เมทีนามีน หรือ เฮกซะเมทิลีนเตตรามีน (อังกฤษ: Methenamine หรือ Hexamethylenetetramine) เป็นสารประกอบอินทรีย์ มีสูตรโครงสร้างคือ (CH2)6N4 ลักษณะเป็นผลึกสีขาว ละลายได้ดีในน้ำและตัวทำละลายอินทรีย์ที่มีขั้ว โครงสร้างโมเลกุลมีลักษณะคล้ายกรงเหมือนกับ เมทีนามีนถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการสังเคราะห์สารประกอบเคมีอื่น เช่น พลาสติก ยา สารเติมแต่งยาง สารนี้มีจุดระเหิด ณ สภาวะสุญญากาศที่ 280 องศาเซลเซียส
| |||
ชื่อ | |||
---|---|---|---|
1,3,5,7-Tetraazaadamantane | |||
ชื่ออื่น Hexamine; Methenamine; Urotropine; Formin, Aminoform | |||
เลขทะเบียน | |||
| |||
3D model () |
| ||
2018 | |||
| |||
| |||
เคมสไปเดอร์ |
| ||
ดรักแบงก์ |
| ||
100.002.642 | |||
| |||
เลขอี | E239 | ||
26964 | |||
| |||
MeSH | Methenamine | ||
ผับเคม CID |
| ||
| |||
| |||
UN number | 1328 | ||
(EPA) |
| ||
| |||
| |||
คุณสมบัติ | |||
C6H12N4 | |||
มวลโมเลกุล | 140.186 g/mol | ||
ลักษณะทางกายภาพ | ผลึกของแข็งสีขาว | ||
กลิ่น | คาว คล้ายแอมโมเนีย | ||
ความหนาแน่น | 1.33 g/cm3 (ที่ 20 °C) | ||
จุดหลอมเหลว | 280 องศาเซลเซียส (536 องศาฟาเรนไฮต์; 553 เคลวิน) () | ||
85.3 g/100 mL | |||
ความสามารถละลายได้ | ละลายน้ำได้ในคลอโรฟอร์ม, เมทานอล, เอทานอล, แอซีโทน, เบนซีน, , อีเทอร์ | ||
ความสามารถละลายได้ ใน คลอโรฟอร์ม | 13.4 g/100 g (20 °C) | ||
ความสามารถละลายได้ ใน เมทานอล | 7.25 g/100 g (20 °C) | ||
ความสามารถละลายได้ ใน เอทานอล | 2.89 g/100 g (20 °C) | ||
ความสามารถละลายได้ ใน แอซีโทน | 0.65 g/100 g (20 °C) | ||
ความสามารถละลายได้ ใน เบนซีน | 0.23 g/100 g (20 °C) | ||
4.89 | |||
เภสัชวิทยา | |||
(WHO) | |||
ความอันตราย | |||
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS/OSH): | |||
อันตรายหลัก | ติดไฟได้สูง, เป็นอันตราย | ||
: | |||
เตือน | |||
H228, H317 | |||
P210, P240, P241, P261, P272, P280, P302+P352, P321, P333+P313, P363, P370+P378, P501 | |||
NFPA 704 (fire diamond) | |||
250 องศาเซลเซียส (482 องศาฟาเรนไฮต์; 523 เคลวิน) | |||
410 องศาเซลเซียส (770 องศาฟาเรนไฮต์; 683 เคลวิน) | |||
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa อ้างอิงกล่องข้อมูล |
เมทีนามีนเป็นสารที่ได้จากการเกิดปฏิกิริยาระหว่างงฟอร์มาลดีไฮด์กับแอมโมเนีย ถูกค้นพบโดย เมื่อ ค.ศ. 1859 มีการนำเมทีนามีนมาใช้ประโยชน์ในหลายวัตถุประสงค์ ทั้งใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตวัสดุคอมโพสิต ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ เป็นสีย้อมในการศึกษาทางมิญชวิทยา เชื้อเพลิงแข็ง สารกันเสีย ตัวทำปฏิกิริยา รวมไปถึงการผลิตวัตถุระเบิด
ถึงแม้ว่าเมทีนามีนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย แต่เนื่องด้วยความต้องการของตลาดที่มีน้อยลง ประกอบกับการมีสารตัวเลือกอื่นที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณการผลิตสารนี้ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา ในปัจจุบันยังมีการผลิตสารนี้อยู่ในเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก
ประวัติ
เมทีนามีน หรือที่เรียกกันเป็นทางการว่า เฮกซะเมทิลีนเตตรามีน ถูกค้นพบโดยนักเคมีชาวรัสเซีย เมื่อ ค.ศ. 1859 โดยถูกเตรียมขึ้นได้จากการทำปฏิกิริยากันระหว่างฟอร์มาลดีไฮด์กับแอมโมเนีย โดยการเกิดปฏิกิริยาดังกล่าวสามารถถูกเหนี่ยวนำได้ทั้งในกรณีที่สารตั้งต้นทั้งสองอยู่ในสถาะแก๊สและสารละลาย
โมเลกุลของเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมากกับโครงสร้างของ โดยจะมีโครงสร้างเป็นแบบสมมาตรทรงสี่หน้ารูปร่างคล้ายกรง มุมทั้งสี่มุมเป็นอะตอมของไนโตรเจน เชื่อมต่อกับอะตอมไนโตรเจนอื่นในโมเลกุลด้วย (methylene bridge) ถึงแม้ว่าโมเลกุลของเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนจะมีรูปร่างคล้ายกรง แต่ก็ไม่มีตำแหน่งด้านหน้าใดๆในโมเลกุลที่จะสามารถเข้าจับกับอะตอมหรือโมเลกุลอื่นเพิ่มเติมได้ เช่นที่พบได้ใน หรือโครงสร้างขนาดใหญ่
โมเลกุลของเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนจะแสดงคุณสมบัติคล้ายคลึงกับโมเลกุลของกรดอะมิโน โดยสามารถเกิดและ N-ได้ (เช่น )
การใช้ประโยชน์
