ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เบริลเลียม (อังกฤษ: Beryllium) เป็นธาตุในตารางธาตุที่มีสัญลักษณ์ Be และเลขอะตอม 4 เป็นธาตุที่มีพิษ น้ำหนักอะตอม 9.0122 amu จุดหลอมเหลว 1287°C จุดเดือด (โดยประมาณ) 2970°C ความหนาแน่น (จากการคำนวณ) 1.85 g/cm3 + 2 เบริลเลียมเป็นโลหะแอลคาไลน์เอิร์ธ มีสีเทาเหมือนเหล็ก แข็งแรง น้ำหนักเบา แต่เปราะ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นตัวที่ทำให้โลหะผสมแข็งขึ้น (โดยเฉพาะ)
เบริลเลียม | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Pronunciation | /bəˈrɪliəm/ | ||||||||||||||
Appearance | โลหะแข็งสีเทาขาว | ||||||||||||||
Standard atomic weight Ar°(Be) | |||||||||||||||
| |||||||||||||||
เบริลเลียม in the periodic table | |||||||||||||||
| |||||||||||||||
Group | group 2 (alkaline earth metals) | ||||||||||||||
Period | period 2 | ||||||||||||||
[He] 2s2 | |||||||||||||||
Electrons per shell | 2, 2 | ||||||||||||||
Physical properties | |||||||||||||||
at STP | ของแข็ง | ||||||||||||||
Melting point | 1560 K (1287 °C, 2349 °F) | ||||||||||||||
Boiling point | 2741 K (2468 °C, 4474 °F) | ||||||||||||||
Density (near r.t.) | 1.85 g/cm3 | ||||||||||||||
when liquid (at m.p.) | 1.690 g/cm3 | ||||||||||||||
(extrapolated) 5205 K, MPa | |||||||||||||||
Heat of fusion | 12.2 | ||||||||||||||
297 kJ/mol | |||||||||||||||
16.443 J/(mol·K) | |||||||||||||||
| |||||||||||||||
Atomic properties | |||||||||||||||
0, +1,+2 (an oxide) | |||||||||||||||
Electronegativity | Pauling scale: 1.57 | ||||||||||||||
empirical: 112 | |||||||||||||||
pm | |||||||||||||||
153 pm | |||||||||||||||
Spectral lines of เบริลเลียม | |||||||||||||||
Other properties | |||||||||||||||
Natural occurrence | primordial | ||||||||||||||
เฮกซะโกนัลปิดบรรจุ | |||||||||||||||
thin rod | 12890 m/s (at r.t.) | ||||||||||||||
11.3 µm/(m⋅K) (at 25 °C) | |||||||||||||||
200 W/(m⋅K) | |||||||||||||||
36 n Ω⋅m (at 20 °C) | |||||||||||||||
Magnetic ordering | ไดอะแมกเนติก | ||||||||||||||
287 GPa | |||||||||||||||
132 GPa | |||||||||||||||
130 GPa | |||||||||||||||
Poisson ratio | 0.032 | ||||||||||||||
5.5 | |||||||||||||||
1670 MPa | |||||||||||||||
600 MPa | |||||||||||||||
7440-41-7 | |||||||||||||||
History | |||||||||||||||
(1797) | |||||||||||||||
First isolation | Friedrich Wöhler & (1828) | ||||||||||||||
Template:infobox เบริลเลียม isotopes does not exist | |||||||||||||||
รากศัพท์
เดิม Louis-Nicolas Vauquelin ตั้งชื่อว่า กลูซิเนียม ( สัญลักษณ์อดีด Gl, glucinium ) มาจากภาษากรีก glykys แปลว่า “หวาน” เนื่องจากสารประกอบเบริลเลียมมีความหวาน ในปี ค.ศ. 1828 Martin Heinrich Klaproth ตั้งชื่อว่า เบริลเลียม ตามชื่อแร่ เบริล ( Beryl, ภาษากรีก Beryllos )
การค้นพบ
ในการวิเคราะห์ช่วงแรก แร่เบริลกับมรกตพบสารที่คล้ายคลึงกัน จึงสรุปผิดเป็นอะลูมิเนียมซิลิเคต และนักแร่วิทยา René Just Haüy พบว่าแร่สองชนิตนี้มีโครงสร้างผลึกที่คล้ายกันมาก จึงพบนักเคมี Louis-Nicolas Vauquelin เพื่อวิเคราะห์แร่ทางเคมี ในปี ค.ศ. 1797 Vauquelin แยกสารประกอบเบริลเลียมออกจากอะลูมิเนียมโดยนำแร่เบริลปฏิกิริยากับเบสจนเกิดการหลอมเหลวของอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์
ปี ค.ศ. 1828 Friedrich Wöhler และ Antoine Busy ต่างก็สามารถแยกธาตุเบริลเลียมด้วยวิธีปฏิกิริยาโลหะโพแทสเซียมกับเบริลเลียมคลอไรด์
วิธีนี้สามารถสร้างได้แค่เม็ดโลหะเบริลเลียมขนาดเล็กเนื่องจากผลิตโพแทสเซียมด้วยวิธีการแยกด้วยไฟฟ้าจากสารประกอบโพแทสเซียมจึงไม่สามารถสร้างแท่งโลหะเบริลเลียมด้วยวิธีหล่อหรือวิธีตีรูป ปี ค.ศ. 1898 Paul Lebeau เก็บตัวอย่างโลหะเบริลเลียมบริสุทธิ์ด้วยวิธีการแยกด้วยไฟฟ้าของสารละลายเบริลเลียมฟลูออไรด์และโซเดียมฟลูออไรด์ ในศตวรรษที่ 19 เมื่อพบสารประกอบเบริลลียมใหม่ นอกจากรายงานจุดหลอมเหลวกับค่าการละลายแล้วยังรายงานรสชาติเป็นเรื่องปกติ
การผลิตเบริลเลียมมีตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่เริ่มผลิตปริมาณมากในต้นทศวรรษ 1930 ปริมาณผลิตของเบริลเลียมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเนื่องจากความต้องการของโลหะผสมเบริลเลียมที่แข็งแรงและสารเรืองแสงบนหลอดฟลูออเรสเซนต์เพิ่ม หลอดฟลูออเรสเซนต์ช่วงแรกใช้สารออร์โทซิงค์ซิลิเคตที่ผสมเบริลเลียมแต่หลังจากพบความเป็นพิษ ใช้สารประเภทฮาโลฟอสเฟตเป็นสารเรืองสารแทน การใช้เบริลเลียมในช่วงแรกยังใช้เป็นเบรกของเครื่องบินทหารเนื่องจากมีความแข็ง จุดหลอมแหลวสูง และมีความสามารถในการระบายความร้อนสูง แต่ด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจึงแทนเป็นวัสดุอื่น ๆ
ลักษณะ
เบริลเลียมผลิตจากแร่ธาตุอย่างแร่เบริล แร่เบริลเป็นแร่รัตนชาติที่มีชื่อเรียกอื่นว่า อะความารีน และ มรกต ตามสีที่เกิดจากสิ่งเจือปนในแร่ โครงสร้างผลึกที่เสถียรสุดในอุณหภูมิและความดันปกติคือ Hexagonal close-packed โลหะบริสุทธิ์มีสีเทาขาว และเมื่ออยู่ในอากาศจะเกิดชั้นออกไซด์ ทำให้อยู่อย่างเสถียร มีค่าความแข็งในระดับ 6 ถึง 7 ในมาตราโมสซึ่งแข็งและเปราะในอุณหภูมิห้อง และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ความเหนียวจะเพิ่มขึ้น สามารถละลายในทั้งสภาวะกรดและเบส ไอโซโทปที่เสถียรของเบริลเลียมไม่ได้สังเคราะห์ด้วยการสังเคราะห์นิวเคลียสในดาวฤกษ์แต่สังเคราะห์จากการแตกเป็นเสี่ยงโดยรังสีคอสมิกของธาตุหนักอย่างคาร์บอนและไนโตรเจน
ในตารางธาตุ เบริลเลียมจัดอยู่ในธาตุหมู่ 2 แต่มีสมบัติคล้ายกับอะลูมิเนียมที่อยู่ในธาตุหมู่ 13 มากกว่าแคลเซียมและสตรอนเซียมที่อยู่ในหมู่เดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมและสตรอนเซียมเมื่อตรวจสีเปลวไฟจะมีสีแต่เบริลเลียมไม่มีสี จึงมีบางครั้งไม่จัดเบริลเลียมอยู่ในธาตุโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท ถึงแม้จัดอย่ในธาตุหมู่ 2 นอกจากนั้นสารประกอบไบนารีของเบริลเลียมมีโครงสร้างคล้ายกับของสังกะสี
สมบัติทางกายภาพ
เบริลเลียมมีไอโซโทปที่เสถียรอยู่ 2 ไอโซโทป และในอุณหภูมิและความดันปกติ ( ที่อุณหภูมิและความดันปกติมาตรฐาน ) มีโครงสร้างผลึกที่เสถียรที่สุดคือ Hexagonal close-packed ซึ่งมีค่าคงที่แลตทิซเป็น a=2.268Å, b=3.594Å เมื่ออยู่ในสภาวะอุณหภูมิสูง โครงสร้างผลึกแบบ Body-centered cubic จะเสถียรมากที่สุด มีค่าความแข็งในระดับ 6 ถึง7 ในมาตราโมสเป็นค่าที่แข็งสุดในธาตุหมู่ 2 แต่เปราะจนสามารถทำเป็งผงโดยการทุบตีได้ อย่างไรก็ตาม เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นความเหนียวจะเพิ่มขึ้น จึงมีความสามารถทางเครื่องกลสูง เหมาะสำหรับการใช้ในงานที่อุณหภูมิสูงอย่างเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่น แต่ใช้ในงานเช่นนี้ กรณีอุณหภูมิต่ำกว่า 400°C สมบัติความเหนียวจะต่ำลงถึงขั้นมีปัญหาในการใช้งาน ความถ่วงจำเพาะเท่ากับ 1.816 จุดหลอมเหลวเท่ากับ 1,284°C จุดเดือดเท่ากับ 2,767°C
เบริลเลียมมีค่ามอดูลัสของยังเท่ากับ 287GPa เป็นค่าที่มากกว่าค่ามอดูลัสของยังของเหล็กถึง 50 ดังนั้นมีความทนทานต่อการหักงอสูง ค่ามอดูลัสของยังที่สูงแสดงถึงความแข็งแกร่งของเบริลเลียมดีมาก และมีความเสถียรสูงในสภาวะที่ภารทางความร้อนมากจึงนิยมใช้เป็นชิ้นส่วนโครงสร้างของยานอวกาศและอากาศยาน นอกจากนั้นค่ามอดูลัสของยังที่สูงและเบริลเลียมมีความหนาแน่นค่อนข้างต่ำ ทำให้สมบัติการนำเสียงสูงถึงประมาณ 12.9 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งค่านี้เปลี่ยนแปลงตามสิ่งแวดล้อม จากสมบัตินี้นิยมใช้เป็นแผ่นสั่นของลำโพงหรือเครื่องเสียงอื่น ๆ
สมบัติทางเคมี
ธาตุเบริลเลียมมีความสามารถในการปฏิกิริยารีดักชันสูง ศักยภาพการเกิดรีดักชันE0มีค่าเท่ากับ -1.85V ซึ่งค่านี้เกิดจากแนวโน้มเกิดเป็นไอออนที่สูงกว่าอะลูมิเนียมจึงคาดว่ามีความสามารถในปฏิกิริยา แต่พื้นผิวจะเกิดชั้นออกไซด์ที่เสถียรจึงไม่เกิดปฏิกิริยากับน้ำและออกซิเจน แต่เมื่อเกิดปฏิกิริยาแล้วจะเกิดปฏิกิริยาเผาไหม้และได้สารผสมเบริลเลียมออกไซด์และเบริลเลียมไนไตรด์
เบริลเลียมที่มีชั้นออกไซด์จะมีความต้านทานกับกรด แต่เมื่อเบริลเลียมที่เอาชั้นออกไซด์ออกแล้วปฏิกิริยากับกรดที่มีความสามารถในการออกซิเดชันน้อยจะเกิดปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว ถ้าปฏิกิริยากับกรดที่มีความสามารถในการออกซิเดชันมากจะปฏิกิริยาช้า และปฏิกิริยากับเบสแก่จะเกิดไอออนและแก๊สไฮโดรเจน ซึ่งมีสมบัติคล้ายกับอะลูมิเนียม เบริลเลียมยังสามารถปฏิกิริยากับน้ำเกิดไฮโดรเจนและเบริลเลียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งเบริลเลียมไฮดรอกไซด์มีค่าการละลายต่ำและติดกับผิวเบริลเลียมจึงไม่เกิดปฏิกิริยาต่อเมื่อเบริลเลียมบริเวณพื้นผิวปฏิกิริยาทั้งหมด
