เพียเมืองแพน (เพี้ยเมืองแพน) หรือเจ้าเมืองแผน บ้างออกนามว่าท้าวเพี้ยเมืองแพนหรือเจ้าเพี้ยเมืองแพนหรือพระยาเมืองแพน ต่อมาเลื่อนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ (พระนคร) นามเดิมท้าวพัน หรือท้าวสัก (ศักดิ์) กรมการเมืองสุวรรณภูมิ ต้นสกุลเสนอพระ สุนทรพิทักษ์ นครศรีบริรักษ์ แพนพา เศรษฐภูมิรินทร์ (สกุลที่เกี่ยวข้อง) ฯลฯ เจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่นองค์แรก เป็นผู้ตั้งเมืองขอนแก่น อดีตกรมการเมืองธุรคมหงษ์สถิตย์ในอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ อดีตกวานบ้าน (นายบ้าน) หรือนายกองนอกบ้านชีโหล่นเมืองสุวรรณภูมิ และอดีตเจ้าเมืองเพี้ย (บ้านดอนพยอมเมืองเพี้ย) เป็นบิดาเจ้านางคำแว่นหรือเจ้าจอมแว่น (คุณเสือ) พระสนมเอกหรือเจ้านางองค์แรกในรัชกาลที่ 1 ของรัตนโกสินทร์
พระนครศรีบริรักษ์ (พัน เสนอพระ) | |
---|---|
เจ้าเมืองขอนแก่นองค์แรก ผู้ตั้งเมืองขอนแก่น | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2340 – ไม่ปรากฏ (หลังสมโภชเมืองไม่นาน) หรืออาจ พ.ศ. 2338 | |
ถัดไป | พระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวคำบ้ง) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ราวก่อน พ.ศ. 2320 เมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์ประเทศราช อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ |
เสียชีวิต | ราวหลัง พ.ศ. 2340 |
ศาสนา | ศาสนาพุทธ |
ประวัติ
ทัศนะทางประวัติศาสตร์
ข้อมูลประวัติของเพี้ยเมืองที่ถูกระบุในหลักฐานเเละเอกสารทางประวัติศาสตร์ มีการถูกระบุเเละถูกกล่าวถึงในทัศนะหรือมุมมองทางประวัติศาสตร์ที่เเตกต่างกันตามเเต่ละเเหล่งข้อมูล ซึ่งสามารถเเยกเป็นทัศนะทั้งหมด ได้ 4 ทัศนะ ดังต่อไปนี้
ทัศนะที่1
เพี้ยเมืองเเพนเป็นพี่น้องของเจ้าเเก้วบูฮมหรือเจ้าจารย์เเก้ว เจ้าผู้ครองเมืองท่งศรีภูมิพระองค์เเรก ผู้ที่ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2184 ปกครองเมืองท่งเมื่อปี พ.ศ. 2256 เเละพิราลัย เมื่อปี พ.ศ. 2268 เเละทั้งคู่เป็นพระราชโอรสของเจ้าเเสนปัจจุทุมหรือท้าวเเสนเเก้วบูฮม (ในพงสาวดารนครน่าน เรียกเจ้าเเก้วมงคลว่า ลาวเเสนเเก้ว จากหลักฐานชั้นต้น เจ้าเเสนปัจจุทุมหรือท้าวเเสนเเก้วบูฮม ควรจะเป็นเจ้าเเก้วมงคลหรือจารย์เเก้ว ) กรมการเมืองธุรดมหงส์สถิต พระราชโอรสในพระเจ้าสิริบุญสาร (ครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2294 - พ.ศ. 2322) กษัตริย์เเห่งอาณาจักร์ล้านช้างเวียงจันทน์พระองค์ที่ 4 ส่วนเพี้ยเมืองเเพนได้เป็นเจ้าเมืองขอนเเก่นท่านเเรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2340 (ได้ปกครองเมืองห่างจากผู้เป็นพี่ชาย นานกว่า 84 ปี)
อพยพจากเวียงจันทน์
พ.ศ. 2322 พระเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ (ครองราชย์ราว พ.ศ. 2294-2322) พิพาทกับกลุ่มเจ้าพระวอเจ้าพระตาเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน แล้วยกทัพตีค่ายบ้านดอนมดแดงแตกจับเจ้าพระวอประหาร กษัตริย์ธนบุรีจึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) สองพี่น้องยกทัพตีนครเวียงจันทน์ เจ้าแก้วบุฮม (แก้วบรม) และเพียเมืองแพน (พระยาเมืองแพน) สองพี่น้องซึ่งเป็นโอรสเจ้าแสนปัจจุทุม (ท้าวแสนแก้วบุฮม) ในราชวงศ์ล้านช้างจึงยกไพร่พลจากบ้านเพี้ยปู่แขวงเมืองธุรคมหงษ์สถิตย์ซึ่งตั้งอยู่ทิศเหนือเวียงจันทน์ไปทางน้ำงึมราว 70 กิโลเมตร ข้ามน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่บ้านโพธิ์ตาก (ตำบลบ้านกง อำเภอเมืองขอนแก่น) บ้านยางเดี่ยว บ้านโพธิ์ศรี (ตำบลบ้านโนน อำเภอกระนวน) บ้านโพธิ์ชัย (อำเภอมัญจาคีรี) บ้านสร้าง บ้านชีโหล่น (เขตเมืองสุวรรณภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) และไพร่พลบางส่วนตั้งอยู่เขตอำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอน้ำพอง อำเภออาจสามารถในจังหวัดร้อยเอ็ด และอำเภอคำเขื่อนแก้วในจังหวัดยโสธร เฉพาะเจ้าแก้วบุฮมอพยพไพร่พลตั้งที่บ้านโพธิ์ชัยฝ่ายเพียเมืองแพนอพยพไพร่พลตั้งที่บ้านชีโหล่น (ชีโล่น) คุมไพร่พลคนละ 500 ขึ้นเมืองท่งหรือเมืองสุวรรณภูมิ ราว 9 ปีต่อมาใน พ.ศ. 2331 เพียเมืองแพนอพยพไพร่พลราว 330 คนขอแยกจากเมืองสุวรรณภูมิไปตั้งบ้านเรือนที่บึงบอนบ้านดอนพยอมเมืองเพี้ย (ดอนกระยอม) ยกขึ้นเป็นเมือง ปัจจุบันคือบ้านเมืองเพี้ย ตำบลเมืองเพี้ย อำเภอบ้านไผ่
เริ่มตั้งเมือง
หลังทัพสยามบุกตีเวียงจันทน์ได้กวาดต้อนเจ้านาย ขุนนาง และไพร่พลลาวเข้ามาในอาณาเขตสยามตั้งรกรากส่วนมากที่สระบุรีรวมทั้งหัวเมืองลาวชั้นในและกรุงเทพฯ เจ้านางคำแว่นราชวงศ์ล้านช้างธิดาคนโตของเพียเมืองแพนอดีตนางข้าหลวงของเจ้านางเขียวค้อมพระราชธิดาพระเจ้าสิริบุญสาร ถูกควบคุมตัวในฐานะเชลยไว้ที่พระบรมมหาราชวัง พ.ศ. 2325 เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกตนเองเป็นกษัตริย์สยามรัชกาลที่ 1 แล้วย้ายราชธานีจากธนบุรีมาตั้งที่บางกอก จึงมีนโยบายกดดันเจ้านายหัวเมืองลาวสองฝั่งโขงให้อยู่ในความควบคุมผ่านการตั้งเมืองขึ้นโดยส่งบรรณาการปีละ 2 ครั้ง พ.ศ. 2331 เพียเมืองแพนทราบข่าวธิดาถูกสถาปนาเป็นพระสนมเอกและกวนเมืองแสนหรือเพียเมืองแสน (ท้าวคำพาว ต้นสกุลประจันตเสน) ญาติสนิทได้เป็นพระจันทรประเทศเจ้าเมืองชลบถ ปัจจุบันคืออำเภอชนบทในจังหวัดขอนแก่น จึงอพยพไพร่พลมาอยู่บ้านโนนทองข้างบึงบอน (หนองขอนแก่นหรือบึงพระลับโนนทอง) ตั้งเป็นบ้านบึงบอนปัจจุบันคือพื้นที่บึงแก่นนคร ก่อนตั้งเมืองได้สำรวจสถานที่ลงหลักปักฐานจากบ้านภูเวียงใกล้เขาภูเวียงมาถึงบ้านโพธิ์ตากใกล้บึงชัยวานและน้ำพองหนีบ ซึ่งมีน้ำพองไหลผ่านทิศเหนือและน้ำเซินไหลผ่านทิศใต้ แต่เห็นว่าบริเวณดังกล่าวคงห่างไกลกรุงเทพฯ และปีใดฝนดีน้ำก็ท่วม จึงสำรวจสถานที่ตั้งเมืองใหม่ ณ บ้านทุ่มแต่น้ำท่าไม่สะดวกและเจ้าเมืองชลบถอ้างว่าเป็นเขตแดนเมืองชลบถเสมอซึ่งอ้างมาจนสมัยรัชกาลที่ 5 เพียเมืองแพนจึงเลือกบริเวณบ้านโนนทอง บ้านโนนทัน และบ้านพระลับ ซึ่งนอกจากตั้งใกล้บึงบอนยังใกล้น้ำชี เมื่อตั้งเมืองด้วยไพร่พล 330 คนแล้วจึงสมัครขึ้นเมืองนครราชสีมา โดยมีใบบอกถึงพระยานครราชสีมาและปักบือเมืองหรือเสาหลักเมือง ณ ทิศตะวันตกวัดกลาง บ้านเมืองเก่า ถนนกลางเมือง สร้างหอโฮงเจ้าเมือง 3 หลังซึ่งใหญ่กว่าที่ว่าราชการเมืองหรือจวนเจ้าเมืองและสร้างศาลมเหสัก (เมืองเก่า) ประจำเมือง
ทัศนะที่2
เพี้ยเมืองแพน หรือ พระนครศรีบริรักษ์ (ศักดิ์) เป็นบุตรของพระรัตนวงศามหาขัติยราช (ภู) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พระรัตนวงศาฯ เป็นอนุชาพระยาขัติยวงศ์พิสุทธิบดี (สีลัง ต้นสกุล ธนสีลังกูร) ทั้ง 2 ท่าน เป็นบุตรพระขัติยวงศา (ทนต์ หรือ สุทนต์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดองค์แรก และมีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาเจ้าแก้วมงคล ทัศนะนี้เพี้ยเมืองแพนจึงเป็นพระราชนัดดาของเจ้าแก้วมงคล
ทัศนะที่3
เพี้ยเมืองเเพน หรือ พระนครศรีบริรักษ์ (ศักดิ์) เป็นโหลนของเจ้าเเก้วมงคล โดย เจ้ามืดดำโดน โอรสของเจ้าเเก้วมงคล มีโอรส 3 องค์ คือ เจ้าเชียง เจ้าสูน เจ้าอุ่น (ปลัดเมืองขุขันธ์ซึ่งต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองศีร์ษะเกษท่านแรก นามว่า พระยารัตนวงศา อีกทั้งยังเป็นลูกเขยของพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนหรือตากะจะเจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรกและเป็นบิดาของพระประจันตประเทศหรือเจ้าเมืองชลบถวิบูลย์ท่านแรก) ส่วนเจ้าเซียงบุตรท้าวมืด มีบุตร 3 คน คือ ท้าวเพ (เจ้าเมืองหนองหานท่านแรก), ท้าวโอ๊ะ (เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ), ท้าวพร และธิดาไม่ทราบนามอีก 2 คน ในพื้นเมืองท่ง ระบุว่าท้าวพรซึ่งเป็นบุตรของท้าวเซียงมีบุตรชาย 2 คน คือ เพี้ยเมืองแพน (พระนครศรีบริรักษ์ เจ้าเมืองขอนแก่นท่านแรก) เพี้ยศรีปาก (พระเสนาสงคราม เจ้าเมืองพุทไธสงท่านแรก และเป็นบิดาของพระยานครภักดี เจ้าเมืองแปะหรือบุรีรัมย์ท่านแรก)
ทัศนะที่4
ท้าวสักหรือเพี้ยเมืองเเพน เป็นนัดดาของเจ้าเเก้วมงคล เจ้าเมืองท่งศรีภูมิท่านเเรก พระราชโอรสของเจ้าศรีวิชัย กษัตริย์เเห่งอาณาจักรล้านช้างพระองค์ที่ 30 โดย เจ้ามืดคำดล เจ้าเมืองท่งศรีภูมิท่านที่ 2 โอรสของเจ้าเเก้วมงคล มีโอรส 3 องค์ คือ ท้าวเซียง เป็น เมืองแสน คุมกองทหารทั้งหมด ,ท้าวสูน เป็น เมืองจัน ปกครองฝ่ายพลเรือน ,ท้าวสัก เป็น "เพี้ยเมืองแพน" คุมทหารรักษาเขตแดนอยู่ชายฝั่ง "ชีโหล่น" หรือ "ซีล้น"
อพยพออกจากเมืองสุวรรณภูมิพร้อมพระลับ ไปตั้งเมืองขึ้นใหม่
พ.ศ.2332 "ท้าวสัก" ได้รับคำสั่งให้ไปตั้งแห่งใหม่ชายแดนด้านเหนือเขตเมืองสุวรรณภูมิกับเขตเมืองร้อยเอ็ด ท้าวสักซึ่งมีตำแหน่งเป็นเ "เพี้ยเมืองแพน" ก็อพยพประชาชนพลเมืองประมาณ 330 ครอบครัว พร้อมทั้งนำพระพุทธรูป (พระลับ) ไปไว้สักการะเป็นมิ่งขวัญแก่บ้านเมืองด้วย ครั้นเดินทางมาถึงบริเวณบึงมีต้นบอนเกิดขึ้นมากมาย เป็นทำเลดี อยู่ใกล้แม่น้ำชี สองฝั่งบึงนั้นสูงน้ำท่วมไม่ถึง จึงตั้งบ้านเรือนเรียกว่า "บ้านบึงบอน" และได้ก่อสร้างหลักเมืองฝั่งตะวันตกของบึง (ปัจจุบันอยู่ที่คุ้มกลางเมืองเก่า)
ข้อสังเกต
จากทั้งหมด 4 ทัศนะ มีทัศนะที่ 2,3 เเละ 4 กล่าวตรงกันว่าเพี้ยเมืองเเพนเป็นลูกหลานของเจ้าเเก้วมงคล เเต่มีเพียงเเค่ทัศนะที่ 1 ที่กล่าวต่างจากพวก ที่กล่าวว่าเพี้ยเมืองเเพนเป็นพี่น้องกับเจ้าเเก้วมงคล ซึ่งมีอายุห่างกัน โดยประมาณ 100 ปีขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ
การพระพุทธศาสนา
สร้างวัดประจำเมือง
