity.org. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2010.
- John Pike. "Wolverine (Heavy Assault Bridge)". Globalsecurity.org. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2010.
- "ABV Assault Breacher Vehicle engineer armoured vehicle tank". สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2010.
- Abramson,Mark, "ABVs ready to break Afghan ground", , 1 กุมภาพันธ์ 2010.
- April Campbell (19 กุมภาพันธ์ 2008). "Modified M1-A2 Abrams Tanks Improve Safety, Precision". army.mil. จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 22 กรกฎาคม 2017.
- "Australian National Audit Office report on the DMO project Land 907". Australian National Audit Office. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 มกราคม 2010. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- "M1A1 / M1A2 Abrams Main Battle Tank". Army Technology. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2010.
- (PDF). dsca.mil. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 พฤษภาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 6 มิถุนายน 2013.
- "Procurement: Iraq Buys What It Knows". Strategypage.com. 18 ธันวาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- "Iraqi military plans major arms purchase". Your Defence News, 16 ธันวาคม 2008.
- M1 Abrams Tanks for Iraq. Defense Industry Daily, 15 มีนาคม 2009.
- Agence France-Presse (9 สิงหาคม 2010). "Iraq takes delivery of American tanks". defencetalk.com.
- Iraqi Army receives last shipment of Abrams tanks - Army.mil, 6 กันยายน 2011.
- 6 more tanks - Defenseindustrydaily.com, 5 ตุลาคม 2012.
- M1 Abrams 13 กันยายน 2007 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Militarium.net (Polish to English translation)
- . DefenseIndustryDaily.com. 4 มกราคม 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 ตุลาคม 2006. สืบค้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2011.
- Saudi Arabia Orders 69 More M1A2S Abrams Heavy Tanks - Deagel.com, 8 มกราคม 2013.
- John Pike (27 เมษายน 2005). "M1 Abrams Main Battle Tank". Globalsecurity.org. สืบค้นเมื่อ 9 มิถุนายน 2009.
- "M-1 Abrams 105 mm: tanques estocados nos EUA podem interessar ao Brasil?" (ภาษาโปรตุเกส). สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2019.
- "Oportunidade: EUA oferecem ao Brasil tanques, jipes e helicópteros" (ภาษาโปรตุเกส). สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2019.
- . White House. 8 พฤษภาคม 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มกราคม 2020. สืบค้นเมื่อ 26 มิถุนายน 2020.
- "Trump moves to designate Brazil a 'major non-NATO ally'". . 8 พฤษภาคม 2019.
- (ภาษากรีก). Kathimerini. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 กรกฎาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 9 เมษายน 2012.
- Agence France-Presse "Greece Considers Free Tank Offer" เก็บถาวร 31 กรกฎาคม 2012 ที่ . Defense News, 7 ธันวาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2012.
- "Morocco has requested a possible enhancement and refurbishment of 200 M1A1 Abrams tanks". armyrecognition.com. 20 มิถุนายน 2012.
- Peruvian Tank Contenders - Army-Technology.com, 17 พฤษภาคม 2013.
- . AFP. 23 กรกฎาคม 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 มกราคม 2014. สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2012.
- "Thai mulls buying used US tanks". AFP. 23 กรกฎาคม 2012.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
exm1 exbrams xngkvs M1 Abrams epnrththnghlkrunthisamkhxngshrthxemrika chuxmithimacakphlexk xditphubychakarthharsungsudaelaphubychakarkxngthphshrthinsngkhramewiydnamtngaetpi ph s 2511 2515 mnmixawuththidi ekraakhnadhnk aelakhlxngtwtamthithukxxkaebbmaephuxthasngkhramyanekraayukhihm cudednkhuxekhruxngyntknghnaeksthithrngphlng karichekraaphsm aelakarekbkrasunaeyktanghakcakhxngkhxnglukerux epnhnunginrththngthimikhnadihythisudinpracakar dwynahnkekuxb 62 tnexm1 exbramsbthbathrththnghlksychati shrthpracakarph s 2523 pccubnphuichnganduthipraethsphuichngansngkhramsngkhramxaw sngkhramkhxsxwx sngkhramxirk sngkhramxfkanisthanphuxxkaebbikhrselxr diefns pccubnepn ecenrl idnamiks bristhphuphlit ph s 2523 pccubn ph s 2525 2539 mulkha65 21 landxllarshrth exm1ex2 88 92 lan emuxprbkhaengin ph s 2559 canwnthiphlitmakkwa 10800 khnaebbxunduthiruntang nahnk68 3 tnkhwamyawrwmpunthiyunxxkipkhanghna 9 77 emtr twthng 7 93 emtrkhwamkwang3 66 emtrkhwamsung2 44 emtrlukerux4 nay phubngkhbkarrththng phlpun phlbrrcu aelaphlkhb ekraaekraaxarexch aephnehlkpxngknyuereniymxawuthhlkpunihylaklxngekliyw khnad 105 m m exm1 punihypccubnirekliyw khnad 120 m m exm1ex1 exm1ex2 exm1ex2exsxiphi xawuthrxngpunklhnkexm 2 brawning khnad 12 7 m m hnungkrabxk punkl khnad 7 62 m m sxngkrabxk hnungkrabxkbnfakhrxb hnungkrabxkkhangpunhlk ekhruxngyntsi ihaerngkhb 1 500 aerngmakalng nahnk24 5 aerngma tnrabbsngkalngxllisn dioxex exks 1100 3birabbchwnglangthxrchnbarrayahangrahwangtwthngkbphun0 48 emtr exm1 exm1ex1 0 43 emtr exm1ex2 khwamcuechuxephling500 aekllxnphisy465 29 kiolemtrkhwamerwbnthnn 68 72 kiolemtrtxchwomng nxkthnn 40 3 kiolemtrtxchwomng exm1 exbramsidekhapracakarinkxngthphshrthemuxpi ph s 2523 odyekhamaaethnthi xyangirktammnkthanganrwmkbexm60exrunthiidrbkarphthnamatlxdthswrrs sungekhapracakarmatngaetpi ph s 2521 runhlk