การยิงสลุต (อังกฤษ: gun-salute) คำว่า “สลุต” นั้นมาจากรากศัพท์ของคำว่า “Salutio” ในภาษาลาติน จุดเริ่มต้นของธรรมเนียมการยิงสลุตนี้กล่าวกันว่า ในสมัยโบราณ เรือสินค้าที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลในระยะทางไกลจำเป็นที่จะต้องมีปืนใหญ่ไว้คุ้มครองสินค้าบนเรือ และจะต้องมีการบรรจุดินปืนในกระบอกปืนไว้ก่อนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน แต่เมื่อเรือได้เดินทางไปถึงท่าเรือของประเทศที่เรือลำดังกล่าวต้องเข้าไปทำการค้าด้วย จึงต้องยิงปืนใหญ่ที่บรรจุแต่ดินปืนออกไปให้หมดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่ามาอย่างมิตร มิใช่ศัตรู ตั้งแต่นั้นมาจึงได้เกิดเป็นประเพณีการยิงสลุตขึ้น เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกันระหว่างเจ้าบ้านและผู้มาเยือน อันเป็นประเพณีที่ชาวเรือได้สืบทอดกันต่อมา
ตามธรรมเนียมของทหารเรือ การยิงสลุตจำนวน 21 นัดจะยิงเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ประมุขแห่งรัฐ จำนวนกระสุนที่ใช้ยิงสลุตจะลดหลั่นลงมาตามลำดับยศของนายทหารและข้าราชการผู้รับการสลุต กรณีที่มีการยิงสลุตจำนวนมากกว่า 21 นัด จะยิงขึ้นในโอกาสพิเศษเท่านั้น
การยิงสลุตในโลก
การยิงสลุต ถือเป็นธรรมเนียมที่ทุกอารยประเทศทั่วโลก ได้ยึดถือสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพให้แก่ชาติ หรือ ธง หรือ บุคคล โดยยิงปืนใหญ่ด้วยดินดำ หรือดินไม่มีควัน มีจำนวนนัดเป็นเกณฑ์ตามควรแก่เกียรติ หรือสิ่งที่ควรรับความเคารพนั้น
จุดเริ่มต้นของธรรมเนียมการยิงสลุตนี้กล่าวกันว่า ในสมัยโบราณ เรือสินค้าที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลในระยะทางไกลจำเป็นที่จะต้องมีปืนใหญ่ไว้คุ้มครองสินค้าบนเรือ และจะต้องมีการบรรจุดินปืนในกระบอกปืนไว้ก่อนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน แต่เมื่อเรือได้เดินทางไปถึงท่าเรือของประเทศที่เรือลำดังกล่าวต้องเข้าไปทำการค้าด้วย จึงต้องยิงปืนใหญ่ที่บรรจุแต่ดินปืนออกไปให้หมดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่ามาอย่างมิตร มิใช่ศัตรู ตั้งแต่นั้นมาจึงได้เกิดเป็นประเพณีการยิงสลุตขึ้น เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกันระหว่างเจ้าบ้านและผู้มาเยือน อันเป็นประเพณีที่ชาวเรือได้สืบทอดกันต่อมา แต่เดิมประเพณีการยิงสลุตได้กำหนดตัวเลขการยิงเอาไว้ที่จำนวน 7 นัด ซึ่งในขณะนั้นทางทวีปยุโรปถือว่าเป็นเลขดี เพราะเชื่อกันตามคัมภีร์ฝรั่งที่ถือว่าพระเจ้าสร้างโลกใน 7 วัน หรือเหตุผลอีกกระแสหนึ่งที่ว่าบนเรือรบแต่ละลำมีปืนใหญ่ลำละ 7 กระบอก จึงต้องยิงให้เคลียร์หมดทุกกระบอกๆ ละ 1 นัด และยังมีธรรมเนียมต่อไปอีกว่า เมื่อเรือสินค้าได้ยิงให้แก่เจ้าของจำนวน 7 นัดแล้ว ทางป้อมปืนใหญ่ของชาติเจ้าของท่าจึงต้องยิงตอบออกมาเป็นจำนวน 3 เท่า ซึ่งก็คือ 21 นัด ในเวลาต่อมาได้มีการทำความตกลงกันใหม่ว่าควรให้ทั้งสองฝ่ายยิงในจำนวน 21 นัดเท่ากัน โดยมีประเทศอังกฤษเป็นชาติแรกในการวางกฎระเบียบการยิงสลุต 21 นัด และได้ถือเป็นกติกาสากลสืบต่อกันมา เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ชาติและพระมหากษัตริย์ของประเทศนั้น ๆ
การยิงสลุตในประเทศไทย
เท่าที่ปรากฏตามหลักฐาน ประเทศไทยมีการยิงสลุตครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีในบันทึกของจดหมายเหตุฝรั่งเศสกล่าวถึงเรือรบฝรั่งเศสชื่อ เลอโวตูร์ ที่ได้เดินทางเข้ามาถึงป้อมวิชเยนทร์ (ป้อมวิชัยประสิทธิ์ในปัจจุบัน) ที่เมืองบางกอก มองซิเออร์คอนูแอล กัปตันเรือได้มีใบบอกเข้าไปถามทางราชสำนักอยุธยาว่าจะขอยิงสลุตให้เป็นเกียรติแก่ชาติสยาม ทางราชสำนักจะขัดข้องไหม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงรับสั่งให้ออกพระศักดิ์สงคราม (มองซิเออร์คอม เดอร์ ฟอร์แบงก์ นายทหารชาวฝรั่งเศส) ผู้รักษาป้อมในขณะนั้น อนุญาตให้ฝรั่งเศสยิงสลุตได้ ต่อมาเมื่อสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์แล้ว พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่คือสมเด็จพระเพทราชา ทรงไม่โปรดปรานฝรั่งเศส จึงทำให้ธรรมเนียมการยิงสลุตได้ถูกยกเลิกไป แต่ถึงที่สุดแล้ว ธรรมเนียมการยิงสลุตนี้ ก็ได้เริ่มกลับมารื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 คราวที่ต้อนรับ เซอร์ จอห์น เบาว์ริง ราชทูตอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2398
