อาสนวิหารเลอปุย-อ็อง-เวอแล (ฝรั่งเศส: Cathédrale du Puy-en-Velay) เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระรับสารแห่งเลอปุย-อ็อง-เวอแล (Cathédrale Notre-Dame-de-l'Annonciation du Puy-en-Velay) เป็นอาสนวิหารในนิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ตั้งของมุขนายกประจำมุขมณฑลเลอปุย-อ็อง-เวอแล ตั้งอยู่ที่เมืองเลอปุย-อ็อง-เวอแล จังหวัดโอต-ลัวร์ แคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่แม่พระรับสาร และยังได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นบาซิลิกาเมื่อปีค.ศ. 1856 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9
อาสนวิหารแม่พระรับสาร แห่งเลอปุย-อ็อง-เวอแล | |
---|---|
ทัศนียภาพของเมืองและอาสนวิหาร | |
45°02′44″N 3°53′05″E / 45.04556°N 3.88472°E | |
ที่ตั้ง | เลอปุย-อ็อง-เวอแล จังหวัดโอต-ลัวร์ |
ประเทศ | ประเทศฝรั่งเศส |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
เว็บไซต์ | http://www.cathedraledupuy.org/ |
สถานะ | อาสนวิหาร บาซิลิกา |
ประเภทสถาปัตย์ | กางเขน |
รูปแบบสถาปัตย์ | โรมาเนสก์ |
แล้วเสร็จ | คริสต์ศตวรรษที่ 13 |
อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ (ค.ศ. 1862) มรดกโลก(ค.ศ.1998) |
อาสนวิหารเป็นอาคารแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์และศิลปะโรมาเนสก์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในฝั่งตะวันตกของคริสตจักร และยังเป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญของชาวคริสต์มาตั้งแต่สมัยก่อนจักรพรรดิชาร์เลอมาญ
อาสนวิหารเลอปุย-อ็อง-เวอแลได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1862 รวมทั้งยังอยู่ในมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางซานเตียโกเดกอมโปสเตลาในประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998
ประวัติ
ภายใต้รูปแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ อาสนวิหารนี้ตั้งอยู่บนตีนเขาซึ่งเคยเป็นภูเขาไฟในอดีต ซึ่งบริเวณยอดเป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระนางมารีย์พรหมจารีตั้งเด่นอยู่กลางเมืองซึ่งทำจากโลหะหลอมจากปืนใหญ่เก่าของรัสเซียซึ่งยึดมาได้จากยุทธการ ซึ่งสันนิษฐานว่าได้มาจากเมืองเซวัสโตปอล
ตัวอาคารสร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 และมีความพิเศษยิ่งจากความหลายหลายทางสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนถึงความรุ่งเรื่องของสถาปัตยกรรมในยุคโรมาเนสก์ อีกทั้งยังมีป้อมปราการที่ก่อสร้างในอิทธิพลแบบศิลปะไบแซนไทน์ซึ่งสอดคล้องกันกับสถาปัตยกรรมทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งสร้างจากหินภูเขาไฟหลากสี ดังที่เห็นบริเวณหน้าบันทิศตะวันตก ซึ่งสร้างจากหินย้อมสี พื้นลานด้านหน้าปูด้วยงานโมเสก ซุ้มทางเดินช่องโค้งแบบครึ่งวงกลม ยอดหน้าบันขนาดเล็กทั้งสามแห่ง มุขทางเข้าแบบสามช่องที่ตั้งตระหง่านจากตัวเมืองด้านล่างด้วยบันไดจำนวน 134 ขั้น ด้านในของอาสนวิหารนั้นตกแต่งด้วยงานโมเสกสีทองอร่าม โดยตรงกันข้ามกับหินที่ใช้สร้างซึ่งมีสีดำสนิทซึ่งให้ความรู้สึกที่มืดครึ้มภายในของอาสนวิหาร แต่ก็ยังคงรับกันกับความโอ่อ่าของโถงภายใต้หอหลังคาโดมจำนวน 6 หอ ซึ่งปราศจากเพดานโค้งที่มักจะเห็นตามปกติในอาสนวิหารยุคเดียวกัน
