เวียงเจ็ดลิน (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นเวียง (เมือง) ขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเชียงใหม่ เป็นเวียงที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ล้านนา
คำว่า ลิน หมายถึง รางริน และ คำว่า “เจ็ดลิน” ก็หมายความถึง รางรินทั้งเจ็ด แต่จะหมายถึง มีรางรินอยู่ 7 แห่ง หรือว่า มีรางรินอยู่ทั้งหมด 7 ราง ก็จะต้องค้นหาหลักฐานกันต่อไป แต่บางตำราสันนิษฐานว่าในเวียงดังกล่าว มีแม่น้ำ หรือคลองส่งน้ำจำนวน 7 สาย
ที่ตั้ง
เวียงเจ็ดลิน ในปัจจุบันมีถนนห้วยแก้ว ตัดผ่าน และเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายแห่ง เช่น ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพเชียงใหม่ สวนสัตว์เชียงใหม่ องค์การส่งเสริมการโคนมภาคเหนือ (อสค.) โรงงานผลิตนมของโครงการโคนมไทย–เดนมาร์ก สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ สวนรุกขชาติห้วยแก้ว ศูนย์ราชการกรมปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ เป็นต้น
ลักษณะกายภาพเป็นที่ราบเชิงเขา มีพื้นที่สูงด้านตะวันตกและลาดเทมาทางตะวันออก พื้นที่ด้านตะวันตกสูงกว่าบริเวณอื่นมาก ทำให้ด้านนี้ไม่จำเป็นต้องมีคันดิน ส่วนด้านอื่น ๆ เป็นคันดินสองชั้น มีคูน้ำอยู่ระหว่างกลาง แต่ปัจจุบันบางแห่งถูกทำลายลง แต่คันดินที่สมบูรณ์จะอยู่บริเวณสวนรุกขชาติห้วยแก้ว ส่วนคันดินชั้นนอกถูกทำลายลงไปมากแต่ยังพอเห็นได้ในบางช่วง
รูปร่างของเวียงเจ็ดลิน เป็นรูปวงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 900 เมตร
เวียงเจ็ดลินในตำนาน
ตำนานที่กล่าวถึงการสร้างเวียงเจ็ดลินคือ ตำนานสุวรรณคำแดง และตำนานเชียงใหม่ปางเดิม ที่ได้อธิบายถึงการก่อร่างสร้างเมืองของชนพื้นเมืองในแถบดอยสุเทพ ซึ่งในตำนานย้อนไปถึงเรื่องราวของเจ้าหลวงคำแดง อันเป็นอารักษ์ของเมืองเชียงใหม่ ว่าได้เดินทางตามเนื้อทรายทอง มาถึงดอยสุเทพ และได้มีลูกกับนางผมเฝือและนางสาดกว้าง จากนั้นก็สร้างเมือง “ล้านนา”ให้ลูกได้อยู่จากนั้นก็ได้กลับไปยังดอยหลวงเชียงดาว
เมืองที่เจ้าหลวงคำแดงได้สร้างนั้น ต่อมาได้ล่มเป็นหนองใหญ่ แล้วก็ได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาอีกเมือง ชื่อว่า “เมืองนารัฏฐะ” โดยมีเจ้าเมืองชื่อว่า “มินนราช” สืบมาจนถึงสมัยของ “พระยามุนินทพิชชะ” คนไม่มีศีลไม่มีสัจ เจ้าเมืองขาดคุณธรรม ทำให้อารักษ์และเชนบ้านเชนเมืองไม่พอใจ บันดาลให้เมืองล่มลงเป็นคำรบสอง
ถัดมาก็ไปสร้างเมืองอีกเมืองหนึ่งอยู่ทางตะวันออกของตีนดอยอุสุปัพพตา นามว่า “เวียงเชฏฐบุรี” หรือ “เวียงเจ็ดลิน” ซึ่งขณะนั้นมีทั้งไทยและลัวะอยู่ด้วยกัน ฝ่ายข้างไทย มีพระยาสะเกต เป็นหัวหน้า ฝ่ายลัวะมีพระยาวีวอเป็นหัวหน้า
เวียงเชฏฐปุรีนี้มีผู้ปกครองสืบมา 14 ท้าวพระญา ก็ถูกผีขอกฟ้าตายืน มาล้อมเวียงทำให้ชาวเมืองเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมาก ยามนั้นเจ้ารสี จึงขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากพระยาอินทาธิราช พระยาอินท์จึงให้ชาวลัวะทั้งหลายถือ ศีล 5 ศีล 8 เมื่อนั้นผีทั้งหลายก็ไม่มาเบียดเบียนอีกต่อไป และนอกจากนี้ พระอินทร์ก็ยังให้ลัวะ 9 ตระกูลดูแลรักษา ขุมเงิน ขุมคำ (ทอง) และขุมแก้ว บ้านเมืองเจริญและบ้านเมืองขยายมากขึ้น