นั้นได้จัด 1 กองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ในขั้นตอนถวายพระพร โดยใช้ จำนวน 4 กระบอก ซึ่งปรับปรุงดัดแปลงมาจากปืนใหญ่ที่ผลิตจาก ราชอาณาจักรสวีเดน ที่เข้าประจำการเป็นปืนใหญ่ของกองพล เมื่อปี พ.ศ. 2480 โดยทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมีจำนวน 21 นัด สมัยก่อนการยิงสลุตในประเทศไทยยังไม่มีข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์อย่างไร เพิ่งจะมีข้อบังคับในการยิงสลุตเมื่อปลายสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2448 เรียกว่า “ข้อบังคับว่าด้วยการยิงสลุต ร.ศ.125” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การยิงสลุตหลวง และการยิงสลุตเป็นเกียรติแก่ข้าราชการ ครั้นถึงรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชกำหนดการยิงสลุตขึ้นใหม่ คือ การยิงสลุต ร.ศ.131 (พ.ศ. 2455) กำหนดให้มีจำนวนปืนไม่ต่ำกว่า 4 กระบอก ซึ่งมีขนาดลำกล้องไม่เกิน 120มิลลิเมตร ห้ามยิงตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกไปแล้วจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น แบ่งประเภทการยิงสลุตไว้ 3 ประเภท คือ
- สลุตหลวง แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ สลุตหลวงธรรมดา มีจำนวน 21 นัด และสลุตหลวงพิเศษ มีจำนวน 101 นัด (ต่อมาในรัชกาลที่ 7 เพื่อเป็นการประหยัดดินปืน จึงไม่ทรงให้ยิงสลุตหลวงพิเศษ)
- สลุตข้าราชการ
- สลุตนานาชาติ
พระราชกำหนดยิงสลุต ร.ศ.131 (พ.ศ. 2455) ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ. 2483 ดังนั้นประเพณียิงสลุตจึงได้อวสานลงเพียงแค่นั้น แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ทางราชการจึงรื้อฟื้นประเพณียิงสลุตขึ้นมาใหม่ ซึ่งเริ่มยิงสลุตครั้งแรกในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2491 เนื่องในพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ 9 ดังนั้นประเพณีการยิงสลุตจึงสืบทอดจากนั้นมาจนทุกวันนี้ โดยกำหนดข้อบังคับไว้โดยสรุปดังนี้ กองทหารซึ่งมีหน้าที่ยิงสลุต เฉพาะเมื่อรับงานหนึ่ง ๆ การยิงสลุต ให้ใช้ปืนไม่ต่ำกว่า 2 กระบอก โดยปกติห้ามมิให้มีการยิงสลุตในระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์อัสดงคตไปจนถึงเวลาธงขึ้น คือ 8 นาฬิกา เว้นแต่เป็นการพิเศษที่มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมเฉพาะคราว
คำว่า “ สลุตหลวง ” นั้น หมายความว่า การยิงสลุตมีจำนวน 21 นัด
คำว่า “ สลุตหลวงพิเศษ ” นั้น หมายความว่า การยิงสลุตมีจำนวน 101 นัด และให้กระทำได้ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหม
กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ถือว่าเป็นหน่วยยิงสลุตในส่วนของทหารบก โดยจัด 1 กองร้อยปืนใหญ่ ซึ่งปรับปรุงดัดแปลงมาจากปืนใหญ่ที่ผลิตจากบริษัท โบฟอร์ด ประเทศสวีเดน ที่เข้าประจำการเป็นปืนใหญ่ของกองพล เมื่อปี พ.ศ. 2480 ซึ่งปกติจะทำการยิงสลุตในพระราชพิธีหรือ รัฐพิธีต่าง ๆ ตามปกติในวงรอบ 1 ปี จะทำการยิง 4 ครั้ง ดังนี้คือ
- วันฉัตรมงคล วันที่ 4 พฤษภาคม
- วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี วันที่ 3 มิถุนายน
- วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม
- วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม
ในวันที่ 4 พฤษภาคม 3 มิถุนายน 28 กรกฎาคม และ 12 สิงหาคม ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ ทำการยิงสลุต เวลา 12 นาฬิกา (เที่ยงตรง) โดยยิงสลุตตามจังหวะเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีจำนวน 21 นัด
นอกจากวันสำคัญทั้งสามแล้ว ยังมีการยิงสลุตหลวงอีกตามโอกาสพระราชพิธีเฉพาะ ได้แก่
- โอกาสประสูติพระราชโอรส
- วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อถวายพระเกียรติยศของพระบรมศพ งานพระราชพิธีที่ผ่านมา โดยยิงสลุตตามจังหวะเสียงเพลงพญาโศก ได้แก่
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าจ้าอยู่หัว วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2454
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในรัชกาลที่ 6 และ 7 วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2463
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2469
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2493
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าในรัชกาลที่ 8 และ 9 วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2499
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2528
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในรัชกาลที่ 8 และ 9 วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2539
- พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระบรมวงศ์ที่ดำรงพระยศทางทหารหรือพระบรมวงศ์ที่พระมหากษัตริย์ทรงเคารพยกย่องเป็นพิเศษ โดยยิงสลุตตามจังหวะเสียงเพลงพญาโศก เช่น
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2472
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจอมพล สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2463
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพลเรือเอก สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2468
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2471
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพันเอกพิเศษ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 8 และ 9 วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2473
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
- พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555
- พระราชพิธีอันเป็นการเฉลิมฉลองมงคลในวาระพิเศษแห่งราชสมบัติหรือพระชนมายุ เช่น
- พระราชพิธีรัชดาภิเษก
- พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก
- พระราชพิธีกาญจนาภิเษก
- พระราชพิธีฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
- พิธีต้อนรับประมุขของต่างประเทศ ในฐานะพระราชอาคันตุกะ และ พระอาคันตุกะ ในโอกาสที่มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
ระเบียงภาพ
- การยิงสลุต 6 นัด ฉลองพระประสูติการของเจ้าชายสแวร์เรอ มักนุสแห่งนอร์เวย์ โอรสในเจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 (1 วันหลังการประสูติ)
- การยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ 21 นัด เนื่องในวันฉัตรมงคลในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ณ ท้องสนามหลวง
- ทหารปืนใหญ่จากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ยิงสลุตเพื่อถวายพระเกียรติแก่พระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ระเบียบกองทัพเรือว่าด้วยการปฏิบัติในการยิงสลุต พ.ศ. ๒๕๑๘