ราว พ.ศ. 2332-2333 เพียเมืองแพนสร้างวัดประจำเมืองใกล้ฝั่งบึงบอนขึ้น 4 วัดคือ
1. วัดเหนือ (วัดหนองแวงพระอารามหลวง) สำหรับเจ้าเมืองบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีกรรม ที่เรียกวัดเหนือเนื่องจากตั้งอยู่เหนือทางน้ำไหล
2. วัดกลาง (วัดกลางเมืองเก่า) ติดโฮงเจ้าเมือง สำหรับกรมการผู้ใหญ่บำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีกรรม
3. วัดใต้ (วัดธาตุพระอารามหลวง) หรือวัดพระธาตุโนนทอง หรือวัดธาตุเมืองเก่า สำหรับประชาชนบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีกรรม ที่เรียกว่าวัดใต้เนื่องจากตั้งอยู่ทิศใต้สายน้ำแต่อยู่ทิศเหนือของเมือง ที่เรียกวัดธาตุเนื่องจากมีธาตุเก่าตั้งอยู่ทิศตะวันออกของวัด ในอดีตน้ำจากบึงแก่นนครไหลลงบึงทุ่งสร้างดังนั้นคุ้มเหนือจึงตั้งอยู่ทิศใต้ของเมือง
4. วัดแขก (วัดโพธิ์โนนทัน) หรือวัดท่าแขก ฟากตะวันออกบึงบอน สำหรับสงฆ์และแขกเมืองหรือคนต่างถิ่นพักอาศัยบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีกรรม นอกจากนี้ยังบูรณะสิม (พระอุโบสถ) ขึ้นใหม่
อัญเชิญพระลับ
พระลับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสันนิษฐานว่าเพียเมืองแพนอัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองขอนแก่น ซึ่งบรรจุซ่อนไว้ในอุโมงค์พระธาตุเก่าของวัดธาตุ (พระอารามหลวง) เมืองเก่าหลังสร้างวัดเสร็จ การถูกซ่อนไว้เป็นความลับมีแต่เจ้าอาวาสเท่านั้นที่ทราบเรื่องชาวบ้านจึงเรียกนามพระพุทธรูปว่าพระลับหรือหลวงพ่อพระลับสืบมา หลังการตั้งเมืองพระพุทธรูปถูกปกปิดในพระธาตุโดยไม่มีใครพบเห็นเมื่อขยายเมืองมาตั้งบ้านขึ้นใหม่ทางทิศเหนือเมืองเก่าจึงตั้งชื่อว่าบ้านพระลับและยกเป็นตำบลพระลับตามนามพระพุทธรูป ปัจจุบันตำบลพระลับตั้งทางทิศตะวันออกเมืองขอนแก่น วัดเหนือเปลี่ยนนามเป็นวัดธาตุ (พระอารามหลวง) วัดกลางคงชื่อเดิม ส่วนวัดใต้ตั้งอยู่ริมหนองน้ำมีต้นแวงขึ้นมากจึงเรียกวัดหนองแวง (พระอารามหลวง) พระลับมีพุทธลักษณะปางมารวิชัยหล่อด้วยสัมฤทธิ์ทั้งองค์และฐาน หน้าตักกว้าง 11 นิ้ว สูง 29 นิ้ว ประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระพักตร์รูปไข่ พระนลาฎกว้าง พระขนงโก่ง พระเนตรเรียวเหลือบต่ำ พระนาสิกสันปลายแหลม พระโอษฐ์แย้ม พระเกษาเล็กแหลม พระเกตุมาลาใหญ่ รัศมีเปลว ตั้งบนฐานกลีบบัวลาว ครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา ชายจีวรยาวจรดพระนาภี นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน ฐานปัทม์ยกทรงสูงสี่เหลี่ยมบัวคว่ำบัวหงาย (โบกคว่ำโบกหงาย) แนวดูกงู (ลูกแก้วอกไก่) งอนขึ้นด้านบน เป็นศิลปะลาวหรือศิลปะล้านช้างสกุลช่างเวียงจันทน์พุทธลักษณะคล้ายกลุ่มพระพุทธรูปปางมารวิชัยระเบียงหอพระแก้วเวียงจันทน์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 22-24 สันนิษฐานว่าการหล่อพระลับเริ่มราว พ.ศ. 2068 ในรัชกาลพระเจ้าโพธิสาลราชแห่งหลวงพระบางโดยศึกษาจากพระพุทธลักษณะ อีกทัศนะสันนิษฐานว่าหล่อราว พ.ศ. 2232 เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กอพยพผู้คนมาบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุพนมโดยนำช่างเวียงจันทน์ลงมาด้วย พ.ศ. 2233 การบูรณะสำเร็จตั้งแต่ส่วนที่ 2 ขึ้นไปจนยอดสุด โลหะบูรณะสร้างจากเหล็กเปียกหรือเหล็กไหลเนื้อคล้ายตะกั่ว (ซะกั่ว) หรือเงินโดยหล่อโบกครอบปูนยอดพระธาตุพนม แหล่งเหล็กเปียกตั้งบนภูเหล็กซึ่งเป็นภูเขาศิลาแลงเตี้ยเป็นเนินสูงจากทุ่งนาใกล้บ้านดอนข้าวหลาม ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม ทิศใต้พระธาตุพนมราว 8 กิโลเมตร ปัจจุบันยังคงปรากฏหลุมและรอยขุด
พ.ศ. 2236 หลังบูรณะพระธาตุพนมเจ้าราชครูโพนสะเม็กหล่อพระพุทธรูปใหญ่ปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 1.80 เมตร ตั้งเป็นประธานในพระวิหารหอแก้วของวัด วัสดุที่เหลือ เช่น ทองแดง เศษปูน เป็นต้น ถูกใช้หล่อพระพุทธรูปหลายองค์เพื่อมอบให้ศิษย์นำไปสักการะ ส่วนที่เหลือบรรจุไว้ในพระธาตุพนม พ.ศ. 2497 พระเทพรัตนโมลี (แก้ว กนฺโตภาโส, อุทุมมาลา) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมซ่อมแซมวิหารหอพระแก้วก่อนปูกระเบื้องลายซีเมนต์ได้สั่งช่างขุดพื้นวิหารหน้าพระประธานและพบกรุพระจำนวนมาก เช่น พระทองคำบุ 250 องค์ พระเงิน พระขนาดเล็ก เป็นต้น โดยนำขึ้นมาเฉพาะพระทองคำ 1 องค์หนักราว 4 กิโลกรัมครึ่ง พระนาค 1 องค์ พระทองคำบุ 3 องค์ พระหินดำ 1 องค์ และพระทองสัมฤทธิ์ 1 องค์ สันนิษฐานว่าพระลับคงสร้างโดยเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็กแล้วมอบแด่ราชวงศ์องค์สำคัญหนึ่งในนั้นคือเจ้าแก้วบูฮมบรรพบุรุษของเพียเมืองแพนและเพียเมืองแพนคงรักษาพระพุทธรูปองค์นี้สืบมา 17 ตุลาคม พ.ศ. 2537 พระเทพวิมลโมลี (เหล่า สุมโน) ซึ่งต่อมาเลื่อนเป็นพระธรรมวิสุทธาจารย์เจ้าอาวาสวัดธาตุ (พระอารามหลวง) รองเจ้าคณะภาค 9 (มหานิกาย) และรองอธิการบดีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ วิทยาเขตขอนแก่น ในขณะนั้น เกรงว่าต่อไปชาวเมืองจะไม่รู้จักพระลับจึงเชิญนายกวี สุภธีระ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพร้อมข้าราชการผู้ใหญ่ผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายสงฆ์และฆราวาสร่วมกันเปิดเผยและประกาศเป็นทางการเมื่อวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ หรือวันออกพรรษาที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2537 ว่าพระพุทธรูปที่เพียเมืองแพนอัญเชิญมาพร้อมการสร้างเมืองคือพระลับซึ่งประดิษฐาน ณ วัดธาตุ (พระอารามหลวง) และประกาศให้เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองขอนแก่น
สถาปนาเมืองขอนแก่น
การตั้งเมือง
ปลาย พ.ศ. 2339 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ เจ้านางคำแว่นธิดาเพียเมืองแพนเป็นท้าวเสือ เมืองขอนแก่นส่งส่วยเมืองนครราชสีมาครบ 9 ปี เจ้านางคำแว่นจึงกราบบังคมทูลให้บิดายกไพร่พลแยกจากเมืองสุวรรณภูมิตั้งเป็นเมือง พระยานครราชสีมามีใบบอกถึงกรุงเทพฯ พ.ศ. 2340 รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบึงบอนเป็นเมืองขอนแก่น ให้เพียเมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมืองขึ้นต่อกรุงเทพฯ ดังระบุในใบบอกเมืองขอนแก่น เขียนที่ว่าราชการเมืองขอนแก่นฝ่ายเมืองเดิม วันที่ 28 เมษายน รัตนโกสินทร์ศก 109 ว่า
ข้าพเจ้าอุปฮาต ราชวงษ์ ราชบุตร หลวงพรหมภักดีผู้ช่วย เมืองแสน เมืองจัน ท้าวเพี้ยกรมการเมืองขอนแก่น บอกปรนนิบัติคำนับมายังท่านออกพันนายเวร ขอให้นำขึ้นกราบเรียน พณหัวเจ้าท่านลูกขุน ณ ศาลาทรงทราบ ด้วยเดิมจะตั้งเป็นเมืองขอนแก่น เจ้านางคำแว่นกราบบังคมทูลให้เมืองแพน พาสมัครพรรคพวกแยกออกจากเมืองสุวรรณภูมิ จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งเมืองแพนเป็นที่เจ้าเมืองขอนแก่น หาทันมีอุปฮาต ราชวงษ์ ราชบุตรไม่ เมืองแพนเจ้าเมืองถึงแก่กรรมไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท้าวคำบ้งบุตรเขยเมืองแพนเจ้าเมือง ขึ้นเป็นที่พระนครเจ้าเมือง โปรดให้ท้าวคำยวงเป็นที่ราชบุตร แต่ที่อุปฮาตราชวงษ์นั้นหาทันตั้งไม่ พระนครคำบ้งถึงแก่กรรมไปจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตั้งราชบุตรคำยวงเป็นที่พระนครเจ้าเมือง ตั้งท้าวสุวันบุตรพระนครคำบ้งเป็นที่อุปฮาต ตั้งพระราชวงษาบุตรหลานเจ้าเมืองแผนเป็นที่ราชวงษ์ ตั้งท้าวคำพางบุตรพระนครคำยวงเป็นที่ราชบุตร ขึ้นไปครอบครองบ้านเมืองก็โดยยุติธรรม คุมส่วยผลเร่วลงมาทูลเกล้าฯ เสมอทุกปีมิได้ทศค้าง ครั้นอยู่หลายปีราชวงษ์ถึงแก่กรรมไป จึงโปรดเกล้าให้ท้าวอินบุตรพระนครคำยวงเป็นที่ราชวงษ์ ครั้นพระนครเจ้าเมือง อุปฮาต และราชบุตรถึงแก่กรรมไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวหนูเข้ามาเป็นเจ้าเมืองขอนแก่น โปรดเกล้าฯ ให้ราชวงษ์อินบุตรพระนครคำยวงเป็นที่อุปฮาต ท้าวมุ่งบุตรพระนครคำยวงที่เป็นพี่ชายอุปฮาตอินเป็นที่ราชวงษ์ ท้าวจันชมภูบุตรอุปฮาตสุวันคนเก่าเป็นที่ราชบุตร อยู่มาได้สามปีจึงโปรดเกล้าฯ ให้พระนครหนู หนีจากเมืองขอนแก่นไปเป็นเจ้าเมืองมุกดาหาร แล้วจึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งอุปฮาตอินเป็นที่พระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมือง ราชวงษ์มุ่งเป็นที่อุปฮาต ท้าวขติยะบุตรเขยพระนครคำยวงเป็นที่ราชวงษ์ แต่ราชบุตรยังคงที่ พระนครศรีบริรักษ์พาท้าวเพียประพฤติราชการบ้านเมืองก็เป็นสัจจเป็นธรรม คุมเงินส่วยผลเร่วเมืองขอนแก่น จำนวนปีละยี่สิบแปดช่างแปดตำลึง ลงมาทูลเกล้าฯ เสมอทุกปี ฯลฯ
ส่วนหลักฐานการตั้งเมืองขอนแก่นในพงศาวดารอีสานฉบับพระยาขัติยวงศา (เหลา ณร้อยเอ็จ) ระบุว่า ...ครั้นถึงจุลศักราช 1150 ได้ทราบข่าวว่าเมืองแพนบ้านชีโล่นแขวงเมืองสุวรรณภูมิพาราษฎรไพร่พลประมาณ 330 คน แยกจากเมืองสุวรรณภูมิไปขอตั้งฝั่งบึงบอนเป็นเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น... เหตุการณ์เดียวกันยังถูกระบุในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานของหม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว. ปฐม คเนจร) ด้วยว่า ...ลุจุลศักราช 1159 ปีมเสงนพศก ฝ่ายเพี้ยเมืองแพนบ้านชีโล่นเมืองสุวรรณภูมิเห็นว่าเมืองแสนได้เปนเจ้าเมืองชนบทก็อยากจะได้เปนบ้าง จึ่งเกลี้ยกล่อมผู้คนได้อยู่ในบังคับสามร้อยเศษ จึ่งสมัคขึ้นอยู่ในเจ้าพระยานครราชสิมาแล้วขอตั้งบ้านบึงบอนเปนเมือง เจ้าพระยานครราชสิมาได้มีบอกมายังกรุงเทพฯ จึ่งโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เมืองแพนเปนที่พระนครบริรักษ์เจ้าเมือง ยกบ้านบึงบอนขึ้นเปนเมืองขอนแก่น (มณฑลอุดร) ขึ้นเมืองนครราชสิมา...
