เวียงกุมกาม (ไทยถิ่นเหนือ: เวียงกุ๋มก๋าม) เป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา ที่พญามังรายโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 โดยโปรดให้ขุดคูเวียงทั้ง 4 ด้าน ไขน้ำแม่ปิงให้ขังไว้ ในคูเมืองโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในเวียงกุมกามและใกล้เคียง เป็นเวียง (เมือง) ทดลองที่สร้างขึ้น ก่อนที่จะมาเป็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีระยะห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร
ประวัติ
การสถาปนา
หลังจากที่พญามังรายได้ปกครองและพำนักอยู่ในนครหริภุญชัย (ลำพูน) อยู่ 2 ปี พระองค์ทรงศึกษาสิ่งหลาย ๆ อย่าง และมีพระราชดำริที่จะลองสร้างเมืองขึ้น เมืองนั้นก็คือ เวียงกุมกาม แต่พระองค์ก็ทรงสร้างไม่สำเร็จ เพราะเวียงนั้นมีน้ำท่วมอยู่ทุกปี จนพญามังรายจึงทรงต้องไปปรึกษาพระสหาย คือพ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัย และพญางำเมืองแห่งอาณาจักรพะเยา หลังจากทรงปรึกษากันแล้วจึงทรงตัดสินใจไปหาที่สร้างเมืองใหม่ ในที่สุดจึงได้พื้นที่นครพิงค์เชียงใหม่เป็นเมืองใหม่ และ เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรล้านนาต่อมา จึงสรุปได้ว่าเวียงกุมกามนั้น เป็นเมืองที่ทดลองสร้าง[]
การล่มสลาย
เวียงกุมกามล่มสลายลงเพราะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ โดยช่วงเวลานี้อยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2101 - 2317 ซึ่งตรงกับสมัยพม่าปกครองล้านนา พม่าปกครองล้านนาเป็นเวลาสองร้อยกว่าปี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงเวียงกุมกามทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่นี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากและสมควรที่จะบันทึกไว้ แต่ก็ไม่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ใดเลย ผลของการเกิดน้ำท่วมนี้ทำให้เวียงกุมกามถูกฝังจมลงอยู่ใต้ตะกอนดินจนยากที่จะฟื้นฟูกลับมา สภาพวัดต่าง ๆ และโบราณสถานที่สำคัญเหลือเพียงซากวิหารและเจดีย์ร้างที่จมอยู่ดินในระดับความลึกจากพื้นดินลงไปประมาณ 1.50 -2.00 เมตร โดยวัดที่จมดินลึกที่สุดคือวัดอีค่าง รองลงมาคือ วัดปู่เปี้ย และวัดกู่ป่าด้อม
การขุดค้นพบ
ใน พ.ศ. 2527 เรื่องราวของเวียงกุมกามก็เริ่มเป็นที่สนใจของนักวิชาการ และประชาชนทั่วไป ทำให้หน่วยศิลปากรที่ 4 ขุดแต่งบูรณะวัดร้าง (ขุดแต่งวิหารกานโถม ณ วัดช้างค้ำ) และบริเวณโดยรอบเวียงกุมกามอย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ศ. 2545 ปัจจุบันเวียงกุมกามก็ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เพราะเห็นว่าเวียงกุมกามมีความสมบูรณ์ และเป็นแหล่งความรู้การศึกษาในแบบของเรื่องราวทางสถาปัตยกรรมและ ศิลปกรรมตลอดจนวัฒนธรรมล้านนาต่าง ๆ โดยศูนย์กลางของการนำเที่ยวชมโบราณสถานต่าง ๆ ในเขตเวียงกุมกามอยู่ที่วัดช้างค้ำ
ที่ตั้ง และ ลักษณะ
เวียงกุมกามมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีความยาวประมาณ 850 เมตร ไปตามแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และกว้างประมาณ 600 เมตร ตัวเมืองยาวไปตามลำน้ำปิงสายเดิมที่เคยไหลไปทางด้านทิศตะวันออกของเมือง ดังนั้นในสมัยโบราณตัวเวียงกุมกามจะตั้งอยู่บนฝั่งทิศตะวันตกหรือฝั่งเดียวกับเมืองเชียงใหม่ แต่เชื่อกันว่าเนื่องจากกระแสของแม่น้ำปิงเปลี่ยนทิศทาง จึงทำให้เวียงกุมกามเปลี่ยนมาตั้งอยู่ทางฝั่งด้านตะวันออกของแม่น้ำดั่งเช่นปัจจุบัน
ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงกระแสน้ำดังกล่าวคาดว่าน่าจะอยู่ระหว่าง การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำครั้งนั้น ทำให้เกิดน้ำท่วมเวียงกุมกามครั้งใหญ่จนเวียงกุมกามล่มสลาย และวัดวาอารามจมอยู่ใต้ดินทราย จนกลายเป็นเมืองร้างไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า อีกหนึ่งสมมติฐานที่เวียงกุมกามถูกทิ้งร้างนั้นอาจเป็นได้ว่าเกิดสงครามระหว่างไทยกับพม่าทำให้ผู้คนหลบหนีออกจากเมืองไปก็เป็นได้
ปัจจุบันเวียงกุมกามอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ ประมาณ ก.ม. 3-4 ถนนเชียงใหม่-ลำพูน ด้านขวามือ ในเขตตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี และอยู่ใกล้ฝั่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง
สภาพทั่วไปทางภูมิศาสตร์ของเวียงกุมกามตั้งอยู่บริเวณแอ่งที่ราบเชียงใหม่-ลำพูน มีแม่น้ำปิงเป็นแม่น้ำสายสำคัญ โดยมีต้นน้ำอยู่ที่ดอยถ้วย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณแอ่งที่ราบแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ราบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนบน เป็นที่ราบระหว่างภูเขา มีอาณาบริเวณครอบคลุมเขตจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนรวม 13 อำเภอ (โดย 10 อำเภออยู่ในจังหวัดเชียงใหม่คือ แม่แตง แม่ริม สันทราย ดอยสะเก็ด สันกำแพง เมือง สารภี หางดง สันป่าตอง และจอมทอง และอีก 3 อำเภออยู่ในจังหวัดลำพูนคือ เมือง (ลำพูน) ป่าซาง และบ้านโฮ่ง) โดยมีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 940,000 ไร่
สถานที่สำคัญ
จากการสำรวจพบว่ามีอยู่มากกว่า 40 แห่ง ทั้งที่เป็น ซากโบราณสถาน และเป็นวัดที่มีพระสงฆ์โบราณสถานที่สำคัญ ได้ แก่วัดเจดีย์เหลี่ยม วัดช้างค้ำและซากเจดีย์วัดกุมกาม วัดน้อย วัดปู่เปี้ย วัดธาตุขาว วัดอีค่างซึ่งรูปแบบทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมนี้ มีทั้งแบบรุ่นเก่าและสมัยเชียงใหม่ รุ่งเรืองปะปนกันไป โดยเฉพาะที่วัดธาตุขาวนั้น มีเรื่องเล่าของว่าพระมเหสีของพญามังรายได้มาบวชชีและสิ้นพระชนม์ที่นี่ด้วย สาเหตุก็คือพญามังรายได้มีพระมเหสีพระองค์ใหม่ เมื่อครั้งยกทัพไปตีพม่า พม่ายอมสวามิภักดิ์และถวายพระนางพายโคมาเป็นมเหสี แต่สิ่งนี้ทำให้พระนางทรงเสียพระทัยมาก เนื่องจากพระนาง และพญามังรายได้เคยสาบานกันในขณะที่พำนักอยู่ในเมืองเชียงแสนว่าจะมีมเหสีเพียงแค่พระองค์เดียว พระนางจึงเสียพระทัยมาก จึงตัดสินใจไปบวชชี และ ยังมีเรื่องอีกว่า สาเหตุที่พญามังรายสวรรคตอสนีบาตในระหว่างที่เสด็จไปตลาดนั้น ก็เพราะสาเหตุนี้
โบราณสถาน
หลังจากที่หน่วยกรมศิลปากรที่ 4 เชียงใหม่ได้ไปทำการขุดค้นหาซากเมืองและโบราณสถานเพิ่มเติม ก็ได้ค้นพบเจอวัดต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้พื้นดินเป็นจำนวนหลายวัดอีกดังต่อไปนี้
- วัดกานโถม (ช้างค้ำ) พญามังรายได้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1833 ประกอบด้วยฐานเจดีย์ฐานกว้าง 12 เมตร สูง 18 เมตร มีซุ้มคูหาสี่ทิศ มีการใช้พระพุทธรูปซ้อนเป็น 2 ชั้น (ชั้นล่าง-มีพระพุทธรูปนั่ง 4 องค์ ชั้นบน-มีพระพุทธรูปยืน 2 องค์) วิหารและเจดีย์ทรงมณฑปบนฐานลานประทักษิณเตี้ย บริเวณฐานวิหารพบพระพิมพ์ดินเผาแบบหริภุญไชยฝังไว้โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีเจดีย์อีก 1 องค์ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมณฑปยอดระฆัง ในบริเวณวัดกานโถมยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ได้อัญเชิญเมล็ดจากเมืองลังกามาไว้ด้วย
- วัดปู่เปี้ย ถือเป็นวัดที่มีความงดงามแห่งหนึ่งในเวียงกุมกาม รูปแบบผังการสร้างวัด และ รูปแบบเจดีย์ประธานมณฑปมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ โบราณสถานประกอบด้วยวิหารสร้างยกพื้นสูง เจดีย์ อุโบสถ ศาลผีเสื้อ และแท่นบูชา พร้อมทั้งมีลวดลายปูนปั้นประดับเจดีย์ที่สวยงามมาก
- วัดเจดีย์เหลี่ยม (วัดกู่คำ) แต่เดิมวัดนี้ชื่อวัดกู่คำ กู่ หมายถึง พระเจดีย์ คำ หมายถึง ทองคำ พญามังรายโปรดให้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1831 โบราณวัตถุที่สำคัญของวัดคือ องค์พระเจดีย์ประธานรูปทรงมณฑปปลด 5 ชั้น วัดนี้มีความโดดเด่นคือ เป็นวัดที่กษัตริย์สร้าง และมีรูปแบบเจดีย์ที่แสดงถึงอิทธิพลรูปแบบของรัฐหริภุญไชย โดยที่พญามังรายโปรดให้เอามาก่อสร้างไว้ในเวียงกุมกามระยะแรก ๆ
- วัดอีก้าง (วัดอีค่าง) ที่เรียกว่าวัดอีค่างหรืออีก้างนั้นเพราะเดิมบริเวณวัดเป็นป่ารกร้างและมีฝูงลิงฝูงค่างใช้ซากวัดแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งค่างในภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “อีก้าง” โบราณสถานประกอบด้วยวิหารและเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน วิหารมีขนาดใหญ่ 20 × 13.50 เมตร เจดีย์เป็นแบบองค์ระฆังทรงกลม