บริเวณร้องเพลงสวดเนื่องจากถูกสร้างขึ้นบนเนินผาหิน ซึ่งต่อมาเพื่อทำการขยายอาสนวิหารในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11–12 เพื่อรับกับจำนวนของผู้แสวงบุญที่เพิ่มขึ้นตลอดทุก ๆ ปี จึงได้มีการการสร้างส่วนขยายอีก 4 ช่วงเสาในบริเวณที่ต่ำกว่า จึงได้มีการเพิ่มขนาดของเสาและโครงสร้างเพื่อให้สามารถเสริมยอดโดมให้เสมอกันกับช่วงที่สูงกว่า โดยเพิ่มความสูงในส่วนที่ต่ำกว่าถึง 17 เมตร
บาซิลิกาแห่งนี้ผ่านการสร้างและบูรณะต่อเติมหลายครั้งด้วยกัน ครั้งสำคัญ ๆ คือในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ในบริเวณส่วนของมุขโค้ง จุดตัดกลางโบสถ์ และสองช่วงเสาสุดท้าย อย่างไรก็ตามในคริสต์ศตวรรษที่ 19 บาซิลิกาแห่งนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง จึงได้มีโครงการรื้อและบูรณะใหม่ขึ้นในแบบเดิมในช่วงปี ค.ศ. 1844–1870 ต่างกันเพียงแค่บริเวณมุขโค้งด้านสกัด และหอหลังคาโดมบริเวณจุดตัดกลางโบสถ์ ซึ่งได้สร้างในแบบที่แตกต่างจากของเดิม
ศิลปะแบบอาหรับแห่งเลอปุย
องค์ประกอบแบบตะวันออก (อาหรับ) ที่พบได้ตามสถาปัตยกรรมโดยรอบบริเวณเมืองนั้นเป็นที่แปลกประหลาดใจของผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจระหว่างมัสยิด-อาสนวิหารกอร์โดบากับบริเวณวิหารคดของอาสนวิหารนี้ ซึ่งเป็นการก่อสร้างโดยใช้วัตถุดิบผสมระหว่างอิฐสีแดงและหินสีขาว (ที่พบในมัสยิด-อาสนวิหารกอร์โดบา) และของที่นี่ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟสีดำและหินสีขาว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันกับศิลปะอาหรับกับประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1095 ในโอกาสการเฉลิมฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ซึ่งพิธีจัดขึ้นที่เลอปุย สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ได้ประกาศสงครามครูเสดครั้งที่ 1 และทรงแต่งตั้งให้มุขนายกอาเดมาร์ เดอ มงเตย เป็นผู้นำทางศาสนาแทนองค์พระสันตะปาปาและหนึ่งในแม่ทัพร่วมในสงครามด้วย พร้อมกับชาวเมืองกว่าสี่ร้อยคนมุ่งหน้ายังแผ่นดินตะวันออกร่วมกัน ต่อมาได้บาดเจ็บเกือบมรณภาพในยุทธการล้อมเมืองแอนติออก ซึ่งในที่สุดก็นำมาซึ่งชัยชนะของฝ่ายคริสเตียน ซึ่งผู้ที่กลับจากสงครามได้นำศิลปะแบบอาหรับเข้ามาปูรากฐานให้กับสถาปัตยกรรมของเมืองจนถึงยุคปัจจุบันอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน เลอปุยได้เป็นศูนย์กลางของที่เพิ่งกลับและกำลังมุ่งหน้าไปยังซานเตียโกเดกอมโปสเตลาซึ่งในขณะนั้นอยู่ในปกครองของเหล่ามุสลิม จึงได้เป็นแหล่งที่รวบรวมงานศิลปะต่าง ๆ ในแบบอาหรับ และยังรับมาประกอบเข้ากับเลอปุยได้อย่างแพร่หลายในยุคนั้น
หน้าบันทิศตะวันตก
หน้าบันทางเข้าของอาสนวิหารนั้นตังอยู่ด้านบนของบันไดทางขึ้นขนาดใหญ่ หน้าบันประกอบไปด้วยโครงสร้างแบ่งเป็นห้าชั้นซึ่งตกแต่งด้วยหินวางเรียงกันอย่างสลับสีราวกับงานโมเสก ซึ่งสันนิษฐานกันว่าเป็นศิลปะแบบผสมคริสเตียนและอาหรับแบบอัลอันดะลุส ซึ่งนิยมบูชาแม่พระฉวีดำในสมัยยุคกลาง นอกจากนี้ยังรับมาจากสงครามครูเสดบางส่วน การตกแต่งจะประกอบด้วยบานหน้าต่างช่องโค้งแบบครึ่งวงกลมเป็นหลัก ซึ่งเป็นแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์อายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 12