เหตุแห่งการตั้งเมืองในมุขปาฐะ
ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์ ระบุเหตุแห่งการตั้งเมืองขอนแก่นในมุขปาฐะซึ่งพิมพ์ในหนังสือประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์ อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพคุณแม่ประทุม นครศรีฯ ในฐานะเอกสารชั้นรองโดยละเอียดว่า
จ.ศ. 1151 พ.ศ. 2332 ได้เกิดเรื่องราวที่เกี่ยวกับนางคำแว่นซึ่งเป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในเวลาบ่ายวันหนึ่งขณะที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรรทมอยู่พระองค์ทรงละเมอขึ้นด้วยพระสุรเสียงอันดังเป็นเวลานานก็ยังไม่รู้สึกพระองค์ พวกนางสนมกำนัลในต่างพากันตกใจทั้งไม่ทราบว่าจะทำประการใด ครั้นจะปลุกพระองค์ก็เกรงพระราชอาญาทุกคนต่างตกตะลึงตัวสั่นเทา นางคำแว่นซึ่งอยู่ ณ ที่นั้นได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอดนางคลานเข้าไปใกล้แท่นพระบรรทมกราบถวายบังคมเสร็จแล้วนางใช้ปากกัดที่นิ้วพระบาทโดยมิได้ล่วงล้ำแตะต้องพระองค์ท่านด้วยประการใดเลย ทันใดนั้นเองสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้สึกพระองค์ท่ามกลางนางสนมกำนัลทั้งหลายที่มาประชุมหมอบกราบอยู่ทรงตรัสถามไปว่าผู้ใดเป็นผู้ปลุกพระองค์ นางเขียวค่อมกราบทูลว่านางคำแว่นเป็นผู้ปลุกโดยวิธีเอาปากกัดที่นิ้วพระบาท พระองค์ทรงตรัสถามต่อไปว่านางคำแว่นเป็นคนของใคร ลูกเต้าเหล่าใคร นางเขียวค่อมกราบทูลว่านางคำแว่นเป็นนางข้าหลวงของนางเองติดตามมาจากนครเวียงจันทน์เมื่อครั้งอพยพ เป็นบุตรท้าวเพี้ยเมืองแพนขณะนี้ท้าวเพี้ยเมืองแพนอพยพจากนครเวียงจันทน์มาอยู่ที่บ้านชีโล่นแขวงเมืองสุวรรณภูมิเป็นเวลาหลายปี ต่อมาได้อพยพครอบครัวจากบ้านชีโล่นมีครอบครัวประมาณ 330 ครอบครัวมาตั้งที่บ้านบึงบอนขอขึ้นต่อพระยานครราชสีมาและขอตั้งบ้านบึงบอนเป็นเมืองขอนแก่นอยู่ในเวลานี้ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฟังความกราบบังคมทูลของนางเขียวค่อมแล้วพระองค์ทรงดำริเห็นว่านางคำแว่นนี้เป็นผู้จงรักภักดีและกล้าหาญมาก ตามปกติแล้วไม่มีผู้ใดจะอาจเข้าไปแตะต้ององค์พระมหากษัตริย์ได้เพราะเกรงพระราชอาญา พฤติการณ์ที่นางคำแว่นกระทำลงไปนั้นเป็นการเสียสละด้วยความกล้าหาญเป็นอย่างสูงเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระองค์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามแก่นางคำแว่นเป็นท้าวเสือเพื่อเป็นเกียรติสมกับความกล้าหาญของนาง และในปีเดียวกันนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบึงบอนขึ้นเป็นเมืองขอนแก่นให้ท้าวเพี้ยเมืองแพนบิดาท้าวเสือ (นางคำแว่น) เป็นพระนครศรีบริรักษ์ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่นคนแรก) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองขอนแก่นขึ้นตรงต่อกรุงเทพพระมหานครตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ปัญหาเรื่องตัวตนและที่มาของเพียเมืองแพน
บิดาของเพียเมืองแพนคือเจ้าเเสนปัจจุทุม (ท้าวแสนแก้วบุฮม) บ้านเพี้ยปู่ เมืองธุรคมหงส์สถิต (ทุละคม) อาจเป็นองค์เดียวกับเจ้าวิชัยพระราชบิดาของเจ้าจารย์เเก้วเจ้าเมืองท่ง (ปัจจุบันคืออำเภอสุวรรณภูมิในจังหวัดร้อยเอ็ด) เเละเจ้าจารย์จันทสุริยวงศ์เจ้าเมืองหลวงโพนสิม เมืองพิน เมืองนอง (ปัจจุบันอยู่ในแขวงสะหวันนะเขด) เมืองธุรคมถูกสถาปนาในสมัยรัชกาลที่ 3 ตามสร้อยราชทินนามเจ้าเมืององค์เเรกคือพระวิชิตหงษ์พิไสยเชื้อสายของพระวอพระตา ไม่ได้สืบเชื้อสายจากนครหลวงเวียงจันทน์หรือเจ้าเเสนปัจจุทุมโดยตรง ดังนั้นเพียเมืองเเพนอาจไม่ได้กำเนิดจากเมืองธุรคมของอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ อย่างไรก็ตามปัจจุบันที่เมืองธุรคมในแขวงเวียงจันทน์มีหมู่บ้านเก่าแก่ปรากฏนามว่าบ้านขอนแก่นอยู่ด้วย เเต่ชื่อนี้พบได้ทั่วไปในพื้นที่ภาคอีสานตามประเพณีนิยมสมัยโบราณ เช่น พื้นที่จังหวัดเลย มุกดาหาร ร้อยเอ็ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบชุดข้อมูลที่ระบุถึงเพียเมืองแพนว่าเป็นบุตรเจ้าเมืองสุวรรณภูมิอีกด้วย คือเจ้าจารย์แก้วมีทายาทชื่อพระรัตนวงษา (ภู) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พระรัตนวงษา (ภู) มีบุตรนามว่าท้าวศักดิ์และได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเพียเมืองแพน ไปตั้งรักษาการอยู่ริมแม่น้ำชีซึ่งสถานที่นั้นเรียกว่าชีโหล่นต่อมาจึงได้เป็นเจ้าเมืองขอนแก่น
เอกสารบางแห่งระบุว่าเพียเมืองแพนบ้านชีโหล่นเป็นหลานเจ้าจารย์แก้ว หลังเป็นเจ้าเมืองขอนแก่นจึงเลื่อนเป็นพระยานครบริรักษ์เจ้าเมือง ข้อมูลบางชุดที่ว่าเพียเมืองเเพนเป็นพี่น้องกับเจ้าจารย์แก้วนั้นเป็นไปได้น้อยเนื่องจากมีอายุห่างกันเกือบร้อยปี เอกสารเกี่ยวกับประวัติเมืองท่งและเชื้อสายเจ้าเมืองชี้ว่าเพียเมืองเเพน มีพี่น้องร่วมกัน 1 คน คือ เพี้ยศรีปาก (นา) หรือต่อมาคือพระยาเสนาสงคราม เจ้าเมืองพุทไธสงคนเเรก เพี้ยเมืองเเพนกับเพี้ยศรีปากทั้งคู่เป็นบุตรชายของท้าวพรราชวงศ์เมืองสุวรรณภูมิเหลนของเจ้าจารย์แก้ว หากเทียบลำดับศักราชทางประวัติศาสตร์จะใกล้เคียง พ.ศ. เกิดของเพียเมืองแพน เพียเมืองเเพนจึงควรเป็นทายาทชั้นเหลนของเจ้าจารย์เเก้ว หลักฐานเกี่ยวกับเจ้าจารย์แก้วเจ้าเมืองท่งองค์แรกมีความชัดเจนอย่างมากเนื่องจากปรากฏในเอกสารประวัติศาสตร์หลายเเห่ง พงศาวดารอีสานเเละพงศาวดารนครจำปาศักดิ์ระบุตรงกันว่าเจ้าจารย์แก้วเป็นเจ้าเมืองท่งใน พ.ศ. 2256 ขึ้นกับอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ซึ่งห่างจากช่วงอายุของเพียเมืองแพนมาก
ลำดับการสืบตระกูลของเจ้าเมืองมุกดาหารชี้ว่าเจ้าจารย์จันทสุริยวงศ์บิดาของเจ้าจันทกินรีเจ้าเมืองมุกดาหาร (บังมุก) องค์เเรกนั้นเป็นพี่น้องกับเจ้าจารย์เเก้วไม่ใช่พี่น้องของเพียเมืองเเพน จากหลักฐานที่ว่าเพียเมืองเเพนเป็นญาติสนิทกับเพียเมืองเเสน (คำพาว) จึงเป็นไปได้ที่เพียเมืองเเพนจะเป็นทายาทชั้นหลานหรือชั้นเหลนของเจ้าจารย์เเก้ว เอกสารพื้นเมืองท่งเเละเอกสารเกี่ยวกับประวัติเมืองศรีสะเกษเเละเมืองสุรินทร์ระบุตรงกันว่าเพียเมืองเเสน (คำพาว) หรือพระจันตประเทศเจ้าเมืองชลบทวิบูลย์องค์เเรกเป็นบุตรของท้าวอุ่นเจ้าเมืองศรีสะเกษองค์เเรกเเละเป็นหลานเจ้ามืดคำดลเจ้าเมืองท่งองค์ที่ 2 เพียเมืองแพนจึงไม่น่าจะมีถิ่นกำเนิดจากนครหลวงเวียงจันทน์เเละอพยพมาทีหลัง เเต่กำเนิดที่เมืองท่งตั้งเเต่ต้น บิดาของเพียเมืองแพนคือท้าวพร (ราชวงศ์พร) ท้าวพรเป็นบุตรชายคนสุดท้องของเจ้าเซียงเจ้าเมืองท่งองค์ที่ 4 เจ้าเซียงเป็นบุตรเจ้ามืดคำดลปู่ของเพียเมืองเเสน (คำพาว) ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ว่าเพียเมืองแสน (คำพาว) กับเพียเมืองแพนเป็นญาติสนิทกัน จึงพออนุมานความเป็นไปได้มากที่สุด คือ เพี้ยเมืองเเพนเป็นลูกหลานของเจ้าจารย์เเก้ว มีพี่น้องร่วมกัน 1 คน คือ เพี้ยศรีปาก (นา) มีถิ่นกำเนิดที่เมืองท่งศรีภูมิ พอโตเป็นหนุ่ม บิดา (ราชวงศ์พร) จึงส่งเพี้ยเมืองเเพนซึ่งเป็นกรมการเมืองสุวรรณภูมิอยู่ก่อนเเล้ว ออกจากเมืองท่งไปทำราชการเป็นขุนนางที่เมืองเวียงจันทน์เเทน นอกจากกรณีของเพี้ยเมืองเเพน กรณีที่เมืองท่งส่งลูกหลานออกไปทำราชการที่เมืองอื่นนอกอาณาเขตของเมืองตนเองนั้นเคยมีการส่งออกไปอยู่หลายครั้ง หลายหน เช่น กรณีที่มีการส่งท้าวอุ่น บุตรชายคนสุดท้องของเจ้ามืดคำดล ออกไปทำราชการที่เมืองขุขันธ์ ไปดำรงตำเเหน่งปลัดเมืองขุขันธ์ เนื่องจากท้าวอุ่นมีความดีความชอบจากการไปช่วยราชการสงครามรบกับเวียงจันทน์ ซึ่งต่อมา ท้าวอุ่นได้เป็นที่ พระยารัตนวงศา เจ้าเมืองศรีสะเกษคนเเรก ในเวลาต่อมา หรือกรณีท้าวบุญจันทน์ลูกหลานของเจ้าจารย์เเก้วสายหนึ่ง ที่ถูกส่งไปทำราชการที่เมืองรัตนบุรี ซึ่งต่อมาได้เป็นที่ พระศรีนครชัย เจ้าเมืองรัตนบุรีคนที่ 2 เเทนพระศรีนครเตาท้าวเธอ เจ้าเมืองรัตนบุรีคนเก่า เป็นต้น ภายหลังเพี้ยเมืองเเพนจึงได้ไปมีครอบครัวที่นครหลวงเวียงจันทน์ซึ่งเป็นที่ที่ตนได้ทำราชการอยู่ ต่อมาในช่วงที่นครเวียงจันทน์ถูกกองทัพจากกรุงธนบุรีรุกรานเเละกำลังจะถูกยึด เพี้ยเมืองเเพนจึงได้เเยกจากครอบครัวของตนอพยพลี้หนีภัยกลับมาพำนักที่ถิ่นฐานเดิมซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของตน อย่างเมืองท่งศรีภูมิหรือเมืองสุวรรณภูมิ เเล้วจึงกลับมาทำราชการเป็นกรมการเมืองสุวรรณภูมิตามเดิม ก่อนที่ต่อมาจะขอเเยกตัวออกจากเมืองสุวรรณภูมิไปตั้งเมืองขึ้นใหม่เป็นเมืองขอนเเก่น ในเวลาต่อมา
อนิจกรรม
เพียเมืองแพนปกครองเมืองขอนแก่นนาน 22 ปีจึงถึงแก่อนิจกรรม ท้าวจามผู้บุตรรับตำแหน่งพระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมือง เนื่องจากบ้านบึงบอนตั้งใกล้ชิดเมืองชลบถจึงย้ายเมืองไป ณ ดอนพันชาติหรือดงพันชาติปัจจุบันคือบ้านโนนเมือง ตำบลแพง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
ทายาท
เพียเมืองแพนมีบุตรธิดา 3 (หรือ 5) ท่านคือ
- เจ้านางคำแว่น (ท้าวเสือ) พระสนมเอกในรัชกาลที่ 1 ไม่มีพระราชโอรสพระราชธิดา
- พระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวจาม) เจ้าเมืองขอนแก่นลำดับ 2 มีบุตรธิดา 7 ท่านคือ
- พระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวอินหรืออินธิวงศ์) หรือเจ้าศพทุ่ง เจ้าเมืองขอนแก่นลำดับ 3 มีบุตรธิดา 6 ท่านคือ
- ท้าวราชวงศ์ (ไม่ปรากฏนาม ถึงแก่กรรมแต่หนุ่ม)
- ท้าวผู้ช่วย (ไม่ปรากฏนาม ถึงแก่กรรมแต่หนุ่ม)
- พระพิทักษ์สารนิคม (ท้าวหนูหล้าหรือท้าวหล่า) ปลัดเมืองขอนแก่น ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่นลำดับ 2 ต้นสกุลสุนทรพิทักษ์และอุปฮาด มีภริยา 2 ท่านและมีบุตรธิดา 4 ท่านคือ ท้าวกาว (ไปอยู่เมืองกาฬสินธุ์ เกิดแต่ภริยาท่านแรก) นายโจม สุนทรพิทักษ์ ร.ต.ต. เหรียญ สุนทรพิทักษ์ นายเขียน สุนทรพิทักษ์ (3 ท่านหลังเกิดแต่ภริยาท่านที่ 2)
- ไม่ทราบนาม (ถึงแก่กรรมแต่เยาว์)
- นางแท่ง
- นางสอน
- ท้าวมุ่ง หรือเจ้าศพกกกระบก รักษาการเจ้าเมืองขอนแก่น มีบุตรธิดา 4 ท่านคือ ท้าวราชวงศ์ ท้าวอุ่ม นางเผือก และนางก้อม
- นางน้อย สมรสกับเพียวรบุตรกรมการเมืองขอนแก่นบุตรเพียเมืองแพน มีบุตรธิดา 5 ท่านคือ
- ท้าวศรีธน หรือญาพ่อท้าวเพชร
- พระยานครศรีบริรักษ์บรมราชภักดีศรีศุภสุนทร (ท้าวอู๋หรืออุ ต้นสกุลนครศรีบริรักษ์) เจ้าเมืองขอนแก่นลำดับสุดท้ายและผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่นท่านแรก ภายหลังลาออกจากราชการ และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นจางวางกำกับราชการเมืองขอนแก่น มีภริยาหลายท่านและมีธิดาเพียง 1 ท่านคือ นางปทุมเทวา นครศรีบริรักษ์ (นางประทุม นครศรีฯ) เกิดแต่ยาแม่ทา สมรสกับนายทองดี เศรษฐภูมิรินทร์ มีบุตรธิดา 1 ท่านคือ ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์
- นางสุ่ย
- นางคำผิว
- นางสีดา
- ท้าวอุ่น
- นางบุญทัน ผู้เลี้ยงดูพระยานครศรีบริรักษ์บรมราชภักดีศรีศุภสุนทร (ท้าวอู๋)
- ไม่ปรากฏนาม (ถึงแก่กรรมแต่เยาว์)
- ไม่ปรากฏนาม (ถึงแก่กรรมแต่เยาว์)
- พระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวอินหรืออินธิวงศ์) หรือเจ้าศพทุ่ง เจ้าเมืองขอนแก่นลำดับ 3 มีบุตรธิดา 6 ท่านคือ
- เพียวรบุตร กรมการเมืองขอนแก่น สมรสกับนางน้อยธิดาพระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวอิน)
- ท้าวพาม
- ธิดาไม่ปรากฏนาม หม่อมของพระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวคำบ้งบ้างว่าคำบังหรือคำบุ่ง) เจ้าเมืองขอนแก่น มีบุตรธิดา 2 ท่านคือ
- อุปฮาด (ท้าวสุวัณ) เมืองขอนแก่น มีบุตร 1 ท่านคือ
- ราชบุตร (ท้าวจันทชมภู) เมืองขอนแก่น
- ราชวงศ์ (ท้าวจันสีสุราช) เมืองขอนแก่น
- อุปฮาด (ท้าวสุวัณ) เมืองขอนแก่น มีบุตร 1 ท่านคือ
อนุสาวรีย์
ชาวขอนแก่นพร้อมกันสร้างอนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ขึ้นใน พ.ศ. 2525 ณ ทิศเหนือริมบึงแก่นนคร บริเวณสนาม เจ ซี (เดิม) ข้างสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 อนุสาวรีย์อีกแห่งประดิษฐาน ณ วัดธาตุ (พระอารามหลวง) โดยจารึกนามยศว่าพระยาศรีนครบริรักษ์
อ้างอิง
- ราชบัณฑิตยสถาน, สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เล่ม 2 อักษร ข-จ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, (กรุงเทพฯ: กองธรรมศาสตร์และการเมือง, 2545), หน้า 9.
- เอกสาร ร.5 ม.2. 12ก/1 (92). ใบบอกเมืองขอนแก่น เขียนที่ว่าราชการเมืองขอนแก่นฝ่ายเมืองเดิม. 28 เมษายน ร.ศ. 109.
- ราชบัณฑิตยสถาน, ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ: ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 23 เมษายน พุทธศักราช 2517, (กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร, 2517), หน้า 190.
- เติม วิภาคย์พจนกิจ, ประวัติศาสตร์อีสาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2542), หน้า 265.
- จารุบุตร เรืองสุวรรณ, ของดีอีสาน, พิมพ์ครั้งที่ 4, (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา, 2520), หน้า 47.