- วัดพระธาตุขาว (วัดธาตุขาว) ที่เรียกกันว่าวัดธาตุขาวเนื่องมาจากแต่เดิมนั้นตัวเจดีย์ยังคงปรากฏผิวฉาบปูนสีขาวนั่นเอง โบราณสถานประกอบด้วยวิหาร เจดีย์ อุโบสถ และมณฑป โดยมีการก่อสร้างขึ้นมา 2 ระยะคือ ระยะแรกก่อสร้างเพียงเจดีย์ วิหาร อุโบสถ แต่ต่อมาเกิดการชำรุดจึงต่อเติมฐานเจดีย์ให้ใหญ่ขึ้น ระยะที่สองมีการก่อสร้างมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป
- วัดพระเจ้าองค์ดำ ตั้งอยู่ภายในเวียงกุมกาม โดยอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก่อนมีการขุดแต่งนั้นเป็นสวนลำไย มีพื้นที่เป็นเนินดิน 2 แห่ง ชาวบ้านเรียกว่า เนินพญามังราย และเนินพระเจ้าดำ และสันนิษฐานว่าที่เรียกวัดพระเจ้าองค์ดำนี้ เพราะวัดแห่งนี้เคยมีพระพุทธรูปสีดำประดิษฐานอยู่ โบราณสถานที่พบส่วนใหญ่เป็นวิหารหลายหลัง มีซุ้มประตูโขงและแนวกำแพง ถัดจากซุ้มโขงเข้ามามีวิหารและเจดีย์
- วัดพญามังราย ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับวัดพระเจ้าองค์ดำทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อวัดพญามังรายนี้เป็นชื่อเรียกที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดยกรมศิลปากร เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของวัดนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากการที่เห็นว่าตั้งอยู่ใกล้วัดพระเจ้าองค์ดำมากที่สุดจนดูเหมือนเป็นวัดเดียวกัน เอกลักษณ์ของวัดนี้อยู่ที่การสร้างพระวิหารที่ไม่มีทางขึ้นลงหลักไว้ที่ด้านหน้า แต่สร้างไว้ที่ด้านซ้าย (กรณีที่หันหน้าไปทางหน้าวัด) ในส่วนพระเจดีย์พบร่องรอยการตกแต่งปูนปั้นลายช่องกระจกสอดไส้
- วัดหัวหนอง ตั้งอยู่ภายในเวียงกุมกามใกล้กับกำแพงเมืองทางด้านเหนือ ภายในประกอบด้วยซุ้มโขงประตูใหญ่ อุโบสถ มณฑป วิหารและเจดีย์ มีลวดลายปูนปั้นประดับซุ้มประตูวัดเป็นรูปกิเลน สิงห์ หงส์ที่มีความงดงาม
- วัดกุมกาม ตั้งอยู่ภายในเวียงกุมกามด้านทิศเหนือของวัดกานโถม สิ่งก่อสร้างภายในวัดประกอบด้วยวิหารพร้อมห้องมูลคันธกุฏี และเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม
- วัดน้อย (วัดธาตุน้อย) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดกานโถม ก่อนการขุดแต่งเป็นเนินดินสองแห่ง มีชาวบ้านเข้ามาปลูกบ้านอาศัยบนโบราณสถานแห่งนี้ และยังพบร่องรอยกสารขุดหาทรัพย์สินด้วย โบราณสถานประกอบด้วยวิหารและเจดีย์ วิหารตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีบันไดทางขึ้นด้านหน้าและด้านข้าง 1 แห่ง พื้นวิหารปูอิฐ ด้านหลังวิหารเป็นซุ้มประดิษฐานพระประธานปูนปั้น เจดีย์มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 13.35 × 13.35 เมตร สูง 1.64 เมตร ต่อขึ้นไปเป็นองค์เจดีย์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 6.20 × 6.20 เมตร ลักษณะเจดีย์มีฐานใหญ่แต่องค์เจดีย์เล็ก
- วัดไม้ซ้ง ตั้งอยู่มุมตะวันออกเฉียงใต้ภายในเวียงกุมกาม บริเวณรอบวัดเป็นทุ่งนา สถาพก่อนการขุดแต่งเป็นเนินดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีต้นไม้ใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกว่าไม้ซ้งอยู่ (เป็นที่มาของชื่อวัด) โบราณสถาน ประกอบด้วยวิหารเจดีย์แปดเหลี่ยม และฐานซุ้มประตูโขงพร้อมกำแพง
- วัดกู่ขาว ตั้งอยู่ริมถนนเชียงใหม่-ลำพูน ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สภาพรอบ ๆ วัดก่อนการขุดแต่งพบเจดีย์มีความสูงประมาณ 5 เมตร และรอบ ๆ องค์เจดีย์เป็นเนินดิน หลังจากขุดลอกดินที่ทับถมอยู่ได้พบโบราณสถาน 3 แห่งคือ กำแพงแก้วและซุ้มประตูอยู่หลังเจดีย์, เจดีย์ประธานเป็นศิลปะล้านนา เรือนธาตุมีลักษณะสูงก่อทึบตันทั้ง 4 ด้าน (ไม่ทำซุ้มพระ) ส่วนยอดเจดีย์เป็นฐานบัวแปดเหลี่ยมรองรับองค์ระฆัง และวิหารที่มีมุมฐานบัวลูกแก้ว ฐานชุกชีเดิม และลายกลีบบัว