บันไดทางเข้าประกอบด้วยขั้นบันไดขนาดใหญ่จำนวน 102 ขั้น ซึ่งยาวติดต่อกันผ่านมุขทางเข้าเข้าไปในอาสนวิหารถึงลึกถึงสองช่วงเสาของบริเวณกลางโบสถ์ และกินพื้นที่เต็มความกว้างของโถงจำนวนสองช่วงแรกอีกด้วย ซึ่งต่อไปจะแคบลงในสองช่วงเสาถัดไปและจรดกำแพงและประตูไม้แกะสลักซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหน้าบันทางเข้าในสมัยก่อนการขยายอาสนวิหาร ซึ่งเป็นการอธิบายได้ดีของการขาดแคลนพื้นที่เนื่องมาจากจำนวนของผู้แสวงบุญในอดีต และพื้นที่ที่จำกัดของบริเวณเนินหิน ทำให้สถาปนิกจำต้องออกแบบอาคารให้ยื่นกลับลงไปบริเวณส่วนที่ต่ำกว่า
บันไดซึ่งจะไปสุดที่ประตูไม้แกะสลักปิดทอง ซึ่งด้านหลังประตูจะเป็นขั้นบันไดอีก 17 ขั้นเพื่อนำขึ้นไปถึงตรงกลางของบริเวณกลางโบสถ์ ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเสาที่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นนักบุญหลุยส์และนักบุญโยนออฟอาร์ค ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตรงกันข้ามกับแท่นบูชาเอกพอดี จึงเป็นที่ขนานนามโดยชาวคริสต์ว่า "เราเข้าสู่อาสนวิหารบริเวณสะดือ และออกจากอาสนวิหารจากบริเวณหูทั้งสองข้าง"
- หน้าบันมองจากถนนเบื้องล่าง
- บานประตูไม้แกะสลัก
- งานภาพปูนเปียกบริเวณเหนือมุขทางเข้า
มุขทางเข้าฟอรัม
มุขทางเข้าฟอรัม (Le porche du For) เป็นส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามสมบูรณ์แบบ เป็นงานสมัยปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นส่วนมุขทางเข้าของจัตุรัสในชื่อเดียวกัน (forum) ซึ่งเป็นระเบียงทางเดินซึ่งอยู่สูงบนชั้นดาดฟ้าเปิดเห็นถึงเมืองเก่าเบื้องล่าง นอกเหนือจากองค์ประกอบส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแบบโรมาเนสก์แล้ว ยังค้นพบเพดานโค้งแบบโค้งแหลมอีกด้วย ทางเดินบริเวณชั้นล่างเป็นช่องโค้งแบบครึ่งวงกลม ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่บริเวณบัวแต่งโค้งซึ่งฐานแยกจากกันโดยเชื่อมกันเพียงหินแกะสลักเพียงสามซี่ ส่วนบริเวณชั้นบนเป็นที่ตั้งของชาเปลสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งให้แสงสว่างด้วยบานหน้าต่างทรงกอทิกที่ฝังอยู่ภายใต้โครงช่องโค้งทรงประทุนทั้งสี่ด้าน
ภายใต้มุขทางเข้าประกอบด้วยประตูทางเข้าแบ่งซึ่งเป็นสองแห่ง แห่งที่เล็กกว่านั้นเรียกว่า (Porte Papale) สงวนไว้สำหรับสมเด็จพระสันตะปาปาเท่านั้น ซึ่งต่อมาในปีค.ศ. 1846 ได้มีการค้นพบบริเวณทับหลังซึ่งสลักเป็นประโยคภาษาละตินว่า (Scrutari papa Vive Deo) ประตูอีกแห่งหนึ่งเป็นแบบโรมาเนสก์และบานประตูทำด้วยทองแดงฉลุเป็นลายหัวสิงโต ซึ่งโดยรวมแล้วกลมกลืนกันได้อย่างสวยงาม
บริเวณกลางโบสถ์
อาสนวิหารนี้สร้างขึ้นในรูปแบบกางเขนละตินประกอบด้วยบริเวณกลางโบสถ์จำนวนหกช่วง ขนาบข้างด้วยทางเดินข้างซึ่งสูงในระดับเดียวกัน บริเวณปลายของแขนกางเขนทั้งสองเป็นที่ตั้งของชาเปลข้างละสองแห่ง ด้านบนของชาเปลจะเป็นระเบียงทางเดิน สุดปลายของบริเวณร้องเพลงสวดจะเป็นมุขโค้งทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเป็นที่ตั้งของชาเปลอีกสองแห่งซึ่งมีผนังมองจากด้านนอกเรียบสนิท