จากเวียงเชฏฐปุรีจึงขยายไปสร้างเวียงใหม่อีกสองแห่งคือ “เวียงสวนดอกไม้หลวง” และ “เมืองล้านนานพบุรี” ตามลำดับ สำหรับตำนานจะกล่าวถึงเวียงเจ็ดรินหรือเวียงเชฏฐปุรีเพียงเท่านี้ จากนั้นจะเป็นเรื่องราวของเสาอินทขีลต่อไป
นอกจากตำนานนี้แล้ว เวียงเจ็ดลิน หรือเวียงเชฏฐปุรี ยังกล่าวถึงในตำนานของขุนหลวงวิรังคะ อันเป็นเจ้าแห่งลัวะบริเวณเชิงดอยสุเทพ ที่ทำการสู้รบกับหริภุญไชย ด้วยเหตุที่พระนางจามเทวีไม่ตอบรับจิตปฏิพัทธ์ซ้ำยังดูหมิ่น จึงยกทัพเพื่อจะมาต่อท้ากับเมืองหริภุญไชย แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับสองโอรสฝาแฝดของพระนางจามเทวี
จากเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า เวียงเจ็ดลิน เป็นเมืองที่มีการพัฒนาและเจริญมาในระดับหนึ่งในเชิงดอยสุเทพ และจากตำนานชี้ให้เห็นว่า การตั้งถิ่นฐานของผู้คนในดินแดนนี้มาเนิ่นนานแล้ว
เวียงเจ็ดลินนับจากสมัยพญาสามฝั่งแกน
เวียงเจ็ดลินที่เห็นในปัจจุบันนี้ สร้างในสมัยของพญาสามฝั่งแกน ในปี พ.ศ. 1954 เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันเมืองเชียงใหม่ ในคราวที่ท้าวยี่กุมกามพี่ชาย ได้ชักชวนพญาไสลือไทแห่งสุโขทัย ยกทัพมาตีเชียงใหม่ และมาตั้งทัพอยู่บริเวณเชิงดอยเจ็ดลิน อันเป็นบริเวณเวียงเจ็ดลิน
เมืองเชียงใหม่ จึงทำการตั้งกองทัพ โดยใช้เกวียน 200 เล่มตั้งเรียงรายจากแจ่งหัวลินไปทางเชิงดอยเจ็ดลิน ทำให้พญาไสลือไท มีความเกรงกลัวจึงยกทัพหนีกลับไปยังสุโขทัย ทำให้พญาสามฝั่งแกน เอาเหตุอันที่พญาไสลือไท พ่ายกลับไป จึงสร้างเวียงยังที่ตั้งทัพนั้นเอง การสร้างเวียงเจ็ดลินใช้ผังเมืองเป็นรูปวงกลม เพราะเวลามีข้าศึก จากศูนย์กลางไปยังกำแพงเมืองจะใช้เวลาพอ ๆ กันทุกทิศทาง ทำให้การป้องกันเมืองทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การศึกบริเวณดอยเจ็ดลินครั้งนี้ ทำให้ก่อให้เกิดตำแหน่งขุนนาง หนึ่งในสี่ขุนนางสำคัญ นั่นคือตำแหน่ง “เด็กชาย” นอกเหนือจากตำแหน่ง “สามล้าน – แสนพิงไชย – จ่าบ้าน” ด้วยเหตุที่มีหนุ่มวัย 16 ผู้หนึ่งนาม "เพ็กยส" มีความกล้าหาญไปสอดแนมทัพของท้าวยี่กุมกามและพญาไสลือไท และได้ตัดหัวข้าศึกมาถวาย พญาสามฝั่งแกนจึงให้ตำแหน่งเป็น “เด็กชาย” สืบมาถึงปัจจุบัน
เมื่อพญาสามฝั่งแกนสร้างเวียงเจ็ดลินแล้ว ก็ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อน และได้ประทับที่เวียงนี้มากกว่าที่จะประทับอยู่ในเวียงเชียงใหม่ จนเป็นเหตุให้ท้าวลก ได้ลุกมาชิงอำนาจเป็นพระเจ้าติโลกราชได้
เวียงเจ็ดลินก็ยังมีความสำคัญอยู่เสมอมา ด้วย “น้ำ” ที่เวียงเจ็ดลินนี้ ถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ อนึ่งได้รับน้ำจากดอยสุเทพ และ ศูนย์กลางของเมืองก็ยังเป็นแหล่งน้ำผุด และมีรสชาติโอชา ในสมัยของพญายอดเชียงราย ได้นำน้ำจากเวียงเจ็ดลิน มาทำน้ำอบเพื่อส่งไปเป็นน้ำสรงพระธาตุดอยตุง
ในสมัยของพระมหาเทวีจิระประภา พระไชยราชากษัตริย์แห่งอยุธยา ได้ยกทัพเพื่อที่จะมาตีเมืองเชียงใหม่ แต่ด้วยนโยบายทางการเมืองของพระมหาเทวี จึงได้ผูกไมตรีเป็นพันธมิตรกับพระไชยราชา และได้พาเสด็จมายังเวียงเจ็ดลินนี้ด้วยเช่นกัน
เวียงเจ็ดลินยังมีความสำคัญมาจนถึงสมัยของเจ้าเจ็ดตน ดังสมัยของเจ้าหลวงพุทธวงศ์ (พ.ศ. 2369 – 2389) ก็มาประทับที่เวียงเจ็ดลิน ในระหว่างที่มีเคราะห์ และในระหว่างปี พ.ศ. 2458 – พ.ศ. 2468 เวียงเจ็ดลินก็ใช้เป็นที่ตั้งของ โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ ด้วยเช่นกัน