- เติม สิงหัษฐิต, "บทที่ 55 ข้าหลวงเทศาภิบาล" ใน ฝั่งขวาแม่น้ำโขง เล่มสอง, (พระนคร: คลังวิทยา, 2499), หน้า 364.
- ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์, ประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์: อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ประทุม นครศรีฯ ณ เมรุวัดหนองแวง เมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2508, (ขอนแก่น: ม.ป.พ., 2508), หน้า เชื้อสายตระกูลนครศรีบริรักษ์ (อดีตเจ้าเมืองขอนแก่น).
- บริษัทมงคลการพิมพ์และโฆษณา จำกัด, ขอนแก่น: Contributed articles on the cultural aspects of Khon Kaen Province, Thailand, (ขอนแก่น: บริษัทมงคลการพิมพ์และโฆษณา จำกัด, 2529), หน้า 37.
- หลักฐานฝั่งเมืองหนองคายเข้าใจว่าเมืองธุรคมหงษ์สถิตย์ถูกตั้งเมื่อสมัย ร. 3 มีพระวิชิตหงษ์พิไสยบุตรพระปทุมเทวาภิบาลเจ้าเมืองหนองคายเป็นเจ้าเมืองท่านเเรกโดยขึ้นกับเมืองหนองคาย ขณะนั้นเวียงจันทน์ไม่ได้คงความเป็นเมืองเนื่องจากถูกทัพสยามทำลายเเละยุบอาณาจักรลง เป็นเมืองร้างขึ้นตรงต่อหนองคายเช่นเดียวกับธุรคมหงษ์สถิตย์ อาจเป็นไปไม่ได้ที่เพี้ยเมืองเเพนจะมาจากเมืองธุรคมเเละเคยเป็นกรมการเมืองหรือเป็นเชื้อเจ้าเมืองธุรคมหงษ์สถิตย์ หากอิงตามการอพยพออกจากกำเเพงนครเวียงจันทน์ก็อาจไม่ได้เป็นเชื้อกษัตริย์หรืออาจเป็นเชื้อสายขุนนางเวียงจันทน์ชั้นผู้น้อยที่ส่งบุตรสาวไปเป็นนางกำนัลหรือบาทจาริกาเเก่กษัตริย์ลาวเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของขุนนางเพื่อประโยชน์ทางตำเเหน่งการเมือง
- ตำแหน่งเพียเมืองแพนคือกรมการหรือขื่อบ้านขางเมืองผู้ช่วยอาญาสี่, สำนักราชเลขาธิการ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน, รายงานการประชุมเสนาบดีสภา ร.ศ. 111 เล่ม 1-3: งานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ ณ เมรุหลวงวัดเทพศิรินทราวาส 19 เมษายน 2550, (กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2550), หน้า 456.
- อำพร สมอาษา, พระปลัด, ตำราอีสาน ตำนานร้อยเอ็ด, (กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2543), หน้า 44.
- ทายาทบุตรหลานสายอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าจารย์แก้วเห็นว่าเพียเมืองแพนสืบเชื้อสายเจ้านายลาวจากเจ้าจารย์เเก้วผู้ตั้งเมืองท่งศรีภูมิ (อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบัน)
- ประมวล พิมพ์เสน, สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมนำเที่ยวขอนแก่น, (ขอนแก่น: หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น, 2540), หน้า 10.
- เวนิสา เสนีวงศ์ฯ, เจ้าจอมสยาม, (กรุงเทพฯ: บริษัท ไพลินบุ๊คเน็ต จำกัด (มหาชน), 2560), หน้า 45-47.
- เอนก นาวิกมูล, เจ้านายชาวสยาม (Siamese nobilities), (กรุงเทพฯ: แสงดาว, 2550), หน้า 166, 185-186.
- ดูรายละเอียดใน จรัสพรปฏิภาณ, พระองค์เจ้าชาย กรมหมื่นจรูญโรจน์เรืองศรี, อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมราชวงศ์ พูนเรืองศรี วัชรีวงศ์ เป็นกรณีพิเศษ: ณ เมรุวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร วันอังคารที่ 14 กันยายน 2542, อนุวิทย์ วัชรีวงศ์, หม่อมราชวงศ์ (บรรณาธิการ), (กรุงเทพฯ: วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร, 2542), 155 หน้า.
- เดิมเพียเมืองแพนนำธิดาไปถวายเป็นนางข้าหลวงเจ้านางเขียวค้อม (เขียวค่อม) พระขนิษฐา (น้องสาว) ของสมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ราว พ.ศ. 2321 (จ.ศ. 1140), ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์, ประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์: อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ประทุม นครศรีฯ ณ เมรุวัดหนองแวง เมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2508, หน้า 2.
- พงศาวดารเมืองน่าน (เชียงใหม่ : ธนุชพริ้นติ้ง (โรงพิมพ์ดาว), ๒๕๔๓) น. ๖๒
- พระยาขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ), พงศาวดารภาคอีสาน ฉะบับของพระยาขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ) (กรุงเทพฯ : ศรีหงส์, ๒๔๓๒) น. ๘-๙
- จดหมายพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาค ๒๓ (กรุงเทพ : กรมศิลปากร , ๒๔๒๐
- https://siam.wiki/content/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%20(%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%A1%E0%B8%B2%20%E0%B8%93%20%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A2)/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3.html
- เอกสารบางแห่งระบุว่าเพี้ยเมืองแพนบ้านชีโหล่นเป็นหลานเจ้าแก้วบูฮมหรือเจ้าแก้วมงคลหลังเป็นเจ้าเมืองขอนแก่นได้เลื่อนเป็นพระยานครบริรักษ์เจ้าเมือง, อุดม บัวศรี และคณะ, เที่ยวอีสาน: เรียบเรียงโดยย่อยจากผลงานวิจัย เรื่อง การพัฒนาการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับข้อมูลและวิธีการจากเอกสารอื่น, เรียบเรียงโดยธวัช ปุณโณทก, (ขอนแก่น: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น สนับสนุนโดย องค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID), 2532), หน้า 99. และ ดูรายละเอียดใน ชิน อยู่ดี, โบราณวัตถุสถานทั่วพระราชอาณาจักร: จอมพล ป.พิบูลสงคราม โปรดให้พิมพ์ในงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ, (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2500), 393 หน้า. และ สำนักงานจังหวัดขอนแก่น กระทรวงมหาดไทย, ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดขอนแก่น, (กรุงเทพฯ: จินดาสาดาของส์น, 2529).
- รุ่งอรุณ ทีฆชุณหเถียร และวิไลวรรณ สมโสภณ, "คำลงท้ายในภาษาถิ่นจังหวัดขอนแก่น", รายงานการวิจัย, (ขอนแก่น: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2531), หน้า 19.
- สิริกุล พิชัยจุมพล และคณะ, แหล่งท่องเที่ยวอีสานบน, (กรุงเทพฯ: กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2534), หน้า 31.
- บึงบอนบ้านดอนพยอมเมืองเพี้ยปัจจุบันตื้นเขินเป็นที่นาแต่มีต้นบอนขึ้นอยู่จำนวนมาก วิทยาลัยการอาชีพบ้านไผ่, ข้อมูลจังหวัด อำเภอ: ข้อมูลประวัติจังหวัดขอนแก่น, (ขอนแก่น: วิทยาลัยการอาชีพบ้านไผ่, ม.ป.ป.), หน้า 82-83.
- ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, การเมืองสองฝั่งโขง: งานค้นคว้าวิจัยระดับปริญญาเอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องการรวมกลุ่มทางการเมืองของ ส.ส.อีสาน พ.ศ. 2476-2494, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2546), หน้า 56.
- ดูรายละเอียดใน ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, ประวัตติศาสตร์ท้องถิ่น, (ขอนแก่น: โครงการผลิตเอกสารทางวิชาการ สาขาประวัติศาสตร์และโบราณคดี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2548), 176 หน้า.
- บ้างว่าอพยพสู่ลาวฝั่งขวาเมื่อ พ.ศ. 2318 (จ.ศ. 1137), ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์, ประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์: อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ประทุม นครศรีฯ ณ เมรุวัดหนองแวง เมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2508, หน้า 2.
- เพียเมืองแพนอพยพมาอยู่ลาวฝั่งขวาหลังเจ้าพระวอเจ้าพระตาอพยพมาอยู่เมืองหนองบัวลุ่มภูราว 3 ปี, เรื่องเดียวกัน, หน้า 7.
- พิสิฏฐ์ บุญไชย, "ศักยภาพการวางแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสาร: การศึกษาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโดยใช้ระบบฐานข้อมูลสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ GIS, จังหวัดขอนแก่น", รายงานการวิจัย, (มหาสารคาม: โครงการตามแผนพัฒนายุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสาร ปีงบประมาณ 2548 ธันวาคม 2548 สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2548), หน้า 8.
- บ้างว่าบ้านดอนกระเทียม, ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ, รักเมืองไทย เที่ยวเมืองไทย, (กรุงเทพฯ: สยาม, 2523), หน้า 243.
- อำพัน กิจงาม และคณะ, ตำนานและนิทานพื้นบ้านอีสาน, นิติ แสงวัณณ์ และคณะ, คณะบรรณาธิการ, (กรุงเทพฯ: กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2531), หน้า 136.
- เกริกฤทธิ์ เชื้อมงคล, ลาว จากกรุงศรีสัตนาคนหุตสู่ สปป.ลาว: พลิกหน้าประวัติศาสตร์ร้าวลึกของประเทศบ้านพี่เมืองน้อง, (กรุงเทพฯ: เพชรประกาย, 2558), หน้า 148.
- กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม 9: คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี, (กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2553), หน้า 466.
- สันนิษฐานว่าเจ้านางเขียวค้อมหมายถึงเจ้านางแก้วยอดฟ้ากัลยาณีศรีกษัตริย์หรือเจ้าองค์นาง ดูรายละเอียดใน "พงศาวดารเมืองยโสธร", ใน กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 70 เรื่อง เมืองนครจำปาศักดิ์: พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้าหญิงคอยท่า ปราโมช ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2484, (พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, 2484), หน้า 138-139., สิลา วีระวงส์ (เรียบเรียง), ประวัติศาสตร์ลาว (ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ), แปลเป็นภาษาไทยโดย สมหมาย เปรมจิตต์, พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), 2539), หน้า 151. และ ศิลา วีระวงศ์, มหา (เรียบเรียง), พงศาวดานลาว, (เวียงจันทน์: สำนักงาน ส.ธรรมภักดี, 2496), หน้า 161.
- สุวิทย์ ธีรศาศวัต, ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านอีสาน 2488-2544, (กรุงเทพฯ: สร้างสรรค์, 2546), หน้า 38.
- ปัจจุบันคือบ้านเมืองเก่า, กฤษณา สินไชย, แดนดินถิ่นไทย: ชื่อบ้านนามเมือง, (กรุงเทพฯ: พิมพ์คำ, 2545), หน้า 33.
- นรวัฒน์ จอมสุวรรณ, "ขอนแก่นเมืองหมอแคนฉลอง 200 ปีสุดยอด", ศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร. เลขทะเบียน 3871, ไทยโพสต์ (พฤศจิกายน 2539): 9 (1).
- กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดารภาค 4 และประวัติท้องที่จังหวัดมหาสารคาม: พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระสารคามมุนี (สาร ภวภูตานนท์) เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม 8 มีนาคม 2506, (พระนคร: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น, 2506), หน้า 43.
- "ระบบฐานข้อมูลศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น". kk.mcu.ac.th.
- พิสิฐ วิสิฏฺฐปญฺโญ, พระมหา, "คุณค่าของพระธาตุเจดีย์ที่มีต่อวิถีชีวิตของประชาชนในจังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม", Journal of Buddhist Education and Research มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น. ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2562): 248.
- สุมิตราไอยรา, "พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อวัดพระมหาธาตุแก่นนคร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น", วิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2561): 59
- รายสมชื่น ฮอนซา จูเนียร์, "ภูมิหลังและคติชนวิทยาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญของชุมชนเมืองรอบบึงแก่นนคร", สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ปีที่ 10 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2545): 56-57.
- ทศพล จังพานิชย์กุล, บรรณาธิการ, พระพุทธรูป: มรดกล้ำค่าของเมืองไทย (Buddha images Thailand's precious heritage, (กรุงเทพฯ: คอมม่า, 2546), หน้า 265.
- ตำนานความสัมพันธ์เกี่ยวกับพระลับและภูมินามสถานที่สำคัญอื่น ๆ ดูรายละเอียดใน ภราดร รัตนกุล (เรียบเรียง), ศิลปแห่งลุ่มแม่น้ำโขง: ตำนานอิทธิฤทธิ์ ปราบฮ่อ อินโดจีน ฯลฯ, ธีระชัย ธนาเศรษฐ, บรรณาธิการ, (กรุงเทพฯ: ธีรกิจ (ประเทศไทย) จำกัด, 2537), หน้า 17.
- หอพุทธศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น, ประวัติพระลับ: พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น, ปรับปรุงโดยบูชิตร์ โมฆรัตน์, (ขอนแก่น: โครงการ KM หอพุทธศิลป์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น, 2553), หน้า 1 (อัดสำเนา).
- ไตรเทพ ไกรงู, "หลวงพ่อพระลับวัดธาตุฯ พระคู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น: ท่องไปในแดนธรรม", คมชัดลึก (22 พฤศจิกายน 2556): 1.
- หอพุทธศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น, ประวัติพระลับ: พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น, หน้า 1 (อัดสำเนา).
- หลักฐานบางแห่งระบุว่าเป็นเจ้าเมืองขอนแก่นใน พ.ศ. 2335, อาริยานุวัตร เขมจารี, พระ, เหล่ากอเมืองปฐมอีสาน (เมืองทุ่งศรีขรภูมิ): 2 กรกฎาคม 2526, (มหาสารคาม: ม.ป.พ., 2526), หน้า 5-6. (อัดสำเนา)
- อนุชิต สิงห์สุวรรณ, "ประวัติศาสตร์นิพนธ์อีสาน พ.ศ. 2475 ถึงสิ้นทศวรรษ 2520", วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศึกษา, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2553), หน้า 151-152.
- ประมวล พิมพ์เสน, บันทึกประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น: เปิดเผยหลักฐานข้อมูลการตั้งเมืองขอนแก่น วิวัฒนาการของเมืองขอนแก่น เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ วิชาท้องถิ่นของเรา เหมาะสำหรับชาวขอนแก่น และประชาชนผู้สนใจทุกท่าน, จัดพิมพ์โดยศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น โรงเรียนกัลยาณวัตร, (ขอนแก่น: พระธรรมขันต์, 2541), หน้า 91-94.
- เอกสาร ร.5 ม.2. 12ก/1 (92). ใบบอกเมืองขอนแก่น เขียนที่ว่าราชการเมืองขอนแก่นฝ่ายเมืองเดิม. 28 เมษายน ร.ศ. 109.
- ขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ), พระยา, พงศาวดารภาคอีสาน ฉะบับของ พระยาขัติยวงษา (เหลา ณร้อยเอ็จ): พิมพ์ในงานปลงศพ นางศรีสุภา (โต เอี่ยมศิริ) ณเชิงบรมบรรพต วัดสระเกศ เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. 2472, จัดพิมพ์โดยจรูญชวนะพัฒน์, พระ, (พระนคร: ศรีหงส์, 2472), หน้า 13.
- ประยูร พรหมสาขา ณ สกลนคร (ผู้จัดพิมพ์), ตำนานพระธาตุเชิงชุมจังหวัดสกลนคร เรียบเรียงโดย ขุนถิระมัยสิทธิการ (กู่แก้ว พรหมสาขา ณ สกลนคร) และพงศาวดารภาคอีสาน ฉบับของ พระยาขัติยวงษา (เหลา ณ ร้อยเอ็ด): พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางเปลี่ยน ถิระมัยสิทธิการ (เปลี่ยน พรหมสาขา ณ สกลนคร) ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ 2 มิถุนายน 2509, (พระนคร: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง, 2509), หน้า 43.