บริเวณหกช่วงเสานั้นคลุมด้วยหอหลังคาโดมในแต่ละช่วงซึ่งแบ่งรับน้ำหนักบริเวณมุมทั้งสี่โดยช่องโค้งทรงก้นกระทะ บริเวณจุดตัดกลางโบสถ์นั้นมีด้านบนเป็นหอทรงแปดเหลี่ยมซึ่งรายรอบด้วยหน้าต่างทั้งหมดสองชั้นและปิดยอดบนสุดด้วยหอหลังคาโดม ซึ่งหอหลังคาโดมนี้ตั้งอยู่บนโครงเสาขนาดใหญ่จำนวนสี่เสา ซึ่งบริเวณฐานเสานั้นเป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่สูงถึง 2 เมตร บริเวณมุมของช่วงเสาแบบสี่เหลี่ยมนี้ยังถูกตกแต่งด้วยช่องโค้งทรงก้นกระทะ หอโดมแห่งนี้ยังเรียกกันด้วยว่า le clocher angélique
บริเวณทางเดินข้างถูกสร้างในเพดานแบบเพดานโค้งทรงประทุนซ้อน ยกเว้นบริเวณสองช่วงสุดท้ายฝั่งทิศตะวันตกซึ่งจะเป็นแบบโค้งสัน
เฉพาะช่วงที่สามและสี่นั้น รวมถึงหอระฆังสร้างในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในขณะที่ช่วงที่เหลืออื่น ๆ และบริเวณหน้าบันใหญ่นั้นสร้างช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12
สิ่งที่ห้ามพลาด
- บริเวณชาเปลมหาสนิท (La chapelle du Saint-Sacrement) เป็นที่ตั้งของหีบวัตถุมงคลขนาดใหญ่งานสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 และจะพบงานรูปปั้นแม่พระฉวีดำองค์เด็ก (องค์จำลอง)
- แม่พระฉวีดำอยู่ที่แท่นบูชาเอก องค์ประธานแห่งอาสนวิหาร
- รูปปั้นนักบุญเจมส์ใหญ่
- บริเวณข้างใต้เพดานมุขทางเข้า จะพบประตูบานไม้แกะสลักอย่างวิจิตรผลงานสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 สลักเสลาเป็นเรื่องราวของพระเยซู
- เครื่องสมบัติภายในห้องเก็บเครื่องพิธี และศิลปะคริสต์บริเวณด้านบนของวิหารคด
- หอล้างบาปแห่งนักบุญยอห์น ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้านนอก
- งานจิตรกรรมภาพปูนเปียกฝาผนัง อิทธิพลศิลปะไบแซนไทน์ผสมอิตาลีที่บริเวณตอนบนของผนังแขนกางเขนฝั่งทิศเหนือ ซึ่งเป็นงานแบบเดียวกันกับที่มง-แซ็ง-มีแชล
- หนังสือปกสีทองสำหรับผู้แสวงบุญโดยเฉพาะภายในห้องเก็บเครื่องพิธี
หอระฆัง
ด้วยความสูงถึง 56 เมตร หอระฆังแห่งนี้สร้างแยกส่วนกันกับตัววิหาร มีลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบด้วยชั้นทั้งหมดเจ็ดชั้น แต่ละชั้นตกแต่งคล้ายคลึงกัน แต่มีขนาดลดหลั่นกันไปในแต่ละระดับชั้น ทำให้มีความรู้สึกเหมือนเป็นลูกเต๋าหลายขนาดวางซ้อนกัน ช่วงบนของหอจะรับน้ำหนักผ่านทางช่องโค้งแบบตัน ซึ่งแต่ละช่องจะผ่านน้ำหนักลงบนเสาที่แยกกัน ซึ่งตั้งแต่ชั้นที่สี่เป็นต้นไปน้ำหนักของหินจะกดลงโดยตรงบริเวณเสา
หอระฆังแห่งนี้มีลักษณะที่ยิ่งสูงจะยิ่งมีช่องมากขึ้นจนสุดที่บริเวณยอดหอ ชั้นล่างสุดมีหลุมฝังศพจำนวนสามแห่ง หนึ่งแห่งเป็นของมุขนายก อีกสองแห่งเป็นของนักบวชเคนัน ซึ่งทั้งหมดสามารถรอดจากการถูกทำลายในสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศส ชั้นบนเป็นที่ตั้งของระฆังขนาดใหญ่จำนวน 4 ลูก
อ้างอิง
- Notice n°00092734 Base Mérimée - กระทรวงวัฒนธรรมแห่งฝรั่งเศส
บรรณานุกรม
- (ฝรั่งเศส) Pierre Cubizolles, Le diocèse du Puy-en-Velay des origines à nos jours, Éditions Créer, 2005 () ;
- (ฝรั่งเศส) La cathédrale Notre-Dame du Puy-en-Velay, Monum., Éditions du patrimoine, Paris (France), (), 2004 ;
- (ฝรั่งเศส) Dictionnaire des églises de France, Belgique, Luxembourg, Suisse, tome II-B, Robert Laffont, Paris, pp. 112–117 ;