การจัดเรียงอิเล็กตรอนของเบลิเลียมคือ[He]2s2 เบริลเลียมมีพลังงานไอออไนเซชันสูงเมื่อเทียบกับขนาดอะตอม เบริลเลียมจึงยากที่จะเกิดเป็นไอออนและทำให้สารประกอบของเบริลเลียมเกิดพันธะโคเวเลนต์ สาเหตุอีกอย่างคือเกิดจากความหนาแน่นประจุสูง จาก ไอออนบวกที่ขนาดเล็กและมีความหนาแน่นประจุสูงจะดึงเวเลนซ์อิเล็กตรอนของไอออนบวก ( เรียกว่าโพลาไรซ์ ) ทำให้เกิดพันธะโคเวเลนต์ เบริลเลียมมีขนาดเล็กและมีประจุ 2+ จึงเกิดพันธะโคเวเลนต์ ธาตุในคาบที่ 2 มีแนวโน้มของพลังงานไอออไนเซชันตามมวลอะตอม แต่เบริลเลียมมีพลังงานไอออไนเซชันสูงกว่าโบรอนที่มีมวลมากกว่า สาเหตุเกิดจากเวเลนซ์อิเล็กตรอนของเบริลเลียมอยู่ในออร์บิทัล2s และเวเลนซ์อิเล็กตรอนของโบรอนอยู่ในออร์บิทัล2p อิเล็กตรอนในออร์บิทัล2pจะรับผลกระทบจากปรากฏการณ์การบังของอิเล็กตรอน(Shielding effect)ทำให้พลังงานไอออไนเซชันของอิเล็กตรอนในออร์บิทัล2pลดลง แต่อิเล้กตรอนในออร์บิทัล2sจะไม่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการดังกล่าวจึงมีพลังงานไอออไนเซชันมากกว่าอิเล็กตรอนในออร์บิทัล2p เป็นสาเหตุที่เบริลเลียมมีพลังงานไอออไนเซชันมากกว่าโบรอน
สารเชิงซ้อนโคออร์ดิเนชันหรือไอออนเชิงซ้อนโคออร์ดิเนชันของเบริลเลียมส่วนใหญ่เกิด4พันธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ ยกตัวอย่างเช่น , EDTAจะเกิดเป็นลิแกนด์ของเบริลเลียมเกิดสารเชิงซ้อนทรงแปดหน้ามากกว่าลิแกนด์อื่นๆจึงนิยมใช้ในการวิเคราะห์สาร เช่น เมื่อเติมEDTAลงในสารเชิงซ้อนอะซิติลอะซิโตนกับเบริลเลียม EDTAจะเกิดสารเชิงซ้อนแทนที่อะซิติลอะซิโตนและอะซิติลอะซิโตนจะหลุดออก สามารถสกัดเบริลเลียมด้วยสารละลายได้ วิธีนี้อาจจะถูกรบกวนโดยไอออนบวกอื่นๆเช่นAl3+
การประยุกต์ใช้
- ใช้ในหลอดไฟเรืองแสง
- สปริงนาฬิกาซึ่งต้องต้านอำนาจแม่เหล็ก และรับแรงแปรอยู่ตลอดเวลานั้น ทำจากทองแดงผสมเบริลเลียม (Beryllium-Coppers Alloys)
- โลหะผสมนิกเกิล–เบริลเลียม (Ni-Be Alloys) แข็งมาก ทนการกัดกร่อนได้ดี ใช้ทำเครื่องมือผ่าตัด
- ใช้เป็นประโยชน์และวัตถุโครงสร้างของเท็คโนโลยีทางอวกาศ
- ใช้เป็นตัวโมเดอเรเตอร์ (moderator) และ reflector ในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
- ใช้ทำหน้าต่างพิเศษสำหรับหลอดรังสี -X
- โลหะเจือ Be–Cu ใช้เติมในเชื้อเพลิงจรวด
ความอันตราย
เมื่อร่างกายได้รับเบริลเลียมจะมีความอันตรายจึงเป็นอุปสรรคต่อใช้ในเชิงพาณิชย์ เบริลเลียมมีการกัดกร่อนเนื้อเยื่อจนเกิดโรคเบริลเลียมเรื้อรังที่อันตรายถึงเสียชีวิต
ผลกระทบต่อร่างกาย
เบริลเลียมเป็นสารที่มีความอันตรายสูง ก่อโรคร้ายแรงต่อบริเวณปอดที่รู้จักกันในชื่อ Berylliosis โรคเบริลเลียมเรื้อรัง เบริลเลียมเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำและเป็นสารกัดกร่อนเนื้อเยื่อ เมื่อสูดดมสารประกอบที่ลาลายได้จะก่อโรคเบริลเลียมเฉียบพลันเป็นโรคกลุ่มปอดบวมทางเคมีเมื่อสัมผัสกับผิวโดยตรงเกิดอักเสบ
โรคเบริลเลียมเรื้อรัง (CBD) มีระยะฟักตัวตั้งแต่อาทิตย์ถึง 20 ปี อัตราเสียชีวิต 37%และถ้าเป็นหญิงตั้งครรภ์จะมีอัตรามากกว่า โดยทั่วไปแล้วโรคเบริลเลียมเรื้อรังเป็นโรคภูมิต้านตนเอง คาดมีคนที่รู้สึกโรคได้ต่ำกว่า 5% กลไกเกิดโรคคือ เบริลเลียมส่งผลต่อการทำงานของเอนไซม์ทำให้ยับยั้งการแบ่งเซลและเมแทบอลิซึม โรคโรคเบริลเลียมเรื้อรังมีอาการคล้ายกับโรค Sarcoidosis จึงแยกโรคนี้เป็นสำคัญต่อการวินิฉัยโรค
โดยทั่วไปแล้วโรคเบริลเลียมเฉียบพลันเป็นโรคปอดบวมทางเคมี มีกลไกเกิดโรคที่แตกต่างจากโรคเบริลเลียมเรื้อรังมีนิยามว่าเป็น "โรคปอดที่เกิดจากเบริลเลียมใน 1 ปี" และปริมาณเบริลเลียมที่ได้รับกับความหนักของอาการมีความสัมพันธ์กัน ทราบว่าเกิดโรคเมื่อมีความเข้มข้นเบริลเลียมสูงกว่า 1000μg/m3และ ไม่เกิดโรคเมื่อต่ำกว่า 100μg/m3
ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคโรคเบริลเลียมเฉียบพลันลดลงเนื่องจากมีการแก้ไขสภาพแวดล้อมการทำงานและตั้งเกณฑ์ แต่ยังเกิดโรคเบริลเลียมเรื้อรังจำนวนมากในอุตสาหกรรมที่ใช้เบริลเลียม พบว่ามีผู้ป่วยโรคในโรงงานที่รักษาเกณฑ์และคนที่ไม่ได้อยู่ในโรงงานยังได้รับเบริลเลียมจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล
องกรณ์ IARC ภายใต้ WHO ประกาศว่าเบริลเลียมและสารประกอบเบริลเลียมเป็นสารก่อมะเร็ง (Type1) สำนักงานประเมินความอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและอนามัยรัฐแคลิฟอร์เนีย(OEHHA)ได้คำนวณค่าเกณฑ์ความปลอดภับว่า 1μg/L และหน่วยงานสารพิษและทะเบียนโรคได้คำณวนเกณฑ์ความเสี่ยงต่ำสุดเท่ากับ 0.002 mg/kg/วัน เบริลเลียมไม่ได้เมตาบอลิซึมในร่างกายจึงเมื่อเข้าไปแล้วถ่ายออกได้น้อยและส่วนใหญ่สะสมในกระดูกและถ่ายออกทางปัสสวะ
ประวัติศาสตร์โรคเบริลเลียม