- บ้างว่า จ.ศ. 1155, กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดาร ฉบับหอสมุดแห่งชาติ เล่ม 2, (พระนคร: ก้าวหน้า, 2507), หน้า 172.
- อมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร), หม่อม, (2458). "พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (ม.ร.ว.ปฐม คเนจร) เรียบเรียง ภาคที่ 1: คัดจากประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 4 อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม, ท.ช, รัตน ว,ป,ร. 4 พิมพ์แจกในงานศพ พัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะสัปตศก พ.ศ. 2458", วิกิซอร์ซ [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%[] [8 ธันวาคม 2563]., อ้างใน โบราณคดีสโมสร, ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 4: อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม, ท.ช, รัตน ว,ป,ร. 4 พิมพ์แจกในงานศพ พัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะสัปตศก พ.ศ. 2458, (กรุงเทพฯ: โสภณพิพรรฒธนากร ถนนราชบพิธ, 2458).
- เนื้อหาเอกสารบางส่วนคงอ้างจากหนังสือโครงกระดูกในตู้ของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นเอกสารชั้นรองในลักษณะมุขปาฐะเช่นกัน, ดูรายละเอียดใน คึกฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว., โครงกระดูกในตู้, พิมพ์ครั้งที่ 5, (กรุงเทพฯ: ดอกหญ้า, 2544), หน้า 11-19.
- ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์, ประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์: อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ประทุม นครศรีฯ ณ เมรุวัดหนองแวง เมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2508, หน้า 7-9.
- ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์ เห็นว่า จ.ศ. 1151 (พ.ศ. 2332) คือศักราชตั้งเมืองขอนแก่นที่ถูกต้อง ส่วน จ.ศ. 1159 (พ.ศ. 2340) ในชุมนุมพงศาวดาร (ประชุมพงศาวดาร) ภาค 4 คลาดเคลื่อน, เรื่องเดียวกัน, หน้า 7.
- บ้างระบุว่าท้าวมุ่งหรือมุงได้เป็นพระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมืองขอนแก่นที่บ้านโนนทันเดิมและมีพี่น้อง 3 ท่านคือ ราชบุตร์ (ท้าวคำพาง) พระนครศรีบริรักษ์ (ท้าวอิน) เจ้าเมืองขอนแก่น และสตรีไม่ปรากฏนามซึ่งสมรสกับกับท้าวขัติยะ ทั้งหมดเป็นบุตรธิดาพระนครศรีบริรักษ์ (คำยวง) เจ้าเมืองขอนแก่น นอกจากนี้เพียเมืองแพนยังมีหลานนามว่าพระราชวงษาต่อมาเลื่อนเป็นราชวงศ์เมืองขอนแก่นซึ่งไม่ทราบว่าเกิดจากบุตรธิดาท่านใด
- วีรวัลย์ งามสันติกุล (บรรณาธิการ), ศุภวัฒย์-ศุภวาร จุลพิจารณ์: ข้อเขียนเพื่อแสดงมุทิตาจิตในโอกาสที่ พลตรี หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์ เกษมศรี มีอายุครบ 6 รอบ ในพุทธศักราช 2547, (กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2547), หน้า 17.
- ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์ เกิดวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 เกิดที่จวนเจ้าเมืองขอนแก่น ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สมรสกับวิรัตน์ แซ่บู๊ เมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485 มีธิดา 1 ท่านคือ รองศาสตราจารย์ รัชนีบูล เศรษภูมิรินทร์ ถึงแก่กรรมวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม 2545 เวลา 09.58 น. ณ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น อายุ 82 ปี, ดูรายละเอียดใน ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์, ประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์ อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) บันทึกโดย ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์: พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณตาทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์ ณ เมรุวัดหนองแวงพระอารามหลวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2545, (ขอนแก่น, ม.ป.ป., 2545).
- ทองสุข เศรษฐภูมิรินทร์, ประวัติต้นตระกูลพระยานครศรีบริรักษ์: อดีตผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น (เจ้าเมืองขอนแก่น) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ประทุม นครศรีฯ ณ เมรุวัดหนองแวง เมืองเก่า จังหวัดขอนแก่น วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2508, หน้า ประวัติ คุณแม่ประทุม นครศรีฯ-เชื้อสายตระกูลนครศรีบริรักษ์ (อดีตเจ้าเมืองขอนแก่น), 1-3, 13-16, 22-28.
- หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น โรงเรียนกัลยาณวัตร, อนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์บรมราชภักดี, (ขอนแก่น: สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม, 2562), หน้า 1. (อัดสำเนา)
- สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น, ที่มาของจังหวัดขอนแก่น, (ขอนแก่น: สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น ศาลาประชาคมจังหวัดขอนแก่น, 2553), หน้า 1. (อัดสำเนา)
- ดูรายละเอียดใน ไม่ปรากฏนาม, ประวัติศาสตร์จังหวัดขอนแก่นและนานาสารคดี (ที่ระลึกในการเปิดอนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ (เพียเมืองแพน)), (ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา, 2525).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ephiyemuxngaephn ephiyemuxngaephn hruxecaemuxngaephn bangxxknamwathawephiyemuxngaephnhruxecaephiyemuxngaephnhruxphrayaemuxngaephn txmaeluxnepnphrankhrsribrirks phrankhr namedimthawphn hruxthawsk skdi krmkaremuxngsuwrrnphumi tnskulesnxphra sunthrphithks nkhrsribrirks aephnpha esrsthphumirinthr skulthiekiywkhxng l ecaemuxnghruxphuwarachkaremuxngkhxnaeknxngkhaerk epnphutngemuxngkhxnaekn xditkrmkaremuxngthurkhmhngssthityinxanackrlanchangewiyngcnthn xditkwanban nayban hruxnaykxngnxkbanchiohlnemuxngsuwrrnphumi aelaxditecaemuxngephiy bandxnphyxmemuxngephiy epnbidaecanangkhaaewnhruxecacxmaewn khunesux phrasnmexkhruxecanangxngkhaerkinrchkalthi 1 khxngrtnoksinthrphrankhrsribrirks phn esnxphra ecaemuxngkhxnaeknxngkhaerk phutngemuxngkhxnaekndarngtaaehnng ph s 2340 imprakt hlngsmophchemuxngimnan hruxxac ph s 2338thdipphrankhrsribrirks thawkhabng khxmulswnbukhkhlekidrawkxn ph s 2320 emuxngsuwrrnphumirachburinthrpraethsrach xanackrlanchangcapaskdiesiychiwitrawhlng ph s 2340sasnasasnaphuththprawtithsnathangprawtisastr khxmulprawtikhxngephiyemuxngthithukrabuinhlkthaneelaexksarthangprawtisastr mikarthukrabueelathukklawthunginthsnahruxmummxngthangprawtisastrthieetktangkntameetlaeehlngkhxmul sungsamartheeykepnthsnathnghmd id 4 thsna dngtxipni thsnathi1 ephiyemuxngeephnepnphinxngkhxngecaeekwbuhmhruxecacaryeekw ecaphukhrxngemuxngthngsriphumiphraxngkheerk phuthiprasutiemuxpi ph s 2184 pkkhrxngemuxngthngemuxpi ph s 2256 eelaphiraly emuxpi ph s 2268 eelathngkhuepnphrarachoxrskhxngecaeesnpccuthumhruxthaweesneekwbuhm inphngsawdarnkhrnan eriykecaeekwmngkhlwa laweesneekw cakhlkthanchntn ecaeesnpccuthumhruxthaweesneekwbuhm khwrcaepnecaeekwmngkhlhruxcaryeekw krmkaremuxngthurdmhngssthit phrarachoxrsinphraecasiribuysar khrxngrachyemuxpi ph s 2294 ph s 2322 kstriyeehngxanackrlanchangewiyngcnthnphraxngkhthi 4 swnephiyemuxngeephnidepnecaemuxngkhxneeknthaneerkemux pi ph s 2340 idpkkhrxngemuxnghangcakphuepnphichay nankwa 84 pi xphyphcakewiyngcnthn ph s 2322 phraecasiribuysaraehngewiyngcnthn khrxngrachyraw ph s 2294 2322 phiphathkbklumecaphrawxecaphrataemuxngnkhrekhuxnkhnthkabaekwbwban aelwykthphtikhaybandxnmdaedngaetkcbecaphrawxprahar kstriythnburicungoprdekla ihecaphrayamhakstriysuk thxngdwng aelaecaphrayasursih buyma sxngphinxngykthphtinkhrewiyngcnthn ecaaekwbuhm aekwbrm aelaephiyemuxngaephn phrayaemuxngaephn sxngphinxngsungepnoxrsecaaesnpccuthum thawaesnaekwbuhm inrachwngslanchangcungykiphrphlcakbanephiypuaekhwngemuxngthurkhmhngssthitysungtngxyuthisehnuxewiyngcnthnipthangnangumraw 70 kiolemtr khamnaokhngmatngthinthankracayxyubanophthitak tablbankng xaephxemuxngkhxnaekn banyangediyw banophthisri tablbanonn xaephxkranwn banophthichy xaephxmycakhiri bansrang banchiohln ekhtemuxngsuwrrnphumi xaephxsuwrrnphumi cnghwdrxyexd aelaiphrphlbangswntngxyuekhtxaephxemuxngkhxnaekn xaephxnaphxng xaephxxacsamarthincnghwdrxyexd aelaxaephxkhaekhuxnaekwincnghwdyosthr echphaaecaaekwbuhmxphyphiphrphltngthibanophthichyfayephiyemuxngaephnxphyphiphrphltngthibanchiohln chioln khumiphrphlkhnla 500 khunemuxngthnghruxemuxngsuwrrnphumi raw 9 pitxmain ph s 2331 ephiyemuxngaephnxphyphiphrphlraw 330 khnkhxaeykcakemuxngsuwrrnphumiiptngbaneruxnthibungbxnbandxnphyxmemuxngephiy dxnkrayxm ykkhunepnemuxng pccubnkhuxbanemuxngephiy tablemuxngephiy xaephxbaniph erimtngemuxng hlngthphsyambuktiewiyngcnthnidkwadtxnecanay khunnang aelaiphrphllawekhamainxanaekhtsyamtngrkrakswnmakthisraburirwmthnghwemuxnglawchninaelakrungethph ecanangkhaaewnrachwngslanchangthidakhnotkhxngephiyemuxngaephnxditnangkhahlwngkhxngecanangekhiywkhxmphrarachthidaphraecasiribuysar thukkhwbkhumtwinthanaechlyiwthiphrabrmmharachwng ph s 2325 ecaphrayamhakstriysukprabdaphiesktnexngepnkstriysyamrchkalthi 1 aelwyayrachthanicakthnburimatngthibangkxk cungminoybaykddnecanayhwemuxnglawsxngfngokhngihxyuinkhwamkhwbkhumphankartngemuxngkhunodysngbrrnakarpila 2 khrng ph s 2331 ephiyemuxngaephnthrabkhawthidathuksthapnaepnphrasnmexkaelakwnemuxngaesnhruxephiyemuxngaesn thawkhaphaw tnskulpracntesn yatisnithidepnphracnthrpraethsecaemuxngchlbth pccubnkhuxxaephxchnbthincnghwdkhxnaekn cungxphyphiphrphlmaxyubanonnthxngkhangbungbxn hnxngkhxnaeknhruxbungphralbonnthxng tngepnbanbungbxnpccubnkhuxphunthibungaeknnkhr kxntngemuxngidsarwcsthanthilnghlkpkthancakbanphuewiyngiklekhaphuewiyngmathungbanophthitakiklbungchywanaelanaphxnghnib sungminaphxngihlphanthisehnuxaelanaesinihlphanthisit aetehnwabriewndngklawkhnghangiklkrungethph aelapiidfndinakthwm cungsarwcsthanthitngemuxngihm n banthumaetnathaimsadwkaelaecaemuxngchlbthxangwaepnekhtaednemuxngchlbthesmxsungxangmacnsmyrchkalthi 5 ephiyemuxngaephncungeluxkbriewnbanonnthxng banonnthn aelabanphralb sungnxkcaktngiklbungbxnyngiklnachi emuxtngemuxngdwyiphrphl 330 khnaelwcungsmkhrkhunemuxngnkhrrachsima odymiibbxkthungphrayankhrrachsimaaelapkbuxemuxnghruxesahlkemuxng n thistawntkwdklang banemuxngeka thnnklangemuxng sranghxohngecaemuxng 3 hlngsungihykwathiwarachkaremuxnghruxcwnecaemuxngaelasrangsalmehsk emuxngeka pracaemuxng thsnathi2 ephiyemuxngaephn hrux phrankhrsribrirks skdi epnbutrkhxngphrartnwngsamhakhtiyrach phu ecaemuxngsuwrrnphumi phrartnwngsa epnxnuchaphrayakhtiywngsphisuththibdi silng tnskul thnsilngkur thng 2 than epnbutrphrakhtiywngsa thnt hrux suthnt ecaemuxngrxyexdxngkhaerk aelamiskdiepnphrarachnddaecaaekwmngkhl thsnaniephiyemuxngaephncungepnphrarachnddakhxngecaaekwmngkhl thsnathi3 ephiyemuxngeephn hrux phrankhrsribrirks skdi epnohlnkhxngecaeekwmngkhl ody ecamuddaodn oxrskhxngecaeekwmngkhl mioxrs 3 xngkh khux ecaechiyng ecasun ecaxun pldemuxngkhukhnthsungtxmaiddarngtaaehnngepnecaemuxngsirsaeksthanaerk namwa phrayartnwngsa xikthngyngepnlukekhykhxngphrayaikrphkdisrinkhrladwnhruxtakacaecaemuxngkhukhnththanaerkaelaepnbidakhxngphrapracntpraethshruxecaemuxngchlbthwibulythanaerk swnecaesiyngbutrthawmud mibutr 3 khn khux thaweph ecaemuxnghnxnghanthanaerk thawoxa ecaemuxngsuwrrnphumi thawphr aelathidaimthrabnamxik 2 khn inphunemuxngthng rabuwathawphrsungepnbutrkhxngthawesiyngmibutrchay 2 khn khux ephiyemuxngaephn phrankhrsribrirks ecaemuxngkhxnaeknthanaerk ephiysripak phraesnasngkhram ecaemuxngphuthithsngthanaerk aelaepnbidakhxngphrayankhrphkdi ecaemuxngaepahruxburirmythanaerk thsnathi4 thawskhruxephiyemuxngeephn epnnddakhxngecaeekwmngkhl ecaemuxngthngsriphumithaneerk phrarachoxrskhxngecasriwichy kstriyeehngxanackrlanchangphraxngkhthi 30 ody ecamudkhadl ecaemuxngthngsriphumithanthi 2 oxrskhxngecaeekwmngkhl mioxrs 3 xngkh khux thawesiyng epn emuxngaesn khumkxngthharthnghmd thawsun epn emuxngcn pkkhrxngfayphleruxn thawsk epn ephiyemuxngaephn khumthharrksaekhtaednxyuchayfng chiohln hrux siln xphyphxxkcakemuxngsuwrrnphumiphrxmphralb iptngemuxngkhunihm ph s 2332 thawsk idrbkhasngihiptngaehngihmchayaedndanehnuxekhtemuxngsuwrrnphumikbekhtemuxngrxyexd thawsksungmitaaehnngepne ephiyemuxngaephn kxphyphprachachnphlemuxngpraman 330 khrxbkhrw phrxmthngnaphraphuththrup phralb ipiwskkaraepnmingkhwyaekbanemuxngdwy khrnedinthangmathungbriewnbungmitnbxnekidkhunmakmay epnthaeldi xyuiklaemnachi sxngfngbungnnsungnathwmimthung cungtngbaneruxneriykwa banbungbxn aelaidkxsranghlkemuxngfngtawntkkhxngbung pccubnxyuthikhumklangemuxngeka khxsngekt cakthnghmd 4 thsna mithsnathi 2 3 eela 4 klawtrngknwaephiyemuxngeephnepnlukhlankhxngecaeekwmngkhl eetmiephiyngeekhthsnathi 1 thiklawtangcakphwk thiklawwaephiyemuxngeephnepnphinxngkbecaeekwmngkhl sungmixayuhangkn odypraman 100 pikhunipepnxyangtakarphraphuththsasnasrangwdpracaemuxng raw ph s 2332 2333 ephiyemuxngaephnsrangwdpracaemuxngiklfngbungbxnkhun 4 wdkhux 1 wdehnux wdhnxngaewngphraxaramhlwng sahrbecaemuxngbaephykuslaelaprakxbphithikrrm thieriykwdehnuxenuxngcaktngxyuehnuxthangnaihl 2 wdklang wdklangemuxngeka tidohngecaemuxng sahrbkrmkarphuihybaephykuslaelaprakxbphithikrrm 3 wdit wdthatuphraxaramhlwng hruxwdphrathatuonnthxng hruxwdthatuemuxngeka sahrbprachachnbaephykuslaelaprakxbphithikrrm thieriykwawditenuxngcaktngxyuthisitsaynaaetxyuthisehnuxkhxngemuxng thieriykwdthatuenuxngcakmithatuekatngxyuthistawnxxkkhxngwd inxditnacakbungaeknnkhrihllngbungthungsrangdngnnkhumehnuxcungtngxyuthisitkhxngemuxng 4 wdaekhk wdophthionnthn hruxwdthaaekhk faktawnxxkbungbxn sahrbsngkhaelaaekhkemuxnghruxkhntangthinphkxasybaephykuslaelaprakxbphithikrrm nxkcakniyngburnasim phraxuobsth khunihm xyechiyphralb phralbepnphraphuththrupkhubankhuemuxngsnnisthanwaephiyemuxngaephnxyechiymapradisthanthiemuxngkhxnaekn sungbrrcusxniwinxuomngkhphrathatuekakhxngwdthatu phraxaramhlwng emuxngekahlngsrangwdesrc karthuksxniwepnkhwamlbmiaetecaxawasethannthithraberuxngchawbancungeriyknamphraphuththrupwaphralbhruxhlwngphxphralbsubma hlngkartngemuxngphraphuththrupthukpkpidinphrathatuodyimmiikhrphbehnemuxkhyayemuxngmatngbankhunihmthangthisehnuxemuxngekacungtngchuxwabanphralbaelaykepntablphralbtamnamphraphuththrup pccubntablphralbtngthangthistawnxxkemuxngkhxnaekn wdehnuxepliynnamepnwdthatu phraxaramhlwng wdklangkhngchuxedim swnwdittngxyurimhnxngnamitnaewngkhunmakcungeriykwdhnxngaewng phraxaramhlwng phralbmiphuththlksnapangmarwichyhlxdwysmvththithngxngkhaelathan hnatkkwang 11 niw sung 29 niw prathbnngkhdsmathirab phraphktrrupikh phranladkwang phrakhnngokng phraentreriywehluxbta phranasiksnplayaehlm phraoxsthaeym phraeksaelkaehlm phraektumalaihy rsmieplw tngbnthanklibbwlaw khrxngciwrhmechiyngepidphraxngsakhwa chayciwryawcrdphranaphi niwphrahtthyawesmxkn thanpthmykthrngsungsiehliymbwkhwabwhngay obkkhwaobkhngay aenwdukngu lukaekwxkik ngxnkhundanbn epnsilpalawhruxsilpalanchangskulchangewiyngcnthnphuththlksnakhlayklumphraphuththruppangmarwichyraebiynghxphraaekwewiyngcnthn xayurawphuththstwrrsthi 22 24 snnisthanwakarhlxphralberimraw ph s 2068 inrchkalphraecaophthisalrachaehnghlwngphrabangodysuksacakphraphuththlksna xikthsnasnnisthanwahlxraw ph s 2232 ecarachkhruhlwngophnsaemkxphyphphukhnmaburnaptisngkhrnphrathatuphnmodynachangewiyngcnthnlngmadwy ph s 2233 karburnasaerctngaetswnthi 2 khunipcnyxdsud olhaburnasrangcakehlkepiykhruxehlkihlenuxkhlaytakw sakw hruxenginodyhlxobkkhrxbpunyxdphrathatuphnm aehlngehlkepiyktngbnphuehlksungepnphuekhasilaaelngetiyepneninsungcakthungnaiklbandxnkhawhlam tablnaka xaephxthatuphnm thisitphrathatuphnmraw 8 kiolemtr pccubnyngkhngprakthlumaelarxykhud ph s 2236 hlngburnaphrathatuphnmecarachkhruophnsaemkhlxphraphuththrupihypangmarwichyhnatkkwang 1 80 emtr tngepnprathaninphrawiharhxaekwkhxngwd wsduthiehlux echn thxngaedng esspun epntn thukichhlxphraphuththruphlayxngkhephuxmxbihsisynaipskkara swnthiehluxbrrcuiwinphrathatuphnm ph s 2497 phraethphrtnomli aekw kn otphaos xuthummala ecaxawaswdphrathatuphnmsxmaesmwiharhxphraaekwkxnpukraebuxnglaysiemntidsngchangkhudphunwiharhnaphraprathanaelaphbkruphracanwnmak echn phrathxngkhabu 250 xngkh phraengin phrakhnadelk epntn odynakhunmaechphaaphrathxngkha 1 xngkhhnkraw 4 kiolkrmkhrung phranakh 1 xngkh phrathxngkhabu 3 xngkh phrahinda 1 xngkh aelaphrathxngsmvththi 1 xngkh snnisthanwaphralbkhngsrangodyecarachkhruhlwngophnsaemkaelwmxbaedrachwngsxngkhsakhyhnunginnnkhuxecaaekwbuhmbrrphburuskhxngephiyemuxngaephnaelaephiyemuxngaephnkhngrksaphraphuththrupxngkhnisubma 17 tulakhm ph s 2537 phraethphwimlomli ehla sumon sungtxmaeluxnepnphrathrrmwisuththacaryecaxawaswdthatu phraxaramhlwng rxngecakhnaphakh 9 mhanikay aelarxngxthikarbdimhaculalngkrnrachwithyalyinphrabrmrachupthmph withyaekhtkhxnaekn inkhnann ekrngwatxipchawemuxngcaimruckphralbcungechiynaykwi suphthira phuwarachkarcnghwdkhxnaeknphrxmkharachkarphuihyphuthrngkhunwuthifaysngkhaelakhrawasrwmknepidephyaelaprakasepnthangkaremuxwnxngkhar khun 14 kha eduxn 10 picx hruxwnxxkphrrsathi 18 tulakhm ph s 2537 waphraphuththrupthiephiyemuxngaephnxyechiymaphrxmkarsrangemuxngkhuxphralbsungpradisthan n wdthatu phraxaramhlwng aelaprakasihepnphraphuththrupkhuemuxngkhxnaeknsthapnaemuxngkhxnaeknkartngemuxng play ph s 2339 rchkalthi 1 oprdekla ecanangkhaaewnthidaephiyemuxngaephnepnthawesux emuxngkhxnaeknsngswyemuxngnkhrrachsimakhrb 9 pi ecanangkhaaewncungkrabbngkhmthulihbidaykiphrphlaeykcakemuxngsuwrrnphumitngepnemuxng phrayankhrrachsimamiibbxkthungkrungethph ph s 2340 rchkalthi 1 cungoprdekla ykbanbungbxnepnemuxngkhxnaekn ihephiyemuxngaephnepnphrankhrsribrirksecaemuxngkhuntxkrungethph dngrabuinibbxkemuxngkhxnaekn ekhiynthiwarachkaremuxngkhxnaeknfayemuxngedim wnthi 28 emsayn rtnoksinthrsk 109 wa khaphecaxuphat rachwngs rachbutr hlwngphrhmphkdiphuchwy emuxngaesn emuxngcn thawephiykrmkaremuxngkhxnaekn bxkprnnibtikhanbmayngthanxxkphnnayewr khxihnakhunkraberiyn phnhwecathanlukkhun n salathrngthrab dwyedimcatngepnemuxngkhxnaekn ecanangkhaaewnkrabbngkhmthulihemuxngaephn phasmkhrphrrkhphwkaeykxxkcakemuxngsuwrrnphumi cungoprdeklaoprdkrahmxmtngemuxngaephnepnthiecaemuxngkhxnaekn hathnmixuphat rachwngs rachbutrim emuxngaephnecaemuxngthungaekkrrmip cungthrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxmihthawkhabngbutrekhyemuxngaephnecaemuxng khunepnthiphrankhrecaemuxng oprdihthawkhaywngepnthirachbutr aetthixuphatrachwngsnnhathntngim phrankhrkhabngthungaekkrrmipcungthrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxm tngrachbutrkhaywngepnthiphrankhrecaemuxng tngthawsuwnbutrphrankhrkhabngepnthixuphat tngphrarachwngsabutrhlanecaemuxngaephnepnthirachwngs tngthawkhaphangbutrphrankhrkhaywngepnthirachbutr khunipkhrxbkhrxngbanemuxngkodyyutithrrm khumswyphlerwlngmathulekla esmxthukpimiidthskhang khrnxyuhlaypirachwngsthungaekkrrmip cungoprdeklaihthawxinbutrphrankhrkhaywngepnthirachwngs khrnphrankhrecaemuxng xuphat aelarachbutrthungaekkrrmip cungoprdekla ihthawhnuekhamaepnecaemuxngkhxnaekn oprdekla ihrachwngsxinbutrphrankhrkhaywngepnthixuphat thawmungbutrphrankhrkhaywngthiepnphichayxuphatxinepnthirachwngs thawcnchmphubutrxuphatsuwnkhnekaepnthirachbutr xyumaidsampicungoprdekla ihphrankhrhnu hnicakemuxngkhxnaeknipepnecaemuxngmukdahar aelwcungthrngphramhakrunaoprdekla tngxuphatxinepnthiphrankhrsribrirksecaemuxng rachwngsmungepnthixuphat thawkhtiyabutrekhyphrankhrkhaywngepnthirachwngs aetrachbutryngkhngthi phrankhrsribrirksphathawephiypraphvtirachkarbanemuxngkepnsccepnthrrm khumenginswyphlerwemuxngkhxnaekn canwnpilayisibaepdchangaepdtalung lngmathulekla esmxthukpi l swnhlkthankartngemuxngkhxnaekninphngsawdarxisanchbbphrayakhtiywngsa ehla nrxyexc rabuwa khrnthungculskrach 1150 idthrabkhawwaemuxngaephnbanchiolnaekhwngemuxngsuwrrnphumipharasdriphrphlpraman 330 khn aeykcakemuxngsuwrrnphumiipkhxtngfngbungbxnepnemuxng cungthrngphrakrunaoprdekla ihemuxngaephnepnphrankhrsribrirksphuwarachkaremuxngkhxnaekn ehtukarnediywknyngthukrabuinphngsawdarhwemuxngmnthlxisankhxnghmxmxmrwngswicitr m r w pthm khencr dwywa luculskrach 1159 pimesngnphsk fayephiyemuxngaephnbanchiolnemuxngsuwrrnphumiehnwaemuxngaesnidepnecaemuxngchnbthkxyakcaidepnbang cungekliyklxmphukhnidxyuinbngkhbsamrxyess cungsmkhkhunxyuinecaphrayankhrrachsimaaelwkhxtngbanbungbxnepnemuxng ecaphrayankhrrachsimaidmibxkmayngkrungethph cungoprdekla tngihemuxngaephnepnthiphrankhrbrirksecaemuxng ykbanbungbxnkhunepnemuxngkhxnaekn mnthlxudr khunemuxngnkhrrachsima ehtuaehngkartngemuxnginmukhpatha thxngsukh esrsthphumirinthr rabuehtuaehngkartngemuxngkhxnaekninmukhpathasungphimphinhnngsuxprawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn xnusrnnganchapnkicsphkhunaemprathum nkhrsri inthanaexksarchnrxngodylaexiydwa c s 1151 ph s 2332 idekideruxngrawthiekiywkbnangkhaaewnsungepneruxngthielasubtxknmawa inewlabaywnhnungkhnathismedcphraecaxyuhwbrrthmxyuphraxngkhthrnglaemxkhundwyphrasuresiyngxndngepnewlanankyngimrusukphraxngkh phwknangsnmkanlintangphakntkicthngimthrabwacathaprakarid khrncaplukphraxngkhkekrngphrarachxayathukkhntangtktalungtwsnetha nangkhaaewnsungxyu n thinnidehnehtukarnodytlxdnangkhlanekhaipiklaethnphrabrrthmkrabthwaybngkhmesrcaelwnangichpakkdthiniwphrabathodymiidlwnglaaetatxngphraxngkhthandwyprakaridely thnidnnexngsmedcphraecaxyuhwthrngrusukphraxngkhthamklangnangsnmkanlthnghlaythimaprachumhmxbkrabxyuthrngtrsthamipwaphuidepnphuplukphraxngkh nangekhiywkhxmkrabthulwanangkhaaewnepnphuplukodywithiexapakkdthiniwphrabath phraxngkhthrngtrsthamtxipwanangkhaaewnepnkhnkhxngikhr luketaehlaikhr nangekhiywkhxmkrabthulwanangkhaaewnepnnangkhahlwngkhxngnangexngtidtammacaknkhrewiyngcnthnemuxkhrngxphyph epnbutrthawephiyemuxngaephnkhnanithawephiyemuxngaephnxphyphcaknkhrewiyngcnthnmaxyuthibanchiolnaekhwngemuxngsuwrrnphumiepnewlahlaypi txmaidxphyphkhrxbkhrwcakbanchiolnmikhrxbkhrwpraman 330 khrxbkhrwmatngthibanbungbxnkhxkhuntxphrayankhrrachsimaaelakhxtngbanbungbxnepnemuxngkhxnaeknxyuinewlani emuxsmedcphraecaxyuhwthrngfngkhwamkrabbngkhmthulkhxngnangekhiywkhxmaelwphraxngkhthrngdariehnwanangkhaaewnniepnphucngrkphkdiaelaklahaymak tampktiaelwimmiphuidcaxacekhaipaetatxngxngkhphramhakstriyidephraaekrngphrarachxaya phvtikarnthinangkhaaewnkrathalngipnnepnkaresiysladwykhwamklahayepnxyangsungepnthiphxphrarachhvthykhxngphraxngkh thrngphrakrunaoprdekla phrarachthannamaeknangkhaaewnepnthawesuxephuxepnekiyrtismkbkhwamklahaykhxngnang aelainpiediywknnnthrngphrakrunaoprdekla ykbanbungbxnkhunepnemuxngkhxnaeknihthawephiyemuxngaephnbidathawesux nangkhaaewn epnphrankhrsribrirksphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaeknkhnaerk aelathrngphrakrunaoprdekla ihemuxngkhxnaeknkhuntrngtxkrungethphphramhankhrtngaetbdnnepntnmapyhaeruxngtwtnaelathimakhxngephiyemuxngaephnbidakhxngephiyemuxngaephnkhuxecaeesnpccuthum thawaesnaekwbuhm banephiypu emuxngthurkhmhngssthit thulakhm xacepnxngkhediywkbecawichyphrarachbidakhxngecacaryeekwecaemuxngthng pccubnkhuxxaephxsuwrrnphumiincnghwdrxyexd eelaecacarycnthsuriywngsecaemuxnghlwngophnsim emuxngphin emuxngnxng pccubnxyuinaekhwngsahwnnaekhd emuxngthurkhmthuksthapnainsmyrchkalthi 