- (ฝรั่งเศส) Olivier Beigbeder, Forez - Velay roman, Éditions Zodiaque, La Pierre-qui-Vire (France), 1962, pp. 31–86 ;
- (ฝรั่งเศส) François Collombet, Les Plus Belles Cathédrales de France, Sélection du Readers' Digest, Paris (France), (), 1997, pp. 78–83 ;
- (ฝรั่งเศส) Eugène Lefèvre-Pontalis, « Les Dates de la cathédrale du Puy », Congrès archéologique de France, LXXIe session : séances générales tenues au Puy en 1904, Paris/Caen, A. Picard / H. Delesques, vol. 70, 1905, p. 158-162 (ISSN 00698881)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xasnwiharelxpuy xxng ewxael frngess Cathedrale du Puy en Velay eriykchuxetmwa xasnwiharaemphrarbsaraehngelxpuy xxng ewxael Cathedrale Notre Dame de l Annonciation du Puy en Velay epnxasnwiharinnikayormnkhathxlik epnthitngkhxngmukhnaykpracamukhmnthlelxpuy xxng ewxael tngxyuthiemuxngelxpuy xxng ewxael cnghwdoxt lwr aekhwnoxaewry ornalp praethsfrngess srangkhunephuxxuthisaedaemphrarbsar aelayngidrbkarykthanakhunepnbasilikaemuxpikh s 1856 odysmedcphrasntapapapixusthi 9xasnwiharaemphrarbsar aehngelxpuy xxng ewxaelthsniyphaphkhxngemuxngaelaxasnwihar45 02 44 N 3 53 05 E 45 04556 N 3 88472 E 45 04556 3 88472thitngelxpuy xxng ewxael cnghwdoxt lwrpraethspraethsfrngessnikayormnkhathxlikewbisthttp www cathedraledupuy org sthanaxasnwihar basilikapraephthsthaptykangekhnrupaebbsthaptyormaenskaelwesrckhriststwrrsthi 13xnusrnsthanthangprawtisastr kh s 1862 mrdkolk kh s 1998 xasnwiharepnxakharaebbsthaptykrrmormaenskaelasilpaormaenskthisakhythisudaehnghnunginfngtawntkkhxngkhristckr aelayngepnhnunginsthanthiaeswngbuykhxngchawkhristmatngaetsmykxnckrphrrdicharelxmay xasnwiharelxpuy xxng ewxaelidkhunthaebiynepnxnusrnsthanthangprawtisastremuxpi kh s 1862 rwmthngyngxyuinmrdkolk odyxngkhkaryuensok odythuxepnswnhnungkhxngesnthangsanetiyokedkxmopsetlainpraethsfrngesstngaetpi kh s 1998prawtiphayitrupaebbsthaptykrrmormaensk xasnwiharnitngxyubntinekhasungekhyepnphuekhaifinxdit sungbriewnyxdepnthitngkhxngruppnphranangmariyphrhmcaritngednxyuklangemuxngsungthacakolhahlxmcakpunihyekakhxngrsesiysungyudmaidcakyuththkar sungsnnisthanwaidmacakemuxngeswsotpxl aephnphngkhxngxasnwihar thisehnuxxyudanlang twxakharsranginsmykhriststwrrsthi 12 aelamikhwamphiessyingcakkhwamhlayhlaythangsthaptykrrm sungepnsingsathxnthungkhwamrungeruxngkhxngsthaptykrrminyukhormaensk xikthngyngmipxmprakarthikxsranginxiththiphlaebbsilpaibaesnithnsungsxdkhlxngknkbsthaptykrrmthangphakhtawntkechiyngitkhxngfrngess sungsrangcakhinphuekhaifhlaksi dngthiehnbriewnhnabnthistawntk sungsrangcakhinyxmsi phunlandanhnapudwynganomesk sumthangedinchxngokhngaebbkhrungwngklm yxdhnabnkhnadelkthngsamaehng mukhthangekhaaebbsamchxngthitngtrahngancaktwemuxngdanlangdwybnidcanwn 134 khn daninkhxngxasnwiharnntkaetngdwynganomesksithxngxram odytrngknkhamkbhinthiichsrangsungmisidasnithsungihkhwamrusukthimudkhrumphayinkhxngxasnwihar