- วัดกู่ป่าด้อม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้นอกเวียงกุมกาม ชื่อของวัดนี้ได้ตั้งชื่อตามเจ้าของที่ดิน โบราณสถานของวัดมีขนาดใหญ่ประกอบด้วย วิหารฐานใหญ่ มีบันไดทางขึ้นวิหาร มีราวบันไดด้านปลายเป็นรูปตัวเหงา ส่วนเจดีย์เหลือเพียงฐานเท่านั้น มีกำแพงแก้วก่อล้อมรอบโบราณสถาน กำแพงแก้วด้านหน้าทางเข้าวิหารมีซุ้มโขง วัดแห่งนี้มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21-22
- วัดโบสถ์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกนอกเวียงกุมกาม โบราณสถานประกอบด้วยวิหารซึ่งเหลือเพียงฐาน และเจดีย์มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
- วัดกู่อ้ายหลาน เป็นวัดขนาดเล็กตั้งอยู่ทางด้านเหนือของเวียงกุมกาม ชื่อวัดเรียกตามเจ้าของที่ที่ชื่ออ้ายหลาน โบราณาสถานประกอบด้วยวิหารที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เจดีย์ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แท่นบูชา กำแพงแก้ว และซุ้มประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก
- วัดกู่อ้ายสี เป็นวัดขนาดเล็ก โบราณสถานประกอบด้วย วิหาร เจดีย์ ซึ่งเหลือเพียงฐาน และแท่นบูชา
- วัดกู่มะเกลือ ตั้งอยู่ภายในเวียงกุมกามด้านทิศตะวันออก เรียกชื่อวัดตามชื่อต้นไม้ที่ขึ้นบนโบราณสถาน หลังจากทำการขุดลอกดินออกแล้ว พบเจดีย์และวิหารตั้งอยู่บนฐานเดียวกันและหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
- วัดกู่ลิดไม้ ตั้งอยู่ภายในเวียงกุมกามด้านใต้ วัดนี้เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรีกกันเนื่องจากมีต้นเพกา (ต้นลิดไม้) ขึ้นอยู่บนเนินวัด โบราณสถานประกอบด้วยวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เจดีย์ด้านหลังวิหารเหลือเพียงฐาน และเจดีย์รูปแปดเหลี่ยม มีซุ้มประตูโขงและกำแพงแก้ว
- วัดกู่จ๊อกป๊อก ตั้งอยู่นอกกำแพงเวียงกุมกามทางทิศตะวันออกฉียงใต้ โบราณสถานประกอบด้วยวิหารและเจดีย์ ซึ่งเหลือเพียงฐาน
- วัดหนานช้าง ตั้งตามชื่อเจ้าของที่ดิน ด้านหน้าของวัดอยู่ใกล้แม่น้ำปิง ซุ้มโขงมีลายปูนปั้นประดับเล็กน้อย ถัดจากซุ้มโขงลงไปมีทางเดินและมีวิหาร ซึ่งที่ฐานพระประธานมีลายปูนปั้น ด้านหลังวิหารมีเจดีย์ฐานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกันสองชั้น เรือนธาตุได้พังเสียหายไปแล้ว เยื้องกับเจดีย์เป็นมณฑป ถัดไปเป็นอุโบสถ
- วัดเสาหิน ตั้งอยู่เขตท้องที่ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานที่บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงเรื่องราวของวัดนี้ในอดีต
- วัดหนองผึ้ง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกถนนเชียงใหม่-ลำพูน ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เดิมเป็นวัดในสมัยเวียงกุมกาม-เชียงใหม่ หรือบางทีอาจจะมีสภาพเป็นวัดดั้งเดิมอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่สมัยหริภุญไชย มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณวัตถุประเภทพิมพ์แบบลำพูน สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้คือ วิหารพระนอน เป็นองค์พระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์ขนาดยาว 38 ศอก (39 เมตร)
- วัดศรีบุญเรือง ตั้งอยู่เขตตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่ได้รับการฟื้นฟูบูรณะขึ้นมาใหม่ในสมัยหลัง ปัจจุบันวัดนี้มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่
- วัดข่อยสามต้น อยู่ในบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเขตเวียงกุมกาม ชื่อวัดนี้ตั้งตามจุดสังเกตที่เป็นต้นข่อยจำนวน 3 ต้น ที่ขึ้นเจริญเติบโตในพื้นที่บริเวณวัด และไม่ปรากฏความเป็นมาในเอกสารและตัวแทนทางประวัติศาสตร์
- วัดพันเลา อยู่ในท้องที่ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดร้างขื่อดั้งเดิมที่ชุมชนเรียกสืบทอดต่อกันมา คาดว่ามาจากชื่อวัดที่มีคำนำหน้าว่า “พัน” นำหน้านั้น น่าจะหมายถึง ยศทางทหาร หรือขุนนาง ที่เดิมวัดนี้อาจเป็นวัดอุปถัมภ์ของนายทหารหรือขุนนางชื่อ “เลา” ตั้งอยู่ริมถนนท่าวังตาลซึ่งอยู่นอกเวียงกุมกามทางด้านทิศเหนือ สภาพโบราณสถานมีการก่ออิฐกระจายหลายแห่ง พบชิ้นส่วนของพระพุทธรูป และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นอะไร และยังคงคาดว่ามีอีกหลายวัดที่จมอยู่ใต้พื้นดิน และบ้านเรือนของชาวบ้านที่กำลังรอการบูรณะขึ้นมา