khxngexm1 misamrundwykn khux exm1 exm1ex1 aelaexm1ex2 odymikarphthnadanxawuth karpxngkn aelarabbiffa karphthnaehlanimiephuxthaihmixayukarichnganthinankhun inpccubnkalngmikarphthnaexm1ex3 mnepnrththngpracybanhlkkhxngkxngthphbkshrthaelaehlanawikoythinshrth rwmthng aelakxngthphbkxirk exm1 exbramscapracakarcnthungkhristthswrrs 2050 praman 70 pihlngcakthiekhapracakarkhrngaerkprawtikarphthna exksexm1 exbramskhnathakarsathitinrthekhnthkkiemuxpi ph s 2552 khwamphyayamkhrngaerkthicaaethnthirththngkhux thiphthnakhundwykarrwmmuxkbeyxrmnitawntkinkhristthswrrs 1960 exmbithi 70 nnepnsingthiihmaelamiaenwkhidhlayxyangsungidphisucnwaimprasbkhwamsaerc phltxmakhuxokhrngkarthukykelikip txmashrthkerimexksexm803 sungimtangxaircakrththngexmbithi 70 aetepnrunthildkhwamsbsxnaelarakhalng sphakhxngekrsidykelikexmbithi 70 ineduxnmkrakhm ph s 2513 aelaexksexm803 ineduxnmithunayn ph s 2515 aelaoxnngbpramanipthiexksexm815 sungtxmaepliynchuxepnexksexm1 exbramstamchuxnayphl tnaebbthuksngmxbinpi ph s 2519 odyikhrselxr diefnsaelaodytidtngxawuthepnpunihy khnad 105 m m thiethiybethakbkhxnglioxphard 2 karxxkaebbikhrselxr diefnsthukeluxkihidrbkarphthnatxipihepnrththngexm1 inpi ph s 2522 kidsuxbristhikhrselxr diefns miexm1 exbramscanwn 3 273 khnthithukphlitxxkmainchwngph s 2522 2528 aelaekhapracakarinkxngthphshrthkhrngaerkemuxpi ph s 2523 mixawuthkhuxpunihyrththng khnad 105 m m thiphlittamibxnuyat runthiidrbkarphthnaephimetimexm1ixphiepidtwinpi ph s 2527 exm1ixphithukichinkarprakwdaekhngkhnrththngsahrbaekhnadaemuxpi ph s 2528 aela 2530 miexm1ex1 exbramspraman 5 000 khnthithukphlitxxkmatngaetpi ph s 2529 2535 aelamicudednthipun khnad 120 m m thiphlitodykhxngeyxrmniephuxichkblioxphard 2 ekraathiaekhngaekrng aelarabbpxngknniwekhliyr ekhmi chiwphaph nchkh pccubnorngnganphlitinoxihoxepnphuphlitexbrams aelakxnhnannemuxpi ph s 2525 2539 phlitthiorngnganinmichiaekn sngkhramxawepxresiy emuxekhapracakarinkhristthswrrs 1980 exbramskekhathahnathirwmkb aelarththngkhxngenothinkarsxmrbmakmayinchwngsngkhrameyn karsxmrbehlaniekidkhuninthangtawntkkhxngyuorp odyechphaaineyxrmntawntk aetkrwmthnginpraethsxun xyangekahliit inkarfukehlanilukeruxkhxngexbramsidphthnathksakhxngphwkekhaephuxichcdkarkbthharaelayuththothpkrnkhxngshphaphosewiyt xyangirktaminpi ph s 2534 shphaphosewiytlmslaylng aelaexbramskphbwithikarichnganintawnxxkklang exbramsyngkhngimidrbkarthdsxbinkarrbcnkrathngthungsngkhramxawinpi ph s 2534 exm1ex1 thnghmd 1 848 khnthuksngekhasaxudixaraebiy exm1ex1nnehnuxchnkwarththngthi 55 aelathi 62 khxngxirkthiphlitodyosewiyt echnediywknkbrththngthi 72 aela thi 72 nnehmuxnkbrththngrunsngxxkthwipkhxngosewiytkhux immiekraaaebbhlaychn aelarabbkhwbkhumkaryingthidxykwa exm1ex1 exbrams cungmiexm1ex1 ephiyng 23 khnethannthiesiyhayrayaernginsngkhramxaw aelamiephiyngkhnediywethannthisuyesiylukeruxip bangkhnidrbkhwamesiyhayelknxy miexbramsephiyngimkikhnthithukstruying aelamiephiyngkhnediywthiidrbkhwamesiyhayxyanghnk exm1ex1 samarthcdkarepahmayidekinraya 2 500 emtr dwyrayanithaihrththngosewiythmdoxkasinptibtikarphayuthaelthray ephraawarayahwngphlkhxngrththngosewiytkhxngxirknntakwa 2 000 emtr rththngkhxngxirkimsamarthyingkhipnawuthtxtanrththngidehmuxnkhxngosewiyt nnhmaykhwamwaexbramssamarthyingisrththngkhxngstruidkxnthiphwknncaekhasurayaying inxubtiehtukaryingisphwkediywknexngekraakhxngpxmpunnnsamarthrxdcakkhxngrththngexm1ex1 xikkhnid imehmuxnkbekraadankhangkhxnglatwkbekraadanhlngkhxngpxmpunsungthukthalayodykaryingcakphwkediywknexngthiichkrasunyuereniymin karphthnainchwngsngkhram exm1ex2 khuxkarphthnakhntxipkhxngexm1ex1 sungmiklxngtrwckarnkhwamrxnkhxngphubngkhbrth Commander Independent Thermal Vision CITV rabbaelkepliynkhxmulphayinaebbdicithl rabbhnacxaeykkhxngphlkhb Driver Independent Display DID rabbexsxiphikhxngexm1ex2 hruxchudesrimrabb System Enhancement Package SEP sungidephimaephnthidicithl khwamsamarthdanexfbisibi2 FBCB2 aelarabbthakhwameynthiidrbkarphthnaephuxihlukeruxxyuinsphaphxunhphumithiehmaasmphrxmkbrabbhlakkhxmphiwetxr karphthnaephimetimyngrwmthngekraaknkrasunyuereniym rabbthithaihrunex1 ehmuxnepnrunihmthnghmd exm1ex1 exixexm chudesrimdicithlsahrbex1 exm1ex1di opraekrmphunthanthithaihthngkhxngkxngthphbkaelanawikoythinshrthethaethiymkn exm1ex1exchsi aelakarphthnadaniffasahrbex2 exm1ex2 exsxiphi exm1ex1 bangkhnidrbkarphthnadanekraain ptibtikarphayuthaelthray aelainbxseniy mnsamarthtidtngekhruxngkwadthunraebididhakcaepn okhrngsrangkhxngexm1 yngepntnaebbihkbyanwiswkrrmrbkrisliaela miexm1 aelaexm1ex1 makkwa 8 800 khnthithukphlitkhunmakhnla 2 35 4 30 landxllarshrth sungkhunxyukbrunnn sngkhramxirk exm1ex1 khnathapharkicladtraewninxirkemuxeduxnphvscikayn ph s 2547 karrbtxmaekidkhuninpi ph s 2546 emuxkxngkalngshrthekhabukxirkaelakhbilphunasddm husesnkhxngxirkxxkcakpraeths emuxthungeduxnminakhm ph s 2548 miexbramspraman 80 khnthiesiyhaycnimsamarththanganidodystru krann inptibtikarbukkimmilukeruxkhxngexbramskhnidthiesiychiwit aemwakarkhrxbkhrxngthiekidkhunphayhlngthaihphwkekhacanwnmakthuksngharodyphlsumyingaelakbraebid khwamsaercthiimsmdulthisudkhxngexm1ex2 khuxkarthalayrththngthi 72 7 khninkarrbrayaiklthidueduxd dwyrayanxykwa 46 emtr iklkbemuxngmahmudiyahsunghangcakaebkaeddipthangit 29 kiolemtr odyfayxemrikaimmikarsuyesiyely