หอล้างบาป หรือ หอบัพติศมา (อังกฤษ: Baptistery หรือ Baptistry) เป็นคริสต์ศาสนสถาน ที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างล้างบาปเป็นศูนย์กลาง หอล้างบาปอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์หรืออาสนวิหารซึ่งมีแท่นบูชาและคูหาสวดมนต์ของตนเอง ในศาสนาคริสต์ยุคแรกหอล้างบาปจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนาก่อนจะรับศีลล้างบาป และเป็นที่ทำพิธีล้างบาป
การสร้างหอล้างบาปอย่างสวยงามเป็นการแสดงถึงความสำคัญของการล้างบาปในศาสนาคริสต์ หอล้างบาปทรงแปดเหลี่ยมของมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรันเป็นหอล้างบาปแรกที่สร้างเพื่อการพิธีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นแบบลักษณะตัวอย่างของหอล้างบาปที่สร้างกันต่อมา ซึ่งบางครั้งจะเป็นสิบสองเหลี่ยม หรือกลมอย่างที่ปิซา ในบริเวณโถงทางเข้าโบสถ์คริสต์เป็นบริเวณที่ใช้สำหรับใช้เรียนคำสอนและสารภาพความศรัทธาก่อนที่จะทำการรับศีลล้างบาป โถงกลางจะมีอ่างล้างบาปป็นหลัก ซึ่งจะเป็นที่ที่ผู้รับศีลจะลงไปใต้น้ำสามหน จากอ่างจะเป็นบันไดสามขั้นลงไปในอ่าง ห้อยอยู่เหนืออ่างอาจจะเป็นนกพิลาปทองหรือเงินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ รูปเคารพที่ทำจากโมเสกบนผนัง หรือจิตรกรรมฝาผนังมักจะเป็นฉากชีวิตของนักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมา อ่างล้างบาปในระยะแรกมักจะทำด้วยหิน แต่ต่อมาก็มีการทำด้วโลหะบ้าง
แหล่งน้ำของหอล้างบาปของมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรันมาจากน้ำพุธรรมชาติ ก่อนที่จะมาเป็นมหาวิหารสิ่งก่อสร้างเดิมเป็นวังของครอบครัวพลอติอิ แลเตอร์รัน (Plautii Laterani) ผู้เป็นผู้บริหารของจักรพรรดิโรมัน จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 เป็นผู้ถวายวังนี้ให้กับบิชอปมิลทิอาเดส (Bishop Miltiades) น้ำพุธรรมชาติเป็นแหล่งน้ำของสิ่งก่อสร้างหลายสิ่งก่อสร้างภายในวัง เมื่อมีการเปลี่ยนศาสนาผู้เปลี่ยนก็ต้องรับล้างบาปทำให้แหล่งน้ำกลายเป็นความจำเป็น คาสสิโอโดรัสนักการเมืองและนักเขียนชาวโรมันบรรยายไว้ในปี ค.ศ. 527 ถึงการจัดงานเทศกาลฉลองที่โบสถ์เดิมของผู้นอกศาสนาทางใต้ของอิตาลีที่ยังมีวัฒนธรรมกรีก ที่เปลี่ยนเป็นมาเป็นหอล้างบาปสำหรับโบสถ์คริสต์ (“วาเรีย” 8.33) ในเอกสาร ค.ศ. 1999, ซามูเอล เจ บาร์นิช 2006-02-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ยกตัวอย่างของการเปลี่ยนจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เป็นหอล้างบาปจากนักบุญ (เสียชีวิตราว ค.ศ. 594) และนักบุญ (เสียชีวิตราว ค.ศ. 466)