อ้างอิง
- ท่องเที่ยวทั่วเชียงใหม่ 2007-10-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เวียงกุมกาม 2007-10-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- สรัสวดี อ๋องสกุล, เวียงกุมกาม : การศึกษาประวัติศาสตร์ชุมชนโบราณในล้านนา, WITHIN DESIGN CO., LTD, 2548
- นพคุณ ตันติกุล, เวียงกุมกาม ,Lanna computer , 2547
- จักรกริช พิสูจน์, เวียงกุมกาม ,Jakkrit Publishing , 2548
- ชาญณรงค์ ศรีสุวรรณ, สถาปัตยกรรมในพื้นที่ประวัติศาสตร์เวียงกุมกาม : กรณีศึกษา วัดกานโถม, 2545, งานวิจัย
แหล่งข้อมูลอื่น
- ภาพถ่ายทางอากาศของ เวียงกุมกาม
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ เวียงกุมกาม
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
18°45′08″N 99°00′18″E / 18.75222°N 99.004884°E
ก่อนหน้า | เวียงกุมกาม | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เวียงฝาง | เมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา (พ.ศ. 1824–1839) | เวียงเชียงใหม่ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ewiyngkumkam ithythinehnux ewiyngkumkam epnxditemuxnghlwngkhxngxanackrlanna thiphyamngrayoprdihsrangkhunemux ph s 1829 odyoprdihkhudkhuewiyngthng 4 dan ikhnaaempingihkhngiw inkhuemuxngobransthanthipraktxyuinewiyngkumkamaelaiklekhiyng epnewiyng emuxng thdlxngthisrangkhun kxnthicamaepnemuxngechiyngihm tngxyuthi tablthawngtal xaephxsarphi cnghwdechiyngihm odymirayahangcaktwemuxngechiyngihmipthangthistawnxxkechiyngitpraman 5 kiolemtrprawtikarsthapna hlngcakthiphyamngrayidpkkhrxngaelaphankxyuinnkhrhriphuychy laphun xyu 2 pi phraxngkhthrngsuksasinghlay xyang aelamiphrarachdarithicalxngsrangemuxngkhun emuxngnnkkhux ewiyngkumkam aetphraxngkhkthrngsrangimsaerc ephraaewiyngnnminathwmxyuthukpi cnphyamngraycungthrngtxngippruksaphrashay khuxphxkhunramkhaaehngaehngsuokhthy aelaphyangaemuxngaehngxanackrphaeya hlngcakthrngpruksaknaelwcungthrngtdsiniciphathisrangemuxngihm inthisudcungidphunthinkhrphingkhechiyngihmepnemuxngihm aela epnemuxnghlwngaehngxanackrlannatxma cungsrupidwaewiyngkumkamnn epnemuxngthithdlxngsrang txngkarxangxing karlmslay ewiyngkumkamlmslaylngephraaekidnathwmkhrngihy odychwngewlanixyuinchwngrahwangpi ph s 2101 2317 sungtrngkbsmyphmapkkhrxnglanna phmapkkhrxnglannaepnewlasxngrxykwapi aetimprakthlkthanthiklawthungewiyngkumkamthng thiehtukarnnathwmkhrngihyniepneruxngrayaerngmakaelasmkhwrthicabnthukiw aetkimmikarbnthukiwinprawtisastridely phlkhxngkarekidnathwmnithaihewiyngkumkamthukfngcmlngxyuittakxndincnyakthicafunfuklbma sphaphwdtang aelaobransthanthisakhyehluxephiyngsakwiharaelaecdiyrangthicmxyudininradbkhwamlukcakphundinlngippraman 1 50 2 00 emtr odywdthicmdinlukthisudkhuxwdxikhang rxnglngmakhux wdpuepiy aelawdkupadxm karkhudkhnphb in ph s 2527 eruxngrawkhxngewiyngkumkamkerimepnthisnickhxngnkwichakar aelaprachachnthwip thaihhnwysilpakrthi 4 khudaetngburnawdrang khudaetngwiharkanothm n wdchangkha aelabriewnodyrxbewiyngkumkamxyangtxenuxngcnthung ph s 2545 pccubnewiyngkumkamkidrbkarphthnaihklayepnsthanthithxngethiywaehnghnungkhxngemuxngechiyngihm ephraaehnwaewiyngkumkammikhwamsmburn aelaepnaehlngkhwamrukarsuksainaebbkhxngeruxngrawthangsthaptykrrmaela silpkrrmtlxdcnwthnthrrmlannatang odysunyklangkhxngkarnaethiywchmobransthantang inekhtewiyngkumkamxyuthiwdchangkhathitng aela lksnaewiyngkumkammiphngepnrupsiehliymphunphamikhwamyawpraman 850 emtr iptamaenwthistawnxxkechiyngitsuthistawnxxkechiyngehnux aelakwangpraman 600 emtr twemuxngyawiptamlanapingsayedimthiekhyihlipthangdanthistawnxxkkhxngemuxng dngnninsmyobrantwewiyngkumkamcatngxyubnfngthistawntkhruxfngediywkbemuxngechiyngihm