nxkcakxawuthkhnadhnkkhxngexbrams lukeruxbangkhnidephimxawuthtxtanrththngphadihldwyehtuphlthiwaphwkekhaxacecxkbrththngkhxngstruinekhtemuxngsungpunihyrththngimsamarthelngid dwybtheriyncakptibtikarphayuthaelthray exbramsaelayanrbxun khxngshrththiichinkarrbcatidtngaephngrabufayephuxpxngknkaryingphwkediywknexng phwkmncathuktidtngbndankhangaeladanthaykhxngpxmpun odyaephngdngklawcamiphaphklxngsimumsungtidtngxyubnaetladankhxngpxmpun exbramsbangkhnkcatidtngthiekbesbiyngephimthidanhlngkhxngpxmpunephuxihlukeruxnnbrrthukkhxngidmakkhun exbramscanwnmakthukthalay echphaakhnthiidrbkhwamesiyhaycnimsamarthekhluxnyayid odyphwkediywknexngephuximihphwkmnthukyud odypktiaelwcaichexbramsxikkhnephuxthalay sungphwkmnmkimkhxythukthalayodyfngtrngkham exbramsswnihymkidrbkhwamesiyhaycakraebid exbramsbangkhnidrbkhwamesiyhaykhnathithharrabfayxirkekhabuk bangkichekhruxngyingcrwdyingekhaisthisayphan danhlng aeladanbn swnrupaebbxunncaepnkarichpunklhnkyingechaiscudsakhy nxkcakniyngmilukeruxkhxngexbramscanwnmakthithuksngharodyphlsumyinginkhnathiphwkekhaophlxxkmacakpxmpun enuxngmacakkhwamesiyepriybkhxngmnemuxxyuinemuxng cungmikarsrangchudxupkrnxyurxdinekhtemuxngkhxngrththnghruxthskh Tank Urban Survival Kit TUSK khunma sungexbramsbangkhnthiichmiaenmonmthicaephimkhwamsamarthinkartxsuinsphaphaewdlxmthiepnemuxng inxnakht thukechuxwacanaekhamarwmkbexbramsinkxngthphshrthsahrbkarrbthiekhmkhnnxykwa emuxtnpi ph s 2533 khntnaebbthuksrangkhunaetokhrngkarkthukykelikip thimi 8 lxthukxxkaebbkhunmainthangediywkn mnidekhasupracakaraelaphbwadxyprasiththiphaph rabbrbinxnakhtkhxngkxngthphshrthtxngkarharththngekhamaaethnthiexbrams aetokhrngkarkthuktdxxkcakngbpramankhxngkrathrwngklaohmshrth exm1ex3 exbramsepnkarxxkaebbinchwngaerk kxngthphshrthtxngkarsrangtnaebbinpi ph s 2557 aelaerimthaihexm1ex3 phrxmekhapracakarinpi ph s 2560 okhrngkaryanrbphakhphundin bisithikhxngkxngthphshrththikalngphthna xacekhamaaethnthiexm1 thnginshrthaelapraethsxunxyangthawr xyangirktam kxngthphklawwaexbramsyngkhngpracakarxyuipcnthungpi ph s 2593karxxkaebbkarpxngkn layphrang imehmuxnkbyanphahnainyukhaerk khxngkxngthphbkshrthinsngkhramolkkhrngthi 2 aelasngkhramewiydnam sungichokhrngsinatalekhiywekhmaelarupdawdwngihy exm1 khnadpun 105 m m inrunphlitaerk nncaichsiekhiywlwnaelaepliynkarichrupdawipepnaetmsidaaethn banghnwycathasirththngthiprakxbdwy 4 si pccubnrththnginphakhsnamthiichsiedimthiepnsiekhiywnnaethbcaimmiaelw exm1ex1 khnadpun 120 m m thiphlitmacakorngngancamaphrxmlayphrang 3 sikhxngenoth khux da ekhiyw aelanatalekhiyw pccubnexm1 aelaexm1ex1 thipracainsngkhramxawcathukthasiepnsinatalthaelthray rththngbangkhncathukthasiihtrngtamkbhnwysngkd exm1ex2 thithukphlitihkbpraethsintawnxxkklangkthasiepnsinatalthaelthrayechnkn exm1 bangrunkalngthukthasiepnsinatalthaelthrayephuxsngekhathahnathiinxirk chinswnxaihl echn lx aephngekraakhang lxefuxng epntn cathukthasiepnsiekhiywlwn sungbangkhrngknaipichkbthngrththngkhnthiepnsiekhiywaelasinatalthaelthray karxaphrangtw swnpxmpunnncamithxyingxyuhkthx phwkmnsamarthsrangkaaephngkhwnhnathithaihstrumxngimehnaemcaichklxngtrwccbkhwamrxnktam nxkcaknimnyngsamarthepliynepnyingchaffthicarbkwnerdaridxikdwy thiekhruxngyntmikartidtngekhruxngsrangkhwnthicaepididodyphlkhb emuxthangan mncaphnechuxephlingtamthxkhxngekhruxngyntcnekidepnkhwnkhunma xyangirktam enuxngmacakkarepliynkarichnamndieslipepnechuxephlingecphi 8 rabbdngklawcungthukpidinrththngswnmak ephraawaecphi 8 cathaihekhruxngyntlukepnifaethnhakphnmniptamthxekhruxngynt rabbkarpxngknaebbechingruk nxkehnuxcakekraathikawhnaaelw exbramsbangkhnkyngtidtngxupkrntxtankhipnawuthexaiw sungmnsamarthrbkwnrabbnawithikhxngkhipnawuthsaylwdaelakhipnawuthtxtanrththngnawithidwywithyu echn khxngrsesiy aelakhipnawuthnawithidwykhwamrxnaelaxinfraerdxun xupkrnnicatidtngxyubnpxmpunhnafapidhxnglukerux mnthaihbangkhnekhaicphidwarththngthitidtngxupkrnnikhuxexm1ex2 ephraawakartidtngchxngsahrbphubychakarrththngintaaehnngediywkn ekraa exbramsnnidrbkarpxngkncakekraathimikarxxkaebbmacakkhxngxngkvs sungmnkhuxkarphthnacakekraaebxrlingtnkhxngxngkvsechnediywkn chxbaehmepnekraaaebbphsmthiekidcakkarsxnwsduthiprakxbdwy ehlkxllxy esramik phlastikphsm aelaekhflar thaihmnmiekraahnathung 1 320 1 620 milliemtrthitanthansarekhmiaelakhwamrxn phrxmekraatanhna 940 960 milliemtr xacmikarnamaichinswnlanghakcaepn inkarrbaebbemuxng aelaekraaaeslththidanthaykhxngrththngephuxpxngknkarocmticak karpxngknsaekdraebidcaichekraaekhflar intxnaerkemuxpi ph s 2530 exm1ex1 idrbkarphthnaipichekraathithanganrwmkbyuereniymsinxayuthicatidtngtrngdanhnakhxngpxmpunaeladanhnakhxngtwthng ekraaaebbnimiprasiththiphaphmakinkarephimaerngtanthantxxawuthtxtanrththngthukrupaebb aetmnktammadwynahnkthiephimkhunxyangmak ephraawayuereniymsinxayunnhnkkwatakwthung 1 7 etha exm1ex1 runaerk thiichekraaaebbnipracakarxyuineyxrmni ephraawaphwkmnkhuxaenwtngrbaerksudtxshphaphosewiyt kxngphnyanekraakhxngshrththithasngkhraminptibtikarphayuthaelthrayidrbkarprbepliynipichekraayuereniymxyangkathnhnkxnerimkarrb exm1ex2 nnichekraaenuxediywthihna 610 milliemtr khwamaekhngaekrngkhxngekraannphx kbrththngpracybanhlkkhxngfngyuorpxyanglioxphard 2 insngkhramxaw rththngexbramsrxdcakkarthukyinghlaykhrnginrayaiklodyrththngaelakhipnawuthtxtanrththngkhxngxirk