3 tamsrxyrachthinnamecaemuxngxngkheerkkhuxphrawichithngsphiisyechuxsaykhxngphrawxphrata imidsubechuxsaycaknkhrhlwngewiyngcnthnhruxecaeesnpccuthumodytrng dngnnephiyemuxngeephnxacimidkaenidcakemuxngthurkhmkhxngxanackrlanchangewiyngcnthn xyangirktampccubnthiemuxngthurkhminaekhwngewiyngcnthnmihmubanekaaekpraktnamwabankhxnaeknxyudwy eetchuxniphbidthwipinphunthiphakhxisantampraephniniymsmyobran echn phunthicnghwdely mukdahar rxyexd epntn nxkcakniyngphbchudkhxmulthirabuthungephiyemuxngaephnwaepnbutrecaemuxngsuwrrnphumixikdwy khuxecacaryaekwmithayathchuxphrartnwngsa phu ecaemuxngsuwrrnphumi phrartnwngsa phu mibutrnamwathawskdiaelaidaetngtngihdarngtaaehnngephiyemuxngaephn iptngrksakarxyurimaemnachisungsthanthinneriykwachiohlntxmacungidepnecaemuxngkhxnaekn exksarbangaehngrabuwaephiyemuxngaephnbanchiohlnepnhlanecacaryaekw hlngepnecaemuxngkhxnaekncungeluxnepnphrayankhrbrirksecaemuxng khxmulbangchudthiwaephiyemuxngeephnepnphinxngkbecacaryaekwnnepnipidnxyenuxngcakmixayuhangknekuxbrxypi exksarekiywkbprawtiemuxngthngaelaechuxsayecaemuxngchiwaephiyemuxngeephn miphinxngrwmkn 1 khn khux ephiysripak na hruxtxmakhuxphrayaesnasngkhram ecaemuxngphuthithsngkhneerk ephiyemuxngeephnkbephiysripakthngkhuepnbutrchaykhxngthawphrrachwngsemuxngsuwrrnphumiehlnkhxngecacaryaekw hakethiybladbskrachthangprawtisastrcaiklekhiyng ph s ekidkhxngephiyemuxngaephn ephiyemuxngeephncungkhwrepnthayathchnehlnkhxngecacaryeekw hlkthanekiywkbecacaryaekwecaemuxngthngxngkhaerkmikhwamchdecnxyangmakenuxngcakpraktinexksarprawtisastrhlayeehng phngsawdarxisaneelaphngsawdarnkhrcapaskdirabutrngknwaecacaryaekwepnecaemuxngthngin ph s 2256 khunkbxanackrlanchangcapaskdisunghangcakchwngxayukhxngephiyemuxngaephnmak ladbkarsubtrakulkhxngecaemuxngmukdaharchiwaecacarycnthsuriywngsbidakhxngecacnthkinriecaemuxngmukdahar bngmuk xngkheerknnepnphinxngkbecacaryeekwimichphinxngkhxngephiyemuxngeephn cakhlkthanthiwaephiyemuxngeephnepnyatisnithkbephiyemuxngeesn khaphaw cungepnipidthiephiyemuxngeephncaepnthayathchnhlanhruxchnehlnkhxngecacaryeekw exksarphunemuxngthngeelaexksarekiywkbprawtiemuxngsrisaekseelaemuxngsurinthrrabutrngknwaephiyemuxngeesn khaphaw hruxphracntpraethsecaemuxngchlbthwibulyxngkheerkepnbutrkhxngthawxunecaemuxngsrisaeksxngkheerkeelaepnhlanecamudkhadlecaemuxngthngxngkhthi 2 ephiyemuxngaephncungimnacamithinkaenidcaknkhrhlwngewiyngcnthneelaxphyphmathihlng eetkaenidthiemuxngthngtngeettn bidakhxngephiyemuxngaephnkhuxthawphr rachwngsphr thawphrepnbutrchaykhnsudthxngkhxngecaesiyngecaemuxngthngxngkhthi 4 ecaesiyngepnbutrecamudkhadlpukhxngephiyemuxngeesn khaphaw sungtrngkbkhxmulthiwaephiyemuxngaesn khaphaw kbephiyemuxngaephnepnyatisnithkn cungphxxnumankhwamepnipidmakthisud khux ephiyemuxngeephnepnlukhlankhxngecacaryeekw miphinxngrwmkn 1 khn khux ephiysripak na mithinkaenidthiemuxngthngsriphumi phxotepnhnum bida rachwngsphr cungsngephiyemuxngeephnsungepnkrmkaremuxngsuwrrnphumixyukxneelw xxkcakemuxngthngiptharachkarepnkhunnangthiemuxngewiyngcnthneethn nxkcakkrnikhxngephiyemuxngeephn krnithiemuxngthngsnglukhlanxxkiptharachkarthiemuxngxunnxkxanaekhtkhxngemuxngtnexngnnekhymikarsngxxkipxyuhlaykhrng hlayhn echn krnithimikarsngthawxun butrchaykhnsudthxngkhxngecamudkhadl xxkiptharachkarthiemuxngkhukhnth ipdarngtaeehnngpldemuxngkhukhnth enuxngcakthawxunmikhwamdikhwamchxbcakkaripchwyrachkarsngkhramrbkbewiyngcnthn sungtxma thawxunidepnthi phrayartnwngsa ecaemuxngsrisaekskhneerk inewlatxma hruxkrnithawbuycnthnlukhlankhxngecacaryeekwsayhnung thithuksngiptharachkarthiemuxngrtnburi sungtxmaidepnthi phrasrinkhrchy ecaemuxngrtnburikhnthi 2 eethnphrasrinkhretathawethx ecaemuxngrtnburikhneka epntn phayhlngephiyemuxngeephncungidipmikhrxbkhrwthinkhrhlwngewiyngcnthnsungepnthithitnidtharachkarxyu txmainchwngthinkhrewiyngcnthnthukkxngthphcakkrungthnburirukraneelakalngcathukyud ephiyemuxngeephncungideeykcakkhrxbkhrwkhxngtnxphyphlihniphyklbmaphankthithinthanedimsungepnthinkaenidkhxngtn xyangemuxngthngsriphumihruxemuxngsuwrrnphumi eelwcungklbmatharachkarepnkrmkaremuxngsuwrrnphumitamedim kxnthitxmacakhxeeyktwxxkcakemuxngsuwrrnphumiiptngemuxngkhunihmepnemuxngkhxneekn inewlatxmaxnickrrmephiyemuxngaephnpkkhrxngemuxngkhxnaeknnan 22 picungthungaekxnickrrm thawcamphubutrrbtaaehnngphrankhrsribrirksecaemuxng enuxngcakbanbungbxntngiklchidemuxngchlbthcungyayemuxngip n dxnphnchatihruxdngphnchatipccubnkhuxbanonnemuxng tablaephng xaephxoksumphisy cnghwdmhasarkhamthayathephiyemuxngaephnmibutrthida 3 hrux 5 thankhux ecanangkhaaewn thawesux phrasnmexkinrchkalthi 1 immiphrarachoxrsphrarachthida phrankhrsribrirks thawcam ecaemuxngkhxnaeknladb 2 mibutrthida 7 thankhux phrankhrsribrirks thawxinhruxxinthiwngs hruxecasphthung ecaemuxngkhxnaeknladb 3 mibutrthida 6 thankhux thawrachwngs impraktnam thungaekkrrmaethnum thawphuchwy impraktnam thungaekkrrmaethnum phraphithkssarnikhm thawhnuhlahruxthawhla pldemuxngkhxnaekn phuwarachkaremuxngkhxnaeknladb 2 tnskulsunthrphithksaelaxuphad miphriya 2 thanaelamibutrthida 4 thankhux thawkaw ipxyuemuxngkalsinthu ekidaetphriyathanaerk nayocm sunthrphithks r t t ehriyy sunthrphithks nayekhiyn sunthrphithks 3 thanhlngekidaetphriyathanthi 2 imthrabnam thungaekkrrmaeteyaw nangaethng nangsxn thawmung hruxecasphkkkrabk rksakarecaemuxngkhxnaekn mibutrthida 4 thankhux thawrachwngs thawxum nangephuxk aelanangkxm nangnxy smrskbephiywrbutrkrmkaremuxngkhxnaeknbutrephiyemuxngaephn mibutrthida 5 thankhux thawsrithn hruxyaphxthawephchr phrayankhrsribrirksbrmrachphkdisrisuphsunthr thawxuhruxxu tnskulnkhrsribrirks ecaemuxngkhxnaeknladbsudthayaelaphuwarachkaremuxngkhxnaeknthanaerk phayhlnglaxxkcakrachkar aelaidrboprdekla aetngtngepncangwangkakbrachkaremuxngkhxnaekn miphriyahlaythanaelamithidaephiyng 1 thankhux nangpthumethwa nkhrsribrirks nangprathum nkhrsri ekidaetyaaemtha smrskbnaythxngdi esrsthphumirinthr mibutrthida 1 thankhux thxngsukh esrsthphumirinthr nangsuy nangkhaphiw nangsida thawxun nangbuythn phueliyngduphrayankhrsribrirksbrmrachphkdisrisuphsunthr thawxu impraktnam thungaekkrrmaeteyaw impraktnam thungaekkrrmaeteyaw ephiywrbutr krmkaremuxngkhxnaekn smrskbnangnxythidaphrankhrsribrirks thawxin thawpham thidaimpraktnam hmxmkhxngphrankhrsribrirks thawkhabngbangwakhabnghruxkhabung ecaemuxngkhxnaekn mibutrthida 2 thankhux xuphad thawsuwn emuxngkhxnaekn mibutr 1 thankhux rachbutr thawcnthchmphu emuxngkhxnaekn rachwngs thawcnsisurach emuxngkhxnaeknxnusawriychawkhxnaeknphrxmknsrangxnusawriyphrankhrsribrirkskhunin ph s 2525 n thisehnuxrimbungaeknnkhr briewnsnam ec si edim khangsthaniothrthsnchxng 11 xnusawriyxikaehngpradisthan n wdthatu phraxaramhlwng odycaruknamyswaphrayasrinkhrbrirksxangxingrachbnthitysthan saranukrmprawtisastrithy elm 2 xksr kh c chbbrachbnthitysthan krungethph kxngthrrmsastraelakaremuxng 2545 hna 9 exksar r 5 m 2 12k 1 92 ibbxkemuxngkhxnaekn ekhiynthiwarachkaremuxngkhxnaeknfayemuxngedim 28 emsayn r s 109 rachbnthitysthan prachumcarukwdphraechtuphn thrngphrakrunaoprdekla ihphimphinnganphrarachthanephlingsph smedcphraxriywngsakhtyan smedcphrasngkhrach pun pun nsiri n emruhnaphlbphlaxisriyaphrn wdethphsirinthrawas wnthi 23 emsayn phuththskrach 2517 krungethph hanghunswncakd siwphr 2517 hna 190 etim wiphakhyphcnkic prawtisastrxisan phimphkhrngthi 3 krungethph sankphimphmhawithyalythrrmsastrrwmkbmulnithiokhrngkartarasngkhmsastraelamnusysastr 2542 hna 265 carubutr eruxngsuwrrn khxngdixisan phimphkhrngthi 4 krungethph orngphimphkarsasna 2520 hna 47 etim singhsthit bththi 55 khahlwngethsaphibal in fngkhwaaemnaokhng elmsxng phrankhr khlngwithya 2499 hna 364 thxngsukh esrsthphumirinthr prawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn phimphepnxnusrninnganchapnkicsph khunaemprathum nkhrsri n emruwdhnxngaewng emuxngeka cnghwdkhxnaekn wnthi 21 minakhm ph s 2508 khxnaekn m p ph 2508 hna echuxsaytrakulnkhrsribrirks xditecaemuxngkhxnaekn bristhmngkhlkarphimphaelaokhsna cakd khxnaekn Contributed articles on the cultural aspects of Khon Kaen Province Thailand khxnaekn bristhmngkhlkarphimphaelaokhsna cakd 2529 hna 37 hlkthanfngemuxnghnxngkhayekhaicwaemuxngthurkhmhngssthitythuktngemuxsmy r 3 miphrawichithngsphiisybutrphrapthumethwaphibalecaemuxnghnxngkhayepnecaemuxngthaneerkodykhunkbemuxnghnxngkhay khnannewiyngcnthnimidkhngkhwamepnemuxngenuxngcakthukthphsyamthalayeelayubxanackrlng epnemuxngrangkhuntrngtxhnxngkhayechnediywkbthurkhmhngssthity xacepnipimidthiephiyemuxngeephncamacakemuxngthurkhmeelaekhyepnkrmkaremuxnghruxepnechuxecaemuxngthurkhmhngssthity hakxingtamkarxphyphxxkcakkaeephngnkhrewiyngcnthnkxacimidepnechuxkstriyhruxxacepnechuxsaykhunnangewiyngcnthnchnphunxythisngbutrsawipepnnangkanlhruxbathcarikaeekkstriylawewiyngcnthn sungepnthrrmeniymkhxngkhunnangephuxpraoychnthangtaeehnngkaremuxng taaehnngephiyemuxngaephnkhuxkrmkarhruxkhuxbankhangemuxngphuchwyxayasi sankrachelkhathikar phratahnkcitrldarohthan rayngankarprachumesnabdispha r s 111 elm 1 3 nganphrarachthanephlingsph hmxmhlwngthwisnt ldawly n emruhlwngwdethphsirinthrawas 19 emsayn 2550 krungethph xmrinthrphrintingaexndphblichching 2550 hna 456 xaphr smxasa phrapld taraxisan tananrxyexd krungethph mhaculalngkrnrachwithyaly 2543 hna 44 thayathbutrhlansayxaephxsuwrrnphumi cnghwdrxyexd sungepnechuxsayecacaryaekwehnwaephiyemuxngaephnsubechuxsayecanaylawcakecacaryeekwphutngemuxngthngsriphumi xaephxsuwrrnphumi cnghwdrxyexdinpccubn pramwl phimphesn singaewdlxmsilpkrrmnaethiywkhxnaekn khxnaekn hnwyxnurkssingaewdlxmthxngthincnghwdkhxnaekn 2540 hna 10 ewnisa esniwngs ecacxmsyam krungethph bristh iphlinbukhent cakd mhachn 2560 hna 45 47 exnk nawikmul ecanaychawsyam Siamese nobilities krungethph aesngdaw 2550 hna 166 185 186 duraylaexiydin crsphrptiphan phraxngkhecachay krmhmuncruyorcneruxngsri xnusrnnganphrarachthanephlingsph hmxmrachwngs phuneruxngsri wchriwngs epnkrniphiess n emruwdphrasrimhathatuwrmhawihar krungethphmhankhr wnxngkharthi 14 knyayn 2542 xnuwithy wchriwngs hmxmrachwngs brrnathikar krungethph wdphrasrimhathatuwrmhawihar krungethphmhankhr 2542 155 hna edimephiyemuxngaephnnathidaipthwayepnnangkhahlwngecanangekhiywkhxm ekhiywkhxm phrakhnistha nxngsaw khxngsmedcphraecaxnuwngsaehngewiyngcnthn raw ph s 2321 c s 1140 thxngsukh esrsthphumirinthr prawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn phimphepnxnusrninnganchapnkicsph khunaemprathum nkhrsri n emruwdhnxngaewng emuxngeka cnghwdkhxnaekn wnthi 21 minakhm ph s 2508 hna 2 phngsawdaremuxngnan echiyngihm thnuchphrinting orngphimphdaw 2543 n 62 phrayakhtiywngsa ehla nrxyexc phngsawdarphakhxisan chabbkhxngphrayakhtiywngsa ehla nrxyexc krungethph srihngs 2432 n 8 9 cdhmayphrarachkicraywn phrarachniphnthinphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw phakh 23 krungethph krmsilpakr 2420 https siam wiki content E0 B8 9E E0 B8 A3 E0 B8 B0 E0 B8 9B E0 B8 97 E0 B8 B8 E0 B8 A1 E0 B9 80 E0 B8 97 E0 B8 A7 E0 B8 B2 E0 B8 A0 E0 B8 B4 E0 B8 9A E0 B8 B2 E0 B8 A5 20 E0 B8 9A E0 B8 B8 E0 B8 8D E0 B8 A1 E0 B8 B2 20 E0 B8 93 20 E0 B8 AB E0 B8 99 E0 B8 AD E0 B8 87 E0 B8 84 E0 B8 B2 E0 B8 A2 E0 B8 9A E0 B8 B8 E0 B8 95 E0 B8 A3 html