ส่วนใหญ่แล้วเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนมักถูกนำมาใช้ในการผลิตผงหรือชนิดเหลว และวัสดุคอมโพสิตชนิดยางฟีนอลิคโดยใช้แม่พิมพ์ (phenolic resin moulding compound) เพื่อเป็นสารทำให้คอมโพสิตแข็งตัว โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ผลิตได้เหล่านี้มักเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องอาศัยการยึดเกาะ เช่น เบรกรถ ผ้าคลัตช์ ผ้าทราย ผ้าใยสังเคราะห์ วัสดุทนไฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่าเฮกซะเมทิลีนเตตราอาจสามารถทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์โครงร่างโมเลกุล (molecular building block) สำหรับการสังเคราะห์ผลึกโครงสร้างนาโนโดยจัดวางโมเลกุลอย่างเป็นระเบียบได้ด้วยตนเอง (self-assembly) ได้ด้วย
การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
ในวงการแพทย์ได้ริเริ่มการนำเฮกซะเมทิลีนเตตรามีน มาใช้ในการฆ่าเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1899 แต่ใช้ได้ผลในผู้ป่วยที่มีค่าพีเอชของสารละลายในทางเดินปัสสาวะเป็นกรดเท่านั้น ส่วนในผู้ป่วยที่มีสารละลายในทางเดินปัสสวะเป็นด่างมักพิจารณาใช้แทนสำหรับข้อบ่งใช้ข้างต้น โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีสหสัมพันธ์แบบแปรผันตรงระหว่าง ความเป็นกรดของสภาพแวดล้อมรอบเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนกับการสลายตัวของสารดังกล่าว ดังนั้น ประสิทธิภาพในการรักษาของเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนจึงขึ้นอยู่กับความเป็นกรดของปัสสาวะ มากกว่าปริมาณยาทั้งหมดที่ผู้ป่วยได้รับในการรักษา ในทางตรงกันข้าม หากสภาพแวดล้อมภายนอกมีสภาวะเป็นด่างนั้น เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนแทบจะไม่สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อโรคใดๆ ได้เลย
นอกจากนี้ เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนยังเคยถูกนำมาใช้ในกระบวนการการรักษาทหารได้รับบาดเจ็บจากการสูดก๊าซพิษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งการศึกษาทางคลินิกในภายหลังพบว่า การได้รับเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนในขนาดสูงก่อนการสูดดมก๊าซพิษดังกล่าว จะช่วยป้องกันการเกิดพิษจากแก๊สนั้นได้ ในทางตรงกันข้าม การได้รับเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนภายหลังจากการสัมผัสก๊าซพิษแล้ว พบว่าไม่ก่อให้เกิดผลในการรักษาอาการพิษแต่อย่างใด
ในปัจจุบัน เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนในรูปแบบเกลือของกรดแมนดีลิค (ชื่อสามัญตาม คือ เมทีนามีน แมนดีเลท) นั้นถูกนำมาใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ โดยสารดังกล่าวจะสลายตัวในกระเพาะปัสสาวะที่มีสภาวะเป็นกรด ได้ผลิตภัณฑ์เป็นฟอร์มาลดีไฮด์และแอมโมเนีย ซึ่งฟอร์มาลดีไฮด์ที่เกิดขึ้นนี้จะมีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียก่อโรค ส่วนกรดแมนดีลิคที่ถูกเพิ่มเข้ามาในนั้นมีจุดประสงค์เพื่อเสริมฤทธิ์ของฟอร์มาลดีไฮด์ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าค่าพีเอชของสารละลายในกระเพาะปัสสาวะนั้นเอื้อต่อการออกฤทธิ์ของเฮกซะเมทิลีนเตตรามีน จึงมักมีการบริหารวิตามินซีหรือแอมโมเนียมคลอไรด์ให้กับผู้ป่วยร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความเป็นกรดของสารละลายในกระเพาะปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม การใช้เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนเพื่อเป็นยาปฏิชีวนะนี้มีปริมาณการใช้ลดลงในช่วงปลายคริสต์ทศวรรตที่ 1990 เนื่องจากอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดรุนแรงชนิด จากการเหนี่ยวนำของสารเคมีในผู้ที่ได้รับยาเกินขนาด แต่ ณ ปัจจุบัน ยาดังกล่าวได้รับการรับรองใหม่อีกครั้งเพื่อใช้สำหรับข้อบ่งใช้ดังข้างต้น อันเป็นมาตรการตอบสนองต่อความชุกของการดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียที่มากขึ้นในปัจจุบัน โดยยานี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ต่อเนื่องระยะยาว เพื่อป้องกันการเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากแบคทีเรียไม่สามารถปรับตัวให้ดื้อต่อฟอร์มาลดีไฮด์ได้ อย่างไรก็ดี ยานี้ไม่สามารถใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่องได้ เนื่องจากจะทำให้อาการชองโรคแย่ลงและเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาได้มากขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีการพัฒนาเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนให้อยู่ในรูปแบบยาครีมและสเปรย์ เพื่อใช้ในการรักษาภาวะที่เหงื่อออกมากและกลิ่นตัวแรงเกินไป
อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยเฮกซะเมทิลีนเตตรามีน ได้แก่ เกิดผื่นคันตามผิวหนัง ระคายเคืองทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน กระเพาะอาหารอักเสบ ท้องเสีย เกิดตะคริวที่ท้อง ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะขัด มีเลือดปนมากับปัสสาวะหรือปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะถี่และบ่อย การตรวจปัสสาวะอาจพบมีโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นสาเหตหลักที่ทำให้มีการใช้เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนลดน้อยลงในปัจจุบัน
การย้อมสีทางมิญชวิทยา
ในการศึกษาทางมิญชวิทยานั้นมีการนำหลายชนิดมาใช้เพื่อย้อมติดสีแกรม ได้แก่:
- ถูกนำมาใช้เพื่อคัดเลือกจุลชีพจำพวกกันอย่างแพร่หลาย
- เป็นเมทีนามีนซิลเวอร์จำพวก สำหรับย้อม, หรือย้อมเพื่อดู "spiked" ของ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิด
เชื้อเพลิงแข็ง
เช่นเดียวกันกับ , เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนเป็นส่วนประกอบหนึ่งของที่นิยมใช้ในกลุ่มคนตั้งแคมป์, ออกค่าย, หน่วยทหาร เพื่อเป็นแหล่งความร้อนในการประกอบอาหารและการปันส่วนเชื้อเพลิงในหน่วยทหาร เชื้อเพลิงแข็งชนิดนี้มีข้อดีคือไม่ก่อให้เกิดควันเมื่อเกิดการเผาไหม้, มีปริมาณความร้อนจากการเผาไหม้ (Heat of combustion) ที่สูงมากถึง 30.0 เมกะจูลต่อกิโลกรัม (MJ/kg), ไม่กลายเป็นสาเหลวเมื่อเกิดการเผาไหม้ และไม่เหลือเถ้าจากการเผา นอกจากนี้ เชื้อเพลิงเมทีนามีน (เฮกซะมีน) มาตรฐาน 0.149 กรัม ถูกนำมาใช้เป็นแหล่งกำเนิดไฟที่สะอาดและทำซ้ำได้ในห้องปฏิบัติกันไฟเพื่อทดสอบการติดไฟของพรมปูพื้น
วัตถุเจือปนอาหาร
เฮกซะเมทิลีนเตตรามีน หรือเฮกซะมีนยังถูกนำมาใช้เป็นเพื่อป้องกันการเน่าเสีย (INS number 239) โดยได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรปให้ใช้สารนี้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวได้ ภายใต้เลขอี E239 อย่างไรก็ตาม เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนไม่ได้รับการรับรองให้ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหารในสหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ตัวทำปฏิกิริยาในเคมีอินทรีย์
เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนเป็นตัวทำปฏิกิริยาอเนกประสงค์ใน, สารนี้ถูกนำมาใช้ใน (ของ), (การเปลี่ยนไปเป็นอัลดีไฮด์), และ (การสังเคราะห์เอมีนจาก)
วัตถุระเบิด
เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนเป็นส่วนประกอบพื้นฐานในการสร้างระเบิด และระเบิด รวมไปถึงระเบิด, เฮกซามีนไดไนเตรท และ (HMTD) ตัวอย่างปฏิกิริยาการสร้างระเบิด ดังแสดงต่อไปนี้
แนวโน้มการผลิต
ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา จำนวนผู้ผลิตเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนในยุโรปนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงงาน SNPE ของฝรั่งเศสที่ปิดกิจการไปในปี 1990, การผลิตในโรงงานที่ ประเทศเยอรมนีได้หยุดลงในปี ค.ศ. 1993, ปี ค.ศ. 1996 โรงงานผลิตในได้ปิดกิจการลง, ปี ค.ศ. 2001 ผู้ผลิตเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนในสหราชอาณาจักรได้หยุดการดำเนินกิจการ, ปี ค.ศ. 2006 โรงงานเคมโค (Chemko) ในสาธารณรัฐสโลวักได้หยุดการผลิตยานี้ลงเช่นกัน โดยในปัจจุบัน โรงงานที่ยังคงมีการผลิตเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนอยู่ ได้แก่ INEOS ของเยอรมนี, Caldic ของเนเธอร์แลนด์, และ ของอิตาลี ส่วนในสหรัฐอมเริกา ได้หยุดการผลิตสารนี้ไปเมื่อปี ค.ศ. 2002 นอกเหนือจากยุโรปแล้ว ในออสเตรเลียและเม็กซิโกยังมีการผลิตเฮกซะเมทิลีนเตตรามีนเพื่อใช้เป็นเม็ดเชื้อเพลิงซึ่งดำเนินการโดย บริษัทธาลส์ ออสเตรเลีย จำกัด (Thales Australia) และ เอบิยา (Abiya) ตามลำดับ
เฮกซะเมทิลีนเตตรามีนมีจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้ชื่อการค้า Hiprex (ฮิปเปร็กซ์) โดยบริษัท Aventis Pharmaceuticals, Urex (ยูเร็กซ์) ของบริษัท Vatring Pharmaceuticals และ Mandelamine (แมนเดลามีน) ของบริษัท Warner Chilcott Laboratories
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Cooney, A. P.; Crampton, M. R.; Golding, P. (1986). "The acid-base behaviour of hexamine and its N-acetyl derivatives". (6): 835–839. doi:10.1039/P29860000835.