หอล้างบาปเกิดขึ้นในสมัยที่มีผู้เข้ารีตที่เป็นผู้ใหญ่เป็นจำนวนมากที่ต้องรับศึลล้างบาปก่อนเป็นคริสต์ศาสนิกชนเต็มตัว และเมื่อกฎบังคับว่าการรับศีลล้างบาปต้องเป็นการดำลงใต้น้ำมิใช่แต่เพียงพรมน้ำอย่างสมัยหลัง หอล้างบาปมาสร้างกันภายหลังสมัยคอนสแตนตินผู้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมายของจักรวรรดิโรมัน ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 อ่างล้างบาปจะสร้างภายในบริเวณซุ้มหน้าหรือภายในตัวโบสถ์ หลังจากคริสต์ศตวรรษที่ 9 จำนวนเด็กที่รับล้างบาปเพิ่มมากขึ้น แต่การสร้างหอล้างบาปลดน้อยลง หอล้างบาปเดิมที่สร้างบางหอก็มีขนาดใหญ่จนสามารถใช้เป็นที่ประชุมสังคายนาได้ การสร้างหอล้างบาปใหญ่ในศาสนาคริสต์ยุคแรกก็เพื่อให้บิชอปทำพิธีศึลล้างบาปหมู่ให้กับผู้ต้องการมานับถือคริสต์ศาสนาในมุขมณฑลได้ ฉะนั้นหอล้างบาปจึงมักเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างติดกับมหาวิหารซึ่งเป็นโบสถ์ของบิชอปและไม่สร้างสำหรับโบสถ์ประจำท้องถิ่น นอกจากนั้นการทำพิธีศึลล้างบาปหมู่ก็ทำกันเพียงสามครั้งต่อปี ซึ่งก็หมายความว่าก็จะมีผู้รับศีลและผู้เข้าร่วมพิธีมาก
ในเดือนที่มิได้ทำพิธีศีลล้างบาปประตูหอล้างบาปก็ปิดตายโดยตราของบิชอปเพื่อรักษากฎปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของการทำพิธีล้างบาปภายในมุขมณฑล การทำพิธีล้างบาปบางครั้งแบ่งเป็นสองตอน ๆ หนึ่งเป็นพิธีสำหรับผู้ชายและอีกตอนหนึ่งเป็นพิธีสำหรับผู้หญิง บางครั้งหอล้างบาปก็จะแยกเป็นสองหอ ๆ หนึ่งสำหรับผู้ชายและอีกหอหนึ่งสำหรับผู้หญิง บางครั้งก็อาจจะมีเตาผิงเพื่ออุ่นผู้ที่ขึ้นจากน้ำ
แม้ว่าประกาศจากสภาสังคายนาที่อ็อกแซร์ (Council of Auxerre) ในปี ค.ศ. 578 จะระบุห้ามการใช้หอล้างบาปเป็นที่ฝังศพ แต่ก็ยังมีการทำกัน พระสันตะปาปาเท็จจอห์นที่ 23 ถูกฝังไว้ที่ (Battistero di San Giovanni (Florence) หน้ามหาวิหารฟลอเรนซ์ เป็นพิธีใหญ่โตเมื่อสร้างอนุสรณ์ อาร์ชบิชอปสมัยแรกๆ ของมุขมณฑลแคนเตอร์บรี ก็ฝังไว้ภายในหอล้างบาปของมหาวิหารแคนเทอร์เบอรี
การเปลื่ยนการรับศีลล้างบาปจากการดำลงไปทั้งตัวมาเป็นการพรมน้ำทำให้ความจำเป็นในการใช้หอล้างบาปทึ่มีอ่างล้างบาปใหญ่เพื่อการนั้นลดน้อยลง ในปัจจุบันก็มีการใช้กันอยู่บ้างเช่นในเมืองฟลอเรนซ์และปีซา
หอล้างบาปของมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรันเห็นจะเป็นหอล้างบาปที่เก่าที่สุดที่ยังใช้กันอยู่ ตัวสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ตรงกลางหอเป็นอ่างล้างบาปแปดเหลี่ยมล้อมรอบด้วยคอลัมน์หินพอร์ไฟรี (Porphyry) สีม่วงแดง หัวเสาเป็นหินอ่อนและการตกแต่งตอนบนเป็นแบบคลาสสิก (กรีกโรมัน) รอบเป็นจรมุขหรือทางเดินรอบและผนังแปดเหลี่ยม ด้านหนึ่งทางด้านมหาวิหารเป็นซุ้มพอร์ไฟรีที่ตกแต่งอย่างวิจิตร
จากคริสต์ศตวรรษที่ 4 ใช้เป็นหอล้างบาปและเป็นที่เก็บศพของพระราชธิดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 โครงสร้างยังอยู่ในสภาพที่ดีมากโดยมีโดมกลาง, คอลัมน์, และงานโมเสกแบบคลาสสิก ในซุ้มเล็กสองซุ้มเป็นงานโมเสกที่เก่าที่สุดที่เป็นเรื่องคริสต์ศาสนา ภาพหนึ่งเป็นโมเสส รับพระกฎบัตรเดิม และอีกภาพหนึ่งเป็นพระเยซูมอบพันธสัญญาใหม่ที่ประทับด้วยอักษร “XP” ให้นักบุญเปโตร
