เมืองคูบัว เป็นเมืองโบราณอยู่ห่างจากเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 12 กิโลเมตร คาดว่าสร้างมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ในอาณาจักรทวารวดี และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอาณาจักรนี้: 299–300, 302, 307–309
วัดโขลง เป็นหนึ่งในโบราณสถานภายในเมืองคูบัว | |
ที่ตั้ง | , จังหวัดราชบุรี, ประเทศไทย |
---|---|
พิกัด | 13°29′11″N 99°50′9″E / 13.48639°N 99.83583°E |
ประเภท | โบราณสถาน |
ความเป็นมา | |
วัสดุ | อิฐ และศิลาแลง |
สร้าง | พุทธศตวรรษที่ 12 |
ละทิ้ง | พุทธศตวรรษที่ 16 |
สมัย | ทวารวดี |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
ขุดค้น | พ.ศ. 2504 |
ผู้ขุดค้น | กรมศิลปากร |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | เมืองคูบัว |
ขึ้นเมื่อ | 10 กันยายน พ.ศ. 2544 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | โบราณสถานในจังหวัดราชบุรี |
เลขอ้างอิง | 0005944 |
ลักษณะทางกายภาพของเมืองนั้นมีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีลำห้วยธรรมชาติไหลผ่านหลายสาย ลำห้วยเหล่านี้เป็นลำห้วยสาขาของลำน้ำสายใหญ่ คือ แม่น้ำอ้อม (แม่น้ำแม่กลองสายเดิม) และแม่น้ำแม่กลอง
การสำรวจเมืองคูบัวตั้งแต่ พ.ศ. 2504 พบโบราณสถานที่ตั้งอยู่ภายในและภายนอกคูเมืองจำนวน 67 แห่ง กรมศิลปากรดำเนินการขุดแต่งแล้วจำนวน 23 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นซากฐานสถูปเจดีย์ที่สร้างขึ้นสืบเนื่องกับศาสนาพุทธ ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน
ลักษณะทางกายภาพ
คูน้ำและคันดิน
คูน้ำอยู่ตรงกลางระหว่างคันดินสองชั้น ตัวคูน้ำกว้างเฉลี่ยประมาณ 50 เมตร ส่วนคันดินกว้างประมาณ 53 เมตร สูง 3 เมตร คูน้ำและคันดินด้านทิศเหนือและใต้ยาวด้านละประมาณ 800 เมตร ส่วนคูน้ำและคันดินด้านทิศตะวันออกและตะวันตกยาวด้านละประมาณ 2,000 เมตร รวมความยาวมั้ง 4 ด้านโดยรอบตัวเมืองประมาณ 5,680 เมตร
ศาสนสถาน
ศาสนสถานที่พบภายในเมืองคูบัว เป็นศาสนาพุทธในมหายานและเถรวาท
ในส่วนโบราณสถานศาสนาพุทธแบบมหายาน มักนิยมตกแต่งอาคารด้วยลวดลายทั้งที่เป็นแผ่นภาพดินเผา แผ่นภาพปูนปั้น ตลอดจนประติมากรรมนูนสูง ทั้งและปูนปั้น โดยพบในโบราณสถานหมายเลข 39 และ 40 พบภาพดินเผารูปพระโพธิสัตว์, เทวดา, อมนุษย์, และรูปสัตว์ โดยเฉพาะเศียรพระโพธิสัตว์ดินเผาที่แสดงถึงฝีมือช่างชั้นสูง รูปพระโพธิสัตว์ดินเผาที่ส่วนองค์ยังคงสภาพดีอยู่ ล้วนยืนในท่าตริภังค์ (ยืนเอียงสะโพก) ลักษณะเดียวกับประติมากรรมในศิลปะอินเดีย จนมีผู้สันนิษฐานว่าประติมากรรมดินเผาที่พบที่โบราณสถานหมายเลข 39 และ 40 นี้ อาจจะทำขึ้นโดยช่างฝีมือชาวอินเดียที่เดินทางเข้ามาตั้งหลักแหล่งบริเวณเมืองคูบัว ในราวพุทธศตวรรษที่ 11-13: 60
โบราณสถานศาสนาพุทธแบบเถรวาท ไม่นิยมการประดับตกแต่งมากนัก อาจมีเพียงแผ่นอิฐแต่งลวดลายหรือชิ้นส่วนลวดลายดินเผาประดับ หรืออาจเป็นแผ่นภาพเล่าเรื่องในศาสนาพุทธ เช่น ภาพปูนปั้นประดับโบราณสถานหมายเลข 10 เป็นภาพจากนิทานในนิกาย ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราวพุทธศตวรรษที่ 12
ศาสนสถานที่ปรากฏหลักฐานทั้งแบบมหายานและแบบเถรวาท คือ โบราณสถานหมายเลข 18 หรือวัดโขลง ตั้งยู่เกือบกลางเมืองคูบัว มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดในบรรดาโบราณสถานเมืองคูบัว สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฐานของวิหาร เพราะมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านอกจากนี้ยังได้พบประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์สำริดขนาดเล็ก มีรูปแบบคล้ายคลึงกับประติมากรรมที่พบในภาคใต้
โบราณสถานที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง คือ โบราณสถานหมายเลข 1 ซึ่งได้พบผอบทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุครอบด้วยผอบเงิน ฝาแกะลวดลายดอกบัว บรรจุในช่องกลางของกล่องรูปสี่เหลี่ยมซึ่งเจาะเป็นช่องห้า ช่อง วางอยู่ใต้ฐาน เพื่อบรรจุรูปสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อในเรื่องจักรวาลที่มีอิทธิพลมาจากอินเดีย ทั้งหมดสะท้อนเห็นถึงความเชื่อในเรื่องการเคารพบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคาร ซึ่งสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน: 83
วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นก้อนอิฐขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 18 เซนติเมตร ความยาว 34 เซนติเมตร และความหนา 8 เซนติเมตร ดินที่ใช้เผามีส่วนผสมของแกลบข้าวเมล็ดใหญ่ โบราณสถานส่วนมากใช้อิฐเป็นวัสดุก่อสร้าง มีโบราณสถานเพียงแห่งเดียว คือ โบราณสถานหมายเลข 18 หรือวัดโขลง ที่มีฐานก่อด้วยศิลาแลง
โบราณวัตถุ
โบราณวัตถุที่พบภายในเมืองคูบัว เป็นโบราณวัตถุเกี่ยวกับศาสนาและชีวิตประจำวัน
โบราณวัตถุที่ทำขึ้นเกี่ยวกับศาสนา พบประติมากรรมประดับอาคารศาสนสถาน, พระพุทธรูปดินเผาและปูนปั้น, พระพิมพ์ ทั้งที่ทำจากและหินชนวน, ชิ้นส่วนธรรมจักรศิลา, ประติมากรรมรูปบุคคลที่ทำด้วยดินเผาและปูนปั้น แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนภายในเมืองคูบัว เช่น ภาพดินเผารูปผู้ชายไว้เครา แต่งกายมีผ้าโพกศีรษะแหลม สวมรองเท้าบู๊ท สันนิษฐานว่าอาจเป็นชาวอาหรับที่เดินทางเข้ามาค้าขาย
โบราณวัตถุที่ทำขึ้นใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ ภาชนะดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยดินเผา อาทิ แว ลูกกระสุน ที่ประทับลวดลาย เครื่องประดับทำจากโลหะ เครื่องมือโลหะ ลูกปัดแก้ว รูปแบบของเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องประดับ ได้สืบต่อภูมิปัญญามาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่มีวิธีการที่ซับซ้อนขึ้น
โบราณสถาน
จากการสำรวจพบจำนวน 67 แห่ง บริเวณภายในเมืองพบโบราณสถานที่ยังปรากฏหลักฐานอยู่จำนวน 8 แห่ง และบริเวณที่เคยสำรวจพบเนินโบราณสถาน แต่ปัจจุบันถูกทำลายจนสิ้นสภาพอีก 6 แห่ง และโบราณสถานใกล้กับโบราณสถานหมายเลข 8 อีก 2 แห่ง ซึ่งขุดแต่งโดยนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ในปี พ.ศ. 2524 - 2526