- PubChem. "Methenamine". สืบค้นเมื่อ March 28, 2018.
- Eller, K.; Henkes, E.; Rossbacher, R.; Höke, H. (2000). "Amines, Aliphatic". Ullmann's Encyclopedia of Industrial Chemistry. Wiley-VCH Verlag GmbH. doi:10.1002/14356007.a02_001. ISBN .
- Butlerow, A. (1859). "Ueber einige Derivate des Jodmethylens" [On some derivatives of methylene iodide]. (ภาษาเยอรมัน). 111 (2): 242–252. doi:10.1002/jlac.18591110219. In this paper, Butlerov discovered formaldehyde, which he called "Dioxymethylen" (methylene dioxide) [page 247] because his empirical formula for it was incorrect (C4H4O4). On pages 249–250, he describes treating formaldehyde with ammonia gas, creating hexamine.
- Ross, R. R.; Conway, G. F. (1970). "Hemorrhagic cystitis following accidental overdose of methenamine mandelate". Am. J. Dis. Child. 119 (1): 86–87. doi:10.1001/archpedi.1970.02100050088021. PMID 5410299.
- "Renal Pathology". สืบค้นเมื่อ 2008-11-25.
- Alan H. Schoen (2004), Re: Equialence of methenamine Tablets Standard for Flammability of Carpets and Rugs 2008-10-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. U.S. Consumer product Safety Commission, Washington, DC, July 29, 2004. Many other countries who still produce this include Russia, Saudi Arabia, China and Australia.
- UK Food Standards Agency: "Current EU approved additives and their E Numbers". สืบค้นเมื่อ 2011-10-27.
- Blažzević, N.; Kolbah, D.; Belin, B.; Šunjić, V.; Kajfež, F. (1979). "Hexamethylenetetramine, A Versatile Reagent in Organic Synthesis". . 1979 (3): 161–176. doi:10.1055/s-1979-28602.
- Butlerow, A. (1860). "Ueber ein neues Methylenderivat" [On a new methylene derivative]. Ann. Chem. Pharm. (ภาษาเยอรมัน). 115 (3): 322–327. doi:10.1002/jlac.18601150325.
- อภัย ราษฎรวิจิตร (February 13, 2016). . หาหมอ.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 14, 2017. สืบค้นเมื่อ April 28, 2018.
- Markle, R. C. (2000). "Molecular building blocks and development strategies for molecular nanotechnology". Nanotechnology. 11: 89. doi:10.1088/0957-4484/11/2/309.
- Garcia, J. C.; Justo, J. F.; Machado, W. V. M.; Assali, L. V. C. (2009). "Functionalized adamantane: building blocks for nanostructure self-assembly". Phys. Rev. B. 80: 125421. doi:10.1103/PhysRevB.80.125421.
- Heathcote, Reginald St. A. (1935). "HEXAMINE AS AN URINARY ANTISEPTIC: I. ITS RATE OF HYDROLYSIS AT DIFFERENT HYDROGEN ION CONCENTRATIONS. II. ITS ANTISEPTIC POWER AGAINST VARIOUS BACTERIA IN URINE". British Journal of Urology. 7 (1): 9–32. doi:10.1111/j.1464-410X.1935.tb11265.x. ISSN 0007-1331.
- Elliot (1913). "On Urinary Antiseptics". British Medical Journal. 98: 685–686.
- Diller, Werner F. (1980). "The methenamine misunderstanding in the therapy of phosgene poisoning (review article)". Archives of Toxicology. 46 (3–4): 199–206. doi:10.1007/BF00310435. ISSN 0340-5761.
- . Edenbridge Pharmaceuticals. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-17. สืบค้นเมื่อ 2018-03-29.
