เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตา (อังกฤษ: South Dakota-class battleship) เป็นชั้นเรือประจัญบานเร็วที่สร้างโดยกองทัพเรือสหรัฐ เป็นชั้นเรือประจัญบานรุ่นที่สองที่ตั้งชื่อตามรัฐเซาท์ดาโคตา มีทั้งหมด 4 ลำได้แก่ เซาท์ดาโคตา และ เรือเหล่านี้ถูกออกแบบตามข้อกำหนดสนธิสัญญาเดียวกันกับเรือประจัญบานชั้นนอร์ทแคโรไลนา ที่มีระวางขับน้ำมาตรฐาน 35,000 (35,600 ตัน) และติดตั้งปืนใหญ่ Mark 6 ขนาด 16 นิ้ว/45 คาลิเบอร์ จำนวน 9 กระบอกใน 3 ป้อมปืน แต่มีขนาดที่เล็กกว่าและได้รับการป้องกันที่ดีกว่า จุดสังเกตที่แตกต่างจากเรือชั้นก่อนคือ ปล่องไฟเดี่ยว ในขณะที่เรือชั้นนอร์ทแคโรไลนามีปล่องไฟคู่
ใน รัฐเมน ประมาณเดือนธันวาคม ค.ศ. 1942 | |
ภาพรวมชั้น | |
---|---|
ชื่อ: | เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตา |
ผู้สร้าง: | |
ผู้ใช้งาน: | กองทัพเรือสหรัฐ |
ก่อนหน้าโดย: | ชั้นนอร์ทแคโรไลนา |
ตามหลังโดย: | ชั้นไอโอวา |
สร้างเมื่อ: | 1939–1942 |
ในประจำการ: | 1942–1947 |
เสร็จแล้ว: | 4 |
ปลดประจำการ: | 4 |
จำหน่ายทิ้ง: | 2 |
เก็บรักษา: | 2 |
ลักษณะเฉพาะ | |
ประเภท: | เรือประจัญบานเร็ว |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): |
|
ความยาว: | |
ความกว้าง: | 108 ฟุต 2 นิ้ว (33 เมตร) |
กินน้ำลึก: | 36 ฟุต 2 นิ้ว (11 เมตร) |
ระบบพลังงาน: |
|
ระบบขับเคลื่อน: | |
ความเร็ว: | 27.5 นอต (50.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 31.6 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
พิสัยเชื้อเพลิง: | 15,000 ไมล์ทะเล (28,000 กิโลเมตร; 17,000 ไมล์) ที่ 15 นอต (28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 17 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
อัตราเต็มที่: | 1,793–2,634 |
ระบบตรวจการและปฏิบัติการ: |
|
ยุทโธปกรณ์: | |
เกราะ: | |
อากาศยาน: | 2 × เครื่องบินน้ำ |
อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: | 1 × |
การก่อสร้างเรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาเริ่มขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สองไม่นาน โดยใช้งบประมาณประจำปีงบประมาณ 1939 เรือทั้ง 4 ลำเริ่มประจำการตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 1942 โดยปฏิบัติภารกิจทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อเตรียมสกัดเรือรบขนาดใหญ่ของเยอรมัน และในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกองเรือบรรทุกเครื่องบินเร็ว และภารกิจโจมตีชายฝั่ง เรือทั้ง 4 ลำถูกปลดประจำการไม่นานหลังจบสงคราม เซาท์ดาโคตาและอินดีแอนาถูกนำไปแยกชิ้นส่วนในช่วงปี 1960 ส่วนแมสซาชูเซตส์และแอละแบมาได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์
การพัฒนา
เบื้องหลัง
กองทัพเรือสหรัฐอนุมัติการสร้างเรือประจัญบานชั้นนอร์ทแคโรไลนา 2 ลำในโครงการงบประมาณปี 1937 ต่อมาคณะกรรมการทหารได้ประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับเรือประจัญบานอีก 2 ลำที่จะจัดสรรให้กับโครงการงบประมาณปี 1938 คณะกรรมการได้เสนอให้สร้างเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนาอีก 2 ลำ แต่พลเรือเอก (William H. Standley) ผู้บัญชาการยุทธนาวี ต้องการให้เรือเป็นแบบใหม่ ซึ่งหมายความว่าการก่อสร้างจะไม่สามารถเริ่มได้ภายในปี 1938 ดังนั้นเรือจึงได้รับมอบหมายให้สร้างในโครงการงบประมาณปี 1939 งานออกแบบเริ่มต้นในเดือนมีนาคม 1937 แบบร่างเรือทั้งสองลำได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐมนตรีว่าการทบวงทหารเรือในวันที่ 23 มิถุนายน 1937 ข้อมูลจำเพาะที่ชัดเจนสำหรับเรือทั้งสองลำได้รับการอนุมัติในวันที่ 4 มกราคม 1938 และได้รับคำสั่งซื้ออย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เมษายน 1938
ด้วยสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เลวร้ายลงทั้งในยุโรปและเอเชีย สภาคองเกรสจึงอนุมัติให้สร้างเรือประจัญบานแบบใหม่เพิ่มอีก 2 ลำ รวมเป็น 4 ลำ ภายใต้ (Deficiency Authorization Act) ลงวันที่ 25 มิถุนายน 1938 แม้ว่ากองทัพเรือสหรัฐจะใช้ "ข้อกำหนดบันไดเลื่อน" (escalator clause) ใน เพื่อเริ่มดำเนินการสร้างเรือประจัญบานชั้นไอโอวาซึ่งเป็นรุ่นต่อมา แต่สภาคองเกรสอนุมัติให้สร้างเฉพาะเรือประจัญบานขนาด 35,000 ตันเท่านั้น
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องหลายประการที่พบในเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนา ดังนี้ ระบบป้องกันใต้น้ำที่ไม่เพียงพอ เครื่องยนต์กังหันที่ล้าสมัย และมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะทำหน้าที่เป็นเรือธง เรือลำแรกของชั้นใหม่จึงถูกออกแบบให้มีชั้นดาดฟ้าพิเศษบนหอบังคับการเพื่อจุดประสงค์นี้ แม้ว่าพื้นที่และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการนี้จะทำให้ต้องตัดปืนคู่ขนาด 5 นิ้ว จำนวน 2 ชุดออกไป
การออกแบบ
กระบวนการออกแบบเรือประจัญบานรุ่นใหม่นั้นเต็มไปด้วยการถกเถียงอย่างหนัก คณะกรรมการออกแบบได้เสนอข้อเสนอจำนวนมาก ข้อเสนอหนึ่งเรียกร้องให้สร้างเรือที่มีปืนขนาด 16 นิ้ว (406 มม.) จำนวน 9 กระบอกในป้อมปืน 3 ชุด เกราะดาดฟ้าหนา 5.9 นิ้ว (150 มม.) เพื่อป้องกันการโจมตีจากกระสุนวิถีโค้งจากระยะไกลถึง 30,000 หลา (27,000 ม.) และกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ไม่น้อยกว่า 23 นอต (43 กม./ชม.; 26 ไมล์/ชม.) อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญที่สุดอยู่ที่เกราะลำเรือ (belt armor) ปืนขนาด 16 นิ้วสามารถทะลุแผ่นเกราะหนา 13.5 นิ้ว (340 มม.) ซึ่งเป็นเกราะที่หนาที่สุดในเรือรบสหรัฐในขณะนั้น แม้จะอยู่ที่ระยะ 25,000 หลา (23,000 ม.) เพื่อให้เรือสามารถทนต่ออาวุธของตัวเองได้ (คุณลักษณะที่เรียกว่า "เกราะสมดุล") ความหนาของเกราะลำเรือหลักจะต้องเพิ่มเป็น 15.5 นิ้ว (390 มม.) ซึ่งจะส่งผลต่อน้ำหนักของเรือจนอาจใช้งานไม่ได้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นักออกแบบจึงเสนอแนวคิดการใช้เกราะเอียง (sloped armor) ซึ่งเป็นเทคนิคการติดตั้งแผ่นเกราะทำมุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน แม้ว่าแนวคิดนี้จะสามารถลดความหนาของเกราะได้ แต่การนำไปใช้กับเกราะภายนอกนั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเรืออย่างรุนแรง ดังนั้น ทางออกที่เลือกใช้คือการติดตั้งเกราะเอียงภายในลำเรือ โดยสร้างเกราะไว้ด้านหลังแผ่นเปลือกเรือที่ไม่มีเกราะ วิธีการนี้มีข้อเสียคือเพิ่มความซับซ้อนในการก่อสร้าง เพราะหากเกราะภายในได้รับความเสียหาย จะต้องตัดแผ่นเปลือกเรือภายนอกออกก่อนจึงจะสามารถซ่อมแซมเกราะได้