โบราณสถานที่พบนอกคูเมืองมีอยู่ทั้งหมด
นอกคูเมืองทิศ | คงสภาพ (แห่ง) | สิ้นสภาพ (แห่ง) |
---|---|---|
ตะวันออก | 6 | 2 |
ใต้ | 6 | 8 |
ตะวันตกเฉียงเหนือ | 5 | 2 |
ตะวันตก | 14 | 9 |
โบราณสถานที่ถูกทำลายจนสิ้นสภาพ และไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งได้อีกจำนวน 1 แห่ง คือ โบราณสถานบริเวณบ้านนายมิ่ง แก้วสว่าง
โบราณสถานหมายเลข 1
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 1 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 1 หรือโคกนายใหญ่ หลงเหลือเฉพาะส่วนฐานเจดีย์สี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยอิฐ ฐานยาวด้านละ 6 เมตร ความสูงในปัจจุบันประมาณ 2 เมตร ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับโบราณสถานหมายเลข 44 คือฐานล่างสุดเป็นฐานเขียง ผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 6 เมตร ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัววลัย อยู่ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยกเก็จหรือกระเปาะ แต่ที่แตกต่างจากโบราณสถานหมายเลข 44 คือโบราณสถานหมายเลข 1 มีการย่อมุมเพิ่มขึ้นมากกว่า และช่องสี่เหลี่ยมรอบฐาน (บริเวณท้องไม้) แบ่งออกเป็นสองชั้น ไม่พบการประดับรูปประติมากรรมภายในช่องดังกล่าว เหนือขึ้นเป็นส่วนขององค์เจดีย์ที่ปัจจุบันพังทลายหมดแล้ว
ศักดิ์ชัย สายสิงห์ ให้ความเห็นว่าการทำฐานยกเก็จหรือยกกระเปาะ ทำให้ผนังอาคารเกิดเป็นช่อง เกิดความสวยงาม และคงมีวัตถุประสงค์เพื่อการประดับงานประติมากรรมด้วย เจดีย์ที่มีการยกเก็จขึ้นที่มุมทั้งสี่ ทำให้เกิดลักษณะคล้ายๆกับเสาประดับมุม ลักษณะเช่นนี้อาจเปรียบเทียบได้กับงานสถาปัตยกรรมที่ร่วมสมัยกัน เช่น ปราสาทของศิลปะจามในระยะแรกๆ ที่เรียกว่า “กาลัน” และ “จันทิ” ในศิลปะชวากลาง หรือปราสาทขอมในสมัยก่อนเมืองพระนคร
ในปี พ.ศ. 2504 พบผอบเงินที่ตอนกลางขององค์เจดีย์ ภายในเป็นผอบทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 5 องค์
ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 87 ง เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2544
โบราณสถานหมายเลข 8
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 8 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 8 หรือวัดคูบัว สันนิษฐานว่าเป็นฐานของเจดีย์ขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐ
ในชุดฐานชั้นล่างหรือชั้นที่หนึ่งส่วนล่างสุดเป็นฐานก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความยาวด้านละประมาณ 20.8 เมตร ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัว รองรับฐานหน้ากระดานที่มีการเจาะเป็นช่องขนาดเท่ากันโดยรอบ เหนือขึ้นไปเป็นฐานชั้นที่สองในฐานชั้นที่หนึ่งนี้ พบร่องรอยปูนฉาบบางส่วน
ฐานชั้นที่สองเป็นฐานบัวยกเก็จในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีการย่อมุม ส่วนท้องไม้เจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม
ส่วนบนของเจดีย์ไม่ปรากฏรูปแบบที่แน่ชัด
ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 87 ง เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2544
โบราณสถานหมายเลข 10
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 10 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 10 ตั้งอยู่นอกคูเมืองของเมืองโบราณคูบัวด้านทิศตะวันตก สมศักดิ์ รัตนกุล ได้ให้รายละเอียดว่ามีลักษณะฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 10.25 เมตร สูง 1.20 เมตร ฐานก่ออิฐเป็นบัวเตี้ยเหนือบัวขึ้นไปมีซุ้มด้านละ 12 ซุ้ม ฐานทางด้านตะวันออกและตะวันตกมีบันไดขึ้นไปสู่องค์เจดีย์ทั้งสองด้าน ยื่นออกมาจากฐานประมาณ 2.5 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ส่วนทางด้านเหนือและใต้ก่ออิฐเป็นมุขยื่นออกมาจากกึ่งกลางของฐานเท่านั้น
ซุ้มที่ทำเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนฐานด้านละ 12 ช่องนั้น สันนิษฐานว่าน่าจะมีรูปคนแคระและประติมากรรมอื่นๆติดประดับอยู่ภายใน เพราะขุดค้นพบประติมากรรมปูนปั้นในบริเวณเนินโบราณสถานค่อนข้างมาก ที่สำคัญ อาทิ ภาพบุคคลถูกมัดมือติดกันหรือภาพนักโทษ อาจเป็นภาพประกอบชาดกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเป็นภาพเล่าเรื่องสังคมในสมัยนั้น สะท้อนให้เห็นถึงว่าในสมัยนั้นมีการจับนักโทษและการลงโทษกันแล้ว นอกจากนี้จากภาพจะเห็นได้ว่า นักโทษไว้ผมยาวและเกล้าเป็นมวยแบบสตรี
ภาพกลุ่มสตรีห้าคนกำลังเล่นดนตรี สมัยโบราณของไทยเรียกว่า “วงขับไม้บรรเลงพิณ” : 182 คนขวาสุดของภาพไม่ปรากฏเครื่องดนตรีชัดเจน เนื่องจากชำรุดเสียหาย แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทาง สันนิษฐานว่าอาจกำลังเล่นกรับชนิดหนึ่ง คนถัดมาอยู่ในท่าเท้าแขน น่าจะเป็นผู้ขับร้อง คนกลางดีดเครื่องสายประเภทหนึ่งตระกูลพิณ ตรงกับพิณของอินเดีย “กัจฉะปิ” คนที่ 2 จากซ้ายมือถือเครื่องตี น่าจะเป็นฉิ่ง และคนซ้ายสุดดีดเครื่องสายประเภทพิณน้ำเต้าประเภทหนึ่ง อาจชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับจีน
นอกจากนั้น ภาพกลุ่มนักดนตรี ยังทำให้ทราบถึงการแต่งกายของสตรีในสมัยนั้น กล่าวคือ สตรีจะนุ่งห่มผ้ายาวเกือบถึงส้น ทบชายผ้าไว้ด้านหน้า มีเข็มขัดเชือกหรือผ้าคาดที่เอว อาจเป็นเข็มขัดที่มีลวดลายหรือการพันผ้าที่เล่นลวดลาย มีชายผ้าหรือชายเข็มขัดห้อยลงมาข้างใดข้างหนึ่ง เท่าที่พบหลักฐานสตรีไม่สวมเสื้อ แต่มีผ้าผืนเล็กๆคาดหรือคล้องอยู่คล้ายกับสไบ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของกลุ่มคนในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาช้านาน: 274
ปัจจุบัน โบราณสถานหมายเลข 10 มีสภาพรกร้างและอยู่ในพื้นที่สวนของชาวบ้าน ไม่สามารถเข้าไปศึกษาได้
โบราณสถานหมายเลข 18