krasunkhxngexbramsdwyknexngkyngimsamarthecaathaluekraadanhnaaeladankhangidechnkn twxyangthiihehnekidkhunemuxexbramskhnhnungtxngkarthalayexbramsxikkhnthitidhlmaelakhwangthangxyucntxngthingmniw karkhwbkhumkhwamesiyhay inkrnithiexbramsidrbkhwamesiyhaycakkarthukyingekhathiswnhxnglukerux rththngcungidtidtngrabbdbephlingexaiw sungmncathakardbephlingodyxtonmtithnthiemuxekidifihm echuxephlingaelakrasuncathukekbexaiwinswnthihumekraaephuxpxngknlukeruxcakkarraebidkhxngkrasuninrththngemuxrththngthukying xawuth xawuthhlk punlaklxngekliyw exm68ex1 xawuthhlkkhxngexm1 khntnaebbkhuxpunihyrththng thicayingkrasunhlakchnid echn aelakrasuntxtanbukhkhl punaebbnithuksrangcakpun phayitibxnuyatkhxngxngkvs inkhnathimnepnpunthimikhwamnaechuxthuxaelathukichxyangkwangkhwanginpraethsklumenoth aetkmikhwamtxngkarpunthiyingidiklkwa 3 kiolemtrxyangaemnyaephuxcdkarkbekraasmyihm ephuxihidkhwamaemnyainradbnn esnphasunyklangkhxngkrasuncatxngyawmakkhun karthanganindankhwamaemnyaaelakarthaluthalwngekraakhxngexm68ex1 nnethiybidkbkhxngexm256ex1 thung 3 kiolemtr aethakiklkwann krasunkhnad 105 m m casuyesiyphlngclnthiichephuxecaaekraasmyihm punihylaklxngeriyb exm256rththngexm1ex1 exbramskhxngnawikoythinshrth yingekhaistukephuxkhmkaryingcakphukxkarrayin praethsxirk in emuxpi ph s 2547 xawuthhlkkhxngexm1ex1 aelaexm1ex2 khux exm256ex1 khnad 120 m m sungxxkaebbodyinpraethseyxrmni phlitphayitibxnuyatodyinshrthxemrika exm256ex1 epnaebbddaeplngmacakpun thiichkbrththnglioxphard 2 khxngeyxrmn rththnglioxphardnnmihlayrun runsungsudkhux lioxphard 2ex6 thiichpunaexl 55 thiyawkwaaexl 44 exm256ex1 samarthyingkrasunidxyanghlakhlay krasunaebb idthuksrangkhunmaephuxcdkarkbphykhukkhamxyangrththngthi 90 hruxthi 80 khxngosewiytthitidekraaraebidptikiriya nxkcaknimnyngichkrasunraebidaerngsungtxtanrththngxyang sungrunlasud exm830ex1 khxngmncathanganrwmkbchnwnsmphsiffathisbsxnaelasaekdraebid sungthaihmnmiprasiththiphaphkbphahnahumekraa thharrab aelaxakasyanbinta exbramsichkarbrrcukrasundwymux sungsnbsnunphlpracarththngihsamarththahnathixunid echn karsxmbarungaeladaeninkarsngekt fnghlngptibtikarying OP LP krasuntxtanbukhkhl exm1028 khnad 120 m m idthuknamaichhlngcaksinsudkarbukxirkemuxpi ph s 2546 mnbrrcudwylukpraythacakthngsetnkhnad 3 m m canwn 1 098 luk sungcakracayxxkcakpakkrabxkpunehmuxnkbpunluksxng odyihrayasngharthung 600 emtr lukpraythngsetnnnsamarththukichephuxkacdstruinphahna karrbinekhtemuxng kwadlangchxngekha hyudkarocmticakthharrabaelatxbot aelasnbsnunkarocmtikhxngthharrabfayphnthmitr krasundngklawyngmiprasiththiphaphxyangmakinkarsrangchxngbnkaaephngephuxsngthharrabekhaphunthi odyichidikl 75 emtr nxkcakniaelw krasunrunihmxyang exksexm1111 kthukphthnakhunmaechnkn mnepnkrasunaebbnawithiodymirayahwngphlpraman 12 kiolemtraelaichhwrbphlngngancln sungichcrwdkhbekhluxn mnmiaenwonmthicaepnkrasunecaaekraathidithisudkhxngshrth odysamarthecaathaluekraathihna 790 m m id aetidykelikipphrxmkbokhrngkarrabbkarrbxnakht Future Combat System FCS xawuthrxng exm1ex1 kalngyingpunhlk samarthehnpun exm240 idthiehnuxchxngphlbrrcukrasun aelapunkl exm2 thidankhwa rththngexbramsnnmipunklthngsin 3 krabxk idaek punklexm2exchbi khnad 50 12 7 m m sungtidxyuhnachxngkhxngphubychakarrththng inrunexm1 exm1ixphi aelaexm1ex1 punnicaichrabbiffaaelasamarthyingdwyklxngmxng 3 radb odymkeriykwaxawuthpracasthanikhxngphubychakarhruxsidbbliwexs Commander s Weapon Station CWS inrunexm1ex2 aelaexm1ex2exsxiphi punnicatxngyingodylukeruxexng emuxichchudxupkrnthskh rththngcasamarthtidtngpunklexm2exchbihrux bnaethnkhwbkhumid aethnkhwbkhumnicathanganehmuxnkbxawuthpracasthanikhwbkhumrayaikl thiichkbyanphahnatrakul karphthnakhuntxkhux exm1ex1 exbrams xinetxrekrthetd maencemnthhruxexixexm M1A1 Abrams Integrated Management AIM sungmipunkhnad 50 khaliebxrthitidtngklxngcbkhwamrxnaelaxupkrnxun ephuxchwyinkaryingemuxthrrsnawisyimchd khnad 7 62 m m sungtidtngxyuhnachxngphlbrrcukrasun inphaphdankhwa bangkhrngcamikartidtngekraainchwngsngkhramxirk rwmthngklxngmxngklangkhundwyechnkn punkl exm240 khnad 7 62 m m krabxkthisxngnncaxyuthangkhwa khangpunihyhlk mncathukkhwbkhumaelayingodyrabbkhxmphiwetxrechnediywkbpunihyhlk punkl exm2exchbi khnad 12 7 m m krabxkthisxngsamarthtidtngiwehnuxpunihyhlkidechnkn epnxikthangeluxk sahrbkxngthphshrth inrththngcami hrux sungekbexaiwinswnpxmpuninkrnichukechinemuxlukeruxtxngslarththng inkhnaediywknlukeruxexngkcamiepnxawuthpracakay inpccubnlukeruxkhxngkxngthphshrthcamipunelkyawhruxkharbinkhnlahnungkrabxk inptibtikarpldplxyxirklukeruxbangnaycaichcrwdtxsurththngprathbba sahrbcdkarkbyanekraainsphaphaewdlxmthikhbaekhbcnimsamarthichpunihyhlkkhxngexm1 exbramsid karelng rabbklxngelngkhxngrththngexm1 exbramsnn caprakxbipdwy sunyelnghlkkhxngphlying Gunner Primary Sight GPS sungprakxbipdwyklxngelngklangwn klxngelngchnidtrwccbkhwamrxnaelaelesxrwdraya odythngrabbcamirabbrksakarthrngtwxisrainaenwding aelasahrbinrunexm1ex2 sunyelngcarksakarthrngtwxisrathngaenwdingaelaaenwradb sungphubngkhbrthcasamarthtrwckarnphansunyelngkhxngphlyingphanchudthaythxdsunyelng aelasahrbrunexm1ex2 phubngkhbrthcamiklxngtrwckarnkhwamrxnkhxngphubngkhbrth Commander Independent Thermal Vision CITV sahrbtrwckarnrxbthis aelanxkcakni phlyingyngmisunyelngsarxngsahrbichinkrnithisunyelnghlkthukthalay