aetkyngkhngrbknkbkhwamoxxakhxngothngphayithxhlngkhaodmcanwn 6 hx sungprascakephdanokhngthimkcaehntampktiinxasnwiharyukhediywkn briewnrxngephlngswdenuxngcakthuksrangkhunbneninphahin sungtxmaephuxthakarkhyayxasnwiharinchwngkhriststwrrsthi 11 12 ephuxrbkbcanwnkhxngphuaeswngbuythiephimkhuntlxdthuk pi cungidmikarkarsrangswnkhyayxik 4 chwngesainbriewnthitakwa cungidmikarephimkhnadkhxngesaaelaokhrngsrangephuxihsamarthesrimyxdodmihesmxknkbchwngthisungkwa odyephimkhwamsunginswnthitakwathung 17 emtr basilikaaehngniphankarsrangaelaburnatxetimhlaykhrngdwykn khrngsakhy khuxinkhriststwrrsthi 11 inbriewnswnkhxngmukhokhng cudtdklangobsth aelasxngchwngesasudthay xyangirktaminkhriststwrrsthi 19 basilikaaehngniehluxephiyngsakprkhkphng cungidmiokhrngkarruxaelaburnaihmkhuninaebbediminchwngpi kh s 1844 1870 tangknephiyngaekhbriewnmukhokhngdanskd aelahxhlngkhaodmbriewncudtdklangobsth sungidsranginaebbthiaetktangcakkhxngedimsilpaaebbxahrbaehngelxpuyxngkhprakxbaebbtawnxxk xahrb thiphbidtamsthaptykrrmodyrxbbriewnemuxngnnepnthiaeplkprahladickhxngphuekhachmepnxyangmak odyechphaaxyangyingkhwamehmuxnknxyangnaprahladicrahwangmsyid xasnwiharkxrodbakbbriewnwiharkhdkhxngxasnwiharni sungepnkarkxsrangodyichwtthudibphsmrahwangxithsiaedngaelahinsikhaw thiphbinmsyid xasnwiharkxrodba aelakhxngthinisungepnhinphuekhaifsidaaelahinsikhaw sungaesdngihehnthungkhwamekiywphnkbsilpaxahrbkbprawtisastrkhxngemuxngaehngniidepnxyangdi emuxwnthi 15 singhakhm kh s 1095 inoxkaskarechlimchlxngaemphrarbekiyrtiykkhunswrrkhsungphithicdkhunthielxpuy smedcphrasntapapaexxrbnthi 2 idprakassngkhramkhruesdkhrngthi 1 aelathrngaetngtngihmukhnaykxaedmar edx mngety epnphunathangsasnaaethnxngkhphrasntapapaaelahnunginaemthphrwminsngkhramdwy phrxmkbchawemuxngkwasirxykhnmunghnayngaephndintawnxxkrwmkn txmaidbadecbekuxbmrnphaphinyuththkarlxmemuxngaexntixxk sunginthisudknamasungchychnakhxngfaykhrisetiyn sungphuthiklbcaksngkhramidnasilpaaebbxahrbekhamapurakthanihkbsthaptykrrmkhxngemuxngcnthungyukhpccubnxikdwy inkhnaediywkn elxpuyidepnsunyklangkhxngthiephingklbaelakalngmunghnaipyngsanetiyokedkxmopsetlasunginkhnannxyuinpkkhrxngkhxngehlamuslim cungidepnaehlngthirwbrwmngansilpatang inaebbxahrb aelayngrbmaprakxbekhakbelxpuyidxyangaephrhlayinyukhnnhnabnthistawntkhnabnthistawntk hnabnthangekhakhxngxasnwiharnntngxyudanbnkhxngbnidthangkhunkhnadihy hnabnprakxbipdwyokhrngsrangaebngepnhachnsungtkaetngdwyhinwangeriyngknxyangslbsirawkbnganomesk sungsnnisthanknwaepnsilpaaebbphsmkhrisetiynaelaxahrbaebbxlxndalus sungniymbuchaaemphrachwidainsmyyukhklang nxkcakniyngrbmacaksngkhramkhruesdbangswn kartkaetngcaprakxbdwybanhnatangchxngokhngaebbkhrungwngklmepnhlk sungepnaebbsthaptykrrmormaenskxayurawkhriststwrrsthi 12 bnidthangekhaprakxbdwykhnbnidkhnadihycanwn 102 khn