aetechuxknwaenuxngcakkraaeskhxngaemnapingepliynthisthang cungthaihewiyngkumkamepliynmatngxyuthangfngdantawnxxkkhxngaemnadngechnpccubn chwngewlakhxngkarepliynaeplngkraaesnadngklawkhadwanacaxyurahwang karepliynaeplngkhxngkraaesnakhrngnn thaihekidnathwmewiyngkumkamkhrngihycnewiyngkumkamlmslay aelawdwaxaramcmxyuitdinthray cnklayepnemuxngrangipinthisud xyangirktam nkprawtisastrhlaykhnechuxwa xikhnungsmmtithanthiewiyngkumkamthukthingrangnnxacepnidwaekidsngkhramrahwangithykbphmathaihphukhnhlbhnixxkcakemuxngipkepnid pccubnewiyngkumkamxyuthangthistawnxxkechiyngitkhxngemuxngechiyngihm praman k m 3 4 thnnechiyngihm laphun dankhwamux inekhttablthawngtal xaephxsarphi aelaxyuiklfngdanthistawnxxkkhxngaemnaping sphaphthwipthangphumisastrkhxngewiyngkumkamtngxyubriewnaexngthirabechiyngihm laphun miaemnapingepnaemnasaysakhy odymitnnaxyuthidxythwy xaephxechiyngdaw cnghwdechiyngihm briewnaexngthirabaehngnisungepnthirabthimikhnadihythisudinphakhehnuxtxnbn epnthirabrahwangphuekha mixanabriewnkhrxbkhlumekhtcnghwdechiyngihm aelalaphunrwm 13 xaephx ody 10 xaephxxyuincnghwdechiyngihmkhux aemaetng aemrim snthray dxysaekd snkaaephng emuxng sarphi hangdng snpatxng aelacxmthxng aelaxik 3 xaephxxyuincnghwdlaphunkhux emuxng laphun pasang aelabanohng odymiphunthirwmthnghmdpraman 940 000 irsthanthisakhycakkarsarwcphbwamixyumakkwa 40 aehng thngthiepn sakobransthan aelaepnwdthimiphrasngkhobransthanthisakhy id aekwdecdiyehliym wdchangkhaaelasakecdiywdkumkam wdnxy wdpuepiy wdthatukhaw wdxikhangsungrupaebbthangsilpkrrmaelasthaptykrrmni mithngaebbrunekaaelasmyechiyngihm rungeruxngpapnknip odyechphaathiwdthatukhawnn mieruxngelakhxngwaphramehsikhxngphyamngrayidmabwchchiaelasinphrachnmthinidwy saehtukkhuxphyamngrayidmiphramehsiphraxngkhihm emuxkhrngykthphiptiphma phmayxmswamiphkdiaelathwayphranangphayokhmaepnmehsi aetsingnithaihphranangthrngesiyphrathymak enuxngcakphranang aelaphyamngrayidekhysabankninkhnathiphankxyuinemuxngechiyngaesnwacamimehsiephiyngaekhphraxngkhediyw phranangcungesiyphrathymak cungtdsinicipbwchchi aela yngmieruxngxikwa saehtuthiphyamngrayswrrkhtxsnibatinrahwangthiesdciptladnn kephraasaehtuni obransthan wdxikang phayinewiyngkumkamwdpuepiy phayinemuxngobranewiyngkumkam hlngcakthihnwykrmsilpakrthi 4 echiyngihmidipthakarkhudkhnhasakemuxngaelaobransthanephimetim kidkhnphbecxwdtang thicmxyuitphundinepncanwnhlaywdxikdngtxipni wdkanothm changkha phyamngrayidsrangwdaehngnikhunemuxpi ph s 1833 prakxbdwythanecdiythankwang 12 emtr sung 18 emtr misumkhuhasithis mikarichphraphuththrupsxnepn 2 chn chnlang miphraphuththrupnng 4 xngkh chnbn miphraphuththrupyun 2 xngkh wiharaelaecdiythrngmnthpbnthanlanprathksinetiy briewnthanwiharphbphraphimphdinephaaebbhriphuyichyfngiwodyrxb nxkcakniyngmiecdiyxik 1 xngkhlksnaepnecdiythrngmnthpyxdrakhng inbriewnwdkanothmyngmitnphrasrimhaophthithiidxyechiyemldcakemuxnglngkamaiwdwywdpuepiy thuxepnwdthimikhwamngdngamaehnghnunginewiyngkumkam rupaebbphngkarsrangwd aela rupaebbecdiyprathanmnthpmisphaphkhxnkhangsmburn obransthanprakxbdwywiharsrangykphunsung ecdiy xuobsth salphiesux aelaaethnbucha phrxmthngmilwdlaypunpnpradbecdiythiswyngammakwdecdiyehliym wdkukha aetedimwdnichuxwdkukha ku hmaythung phraecdiy kha hmaythung thxngkha phyamngrayoprdihkxsrangkhunemuxpi ph s 1831 obranwtthuthisakhykhxngwdkhux xngkhphraecdiyprathanrupthrngmnthppld 5 chn wdnimikhwamoddednkhux epnwdthikstriysrang aelamirupaebbecdiythiaesdngthungxiththiphlrupaebbkhxngrthhriphuyichy odythiphyamngrayoprdihexamakxsrangiwinewiyngkumkamrayaaerk wdxikang wdxikhang thieriykwawdxikhanghruxxikangnnephraaedimbriewnwdepnparkrangaelamifunglingfungkhangichsakwdaehngniepnthixyuxasy sungkhanginphasathxngthineriykwa xikang obransthanprakxbdwywiharaelaecdiytngxyubnthanediywkn wiharmikhnadihy 20 13 50 emtr ecdiyepnaebbxngkhrakhngthrngklmwdphrathatukhaw wdthatukhaw thieriykknwawdthatukhawenuxngmacakaetedimnntwecdiyyngkhngpraktphiwchabpunsikhawnnexng obransthanprakxbdwywihar ecdiy xuobsth aelamnthp odymikarkxsrangkhunma 2 rayakhux rayaaerkkxsrangephiyngecdiy wihar xuobsth aettxmaekidkarcharudcungtxetimthanecdiyihihykhun rayathisxngmikarkxsrangmnthpsahrbpradisthanphraphuththrupwdphraecaxngkhda tngxyuphayinewiyngkumkam odyxyuiklkbkaaephngemuxngthangdanthistawntkechiyngehnux kxnmikarkhudaetngnnepnswnlaiy miphunthiepnenindin 2 aehng chawbaneriykwa eninphyamngray aelaeninphraecada aelasnnisthanwathieriykwdphraecaxngkhdani ephraawdaehngniekhymiphraphuththrupsidapradisthanxyu obransthanthiphbswnihyepnwiharhlayhlng misumpratuokhngaelaaenwkaaephng thdcaksumokhngekhamamiwiharaelaecdiywdphyamngray tngxyubriewniklekhiyngkbwdphraecaxngkhdathangthistawnxxkechiyngit chuxwdphyamngrayniepnchuxeriykthitngkhunmaihmodykrmsilpakr enuxngcakimprakthlkthanklawthungprawtikhwamepnmakhxngwdni aetemuxphicarnacakkarthiehnwatngxyuiklwdphraecaxngkhdamakthisudcnduehmuxnepnwdediywkn exklksnkhxngwdnixyuthikarsrangphrawiharthiimmithangkhunlnghlkiwthidanhna aetsrangiwthidansay krnithihnhnaipthanghnawd inswnphraecdiyphbrxngrxykartkaetngpunpnlaychxngkracksxdiswdhwhnxng tngxyuphayinewiyngkumkamiklkbkaaephngemuxngthangdanehnux phayinprakxbdwysumokhngpratuihy xuobsth mnthp wiharaelaecdiy milwdlaypunpnpradbsumpratuwdepnrupkieln singh hngsthimikhwamngdngamwdkumkam tngxyuphayinewiyngkumkamdanthisehnuxkhxngwdkanothm singkxsrangphayinwdprakxbdwywiharphrxmhxngmulkhnthkuti aelaecdiythrngaepdehliymwdnxy wdthatunxy tngxyuthangthistawntkkhxngwdkanothm kxnkarkhudaetngepnenindinsxngaehng michawbanekhamaplukbanxasybnobransthanaehngni aelayngphbrxngrxyksarkhudhathrphysindwy obransthanprakxbdwywiharaelaecdiy wihartnghnhnaipthangthistawnxxkechiyngehnuxmiaephnphngepnrupsiehliymphunpha mibnidthangkhundanhnaaeladankhang 1 aehng phunwiharpuxith danhlngwiharepnsumpradisthanphraprathanpunpn ecdiymithanepnrupsiehliymcturskhnad 13 35 13 35 emtr sung 1 64 emtr txkhunipepnxngkhecdiy epnrupsiehliymcturskhnad 6 20 6 20 emtr lksnaecdiymithanihyaetxngkhecdiyelkwdimsng tngxyumumtawnxxkechiyngitphayinewiyngkumkam briewnrxbwdepnthungna sthaphkxnkarkhudaetngepnenindinrupsiehliymphunpha mitnimihythichawbaneriykwaimsngxyu epnthimakhxngchuxwd obransthan prakxbdwywiharecdiyaepdehliym aelathansumpratuokhngphrxmkaaephngwdkukhaw tngxyurimthnnechiyngihm laphun tablhnxnghxy xaephxemuxng cnghwdechiyngihm sphaphrxb wdkxnkarkhudaetngphbecdiymikhwamsungpraman 5 emtr aelarxb xngkhecdiyepnenindin hlngcakkhudlxkdinthithbthmxyuidphbobransthan 3 aehngkhux kaaephngaekwaelasumpratuxyuhlngecdiy ecdiyprathanepnsilpalanna eruxnthatumilksnasungkxthubtnthng 4 dan imthasumphra swnyxdecdiyepnthanbwaepdehliymrxngrbxngkhrakhng aelawiharthimimumthanbwlukaekw thanchukchiedim aelalayklibbwwdkupadxm tngxyuthangthistawntkechiyngitnxkewiyngkumkam chuxkhxngwdniidtngchuxtamecakhxngthidin obransthankhxngwdmikhnadihyprakxbdwy wiharthanihy mibnidthangkhunwihar mirawbniddanplayepnruptwehnga swnecdiyehluxephiyngthanethann mikaaephngaekwkxlxmrxbobransthan kaaephngaekwdanhnathangekhawiharmisumokhng wdaehngnimixayuxyuinrawphuththstwrrsthi 21 22wdobsth