สิ่งก่อสร้างที่เก่าที่สุดอีกแห่งหนึ่งที่เคยใช้เป็นหอล้างบาปที่มีลักษณะเหมือนที่เก็บศพก็คือหอล้างบาปที่ดูรา-ยูโรพาส (Dura-Europas) [2] 2005-05-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน และทึ่ขุดพบที่อควิเลเอีย หรือที่ ซาโลนา (Salona) ราเวนนามีหอล้างบาปที่ภายในตกแต่งด้วยโมเสกอย่างงดงาม หอหนึ่งสร้างในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 5 และอีกหอหนี่งที่ 6 ซึ่งเป็นสมัยเดียวกัยอีกหอหนี่งที่เนเปิลส์
ทางตะวันออกหอล้างบาปที่อิสตันบูลยังอยู่ติดด้านข้างของซึ่งเดิมเป็นมหาวิหารเซนต์โซเฟีย หอล้างบาปที่พบที่อื่นก็มีซีเรีย, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ
อ้างอิง
- Catholic Encyclopedia. Baptistery. [1]
ดูเพิ่ม
สมุดภาพ
- ที่บรรจุศพที่โบสถ์ซานตาคอสแทนซาที่โรมที่ใช้เป็นหอล้างบาป คริสต์ศตวรรษที่ 4
-
- อ่างล้างบาปแปดเหลี่ยมภายในหอล้างบาปปิซา
- “พระเยซูทรงรับบัพติศมา” จาก นักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมาโดยมีพระวิญญานบริสุทธิ์อยู่เหนือพระเยซู งานโมเสกภายในหอล้างบาปอาริอัน (Arian baptistry)
ราเวนนา, อิตาลี -
-
- ผังหอล้างบาปหของมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน, โรม, อิตาลี
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha hxlangbap hrux hxbphtisma xngkvs Baptistery hrux Baptistry epnkhristsasnsthan thisrangepnxisracaksingkxsrangxunodymixanglangbapepnsunyklang hxlangbapxaccaepnswnhnungkhxngobsthhruxxasnwiharsungmiaethnbuchaaelakhuhaswdmntkhxngtnexng insasnakhristyukhaerkhxlangbapcaepnsthansahrbphucaekhariteriynrueruxngsasnakxncarbsillangbap aelaepnthithaphithilangbaphxlangbapklmemuxngpisatngxyukhangtwmhawiharhxlangbappracamhawiharnkbuyyxhn laetrnhxlangbapthiflxerns karsranghxlangbapxyangswyngamepnkaraesdngthungkhwamsakhykhxngkarlangbapinsasnakhrist hxlangbapthrngaepdehliymkhxngmhawiharnkbuyyxhn laetrnepnhxlangbapaerkthisrangephuxkarphithiniodyechphaa sungepnaebblksnatwxyangkhxnghxlangbapthisrangkntxma sungbangkhrngcaepnsibsxngehliym hruxklmxyangthipisa inbriewnothngthangekhaobsthkhristepnbriewnthiichsahrbicheriynkhasxnaelasarphaphkhwamsrththakxnthicathakarrbsillangbap othngklangcamixanglangbappnhlk sungcaepnthithiphurbsilcalngipitnasamhn cakxangcaepnbnidsamkhnlngipinxang hxyxyuehnuxxangxaccaepnnkphilapthxnghruxenginsungepnsylksnkhxngphrawiyyanbrisuththi rupekharphthithacakomeskbnphnng