sungyawtidtxknphanmukhthangekhaekhaipinxasnwiharthunglukthungsxngchwngesakhxngbriewnklangobsth aelakinphunthietmkhwamkwangkhxngothngcanwnsxngchwngaerkxikdwy sungtxipcaaekhblnginsxngchwngesathdipaelacrdkaaephngaelapratuimaekaslksungekhyepnthitngkhxnghnabnthangekhainsmykxnkarkhyayxasnwihar sungepnkarxthibayiddikhxngkarkhadaekhlnphunthienuxngmacakcanwnkhxngphuaeswngbuyinxdit aelaphunthithicakdkhxngbriewneninhin thaihsthapnikcatxngxxkaebbxakharihyunklblngipbriewnswnthitakwa bnidsungcaipsudthipratuimaekaslkpidthxng sungdanhlngpratucaepnkhnbnidxik 17 khnephuxnakhunipthungtrngklangkhxngbriewnklangobsth sungxyutrngklangrahwangesathiepnthitngkhxngruppnnkbuyhluysaelankbuyoynxxfxarkh sungepntaaehnngthitrngknkhamkbaethnbuchaexkphxdi cungepnthikhnannamodychawkhristwa eraekhasuxasnwiharbriewnsadux aelaxxkcakxasnwiharcakbriewnhuthngsxngkhang hnabnmxngcakthnnebuxnglang banpratuimaekaslk nganphaphpunepiykbriewnehnuxmukhthangekhamukhthangekhafxrmLe porche du For mukhthangekhafxrm Le porche du For epnswnprakxbthangsthaptykrrmthiswyngamsmburnaebb epnngansmyplaykhriststwrrsthi 12 sungepnswnmukhthangekhakhxngctursinchuxediywkn forum sungepnraebiyngthangedinsungxyusungbnchndadfaepidehnthungemuxngekaebuxnglang nxkehnuxcakxngkhprakxbswnihysungepnaebbormaenskaelw yngkhnphbephdanokhngaebbokhngaehlmxikdwy thangedinbriewnchnlangepnchxngokhngaebbkhrungwngklm sungmilksnaphiessthibriewnbwaetngokhngsungthanaeykcakknodyechuxmknephiynghinaekaslkephiyngsamsi swnbriewnchnbnepnthitngkhxngchaeplsmykhriststwrrsthi 15 sungihaesngswangdwybanhnatangthrngkxthikthifngxyuphayitokhrngchxngokhngthrngprathunthngsidan phayitmukhthangekhaprakxbdwypratuthangekhaaebngsungepnsxngaehng aehngthielkkwanneriykwa Porte Papale sngwniwsahrbsmedcphrasntapapaethann sungtxmainpikh s 1846 idmikarkhnphbbriewnthbhlngsungslkepnpraoykhphasalatinwa Scrutari papa Vive Deo pratuxikaehnghnungepnaebbormaenskaelabanpratuthadwythxngaedngchluepnlayhwsingot sungodyrwmaelwklmklunknidxyangswyngambriewnklangobsthxasnwiharnisrangkhuninrupaebbkangekhnlatinprakxbdwybriewnklangobsthcanwnhkchwng khnabkhangdwythangedinkhangsungsunginradbediywkn briewnplaykhxngaekhnkangekhnthngsxngepnthitngkhxngchaeplkhanglasxngaehng danbnkhxngchaeplcaepnraebiyngthangedin sudplaykhxngbriewnrxngephlngswdcaepnmukhokhngthrngsiehliymphunphaaelaepnthitngkhxngchaeplxiksxngaehngsungmiphnngmxngcakdannxkeriybsnith hxhlngkhaodm briewnhkchwngesannkhlumdwyhxhlngkhaodminaetlachwngsungaebngrbnahnkbriewnmumthngsiodychxngokhngthrngknkratha briewncudtdklangobsthnnmidanbnepnhxthrngaepdehliymsungrayrxbdwyhnatangthnghmdsxngchnaelapidyxdbnsuddwyhxhlngkhaodm sunghxhlngkhaodmnitngxyubnokhrngesakhnadihycanwnsiesa sungbriewnthanesannepnesathrngsiehliymphunphakhnadihysungthung 2 emtr briewnmumkhxngchwngesaaebbsiehliymniyngthuktkaetngdwychxngokhngthrngknkratha