เพื่อลดข้อเสียของเกราะเอียง นักออกแบบจึงออกแบบให้เกราะดังกล่าวลาดเอียงออกจากกระดูกงูเรือ (keel) ไปทางด้านนอก จากนั้นจึงลาดเอียงกลับเข้าหาดาดฟ้าที่มีเกราะ ซึ่งหมายความว่า กระสุนปืนที่ยิงมาจากระยะประชิดจะกระทบกับส่วนบนของเกราะเอียงในมุมที่เอียงออก ทำให้เกราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุด อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของเกราะเอียงส่วนบนจะลดลงเมื่ออยู่ไกลออกไป เนื่องจากการโจมตีแบบดิ่งจะกระทบกับเกราะในมุมที่ใกล้เคียงกับมุมฉาก ทำให้กระสุนสามารถทะลุเกราะได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าเกราะเอียงจะมีข้อเสียนี้ แต่ก็ช่วยลดพื้นที่ที่จำเป็นต้องปกคลุมด้วยดาดฟ้าที่มีเกราะ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำหนักได้อีกด้วย น้ำหนักที่ประหยัดได้นี้ ช่วยให้สามารถออกแบบเกราะส่วนบนให้หนาขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกระสุนวิถีโค้งได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากเกราะเอียงเป็นเกราะภายใน จึงสามารถขยายไปถึงด้านในของท้องเรือสองชั้น (double bottom) ซึ่งช่วยให้เรือมีการป้องกันใต้น้ำที่ดีกว่าเรือประจัญบานชั้นนอร์ทแคโรไลนา อย่างไรก็ตาม ในที่สุด วิศวกรก็ได้ตัดสินใจยกเลิกการใช้เกราะเอียงแบบสองชั้นที่มีความซับซ้อน เนื่องจากพบว่าเกราะเอียงแบบชั้นเดียวสามารถให้ประสิทธิภาพการป้องกันที่ใกล้เคียงกัน และยังช่วยประหยัดน้ำหนักได้หลายร้อยตัน
ขนาดของตัวเรือก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา โดยทั่วไปตัวเรือที่ยาวกว่ามักจะมีความเร็วสูงสุดที่มากกว่าเช่นกัน แต่ก็ต้องการเกราะมากขึ้นเพื่อป้องกัน เรือลำสั้นต้องการเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเพื่อรักษาความเร็วสูงสุด หากต้องการให้เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาที่มีความยาวน้อยกว่าชั้นนอร์ทแคโรไลนารุ่นก่อน (680 ฟุต เทียบกับ 729 ฟุต ตามลำดับ) มีความเร็วสูงสุดเท่าเดิม จึงจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าที่เคยใช้ในเรือลำสั้น เบื้องต้น การออกแบบกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่อย่างน้อย 22.5 นอต (41.7 กม./ชม.; 25.9 ไมล์/ชม.) ซึ่งถือว่าเพียงพอที่จะตามทันเรือรบฝ่ายตรงข้ามและหนีเรือดำน้ำที่โผล่พ้นน้ำได้ อย่างไรก็ตาม ในปลายปี 1936 สามารถถอดรหัสสัญญาณวิทยุจากกองทัพเรือญี่ปุ่น ซึ่งเผยให้เห็นว่าเรือประจัญบานนางาโตะ มีความเร็วเกินกว่า 26 นอต (48 กม./ชม.)
เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความเร็วของเรือรบญี่ปุ่น นักออกแบบจึงกำหนดความเร็วสูงสุดที่เป็นไปได้ที่ 25.8–26.2 นอต (47.8–48.5 กม./ชม.; 29.7–30.2 ไมล์/ชม.) โดยอาศัยเครื่องจักรจากเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนาที่ปรับขนาดให้เล็กพอที่จะติดตั้งในตัวเรือที่แคบกว่าของเรือชั้นเซาท์ดาโคตาได้ กระบวนการปรับปรุงเครื่องจักรคือ การวางหม้อไอน้ำ (boilers) ไว้เหนือเครื่องยนต์กังหัน (turbines) โดยตรง ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่เคยใช้ใน (Lexington-class battlecruisers) ปี 1916 อย่างไรก็ตาม วิศวกรได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของหม้อไอน้ำหลายครั้ง โดยเริ่มจากการวางสลับกับกังหัน และสุดท้ายก็วางไว้ข้างกังหันโดยตรง ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดถูกจัดวางให้ชิดกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เครื่องระเหย (evaporators) และเครื่องกลั่นน้ำ (distilling equipment) ถูกติดตั้งไว้ในห้องเครื่องยนต์ การปรับปรุงนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านหลังเกราะลำเรือเพียงพอที่จะสร้างห้องวางแผนที่สอง
มาถึงตอนนี้ กระบวนการออกแบบได้กำหนดให้ตัวเรือมีความยาว 666 ฟุต (203 เมตร) ระหว่างแนวตั้งฉาก และใช้เกราะเอียงภายในแบบชั้นเดียว อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการปฏิเสธจากคณะกรรมการบริหาร นักออกแบบจึงได้เสนอทางเลือกเพิ่มเติมอีกหลายแบบ ซึ่งประกอบด้วย เรือที่ยาวกว่าและเร็วกว่า ติดตั้งปืนขนาด 14 นิ้วในป้อมปืน 3 ชุด, เรือที่ช้ากว่า ติดตั้งปืนขนาด 14 นิ้วในป้อมปืน 4 ชุด, เรือรุ่นปรับปรุงจากชั้นนอร์ทแคโรไลนา, และเรือที่มีความเร็ว 27 นอต ติดตั้งปืนขนาด 16 นิ้ว จำนวน 9 กระบอก ในรูปแบบคล้ายกับเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนา
ประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับการออกแบบเรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตา คือ ความเร็ว ผู้บัญชาการทหารเรือสหรัฐต้องการให้เรือรบใหม่มีความเร็วไม่ต่ำกว่า 25 นอต (46 กม./ชม.; 29 ไมล์/ชม.), กองกำลังรบ (battle force) ต้องการความเร็วอย่างน้อย 27 นอต (50 กม./ชม.; 31 ไมล์/ชม.) เพื่อรักษาความสม่ำเสมอในแนวรบ, อธิการบดีวิทยาลัยการสงครามเห็นว่าเรือรบที่รวดเร็วเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่กองทัพเรือจะยังคงใช้งานเรือรบรุ่นเก่าที่มีความเร็ว 21 นอต (39 กม./ชม.) ไปจนถึงทศวรรษที่ 1950 ดังนั้น ความเร็วที่สูงกว่าจึงไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่ต่ำกว่า 27 นอต จะทำให้เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาทำหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งไม่ได้ นั่นคือ การเป็นเรือคุ้มกันให้กับ (fast carrier task forces) ซึ่งกลายเป็นบทบาทสำคัญที่สุดของเรือประจัญบานในภายหลัง ในที่สุด แผนการออกแบบหลักที่ความยาว 666 ฟุต เป็นแผนเดียวที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ระบุไว้ ทั้งด้านความเร็ว เกราะป้องกัน และปืนขนาด 16 นิ้ว จำนวน 9 กระบอก ในปลายปี 1937 ข้อเสนอการออกแบบได้รับการอนุมัติ โดยกำหนดให้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อประหยัดน้ำหนักและเพิ่มมุมยิง ที่พักสำหรับลูกเรือ แม้แต่ห้องพักของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงห้องอาหาร ล้วนมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้ยังมีการตัดช่องระบายอากาศออกทั้งหมด ทำให้เรือต้องพึ่งพาการหมุนเวียนอากาศเทียมอย่างสมบูรณ์
แม้จะมีการประนีประนอม นักประวัติศาสตร์ด้านกองทัพเรือ (William Garzke) และ (Robert Dulin) กล่าวในภายหลังว่า เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาเป็นเรือรบสนธิสัญญาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา (Norman Friedman) นักประวัติศาสตร์ด้านกองทัพเรือ กล่าวว่า "การออกแบบเรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตา เป็นความสำเร็จอันน่าทึ่ง ภายใต้ข้อจำกัดของสนธิสัญญาอันเข้มงวด" นอกจากนี้ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับความเร็วที่สูงกว่า ยังเป็นการปูทางไปสู่การพัฒนาเรือประจัญบานชั้นไอโอวา ซึ่งเป็นเรือประจัญบานขนาดใหญ่ที่สุด เร็วที่สุด และเป็นรุ่นสุดท้ายของสหรัฐ ตามที่ฟรีดแมนได้เขียนไว้ว่า:
เป็นเวลาครึ่งศตวรรษก่อนการสร้างเรือประจัญบานชั้นไอโอวา กองทัพเรือสหรัฐมุ่งเน้นไปที่เกราะและอำนาจการยิงมากกว่าความเร็ว แม้ว่าจะมีการตัดสินใจสร้างเรือประจัญบานที่เร็วกว่าอย่างชั้นนอร์ทแคโรไลนา แต่กองทัพเรือก็ยังคงเลือกใช้แบบที่มีความเร็วต่ำกว่า ในการออกแบบเรือประจัญบานรุ่นก่อน ๆ วิศวกรมุ่งเน้นการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อลดผลกระทบต่อความเร็ว แทนที่จะพัฒนาเครื่องจักรที่ทรงพลังกว่าเพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงขึ้น ผลลัพธ์คือ เรือประจัญบานขนาดใหญ่ 4 ลำที่สหรัฐสร้างขึ้นนั้น มีความเร็วเพียง 33 นอต ซึ่งไม่ต่างจากเรือรุ่นก่อนหน้าที่มีความเร็ว 27 นอต และน้ำหนัก 35,000 ตันมากนัก เรือประจัญบานชั้นไอโอวาไม่ได้มีการปรับปรุงเกราะที่สำคัญเมื่อเทียบกับชั้นเซาท์ดาโคตา จุดเด่นหลักของการออกแบบคือ ปืนหลักขนาด 16 นิ้วที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และยาวกว่า 5 เท่าของลำกล้องเดิม การเพิ่มน้ำหนัก 10,000 ตัน เพื่อแลกกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพียง 6 นอต ถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่คุ้มค่า
ลักษณะจำเพาะ
ลักษณะทั่วไป
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตามีความยาว 666 ฟุต (203 เมตร) ที่เส้นแนวน้ำ จากหัวถึงท้ายเรือสุดมีความยาว 680 ฟุต (207.3 เมตร) และมีความกว้าง 108 ฟุต 2 นิ้ว (32.97 เมตร) ระวางขับน้ำมาตรฐานตามการออกแบบคือ 35,412 ลองตัน (35,980 ตัน) แต่เมื่อเรือเข้าประจำการในปี 1942 ก็มีการติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานเพิ่มเติม ส่งผลให้ระวางขับน้ำมาตรฐานเพิ่มขึ้นเป็น 37,682 ลองตัน (38,287 ตัน) ระวางขับน้ำเต็มที่เมื่อเข้าประจำการคือ 44,519 ลองตัน (45,233 ตัน) โดยมีระดับกินน้ำลึกเฉลี่ย 34 ฟุต 11.25 นิ้ว (10.6 เมตร) ที่ระวางขับน้ำดังกล่าว ระวางขับน้ำพร้อมรบตามการออกแบบอยู่ที่ 42,545 ลองตัน (43,228 ตัน) ระดับกินน้ำลึกเฉลี่ย 33 ฟุต 9.8 นิ้ว (10.3 เมตร) โดยมี 7.18 ฟุต (2.2 เมตร) การเพิ่มปืนต่อสู้อากาศยานเพิ่มเติมระหว่างการประจำการในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้ระวางขับน้ำเต็มที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายสงคราม ในปลายสงครามปี 1945 ระวางขับน้ำเต็มที่ของเซาท์ดาโคตาอยู่ที่ประมาณ 46,200 ลองตัน (46,900 ตัน) ส่วนแมสซาชูเซตส์สูงถึง 47,006 ลองตัน (47,760 ตัน) ขณะบรรทุกฉุกเฉิน
ตัวเรือของเรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตามีลักษณะเด่นคือ มีหัวเรือแบบปลายทู่ (bulbous bow) ท้องเรือสามชั้นใต้บริเวณกลางลำเรือ และ (skeg) ซึ่งเอกลักษณ์ของเรือประจัญบานของกองทัพเรือสหรัฐทุกลำ อย่างไรก็ตาม เรือชั้นเซาท์ดาโตตามีความแตกต่างจากเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนา (รุ่นก่อน) และเรือชั้นไอโอวา (รุ่นหลัง) ตรงที่ติดตั้งเพลาใบจักรด้านนอกไว้ในกระดูกงูตั้งท้ายเรือ ขณะที่เรือชั้นอื่น ๆ จะติดตั้งไว้ภายในตัวเรือ ด้วยรูปทรงตัวเรือที่สั้นกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนา ส่งผลให้เรือชั้นเซาท์ดาโคตามีความคล่องตัวกว่า และปัญหาการสั่นสะเทือนลดลงอย่างมาก
ยุทโธปกรณ์
ปืนหลัก
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาติดตั้งปืนหลัก (main battery) ขนาด 16 นิ้ว (406 มิลลิเมตร)/45 คาลิเบอร์ Mark 6 จำนวน 9 กระบอก ในป้อมปืน 3 ชุด ชุดละ 3 กระบอก ซึ่งเหมือนกับเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนา โดย 2 ป้อมแรกวางแบบซ้อนกัน (superfiring pair) ที่หัวเรือ ส่วนป้อมที่ 3 ติดตั้งไว้ที่ท้ายเรือ หลังโครงสร้างส่วนบน (superstructure)
ปืนเหล่านี้ยิง (Armor Piercing shell; AP) Mark 8 ขนาด 2,700 ปอนด์ (1,200 กิโลกรัม) ด้วยอัตรา 2 นัดต่อนาทีต่อกระบอก สามารถเลือกใช้ปริมาณ (propellant) ได้ 3 แบบ ได้แก่ เต็มพิกัด 535 ปอนด์ (243 กิโลกรัม) ลดกำลัง 295 ปอนด์ (134 กิโลกรัม) หรือลดกำลังแบบไร้แสง 315 ปอนด์ (143 กิโลกรัม) ซึ่งทำให้กระสุนมีความเร็วปลายกระบอกอยู่ที่ 2,300 ฟุตต่อวินาที (700 เมตรต่อวินาที) เมื่อใช้ดินส่งกระสุนเต็มพิกัด ในขณะที่ใช้ดินส่งกระสุนลดกำลังจะมีความเร็วปลายกระบอกที่ต่ำกว่าอยู่ที่ 1,800 ฟุตต่อวินาที (550 เมตรต่อวินาที) กระสุน 130 นัดถูกเก็บไว้สำหรับปืนแต่ละกระบอก รวมเป็น 1,170 นัด
ปืนแต่ละกระบอกในป้อมปืนทั้งสามสามารถยกขึ้นได้ถึง 45 องศา แต่เฉพาะป้อมปืนที่ 1 และ 3 เท่านั้นที่กดลงได้ถึง –2 องศา ยกเว้นป้อมปืนที่ 2 ที่อยู่ด้านบนไม่สามารถกดลงได้ สามารถยิงได้ไกลสูงสุด 36,900 หลา (33,700 เมตร) ด้วยกระสุน Mark 8 ป้อมปืนสามารถหมุนได้ 150 องศาในทั้งสองทิศทางจากเส้นกึ่งกลาง ทำให้สามารถยิงได้ในวงกว้าง ปืนสามารถยกหรือกดลงได้ด้วยความเร็ว 12 องศาต่อวินาที และป้อมปืนสามารถหมุนได้ 4 องศาต่อวินาที
ปืนรอง
ยูเอสเอส เซาท์ดาโคตา (BB-57) ได้รับการออกแบบมาให้เป็นเรือธงของกองเรือ โดยมีการติดตั้งดาดฟ้าพิเศษบนหอบังคับการเพื่อขยายพื้นที่สำหรับบัญชาการ ส่งผลให้ปืนรอง (secondary battery) ของเรือลดลงเหลือเพียง 16 กระบอก โดยเป็นปืนขนาด 5 นิ้ว (127 มิลลิเมตร)/38 คาลิเบอร์ Mark 12 ติดตั้งบนป้อมปืนคู่แบบเอนกประสงค์ (DP) Mark 28 Mod 0 จำนวน 8 ชุด จัดวาง 4 ชุดบนแต่ละข้างของโครงสร้างส่วนบน จำนวนปืนดังกล่าวถือว่าน้อยกว่าเรือในชั้นเดียวกัน 2 ชุด เนื่องจากเรือลำอื่น ๆ ติดตั้งป้อมปืนคู่แบบเอนกประสงค์ 10 ชุด รวมเป็นปืนทั้งหมด 20 กระบอก จัดวาง 5 ชุดบนแต่ละข้าง ป้อมปืนเหล่านี้มีน้ำหนัก 156,295 ปอนด์ (70,894 กิโลกรัม) สามารถกดปืนลงได้ถึง –15 องศา และยกปืนขึ้นได้ 85 องศา สามารถยิงกระสุนหลากหลายประเภท เช่น กระสุนต่อสู้อากาศยาน (AA) กระสุนส่องแสง (illumination) และกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ด้วย 15–22 นัดต่อนาที กระสุนต่อสู้อากาศยานมีความยาว 20.75 นิ้ว (52.7 เซนติเมตร) และหนัก 54–55 ปอนด์ (24–25 กิโลกรัม) ขึ้นอยู่กับรุ่น กระสุนส่องแสงและฟอสฟอรัสขาวมีขนาดที่เล็กกว่าเล็กน้อย โดยมีความยาว 20 นิ้ว (51 เซนติเมตร) กระสุนส่องแสงหนัก 54.4 ปอนด์ (24.7 กิโลกรัม) และกระสุนฟอสฟอรัสขาวหนัก 53 ปอนด์ (24 กิโลกรัม)
ปืนเหล่านี้ใช้ดินส่งกระสุน 3 แบบขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ได้แก่ เต็มพิกัด (full charge) เต็มพิกัดแบบไร้แสง (full flashless charge) และลดกำลัง (reduced charge) แบบเต็มพิกัดหนัก 15.2–15.5 ปอนด์ (6.9–7 กิโลกรัม) แบบไร้แสงหนักกว่าเล็กน้อยที่ 16 ปอนด์ (7.3 กิโลกรัม) และแบบลดกำลังมีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดที่ 3.6 ปอนด์ (1.6 กิโลกรัม) ดินส่งกระสุนเต็มพิกัดทั้งสองแบบสามารถสร้างความเร็วปลายกระบอกได้ 2,600 ฟุต/วินาที (790 เมตร/วินาที) ในปืนใหม่ แต่เมื่อใช้งานอย่างต่อเนื่องจะทำให้ลำกล้องสึกหรอ ส่งผลให้ความเร็วปลายกระบอกลดลงเล็กน้อยเหลือ 2,500 ฟุต/วินาที (760 เมตร/วินาที) ดินส่งแบบลดกำลังนั้นมีอัตราความเร็วปลายกระบอกที่ต่ำกว่าคือ 1,200 ฟุต/วินาที (370 เมตร/วินาที)
ปืนแต่ละกระบอกบรรจุกระสุนได้ 450 นัด และคาดว่าจะสามารถยิงได้ประมาณ 4,600 นัดก่อนที่จะสึกหรอจนต้องเปลี่ยนใหม่ ที่มุมยิง 45 องศา ซึ่งเป็นมุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดิน ปืนสามารถยิงเป้าหมายได้ไกลถึง 17,392 หลา (15,903 เมตร) ความสูงสูงสุดที่สามารถยิงเครื่องบินได้คือ 37,200 ฟุต (11,300 เมตร)
ปืนต่อสู้อากาศยาน
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาติดตั้งระบบต่อต้านอากาศยานหลายชนิด โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตามช่วงเวลา ดังนี้ ตามการออกแบบ ติดตั้งปืนกลขนาด .50 นิ้ว (12.7 มม.) จำนวน 12 กระบอก และขนาด 1.1 นิ้ว (27.9 มม.) จำนวน 12 กระบอก ในเดือนมีนาคม 1942 เมื่อเรือเซาท์ดาโคตาสร้างเสร็จ ระบบต่อต้านอากาศยานก็ได้รับการแก้ไขเป็นปืนกลขนาด .50 นิ้ว 8 กระบอก ปืนกลขนาด 1.1 นิ้ว 28 กระบอก และ (1 นิ้ว) 16 กระบอก 16 กระบอก ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ปืนกลขนาด .50 นิ้วถูกถอดออก จำนวนปืนกลขนาด 1.1 นิ้วลดลงเหลือ 20 กระบอก ปืนขนาด 20 มม. เพิ่มเป็น 16 กระบอก และมีการติดตั้ง (1.6 นิ้ว) 16 กระบอกในฐานยึดแบบ 4 กระบอก 4 ชุด
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1943 ปืนขนาด 1.1 นิ้ว และปืน Oerlikon 1 กระบอก ถูกแทนที่ด้วยปืน Bofors 52 กระบอก รวมเป็นทั้งหมด 68 กระบอก ต่อมาในเดือน ธันวาคม 1944 ระบบต่อต้านอากาศยานก็ได้รับการปรับปรุงอีกครั้ง โดยติดตั้งปืน Oerlikon 72 กระบอก และปืน Bofors 72 กระบอก และครั้งสุดท้ายในเดือน มีนาคม 1945 มีการเพิ่มปืน Oerlikon 5 กระบอก และถอดปืน Bofors ออก 4 กระบอก ทำให้เรือมีปืนต่อสู้อากาศยานรวม 145 กระบอก ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุด เรืออีก 3 ลำในชั้นก็ได้รับการปรับปรุงระบบต่อต้านอากาศยานในรูปแบบที่คล้ายกัน
ระบบขับเคลื่อน
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาใช้หม้อไอน้ำแบบสามดรัมของบริษัท จำนวน 8 ตัว ผลิตแรงดันไอน้ำได้ 600 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (4,100 กิโลปาสคาล) และอุณหภูมิ 850 องศาฟาเรนไฮต์ (454 องศาเซลเซียส) ไอน้ำนี้นำไปขับเคลื่อนกังหันไอน้ำแบบเฟือง 4 เครื่อง (1 เครื่องต่อเพลาใบจักร) เซาท์ดาโคตาและแมสซาชูเซตส์ ใช้กังหันของบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก ส่วนอินดีแอนาและแอละแบมา ใช้กังหันของบริษัท ซึ่งมีลักษณะที่เหมือนกัน
ระบบเครื่องจักรของเรือชั้นเซาท์ดาโคตานี้คล้ายกับเรือชั้นนอร์ทแคโรไลนา คือ แบ่งห้องเครื่องออกเป็น 4 ห้อง แต่ละห้องมีหม้อไอน้ำ 2 ตัวและกังหัน 1 เครื่อง เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบขับเคลื่อนหลักกรณีที่เกิดน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังไม่มีการติดตั้งผนังกั้นตามยาวในห้องเครื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากการเอียงและพลิกคว่ำเนื่องจากน้ำท่วมไม่เท่ากัน
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตามีใบจักรแบบสกรู 4 ใบ ใบละ 4 พวง โดย 2 ใบด้านนอกติดตั้งอยู่บนกระดูกงูตั้งท้ายเรือ และมีหางเสือกึ่งสมดุล 2 อัน ติดตั้งอยู่ด้านหลังใบจักรด้านใน 2 ใบ เมื่อแรกสร้าง เรือทั้งหมดติดตั้งใบพัดสี่ใบทั้งด้านในและนอก อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบการสั่นสะเทือนในช่วงหลังการสร้างส่งผลให้ใบจักรมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตลอดช่วงสงคราม แมสซาชูเซตส์และแอละแบมามีใบจักร 5 พวงด้านนอก และ 4 พวงด้านใน ส่วนอินดีแอนามีใบจักร 3 พวงด้านใน เครื่องยนต์ของเรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตามีกำลังขับ 130,000 แรงม้า (97,000 กิโลวัตต์) ในภาวะปกติ แต่สามารถเร่งเครื่องได้สูงสุดถึง 135,000 แรงม้า (101,000 กิโลวัตต์) ซึ่งทำให้เรือสามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุดตามการออกแบบที่ 27.5 นอต (50.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 31.6 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ระวางขับน้ำของเรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สาเหตุหลักมาจากการติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานเพิ่มเติม และการบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นเพื่อเติมให้เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือพิฆาตขนาดเล็ก ตัวอย่างเช่น ในปี 1945 มีระวางขับน้ำ 42,740 ลองตัน (43,430 ตัน) สามารถทำความเร็วได้ 27.08 นอต (50.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 31.2 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยกำลังเครื่องยนต์ 133,070 แรงม้า (99,230 กิโลวัตต์) นอกจากนี้ เรือยังบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 6,600 ลองตัน (6,700 ตัน) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล 15,000 ไมล์ทะเล (28,000 กิโลเมตร; 17,000 ไมล์) ด้วยความเร็ว 15 นอต (28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 17 ไมล์ต่อชั่วโมง)
เรือประจัญบานชั้นเซาท์ดาโคตาแต่ละลำติดตั้ง (ship service turbogenerators; SSTG) จำนวน 7 เครื่อง แต่ละเครื่องมีกำลังไฟฟ้า 1,000 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ ยังติดตั้ง (emergency diesel generators) อีก 2 เครื่อง ซึ่งแต่ละเครื่องมีกำลังไฟฟ้า 200 กิโลวัตต์
อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เกราะ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เรือในชั้น
ชื่อ | หมายเลขตัวเรือ | สร้างโดย | วางกระดูกงู | ปล่อยลงน้ำ | ประจำการ | ปลดประจำการ | ความเป็นไป |
---|---|---|---|---|---|---|---|
เซาท์ดาโคตา (South Dakota) | BB-57 | , , รัฐนิวเจอร์ซีย์ | 5 กรกฎาคม 1939 | 7 มิถุนายน 1941 | 20 มีนาคม 1942 | 31 มกราคม 1947 | ขายแยกชิ้นส่วน 25 ตุลาคม 1962 |
(Indiana) | BB-58 | , , รัฐเวอร์จิเนีย | 20 กันยายน 1939 | 21 พฤศจิกายน 1941 | 30 เมษายน 1942 | 11 กันยายน 1947 | ขายแยกชิ้นส่วน 23 ตุลาคม 1963 |
(Massachusetts) | BB-59 | , , , รัฐแมสซาชูเซตส์ | 20 กรกฎาคม 1939 | 23 กันยายน 1941 | 12 พฤษภาคม 1942 | 27 มีนาคม 1947 | เป็นพิพิธภัณฑ์เรือที่ ใน, รัฐแมสซาชูเซตส์ ตั้งแต่ 14 สิงหาคม 1965 |
(Alabama) | BB-60 | , , รัฐเวอร์จิเนีย | 1 กุมภาพันธ์ 1940 | 16 กุมภาพันธ์ 1942 | 16 สิงหาคม 1942 | 9 มกราคม 1947 | เป็นพิพิธภัณฑ์เรือที่ ในโมบีล, รัฐแอละแบมา ตั้งแต่ 11 มิถุนายน 1964 |
อ้างอิง
- Friedman, p. 281.
- Conference on the Limitation of Armament, 1922. Ch II, Part 4.
- Friedman, pp. 281–82.
- Friedman, p. 282.
- Friedman, p. 283.
- Friedman, p. 285.
- Friedman, p. 286.
- Friedman, p. 290.
- Friedman, p. 291.
- Friedman, p. 293.
- Garzke & Dulin, p. 71.
- Friedman, p. 307.
- Friedman, p. 98.
- Garzke & Dulin, pp. 97–99.
- Friedman, p. 448.
- Garzke & Dulin, p. 95.
- DiGiulian, Tony (22 October 2008). "United States of America 16"/45 (406 mm) Mark 6". navweaps.com. สืบค้นเมื่อ 30 June 2009.
- Garzke & Dulin, p. 89.
- DiGiulian, Tony (25 January 2009). . navweaps.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 June 2013. สืบค้นเมื่อ 30 June 2009.
- Garzke & Dulin, pp. 94–95.
- Friedman, p. 294.
- Garzke & Dulin, p. 101.
- The tonnage here refers to standard displacement. Also known as "Washington displacement", standard displacement is a specific term defined by the Washington Naval Treaty of 1922. It is the displacement of the ship complete, fully manned, engined, and equipped ready for sea, including all armament and ammunition, equipment, outfit, provisions and fresh water for crew, miscellaneous stores, and implements of every description that are intended to be carried in war, but without fuel or reserve boiler feed water on board.
- The individual ships dimensions varied slightly from design values. For example, South Dakota herself had a waterline length of 666 ft (203.0 m), an overall length of 680 ft 4.25 in (207.4 m), and beam of 108 ft 1.5 in (33.0 m).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
eruxpracybanchnesathdaokhta xngkvs South Dakota class battleship epnchneruxpracybanerwthisrangodykxngthpheruxshrth epnchneruxpracybanrunthisxngthitngchuxtamrthesathdaokhta mithnghmd 4 laidaek esathdaokhta aela eruxehlanithukxxkaebbtamkhxkahndsnthisyyaediywknkberuxpracybanchnnxrthaekhorilna thimirawangkhbnamatrthan 35 000 35 600 tn aelatidtngpunihy Mark 6 khnad 16 niw 45 khaliebxr canwn 9 krabxkin 3 pxmpun aetmikhnadthielkkwaaelaidrbkarpxngknthidikwa cudsngektthiaetktangcakeruxchnkxnkhux plxngifediyw inkhnathieruxchnnxrthaekhorilnamiplxngifkhuin rthemn pramaneduxnthnwakhm kh s 1942phaphrwmchnchux eruxpracybanchnesathdaokhtaphusrang phuichngan kxngthpheruxshrthkxnhnaody chnnxrthaekhorilnatamhlngody chnixoxwasrangemux 1939 1942inpracakar 1942 1947esrcaelw 4pldpracakar 4cahnaything 2ekbrksa 2lksnaechphaapraephth eruxpracybanerwkhnad rawangkhbna 35 412 35 980 tn 44 519 lxngtn 45 233 tn etmthi khwamyaw 666 fut 203 emtr 680 fut 207 emtr khwamkwang 108 fut 2 niw 33 emtr kinnaluk 36 fut 2 niw 11 emtr rabbphlngngan 8 hmxixnaaebbthxna kalng 130 000 aerngma 97 000 kiolwtt rabbkhbekhluxn 4 ibckr 4 ekhruxngyntknghnixnaaebbefuxngkhwamerw 27 5 nxt 50 9 kiolemtrtxchwomng 31 6 imltxchwomng phisyechuxephling 15 000 imlthael 28 000 kiolemtr 17 000 iml thi 15 nxt 28 kiolemtrtxchwomng 17 imltxchwomng xtraetmthi 1 793 2 634rabbtrwckaraelaptibtikar esathdaokhta xindiaexna aelaaexlaaebma yuthothpkrn 9 punhlk 16 niw 406 mm 45 cal Mark 6 16 20 punrxng 5 niw 127 mm 38 cal Mark 12 76 puntxsuxakasyan 40 mm 1 6 niw Bofors L 60 67 20 mm 0 8 niw Oerlikonekraa khanglaerux 12 2 niw 310 mm 11 3 niw 287 mm 11 3 17 3 niw 287 439 mm 18 niw 457 mm 16 niw 406 mm 1 5 niw 38 mm 5 75 6 05 niw 146 154 mm 0 63 1 niw 16 25 mm xakasyan 2 ekhruxngbinnaxupkrnsnbsnunkarbin 1 karkxsrangeruxpracybanchnesathdaokhtaerimkhunkxnsngkhramolkkhrngthisxngimnan odyichngbpramanpracapingbpraman 1939 eruxthng 4 laerimpracakartngaetchwngvdurxnpi 1942 odyptibtipharkicthnginmhasmuthraextaelntik ephuxetriymskderuxrbkhnadihykhxngeyxrmn aelainmhasmuthraepsifik odythahnathiepnswnhnungkhxngkxngeruxbrrthukekhruxngbinerw aelapharkicocmtichayfng eruxthng 4 lathukpldpracakarimnanhlngcbsngkhram esathdaokhtaaelaxindiaexnathuknaipaeykchinswninchwngpi 1960 swnaemssachuestsaelaaexlaaebmaidrbkarxnurksiwepnphiphithphnthkarphthnaebuxnghlng kxngthpheruxshrthxnumtikarsrangeruxpracybanchnnxrthaekhorilna 2 lainokhrngkarngbpramanpi 1937 txmakhnakrrmkarthharidprachumknephuxharuxekiywkberuxpracybanxik 2 lathicacdsrrihkbokhrngkarngbpramanpi 1938 khnakrrmkaridesnxihsrangeruxchnnxrthaekhorilnaxik 2 la aetphleruxexk William H Standley phubychakaryuththnawi txngkariheruxepnaebbihm sunghmaykhwamwakarkxsrangcaimsamartherimidphayinpi 1938 dngnneruxcungidrbmxbhmayihsranginokhrngkarngbpramanpi 1939 nganxxkaebberimtnineduxnminakhm 1937 aebbrangeruxthngsxnglaidrbxnumtixyangepnthangkarcakrthmntriwakarthbwngthhareruxinwnthi 23 mithunayn 1937 khxmulcaephaathichdecnsahrberuxthngsxnglaidrbkarxnumtiinwnthi 4 mkrakhm 1938 aelaidrbkhasngsuxxyangepnthangkarinwnthi 4 emsayn 1938 dwysthankarnrahwangpraethsthielwraylngthnginyuorpaelaexechiy sphakhxngekrscungxnumtiihsrangeruxpracybanaebbihmephimxik 2 la rwmepn 4 la phayit Deficiency Authorization Act lngwnthi 25 mithunayn 1938 aemwakxngthpheruxshrthcaich khxkahndbnideluxn escalator clause in ephuxerimdaeninkarsrangeruxpracybanchnixoxwasungepnruntxma aetsphakhxngekrsxnumtiihsrangechphaaeruxpracybankhnad 35 000 tnethann eruxpracybanchnesathdaokhtathukxxkaebbmaephuxaekikhcudbkphrxnghlayprakarthiphbineruxchnnxrthaekhorilna dngni rabbpxngknitnathiimephiyngphx ekhruxngyntknghnthilasmy aelamiphunthiimephiyngphxthicathahnathiepneruxthng eruxlaaerkkhxngchnihmcungthukxxkaebbihmichndadfaphiessbnhxbngkhbkarephuxcudprasngkhni aemwaphunthiaelanahnkthiephimkhuncakkarnicathaihtxngtdpunkhukhnad 5 niw canwn 2 chudxxkip karxxkaebb krabwnkarxxkaebberuxpracybanrunihmnnetmipdwykarthkethiyngxyanghnk khnakrrmkarxxkaebbidesnxkhxesnxcanwnmak khxesnxhnungeriykrxngihsrangeruxthimipunkhnad 16 niw 406 mm canwn 9 krabxkinpxmpun 3 chud ekraadadfahna 5 9 niw 150 mm ephuxpxngknkarocmticakkrasunwithiokhngcakrayaiklthung 30 000 hla 27 000 m aelakahndkhwamerwsungsudiwimnxykwa 23 nxt 43 km chm 26 iml chm xyangirktam pyhathisakhythisudxyuthiekraalaerux belt armor punkhnad 16 niwsamarththaluaephnekraahna 13 5 niw 340 mm sungepnekraathihnathisudineruxrbshrthinkhnann aemcaxyuthiraya 25 000 hla 23 000 m ephuxiheruxsamarththntxxawuthkhxngtwexngid khunlksnathieriykwa ekraasmdul khwamhnakhxngekraalaeruxhlkcatxngephimepn 15 5 niw 390 mm sungcasngphltxnahnkkhxngeruxcnxacichnganimid ephuxaekikhpyhani nkxxkaebbcungesnxaenwkhidkarichekraaexiyng sloped armor sungepnethkhnikhkartidtngaephnekraathamumephuxephimprasiththiphaphinkarpxngkn aemwaaenwkhidnicasamarthldkhwamhnakhxngekraaid aetkarnaipichkbekraaphaynxknnepnipimid enuxngcakcasngphlkrathbtxesthiyrphaphkhxngeruxxyangrunaerng dngnn thangxxkthieluxkichkhuxkartidtngekraaexiyngphayinlaerux odysrangekraaiwdanhlngaephnepluxkeruxthiimmiekraa withikarnimikhxesiykhuxephimkhwamsbsxninkarkxsrang ephraahakekraaphayinidrbkhwamesiyhay catxngtdaephnepluxkeruxphaynxkxxkkxncungcasamarthsxmaesmekraaid karxxkaebbebuxngtnkhxngeruxpracybanchnesathdaokhta ephuxldkhxesiykhxngekraaexiyng nkxxkaebbcungxxkaebbihekraadngklawladexiyngxxkcakkraduknguerux keel ipthangdannxk caknncungladexiyngklbekhahadadfathimiekraa sunghmaykhwamwa krasunpunthiyingmacakrayaprachidcakrathbkbswnbnkhxngekraaexiynginmumthiexiyngxxk thaihekraamiprasiththiphaphinkarpxngknsungsud xyangirktam prasiththiphaphkhxngekraaexiyngswnbncaldlngemuxxyuiklxxkip enuxngcakkarocmtiaebbdingcakrathbkbekraainmumthiiklekhiyngkbmumchak thaihkrasunsamarththaluekraaidngaykhun thungaemwaekraaexiyngcamikhxesiyni aetkchwyldphunthithicaepntxngpkkhlumdwydadfathimiekraa sungchwyprahydnahnkidxikdwy nahnkthiprahydidni chwyihsamarthxxkaebbekraaswnbnihhnakhun sungchwyldkhwamesiyngtxkarthukocmticakkrasunwithiokhngidinradbhnung enuxngcakekraaexiyngepnekraaphayin cungsamarthkhyayipthungdaninkhxngthxngeruxsxngchn double bottom sungchwyiheruxmikarpxngknitnathidikwaeruxpracybanchnnxrthaekhorilna xyangirktam inthisud wiswkrkidtdsinicykelikkarichekraaexiyngaebbsxngchnthimikhwamsbsxn enuxngcakphbwaekraaexiyngaebbchnediywsamarthihprasiththiphaphkarpxngknthiiklekhiyngkn aelayngchwyprahydnahnkidhlayrxytn khnadkhxngtweruxkepnxikhnungpyha odythwiptweruxthiyawkwamkcamikhwamerwsungsudthimakkwaechnkn aetktxngkarekraamakkhunephuxpxngkn eruxlasntxngkarekhruxngckrthimiprasiththiphaphsungkwaephuxrksakhwamerwsungsud haktxngkariheruxpracybanchnesathdaokhtathimikhwamyawnxykwachnnxrthaekhorilnarunkxn 680 fut ethiybkb 729 fut tamladb mikhwamerwsungsudethaedim cungcaepntxngtidtngekhruxngckrthimiprasiththiphaphsungkwathiekhyichineruxlasn ebuxngtn karxxkaebbkahndkhwamerwsungsudiwthixyangnxy 22 5 nxt 41 7 km chm 25 9 iml chm sungthuxwaephiyngphxthicatamthneruxrbfaytrngkhamaelahnieruxdanathiophlphnnaid xyangirktam inplaypi 1936 samarththxdrhssyyanwithyucakkxngthpheruxyipun sungephyihehnwaeruxpracybannangaota mikhwamerwekinkwa 26 nxt 48 km chm yuexsexs esathdaokhta khnakalngkxsrangineduxnemsayn 1940 ephuxrbmuxkbkhwamthathaydankhwamerwkhxngeruxrbyipun nkxxkaebbcungkahndkhwamerwsungsudthiepnipidthi 25 8 26 2 nxt 47 8 48 5 km chm 29 7 30 2 iml chm odyxasyekhruxngckrcakeruxchnnxrthaekhorilnathiprbkhnadihelkphxthicatidtngintweruxthiaekhbkwakhxngeruxchnesathdaokhtaid krabwnkarprbprungekhruxngckrkhux karwanghmxixna boilers iwehnuxekhruxngyntknghn turbines odytrng sungepnrupaebbediywkbthiekhyichin Lexington class battlecruisers pi 1916 xyangirktam wiswkridprbepliyntaaehnngkhxnghmxixnahlaykhrng odyerimcakkarwangslbkbknghn aelasudthaykwangiwkhangknghnodytrng rabbkhbekhluxnthnghmdthukcdwangihchidknmakthisudethathicaepnipid ekhruxngraehy evaporators aelaekhruxngklnna distilling equipment thuktidtngiwinhxngekhruxngynt karprbprungnichwyephimphunthiwangdanhlngekraalaeruxephiyngphxthicasranghxngwangaephnthisxng mathungtxnni krabwnkarxxkaebbidkahndihtweruxmikhwamyaw 666 fut 203 emtr rahwangaenwtngchak aelaichekraaexiyngphayinaebbchnediyw xyangirktam ephuxpxngknkarptiesthcakkhnakrrmkarbrihar nkxxkaebbcungidesnxthangeluxkephimetimxikhlayaebb sungprakxbdwy eruxthiyawkwaaelaerwkwa tidtngpunkhnad 14 niwinpxmpun 3 chud eruxthichakwa tidtngpunkhnad 14 niwinpxmpun 4 chud eruxrunprbprungcakchnnxrthaekhorilna aelaeruxthimikhwamerw 27 nxt tidtngpunkhnad 16 niw canwn 9 krabxk inrupaebbkhlaykberuxchnnxrthaekhorilna praednthithkethiyngknxyangdueduxdekiywkbkarxxkaebberuxpracybanchnesathdaokhta khux khwamerw phubychakarthhareruxshrthtxngkariheruxrbihmmikhwamerwimtakwa 25 nxt 46 km chm 29 iml chm kxngkalngrb battle force txngkarkhwamerwxyangnxy 27 nxt 50 km chm 31 iml chm ephuxrksakhwamsmaesmxinaenwrb xthikarbdiwithyalykarsngkhramehnwaeruxrbthirwderwepnsingthidithisud aetkxngthpheruxcayngkhngichnganeruxrbrunekathimikhwamerw 21 nxt 39 km chm ipcnthungthswrrsthi 1950 dngnn khwamerwthisungkwacungimcaepn xyangirktam khwamerwthitakwa 27 nxt cathaiheruxpracybanchnesathdaokhtathahnathisakhyxyanghnungimid nnkhux karepneruxkhumknihkb fast carrier task forces sungklayepnbthbathsakhythisudkhxngeruxpracybaninphayhlng inthisud aephnkarxxkaebbhlkthikhwamyaw 666 fut epnaephnediywthisamarthtxbsnxngkhwamtxngkarthirabuiw thngdankhwamerw ekraapxngkn aelapunkhnad 16 niw canwn 9 krabxk inplaypi 1937 khxesnxkarxxkaebbidrbkarxnumti odykahndihmikarprbepliynelknxyephuxprahydnahnkaelaephimmumying thiphksahrblukerux aemaethxngphkkhxngnaythharchnphuihy rwmthunghxngxahar lwnmikhnadelklng nxkcakniyngmikartdchxngrabayxakasxxkthnghmd thaiheruxtxngphungphakarhmunewiynxakasethiymxyangsmburn aemcamikarpranipranxm nkprawtisastrdankxngthpherux William Garzke aela Robert Dulin klawinphayhlngwa eruxpracybanchnesathdaokhtaepneruxrbsnthisyyathidithisudethathiekhysrangma Norman Friedman nkprawtisastrdankxngthpherux klawwa karxxkaebberuxpracybanchnesathdaokhta epnkhwamsaercxnnathung phayitkhxcakdkhxngsnthisyyaxnekhmngwd nxkcakni kartdsinickhnsudthayekiywkbkhwamerwthisungkwa yngepnkarputhangipsukarphthnaeruxpracybanchnixoxwa sungepneruxpracybankhnadihythisud erwthisud aelaepnrunsudthaykhxngshrth tamthifridaemnidekhiyniwwa epnewlakhrungstwrrskxnkarsrangeruxpracybanchnixoxwa kxngthpheruxshrthmungennipthiekraaaelaxanackaryingmakkwakhwamerw aemwacamikartdsinicsrangeruxpracybanthierwkwaxyangchnnxrthaekhorilna aetkxngthpheruxkyngkhngeluxkichaebbthimikhwamerwtakwa inkarxxkaebberuxpracybanrunkxn wiswkrmungennkarprbprungekhruxngckrephuxldphlkrathbtxkhwamerw aethnthicaphthnaekhruxngckrthithrngphlngkwaephuxihidkhwamerwthisungkhun phllphthkhux eruxpracybankhnadihy 4 lathishrthsrangkhunnn mikhwamerwephiyng 33 nxt sungimtangcakeruxrunkxnhnathimikhwamerw 27 nxt aelanahnk 35 000 tnmaknk eruxpracybanchnixoxwaimidmikarprbprungekraathisakhyemuxethiybkbchnesathdaokhta cudednhlkkhxngkarxxkaebbkhux punhlkkhnad 16 niwthimiprasiththiphaphmakkwa aelayawkwa 5 ethakhxnglaklxngedim karephimnahnk 10 000 tn ephuxaelkkbkhwamerwthiephimkhunephiyng 6 nxt thuxepnkartdsinicthiimkhumkhalksnacaephaalksnathwip eruxpracybanchnesathdaokhtamikhwamyaw 666 fut 203 emtr thiesnaenwna cakhwthungthayeruxsudmikhwamyaw 680 fut 207 3 emtr aelamikhwamkwang 108 fut 2 niw 32 97 emtr rawangkhbnamatrthantamkarxxkaebbkhux 35 412 lxngtn 35 980 tn aetemuxeruxekhapracakarinpi 1942 kmikartidtngpuntxsuxakasyanephimetim sngphlihrawangkhbnamatrthanephimkhunepn 37 682 lxngtn 38 287 tn rawangkhbnaetmthiemuxekhapracakarkhux 44 519 lxngtn 45 233 tn odymiradbkinnalukechliy 34 fut 11 25 niw 10 6 emtr thirawangkhbnadngklaw rawangkhbnaphrxmrbtamkarxxkaebbxyuthi 42 545 lxngtn 43 228 tn radbkinnalukechliy 33 fut 9 8 niw 10 3 emtr odymi 7 18 fut 2 2 emtr karephimpuntxsuxakasyanephimetimrahwangkarpracakarinchwngsngkhramolkkhrngthisxng sngphlihrawangkhbnaetmthiephimkhunxyangmakinchwngplaysngkhram inplaysngkhrampi 1945 rawangkhbnaetmthikhxngesathdaokhtaxyuthipraman 46 200 lxngtn 46 900 tn swnaemssachuestssungthung 47 006 lxngtn 47 760 tn khnabrrthukchukechin tweruxkhxngeruxpracybanchnesathdaokhtamilksnaednkhux mihweruxaebbplaythu bulbous bow thxngeruxsamchnitbriewnklanglaerux aela skeg sungexklksnkhxngeruxpracybankhxngkxngthpheruxshrththukla xyangirktam eruxchnesathdaottamikhwamaetktangcakeruxchnnxrthaekhorilna runkxn aelaeruxchnixoxwa runhlng trngthitidtngephlaibckrdannxkiwinkradukngutngthayerux khnathieruxchnxun catidtngiwphayintwerux dwyrupthrngtweruxthisnkwaelknxyemuxethiybkberuxchnnxrthaekhorilna sngphliheruxchnesathdaokhtamikhwamkhlxngtwkwa aelapyhakarsnsaethuxnldlngxyangmak yuthothpkrn punhlk yuexsexs esathdaokhta aesdngrayakarykpunhlk eruxpracybanchnesathdaokhtatidtngpunhlk main battery khnad 16 niw 406 milliemtr 45 khaliebxr Mark 6 canwn 9 krabxk inpxmpun 3 chud chudla 3 krabxk sungehmuxnkberuxchnnxrthaekhorilna ody 2 pxmaerkwangaebbsxnkn superfiring pair thihwerux swnpxmthi 3 tidtngiwthithayerux hlngokhrngsrangswnbn superstructure punehlaniying Armor Piercing shell AP Mark 8 khnad 2 700 pxnd 1 200 kiolkrm dwyxtra 2 ndtxnathitxkrabxk samartheluxkichpriman propellant id 3 aebb idaek etmphikd 535 pxnd 243 kiolkrm ldkalng 295 pxnd 134 kiolkrm hruxldkalngaebbiraesng 315 pxnd 143 kiolkrm sungthaihkrasunmikhwamerwplaykrabxkxyuthi 2 300 futtxwinathi 700 emtrtxwinathi emuxichdinsngkrasunetmphikd inkhnathiichdinsngkrasunldkalngcamikhwamerwplaykrabxkthitakwaxyuthi 1 800 futtxwinathi 550 emtrtxwinathi krasun 130 ndthukekbiwsahrbpunaetlakrabxk rwmepn 1 170 nd punaetlakrabxkinpxmpunthngsamsamarthykkhunidthung 45 xngsa aetechphaapxmpunthi 1 aela 3 ethannthikdlngidthung 2 xngsa ykewnpxmpunthi 2 thixyudanbnimsamarthkdlngid samarthyingidiklsungsud 36 900 hla 33 700 emtr dwykrasun Mark 8 pxmpunsamarthhmunid 150 xngsainthngsxngthisthangcakesnkungklang thaihsamarthyingidinwngkwang punsamarthykhruxkdlngiddwykhwamerw 12 xngsatxwinathi aelapxmpunsamarthhmunid 4 xngsatxwinathi punrxng punkhnad 5 niwkhxngyuexsexs aemssachuests yuexsexs esathdaokhta BB 57 idrbkarxxkaebbmaihepneruxthngkhxngkxngerux odymikartidtngdadfaphiessbnhxbngkhbkarephuxkhyayphunthisahrbbychakar sngphlihpunrxng secondary battery khxngeruxldlngehluxephiyng 16 krabxk odyepnpunkhnad 5 niw 127 milliemtr 38 khaliebxr Mark 12 tidtngbnpxmpunkhuaebbexnkprasngkh DP Mark 28 Mod 0 canwn 8 chud cdwang 4 chudbnaetlakhangkhxngokhrngsrangswnbn canwnpundngklawthuxwanxykwaeruxinchnediywkn 2 chud enuxngcakeruxlaxun tidtngpxmpunkhuaebbexnkprasngkh 10 chud rwmepnpunthnghmd 20 krabxk cdwang 5 chudbnaetlakhang pxmpunehlaniminahnk 156 295 pxnd 70 894 kiolkrm samarthkdpunlngidthung 15 xngsa aelaykpunkhunid 85 xngsa samarthyingkrasunhlakhlaypraephth echn krasuntxsuxakasyan AA krasunsxngaesng illumination aelakrasunfxsfxrskhaw WP dwy 15 22 ndtxnathi krasuntxsuxakasyanmikhwamyaw 20 75 niw 52 7 esntiemtr aelahnk 54 55 pxnd 24 25 kiolkrm khunxyukbrun krasunsxngaesngaelafxsfxrskhawmikhnadthielkkwaelknxy odymikhwamyaw 20 niw 51 esntiemtr krasunsxngaesnghnk 54 4 pxnd 24 7 kiolkrm aelakrasunfxsfxrskhawhnk 53 pxnd 24 kiolkrm punehlaniichdinsngkrasun 3 aebbkhunxyukbsthankarn idaek etmphikd full charge etmphikdaebbiraesng full flashless charge aelaldkalng reduced charge aebbetmphikdhnk 15 2 15 5 pxnd 6 9 7 kiolkrm aebbiraesnghnkkwaelknxythi 16 pxnd 7 3 kiolkrm aelaaebbldkalngmikhnadelkkwaxyangehnidchdthi 3 6 pxnd 1 6 kiolkrm dinsngkrasunetmphikdthngsxngaebbsamarthsrangkhwamerwplaykrabxkid 2 600 fut winathi 790 emtr winathi inpunihm aetemuxichnganxyangtxenuxngcathaihlaklxngsukhrx sngphlihkhwamerwplaykrabxkldlngelknxyehlux 2 500 fut winathi 760 emtr winathi dinsngaebbldkalngnnmixtrakhwamerwplaykrabxkthitakwakhux 1 200 fut winathi 370 emtr winathi punaetlakrabxkbrrcukrasunid 450 nd aelakhadwacasamarthyingidpraman 4 600 ndkxnthicasukhrxcntxngepliynihm thimumying 45 xngsa sungepnmumthimiprasiththiphaphsungsudinkarocmtiepahmayphakhphundin punsamarthyingepahmayidiklthung 17 392 hla 15 903 emtr khwamsungsungsudthisamarthyingekhruxngbinidkhux 37 200 fut 11 300 emtr puntxsuxakasyan xawuthtxtanxakasyanbnyuexsexs esathdaokhta eruxpracybanchnesathdaokhtatidtngrabbtxtanxakasyanhlaychnid odymikarprbepliynrupaebbtamchwngewla dngni tamkarxxkaebb tidtngpunklkhnad 50 niw 12 7 mm canwn 12 krabxk aelakhnad 1 1 niw 27 9 mm canwn 12 krabxk ineduxnminakhm 1942 emuxeruxesathdaokhtasrangesrc rabbtxtanxakasyankidrbkaraekikhepnpunklkhnad 50 niw 8 krabxk punklkhnad 1 1 niw 28 krabxk aela 1 niw 16 krabxk 16 krabxk ineduxnknyaynpiediywkn punklkhnad 50 niwthukthxdxxk canwnpunklkhnad 1 1 niwldlngehlux 20 krabxk punkhnad 20 mm ephimepn 16 krabxk aelamikartidtng 1 6 niw 16 krabxkinthanyudaebb 4 krabxk 4 chud ineduxnkumphaphnth 1943 punkhnad 1 1 niw aelapun Oerlikon 1 krabxk thukaethnthidwypun Bofors 52 krabxk rwmepnthnghmd 68 krabxk txmaineduxn thnwakhm 1944 rabbtxtanxakasyankidrbkarprbprungxikkhrng odytidtngpun Oerlikon 72 krabxk aelapun Bofors 72 krabxk aelakhrngsudthayineduxn minakhm 1945 mikarephimpun Oerlikon 5 krabxk aelathxdpun Bofors xxk 4 krabxk thaiheruxmipuntxsuxakasyanrwm 145 krabxk sungepncanwnsungsud eruxxik 3 lainchnkidrbkarprbprungrabbtxtanxakasyaninrupaebbthikhlaykn rabbkhbekhluxn eruxpracybanchnesathdaokhtaichhmxixnaaebbsamdrmkhxngbristh canwn 8 tw phlitaerngdnixnaid 600 pxndtxtarangniw 4 100 kiolpaskhal aelaxunhphumi 850 xngsafaerniht 454 xngsaeslesiys ixnaninaipkhbekhluxnknghnixnaaebbefuxng 4 ekhruxng 1 ekhruxngtxephlaibckr esathdaokhtaaelaaemssachuests ichknghnkhxngbristhecenxrlxielkthrik swnxindiaexnaaelaaexlaaebma ichknghnkhxngbristh sungmilksnathiehmuxnkn rabbekhruxngckrkhxngeruxchnesathdaokhtanikhlaykberuxchnnxrthaekhorilna khux aebnghxngekhruxngxxkepn 4 hxng aetlahxngmihmxixna 2 twaelaknghn 1 ekhruxng ephuxpxngknkhwamesiyhaytxrabbkhbekhluxnhlkkrnithiekidnathwm nxkcakni yngimmikartidtngphnngkntamyawinhxngekhruxng ephuxldkhwamesiyngcakkarexiyngaelaphlikkhwaenuxngcaknathwmimethakn eruxpracybanchnesathdaokhtamiibckraebbskru 4 ib ibla 4 phwng ody 2 ibdannxktidtngxyubnkradukngutngthayerux aelamihangesuxkungsmdul 2 xn tidtngxyudanhlngibckrdanin 2 ib emuxaerksrang eruxthnghmdtidtngibphdsiibthngdaninaelanxk xyangirktam phlkarthdsxbkarsnsaethuxninchwnghlngkarsrangsngphlihibckrmikarprbepliynrupaebbtlxdchwngsngkhram aemssachuestsaelaaexlaaebmamiibckr 5 phwngdannxk aela 4 phwngdanin swnxindiaexnamiibckr 3 phwngdanin ekhruxngyntkhxngeruxpracybanchnesathdaokhtamikalngkhb 130 000 aerngma 97 000 kiolwtt inphawapkti aetsamartherngekhruxngidsungsudthung 135 000 aerngma 101 000 kiolwtt sungthaiheruxsamarthaelndwykhwamerwsungsudtamkarxxkaebbthi 27 5 nxt 50 9 kiolemtrtxchwomng 31 6 imltxchwomng rawangkhbnakhxngeruxpracybanchnesathdaokhtaephimkhunxyangtxenuxngtlxdchwngsngkhramolkkhrngthisxng saehtuhlkmacakkartidtngpuntxsuxakasyanephimetim aelakarbrrthuknamnechuxephlingmakkhunephuxetimiheruxbrrthukekhruxngbinaelaeruxphikhatkhnadelk twxyangechn inpi 1945 mirawangkhbna 42 740 lxngtn 43 430 tn samarththakhwamerwid 27 08 nxt 50 2 kiolemtrtxchwomng 31 2 imltxchwomng dwykalngekhruxngynt 133 070 aerngma 99 230 kiolwtt nxkcakni eruxyngbrrthuknamnechuxephlingidpraman 6 600 lxngtn 6 700 tn sungephiyngphxsahrbkaredinthangikl 15 000 imlthael 28 000 kiolemtr 17 000 iml dwykhwamerw 15 nxt 28 kiolemtrtxchwomng 17 imltxchwomng eruxpracybanchnesathdaokhtaaetlalatidtng ship service turbogenerators SSTG canwn 7 ekhruxng aetlaekhruxngmikalngiffa 1 000 kiolwtt nxkcakni yngtidtng emergency diesel generators xik 2 ekhruxng sungaetlaekhruxngmikalngiffa 200 kiolwtt xielkthrxniks swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidekraa swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniideruxinchnchux hmayelkhtwerux srangody wangkradukngu plxylngna pracakar pldpracakar khwamepnipesathdaokhta South Dakota BB 57 rthniwecxrsiy 5 krkdakhm 1939 7 mithunayn 1941 20 minakhm 1942 31 mkrakhm 1947 khayaeykchinswn 25 tulakhm 1962 Indiana BB 58 rthewxrcieniy 20 knyayn 1939 21 phvscikayn 1941 30 emsayn 1942 11 knyayn 1947 khayaeykchinswn 23 tulakhm 1963 Massachusetts BB 59 rthaemssachuests 20 krkdakhm 1939 23 knyayn 1941 12 phvsphakhm 1942 27 minakhm 1947 epnphiphithphntheruxthi in rthaemssachuests tngaet 14 singhakhm 1965 Alabama BB 60 rthewxrcieniy 1 kumphaphnth 1940 16 kumphaphnth 1942 16 singhakhm 1942 9 mkrakhm 1947 epnphiphithphntheruxthi inombil rthaexlaaebma tngaet 11 mithunayn 1964xangxingFriedman p 281 sfn error no target CITEREFFriedman Conference on the Limitation of Armament 1922 Ch II Part 4 Friedman pp 281 82 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 282 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 283 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 285 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 286 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 290 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 291 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 293 sfn error no target CITEREFFriedman Garzke amp Dulin p 71 sfn error no target CITEREFGarzkeDulin Friedman p 307 sfn error no target CITEREFFriedman Friedman p 98 sfn error no target CITEREFFriedman Garzke amp Dulin pp 97 99 sfn error no target CITEREFGarzkeDulin Friedman p 448 sfn error no target CITEREFFriedman Garzke amp Dulin p 95 sfn error no target CITEREFGarzkeDulin DiGiulian Tony 22 October 2008 United States of America 16 45 406 mm Mark 6 navweaps com subkhnemux 30 June 2009 Garzke amp Dulin p 89 sfn error no target CITEREFGarzkeDulin DiGiulian Tony 25 January 2009 navweaps com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 30 June 2013 subkhnemux 30 June 2009 Garzke amp Dulin pp 94 95 sfn error no target CITEREFGarzkeDulin Friedman p 294 sfn error no target CITEREFFriedman Garzke amp Dulin p 101 sfn error no target CITEREFGarzkeDulin The tonnage here refers to standard displacement Also known as Washington displacement standard displacement is a specific term defined by the Washington Naval Treaty of 1922 It is the displacement of the ship complete fully manned engined and equipped ready for sea including all armament and ammunition equipment outfit provisions and fresh water for crew miscellaneous stores and implements of every description that are intended to be carried in war but without fuel or reserve boiler feed water on board The individual ships dimensions varied slightly from design values For example South Dakota herself had a waterline length of 666 ft 203 0 m an overall length of 680 ft 4 25 in 207 4 m and beam of 108 ft 1 5 in 33 0 m