- D E James-Levi (April 1945). "[Treatment of Excessive Sweating of Feet With Urotropine]". Voenno-meditsinskii zhurnal. 45: 38. ISSN 0026-9050. PMID 20341260.
- Australia New Zealand Food Standards Code"Standard 1.2.4 - Labelling of ingredients". สืบค้นเมื่อ 2011-10-27.
- Allen, C. F. H.; Leubne, G. W. (1951). "Syringic Aldehyde". . 31: 92. doi:10.15227/orgsyn.031.0092.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Wiberg, K. B. (1963). "2-Thiophenaldehyde". . doi:10.15227/orgsyn.000.0000.; Collective Volume, vol. 3, p. 811
- Bottini, A. T.; Dev, V.; Klinck, J. (1963). "2-Bromoallylamine". . 43: 6. doi:10.15227/orgsyn.043.0006.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Luo, K.-M.; Lin, S.-H.; Chang, J.-G.; Huang, T.-H. (2002), "Evaluations of kinetic parameters and critical runaway conditions in the reaction system of hexamine-nitric acid to produce RDX in a non-isothermal batch reactor", Journal of Loss Prevention in the Process Industries, 15 (2): 119–127, doi:10.1016/S0950-4230(01)00027-4.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
emthinamin hrux ehksaemthilinettramin xngkvs Methenamine hrux Hexamethylenetetramine epnsarprakxbxinthriy misutrokhrngsrangkhux CH2 6N4 lksnaepnphluksikhaw lalayiddiinnaaelatwthalalayxinthriythimikhw okhrngsrangomelkulmilksnakhlaykrngehmuxnkb emthinaminthuknamaichpraoychninkarsngekhraahsarprakxbekhmixun echn phlastik ya saretimaetngyang sarnimicudraehid n sphawasuyyakasthi 280 xngsaeslesiysemthinamin chux1 3 5 7 Tetraazaadamantanechuxxun Hexamine Methenamine Urotropine Formin Aminoformelkhthaebiynelkhthaebiyn CAS 100 97 0 Y3D model rupphaphaebbottxb2018CHEBI 6824 YChEMBL1201270 Yekhmsipedxr 3959 Ydrkaebngk DB06799100 002 642202 905 8elkhxi E23926964D00393 YMeSH Methenaminephbekhm CID 4101MN4725000J50OIX95QV YUN number 1328 EPA DTXSID6020692InChI 1S C6H12N4 c1 7 2 9 4 8 1 5 10 3 7 6 9 h1 6H2 YKey VKYKSIONXSXAKP UHFFFAOYSA N YInChI 1 C6H12N4 c1 7 2 9 4 8 1 5 10 3 7 6 9 h1 6H2Key VKYKSIONXSXAKP UHFFFAOYAWC1N2CN3CN1CN C2 C3khunsmbtisutrekhmi C6H12N4mwlomelkul 140 186 g mollksnathangkayphaph phlukkhxngaekhngsikhawklin khaw khlayaexmomeniykhwamhnaaenn 1 33 g cm3 thi 20 C cudhlxmehlw 280 xngsaeslesiys 536 xngsafaerniht 553 ekhlwin lalayinna 85 3 g 100 mLkhwamsamarthlalayid lalaynaidinkhlxorfxrm emthanxl exthanxl aexsiothn ebnsin xiethxrkhwamsamarthlalayid in khlxorfxrm 13 4 g 100 g 20 C khwamsamarthlalayid in emthanxl 7 25 g 100 g 20 C khwamsamarthlalayid in exthanxl 2 89 g 100 g 20 C khwamsamarthlalayid in aexsiothn 0 65 g 100 g 20 C khwamsamarthlalayid in ebnsin 0 23 g 100 g 20 C 4 89ephschwithyaATC code WHO khwamxntrayxachiwxnamyaelakhwamplxdphy OHS OSH xntrayhlk tidifidsung epnxntray etuxnH228 H317P210 P240 P241 P261 P272 P280 P302 P352 P321 P333 P313 P363 P370 P378 P501NFPA 704 fire diamond 231250 xngsaeslesiys 482 xngsafaerniht 523 ekhlwin 410 xngsaeslesiys 770 xngsafaerniht 683 ekhlwin hakmiidrabuepnxun khxmulkhangtnnikhuxkhxmulsar n phawamatrthanthi 25 C 100 kPa xangxingklxngkhxmul emthinaminepnsarthiidcakkarekidptikiriyarahwangngfxrmaldiihdkbaexmomeniy thukkhnphbody emux kh s 1859 mikarnaemthinaminmaichpraoychninhlaywtthuprasngkh thngichepnswnphsminkarphlitwsdukhxmophsit ichepnyaptichiwna epnsiyxminkarsuksathangmiychwithya echuxephlingaekhng sarknesiy twthaptikiriya rwmipthungkarphlitwtthuraebid thungaemwaemthinamincasamarthnaipichpraoychnidxyanghlakhlay aetenuxngdwykhwamtxngkarkhxngtladthiminxylng prakxbkbkarmisartweluxkxunthiephimmakkhun thaihprimankarphlitsarnildlngxyangtxenuxngtngaetchwngpi kh s 1990 epntnma inpccubnyngmikarphlitsarnixyuineyxrmni enethxraelnd xitali xxsetreliy shrthxemrika aelaemksiokprawtiemthinamin