hrux imsamarthichkarid rththngexbramsmikhxmphiwetxrkhanwnkhipnwithithicarwbrwmkhxmulcakhlay aehlng ephuxkhanwn aesdngphl aelathanganrwmkbpccyinkarthanganthngsamxyangkhxngkarying khux mum chnidkrasun aelarayaepahmay pccythngsamcatxngphungpha elesxrharaya esnesxrwdaernglm esnesxrcudsunythwng khxmulkarthanganaelakarekhluxnthikhxngkrasunchnidnn khxmulaenwpakkrabxkpun xunhphumikrasun xunhphumixakas aerngkdxakas rabbxangxingpakkrabxkpun aelaekhruxngwdkhwamerwinkarekhluxnthikhxngepahmay pccythnghmdehlanicathukkhanwnxxkmaepnwithikaryingaelathakarxpedt 30 khrngtxwinathi karxpedtnncaaesdngphlihkbphlpunhruxphubychakar thngphaphpktiaelaphaphkhwamrxn mumaelakrabxkpuncathukepliynihehmaasmodykhxmphiwetxr rabbkhwbkhumkaryingcaichkhxmulehlaniephuxpramwlkaryingihkbphlpun mncaephimoxkasinkaryingthukepahmaythung 95 inrayapkti thngphubychakaraelaphlpunsamarththakaryingpunihyhlkid nxkcakniklxngtrwckarnkhwamrxnkhxngphubngkhbrthkhxngrththngexm1ex2 samarththukichephuxrabutaaehnngepahmayaelasngtxepahmayipyngphlpunephuxthakaryingid inkhnathihaepahmaytxip inkrnithiekidehtukhdkhxnghruxrabbelngidrbkhwamesiyhay xawuthhlkcasamarthelngiddwymux pxmpunaelapunihysamarthprbiddwykhxehwiynghakekidkhwamesiyhaytxrabbihdrxlikhruxrabbkhwbkhumkarying karkhbekhluxn thangyuththwithi nawikoythinshrthkhnakalngbrrcuekhruxngyntaeksethxribn hnniyewll xicithi1500 lngipthidanthaykhxngrththnginkhuewt ph s 2546 exm1 exbramsnnmikhumkalngepnekhruxngyntaeksethxribn excithi 1500 aelarabbsngkalng xllisn exks 1100 3bi sungmikhwamerwhkradbdwykn edinhnasiaelathxyhlngsxng thngsxngxyangnithaihmnsamarththakhwamerwsungsudid 72 kiolemtrtxchwomngbnthnn aela 48 kiolemtrtxchwomngbnphunphiwthwip mnsamarththakhwamerwidekinsmrrthnaepn 97 kiolemtrtxchwomng aetkarwingerwekin 72 kiolemtrtxchwomngcasrangkhwamesiyhayihkbtintakhabaelathaihlukeruxidrbbadecbid mikarsrangthngsarphdpraoychnkhuniwrxbekhruxngynt thngdngklawcasamarthbrrcuidthngnamndiesl namnkad echuxephlingecphi 4 hruxecphi 8 khxngekhruxngbinixphn kxngthphbkshrthichechuxephlingecphi 8 ephuxthaihphlathikarthangthharngaykhun kxngphnyanekraakhxngxxsetreliyichnamndiesl ephraawamnthukkwaaeladuehmaasmkwainthangphlathikarkhxngkxngthphxxsetreliy caksngkhramxirk kxngthphbkshrthcungerimmxnghaekhruxngyntmaaethnthiexcithi 1500 ephraapyhakarichechuxephling ekhruxngyntethxribnnnihkarerngkalngthidikwa aetichechuxephlingmakkwaekhruxngyntdieslthungsxngetha ekhruxngyntethxribnnnminahnkebakwaekhruxngyntdiesl aetkichphunthiaelathngechuxephlingthiihykwa rabbkhbekhluxnkhxngekhruxngyntaeksethxribnnnnaiwickwathnginthangptibtiaelathangthvsdi aetkarphlayechuxephlingthimakkhxngmnthaihklayepnpyhathangesbiyng ekhruxngyntnnphlayechuxephlingmakkwa3 8 litrtxhnungimlaela 45 litrtxchwomngemuximidekhluxnthi lmthimikhwamerwaelakhwamrxnsungethaixphnkhxngekhruxngbincathuksngxxkmacakdanthaykhxngrththng sungthaihthharrabimsamarthtidtamrththngidinkrnithitxngthakarrbinphunthiemuxng nxkcakniekhruxngyntethxribnnnmiesiyngthiebakwaekhruxngyntdiesl thangyuththsastr rththngex1exm1khxngkxngthphbkshrthhlngcakthuklaeliyngxxkcakekhruxngbinsi 17 n thanthphxakasbaldinxirkemuxpi ph s 2547 karekhluxnthithangyuththsastr khuxkhwamsamarthkhxngrththngkhxngkxngkalngtidxawuththicatxngekhasusnamrbidtrngewla miprasiththiphaph aelaphrxmephriyngkn rththngexbramsnncathuklaeliyngdwyekhruxngbinkhnsngsi 5 kaaelkhsihruxsi 17 oklbmasetxr 3 aemwainsngkhramxawepxresiyrththngexbramscanwn 1 848 khnthuklaeliyngodyerux aetdwyenuxthithicakdbnekhruxngbinthngsxngrun si 5 samarthbrrthukrththngexbramsphrxmrbid 2 khn si 17 samarthbrrthukid 1 khn thaihekidpyhainkarlaeliyngrththngxyangmakinchwngaerkkhxngsngkhram nawikoythinkhxngshrthlaeliyngrththngkhxnghnwyechphaakicxakasoythindwyeruxrb odypktiaelweruxbrrthukehlikhxpetxrchnwaspcabrrthukrththngexbrams 4 5 khn phrxmkbhnwynawikoythinsarwcthang odycathakarlaeliyngrththngkhunfngdwyyanykphlkhunbkaebbsaethinnasaethinbkthilahnungkhn nxkcakniaelwrththngexbramsyngsamarththuklaeliyngdwyrthbrrthukrabbkhnsngxupkrnkhnadhnk exm1070 rthbrrthuknisamarthedinthangbnthanghlwng thnnrxng aelaedinthangkhampraethsid odyichphlkhbthnghmd 4 nayinkarkhwbkhumrthbrrthukdngklaw karlaeliyngrththngexbramsekhasusnamrbodytrngthangxakasekidkhunkhrngaerkineduxnemsayn ph s 2546 odyrththngcakkxngthharrabthi 1 khxngshrththuklaeliyngodyekhruxngbinsi 17 cakemuxngrmchitnineyxrmniekhasuthangehnuxkhxngxirk ephuxthakarsnbsnunhnwyechphaakiciwkingruntang aelakarykradbrththngsiexmwi krissliphahnaocmtifaaenwrbthikalngyingsayraebidexksexm1 exfexsxidi epnrunthdsxbkxnkarphlit mirunnithnghmd 11 khnsungthuksrangkhuninchwngph s 2520 2521 phwkmnmixikchuxeriykhnungwaphahnankbin Pilot Vehicle cungthukthasylksndwyxksr PV 1 thung PV 11 exm1 epnrunaerkthiekhasusaykarphlit karphliterimkhuninpi ph s 2522 cnthungpi ph s 2528 rththng 100 khnaerkepnrunkarphlitrayaeriminxtrata hrux LRIP Low Rate Initial Production cungthukeriykwaexksexm1 ephraawaphwkmnthuksrangkhunkxnthirththngdngklawcathukcdwaepnrththngchnexm1 exm1ixphi Improved Performance epnrunthithuksrangephiyngchwngewlasn inpi ph s 2527 kxnthicamikarsrangexm1ex1 runniprakxbdwykarykradbaelakarprbprung echn pxmpunaebbihmthimiekraaswnhnathihnakhun ekraathiedimthimikhwamhna 650 milliemtridthukephimepn 