hxodmaehngniyngeriykkndwywa le clocher angelique briewnthangedinkhangthuksranginephdanaebbephdanokhngthrngprathunsxn ykewnbriewnsxngchwngsudthayfngthistawntksungcaepnaebbokhngsn echphaachwngthisamaelasinn rwmthunghxrakhngsranginsmyklangkhriststwrrsthi 12 inkhnathichwngthiehluxxun aelabriewnhnabnihynnsrangchwngplaykhriststwrrsthi 12 singthihamphlad mummxngcakbriewnklangobsthipyngbriewnrxngephlngswdsungmiaemphrachwidaepnxngkhprathanbriewnchaeplmhasnith La chapelle du Saint Sacrement epnthitngkhxnghibwtthumngkhlkhnadihyngansmykhriststwrrsthi 17 aelacaphbnganruppnaemphrachwidaxngkhedk xngkhcalxng aemphrachwidaxyuthiaethnbuchaexk xngkhprathanaehngxasnwihar ruppnnkbuyecmsihy briewnkhangitephdanmukhthangekha caphbpratubanimaekaslkxyangwicitrphlngansmykhriststwrrsthi 12 slkeslaepneruxngrawkhxngphraeysu ekhruxngsmbtiphayinhxngekbekhruxngphithi aelasilpakhristbriewndanbnkhxngwiharkhd hxlangbapaehngnkbuyyxhn sungtngxyuinbriewniklekhiyngdannxk ngancitrkrrmphaphpunepiykfaphnng xiththiphlsilpaibaesnithnphsmxitalithibriewntxnbnkhxngphnngaekhnkangekhnfngthisehnux sungepnnganaebbediywknkbthimng aesng miaechl hnngsuxpksithxngsahrbphuaeswngbuyodyechphaaphayinhxngekbekhruxngphithihxrakhngdwykhwamsungthung 56 emtr hxrakhngaehngnisrangaeykswnknkbtwwihar milksnaepnthansiehliymcturs prakxbdwychnthnghmdecdchn aetlachntkaetngkhlaykhlungkn aetmikhnadldhlnknipinaetlaradbchn thaihmikhwamrusukehmuxnepnluketahlaykhnadwangsxnkn chwngbnkhxnghxcarbnahnkphanthangchxngokhngaebbtn sungaetlachxngcaphannahnklngbnesathiaeykkn sungtngaetchnthisiepntnipnahnkkhxnghincakdlngodytrngbriewnesa hxrakhngaehngnimilksnathiyingsungcayingmichxngmakkhuncnsudthibriewnyxdhx chnlangsudmihlumfngsphcanwnsamaehng hnungaehngepnkhxngmukhnayk xiksxngaehngepnkhxngnkbwchekhnn sungthnghmdsamarthrxdcakkarthukthalayinsmykarptiwtifrngess chnbnepnthitngkhxngrakhngkhnadihycanwn 4 lukxangxingNotice n 00092734 Base Merimee krathrwngwthnthrrmaehngfrngessbrrnanukrm frngess Pierre Cubizolles Le diocese du Puy en Velay des origines a nos jours Editions Creer 2005 ISBN 2 84819 030 2 frngess La cathedrale Notre Dame du Puy en Velay Monum Editions du patrimoine Paris France ISBN 2 85822 866 3 2004 frngess Dictionnaire des eglises de France Belgique Luxembourg Suisse tome II B Robert Laffont Paris pp 112 117 frngess Olivier Beigbeder Forez Velay roman Editions Zodiaque La Pierre qui Vire France 1962 pp 31 86 frngess Francois Collombet Les Plus Belles Cathedrales de France Selection du Readers Digest Paris France ISBN 2 7098 0888 9 1997 pp 78 83 frngess Eugene Lefevre Pontalis Les Dates de la cathedrale du Puy Congres archeologique de France LXXIe session seances generales tenues au Puy en 1904 Paris Caen A Picard H Delesques vol 70 1905 p 158 162 ISSN 00698881 sthaniyxypraethsfrngess