hruxthieriykknepnthangkarwa ehksaemthilinettramin thukkhnphbodynkekhmichawrsesiy emux kh s 1859 odythuketriymkhunidcakkarthaptikiriyaknrahwangfxrmaldiihdkbaexmomeniy odykarekidptikiriyadngklawsamarththukehniywnaidthnginkrnithisartngtnthngsxngxyuinsthaaaeksaelasarlalay aexmomeniy fxrmaldiihd ehksaemthilinettramin na aephnphaphaesdngkrabwnkarsngekhraahehksaemthilinettramin omelkulkhxngehksaemthilinettraminmikhwamkhlaykhlungknepnxyangmakkbokhrngsrangkhxng odycamiokhrngsrangepnaebbsmmatrthrngsihnaruprangkhlaykrng mumthngsimumepnxatxmkhxnginotrecn echuxmtxkbxatxminotrecnxuninomelkuldwy methylene bridge thungaemwaomelkulkhxngehksaemthilinettramincamiruprangkhlaykrng aetkimmitaaehnngdanhnaidinomelkulthicasamarthekhacbkbxatxmhruxomelkulxunephimetimid echnthiphbidin hruxokhrngsrangkhnadihy omelkulkhxngehksaemthilinettramincaaesdngkhunsmbtikhlaykhlungkbomelkulkhxngkrdxamion odysamarthekidaela N id echn karichpraoychnswnihyaelwehksaemthilinettraminmkthuknamaichinkarphlitphnghruxchnidehlw aelawsdukhxmophsitchnidyangfinxlikhodyichaemphimph phenolic resin moulding compound ephuxepnsarthaihkhxmophsitaekhngtw odyphlitphnthtangthiphlitidehlanimkepnphlitphnththitxngxasykaryudekaa echn ebrkrth phakhltch phathray phaiysngekhraah wsduthnif epntn nxkcakniyngphbwaehksaemthilinettraxacsamarththahnathiepnaemphimphokhrngrangomelkul molecular building block sahrbkarsngekhraahphlukokhrngsrangnaonodycdwangomelkulxyangepnraebiybiddwytnexng self assembly iddwy karichpraoychnthangkaraephthy inwngkaraephthyidrierimkarnaehksaemthilinettramin maichinkarkhaechuxinrabbthangedinpssawaepnkhrngaerkemuxpi kh s 1899 aetichidphlinphupwythimikhaphiexchkhxngsarlalayinthangedinpssawaepnkrdethann swninphupwythimisarlalayinthangedinpsswaepndangmkphicarnaichaethnsahrbkhxbngichkhangtn odynkwithyasastrphbwamishsmphnthaebbaeprphntrngrahwang khwamepnkrdkhxngsphaphaewdlxmrxbehksaemthilinettraminkbkarslaytwkhxngsardngklaw dngnn prasiththiphaphinkarrksakhxngehksaemthilinettramincungkhunxyukbkhwamepnkrdkhxngpssawa makkwaprimanyathnghmdthiphupwyidrbinkarrksa inthangtrngknkham haksphaphaewdlxmphaynxkmisphawaepndangnn ehksaemthilinettraminaethbcaimsamarthxxkvththikhaechuxkxorkhid idely nxkcakni ehksaemthilinettraminyngekhythuknamaichinkrabwnkarkarrksathharidrbbadecbcakkarsudkasphisinchwngsngkhramolkkhrngthi 1 sungkarsuksathangkhlinikinphayhlngphbwa karidrbehksaemthilinettramininkhnadsungkxnkarsuddmkasphisdngklaw cachwypxngknkarekidphiscakaeksnnid inthangtrngknkham karidrbehksaemthilinettraminphayhlngcakkarsmphskasphisaelw phbwaimkxihekidphlinkarrksaxakarphisaetxyangid inpccubn ehksaemthilinettramininrupaebbekluxkhxngkrdaemndilikh chuxsamytam khux emthinamin aemndielth nnthuknamaichinkarrksakartidechuxaebkhthieriyinrabbthangedinpssawa odysardngklawcaslaytwinkraephaapssawathimisphawaepnkrd idphlitphnthepnfxrmaldiihdaelaaexmomeniy sungfxrmaldiihdthiekidkhunnicamikhunsmbtiinkarkhaaebkhthieriykxorkh swnkrdaemndilikhthithukephimekhamainnnmicudprasngkhephuxesrimvththikhxngfxrmaldiihd xyangirktam ephuxihmnicwakhaphiexchkhxngsarlalayinkraephaapssawannexuxtxkarxxkvththikhxngehksaemthilinettramin cungmkmikarbriharwitaminsihruxaexmomeniymkhlxirdihkbphupwyrwmdwy ephuxephimkhwamepnkrdkhxngsarlalayinkraephaapssawa xyangirktam karichehksaemthilinettraminephuxepnyaptichiwnanimiprimankarichldlnginchwngplaykhristthswrrtthi 1990 enuxngcakxakarimphungprasngkhthiekidkhun odyechphaaxyangyingkarekidrunaerngchnid cakkarehniywnakhxngsarekhmiinphuthiidrbyaekinkhnad aet n pccubn yadngklawidrbkarrbrxngihmxikkhrngephuxichsahrbkhxbngichdngkhangtn xnepnmatrkartxbsnxngtxkhwamchukkhxngkarduxyaptichiwnakhxngaebkhthieriythimakkhuninpccubn