hruxcitrkrrmfaphnngmkcaepnchakchiwitkhxngnkbuyyxhnphuihbphtisma xanglangbapinrayaaerkmkcathadwyhin aettxmakmikarthadwolhabang aehlngnakhxnghxlangbapkhxngmhawiharnkbuyyxhn laetrnmacaknaphuthrrmchati kxnthicamaepnmhawiharsingkxsrangedimepnwngkhxngkhrxbkhrwphlxtixi aeletxrrn Plautii Laterani phuepnphubriharkhxngckrphrrdiormn ckrphrrdikhxnsaetntinthi 1 epnphuthwaywngniihkbbichxpmilthixaeds Bishop Miltiades naphuthrrmchatiepnaehlngnakhxngsingkxsranghlaysingkxsrangphayinwng emuxmikarepliynsasnaphuepliynktxngrblangbapthaihaehlngnaklayepnkhwamcaepn khassioxodrsnkkaremuxngaelankekhiynchawormnbrryayiwinpi kh s 527 thungkarcdnganethskalchlxngthiobsthedimkhxngphunxksasnathangitkhxngxitalithiyngmiwthnthrrmkrik thiepliynepnmaepnhxlangbapsahrbobsthkhrist waeriy 8 33 inexksar kh s 1999 samuexl ec barnich 2006 02 11 thi ewyaebkaemchchin yktwxyangkhxngkarepliyncaknaphuskdisiththiepnhxlangbapcaknkbuy esiychiwitraw kh s 594 aelankbuy esiychiwitraw kh s 466 hxlangbapekidkhuninsmythimiphuekharitthiepnphuihyepncanwnmakthitxngrbsullangbapkxnepnkhristsasnikchnetmtw aelaemuxkdbngkhbwakarrbsillangbaptxngepnkardalngitnamiichaetephiyngphrmnaxyangsmyhlng hxlangbapmasrangknphayhlngsmykhxnsaetntinphuprakasihsasnakhristepnsasnathithuktxngtamkdhmaykhxngckrwrrdiormn tngaetkhriststwrrsthi 6 xanglangbapcasrangphayinbriewnsumhnahruxphayintwobsth hlngcakkhriststwrrsthi 9 canwnedkthirblangbapephimmakkhun aetkarsranghxlangbapldnxylng hxlangbapedimthisrangbanghxkmikhnadihycnsamarthichepnthiprachumsngkhaynaid karsranghxlangbapihyinsasnakhristyukhaerkkephuxihbichxpthaphithisullangbaphmuihkbphutxngkarmanbthuxkhristsasnainmukhmnthlid channhxlangbapcungmkepnsingkxsrangthisrangtidkbmhawiharsungepnobsthkhxngbichxpaelaimsrangsahrbobsthpracathxngthin nxkcaknnkarthaphithisullangbaphmukthaknephiyngsamkhrngtxpi sungkhmaykhwamwakcamiphurbsilaelaphuekharwmphithimak ineduxnthimiidthaphithisillangbappratuhxlangbapkpidtayodytrakhxngbichxpephuxrksakdptibtixyangekhrngkhrdkhxngkarthaphithilangbapphayinmukhmnthl karthaphithilangbapbangkhrngaebngepnsxngtxn hnungepnphithisahrbphuchayaelaxiktxnhnungepnphithisahrbphuhying bangkhrnghxlangbapkcaaeykepnsxnghx hnungsahrbphuchayaelaxikhxhnungsahrbphuhying bangkhrngkxaccamietaphingephuxxunphuthikhuncakna aemwaprakascaksphasngkhaynathixxkaesr Council of Auxerre inpi kh s 578 carabuhamkarichhxlangbapepnthifngsph aetkyngmikarthakn phrasntapapaethccxhnthi 23 thukfngiwthi