ค.ศ. 1933 มีรายงานว่าปอดบวมทางเคมีครั้งแรกที่เยอรมนี และต่อมา ค.ศ. 1946 มีรายงานโรคเบริลเลียมเรื้อรังที่สหรัฐอเมริกา โรคนี้พบมากในโรงงานผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์และโรงงานสกัดเบริลเลียมใน ค.ศ. 1949 จึงยกเลิกใช้เบริลเลียมในการผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์และต้นทศวรรษ 1950 มีการตั้งเกณฑ์ความเข้มข้นสูงสุดเป็น 25μg/m3 มีการแก้ไขสภาพแวดล้อมดังกล่าว จำนวนผู้ป่วยโรคเบริลเลียมเฉียบพลันลดลงอย่างรวดเร็วแต่ยังมีการใช้เบริลเลียมในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และอากาศยานและยานอวกาศ โลหะผสม การผลิตอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ค.ศ. 1952 สหรัฐอเมริกาเริ่มมีระบบจดทะเบียนโรคเบริลเลียมและก่อนปี ค.ศ. 1983 ได้จด 888 อาการ ในระบบนี้มีเกณฑ์วินิฉัย 6 เกณฑ์และถ้าตรงกับ 3 เกณฑ์จะถูกวินิฉัยเป็นโรคเบริลเลียมเรื้อรัง ในปี ค.ศ. 2001 ใช้เกณฑ์ที่ 3 เกณฑ์คือตรวจสอบทางจุลพยาธิวิทยาโดยการตัดเนื้อเยื่อในปอดและตรวจ ตรวสสอบ lymphocyte blast–transformation และตรวจระยะเวลาที่อยู่กับเบริลเลียม
เบริลเลียมนิยมใช้เป็นสารเร่งปฏิกิริยานิวเคลียร์ในระเบิดปรมณูจึงมีนักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระเบิดปรมณูหลายคนเสียชีวิตด้วยโรคเบริลเลียมเช่น นักฟิสิกส์สหรัฐอเมริกา Herbert L. Anderson ที่เกี่ยวข้องกับโครงการแมนฮัตตัน
ความสามารถการระเบิด
เบริลเลียมมีชั้นออกไซด์ห่อหุ้มจึงเป็นโลหะที่ไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยา แต่มีสมบัติที่เมื่อเกิดติดไฟแล้วจะเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็วจึงมีความเสี่ยงต่อเกิดการระเบิดฝุ่นเมื่อมีผงเบริลเลียมกระจายในอากาศ
แหล่งข้อมูลอื่น
- ATSDR Case Studies in Environmental Medicine: Beryllium Toxicity U.S. Department of Health and Human Services
- It's Elemental – Beryllium
- MSDS:
- Beryllium at The Periodic Table of Videos (University of Nottingham)
- National Institute for Occupational Safety and Health – Beryllium Page
- National Supplemental Screening Program (Oak Ridge Associated Universities)
รายการอ้างอิง
- "Standard Atomic Weights: Beryllium". . 2013.
- Be(0) has been observed; see "Beryllium(0) Complex Found". . 13 June 2016.
- "Beryllium: Beryllium(I) Hydride compound data" (PDF). bernath.uwaterloo.ca. สืบค้นเมื่อ 2007-12-10.
- Haynes, William M., บ.ก. (2011). (92nd ed.). . p. 14.48. ISBN .
- "Beryllium: Beryllium(I) Hydride compound data" (PDF). bernath.uwaterloo.ca. สืบค้นเมื่อ 2007-12-10.
- Vauquelin, Louis-Nicolas (1798), “De l'Aiguemarine, ou Béril; et découverie d'une terre nouvelle dans cette pierre”, Annales de Chimie (26): 155-169
- Wöhler, Friedrich (1828), “Ueber das Beryllium und Yttrium”, Annalen der Physik 89 (8): 577-582, Bibcode: 1828AnP....89..577W, doi:10.1002/andp.18280890805
- Bussy, Antoine (1828), “D'une travail qu'il a entrepris sur le glucinium”, Journal de Chimie Medicale (4): 456-457
- Genso o shiru jiten : Sentan zairyō eno nyūmon. Masato Murakami, 雅人 村上. Tōkyō: Kaimeisha. 2004. ISBN . OCLC 674895549.
{{}}
: CS1 maint: others () - Weeks, Mary Elvira (2003). The discovery of the elements. [Whitefish, Mont.]: Kessinger Pub. ISBN . OCLC 71322678.
- Muki kagaku. Geoffrey Rayner-Canham, T. Overton, hiroshi Nishihara, shigeru Takagi, hiroshi Moriyama, 寛 西原. 東京化学同人. 2009. ISBN . OCLC 1022213386.
{{}}
: CS1 maint: others () - Revolution in lamps : a chronicle of 50 years of progress. Raymond Kane, Heinz Sell (2nd ed.). Lilburn, GA: Fairmont Press. 2001. ISBN . OCLC 49570059.
{{}}
: CS1 maint: others () - Materials. P. Beiss, R. Ruthardt, Hans Warlimont, K. Yagi. Berlin: Springer. 2006. ISBN . OCLC 320545181.
{{}}
: CS1 maint: others () - "無機化学. 上巻 - 国立国会図書館デジタルコレクション". dl.ndl.go.jp. doi:10.11501/1377674.
- Lawrence A. Warner et al.. “Occurrence of nonpegmatite beryllium in the United States”. U.S. Geological Survey professional paper (United States Geological Survey) 318: 2
- Materials. P. Beiss, R. Ruthardt, Hans Warlimont, K. Yagi. Berlin: Springer. 2006. ISBN . OCLC 320545181.