odyyanimikhwamehmaasmxyangyingthicanamaichtxenuxngrayayaw ephuxpxngknkarekidkartidechuxinrabbthangedinpssawa enuxngcakaebkhthieriyimsamarthprbtwihduxtxfxrmaldiihdid xyangirkdi yaniimsamarthichinphupwythimikarthangankhxngitbkphrxngid enuxngcakcathaihxakarchxngorkhaeylngaelaekidxakarimphungprasngkhcakyaidmakkhun nxkcakniaelwyngmikarphthnaehksaemthilinettraminihxyuinrupaebbyakhrimaelasepry ephuxichinkarrksaphawathiehnguxxxkmakaelaklintwaerngekinip xakarimphungprasngkhthixacekidkhunidinphuthiidrbkarrksadwyehksaemthilinettramin idaek ekidphunkhntamphiwhnng rakhayekhuxngthangedinxahar khlunis xaeciyn kraephaaxaharxkesb thxngesiy ekidtakhriwthithxng pssawaimxxkhruxpssawakhd mieluxdpnmakbpssawahruxpssawaepneluxd pssawathiaelabxy kartrwcpssawaxacphbmioprtininpssawa sungxakarimphungprasngkhthiekidkhunkbrabbthangedinpssawa epnsaehthlkthithaihmikarichehksaemthilinettraminldnxylnginpccubn karyxmsithangmiychwithya inkarsuksathangmiychwithyannmikarnahlaychnidmaichephuxyxmtidsiaekrm idaek thuknamaichephuxkhdeluxkculchiphcaphwkknxyangaephrhlay epnemthinaminsilewxrcaphwk sahrbyxm hruxyxmephuxdu spiked khxng sungmikhwamsmphnthkbkarekidechuxephlingaekhng echnediywknkb ehksaemthilinettraminepnswnprakxbhnungkhxngthiniymichinklumkhntngaekhmp xxkkhay hnwythhar ephuxepnaehlngkhwamrxninkarprakxbxaharaelakarpnswnechuxephlinginhnwythhar echuxephlingaekhngchnidnimikhxdikhuximkxihekidkhwnemuxekidkarephaihm miprimankhwamrxncakkarephaihm Heat of combustion thisungmakthung 30 0 emkacultxkiolkrm MJ kg imklayepnsaehlwemuxekidkarephaihm aelaimehluxethacakkarepha nxkcakni echuxephlingemthinamin ehksamin matrthan 0 149 krm thuknamaichepnaehlngkaenidifthisaxadaelathasaidinhxngptibtiknifephuxthdsxbkartidifkhxngphrmpuphun wtthuecuxpnxahar ehksaemthilinettramin hruxehksaminyngthuknamaichepnephuxpxngknkarenaesiy INS number 239 odyidrbkarrbrxngcakshphaphyuorpihichsarniephuxcudprasngkhdngklawid phayitelkhxi E239 xyangirktam ehksaemthilinettraminimidrbkarrbrxngihichepnwtthuecuxpnxaharinshrthxemrika rsesiy xxsetreliy aelaniwsiaelnd twthaptikiriyainekhmixinthriy ehksaemthilinettraminepntwthaptikiriyaxenkprasngkhin sarnithuknamaichin khxng karepliynipepnxldiihd aela karsngekhraahexmincak wtthuraebid ehksaemthilinettraminepnswnprakxbphunthaninkarsrangraebid aelaraebid rwmipthungraebid ehksaminidinetrth aela HMTD twxyangptikiriyakarsrangraebid dngaesdngtxipni ehksamin 10 krdintrik 3 emthilinidinetrth 3 na CH2 6N4 10 HNO3 CH2 N NO2 3 3 CH2 NO3 2 NH4NO3 3 H2Oaenwonmkarphlittngaetchwngpi kh s 1990 epntnma canwnphuphlitehksaemthilinettramininyuorpnnldlngxyangtxenuxng xathi orngngan SNPE khxngfrngessthipidkickaripinpi 1990 karphlitinorngnganthi praethseyxrmniidhyudlnginpi kh s 1993 pi kh s 1996 orngnganphlitinidpidkickarlng pi kh s 2001 phuphlitehksaemthilinettramininshrachxanackridhyudkardaeninkickar pi kh s 2006 orngnganekhmokh Chemko insatharnrthsolwkidhyudkarphlityanilngechnkn odyinpccubn orngnganthiyngkhngmikarphlitehksaemthilinettraminxyu idaek INEOS khxngeyxrmni Caldic khxngenethxraelnd aela khxngxitali swninshrthxmerika idhyudkarphlitsarniipemuxpi kh s 2002 nxkehnuxcakyuorpaelw inxxsetreliyaelaemksiokyngmikarphlitehksaemthilinettraminephuxichepnemdechuxephlingsungdaeninkarody brisththals xxsetreliy cakd Thales Australia aela exbiya Abiya tamladb ehksaemthilinettraminmicahnayinpraethsithyphayitchuxkarkha Hiprex hipeprks odybristh Aventis Pharmaceuticals Urex yuerks khxngbristh Vatring Pharmaceuticals aela Mandelamine aemnedlamin khxngbristh Warner Chilcott Laboratoriesduephimwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ehksamin sthaniyxyephschkrrmfxrmaldiihd yaptichiwnaxangxingCooney A P Crampton M R Golding P 1986 The acid base