exksarbangaehngrabuwaephiyemuxngaephnbanchiohlnepnhlanecaaekwbuhmhruxecaaekwmngkhlhlngepnecaemuxngkhxnaeknideluxnepnphrayankhrbrirksecaemuxng xudm bwsri aelakhna ethiywxisan eriyberiyngodyyxycakphlnganwicy eruxng karphthnakarthxngethiywinphakhtawnxxkechiyngehnux rwmkbkhxmulaelawithikarcakexksarxun eriyberiyngodythwch punonthk khxnaekn sthabnwicyaelaphthna mhawithyalykhxnaekn snbsnunody xngkhkarbriharwiethskicaehngshrthxemrika USAID 2532 hna 99 aela duraylaexiydin chin xyudi obranwtthusthanthwphrarachxanackr cxmphl p phibulsngkhram oprdihphimphinnganchlxng 25 phuththstwrrs krungethph krmsilpakr 2500 393 hna aela sankngancnghwdkhxnaekn krathrwngmhadithy prawtimhadithyswnphumiphakh cnghwdkhxnaekn krungethph cindasadakhxngsn 2529 rungxrun thikhchunhethiyr aelawiilwrrn smosphn khalngthayinphasathincnghwdkhxnaekn rayngankarwicy khxnaekn khnamnusysastraelasngkhmsastr mhawithyalykhxnaekn 2531 hna 19 sirikul phichycumphl aelakhna aehlngthxngethiywxisanbn krungethph kxngobrankhdi krmsilpakr 2534 hna 31 bungbxnbandxnphyxmemuxngephiypccubntunekhinepnthinaaetmitnbxnkhunxyucanwnmak withyalykarxachiphbaniph khxmulcnghwd xaephx khxmulprawticnghwdkhxnaekn khxnaekn withyalykarxachiphbaniph m p p hna 82 83 darartn emttarikannth karemuxngsxngfngokhng ngankhnkhwawicyradbpriyyaexkkhxngculalngkrnmhawithyaly eruxngkarrwmklumthangkaremuxngkhxng s s xisan ph s 2476 2494 krungethph mtichn 2546 hna 56 duraylaexiydin darartn emttarikannth prawttisastrthxngthin khxnaekn okhrngkarphlitexksarthangwichakar sakhaprawtisastraelaobrankhdi khnamnusysastraelasngkhmsastr mhawithyalykhxnaekn 2548 176 hna bangwaxphyphsulawfngkhwaemux ph s 2318 c s 1137 thxngsukh esrsthphumirinthr prawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn phimphepnxnusrninnganchapnkicsph khunaemprathum nkhrsri n emruwdhnxngaewng emuxngeka cnghwdkhxnaekn wnthi 21 minakhm ph s 2508 hna 2 ephiyemuxngaephnxphyphmaxyulawfngkhwahlngecaphrawxecaphrataxphyphmaxyuemuxnghnxngbwlumphuraw 3 pi eruxngediywkn hna 7 phisitth buyichy skyphaphkarwangaephnkarphthnakarthxngethiywkhxngklumcnghwdrxyaeknsar karsuksaaehlngthxngethiywthangwthnthrrmodyichrabbthankhxmulsarsnethsthangphumisastr GIS cnghwdkhxnaekn rayngankarwicy mhasarkham okhrngkartamaephnphthnayuththsastrkarphthnaklumcnghwdrxyaeknsar pingbpraman 2548 thnwakhm 2548 sthabnwicysilpaaelawthnthrrmxisan mhawithyalymhasarkham 2548 hna 8 bangwabandxnkraethiym praomthy thsnasuwrrn rkemuxngithy ethiywemuxngithy krungethph syam 2523 hna 243 xaphn kicngam aelakhna tananaelanithanphunbanxisan niti aesngwnn aelakhna khnabrrnathikar krungethph kxngobrankhdi krmsilpakr 2531 hna 136 ekrikvththi echuxmngkhl law cakkrungsristnakhnhutsu spp law phlikhnaprawtisastrrawlukkhxngpraethsbanphiemuxngnxng krungethph ephchrprakay 2558 hna 148 krmsilpakr prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 9 khnakrrmkarxanwykarcdnganchlxngsirirachsmbtikhrb 50 pi krungethph sankwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr 2553 hna 466 snnisthanwaecanangekhiywkhxmhmaythungecanangaekwyxdfaklyanisrikstriyhruxecaxngkhnang duraylaexiydin phngsawdaremuxngyosthr in krmsilpakr prachumphngsawdar phakhthi 70 eruxng emuxngnkhrcapaskdi phimphaeckinnganphrarachthanephlingsph hmxmecahyingkhxytha praomch n emruwdethphsirinthrawas wnthi 26 minakhm ph s 2484 phrankhr orngphimphphracnthr 2484 hna 138 139 sila wirawngs eriyberiyng prawtisastrlaw silpwthnthrrmchbbphiess aeplepnphasaithyody smhmay eprmcitt phimphkhrngthi 2 krungethph bristh mtichn cakd mhachn 2539 hna 151 aela sila wirawngs mha eriyberiyng phngsawdanlaw ewiyngcnthn sankngan s thrrmphkdi 2496 hna 161 suwithy thirsaswt prawtisastresrsthkicchumchnhmubanxisan 2488 2544 krungethph srangsrrkh 2546 hna 38 pccubnkhuxbanemuxngeka kvsna sinichy aedndinthinithy chuxbannamemuxng krungethph phimphkha 2545 hna 33 nrwthn cxmsuwrrn khxnaeknemuxnghmxaekhnchlxng 200 pisudyxd sunysarniethsxisansirinthr elkhthaebiyn 3871 ithyophst phvscikayn 2539 9 1 krmsilpakr prachumphngsawdarphakh 4 aelaprawtithxngthicnghwdmhasarkham phimphepnxnusrninnganphrarachthanephlingsph phrasarkhammuni sar phwphutannth ecakhnacnghwdmhasarkham 8 minakhm 2506 phrankhr orngphimphswnthxngthin 2506 hna 43 rabbthankhxmulsilpaaelawthnthrrmthxngthin kk mcu ac th phisith wisit thpy oy phramha khunkhakhxngphrathatuecdiythimitxwithichiwitkhxngprachachnincnghwdkhxnaekn rxyexd aelamhasarkham Journal of Buddhist Education and Research mhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly withyaekhtkhxnaekn pithi 5 chbbthi 2 krkdakhm thnwakhm 2562 248 sumitraixyra phvtikrrmaelakhwamphungphxickhxngnkthxngethiywchawithythimitxwdphramhathatuaeknnkhr xaephxemuxng cnghwdkhxnaekn wichakaraelawicy mhawithyalyphakhtawnxxkechiyngehnux pithi 8 chbbthi 1 mkrakhm emsayn 2561 59 raysmchun hxnsa cueniyr phumihlngaelakhtichnwithyathiekiywkhxngkbsthanthisakhykhxngchumchnemuxngrxbbungaeknnkhr sankbrikarwichakar mhawithyalykhxnaekn pithi 10 chbbthi 3 krkdakhm knyayn 2545 56 57 thsphl cngphanichykul brrnathikar phraphuththrup mrdklakhakhxngemuxngithy Buddha images Thailand s precious heritage krungethph khxmma 2546 hna 265 tanankhwamsmphnthekiywkbphralbaelaphuminamsthanthisakhyxun duraylaexiydin phradr rtnkul eriyberiyng silpaehnglumaemnaokhng tananxiththivththi prabhx xinodcin l thirachy thnaesrsth brrnathikar krungethph thirkic praethsithy cakd 2537 hna 17 hxphuththsilp mhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly withyaekhtkhxnaekn prawtiphralb phraphuththrupskdisiththikhubankhuemuxngkhxnaekn prbprungodybuchitr omkhrtn khxnaekn okhrngkar KM hxphuththsilpodymhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly withyaekhtkhxnaekn 2553 hna 1 xdsaena itrethph ikrngu hlwngphxphralbwdthatu phrakhubankhuemuxngkhxnaekn thxngipinaednthrrm khmchdluk 22 phvscikayn 2556 1 hxphuththsilp mhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly withyaekhtkhxnaekn prawtiphralb phraphuththrupskdisiththikhubankhuemuxngkhxnaekn hna 1 xdsaena hlkthanbangaehngrabuwaepnecaemuxngkhxnaeknin ph s 2335 xariyanuwtr ekhmcari phra ehlakxemuxngpthmxisan emuxngthungsrikhrphumi 2 krkdakhm 2526 mhasarkham m p ph 2526 hna 5 6 xdsaena xnuchit singhsuwrrn prawtisastrniphnthxisan ph s 2475 thungsinthswrrs 2520 withyaniphnthxksrsastrmhabnthit sakhawichaprawtisastrsuksa bnthitwithyaly mhawithyalysilpakr 2553 hna 151 152 pramwl phimphesn bnthukprawtisastremuxngkhxnaekn epidephyhlkthankhxmulkartngemuxngkhxnaekn wiwthnakarkhxngemuxngkhxnaekn ehmaasahrbnkeriyn nksuksawichaprawtisastr wichathxngthinkhxngera ehmaasahrbchawkhxnaekn aelaprachachnphusnicthukthan cdphimphodysunywthnthrrmcnghwdkhxnaekn orngeriynklyanwtr khxnaekn phrathrrmkhnt 2541 hna 91 94 exksar r 5 m 2 12k 1 92 ibbxkemuxngkhxnaekn ekhiynthiwarachkaremuxngkhxnaeknfayemuxngedim 28 emsayn r s 109 khtiywngsa ehla nrxyexc phraya phngsawdarphakhxisan chabbkhxng phrayakhtiywngsa ehla nrxyexc phimphinnganplngsph nangsrisupha ot exiymsiri nechingbrmbrrpht wdsraeks emuxpimaesng ph s 2472 cdphimphodycruychwnaphthn phra phrankhr srihngs 2472 hna 13 prayur phrhmsakha n sklnkhr phucdphimph tananphrathatuechingchumcnghwdsklnkhr eriyberiyngody khunthiramysiththikar kuaekw phrhmsakha n sklnkhr aelaphngsawdarphakhxisan chbbkhxng phrayakhtiywngsa ehla n rxyexd phimphepnxnusrninnganchapnkicsph nangepliyn thiramysiththikar epliyn phrhmsakha n sklnkhr n chapnsthankxngthphbk wdosmnswihar wnthi 2 mithunayn 2509 phrankhr orngphimphswnthxngthin krmkarpkkhrxng 2509 hna 43 bangwa c s 1155 krmsilpakr prachumphngsawdar chbbhxsmudaehngchati elm 2 phrankhr kawhna 2507 hna 172 xmrwngswicitr hmxmrachwngspthm khencr hmxm 2458 phngsawdarhwemuxngmnthlxisan hmxmxmrwngswicitr m r w pthm khencr eriyberiyng phakhthi 1 khdcakprachumphngsawdar phakhthi 4 xamatyexk phrayasrisarwc chun phthrnawik m m th ch rtn w p r 4 phimphaeckinngansph phn phthrnawik phumarda emuxpiethaasptsk ph s 2458 wikisxrs xxniln aehlngthima https th wikisource org wiki E0 B8 9E E0 B8 87 E0 lingkesiy 8 thnwakhm 2563 xangin obrankhdisomsr prachumphngsawdar phakhthi 4 xamatyexk phrayasrisarwc chun phthrnawik m m th ch rtn w p r 4 phimphaeckinngansph phn phthrnawik phumarda emuxpiethaasptsk ph s 2458 krungethph osphnphiphrrththnakr thnnrachbphith 2458 enuxhaexksarbangswnkhngxangcakhnngsuxokhrngkradukintukhxnghmxmrachwngs khukvththi praomch sungepnexksarchnrxnginlksnamukhpathaechnkn duraylaexiydin khukvththi praomch m r w okhrngkradukintu phimphkhrngthi 5 krungethph dxkhya 2544 hna 11 19 thxngsukh esrsthphumirinthr prawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn phimphepnxnusrninnganchapnkicsph khunaemprathum nkhrsri n emruwdhnxngaewng emuxngeka cnghwdkhxnaekn wnthi 21 minakhm ph s 2508 hna 7 9 thxngsukh esrsthphumirinthr ehnwa c s 1151 ph s 2332 khuxskrachtngemuxngkhxnaeknthithuktxng swn c s 1159 ph s 2340 inchumnumphngsawdar prachumphngsawdar phakh 4 khladekhluxn eruxngediywkn hna 7 bangrabuwathawmunghruxmungidepnphrankhrsribrirksecaemuxngkhxnaeknthibanonnthnedimaelamiphinxng 3 thankhux rachbutr thawkhaphang phrankhrsribrirks thawxin ecaemuxngkhxnaekn aelastriimpraktnamsungsmrskbkbthawkhtiya thnghmdepnbutrthidaphrankhrsribrirks khaywng ecaemuxngkhxnaekn nxkcakniephiyemuxngaephnyngmihlannamwaphrarachwngsatxmaeluxnepnrachwngsemuxngkhxnaeknsungimthrabwaekidcakbutrthidathanid wirwly ngamsntikul brrnathikar suphwthy suphwar culphicarn khxekhiynephuxaesdngmuthitacitinoxkasthi phltri hmxmrachwngs suphwthy eksmsri mixayukhrb 6 rxb inphuththskrach 2547 krungethph sunyhnngsuxculalngkrnmhawithyaly 2547 hna 17 thxngsukh esrsthphumirinthr ekidwnsukrthi 28 phvsphakhm ph s 2463 ekidthicwnecaemuxngkhxnaekn tablemuxngeka xaephxemuxng cnghwdkhxnaekn smrskbwirtn aesbu emux 24 mithunayn ph s 2485 mithida 1 thankhux rxngsastracary rchnibul esrsphumirinthr thungaekkrrmwncnthrthi 4 minakhm 2545 ewla 09 58 n n orngphyabalsunykhxnaekn xayu 82 pi duraylaexiydin thxngsukh esrsthphumirinthr prawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn bnthukody thxngsukh esrsthphumirinthr phimphepnxnusrninnganchapnkicsph khuntathxngsukh esrsthphumirinthr n emruwdhnxngaewngphraxaramhlwng x emuxng c khxnaekn wnxathitythi 10 minakhm ph s 2545 khxnaekn m p p 2545 thxngsukh esrsthphumirinthr prawtitntrakulphrayankhrsribrirks xditphuwarachkaremuxngkhxnaekn ecaemuxngkhxnaekn phimphepnxnusrninnganchapnkicsph khunaemprathum nkhrsri n emruwdhnxngaewng emuxngeka cnghwdkhxnaekn wnthi 21 minakhm ph s 2508 hna prawti khunaemprathum nkhrsri echuxsaytrakulnkhrsribrirks xditecaemuxngkhxnaekn 1 3 13 16 22 28 hnwyxnurkssingaewdlxmthrrmchatiaelasilpkrrmthxngthincnghwdkhxnaekn orngeriynklyanwtr xnusawriyphrankhrsribrirksbrmrachphkdi khxnaekn sankngannoybayaelaaephnthrphyakrthrrmchatiaelasingaewdlxm aelasankcdkarsingaewdlxmthrrmchatiaelasilpkrrm 2562 hna 1 xdsaena sankngancdhangancnghwdkhxnaekn thimakhxngcnghwdkhxnaekn khxnaekn sankngancdhangancnghwdkhxnaekn salaprachakhmcnghwdkhxnaekn 2553 hna 1 xdsaena duraylaexiydin impraktnam prawtisastrcnghwdkhxnaeknaelananasarkhdi thiralukinkarepidxnusawriyphrankhrsribrirks ephiyemuxngaephn khxnaekn khlngnanawithya 2525