880 milliemtr exm1ex1 epnrunthierimkarphlitinpi ph s 2528 mirabbprbkhwamdnephuxpxngknxawuthniwekhliyr chiwphaph aelaekhmi thiphunthiswndanhlngsahrbekbsmphara ekraaraebidthixxkaebbihm aelapunexm256 khnad 120 milliemtr exm1ex1exchex Heavy Armor epnrunthitidtngswnprakxbekraayuereniymhmdxayurunaerkekhaip rththngbangkhnidtidtngyuereniymrunthisxngekhaip odyeriykrththngehlannwaexm1ex1exchex exm1ex1exchsi Heavy Common epnrunthitidtngswnprakxbekraayuereniymhmdxayurunthisxng mikarkhwbkhumekhruxngyntdwyrabbdicithl aelamikarykradbxikelknxy exm1ex1di Digital epnkarykradbaebbdicithlkhxngexm1ex1exchsi ephuxihmikarphthnaethaethiymkbexm1ex2exsxiphi mikarphlitephiyngsxngkxngphnethann exm1ex1exixexm run 1 Abrams Integrated Management epnokhrngkarthisungrththngrunekathuknamaprbsphaphihepnehmuxnrththngthiimekhythukichnganelyaelaidmikarephimtwesnesxrxinfraerdmxngkhanghnaaelatwcbepahmayrayaiklekhaip rwmthngmiothrsphthrahwangrththngaelathharrab xupkrnkarsuxsarthirwmthngexfbisibi2 aelatwtidtamblufxrs ephuxchwyihphlkhbsamarthrbrutxsthankarniddikhun aelayngmiklxngcbkhwamrxnsahrbpunklkhnad 50 khaliebxrxikdwy bristhecenrlidnamiksidrbsyyacakkxngthphbkshrthihthakarsrangrththngrunnikhunmaxik exm1ex1exixexm run 2 exm1ex1exsex Situational Awareness epnrunthimikarykradbkhlaykbexixexm run 1 thimaphrxmkbswnprakxbekraayuereniymhmdxayurunthi 3 exm1ex1exfxiphi Firepower Enhancement Package epnkarykradbthikhlaykbexixexm run 2 aetsrangihkbnawikoythinshrth exm1ex1ekhwithi Krasnovian Variant Tank epnexm1ex1 thiidrbkarddaeplngphaynxkihdukhlaykbrththngkhxngosewiytephuxichinsunyfukradbchati odymirabbelesxraelaxupkrnhxffaemntidtngxyudwy exm1ex1exm epnrunsahrbsngxxkihkbkxngthphbkxirk exm1ex1exsex Special Armor epnrunthiprbaetngihkbkxngthphbkomrxkokexm1ex2 Baseline epnrunthimikarphliteriminpi ph s 2535 exm1ex2 mikhwamsamarthinkarthaihphubychakarrththngsamarthyingsxngepahmayid odyimtxngthakareluxkepahmaytamladb nxkcakniaelwyngmnyngichswnprakxbekraayuereniymhmdxayurunthisxngxikdwyexm1ex2exsxiphi System Enhancement Package epnrunthiidykradbswnprakxbekraayuereniymhmdxayurunthisamepnkarekhluxbekraadwykraifthexm1ex3 epnrunthixyuinkarphthna odycamitnaebbxxkmaihehninpi ph s 2557 aelacaichnganidcringinpi ph s 2560 karphthnannmithngkarichpunkhnad 120 milliemtrthiminahnkebakwa karephimlxthimirabbknkarsnsaethuxn sayphanthithnthankhun ekraathiebalng xawuthrayaiklthimikhwamaemnya klxngxinfraerd aelatwtrwccbelesxr rabbkhxmphiwetxrphayinaebbihmcathuktidtngekhaip odycaaethnthirabblwddwysaythiepnifebxrxxbtik sungsamarthldnahnkkhxngrththnglngipidthungsxngtnexm1 thithibi Tank Test Bed epnruntnaebbthiichpxmpunirkhn camilukeruxsamkhninaekhpsulhumekraathiswnhnakhxngrththng xawuthhlkkhuxpunkhnad 120 milliemtr punexm256 thixacthukddaeplng aelarabbbrrcukrasunxtonmti siexthithibi epnrunthdlxngthimipunkhnad 140 milliemtr pxmpunhumekraahnk aelatwthngthithukykradbmacakexm1 thwip mnmirabbbrrcukrasunintwpxmpun ekhruxngyntihm aelaxacrwmthngkarykradbxun xik rththngrunniidekhathakarthdsxbinpi ph s 2530 2531 siexthithibiepntwyxcak Component Advanced Technology Test Bed hrux twthdsxbswnprakxbethkhonolyikhnsung exm1siexmwi Combat Mobility Vehicle phahnaekbkwadthunraebidkhwbkhumcakrayaikl exm1 aephnethxr 2 rthsaphancuocmkhnadhnk rabbekbkwadthunraebiddwyibmidaelaswnhmun exm1 aephnethxr 2 phahnaocmtifaaenwrb exm1exbiwi epnrunsahrbkarocmtikhxngnawikoythinshrth mnsrangkhuncakokhrngrthkhxngexm1ex1 rththngrunniidtidtnghlayrabblngip echn phlwkwadthunraebid sayraebidsahrbkwadraebid aelarabbthaekhruxnghmayesnthang nxkcakniyngmiekraathipxngknxawuthkhwamrxnsungxikdwy pxmpunkhxngrththngrunniidthukaethnthidwyekhruxngyingcrwdexmixsiaexlixsithidanhlngaethn punexm2exchbi khnad 50 thukthaihepnpunkhwbkhumdwyriomt aelamiekhruxngyinglukraebidthitidxyuthidankhangkhxngrththngephuxpxngkarocmticakdanhna phahnakusakhumekraa exm1 miephiyngtnaebbephiyngkhnediywethannraylaexiyd exm1 exm1ixphi exm1ex1 exm1ex2 exm1ex2exsxiphipithiphlit ph s 2522 28 ph s 2527 ph s 2529 35 ph s 2535 epntnmakhwamyaw 9 77 emtrkhwamkwang 3 7 emtrkhwamsung 2 37 emtr 2 4 emtrkhwamerwsungsud 72 km chm 66 8 km chm 68 km chm phisy 500 kiolemtr 463 kiolemtr 391 kiolemtr nahnk 55 7 tn 57 tn 61 3 tn 62 1 tn 63 tnxawuthhlklukerux 4 nay phubychakarrththng phlpun phlbrrcu phlkhb hmayehtu rththngthukrunmikalngekhruxngynt 1 500 aerngma xupkrnephimkarxyurxdinekhtemuxng exm1ex2 thitidtngthskh xupkrnephimkarxyurxdinekhtemuxng Tank Urban Survival Kit hrux thskh TUSK epnchudesrimsahrbexm1 exbramsthisrangmaephuxephimprasiththiphaphinkartxsuinsphaphaewdlxmthiepnemuxng snamrbthiepnemuxnghruxmiphunthiaekhbnnepnthithixntraysahrbrththngthukchnid ephraawamiephiyngekraaswnhnakhxngrththngethannthimikhwamaekhngaekrngkwaekraaswnxun sunginekhtemuxng karocmticasamarthmaidcakthukthisthang strusamarthekhaiklrrththnginrayathisamarthocmticudxxnkhxngrththngidngayday hruxxacekhaocmtithiswnbnkhxngrththngid karykradbekraannmithngekraaptikiriyaaerngraebid Explosive Reactive Armor ERA aebbxart ARAT Abrams Reactive Armor thidankhangkhxngrththngaelaekraaaebbtaaekrngthidanhlngephuxpxngknlukraebidkhbekhluxndwycrwdaelahwrbtidraebidaebbxun ekraaissahrbpunaelarabbklxngcbkhwamrxnthuktidtngihkbswnbnkhxngrththngthimipunkl exm240 