tngxyuthangdanthistawntknxkewiyngkumkam obransthanprakxbdwywiharsungehluxephiyngthan aelaecdiymithanepnrupsiehliymcturswdkuxayhlan epnwdkhnadelktngxyuthangdanehnuxkhxngewiyngkumkam chuxwderiyktamecakhxngthithichuxxayhlan obranasthanprakxbdwywiharthihnhnaipthangthistawnxxk ecdiythanepnrupsiehliymcturs aethnbucha kaaephngaekw aelasumpratuthangekhadanthistawnxxkwdkuxaysi epnwdkhnadelk obransthanprakxbdwy wihar ecdiy sungehluxephiyngthan aelaaethnbuchawdkumaeklux tngxyuphayinewiyngkumkamdanthistawnxxk eriykchuxwdtamchuxtnimthikhunbnobransthan hlngcakthakarkhudlxkdinxxkaelw phbecdiyaelawihartngxyubnthanediywknaelahnhnaipthangthistawnxxkwdkulidim tngxyuphayinewiyngkumkamdanit wdniepnchuxthichawbanerikknenuxngcakmitnephka tnlidim khunxyubneninwd obransthanprakxbdwywiharhnhnaipthangthistawnxxk ecdiydanhlngwiharehluxephiyngthan aelaecdiyrupaepdehliym misumpratuokhngaelakaaephngaekwwdkucxkpxk tngxyunxkkaaephngewiyngkumkamthangthistawnxxkchiyngit obransthanprakxbdwywiharaelaecdiy sungehluxephiyngthanwdhnanchang tngtamchuxecakhxngthidin danhnakhxngwdxyuiklaemnaping sumokhngmilaypunpnpradbelknxy thdcaksumokhnglngipmithangedinaelamiwihar sungthithanphraprathanmilaypunpn danhlngwiharmiecdiythanthrngsiehliymcturssxnknsxngchn eruxnthatuidphngesiyhayipaelw eyuxngkbecdiyepnmnthp thdipepnxuobsthwdesahin tngxyuekhtthxngthitablhnxnghxy xaephxemuxng cnghwdechiyngihm inpccubnyngimphbhlkthanthibnthukthangprawtisastrthiklawthungeruxngrawkhxngwdniinxditwdhnxngphung tngxyuthangfngtawntkthnnechiyngihm laphun tablhnxngphung xaephxsarphi cnghwdechiyngihm edimepnwdinsmyewiyngkumkam echiyngihm hruxbangthixaccamisphaphepnwddngedimxyukxnaelwtngaetsmyhriphuyichy mikarkhnphbhlkthanthangobranwtthupraephthphimphaebblaphun singkxsrangthisakhykhxngwdnikhux wiharphranxn epnxngkhphranxnhruxphraphuththisyasnkhnadyaw 38 sxk 39 emtr wdsribuyeruxng tngxyuekhttablhnxnghxy xaephxemuxng cnghwdechiyngihm epnwdthiidrbkarfunfuburnakhunmaihminsmyhlng pccubnwdnimiphrasngkhcaphrrsaxyuwdkhxysamtn xyuinbriewndantawnxxkechiyngehnuxkhxngekhtewiyngkumkam chuxwdnitngtamcudsngektthiepntnkhxycanwn 3 tn thikhunecriyetibotinphunthibriewnwd aelaimpraktkhwamepnmainexksaraelatwaethnthangprawtisastrwdphnela xyuinthxngthitablhnxnghxy xaephxemuxng cnghwdechiyngihm epnwdrangkhuxdngedimthichumchneriyksubthxdtxknma khadwamacakchuxwdthimikhanahnawa phn nahnann nacahmaythung ysthangthhar hruxkhunnang thiedimwdnixacepnwdxupthmphkhxngnaythharhruxkhunnangchux ela tngxyurimthnnthawngtalsungxyunxkewiyngkumkamthangdanthisehnux sphaphobransthanmikarkxxithkracayhlayaehng phbchinswnkhxngphraphuththrup aelasingkxsrangtang thiimsamarthrabuidchdecnwaepnxair aelayngkhngkhadwamixikhlaywdthicmxyuitphundin aelabaneruxnkhxngchawbanthikalngrxkarburnakhunmaxangxingthxngethiywthwechiyngihm 2007 10 13 thi ewyaebkaemchchin ewiyngkumkam 2007 10 11 thi ewyaebkaemchchin srswdi xxngskul ewiyngkumkam karsuksaprawtisastrchumchnobraninlanna WITHIN DESIGN CO LTD 2548 nphkhun tntikul ewiyngkumkam Lanna computer 2547 ckrkrich phisucn ewiyngkumkam Jakkrit Publishing 2548 chaynrngkh srisuwrrn sthaptykrrminphunthiprawtisastrewiyngkumkam krnisuksa wdkanothm 2545 nganwicyaehlngkhxmulxunphaphthaythangxakaskhxng ewiyngkumkamaephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng ewiyngkumkam phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 18 45 08 N 99 00 18 E 18 75222 N 99 004884 E 18 75222 99 004884 kxnhna ewiyngkumkam thdipewiyngfang emuxnghlwngkhxngxanackrlanna ph s 1824 1839 ewiyngechiyngihm