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 18 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 18 หรือวัดโขลง เป็นโบราณสถานที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคูบัว มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สันนิษฐานว่าเป็นฐานของวิหาร ด้านบนฐานวิหาชั้นล่างสุดก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ผนังด้านเหนือและใต้ของวิหารมีมุขขนาดเล็กยื่นออกมาด้านละ 3 มุข ผนังทางด้านตะวันตกซึ่งเป็นด้านหลังวิหารมีมุขเล็ก ยื่นออกมาตรงกลาง ฐานชั้นสองก่อด้วยอิฐ เป็นฐานบัวโค้ง ถัดขึ้นไปเป็นช่องซุ้มรูปสี่เหลี่ยมประดับปูนปั้น ชั้นต่อไปเป็นฐานหน้ากระดานรองรับซุ้มสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อขึ้นไปเป็นเสาประดับผนังรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ระหว่างเสาเป็นซุ้ม
ส่วนบนของฐานเป็นลานประทักษิณขนาดใหญ่ มีฐานก่ออิฐยกพื้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านทิศตะวันตกทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวิหารห่างออกไปประมาณ 9 เมตร มีฐานอาคารขนาดเล็กแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสลักษณะของฐานจะเป็นอิฐก่อเรียงซ้อนกันสามชั้น ถัดขึ้นไปเป็นซุ้มรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดยรอบด้านละ 16 ซุ้ม มีร่องรอยการฉาบปูนสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยหลัง
โบราณสถานได้ขุดค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีหลายอย่าง สถาปัตยกรรมในเมืองโบราณคูบัว ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะจากช่างสมัยคุปตะ ประเทศอินเดีย ส่วนโบราณวัตถุสำคัญต่างที่ถูกขุดพบจากโบราณสถานแห่งนี้ ได้แก่ เศียรพระพุทธรูปสมัยโบราณ, เทวดาปูนปั้น, เชิงเทียนสัมฤทธิ์, คนแคระรูปปั้น, หินชนวนสีดาที่จารึกอยู่ด้านหลัง ด้านหน้าเป็นแม่พิมพ์พระพุทธรูปปางสมาธิ, คนโทแก้วหรือขวดน้ำหอม, เต้าปูนสัมฤทธิ์ เป็นต้น เก็บรักษาที่ และบางส่วนเก็บที่วัดโขลงสุวรรณคีรี
ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 79 ตอนที่ 97 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2505
โบราณสถานหมายเลข 24–25
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 24–25 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 24 และ 25 หรือโคกนายพวง มีสภาพเป็นเนินโบราณสถาน
โบราณสถานหมายเลข 24 มีลักษณะเป็นฐานเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดความกว้างและความยาวด้านละ 10 เมตร ความสูง 1.80 เมตร ฐานก่ออิฐเป็นบัวขึ้นไปห้าชั้น มีร่องรอยการก่ออิฐทำเป็นช่องซุ้มสี่เหลี่ยมรอบฐาน แต่ได้เสื่อมสภาพเสียหมด ในการขุดแต่งแต่แรกไม่พบโบราณวัตถุแต่อย่างใด สันนิษฐานว่าโบราณสถานหมายเลข 24 เป็นซากสถูปเจดีย์ก่ออิฐสอดินฉาบปูนเหลือหลักฐานอยู่เพียงส่วนฐานซ้อนกันสองชั้น มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฐานเจดีย์แต่ละชั้นเป็นฐานบัว ประกอบด้วยฐานเขียงสองชั้นรองรับฐานบัวมีลักษณะโค้งมนเรียกว่า “ฐานบัววลัย” เหนือชั้นฐานเป็นส่วนองค์เจดีย์ซึ่งชำรุดหักพังลงมาบริเวณกึ่งกลางด้านทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศเหนือ มีแนวเรียงอิฐยื่นจากฐาน
โบราณสถานหมายเลข 25 หรือแนวกำแพงแก้ว มีลักษณะเป็นฐานวิหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดความยาว 29 เมตร ความกว้าง 15.30 เมตร และความสูง 1 เมตร ตัววิหารตั้งอยู่บนฐาน 2 ชั้น ก่ออิฐเหลี่ยมขึ้นไปอย่างธรรมดา ไม่พบร่องรอยของบันไดทางขึ้นสูงวิหารทางด้านทิศตะวันออก หลักฐานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วยแนวกำแพงแก้วด้านทิศใต้ แนวกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออก และแนวกำแพงแก้วด้านทิศตะวันตก ลักษณะเป็นกำแพงที่มีรูปผังเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบศาสนสถานสิ่งก่อสร้างบางอย่าง ซึ่งในปัจจุบันไม่พบร่องรอยหลักฐาน เนื่องจากพื้นที่ด้านในกำแพงถูกทำลาย และแนวกำแพงด้านเหนือถูกทำลายจากการขุดตักดินในบริเวณนี้ออกไป เป็นสระน้ำขนาดใหญ่
ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนพิเศษ 126 ง เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548
โบราณสถานหมายเลข 40
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 40 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 40 หรือโคกหนองเกษร ตั้งอยู่ด้านทิศใต้นอกคูเมืองของเมืองคูบัว ในปี พ.ศ. 2504 พบฐานของสิ่งก่อสร้างก่ออิฐ สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์สมัยวัฒนธรรมทวารวดี ลักษณะของฐานล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 9.8 เมตร บนฐานจัตุรัสประกอบด้วยอิฐก่อเหลื่อมออกมา และกำกับด้วยบัว มีร่องรอยให้เห็นว่าเหนือฐานบัวมีช่องซุ้มสี่เหลี่ยมก่อรอบองค์เจดีย์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนทำเป็นมุขหรือกะเปาะยื่นออกมา ภายในซุ้มสี่เหลี่ยมบนฐานชั้นที่ 2 ติดประดับลวดลาย ซึ่งแตกต่างจากโบราณสถานอื่นๆในเมืองคูบัวที่ในส่วนนี้มักประดับด้วยประติมากรรมรูปคนแคระหรือรูปสิงโต
การขุดแต่งเจดีย์องค์นี้ พบโบราณวัตถุที่ทำด้วยดินเผามากกว่าโบราณสถานแห่งอื่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งชิ้นส่วนพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ เทวรูป รวมทั้งประติมากรรมต่างๆ เช่น เศียรยักษ์ ศีรษะคนต่างชาติ (แขก) หัวสิงโต ลวดลายประดับสถูป เป็นต้น
ผู้ขุดแต่งโบราณสถานแห่งนี้ ให้ความเห็นว่าโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้จากเจดีย์องค์นี้มีจำนวนมาก เมื่อเทียบกับขนาดของฐานค์เจดีย์ที่ยาวด้านละ 9.8 เมตร อีกทั้งยังไม่เหมาะที่จะใช้ประดับประดาเจดีย์ขนาดเล็กเช่นนี้ จากลักษณะประติมากรรมดินเผา แสดงให้เห็นอิทธิพลของศิลปะคุปตะที่ถ้ำอชันตา ประเทศอินเดีย: 30–34
โบราณสถานหมายเลข 44
ที่ตั้งโบราณสถานหมายเลข 44 | |
---|---|