ข้อสันนิษฐานของวัตถุประสงค์การสร้างเวียงเจ็ดลิน
- เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกที่จะมารุกรานเชียงใหม่ ในสมัยของพญาสามฝั่งแกน ซึ่งอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20
- เพื่อเป็นพระราชวัง ในการแปรพระราชฐานของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ดังหลักฐานในการเสด็จย้ายเคราะห์มาประทับ ณ เวียงเจ็ดลินเป็นระยะนับแต่พญาสามฝั่งแกน (พ.ศ. 1954) ถึงเจ้าหลวงพุทธวงศ์ (พ.ศ. 2369 – 2389)
- เป็นเขตพุทธาวาส ในเวียงเจ็ดลินมีวัดอยู่ทางทิศตะวันตกของเวียง หันหน้าลงสู่ทิศตะวันออกของเวียง ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหมูบุ่น ซึ่งมีเพียงวัดเดียวในเวียงแห่งนี้
- เพื่อการบูชาเทพเจ้า จากหลักฐานที่ค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2525 มีการขุดสระน้ำขึ้นในเวียงเจ็ดลิน พบแท่งศิลากลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 ซม. ความยาว 80 ซม. ส่วนที่พบหักออกจากแท่นเดิมสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นเสาหลักเมือง
- เพื่อเป็นสุสานบรรพบุรุษของชนลัวะ จากหลักฐานที่พบในปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมา ชนลัวะนิยมทำหลุมศพเป็นวงกลมดังเช่นที่อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ และพบว่าบริเวณทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในศูนย์ราชการปศุสัตว์ พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณมากมาย ทั่วบริเวณทุ่งหญ้าเหล่านั้น
- เพื่อเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากที่มาของน้ำทั้ง 7 ลิน ที่ไหลมาจากดอยอุฉุปัพฉบรรพต (ดอยอ้อยช้าง, ดอยสุเทพ) นำมาไว้ในเวียงเจ็ดลิน รวมกับขุนน้ำศักดิ์สิทธิ์ เช่น การสรงมุรธาภิเษก เสด็จขึ้นครองเมืองของกษัตริย์ล้านนา
อ้างอิง
- พลเมืองเหนือ ปีที่ 4 ฉบับที่ 218 ประจำวันที่ 13 – 19 กุมภาพันธ์ 2549 หน้า 33
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ewiyngecdlin ithythinehnux epnewiyng emuxng khnadelk tngxyubriewnechingdxysuethphthangthistawntkechiyngehnuxkhxngemuxngechiyngihm epnewiyngthimikhwamsakhyinprawtisastrlannaphaphthaythangxakaskhxngewiyngecdlin khawa lin hmaythung rangrin aela khawa ecdlin khmaykhwamthung rangrinthngecd aetcahmaythung mirangrinxyu 7 aehng hruxwa mirangrinxyuthnghmd 7 rang kcatxngkhnhahlkthankntxip aetbangtarasnnisthanwainewiyngdngklaw miaemna hruxkhlxngsngnacanwn 7 saythitngewiyngecdlin inpccubnmithnnhwyaekw tdphan aelaepnthitngkhxnghnwynganrachkarhlayaehng echn sunythrrmchatiwithyadxysuethphechlimphraekiyrti mhawithyalyechiyngihm mhawithyalyethkhonolyirachmngkhllanna phakhphayphechiyngihm swnstwechiyngihm xngkhkarsngesrimkarokhnmphakhehnux xskh orngnganphlitnmkhxngokhrngkarokhnmithy ednmark sthanitarwcphuthrphuphingkhrachniewsn swnrukkhchatihwyaekw sunyrachkarkrmpsustwcnghwdechiyngihm sunycahnayphlitphnthsilpachiph epntn lksnakayphaphepnthirabechingekha miphunthisungdantawntkaelaladethmathangtawnxxk phunthidantawntksungkwabriewnxunmak thaihdanniimcaepntxngmikhndin swndanxun