behaviour of hexamine and its N acetyl derivatives 6 835 839 doi 10 1039 P29860000835 PubChem Methenamine subkhnemux March 28 2018 Eller K Henkes E Rossbacher R Hoke H 2000 Amines Aliphatic Ullmann s Encyclopedia of Industrial Chemistry Wiley VCH Verlag GmbH doi 10 1002 14356007 a02 001 ISBN 9783527306732 Butlerow A 1859 Ueber einige Derivate des Jodmethylens On some derivatives of methylene iodide phasaeyxrmn 111 2 242 252 doi 10 1002 jlac 18591110219 In this paper Butlerov discovered formaldehyde which he called Dioxymethylen methylene dioxide page 247 because his empirical formula for it was incorrect C4H4O4 On pages 249 250 he describes treating formaldehyde with ammonia gas creating hexamine Ross R R Conway G F 1970 Hemorrhagic cystitis following accidental overdose of methenamine mandelate Am J Dis Child 119 1 86 87 doi 10 1001 archpedi 1970 02100050088021 PMID 5410299 Renal Pathology subkhnemux 2008 11 25 Alan H Schoen 2004 Re Equialence of methenamine Tablets Standard for Flammability of Carpets and Rugs 2008 10 05 thi ewyaebkaemchchin U S Consumer product Safety Commission Washington DC July 29 2004 Many other countries who still produce this include Russia Saudi Arabia China and Australia UK Food Standards Agency Current EU approved additives and their E Numbers subkhnemux 2011 10 27 Blazzevic N Kolbah D Belin B Sunjic V Kajfez F 1979 Hexamethylenetetramine A Versatile Reagent in Organic Synthesis 1979 3 161 176 doi 10 1055 s 1979 28602 Butlerow A 1860 Ueber ein neues Methylenderivat On a new methylene derivative Ann Chem Pharm phasaeyxrmn 115 3 322 327 doi 10 1002 jlac 18601150325 xphy rasdrwicitr February 13 2016 hahmx com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux November 14 2017 subkhnemux April 28 2018 Markle R C 2000 Molecular building blocks and development strategies for molecular nanotechnology Nanotechnology 11 89 doi 10 1088 0957 4484 11 2 309 Garcia J C Justo J F Machado W V M Assali L V C 2009 Functionalized adamantane building blocks for nanostructure self assembly Phys Rev B 80 125421 doi 10 1103 PhysRevB 80 125421 Heathcote Reginald St A 1935 HEXAMINE AS AN URINARY ANTISEPTIC I ITS RATE OF HYDROLYSIS AT DIFFERENT HYDROGEN ION CONCENTRATIONS II ITS ANTISEPTIC POWER AGAINST VARIOUS BACTERIA IN URINE British Journal of Urology 7 1 9 32 doi 10 1111 j 1464 410X 1935 tb11265 x ISSN 0007 1331 Elliot 1913 On Urinary Antiseptics British Medical Journal 98 685 686 Diller Werner F 1980 The methenamine misunderstanding in the therapy of phosgene poisoning review article Archives of Toxicology 46 3 4 199 206 doi 10 1007 BF00310435 ISSN 0340 5761 Edenbridge Pharmaceuticals khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 05 17 subkhnemux 2018 03 29 D E James Levi April 1945 Treatment of Excessive Sweating of Feet With Urotropine Voenno meditsinskii zhurnal 45 38 ISSN 0026 9050 PMID 20341260 Australia New Zealand Food Standards Code Standard 1 2 4 Labelling of ingredients subkhnemux 2011 10 27 Allen C F H Leubne G W 1951 Syringic Aldehyde 31 92 doi 10 15227 orgsyn 031 0092 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Wiberg K B 1963 2 Thiophenaldehyde doi 10 15227 orgsyn 000 0000 Collective Volume vol 3 p 811 Bottini A T Dev V Klinck J 1963 2 Bromoallylamine 43 6 doi 10 15227 orgsyn 043 0006 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Luo K M Lin S H Chang J G Huang T H 2002 Evaluations of kinetic parameters and critical runaway conditions in the reaction system of hexamine nitric acid to produce RDX in a non isothermal batch reactor Journal of Loss Prevention in the Process Industries 15 2 119 127 doi 10 1016 S0950 4230 01 00027 4