โบราณสถานหมายเลข 44 หรือโคกนายผาด ตั้งอยู่นอกคูเมืองด้านทิศใต้ ล้อมรอบด้วยที่ราบลุ่ม เป็นส่วนฐานของสิ่งก่อสร้างที่ก่อด้วยอิฐ สันนิษฐานว่าเป็นส่วนฐานของเจดีย์สมัยวัฒนธรรมทวารวดี ความสูงจากฐานล่างถึงยอดเนินประมาณ 2 เมตร บางส่วนขององค์เจดีย์ปรากฏร่องรอยปูนฉาบ
ฐานเจดีย์ชั้นล่างสุดเป็นฐานเขียง มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง (ตามแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก) 13.7 เมตร ความยาว (ตามแนวทิศเหนือ-ใต้) 17.8 เมตร สูง 3.7 เมตร มีบันไดยื่นออกมาทั้ง 4 ด้าน ด้านบนของฐานชั้นนี้มีลานประทักษิณ ฐานชั้นที่ 2 เป็นฐานบัววลัย อยู่ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยกเก็จหรือกระเปาะ มีการย่อมุม (สามชั้น) คล้ายคลึงกับโบราณสถานหมายเลข 1 ในฐานชั้นนี้จากการขุดแต่งในปี พ.ศ. 2504 ทางด้านทิศตะวันออกพบประติมากรรมรูปสิงโตนั่งสลับกับสิงโตยืน ส่วนผนังอีก 3 ด้านเป็นรูปคนแคระแบก มีอิทธิพลของศิลปะลังกา นอกจากนั้นยังมีเศียรพระพุทธรูป ชิ้นส่วนพระพุทธรูป เทวรูป หรือเทวดา ซึ่งล้วนทำมาจากปูนปั้น
ประวัติ
การค้นพบ
เมืองคูบัวถูกค้นพบเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 โดยพระพุทธวิริยากรแห่งวัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ร่วมกับสมเด็จพระพุทธปาพจนบดีแห่งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร, พระภิกษุสะอาดแห่ง, และสามเณรไสวแห่ง กลุ่มพระภิกษุนี้ได้ทำการสำรวจและได้พบซากโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ภายใน: 1155
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2500 พระภิกษุลมูล คุณาภิรโตแห่งวัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร พร้อมกับชาวบ้านจังหวัดราชบุรีได้ปรึกษาแล้วร่วมกันทำหนังสือแจ้งไปยังกรมศิลปากรว่ามีคนหลายกลุ่มบุกรุกเข้าไปยังพื้นที่ในบริเวณวัดร้างแห่งหนึ่งเพื่อขุดหาสมบัติใน และได้ทรัพย์สมบัติเป็นโบราณวัตถุอยู่หลายชิ้น กลุ่มพระภิกษุจึงขอให้ทางกรมศิลปากรได้เข้าไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าว เมื่อทางกรมศิลปากรทราบเรื่องจึงได้ส่งคณะเจ้าหน้าที่ออกสำรวจ และได้พบเนินดินขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง มีก้อนอิฐกระจัดกระจายอยู่ตามเนินดิน ผู้สำรวจสันนิษฐานว่าเนินดินเหล่านั้นน่าจะเป็นโบราณสถาน และพบเศียรพระพุทธรูปที่ชาวบ้านพบในบริเวณนั้น มีลักษณะทางศิลปะเช่นเดียวกับพระพุทธรูปสมัยทวารวดี: 1156
การสำรวจและขุดค้น
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2503 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจอีกครั้งหนึ่ง พบเนินดินอีกหลายแห่ง แต่อยู่ในที่ดินของเอกชน จึงจำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของที่ดินก่อน ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการสำรวจหรือขุดค้นได้อย่างจริงจัง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2504 ถึง พฤษภาคม พ.ศ. 2506 สำรวจพื้นที่และขุดค้นเนินดินหลายแห่งทั้งพื้นที่ภายในและภายนอกคูเมืองของเมืองคูบัว พบเนินดินซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นโบราณสถานมากกว่า 44 แห่ง แต่คณะทำงานได้กำหนดหมายเลขโบราณสถานไว้เพียง 44 แห่ง และได้ขุดแต่งโบราณสถานเหล่านั้นจำนวน 23 แห่ง
พบว่าส่วนใหญ่เป็นส่วนฐานเจดีย์หรือวิหาร ลักษณะการก่อสร้างโบราณสถาน ส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐเนื้อผสมแกลบ ใช้ดินสอ
จากซากโบราณสถานทำให้สันนิษฐานได้ว่ามีเจดีย์ 8 แบบ ดังนี้
|
นอกจากนี้ จากการขุดแต่งโบราณสถาน ยังพบประติมากรรมที่ทำด้วยดินเผาและปูนปั้น ซึ่งใช้ตกแต่งโบราณสถาน เช่น รูปเทวดา สัตว์ ยักษ์ พระโพธิสัตว์ และพระพุทธรูป หลักฐานเหล่านี้แสดงถึงความสำคัญของเมืองโบราณแห่งนี้ว่าเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่เมืองหนึ่งในสมัยทวารวดี: 47–52
นักโบราณคดีประจำหน่วยศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เดินทางเข้าสำรวจเก็บข้อมูลในเขตเมืองคูบัว โดยเน้นที่การจัดทำแผนที่ โดยพบโบราณสถานเพิ่มอีก 5 แห่ง คือ โบราณสถานหมายเลข 45, 46, 47, 48 และ 49 ทั้งยังขุดแต่งโบราณสถานหมายเลข 8 ในปี พ.ศ. 2538 กรมศิลปากรดำเนินการบูรณะโบราณสถานในเขตเมืองคูบัว 3 แห่ง คือ โบราณสถานหมายเลข 8, โบราณสถานหมายเลข 18, และโบราณสถานหมายเลข 44: 133
ในปี พ.ศ. 2539–2540 ขุดแต่งโบราณสถานหมายเลข 31 สำรวจพื้นที่เมืองคูบัว เพื่อรวบรวมข้อมูลโบราณสถานทั้งหมดประกอบการประมวลจัดทำแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองคูบัว จากการสำรวจพบโบราณสถานเพิ่ม 1 แห่ง คือ โบราณสถานหมายเลข 50 ส่วนโบราณสถานหมายเลข 51-59 นั้น เป็นการให้หมายเลขเพิ่มเติมจากโบราณสถานที่สำรวจพบเมื่อปี พ.ศ. 2504–2506
หมายเหตุ
- เฉพาะวัดโขลงเท่านั้น
- เช่น นาค ครุฑ คนธรรพ์ ยักษ์ รากษส คนแคระ
- คล้ายคลึงกับภาพเขียนภายในถ้ำอชันตา ประเทศอินเดีย
- ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท มีดอกบัวรองรับ ปางแสดงพระธรรมเทศนา
- คือ โบราณสถานหมายเลข 8, 15, 18, 24, 25, 28, 36 และ 46
- คือ โบราณสถานหมายเลข 9, 16, 17, 23
- คือ โบราณสถานหมายเลข19, 26, 31, 32, 33 และ 49
- คือ โบราณสถานหมายเลข 29 และ 30
- คือ โบราณสถานหมายเลข 34, 39, 41, 43, 44 และ 50
- คือ โบราณสถานหมายเลข 35, 37, 38, 40, 42, โบราณสถานบริเวณบ้านนายต่อม เอี่ยมโฉม, โบราณสถานบริเวณบ้านนางสาวสนุ่น ขำเลิศ และโบราณสถานบริเวณบ้านนายเลิศ พิบูลย์แถว
- คือ โบราณสถานหมายเลข1, 2, 5, 6 และ 7
- คือ โบราณสถานหมายเลข 3 และ 4
- คือ โบราณสถานหมายเลข 10, 11, 12, 14, 20, 21, 45, 51, 52, 53, 54, 55, 56 และ 57
- คือ โบราณสถานหมายเลข 13, 22, 27, 47, 48, 58, 59, โบราณสถานบริเวณบ้านนายเปี้ย จันทะ และโบราณสถานบริเวณบ้านนางผาด คล้ายพั้ง
อ้างอิง
- Higham, C., 2014, Early Mainland Southeast Asia, Bangkok: River Books Co., Ltd., ISBN
- ศิลป พีระศรี. สมุดนำชมโบราณวัตถุสถานสมัยทวารวดี ตำบลคูบัว จังหวัดราชบุรี. 2504.
- พัชรินทร์ ศุขประมูล. ราชบุรี. 2534.
- พยุง วงษ์น้อย. ลายศิลป์ดินเผาเมืองคูบัว : รายงานผลการศึกษาโครงการศึกษาประติมากรรมดินเผาแบบทวารวดีที่เมืองคูบัว. 2545.
- ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมพุทธศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. 2547.
- สมศักดิ์ รัตนกุล. โบราณคดีเมืองคูบัว. 2535.
- พิริยะ ไกรฤกษ์. ประวัติศาสตร์ศิลปในประเทศไทย ฉบับคู่มือนักศึกษา. 2528.
- กลุ่มวิชาการโบราณคดี สำนักงานศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
- สมศักดิ์ รัตนกุล. โบราณคดีเมืองคูบัว. 2535.
- ธิติพงศ์ มีทอง. การศึกษาโบราณสถานเมืองโบราณคูบัวของจังหวัดราชบุรี 2022-11-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. 2562
- ตรี อมาตยกุล. เมืองโบราณที่บ้านคูบัว จากสมุดนำชมโบราณวัตถุสถานสมัยทวารวดี ตำบลคูบัว จังหวัดราชบุรี. 2523.
- ณัฐพล บุญอุทิศ. พระมหาเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี. 2546.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
emuxngkhubw epnemuxngobranxyuhangcakemuxngrachburiipthangthistawnxxkechiyngit 12 kiolemtr khadwasrangmatngaetphuththstwrrsthi 12 inxanackrthwarwdi aelaepnhnunginemuxngsakhykhxngxanackrni 299 300 302 307 309 emuxngkhubwwdokhlng epnhnunginobransthanphayinemuxngkhubwthitng cnghwdrachburi praethsithyphikd13 29 11 N 99 50 9 E 13 48639 N 99 83583 E 13 48639 99 83583praephthobransthankhwamepnmawsduxith aelasilaaelngsrangphuththstwrrsthi 12lathingphuththstwrrsthi 16smythwarwdihmayehtuekiywkbsthanthikhudkhnph s 2504phukhudkhnkrmsilpakrobransthanthikhunthaebiynodykrmsilpakrchuxthikhunthaebiynemuxngkhubwkhunemux10 knyayn ph s 2544epnswnhnungkhxngobransthanincnghwdrachburielkhxangxing0005944 lksnathangkayphaphkhxngemuxngnnmikhunaaelakhndinlxmrxb lksnaepnrupsiehliymphunpha wangtwinaenwthisehnux it milahwythrrmchatiihlphanhlaysay lahwyehlaniepnlahwysakhakhxnglanasayihy khux aemnaxxm aemnaaemklxngsayedim aelaaemnaaemklxng karsarwcemuxngkhubwtngaet ph s 2504 phbobransthanthitngxyuphayinaelaphaynxkkhuemuxngcanwn 67 aehng krmsilpakrdaeninkarkhudaetngaelwcanwn 23 aehng swnihyepnsakthansthupecdiythisrangkhunsubenuxngkbsasnaphuthth thngfayethrwathaelamhayanlksnathangkayphaphkhunaaelakhndin khunaxyutrngklangrahwangkhndinsxngchn twkhunakwangechliypraman 50 emtr swnkhndinkwangpraman 53 emtr sung 3 emtr khunaaelakhndindanthisehnuxaelaityawdanlapraman 800 emtr swnkhunaaelakhndindanthistawnxxkaelatawntkyawdanlapraman 2 000 emtr rwmkhwamyawmng 4 danodyrxbtwemuxngpraman 5 680 emtr sasnsthan sasnsthanthiphbphayinemuxngkhubw epnsasnaphuththinmhayanaelaethrwath inswnobransthansasnaphuththaebbmhayan mkniymtkaetngxakhardwylwdlaythngthiepnaephnphaphdinepha aephnphaphpunpn tlxdcnpratimakrrmnunsung thngaelapunpn odyphbinobransthanhmayelkh 39 aela 40 phbphaphdinepharupphraophthistw ethwda xmnusy aelarupstw odyechphaaesiyrphraophthistwdinephathiaesdngthungfimuxchangchnsung rupphraophthistwdinephathiswnxngkhyngkhngsphaphdixyu lwnyuninthatriphngkh yunexiyngsaophk lksnaediywkbpratimakrrminsilpaxinediy cnmiphusnnisthanwapratimakrrmdinephathiphbthiobransthanhmayelkh 39 aela 40 ni xaccathakhunodychangfimuxchawxinediythiedinthangekhamatnghlkaehlngbriewnemuxngkhubw inrawphuththstwrrsthi 11 13 60 obransthansasnaphuththaebbethrwath imniymkarpradbtkaetngmaknk xacmiephiyngaephnxithaetnglwdlayhruxchinswnlwdlaydinephapradb hruxxacepnaephnphaphelaeruxnginsasnaphuthth echn phaphpunpnpradbobransthanhmayelkh 10 epnphaphcaknithaninnikay sungepnthiniymaephrhlaythwipinexechiytawnxxkechiyngitrawphuththstwrrsthi 12 sasnsthanthiprakthlkthanthngaebbmhayanaelaaebbethrwath khux obransthanhmayelkh 18 hruxwdokhlng tngyuekuxbklangemuxngkhubw mikhnadsungihythisudinbrrdaobransthanemuxngkhubw snnisthanwanacaepnthankhxngwihar ephraamiaephnphngepnrupsiehliymphunphanxkcakniyngidphbpratimakrrmrupphraophthistwsaridkhnadelk mirupaebbkhlaykhlungkbpratimakrrmthiphbinphakhit obransthanthinasnicxikaehnghnung khux obransthanhmayelkh 1 sungidphbphxbthxngkha brrcuphrabrmsaririkthatukhrxbdwyphxbengin faaekalwdlaydxkbw brrcuinchxngklangkhxngklxngrupsiehliymsungecaaepnchxngha chxng wangxyuitthan ephuxbrrcurupsylksnthiekiywkhxngkbkhwamechuxineruxngckrwalthimixiththiphlmacakxinediy thnghmdsathxnehnthungkhwamechuxineruxngkarekharphbuchaphrabrmsaririkthatu aelakarwangsilavkskxsrangxakhar sungsubenuxngmacnthungpccubn 83 wsduthiichinkarkxsrangswnihyepnkxnxithkhnadihy khwamkwangpraman 18 esntiemtr khwamyaw 34 esntiemtr aelakhwamhna 8 esntiemtr dinthiichephamiswnphsmkhxngaeklbkhawemldihy obransthanswnmakichxithepnwsdukxsrang miobransthanephiyngaehngediyw khux obransthanhmayelkh 18 hruxwdokhlng thimithankxdwysilaaelng obranwtthu obranwtthuthiphbphayinemuxngkhubw epnobranwtthuekiywkbsasnaaelachiwitpracawn obranwtthuthithakhunekiywkbsasna phbpratimakrrmpradbxakharsasnsthan phraphuththrupdinephaaelapunpn phraphimph thngthithacakaelahinchnwn chinswnthrrmckrsila pratimakrrmrupbukhkhlthithadwydinephaaelapunpn aesdngihehnthungwithichiwitkhxngkhnphayinemuxngkhubw echn phaphdinepharupphuchayiwekhra aetngkaymiphaophksirsaaehlm swmrxngethabuth snnisthanwaxacepnchawxahrbthiedinthangekhamakhakhay obranwtthuthithakhunichinchiwitpracawn xathi phachnadinepha ekhruxngmuxekhruxngichthithadwydinepha xathi aew lukkrasun thiprathblwdlay ekhruxngpradbthacakolha ekhruxngmuxolha lukpdaekw rupaebbkhxngekhruxngmuxekhruxngich aelaekhruxngpradb idsubtxphumipyyamacakyukhkxnprawtisastr aetmiwithikarthisbsxnkhunobransthancakkarsarwcphbcanwn 67 aehng briewnphayinemuxngphbobransthanthiyngprakthlkthanxyucanwn 8 aehng aelabriewnthiekhysarwcphbeninobransthan aetpccubnthukthalaycnsinsphaphxik 6 aehng aelaobransthaniklkbobransthanhmayelkh 8 xik 2 aehng sungkhudaetngodynksuksakhnaobrankhdi mhawithyalysilpakr inpi ph s 2524 2526 obransthanthiphbnxkkhuemuxngmixyuthnghmd nxkkhuemuxngthis khngsphaph aehng sinsphaph aehng tawnxxk 6 2it 6 8tawntkechiyngehnux 5 2tawntk 14 9 obransthanthithukthalaycnsinsphaph aelaimsamarthrabutaaehnngthitngidxikcanwn 1 aehng khux obransthanbriewnbannayming aekwswang obransthanhmayelkh 1 thitngobransthanhmayelkh 1 obransthanhmayelkh 1 hruxokhknayihy hlngehluxechphaaswnthanecdiysiehliymcturs kxdwyxith thanyawdanla 6 emtr khwamsunginpccubnpraman 2 emtr lksnaodythwipkhlaykhlungkbobransthanhmayelkh 44 khuxthanlangsudepnthanekhiyng phngsiehliymcturs yawdanla 6 emtr thdkhunipepnthanbwwly xyuinphngsiehliymcturs ykekchruxkraepaa aetthiaetktangcakobransthanhmayelkh 44 khuxobransthanhmayelkh 1 mikaryxmumephimkhunmakkwa aelachxngsiehliymrxbthan briewnthxngim aebngxxkepnsxngchn imphbkarpradbruppratimakrrmphayinchxngdngklaw ehnuxkhunepnswnkhxngxngkhecdiythipccubnphngthlayhmdaelw skdichy saysingh ihkhwamehnwakarthathanykekchruxykkraepaa thaihphnngxakharekidepnchxng ekidkhwamswyngam aelakhngmiwtthuprasngkhephuxkarpradbnganpratimakrrmdwy ecdiythimikarykekckhunthimumthngsi thaihekidlksnakhlaykbesapradbmum lksnaechnnixacepriybethiybidkbngansthaptykrrmthirwmsmykn echn prasathkhxngsilpacaminrayaaerk thieriykwa kaln aela cnthi insilpachwaklang hruxprasathkhxminsmykxnemuxngphrankhr inpi ph s 2504 phbphxbenginthitxnklangkhxngxngkhecdiy phayinepnphxbthxngbrrcuphrabrmsaririkthatu 5 xngkh idrbkarkhunthaebiynobransthan odyprakasinrachkiccanuebksa elm 118 txnphiess 87 ng emuxwnthi 10 knyayn ph s 2544 obransthanhmayelkh 8 thitngobransthanhmayelkh 8 obransthanhmayelkh 8 hruxwdkhubw snnisthanwaepnthankhxngecdiykhnadihy kxdwyxith inchudthanchnlanghruxchnthihnungswnlangsudepnthankxdwyxithkhnadihy phngepnrupsiehliymcturs khwamyawdanlapraman 20 8 emtr thdkhunipepnthanbw rxngrbthanhnakradanthimikarecaaepnchxngkhnadethaknodyrxb ehnuxkhunipepnthanchnthisxnginthanchnthihnungni phbrxngrxypunchabbangswn thanchnthisxngepnthanbwykekcinphngsiehliymcturs mikaryxmum swnthxngimecaaepnchxngsiehliym swnbnkhxngecdiyimpraktrupaebbthiaenchd idrbkarkhunthaebiynobransthan odyprakasinrachkiccanuebksa elm 118 txnphiess 87 ng emuxwnthi 10 knyayn ph s 2544 obransthanhmayelkh 10 phaphstrihakhnkalngelndntri thikhnphbphayinobransthanhmayelkh 10thitngobransthanhmayelkh 10 obransthanhmayelkh 10 tngxyunxkkhuemuxngkhxngemuxngobrankhubwdanthistawntk smskdi rtnkul idihraylaexiydwamilksnathanepnrupsiehliymcturs yawdanla 10 25 emtr sung 1 20 emtr thankxxithepnbwetiyehnuxbwkhunipmisumdanla 12 sum thanthangdantawnxxkaelatawntkmibnidkhunipsuxngkhecdiythngsxngdan yunxxkmacakthanpraman 2 5 emtr kwang 1 5 emtr swnthangdanehnuxaelaitkxxithepnmukhyunxxkmacakkungklangkhxngthanethann sumthithaepnchxngsiehliymctursbnthandanla 12 chxngnn snnisthanwanacamirupkhnaekhraaelapratimakrrmxuntidpradbxyuphayin ephraakhudkhnphbpratimakrrmpunpninbriewneninobransthankhxnkhangmak thisakhy xathi phaphbukhkhlthukmdmuxtidknhruxphaphnkoths xacepnphaphprakxbchadkeruxngideruxnghnung hruxepnphaphelaeruxngsngkhminsmynn sathxnihehnthungwainsmynnmikarcbnkothsaelakarlngothsknaelw nxkcaknicakphaphcaehnidwa nkothsiwphmyawaelaeklaepnmwyaebbstri phaphklumstrihakhnkalngelndntri smyobrankhxngithyeriykwa wngkhbimbrrelngphin 182 khnkhwasudkhxngphaphimpraktekhruxngdntrichdecn enuxngcakcharudesiyhay aetemuxphicarnacakthathang snnisthanwaxackalngelnkrbchnidhnung khnthdmaxyuinthaethaaekhn nacaepnphukhbrxng khnklangdidekhruxngsaypraephthhnungtrakulphin trngkbphinkhxngxinediy kcchapi khnthi 2 caksaymuxthuxekhruxngti nacaepnching aelakhnsaysuddidekhruxngsaypraephthphinnaetapraephthhnung xacchiihehnthungkhwamsmphnthkbcin nxkcaknn phaphklumnkdntri yngthaihthrabthungkaraetngkaykhxngstriinsmynn klawkhux stricanunghmphayawekuxbthungsn thbchayphaiwdanhna miekhmkhdechuxkhruxphakhadthiexw xacepnekhmkhdthimilwdlayhruxkarphnphathielnlwdlay michayphahruxchayekhmkhdhxylngmakhangidkhanghnung ethathiphbhlkthanstriimswmesux aetmiphaphunelkkhadhruxkhlxngxyukhlaykbsib sungepnwthnthrrmkhxngklumkhninpraethsithyaelainexechiytawnxxkechiyngitmachanan 274 pccubn obransthanhmayelkh 10 misphaphrkrangaelaxyuinphunthiswnkhxngchawban imsamarthekhaipsuksaid obransthanhmayelkh 18 thitngobransthanhmayelkh 18 bnidkxdwyxithkhunipyngthanwiharkxdwysilaaelng obransthanhmayelkh 18 hruxwdokhlng epnobransthanthimikhnadthiihythisudinemuxngkhubw miaephnphngepnrupsiehliymphunpha snnisthanwaepnthankhxngwihar danbnthanwihachnlangsudkxdwysilaaelngchabpun phnngdanehnuxaelaitkhxngwiharmimukhkhnadelkyunxxkmadanla 3 mukh phnngthangdantawntksungepndanhlngwiharmimukhelk yunxxkmatrngklang thanchnsxngkxdwyxith epnthanbwokhng thdkhunipepnchxngsumrupsiehliympradbpunpn chntxipepnthanhnakradanrxngrbsumsiehliymphunphaephuxkhunipepnesapradbphnngrupsiehliymkhnadihyrahwangesaepnsum swnbnkhxngthanepnlanprathksinkhnadihy mithankxxithykphunsiehliymphunphadanthistawntkthangdanthistawnxxkechiyngehnuxkhxngwiharhangxxkippraman 9 emtr mithanxakharkhnadelkaephnphngepnrupsiehliymcturslksnakhxngthancaepnxithkxeriyngsxnknsamchn thdkhunipepnsumrupsiehliymctursodyrxbdanla 16 sum mirxngrxykarchabpunsnnisthanwasrangkhuninsmyhlng obransthanidkhudkhnphbhlkthanthangobrankhdihlayxyang sthaptykrrminemuxngobrankhubw idrbxiththiphlthangdansilpacakchangsmykhupta praethsxinediy swnobranwtthusakhytangthithukkhudphbcakobransthanaehngni idaek esiyrphraphuththrupsmyobran ethwdapunpn echingethiynsmvththi khnaekhraruppn hinchnwnsidathicarukxyudanhlng danhnaepnaemphimphphraphuththruppangsmathi khnothaekwhruxkhwdnahxm etapunsmvththi epntn ekbrksathi aelabangswnekbthiwdokhlngsuwrrnkhiri idrbkarkhunthaebiynobransthan odyprakasinrachkiccanuebksa elm 79 txnthi 97 emuxwnthi 30 tulakhm ph s 2505 obransthanhmayelkh 24 25 thitngobransthanhmayelkh 24 25 obransthanhmayelkh 24 aela 25 hruxokhknayphwng misphaphepneninobransthan obransthanhmayelkh 24 milksnaepnthanecdiyrupsiehliymcturs mikhnadkhwamkwangaelakhwamyawdanla 10 emtr khwamsung 1 80 emtr thankxxithepnbwkhuniphachn mirxngrxykarkxxiththaepnchxngsumsiehliymrxbthan aetidesuxmsphaphesiyhmd inkarkhudaetngaetaerkimphbobranwtthuaetxyangid snnisthanwaobransthanhmayelkh 24 epnsaksthupecdiykxxithsxdinchabpunehluxhlkthanxyuephiyngswnthansxnknsxngchn miaephnphngepnrupsiehliymcturs thanecdiyaetlachnepnthanbw prakxbdwythanekhiyngsxngchnrxngrbthanbwmilksnaokhngmneriykwa thanbwwly ehnuxchnthanepnswnxngkhecdiysungcharudhkphnglngmabriewnkungklangdanthistawnxxk thistawntk aelathisehnux miaenweriyngxithyuncakthan obransthanhmayelkh 25 hruxaenwkaaephngaekw milksnaepnthanwiharrupsiehliymphunpha mikhnadkhwamyaw 29 emtr khwamkwang 15 30 emtr aelakhwamsung 1 emtr twwihartngxyubnthan 2 chn kxxithehliymkhunipxyangthrrmda imphbrxngrxykhxngbnidthangkhunsungwiharthangdanthistawnxxk hlkthanthipraktxyuinpccubn prakxbdwyaenwkaaephngaekwdanthisit aenwkaaephngaekwdanthistawnxxk aelaaenwkaaephngaekwdanthistawntk lksnaepnkaaephngthimirupphngepnsiehliymphunphalxmrxbsasnsthansingkxsrangbangxyang sunginpccubnimphbrxngrxyhlkthan enuxngcakphunthidaninkaaephngthukthalay aelaaenwkaaephngdanehnuxthukthalaycakkarkhudtkdininbriewnnixxkip epnsranakhnadihy idrbkarkhunthaebiynobransthan odyprakasinrachkiccanuebksa elm 122 txnphiess 126 ng emuxwnthi 7 phvscikayn ph s 2548 obransthanhmayelkh 40 thitngobransthanhmayelkh 40 obransthanhmayelkh 40 hruxokhkhnxngeksr tngxyudanthisitnxkkhuemuxngkhxngemuxngkhubw inpi ph s 2504 phbthankhxngsingkxsrangkxxith snnisthanwaepnecdiysmywthnthrrmthwarwdi lksnakhxngthanlangepnrupsiehliymcturs yawdanla 9 8 emtr bnthanctursprakxbdwyxithkxehluxmxxkma aelakakbdwybw mirxngrxyihehnwaehnuxthanbwmichxngsumsiehliymkxrxbxngkhecdiyaebngxxkepn 3 swn aetlaswnthaepnmukhhruxkaepaayunxxkma phayinsumsiehliymbnthanchnthi 2 tidpradblwdlay sungaetktangcakobransthanxuninemuxngkhubwthiinswnnimkpradbdwypratimakrrmrupkhnaekhrahruxrupsingot karkhudaetngecdiyxngkhni phbobranwtthuthithadwydinephamakkwaobransthanaehngxunxyangehnidchd thngchinswnphraphuththrup phraophthistw ethwrup rwmthngpratimakrrmtang echn esiyryks sirsakhntangchati aekhk hwsingot lwdlaypradbsthup epntn phukhudaetngobransthanaehngni ihkhwamehnwaobranwtthuthikhudkhnidcakecdiyxngkhnimicanwnmak emuxethiybkbkhnadkhxngthankhecdiythiyawdanla 9 8 emtr xikthngyngimehmaathicaichpradbpradaecdiykhnadelkechnni caklksnapratimakrrmdinepha aesdngihehnxiththiphlkhxngsilpakhuptathithaxchnta praethsxinediy 30 34 obransthanhmayelkh 44 thitngobransthanhmayelkh 44 obransthanhmayelkh 44 hruxokhknayphad tngxyunxkkhuemuxngdanthisit lxmrxbdwythirablum epnswnthankhxngsingkxsrangthikxdwyxith snnisthanwaepnswnthankhxngecdiysmywthnthrrmthwarwdi khwamsungcakthanlangthungyxdeninpraman 2 emtr bangswnkhxngxngkhecdiypraktrxngrxypunchab thanecdiychnlangsudepnthanekhiyng miaephnphngepnrupsiehliymphunpha khnadkwang tamaenwthistawnxxk tawntk 13 7 emtr khwamyaw tamaenwthisehnux it 17 8 emtr sung 3 7 emtr mibnidyunxxkmathng 4 dan danbnkhxngthanchnnimilanprathksin thanchnthi 2 epnthanbwwly xyuinphngsiehliymcturs ykekchruxkraepaa mikaryxmum samchn khlaykhlungkbobransthanhmayelkh 1 inthanchnnicakkarkhudaetnginpi ph s 2504 thangdanthistawnxxkphbpratimakrrmrupsingotnngslbkbsingotyun swnphnngxik 3 danepnrupkhnaekhraaebk mixiththiphlkhxngsilpalngka nxkcaknnyngmiesiyrphraphuththrup chinswnphraphuththrup ethwrup