epnkhndinsxngchn mikhunaxyurahwangklang aetpccubnbangaehngthukthalaylng aetkhndinthismburncaxyubriewnswnrukkhchatihwyaekw swnkhndinchnnxkthukthalaylngipmakaetyngphxehnidinbangchwng ruprangkhxngewiyngecdlin epnrupwngklm miesnphansunyklangpraman 900 emtrewiyngecdlinintanantananthiklawthungkarsrangewiyngecdlinkhux tanansuwrrnkhaaedng aelatananechiyngihmpangedim thiidxthibaythungkarkxrangsrangemuxngkhxngchnphunemuxnginaethbdxysuethph sungintananyxnipthungeruxngrawkhxngecahlwngkhaaedng xnepnxarkskhxngemuxngechiyngihm waidedinthangtamenuxthraythxng mathungdxysuethph aelaidmilukkbnangphmefuxaelanangsadkwang caknnksrangemuxng lanna ihlukidxyucaknnkidklbipyngdxyhlwngechiyngdaw emuxngthiecahlwngkhaaedngidsrangnn txmaidlmepnhnxngihy aelwkidsrangemuxngihmkhunmaxikemuxng chuxwa emuxngnarttha odymiecaemuxngchuxwa minnrach submacnthungsmykhxng phrayamuninthphichcha khnimmisilimmisc ecaemuxngkhadkhunthrrm thaihxarksaelaechnbanechnemuxngimphxic bndalihemuxnglmlngepnkharbsxng thdmakipsrangemuxngxikemuxnghnungxyuthangtawnxxkkhxngtindxyxusupphphta namwa ewiyngechtthburi hrux ewiyngecdlin sungkhnannmithngithyaelalwaxyudwykn faykhangithy miphrayasaekt epnhwhna faylwamiphrayawiwxepnhwhna ewiyngechtthpurinimiphupkkhrxngsubma 14 thawphraya kthukphikhxkfatayun malxmewiyngthaihchawemuxngeduxdenuxrxnicepnxnmak yamnnecarsi cungkhunipkhxkhwamchwyehluxcakphrayaxinthathirach phrayaxinthcungihchawlwathnghlaythux sil 5 sil 8 emuxnnphithnghlaykimmaebiydebiynxiktxip aelanxkcakni phraxinthrkyngihlwa 9 trakulduaelrksa khumengin khumkha thxng aelakhumaekw banemuxngecriyaelabanemuxngkhyaymakkhun cakewiyngechtthpuricungkhyayipsrangewiyngihmxiksxngaehngkhux ewiyngswndxkimhlwng aela emuxnglannanphburi tamladb sahrbtanancaklawthungewiyngecdrinhruxewiyngechtthpuriephiyngethani caknncaepneruxngrawkhxngesaxinthkhiltxip nxkcaktananniaelw ewiyngecdlin hruxewiyngechtthpuri yngklawthungintanankhxngkhunhlwngwirngkha xnepnecaaehnglwabriewnechingdxysuethph thithakarsurbkbhriphuyichy dwyehtuthiphranangcamethwiimtxbrbcitptiphththsayngduhmin cungykthphephuxcamatxthakbemuxnghriphuyichy aetsudthaykphayihkbsxngoxrsfaaefdkhxngphranangcamethwi cakeruxngnichiihehnwa ewiyngecdlin epnemuxngthimikarphthnaaelaecriymainradbhnunginechingdxysuethph aelacaktananchiihehnwa kartngthinthankhxngphukhnindinaednnimaeninnanaelw ewiyngecdlinnbcaksmyphyasamfngaekn ewiyngecdlinthiehninpccubnni sranginsmykhxngphyasamfngaekn inpi ph s 1954 ephuxepnpxmprakarpxngknemuxngechiyngihm inkhrawthithawyikumkamphichay idchkchwnphyaisluxithaehngsuokhthy ykthphmatiechiyngihm aelamatngthphxyubriewnechingdxyecdlin xnepnbriewnewiyngecdlin emuxngechiyngihm cungthakartngkxngthph odyichekwiyn 200 elmtngeriyngraycakaecnghwlinipthangechingdxyecdlin thaihphyaisluxith mikhwamekrngklwcungykthphhniklbipyngsuokhthy thaihphyasamfngaekn exaehtuxnthiphyaisluxith phayklbip cungsrangewiyngyngthitngthphnnexng karsrangewiyngecdlinichphngemuxngepnrupwngklm ephraaewlamikhasuk caksunyklangipyngkaaephngemuxngcaichewlaphx knthukthisthang thaihkarpxngknemuxngthaidsadwkyingkhun nxkcakni karsukbriewndxyecdlinkhrngni thaihkxihekidtaaehnngkhunnang hnunginsikhunnangsakhy nnkhuxtaaehnng edkchay nxkehnuxcaktaaehnng samlan aesnphingichy caban dwyehtuthimihnumwy 16 phuhnungnam ephkys mikhwamklahayipsxdaenmthphkhxngthawyikumkamaelaphyaisluxith aelaidtdhwkhasukmathway phyasamfngaekncungihtaaehnngepn edkchay submathungpccubn emuxphyasamfngaeknsrangewiyngecdlinaelw kichepnthiprathbphkphxn aelaidprathbthiewiyngnimakkwathicaprathbxyuinewiyngechiyngihm cnepnehtuihthawlk idlukmachingxanacepnphraecatiolkrachid ewiyngecdlinkyngmikhwamsakhyxyuesmxma dwy na thiewiyngecdlinni thuxwaepnnaskdisiththi xnungidrbnacakdxysuethph aela sunyklangkhxngemuxngkyngepnaehlngnaphud aelamirschatioxcha insmykhxngphyayxdechiyngray idnanacakewiyngecdlin mathanaxbephuxsngipepnnasrngphrathatudxytung insmykhxngphramhaethwiciraprapha phraichyrachakstriyaehngxyuthya idykthphephuxthicamatiemuxngechiyngihm aetdwynoybaythangkaremuxngkhxngphramhaethwi cungidphukimtriepnphnthmitrkbphraichyracha aelaidphaesdcmayngewiyngecdlinnidwyechnkn ewiyngecdlinyngmikhwamsakhymacnthungsmykhxngecaecdtn dngsmykhxngecahlwngphuththwngs ph s 2369 2389 kmaprathbthiewiyngecdlin inrahwangthimiekhraah aelainrahwangpi ph s 2458 ph s 2468 ewiyngecdlinkichepnthitngkhxng orngeriynmhadelkhlwngechiyngihmdwyechnknkhxsnnisthankhxngwtthuprasngkhkarsrangewiyngecdlinephuxepnpxmprakarpxngknkhasukthicamarukranechiyngihm insmykhxngphyasamfngaekn sungxyuinrawphuththstwrrsthi 20 ephuxepnphrarachwng inkaraeprphrarachthankhxngecaphukhrxngnkhrechiyngihm dnghlkthaninkaresdcyayekhraahmaprathb n ewiyngecdlinepnrayanbaetphyasamfngaekn ph s 1954 thungecahlwngphuththwngs ph s 2369 2389 epnekhtphuththawas inewiyngecdlinmiwdxyuthangthistawntkkhxngewiyng hnhnalngsuthistawnxxkkhxngewiyng chawbaneriykknwa wdhmubun sungmiephiyngwdediywinewiyngaehngni ephuxkarbuchaethpheca cakhlkthanthikhnphbemuxpramanpi ph s 2525 mikarkhudsranakhuninewiyngecdlin phbaethngsilaklmkhnadesnphansunyklang 30 sm khwamyaw 80 sm swnthiphbhkxxkcakaethnedimsnnisthanebuxngtnwaepnesahlkemuxng ephuxepnsusanbrrphburuskhxngchnlwa cakhlkthanthiphbinpccubnaelaxditthiphanma chnlwaniymthahlumsphepnwngklmdngechnthixaephxaemwang cnghwdechiyngihm aelaphbwabriewnthunghyaeliyngstwinsunyrachkarpsustw phbokhrngkradukmnusyobranmakmay thwbriewnthunghyaehlann ephuxekbnaskdisiththi cakthimakhxngnathng 7 lin thiihlmacakdxyxuchupphchbrrpht dxyxxychang dxysuethph namaiwinewiyngecdlin rwmkbkhunnaskdisiththi echn karsrngmurthaphiesk esdckhunkhrxngemuxngkhxngkstriylannaxangxingphlemuxngehnux pithi 4 chbbthi 218 pracawnthi 13 19 kumphaphnth 2549 hna 33