- ตำนานการยิงสลุต (ป.พัน.๑ รอ.) 2011-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karyingslut xngkvs gun salute khawa slut nnmacakraksphthkhxngkhawa Salutio inphasalatin cuderimtnkhxngthrrmeniymkaryingslutniklawknwa insmyobran eruxsinkhathitxngedinthangkhamnakhamthaelinrayathangiklcaepnthicatxngmipunihyiwkhumkhrxngsinkhabnerux aelacatxngmikarbrrcudinpuninkrabxkpuniwkxnephuxepnkaretriymkhwamphrxmephuxiwinkrnichukechin aetemuxeruxidedinthangipthungthaeruxkhxngpraethsthieruxladngklawtxngekhaipthakarkhadwy cungtxngyingpunihythibrrcuaetdinpunxxkipihhmdephuxaesdngkhwambrisuththiicwamaxyangmitr miichstru tngaetnnmacungidekidepnpraephnikaryingslutkhun ephuxepnkaraesdngkhwamekharphtxknrahwangecabanaelaphumaeyuxn xnepnpraephnithichaweruxidsubthxdkntxmathhareruxaehngkxngthpheruxshrthxemrikayingslutephuxepnekiyrtiaekphuwakarrthflxridabneruxrb USS MOMSEN tamthrrmeniymkhxngthharerux karyingslutcanwn 21 ndcayingephuxepnekiyrtiysaekpramukhaehngrth canwnkrasunthiichyingslutcaldhlnlngmatamladbyskhxngnaythharaelakharachkarphurbkarslut krnithimikaryingslutcanwnmakkwa 21 nd cayingkhuninoxkasphiessethannkaryingslutinolkkaryingslut thuxepnthrrmeniymthithukxarypraethsthwolk idyudthuxsubthxdknmaaetkhrngobran ephuxepnkaraesdngkhwamekharphihaekchati hrux thng hrux bukhkhl odyyingpunihydwydinda hruxdinimmikhwn micanwnndepneknthtamkhwraekekiyrti hruxsingthikhwrrbkhwamekharphnn cuderimtnkhxngthrrmeniymkaryingslutniklawknwa insmyobran eruxsinkhathitxngedinthangkhamnakhamthaelinrayathangiklcaepnthicatxngmipunihyiwkhumkhrxngsinkhabnerux aelacatxngmikarbrrcudinpuninkrabxkpuniwkxnephuxepnkaretriymkhwamphrxmephuxiwinkrnichukechin aetemuxeruxidedinthangipthungthaeruxkhxngpraethsthieruxladngklawtxngekhaipthakarkhadwy cungtxngyingpunihythibrrcuaetdinpunxxkipihhmdephuxaesdngkhwambrisuththiicwamaxyangmitr miichstru tngaetnnmacungidekidepnpraephnikaryingslutkhun ephuxepnkaraesdngkhwamekharphtxknrahwangecabanaelaphumaeyuxn xnepnpraephnithichaweruxidsubthxdkntxma aetedimpraephnikaryingslutidkahndtwelkhkaryingexaiwthicanwn 7 nd sunginkhnannthangthwipyuorpthuxwaepnelkhdi ephraaechuxkntamkhmphirfrngthithuxwaphraecasrangolkin 7 wn hruxehtuphlxikkraaeshnungthiwabneruxrbaetlalamipunihylala 7 krabxk cungtxngyingihekhliyrhmdthukkrabxk la 1 nd aelayngmithrrmeniymtxipxikwa emuxeruxsinkhaidyingihaekecakhxngcanwn 7 ndaelw thangpxmpunihykhxngchatiecakhxngthacungtxngyingtxbxxkmaepncanwn 3 etha sungkkhux 21 nd inewlatxmaidmikarthakhwamtklngknihmwakhwrihthngsxngfayyingincanwn 21 ndethakn odymipraethsxngkvsepnchatiaerkinkarwangkdraebiybkaryingslut 21 nd aelaidthuxepnktikasaklsubtxknma ephuxepnkarihekiyrtiaekchatiaelaphramhakstriykhxngpraethsnn karyingslutinpraethsithyethathiprakttamhlkthan praethsithymikaryingslutkhrngaerkinsmysmedcphranaraynmharach sungmiinbnthukkhxngcdhmayehtufrngessklawthungeruxrbfrngesschux elxowtur thiidedinthangekhamathungpxmwicheynthr pxmwichyprasiththiinpccubn thiemuxngbangkxk mxngsiexxrkhxnuaexl kptneruxidmiibbxkekhaipthamthangrachsankxyuthyawacakhxyingslutihepnekiyrtiaekchatisyam thangrachsankcakhdkhxngihm smedcphranaraynmharachcungrbsngihxxkphraskdisngkhram mxngsiexxrkhxm edxr fxraebngk naythharchawfrngess phurksapxminkhnann xnuyatihfrngessyingslutid txmaemuxsinaephndinsmedcphranaraynaelw phraecaaephndinphraxngkhihmkhuxsmedcphraephthracha thrngimoprdpranfrngess cungthaihthrrmeniymkaryingslutidthukykelikip aetthungthisudaelw thrrmeniymkaryingslutni kiderimklbmaruxfunkhunxikkhrnginsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 khrawthitxnrb esxr cxhn ebawring rachthutxngkvs emuxpi ph s 2398 nnidcd 1 kxngrxypunihyyingslut inkhntxnthwayphraphr odyich canwn 4 krabxk sungprbprungddaeplngmacakpunihythiphlitcak rachxanackrswiedn thiekhapracakarepnpunihykhxngkxngphl emuxpi ph s 2480 