Battistero di San Giovanni Florence hnamhawiharflxerns epnphithiihyotemuxsrangxnusrn xarchbichxpsmyaerk khxngmukhmnthlaekhnetxrbri kfngiwphayinhxlangbapkhxngmhawiharaekhnethxrebxri karepluynkarrbsillangbapcakkardalngipthngtwmaepnkarphrmnathaihkhwamcaepninkarichhxlangbapthumixanglangbapihyephuxkarnnldnxylng inpccubnkmikarichknxyubangechninemuxngflxernsaelapisa hxlangbapkhxngmhawiharnkbuyyxhn laetrnehncaepnhxlangbapthiekathisudthiyngichknxyu twsingkxsrangswnihyyngepnsingkxsrangthisrangodyckrphrrdikhxnsaetntinthi 1 trngklanghxepnxanglangbapaepdehliymlxmrxbdwykhxlmnhinphxrifri Porphyry simwngaedng hwesaepnhinxxnaelakartkaetngtxnbnepnaebbkhlassik krikormn rxbepncrmukhhruxthangedinrxbaelaphnngaepdehliym danhnungthangdanmhawiharepnsumphxrifrithitkaetngxyangwicitr cakkhriststwrrsthi 4 ichepnhxlangbapaelaepnthiekbsphkhxngphrarachthidakhxngckrphrrdikhxnsaetntinthi 1 okhrngsrangyngxyuinsphaphthidimakodymiodmklang khxlmn aelanganomeskaebbkhlassik insumelksxngsumepnnganomeskthiekathisudthiepneruxngkhristsasna phaphhnungepnomess rbphrakdbtredim aelaxikphaphhnungepnphraeysumxbphnthsyyaihmthiprathbdwyxksr XP ihnkbuyepotr singkxsrangthiekathisudxikaehnghnungthiekhyichepnhxlangbapthimilksnaehmuxnthiekbsphkkhuxhxlangbapthidura yuorphas Dura Europas 2 2005 05 19 thi ewyaebkaemchchin aelathukhudphbthixkhwielexiy hruxthi saolna Salona raewnnamihxlangbapthiphayintkaetngdwyomeskxyangngdngam hxhnungsranginsmyklangkhriststwrrsthi 5 aelaxikhxhningthi 6 sungepnsmyediywkyxikhxhningthienepils thangtawnxxkhxlangbapthixistnbulyngxyutiddankhangkhxngsungedimepnmhawiharesntosefiy hxlangbapthiphbthixunkmisieriy frngess aela xngkvsxangxingCatholic Encyclopedia Baptistery 1 duephimaephnphngmhawihar mhawihar sthaptykrrmibaesnithn sthaptykrrmormaensk sthaptykrrmkxthik sthaptykrrmkarkxsrangmhawiharinyuorptawntksmudphaphthibrrcusphthiobsthsantakhxsaethnsathiormthiichepnhxlangbap khriststwrrsthi 4 sakhxlangbap khriststwrrsthi 6 buothrthum Buthrotum praethsaexlebeniy xanglangbapaepdehliymphayinhxlangbappisa phraeysuthrngrbbphtisma cak nkbuyyxhnphuihbphtismaodymiphrawiyyanbrisuththixyuehnuxphraeysu nganomeskphayinhxlangbapxarixn Arian baptistry raewnna xitali nganaekaehnuxpratu thangekhahlangbap praethsxitali citrkrrmfaphnngphayitodmkhxnghxlangbap praethsxitali phnghxlangbaphkhxngmhawiharnkbuyyxhn laetrn orm xitaliwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb hxlangbap