khnad 7 62 mm tidxyu nxkcakniyngmitidtngrabbkhwbkhumdwyriomtkhxngsebirk kruphephnsahrbpunkhnad 50 khaliebxrthiswnkhxngphubychakarrththng odythiphubychakarimtxngxxkmayingpundwytwexng thidannxkrththngyngmiothrsphthephuxihthharrabthidannxkrththngsamarthtidtxkbphubychakarrththngidxikdwy rabbthskhepnxupkrnthisamarthtidtngkhnaxxkrbid sungmnthaihrththngsamarththukykradbidodyimtxngphungorngsxmbarung ekraaptikiriyaaerngraebidnnxacimcaepnnkephraasthankarnswnihyrththngcatxngekhluxnihwxyuesmxcungepnkaryakthicathukying aetsahrbekraathay ekraasahrbphlbrrcu othrsphthsahrbthharrab aelarabbkhwbkhumxawuthdwyriomtkhxngsebirkhnnepnsingthuktidtngihkbrththngexm1ex2 thukkhnpraethsphuichnganaephnthiolkthiaesdngpraethsthiichrththngexm1 exbramsinsinaenginexm1 exbramskhxngkxngthphbkxiyiptinchwngkarptiwtiinpi ph s 2554exm1ex1exm exbramskhxngkxngthphbkxirkemuxeduxnmkrakhm ph s 2554 yuekhrn kxngthphyuekhrn rthbalshrthcdsngrun M1A2 Abrams ihkxngthphyuekhrncanwn 31 khn ephuxichpxngknpraethscakkarrukrankhxngrsesiy xxsetreliy mirththngrunexm1ex1exixexm 59 khn sngsuxcakshrthemuxpi ph s 2549 ephuxnamaaethnthirththng inpi ph s 2550 xiyipt mirththngexm1ex1 1 005 khnthirwmphlitodyshrthaelaxiyipt nxkcakniyngidsngsuxrththngxik 125 khn xirk kxngthphbkxirk mirththngexm1ex1exm 140 khn epnaebbthithukldradbodyimtidtngekraathimiyuereniymhmdxayulngip xirkekhyechaexm1ex1 22 khncakkxngthphbkshrthemuxpi ph s 2551 rththng 11 khnaerkthuksngihkbkxngthphbkxirkemuxeduxnsinghakhm ph s 2553 rththngthnghmdthuksngmxbineduxnsinghakhm ph s 2554 ineduxntulakhm ph s 2555 miraynganwaxirkidrbrththngephimxikhkkhneriybrxyaelw khuewt mirththngexm1ex2 218 khn epnaebbthithukldradbodyimtidtngekraathimiyuereniymhmdxayulngip omrxkok mi M 1 ichnganxyupraman 222 khn epnrun M1A1 SA saxudixaraebiy mirththngexbrams 373 khn odythnghmdcathukykradbepnexm1ex2exsinsaxudixaraebiy miexm1ex2exs xik 69 khnthithuksngsuxemuxwnthi 8 mkrakhm ph s 2556 odycathakarsnginwnthi 31 krkdakhm ph s 2557 shrth kxngthphbkshrthaelaehlanawikoythinshrthmirththngthnghmdpraman 8 725 khn prakxbdwyrunexm1 exm1ex1 aelaexm1ex2kxngthphbkshrthmiexm1ex2 aelaexm1ex2exsxiphi 1 547 khn miexm1ex1 4 393 khn miexm1 2 000 khn dd dd ehlanawikoythinshrthmiexm1ex1 403 khn dd dd praethsthixaccapracakar brasil enuxngcakbrasilidepnsmachikkhxngklumpraeths phnthmitrhlknxkenoth khxngshrthineduxnkrkdakhm ph s 2562 odyrthbalshrth idesnxrththngexm1ex1 inkhlngihkb canwn 110 thung 130 khn odycaidrbkarprbprungcakinshrth aelacapracakarinthanarththnghlkkhxngbrasilepnrayaewla 20 pi kris shrthidesnxrththngexm1ex1 thiichaelw 400 khnihkbkris aettxnnikhadwaokhrngkarlmipaelwenuxngcakwivktihnisinkris omrxkok rththngexm1ex1 200 khnthukkhxmainpi ph s 2554 hnwyngankhwammnkhngidraynganihkbsphakhxngekrsthrabthungkarsuxkhaythangkarthharkbtangpraethsthiepnipidinkarykradbrththngineduxnmithunayn ph s 2555 karkhaynnprakxbdwykarkhayxupkrnykradbihkbrththngexbrams xyang ekraaphiess karprbprungrththng aelachinswnthiekiywkhxng epru ineduxnphvsphakhm ph s 2556 kxngthphepruidthakarthdsxbrththngthicamaaethnthithi 55 odymiexm1ex1 epnphuidrbkarthdsxbdwy xacmikarsngsuxrththng 120 hrux 170 khn rththngexbramscatxngthdsxbaekhngkbrththngthi 90exs lioxphard 2ex4 ex6 thi 64 aelathi 84 ithwn rthbalithwnkalngphicarnakarsngsuxrththngexm1ex1 thiichaelw 200 khncakshrth ithy kxngthphbkithy rthbalithykalngphicarnakarsngsuxrththngexm1 ex2aelaexm1 ex1thiichaelw 20 khncakshrthxangxingPike John Lima Army Tank Plant LATP Globalsecurity org 21 singhakhm 2005 subkhnemux 9 krkdakhm 2009 Production cost of M1A2 upgraded Department of Defense Annual Report FY99 Abrams fact file U S Army M1 498 km 310 mi M1A1 465 km 288 mi M1A2 391 km 243 mi M1 Abrams Main Battle tank FAS org 14 April 2000 Hunnicutt 1984 pp 6 149 408 R P Hunnicutt Abrams A History of the American Main Battle Tank According to the Army s Office of Deputy Chief of Staff for Operations and Plans 23 Abrams tanks were destroyed or damaged in the Persian Gulf area Of the nine Abrams destroyed seven were due to friendly fire and two were intentionally destroyed to prevent capture after they became disabled Other Abrams tanks were damaged by enemy fire land mines on board fires or to prevent capture after they became disabled From Early performance assessment of Bradleys and Abrams p 24 TAB H Friendly fire Incidents khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 06 01 subkhnemux 2010 03 12 At approximately 4 30 AM on 27 February an anti tank guided missile probably fired from a Bradley struck A 33 in the engine compartment The crew uninjured was evacuating the disabled tank when two DU rounds hit the tank in the left side of the hull and exited through the right side The tank commander driver and gunner sustained injuries from fragments The loader who was already outside the tank was uninjured A 31 crew members assisted in rescuing A 33 s crew Sketch depicting the path of a DU 120 mm round through the hull of Abrams C 12 2009 06 27 thi ewyaebkaemchchin OSD Komarow Steven Tanks take a beating in Iraq USA Today March 29 2005 Conroy Jason amp Martz Ron Heavy Metal A Tank Company s Battle To Baghdad Potomac Books 2005 p 158 Zucchino David Thunder Run The Armored Strike to