hruxethwda sunglwnthamacakpunpnprawtikarkhnphb emuxngkhubwthukkhnphbemuxwnthi 25 phvsphakhm ph s 2494 odyphraphuththwiriyakraehngwdsttnarthpriwtrwrwihar rwmkbsmedcphraphuththpaphcnbdiaehngwdrachbphithsthitmhasimaramrachwrwihar phraphiksusaxadaehng aelasamenriswaehng klumphraphiksuniidthakarsarwcaelaidphbsakobransthanthipraktxyuphayin 1155 txmaineduxnphvsphakhm ph s 2500 phraphiksulmul khunaphirotaehngwdsttnarthpriwtrwrwihar phrxmkbchawbancnghwdrachburiidpruksaaelwrwmknthahnngsuxaecngipyngkrmsilpakrwamikhnhlayklumbukrukekhaipyngphunthiinbriewnwdrangaehnghnungephuxkhudhasmbtiin aelaidthrphysmbtiepnobranwtthuxyuhlaychin klumphraphiksucungkhxihthangkrmsilpakridekhaipsarwcphunthidngklaw emuxthangkrmsilpakrthraberuxngcungidsngkhnaecahnathixxksarwc aelaidphbenindinkhnadihyxyuhlayaehng mikxnxithkracdkracayxyutamenindin phusarwcsnnisthanwaenindinehlannnacaepnobransthan aelaphbesiyrphraphuththrupthichawbanphbinbriewnnn milksnathangsilpaechnediywkbphraphuththrupsmythwarwdi 1156 karsarwcaelakhudkhn ineduxnknyayn ph s 2503 krmsilpakridsngecahnathiipsarwcxikkhrnghnung phbenindinxikhlayaehng aetxyuinthidinkhxngexkchn cungcaepntxngkhxxnuyatecakhxngthidinkxn thaihyngimsamarthdaeninkarsarwchruxkhudkhnidxyangcringcng eduxnphvsphakhm ph s 2504 thung phvsphakhm ph s 2506 sarwcphunthiaelakhudkhnenindinhlayaehngthngphunthiphayinaelaphaynxkkhuemuxngkhxngemuxngkhubw phbenindinsungsnnisthanwaepnobransthanmakkwa 44 aehng aetkhnathanganidkahndhmayelkhobransthaniwephiyng 44 aehng aelaidkhudaetngobransthanehlanncanwn 23 aehng phbwaswnihyepnswnthanecdiyhruxwihar lksnakarkxsrangobransthan swnihysrangdwyxithenuxphsmaeklb ichdinsx caksakobransthanthaihsnnisthanidwamiecdiy 8 aebb dngni lksnakhxngthanobransthanphayinemuxngkhubw 24 26 thanrupsiehliymcturs kxxithkhuniptrngxyangthrrmdaimmikaryxmukh thanrupsiehliymcturs bnthansiehliymmixngkhecdiyrupsiehliymcturs aetladanmimukhyunxxkmadanla 3 mukh thanrupsiehliymcturs mithanekhiyngsxnknkhunipepnchn aelamisumrxbxngkhecdiy thanrupsiehliymcturs mibnidyunxxkmacakthanthngsidanhruxdanediyw thanrupsiehliymcturs mimukhyunxxkmacakmumthngsi thanrupsiehliymphunpha thanklm thanaepdehliym nxkcakni cakkarkhudaetngobransthan yngphbpratimakrrmthithadwydinephaaelapunpn sungichtkaetngobransthan echn rupethwda stw yks phraophthistw aelaphraphuththrup hlkthanehlaniaesdngthungkhwamsakhykhxngemuxngobranaehngniwaepnemuxngobrankhnadihyemuxnghnunginsmythwarwdi 47 52 nkobrankhdipracahnwysilpakrthi 2 suphrrnburi epnhwhnakhnathangan edinthangekhasarwcekbkhxmulinekhtemuxngkhubw odyennthikarcdthaaephnthi odyphbobransthanephimxik 5 aehng khux obransthanhmayelkh 45 46 47 48 aela 49 thngyngkhudaetngobransthanhmayelkh 8 inpi ph s 2538 krmsilpakrdaeninkarburnaobransthaninekhtemuxngkhubw 3 aehng khux obransthanhmayelkh 8 obransthanhmayelkh 18 aelaobransthanhmayelkh 44 133 inpi ph s 2539 2540 khudaetngobransthanhmayelkh 31 sarwcphunthiemuxngkhubw ephuxrwbrwmkhxmulobransthanthnghmdprakxbkarpramwlcdthaaephnaembthephuxkarxnurksaelaphthnaemuxngkhubw cakkarsarwcphbobransthanephim 1 aehng khux obransthanhmayelkh 50 swnobransthanhmayelkh 51 59 nn epnkarihhmayelkhephimetimcakobransthanthisarwcphbemuxpi ph s 2504 2506hmayehtuechphaawdokhlngethann echn nakh khruth khnthrrph yks rakss khnaekhra khlaykhlungkbphaphekhiynphayinthaxchnta praethsxinediy swnihyepnphraphuththrupprathbnnghxyphrabath midxkbwrxngrb pangaesdngphrathrrmethsna khux obransthanhmayelkh 8 15 18 24 25 28 36 aela 46 khux obransthanhmayelkh 9 16 17 23 khux obransthanhmayelkh19 26 31 32 33 aela 49 khux obransthanhmayelkh 29 aela 30 khux obransthanhmayelkh 34 39 41 43 44 aela 50 khux obransthanhmayelkh 35 37 38 40 42 obransthanbriewnbannaytxm exiymochm obransthanbriewnbannangsawsnun khaelis aelaobransthanbriewnbannayelis phibulyaethw khux obransthanhmayelkh1 2 5 6 aela 7 khux obransthanhmayelkh 3 aela 4 khux obransthanhmayelkh 10 11 12 14 20 21 45 51 52 53 54 55 56 aela 57 khux obransthanhmayelkh 13 22 27 47 48 58 59 obransthanbriewnbannayepiy cntha aelaobransthanbriewnbannangphad khlayphngxangxingHigham C 2014 Early Mainland Southeast Asia Bangkok River Books Co Ltd ISBN 9786167339443 silp phirasri smudnachmobranwtthusthansmythwarwdi tablkhubw cnghwdrachburi 2504 phchrinthr sukhpramul rachburi 2534 phyung wngsnxy laysilpdinephaemuxngkhubw raynganphlkarsuksaokhrngkarsuksapratimakrrmdinephaaebbthwarwdithiemuxngkhubw 2545 skdichy saysingh silpathwarwdi wthnthrrmphuththsasnayukhaerkerimindinaednithy 2547 smskdi rtnkul obrankhdiemuxngkhubw 2535 phiriya ikrvks prawtisastrsilpinpraethsithy chbbkhumuxnksuksa 2528 klumwichakarobrankhdi sankngansilpakrthi 1 rachburi smskdi rtnkul obrankhdiemuxngkhubw 2535 thitiphngs mithxng karsuksaobransthanemuxngobrankhubwkhxngcnghwdrachburi 2022 11 30 thi ewyaebkaemchchin 2562 tri xmatykul emuxngobranthibankhubw caksmudnachmobranwtthusthansmythwarwdi tablkhubw cnghwdrachburi 2523 nthphl buyxuthis phramhaecdiyaelaphiphithphnthchumchnbankhubw cnghwdrachburi 2546