{{}}
: CS1 maint: others () - Greenwood, N. N. (1997). Chemistry of the elements. A. Earnshaw (2nd ed.). Boston, Mass. ISBN . OCLC 48138330.
- Advanced inorganic chemistry. F. Albert Cotton, F. Albert Cotton (6th ed.). New York. 1999. ISBN . OCLC 39147745.
{{}}
: CS1 maint: others () - Advanced inorganic chemistry. F. Albert Cotton, F. Albert Cotton (6th ed.). New York. 1999. ISBN . OCLC 39147745.
{{}}
: CS1 maint: others () - Muki kagaku. Geoffrey Rayner-Canham, T. Overton, hiroshi Nishihara, shigeru Takagi, hiroshi Moriyama, 寛 西原. 東京化学同人. 2009. ISBN . OCLC 1022213386.
{{}}
: CS1 maint: others () - Butsuri kagaku. 002. Kazuaki Itō, 伊藤和明. Kyōto: Kagakudōjin. 2008. ISBN . OCLC 836103057.
{{}}
: CS1 maint: others () - Okutani, Tadao.; Tsuruta, Yasuhiro.; Sakuragawa, Akio. (1993-05-01). "Determination of a trace amount of beryllium in water samples by graphite furnace atomic absorption spectrometry after preconcentration and separation as a beryllium-acetylacetonate complex on activated carbon". Analytical Chemistry (ภาษาอังกฤษ). 65 (9): 1273–1276. doi:10.1021/ac00057a026. ISSN 0003-2700.
- Hardy, Harriet L. (1965-11-25). "Beryllium Poisoning — Lessons in Control of Man-Made Disease". New England Journal of Medicine (ภาษาอังกฤษ). 273 (22): 1188–1199. doi:10.1056/NEJM196511252732205. ISSN 0028-4793.
- "Beryllium and Beryllium Compounds". IARC Monograph. 58. International Agency for Research on Cancer. 1993. Retrieved 05 April 2021.
- NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0054". National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH).
- Luckey, T. D. (1977). Physiologic and Chemical Basis for Metal Toxicity. B. Venugopal. Boston, MA: Springer US. ISBN . OCLC 851759882.
- Emsley, John (2001). Nature's building blocks : an A-Z guide to the elements. Oxford: Oxford University Press. ISBN . OCLC 46984609.
- "Photograph of Chicago Pile One Scientists 1946". Office of Public Affairs, Argonne National Laboratory. 19 June 2006. Retrieved 05 April 2021.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-03-10.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud ebrileliym xngkvs Beryllium epnthatuintarangthatuthimisylksn Be aelaelkhxatxm 4 epnthatuthimiphis nahnkxatxm 9 0122 amu cudhlxmehlw 1287 C cudeduxd odypraman 2970 C khwamhnaaenn cakkarkhanwn 1 85 g cm3 2 ebrileliymepnolhaaexlkhailnexirth misiethaehmuxnehlk aekhngaerng nahnkeba aetepraa sungswnihyichepntwthithaiholhaphsmaekhngkhun odyechphaa ebrileliym 00BeebrileliymPronunciation b e ˈ r ɪ l i e m wbr be RIL ee em AppearanceolhaaekhngsiethakhawStandard atomic weight Ar Be 9 0121831 0 00000059 0122 0 0001 abridged ebrileliym in the periodic tableHydrogen HeliumLithium Beryllium Boron Carbon Nitrogen Oxygen Fluorine NeonSodium Magnesium Aluminium Silicon Phosphorus Sulfur Chlorine ArgonPotassium Calcium Scandium Titanium Vanadium Chromium Manganese Iron Cobalt Nickel Copper Zinc Gallium Germanium Arsenic Selenium Bromine KryptonRubidium Strontium Yttrium Zirconium Niobium Molybdenum Technetium Ruthenium Rhodium Palladium Silver Cadmium Indium Tin Antimony Tellurium Iodine XenonCaesium Barium Lanthanum Cerium Praseodymium Neodymium Promethium Samarium Europium Gadolinium Terbium Dysprosium Holmium Erbium Thulium Ytterbium Lutetium Hafnium Tantalum Tungsten Rhenium Osmium Iridium Platinum Gold Mercury element Thallium Lead Bismuth Polonium Astatine RadonFrancium Radium Actinium Thorium Protactinium Uranium Neptunium Plutonium Americium Curium Berkelium Californium Einsteinium Fermium Mendelevium Nobelium Lawrencium Rutherfordium Dubnium Seaborgium Bohrium Hassium Meitnerium Darmstadtium Roentgenium Copernicium Nihonium Flerovium Moscovium Livermorium Tennessine Oganesson Be Mgliethiym ebrileliym obrxnGroupgroup 2 alkaline earth metals Periodperiod 2 He 2s2Electrons per shell2 2Physical propertiesat STPkhxngaekhngMelting point1560 K 1287 C 2349 F Boiling point2741 K 2468 C 4474 F Density near r t 1 85 g cm3when liquid at m p 1 690 g cm3 extrapolated 5205 K MPaHeat of fusion12 2 297 kJ mol16 443 J mol K P Pa 1 10 100 1 k 10 k 100 kat T K 1462 1608 1791 2023 2327 2742Atomic properties0 1 2 an oxide ElectronegativityPauling scale 1 57empirical 112 pm153 pmColor lines in a spectral rangeSpectral lines of ebrileliymOther propertiesNatural occurrenceprimordial ehksaoknlpidbrrcuehksaoknlpidbrrcu crystal structure for ebrileliymthin rod12890 m s at r t 11 3 µm m K at 25 C 200 W m K 36 n W m at 20 C Magnetic orderingidxaaemkentik287 GPa132 GPa130 GPaPoisson ratio0 0325 51670 MPa600 MPa7440 41 7History 1797 First isolationFriedrich Wohler amp 1828 kTemplate infobox ebrileliym isotopes does not exist Category ebrileliym aek raksphthedim Louis Nicolas Vauquelin tngchuxwa klusieniym sylksnxdid Gl glucinium macakphasakrik glykys aeplwa hwan enuxngcaksarprakxbebrileliymmikhwamhwan inpi kh s 1828 Martin Heinrich Klaproth tngchuxwa ebrileliym tamchuxaer ebril Beryl phasakrik Beryllos karkhnphbinkarwiekhraahchwngaerk aerebrilkbmrktphbsarthikhlaykhlungkn cungsrupphidepnxalumieniymsiliekht aelankaerwithya Rene Just Hauy phbwaaersxngchnitnimiokhrngsrangphlukthikhlayknmak cungphbnkekhmi Louis Nicolas Vauquelin ephuxwiekhraahaerthangekhmi inpi kh s 1797 Vauquelin aeyksarprakxbebrileliymxxkcakxalumieniymodynaaerebrilptikiriyakbebscnekidkarhlxmehlwkhxngxalumieniymihdrxkisd pi kh s 1828 Friedrich Wohler aela Antoine Busy tangksamarthaeykthatuebrileliymdwywithiptikiriyaolhaophaethsesiymkbebrileliymkhlxird BeCl2 2K 2KCl Be displaystyle ce BeCl2 2K gt 2KCl Be withinisamarthsrangidaekhemdolhaebrileliymkhnadelkenuxngcakphlitophaethsesiymdwywithikaraeykdwyiffacaksarprakxbophaethsesiymcungimsamarthsrangaethngolhaebrileliymdwywithihlxhruxwithitirup pi kh s 1898 Paul Lebeau ekbtwxyangolhaebrileliymbrisuththidwywithikaraeykdwyiffakhxngsarlalayebrileliymfluxxirdaelaosediymfluxxird instwrrsthi 19 emuxphbsarprakxbebrilliymihm nxkcakrayngancudhlxmehlwkbkhakarlalayaelwyngraynganrschatiepneruxngpkti karphlitebrileliymmitngaetkxnsngkhramolkkhrngthihnung aeterimphlitprimanmakintnthswrrs 1930 primanphlitkhxngebrileliymephimmakkhunxyangrwderwinchwngsngkhramolkkhrngthisxngenuxngcakkhwamtxngkarkhxngolhaphsmebrileliymthiaekhngaerngaelasareruxngaesngbnhlxdfluxxersesntephim hlxdfluxxersesntchwngaerkichsarxxrothsingkhsiliekhtthiphsmebrileliymaethlngcakphbkhwamepnphis ichsarpraephthhaolfxseftepnsareruxngsaraethn karichebrileliyminchwngaerkyngichepnebrkkhxngekhruxngbinthharenuxngcakmikhwamaekhng cudhlxmaehlwsung aelamikhwamsamarthinkarrabaykhwamrxnsung aetdwykarkhanungthungsingaewdlxmcungaethnepnwsduxun lksnaebrileliymphlitcakaerthatuxyangaerebril aerebrilepnaerrtnchatithimichuxeriykxunwa xakhwamarin aela mrkt tamsithiekidcaksingecuxpninaer okhrngsrangphlukthiesthiyrsudinxunhphumiaelakhwamdnpktikhux Hexagonal close packed olhabrisuththimisiethakhaw aelaemuxxyuinxakascaekidchnxxkisd thaihxyuxyangesthiyr mikhakhwamaekhnginradb 6 thung 7 inmatraomssungaekhngaelaepraainxunhphumihxng aelaemuxxunhphumisungkhun khwamehniywcaephimkhun samarthlalayinthngsphawakrdaelaebs ixosothpthiesthiyrkhxngebrileliymimidsngekhraahdwykarsngekhraahniwekhliysindawvksaetsngekhraahcakkaraetkepnesiyngodyrngsikhxsmikkhxngthatuhnkxyangkharbxnaelainotrecn intarangthatu ebrileliymcdxyuinthatuhmu 2 aetmismbtikhlaykbxalumieniymthixyuinthatuhmu 13 makkwaaekhlesiymaelastrxnesiymthixyuinhmuediywkn yktwxyangechn aekhlesiymaelastrxnesiymemuxtrwcsieplwifcamisiaetebrileliymimmisi cungmibangkhrngimcdebrileliymxyuinthatuolhaaexlkhailnexirth thungaemcdxyinthatuhmu 2 nxkcaknnsarprakxbibnarikhxngebrileliymmiokhrngsrangkhlaykbkhxngsngkasi smbtithangkayphaph ebrileliymmiixosothpthiesthiyrxyu 2 ixosothp aelainxunhphumiaelakhwamdnpkti thixunhphumiaelakhwamdnpktimatrthan miokhrngsrangphlukthiesthiyrthisudkhux Hexagonal close packed sungmikhakhngthiaeltthisepn a 2 268A b 3 594A emuxxyuinsphawaxunhphumisung okhrngsrangphlukaebb Body centered cubic caesthiyrmakthisud mikhakhwamaekhnginradb 6 thung7 inmatraomsepnkhathiaekhngsudinthatuhmu 2 aetepraacnsamarththaepngphngodykarthubtiid xyangirktam emuxxunhphumisungkhunkhwamehniywcaephimkhun cungmikhwamsamarththangekhruxngklsung ehmaasahrbkarichinnganthixunhphumisungxyangetaptikrnfiwchn aetichinnganechnni krnixunhphumitakwa 400 C smbtikhwamehniywcatalngthungkhnmipyhainkarichngan khwamthwngcaephaaethakb 1 816 cudhlxmehlwethakb 1 284 C cudeduxdethakb 2 767 C ebrileliymmikhamxdulskhxngyngethakb 287GPa epnkhathimakkwakhamxdulskhxngyngkhxngehlkthung 50 dngnnmikhwamthnthantxkarhkngxsung khamxdulskhxngyngthisungaesdngthungkhwamaekhngaekrngkhxngebrileliymdimak aelamikhwamesthiyrsunginsphawathipharthangkhwamrxnmakcungniymichepnchinswnokhrngsrangkhxngyanxwkasaelaxakasyan nxkcaknnkhamxdulskhxngyngthisungaelaebrileliymmikhwamhnaaennkhxnkhangta thaihsmbtikarnaesiyngsungthungpraman 12 9 kiolemtrtxwinathi sungkhaniepliynaeplngtamsingaewdlxm caksmbtininiymichepnaephnsnkhxnglaophnghruxekhruxngesiyngxun smbtithangekhmi thatuebrileliymmikhwamsamarthinkarptikiriyaridkchnsung skyphaphkarekidridkchnE0mikhaethakb 1 85V sungkhaniekidcakaenwonmekidepnixxxnthisungkwaxalumieniymcungkhadwamikhwamsamarthinptikiriya aetphunphiwcaekidchnxxkisdthiesthiyrcungimekidptikiriyakbnaaelaxxksiecn aetemuxekidptikiriyaaelwcaekidptikiriyaephaihmaelaidsarphsmebrileliymxxkisdaelaebrileliyminitrd ebrileliymthimichnxxkisdcamikhwamtanthankbkrd aetemuxebrileliymthiexachnxxkisdxxkaelwptikiriyakbkrdthimikhwamsamarthinkarxxksiedchnnxycaekidptikiriyaxyangrwderw thaptikiriyakbkrdthimikhwamsamarthinkarxxksiedchnmakcaptikiriyacha aelaptikiriyakbebsaekcaekidixxxn Be OH 4 2 displaystyle ce Be OH 4 2 aelaaeksihodrecn sungmismbtikhlaykbxalumieniym ebrileliymyngsamarthptikiriyakbnaekidihodrecnaelaebrileliymihdrxkisd sungebrileliymihdrxkisdmikhakarlalaytaaelatidkbphiwebrileliymcungimekidptikiriyatxemuxebrileliymbriewnphunphiwptikiriyathnghmd karcderiyngxielktrxnkhxngeblieliymkhux He 2s2 ebrileliymmiphlngnganixxxineschnsungemuxethiybkbkhnadxatxm ebrileliymcungyakthicaekidepnixxxnaelathaihsarprakxbkhxngebrileliymekidphnthaokhewelnt saehtuxikxyangkhuxekidcakkhwamhnaaennpracusung cak ixxxnbwkthikhnadelkaelamikhwamhnaaennpracusungcadungewelnsxielktrxnkhxngixxxnbwk eriykwaophlairs thaihekidphnthaokhewelnt ebrileliymmikhnadelkaelamipracu 2 cungekidphnthaokhewelnt thatuinkhabthi 2 miaenwonmkhxngphlngnganixxxineschntammwlxatxm aetebrileliymmiphlngnganixxxineschnsungkwaobrxnthimimwlmakkwa saehtuekidcakewelnsxielktrxnkhxngebrileliymxyuinxxrbithl2s aelaewelnsxielktrxnkhxngobrxnxyuinxxrbithl2p xielktrxninxxrbithl2pcarbphlkrathbcakpraktkarnkarbngkhxngxielktrxn Shielding effect thaihphlngnganixxxineschnkhxngxielktrxninxxrbithl2pldlng aetxielktrxninxxrbithl2scaimidrbphlkrathbcakpraktkardngklawcungmiphlngnganixxxineschnmakkwaxielktrxninxxrbithl2p epnsaehtuthiebrileliymmiphlngnganixxxineschnmakkwaobrxn sarechingsxnokhxxrdienchnhruxixxxnechingsxnokhxxrdienchnkhxngebrileliymswnihyekid4phnthaokhxxrdientokhewelnt yktwxyangechn Be H2O 4 2 displaystyle ce Be H2O 4 2 BeX4 2 displaystyle ce BeX4 2 EDTAcaekidepnliaekndkhxngebrileliymekidsarechingsxnthrngaepdhnamakkwaliaekndxuncungniymichinkarwiekhraahsar echn emuxetimEDTAlnginsarechingsxnxasitilxasiotnkbebrileliym EDTAcaekidsarechingsxnaethnthixasitilxasiotnaelaxasitilxasiotncahludxxk samarthskdebrileliymdwysarlalayid withinixaccathukrbkwnodyixxxnbwkxunechnAl3 karprayuktichichinhlxdiferuxngaesng springnalikasungtxngtanxanacaemehlk aelarbaerngaeprxyutlxdewlann thacakthxngaedngphsmebrileliym Beryllium Coppers Alloys olhaphsmnikekil ebrileliym Ni Be Alloys aekhngmak thnkarkdkrxniddi ichthaekhruxngmuxphatd ichepnpraoychnaelawtthuokhrngsrangkhxngethkhonolyithangxwkas ichepntwomedxeretxr moderator aela reflector inetaptikrnniwekhliyr ichthahnatangphiesssahrbhlxdrngsi X olhaecux Be Cu ichetiminechuxephlingcrwdkhwamxntrayemuxrangkayidrbebrileliymcamikhwamxntraycungepnxupsrrkhtxichinechingphanichy ebrileliymmikarkdkrxnenuxeyuxcnekidorkhebrileliymeruxrngthixntraythungesiychiwit phlkrathbtxrangkay ebrileliymepnsarthimikhwamxntraysung kxorkhrayaerngtxbriewnpxdthiruckkninchux Berylliosis orkhebrileliymeruxrng ebrileliymepnphistxsingmichiwitinnaaelaepnsarkdkrxnenuxeyux emuxsuddmsarprakxbthilalayidcakxorkhebrileliymechiybphlnepnorkhklumpxdbwmthangekhmiemuxsmphskbphiwodytrngekidxkesb orkhebrileliymeruxrng CBD mirayafktwtngaetxathitythung 20 pi xtraesiychiwit 37 aelathaepnhyingtngkhrrphcamixtramakkwa odythwipaelworkhebrileliymeruxrngepnorkhphumitantnexng khadmikhnthirusukorkhidtakwa 5 klikekidorkhkhux ebrileliymsngphltxkarthangankhxngexnismthaihybyngkaraebngeslaelaemaethbxlisum orkhorkhebrileliymeruxrngmixakarkhlaykborkh Sarcoidosis cungaeykorkhniepnsakhytxkarwinichyorkh odythwipaelworkhebrileliymechiybphlnepnorkhpxdbwmthangekhmi miklikekidorkhthiaetktangcakorkhebrileliymeruxrngminiyamwaepn orkhpxdthiekidcakebrileliymin 1 pi aelaprimanebrileliymthiidrbkbkhwamhnkkhxngxakarmikhwamsmphnthkn thrabwaekidorkhemuxmikhwamekhmkhnebrileliymsungkwa 1000mg m3aela imekidorkhemuxtakwa 100mg m3 pccubncanwnphupwyorkhorkhebrileliymechiybphlnldlngenuxngcakmikaraekikhsphaphaewdlxmkarthanganaelatngeknth aetyngekidorkhebrileliymeruxrngcanwnmakinxutsahkrrmthiichebrileliym phbwamiphupwyorkhinorngnganthirksaeknthaelakhnthiimidxyuinorngnganyngidrbebrileliymcakkarephaphlayechuxephlingfxssil xngkrn IARC phayit WHO prakaswaebrileliymaelasarprakxbebrileliymepnsarkxmaerng Type1 sanknganpraeminkhwamxntraytxsingaewdlxmaelaxnamyrthaekhlifxreniy OEHHA idkhanwnkhaeknthkhwamplxdphbwa 1mg L aelahnwyngansarphisaelathaebiynorkhidkhanwneknthkhwamesiyngtasudethakb 0 002 mg kg wn ebrileliymimidemtabxlisuminrangkaycungemuxekhaipaelwthayxxkidnxyaelaswnihysasminkradukaelathayxxkthangpsswa prawtisastrorkhebrileliym kh s 1933 miraynganwapxdbwmthangekhmikhrngaerkthieyxrmni aelatxma kh s 1946 miraynganorkhebrileliymeruxrngthishrthxemrika orkhniphbmakinorngnganphlithlxdfluxxersesntaelaorngnganskdebrileliymin kh s 1949 cungykelikichebrileliyminkarphlithlxdfluxxersesntaelatnthswrrs 1950 mikartngeknthkhwamekhmkhnsungsudepn 25mg m3 mikaraekikhsphaphaewdlxmdngklaw canwnphupwyorkhebrileliymechiybphlnldlngxyangrwderwaetyngmikarichebrileliyminxutsahkrrmniwekhliyraelaxakasyanaelayanxwkas olhaphsm karphlitxupkrn xielkthrxniks kh s 1952 shrthxemrikaerimmirabbcdthaebiynorkhebrileliymaelakxnpi kh s 1983 idcd 888 xakar inrabbnimieknthwinichy 6 eknthaelathatrngkb 3 eknthcathukwinichyepnorkhebrileliymeruxrng inpi kh s 2001 icheknththi 3 eknthkhuxtrwcsxbthangculphyathiwithyaodykartdenuxeyuxinpxdaelatrwc trwssxb lymphocyte blast transformation aelatrwcrayaewlathixyukbebrileliym ebrileliymniymichepnsarerngptikiriyaniwekhliyrinraebidprmnucungminkwicythiekiywkhxngkbkarphthnaraebidprmnuhlaykhnesiychiwitdwyorkhebrileliymechn nkfisiksshrthxemrika Herbert L Anderson thiekiywkhxngkbokhrngkaraemnhttn khwamsamarthkarraebid ebrileliymmichnxxkisdhxhumcungepnolhathiimwxngiwtxptikiriya aetmismbtithiemuxekidtidifaelwcaephaihmidxyangrwderwcungmikhwamesiyngtxekidkarraebidfunemuxmiphngebrileliymkracayinxakasaehlngkhxmulxunATSDR Case Studies in Environmental Medicine Beryllium Toxicity U S Department of Health and Human Services It s Elemental Beryllium MSDS Beryllium at The Periodic Table of Videos University of Nottingham National Institute for Occupational Safety and Health Beryllium Page National Supplemental Screening Program Oak Ridge Associated Universities wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ebrileliymraykarxangxing Standard Atomic Weights Beryllium 2013 Be 0 has been observed see Beryllium 0 Complex Found 13 June 2016 Beryllium Beryllium I Hydride compound data PDF bernath uwaterloo ca subkhnemux 2007 12 10 Haynes William M b k 2011 92nd ed p 14 48 ISBN 1439855110 Beryllium Beryllium I Hydride compound data PDF bernath uwaterloo ca subkhnemux 2007 12 10 Vauquelin Louis Nicolas 1798 De l Aiguemarine ou Beril et decouverie d une terre nouvelle dans cette pierre Annales de Chimie 26 155 169 Wohler Friedrich 1828 Ueber das Beryllium und Yttrium Annalen der Physik 89 8 577 582 Bibcode 1828AnP 89 577W doi 10 1002 andp 18280890805 Bussy Antoine 1828 D une travail qu il a entrepris sur le glucinium Journal de Chimie Medicale 4 456 457 Genso o shiru jiten Sentan zairyō eno nyumon Masato Murakami 雅人 村上 Tōkyō Kaimeisha 2004 ISBN 4 87525 220 X OCLC 674895549 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Weeks Mary Elvira 2003 The discovery of the elements Whitefish Mont Kessinger Pub ISBN 0 7661 3872 0 OCLC 71322678 Muki kagaku Geoffrey Rayner Canham T Overton hiroshi Nishihara shigeru Takagi hiroshi Moriyama 寛 西原 東京化学同人 2009 ISBN 978 4 8079 0684 0 OCLC 1022213386 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Revolution in lamps a chronicle of 50 years of progress Raymond Kane Heinz Sell 2nd ed Lilburn GA Fairmont Press 2001 ISBN 0 88173 378 4 OCLC 49570059 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Materials P Beiss R Ruthardt Hans Warlimont K Yagi Berlin Springer 2006 ISBN 978 3 540 42942 5 OCLC 320545181 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk 無機化学 上巻 国立国会図書館デジタルコレクション dl ndl go jp doi 10 11501 1377674 Lawrence A Warner et al Occurrence of nonpegmatite beryllium in the United States U S Geological Survey professional paper United States Geological Survey 318 2 Materials P Beiss R Ruthardt Hans Warlimont K Yagi Berlin Springer 2006 ISBN 978 3 540 42942 5 OCLC 320545181 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Greenwood N N 1997 Chemistry of the elements A Earnshaw 2nd ed Boston Mass ISBN 0 585 37339 6 OCLC 48138330 Advanced inorganic chemistry F Albert Cotton F Albert Cotton 6th ed New York 1999 ISBN 0 471 19957 5 OCLC 39147745 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Advanced inorganic chemistry F Albert Cotton F Albert Cotton 6th ed New York 1999 ISBN 0 471 19957 5 OCLC 39147745 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Muki kagaku Geoffrey Rayner Canham T Overton hiroshi Nishihara shigeru Takagi hiroshi Moriyama 寛 西原 東京化学同人 2009 ISBN 978 4 8079 0684 0 OCLC 1022213386 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Butsuri kagaku 002 Kazuaki Itō 伊藤和明 Kyōto Kagakudōjin 2008 ISBN 4 7598 1085 4 OCLC 836103057 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint others lingk Okutani Tadao Tsuruta Yasuhiro Sakuragawa Akio 1993 05 01 Determination of a trace amount of beryllium in water samples by graphite furnace atomic absorption spectrometry after preconcentration and separation as a beryllium acetylacetonate complex on activated carbon Analytical Chemistry phasaxngkvs 65 9 1273 1276 doi 10 1021 ac00057a026 ISSN 0003 2700 Hardy Harriet L 1965 11 25 Beryllium Poisoning Lessons in Control of Man Made Disease New England Journal of Medicine phasaxngkvs 273 22 1188 1199 doi 10 1056 NEJM196511252732205 ISSN 0028 4793 Beryllium and Beryllium Compounds IARC Monograph 58 International Agency for Research on Cancer 1993 Retrieved 05 April 2021 NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards 0054 National Institute for Occupational Safety and Health NIOSH Luckey T D 1977 Physiologic and Chemical Basis for Metal Toxicity B Venugopal Boston MA Springer US ISBN 978 1 4684 2952 7 OCLC 851759882 Emsley John 2001 Nature s building blocks an A Z guide to the elements Oxford Oxford University Press ISBN 0 19 850341 5 OCLC 46984609 Photograph of Chicago Pile One Scientists 1946 Office of Public Affairs Argonne National Laboratory 19 June 2006 Retrieved 05 April 2021 bthkhwamekhminiyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 04 subkhnemux 2015 03 10