Capture Baghdad Grove Press 2004 pp 20 30 73 M1A2 Abrams struck by Vehicle Borne IED subkhnemux 18 tulakhm 2009 odythang YouTube Wlhoward com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 17 thnwakhm 2015 subkhnemux 9 mithunayn 2009 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 10 tulakhm 2017 Kris Osborn 26 knyayn 2009 Army looking into lighter Abrams tank ArmyTimes ekbcakaehlngedimemux 21 krkdakhm 2012 subkhnemux 18 minakhm 2010 Dan Lamothe 27 knyayn 2009 New Army tank could mean changes for M1A1 fleet MarineCorpsTimes ekbcakaehlngedimemux 10 knyayn 2012 subkhnemux 18 minakhm 2010 Defense Update com 25 emsayn 2006 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 10 minakhm 2009 subkhnemux 9 mithunayn 2009 US to use depleted uranium BBC News 18 minakhm 2003 subkhnemux 9 mithunayn 2009 Clancy Tom 1994 Armored Cav A Guided Tour of an Armored Cavalry Regiment Berkeley Books ASIN B001U8ZN3A Hilmes Rolf 1 December 2004 Arming Future MBTs Some Considerations Military Technology Monsch 79 ISSN 0722 3226 General Dynamics Awarded 34 Million for M1A1 Abrams Tank Upgrades Press release General Dynamics 5 knyayn 2008 M1A1 M1A2 Main Battle Tank USA 27 knyayn 2005 thi ewyaebkaemchchin Army technology com kampfpanzer de khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 1 mkrakhm 2015 subkhnemux 5 phvscikayn 2014 Heavy duty overhaul under way for Abrams tank engine Accessmylibrary com 1 knyayn 2006 subkhnemux 9 mithunayn 2009 Komarow Steven 9 minakhm 2006 USA Today article USA Today subkhnemux 9 mithunayn 2009 M1070 Heavy Equipment Transporter HET Fact File United States Army Army mil subkhnemux 30 mithunayn 2010 Anderson Jon R 10 emsayn 2003 1st ID task force s tanks deployed to northern Iraq Stars and Stripes subkhnemux 8 mithunayn 2011 M1 Abrams Main Battle Tank Fas org subkhnemux 30 mithunayn 2010 Armor Iraq Getting M 1A1 Tanks Strategypage com 3 singhakhm 2008 subkhnemux 9 mithunayn 2009 PDF dsca mil khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 05 11 subkhnemux 2013 06 03 M1 Abrams Main Battle Tank Federation of American Scientists Army looking into lighter Abrams tank Army Times 28 knyayn 2009 subkhnemux 21 thnwakhm 2010 The Abrams Tank Next Generation About com CATTB data subkhnemux 28 mithunayn 2011 John Pike Grizzly Breacher Globalsecurity org cakaehlngedimemux 6 krkdakhm 2010 subkhnemux 30 mithunayn 2010 John Pike Panther Globalsecurity org subkhnemux 30 mithunayn 2010 John Pike Wolverine Heavy Assault Bridge Globalsecurity org subkhnemux 30 mithunayn 2010 ABV Assault Breacher Vehicle engineer armoured vehicle tank subkhnemux 5 kumphaphnth 2010 Abramson Mark ABVs ready to break Afghan ground 1 kumphaphnth 2010 April Campbell 19 kumphaphnth 2008 Modified M1 A2 Abrams Tanks Improve Safety Precision army mil cakaehlngedimemux 15 phvsphakhm 2013 subkhnemux 22 krkdakhm 2017 Australian National Audit Office report on the DMO project Land 907 Australian National Audit Office khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 17 mkrakhm 2010 subkhnemux 9 mithunayn 2009 M1A1 M1A2 Abrams Main Battle Tank Army Technology subkhnemux 30 mithunayn 2010 PDF dsca mil khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 11 phvsphakhm 2013 subkhnemux 6 mithunayn 2013 Procurement Iraq Buys What It Knows Strategypage com 18 thnwakhm 2008 subkhnemux 9 mithunayn 2009 Iraqi military plans major arms purchase Your Defence News 16 thnwakhm 2008 M1 Abrams Tanks for Iraq Defense Industry Daily 15 minakhm 2009 Agence France Presse 9 singhakhm 2010 Iraq takes delivery of American tanks defencetalk com Iraqi Army receives last shipment of Abrams tanks Army mil 6 knyayn 2011 6 more tanks Defenseindustrydaily com 5 tulakhm 2012 M1 Abrams 13 knyayn 2007 thi ewyaebkaemchchin Militarium net Polish to English translation DefenseIndustryDaily com 4 mkrakhm 2011 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 25 tulakhm 2006 subkhnemux 28 krkdakhm 2011 Saudi Arabia Orders 69 More M1A2S Abrams Heavy Tanks Deagel com 8 mkrakhm 2013 John Pike 27 emsayn 2005 M1 Abrams Main Battle Tank Globalsecurity org subkhnemux 9 mithunayn 2009 M 1 Abrams 105 mm tanques estocados nos EUA podem interessar ao Brasil phasaoprtueks subkhnemux 1 singhakhm 2019 Oportunidade EUA oferecem ao Brasil tanques jipes e helicopteros phasaoprtueks subkhnemux 1 singhakhm 2019 White House 8 phvsphakhm 2019 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 mkrakhm 2020 subkhnemux 26 mithunayn 2020 Trump moves to designate Brazil a major non NATO ally 8 phvsphakhm 2019 phasakrik Kathimerini khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 7 krkdakhm 2012 subkhnemux 9 emsayn 2012 Agence France Presse Greece Considers Free Tank Offer ekbthawr 31 krkdakhm 2012 thi Defense News 7 thnwakhm 2011 subkhnemux 18 emsayn 2012 Morocco has requested a possible enhancement and refurbishment of 200 M1A1 Abrams tanks armyrecognition com 20 mithunayn 2012 Peruvian Tank Contenders Army Technology com 17 phvsphakhm 2013 AFP 23 krkdakhm 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 29 mkrakhm 2014 subkhnemux 23 krkdakhm 2012 Thai mulls buying used US tanks AFP 23 krkdakhm 2012