odythakaryingtamcnghwakhxngephlngsrresriyphrabarmicanwn 21 nd smykxnkaryingslutinpraethsithyyngimmikhxbngkhbhruxkdeknthxyangir ephingcamikhxbngkhbinkaryingslutemuxplaysmyrchkalthi 5 emux ph s 2448 eriykwa khxbngkhbwadwykaryingslut r s 125 aebngxxkepn 2 praephth khux karyingsluthlwng aelakaryingslutepnekiyrtiaekkharachkar khrnthungrchkalthi 6 thrngphrakrunaoprdeklaihtraphrarachkahndkaryingslutkhunihm khux karyingslut r s 131 ph s 2455 kahndihmicanwnpunimtakwa 4 krabxk sungmikhnadlaklxngimekin 120milliemtr hamyingtngaetewlaphraxathitytkipaelwcnthungphraxathitykhun aebngpraephthkaryingslutiw 3 praephth khux sluthlwng aebngepn 2 chnid khux sluthlwngthrrmda micanwn 21 nd aelasluthlwngphiess micanwn 101 nd txmainrchkalthi 7 ephuxepnkarprahyddinpun cungimthrngihyingsluthlwngphiess slutkharachkar slutnanachati phrarachkahndyingslut r s 131 ph s 2455 idthukykelikipemux ph s 2483 dngnnpraephniyingslutcungidxwsanlngephiyngaekhnn aetemuxsngkhramolkkhrngthi 2 idyutilng thangrachkarcungruxfunpraephniyingslutkhunmaihm sungerimyingslutkhrngaerkinwnthi 5 thnwakhm ph s 2491 enuxnginphrarachphithiwnechlimphrachnmphrrsakhxngrchkalthi 9 dngnnpraephnikaryingslutcungsubthxdcaknnmacnthukwnni odykahndkhxbngkhbiwodysrupdngni kxngthharsungmihnathiyingslut echphaaemuxrbnganhnung karyingslut ihichpunimtakwa 2 krabxk odypktihammiihmikaryingslutinrahwangewlatngaetphraxathityxsdngkhtipcnthungewlathngkhun khux 8 nalika ewnaetepnkarphiessthimikhasngkrathrwngklaohmechphaakhraw khawa sluthlwng nn hmaykhwamwa karyingslutmicanwn 21 nd khawa sluthlwngphiess nn hmaykhwamwa karyingslutmicanwn 101 nd aelaihkrathaidtxemuxidrbkhasngcakkrathrwngklaohm kxngphnthharpunihythi 1 krmthharpunihythi 1 rksaphraxngkh thuxwaepnhnwyyingslutinswnkhxngthharbk odycd 1 kxngrxypunihy sungprbprungddaeplngmacakpunihythiphlitcakbristh obfxrd praethsswiedn thiekhapracakarepnpunihykhxngkxngphl emuxpi ph s 2480 sungpkticathakaryingslutinphrarachphithihrux rthphithitang tampktiinwngrxb 1 pi cathakarying 4 khrng dngnikhux wnchtrmngkhl wnthi 4 phvsphakhm wnechlimphrachnmphrrsa smedcphranangecasuthida phchrsuthaphimllksn phrabrmrachini wnthi 3 mithunayn wnechlimphrachnmphrrsa phrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhw wnthi 28 krkdakhm wnechlimphrachnmphrrsa smedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng wnthi 12 singhakhm inwnthi 4 phvsphakhm 3 mithunayn 28 krkdakhm aela 12 singhakhm thharbk thharerux aelathharxakas thakaryingslut ewla 12 nalika ethiyngtrng odyyingsluttamcnghwaesiyngephlngsrresriyphrabarmicanwn 21 nd nxkcakwnsakhythngsamaelw yngmikaryingsluthlwngxiktamoxkasphrarachphithiechphaa idaek oxkasprasutiphrarachoxrs wnphrabrmrachsmphphphrabathsmedcphrawchireklaecaxyuhw wnthi 28 krkdakhm ph s 2495phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsph ephuxthwayphraekiyrtiyskhxngphrabrmsph nganphrarachphithithiphanma odyyingsluttamcnghwaesiyngephlngphyaosk idaek phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphraprminthrmhaculalngkrn phraculcxmeklacaxyuhw wnthi 16 minakhm ph s 2454 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwnginrchkalthi 6 aela 7 wnthi 24 phvsphakhm ph s 2463 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphrapremnthrmhawchirawuth phramngkudeklaecaxyuhw wnthi 24 minakhm ph s 2469 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphrapremnthrmhaxannthmhidl phraxthmramathibdinthr wnthi 29 minakhm ph s 2493 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaecainrchkalthi 8 aela 9 wnthi 22 emsayn ph s 2499 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphranangecaraiphphrrni phrabrmrachiniinrchkalthi 7 wnthi 9 emsayn ph s 2528 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphsmedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnniinrchkalthi 8 aela 9 wnthi 10 minakhm ph s 2539 phrarachphithithwayphraephlingphrabrmsphphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr wnthi 26 tulakhm ph s 2560phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphphrabrmwngsthidarngphraysthangthharhruxphrabrmwngsthiphramhakstriythrngekharphykyxngepnphiess odyyingsluttamcnghwaesiyngephlngphyaosk echn phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphcxmphl cxmphlerux smedcphrarachpitula brmphngsaphimukh ecafaphanurngsiswangwngs krmphrayaphanuphnthuwngswredch wnthi 26 phvsphakhm ph s 2472 phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphcxmphl smedcphraechsthathirach ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath wnthi 28 knyayn ph s 2463 phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphphleruxexk smedcphraxnuchathirach ecafaxsdangkhedchawuth krmhlwngnkhrrachsima wnthi 1 krkdakhm ph s 2468 phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphsmedcphrapitucchaeca sukhumalmarsri phraxkhrrachethwi wnthi 17 phvsphakhm ph s 2471 phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphphnexkphiess cxmphlerux smedcphramhitlathiebsr xdulyedchwikrm phrabrmrachchnkinrchkalthi 8 aela 9 wnthi 16 minakhm ph s 2473 phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphphlexkhying phleruxexkhying phlxakasexkhying smedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr wnthi 15 phvscikayn ph s 2551 phrarachphithiphrarachthanephlingphrasphphlexkhying phleruxexkhying phlxakasexkhying smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi wnthi 9 emsayn ph s 2555phrarachphithixnepnkarechlimchlxngmngkhlinwaraphiessaehngrachsmbtihruxphrachnmayu echn phrarachphithirchdaphiesk phrarachphithirchmngkhlaphiesk phrarachphithikaycnaphiesk phrarachphithichlxngkhrxngsirirachsmbtikhrb 60 piphithitxnrbpramukhkhxngtangpraeths inthanaphrarachxakhntuka aela phraxakhntuka inoxkasthimaeyuxnithyxyangepnthangkarraebiyngphaph source source source source karyingslut 6 nd chlxngphraprasutikarkhxngecachaysaewrerx mknusaehngnxrewy oxrsinecachayohkun mkudrachkumaraehngnxrewy wnthi 4 thnwakhm ph s 2549 1 wnhlngkarprasuti source source source source karyingslutechlimphraekiyrti 21 nd enuxnginwnchtrmngkhlinphrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch 5 phvsphakhm ph s 2552 n thxngsnamhlwng source source source source source source thharpunihycakkxngphnthharpunihythi 1 krmthharpunihythi 1 rksaphraxngkh ptibtihnathiyingslutephuxthwayphraekiyrti aekphrasph smedcphraecaphkhiniethx ecafaephchrrtnrachsuda siriosphaphnnwdi wnthi 9 emsayn ph s 2555duephimkaryingslutexavksexachyaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb karyingslut raebiybkxngthpheruxwadwykarptibtiinkaryingslut ph s 2518 tanankaryingslut p phn 1 rx 2011 10 21 thi ewyaebkaemchchinbthkhwamthhar hruxkarthharniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk