ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
สมเด็จพระจักรพรรดิมุตสึฮิโตะ หรือพระนามหลังสวรรคตคือ จักรพรรดิเมจิ (ญี่ปุ่น: 明治天皇; โรมาจิ: Meiji-tennō) เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 122 ตามธรรมเนียมการสืบราชสันตติวงศ์ตามประเพณี ครองราชสมบัติตั้งแต่ปี 1867 จวบจนสวรรคตในปี 1912 ทรงเป็นประมุของค์แรกของจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งเกิดการฟื้นฟูเมจิ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลายต่อหลายครั้งของญี่ปุ่นได้เปลี่ยนญี่ปุ่นจาก ที่โดดเดี่ยวไปสู่มหาอำนาจทางอุตสาหกรรม
จักรพรรดิเมจิ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พระบรมฉายาลักษณ์ของ สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ในปี เมจิที่ 6 (ค.ศ. 1873) | |||||||||
จักรพรรดิญี่ปุ่น | |||||||||
ครองราชย์ | 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1867 - 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1912 (43 ปี 292 วัน) | ||||||||
พิธีขึ้น | 12 ตุลาคม ค.ศ. 1868 พระราชวังหลวงเกียวโต | ||||||||
ก่อนหน้า | จักรพรรดิโคเม | ||||||||
ถัดไป | จักรพรรดิไทโช | ||||||||
พระราชสมภพ | 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1852 เกียวโต, ญี่ปุ่น มุตสึฮิโตะ (睦仁) พระราชทานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1852 | ||||||||
สวรรคต | 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1912 (59 พรรษา) โตเกียว, จักรวรรดิญี่ปุ่น | ||||||||
ฝังพระศพ | 13 กันยายน ค.ศ. 1912 สุสานหลวงฟุชิมิโมะโมะยะมะ | ||||||||
จักรพรรดินี | ฮารูโกะ อิชิโจ อภิเษกเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 1869 | ||||||||
พระราชบุตร | สมเด็จพระจักรพรรดิโยชิฮิโตะ เจ้าหญิงมาซาโกะ ทาเคดะ เจ้าหญิงฟูซาโกะ คิตาชิรากาวะ เจ้าหญิงโนบูโกะ อาซากะ เจ้าหญิงโทชิโกะ ฮิงาชิกูนิ | ||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ญี่ปุ่น | ||||||||
พระราชบิดา | จักรพรรดิโคเม | ||||||||
พระราชมารดา | พระสนมโยชิโกะ | ||||||||
ลายพระอภิไธย | |||||||||
ช่วงเวลา | |||||||||
เหตุการณ์สำคัญ |
|
ในช่วงที่จักรพรรดิเมจิประสูติในปี 1852 ญี่ปุ่นเป็นประเทศศักดินาก่อนยุคอุตสาหกรรมที่ปกครองโดยโชกุนและไดเมียวที่ปกครองเหนือ 270 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงที่จักรพรรดิเมจิสวรรคตในปี 1912 ญี่ปุ่นได้ผ่านการปฏิวัติทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จนกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่บนเวทีโลก
พระราชประวัติ
วัยพระเยาว์
จักรพรรดิเมจิเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1852 ในตำหนักเล็ก ๆ นอกพระราชวังหลวงเกียวโต มีพระนามว่า เจ้าชายมุตสึฮิโตะ และเมื่อแรกประสูติทรงราชทินนามเป็น เจ้าซาชิ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 2 ในจักรพรรดิโคเม (องค์แรกสิ้นพระชนม์ไปก่อน) ส่วนมารดาของพระองค์คือ โยชิโกะ จากตระกูลนากายามะ ตระกูลข้าราชบริพารในวังหลวงตระกูลหนึ่ง โยชิโกะเป็นนางสนมนางหนึ่งในบรรดานางสนมหลายสิบคนของจักรพรรดิโคเม
สี่เดือนหลังประสูติ ญี่ปุ่นได้เผชิญหน้ากับการมาถึงของ "กองเรือดำ" ในบัญชาของพลเรือจัตวาแมทธิว ซี. เพร์รี จากสหรัฐอเมริกา เข้ามายังอ่าวเอโดะและบังคับให้รัฐบาลโชกุนเปิดประเทศ การเปิดประเทศนี่เองทำให้รัฐบาลโชกุนเผชิญหน้ากับฝ่ายกบฎ (ฝ่ายหัวสมัยใหม่) ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยากได้จักรพรรดิมาเป็นพวก แต่พระราชบิดาของพระองค์เลือกที่จะวางตัวเป็นกลางขอแค่ให้พระราชวงศ์ได้อยู่รอดปลอดภัย ชีวิตที่ลำบากยากแค้นในวัยเด็กทำให้เจ้าชายมุตสึฮิโตะเป็นเด็กขี้ขลาด ในปี 1864 ฝ่ายกบฎแคว้นโชชูพยายามบุกวังหลวงจนเกิดเป็นการต่อสู้กับฝ่ายโชกุนจนเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นทั่วทั้งวังหลวง ในขณะนั้นเจ้าชายมุตสึฮิโตะในวัย 11 ชันษาตกใจถึงกับเป็นลม การที่รัชทายาทอ่อนแอเช่นนี้ได้สร้างความวิตกต่อตระกูลนากายามะอย่างมาก ทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักได้ว่าจำเป็นต้องฝึกฝนให้ว่าที่จักรพรรดินั้น "ร่างกายกำยำ จิตใจเหี้ยมหาญ" พวกเขาจึงให้ ไซโง ทากาโมริ ซามูไรเลื่องชื่อหัวสมัยใหม่มารับหน้าที่พระอาจารย์อบรมสั่งสอนเจ้าชายมุตสึฮิโตะ
หลังไซโงกลายมาเป็นพระอาจารย์ ไซโงได้เปลี่ยนสนามของวังหลวงเป็นลานประลอง เขาอบรมสั่งสอนเจ้าชายมุตสึฮิโตะในแบบของนักรบ ทั้งวิชาฟันดาบ, ยิงธนู, ขี่ม้า, มวยปล้ำ เจ้าชายองค์น้อยผู้บอบบางได้เติบใหญ่เป็นนักรบจากการอบรมของไซโง
ขึ้นเป็นจักรพรรดิ
ภายหลังพระราชบิดาได้เสด็จสวรรคตในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1867 พระองค์ก็ขึ้นครองราชสมบัติในสี่วันให้หลัง หลังจากครองราชย์ได้สองเดือน ในวันที่ 7 เมษายน พระองค์ก็ทรงประกาศพระราชโองการบัญญัติห้าข้อที่ถูกร่างโดยคณะที่ปรึกษาหัวก้าวหน้า ซึ่งถือเป็นพระราชโองการแรกในสมัยเมจิ ส่วนหนึ่งของพระราชโองการดังกล่าวมีดังความ: "จงค้นคว้าและรวบรวมวิทยาการทั้งหลายทั่วโลกเพื่อเสริมสร้างรากฐานการปกครองแห่งจักรพรรดิ"
การที่จักรพรรดิไม่ได้เสด็จออกนอกนครหลวงเกียวโตเลยตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1867 จนกระทั่งได้เสด็จไปยังนครโอซากะในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1868 ชี้ให้เห็นว่าพระองค์ต้องใช้พระวิริยอุตสาหะยาวนานเพียงใด กว่าจะล่วงพ้นวิสัยทัศน์อันคับแคบของเหล่าข้าราชการในช่วงต้นรัชสมัยไปได้
การปฏิรูปประเทศ
เจริญรอยตามตะวันตก
ยุวจักรพรรดิได้รับการปลูกฝังจากบุคคลกลุ่มหัวก้าวหน้า บุคคลเหล่านี้ได้ตั้งให้ถวายความรู้แก่จักรพรรดิ เช่นความทันสมัยของเยอรมนี, วัฒนธรรมฝรั่งเศส, กฎหมายเยอรมนี, การเมืองการปกครองของฝรั่งเศส, นายทุนของยุโรปและอเมริกา ผู้ใกล้ชิดพระองค์ต่างจัดหาหนังสือที่กระตุ้นความคิดแบบยุโรปวางไว้บนโต๊ะทรงงานเสมอ ด้วยเหตุนี้เองทำให้จักรพรรดิเมจิทรงตื่นตัวและเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างรวดเร็ว ทรงยกเลิกธรรมเนียมโบราณคร่ำครึอย่าง โกนคิ้วย้อมฟันดำ ทรงกำหนดให้เครื่องแต่งกายชุดสูทแบบตะวันตกเป็นเครื่องแต่งกายทางการ ทรงเป็นผู้นำการรับประทานเนื้อวัวและนมวัวในญี่ปุ่น ชาวโตเกียวหันมาบริโภคเนื้อวัวอย่างจริงจัง จากวันละ 1 ตัวเป็นวันละ 20 ตัว
ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1878 พระองค์ทรงตัดพระเกษาด้วยองค์เองจนสั้นจนเป็นเรื่องที่ตื่นตะลึงไปทั้งประเทศ และยังออกพระราชโองการ "ตัดผมสั้น ปลดอาวุธ"
ย้ายเมืองหลวง
โลกทัศน์ของพระองค์ขยับขยายอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าฤดูใบไม้ร่วงของปี 1868 หลังจากที่คณะรัฐบาลในพระองค์ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังนครเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว จักรพรรดิเมจิเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปยังนครหลวงใหม่เป็นครั้งแรก ไพร่พลในขบวนเสด็จครั้งนั้นมีจำนวนถึง 3,300 ชีวิต ระหว่างทางได้ทอดพระเนตรดูผืนน้ำทะเลเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน เหตุการณ์นี้ทำให้คิโดะ ทะกะโยะชิ ที่โดยเสด็จอยู่ด้วยบันทึกไว้ว่า "ข้าพเจ้าตื้นตันจนมีน้ำตา เมื่อตระหนักว่านี่คือจุดเริ่มต้นแห่งยุคสมัยที่เดชานุภาพจะได้แผ่ไปทั่วโลกอันไพศาล" ครั้นขบวนเสด็จถึงกรุงโตเกียวในวันที่ 5 พฤศจิกายน พสกนิกรมากมายหลายหมื่นมาเฝ้ารอรับเสด็จอยู่ทั้งสองข้างทาง เพื่อถวายความจงรักภักดี พร้อมกันนั้น พระราชยานประดับรูปไก่ฟ้าทองคำก็เคลื่อนตรงไปยังปราสาทเอโดะ อดีตที่พำนักของโชกุนที่จะใช้เป็นที่ประทับ อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1869 องค์จักรพรรดิเสด็จกลับไปยังเกียวโตเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเสด็จมาประทับที่โตกียวเป็นการถาวรในอีก 2 เดือนต่อมา
นโยบายด้านการศึกษา
รัฐบาลเมจิให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างมหาศาล ค่าปฏิกรรมสงครามจำนวน 200 ล้านตำลึงซึ่งญี่ปุ่นได้รับมาจากสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ ส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปลายยุคเมจิพบว่ามีประชาชนกว่าร้อยละ 95 ของประเทศที่ได้รับการศึกษา ไม่มีบ้านไหนไม่ได้เรียน ไม่มีคนไหนไม่ได้เรียน เนื่องจากการเรียนเป็นหลักสูตรภาคบังคับตามกฎหมาย ในหลายเมืองต้องใช้ตำรวจบังคับให้เด็กไปโรงเรียนตั้งแต่ 8 นาฬิกาถึง 15 นาฬิกา หากตำรวจพบเด็กวัยเรียนอยู่นอกโรงเรียนในเวลาดังกล่าวจะถูกจับตัวส่งโรงเรียนทันที
การเมืองการปกครองตอนต้นรัชกาล
เหตุผลหลักที่ผู้นำคนสำคัญในรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอกูโบะ โทชิมิจิ และไซโง ทากาโมริ แห่งแคว้นซัตสึมะ ได้กราบทูลเชิญจักรพรรดิเมจิไปยังโตเกียว ก็เพื่อผลักดันให้สมเด็จพระจักรพรรดิพระประมุขเป็นอิสระจากแนวคิดและลักษณะอนุรักษนิยมของชาวเกียวโต ค.ศ. 1871 ไซโกได้ทูลเกล้าฯ ถวายเสนอแผนปฏิรูปโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
- อันดับแรก เพื่อลดจำนวนนางกำนัล เขาชี้แจงว่านับแต่อดีตมาจนบัดนั้น พวกนางมักจะมีอิทธิพลครอบงำวังหลวงมากเกินไป
- อันดับที่สอง เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลต่าง ๆ ทั้งฝ่ายทหารตั้งแต่ชั้นนักรบสามัญหรือซามูไรขึ้นไป และผู้ที่สืบเชื้อสาย หรือสืบความรู้ทางการปกครอง ได้เข้าทำงานและรับพระราชทานตำแหน่งสูง ๆ ตามความเหมาะสมภายในวังหลวงได้
อิทธิพลการศึกษาแบบอนุรักษนิยมส่งผลให้สมเด็จพระจักรพรรดิทรงคัดค้านแผนปฏิรูปเหล่านี้ ก่อนที่จะโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศเป็นพระราชโองการได้ใน ค.ศ. 1872 ไม่ช้า สมเด็จพระจักรพรรดิก็สนิทสนมกับไซโงเป็นพิเศษ ไซโงสนับสนุนให้พระองค์ทรงม้าเพื่ออกกำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่พระวรกาย และส่งเสริมให้มีความสนพระทัยในการทหารในฐานะที่ทรงเป็นจอมทัพ จักรพรรดิเมจิโปรดการออกตรวจกำลังพล ที่ส่วนใหญ่มาจากแคว้นโชชูและซัตสึมะ เรียกว่า โกชิมเป (ทหารราชองครักษ์) จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1871
ความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรสยาม
รัชสมัยของพระองค์ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งราชอาณาจักรสยาม ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะสืบทอดความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรสยามและจักรวรรดิญี่ปุ่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงส่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ (พระยศในขณะนั้น) เสนาบดีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนพระองค์เสด็จไปเจริญสัมพันธไมตรีและลงพระนามในสนธิสัญญากับผู้แทนพระองค์ของจักรพรรดิเมจิที่กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1887 เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีและส่งเสริมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ในเวลาต่อมาหลังจากพระราชพิธีกาญจนาภิเษกในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร เจ้าชายอากิฮิโตะ โคมัตสึโนะมิยะและคณะผู้แทนพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิระหว่างทางเสด็จกลับจากสหราชอาณาจักรได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและประทับที่วังสราญรมย์ ในการนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าชายโคมัตสึโนะมิยะนำพระราชสาส์นเจริญพระราชไมตรีและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับสูงที่สุดของญี่ปุ่นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้พระยาภาสกรวงศ์ ที่ปรึกษาราชการในพระองค์ที่ไว้วางพระราชหฤทัยนำพระราชสาส์นตอบและเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับสูงที่สุดของสยามในสมัยนั้น (เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับสูงที่สุดของไทยในปัจจุบันสถาปนาขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระจักรพรรดิ
สงครามกับจีน
ในวันที่ 25 กรกฎาคม 1894 จักรพรรดิเมจิทรงบัญชาให้กองทัพญี่ปุ่นใช้วิธีการแบบโจรสลัดในการโจมตีกองเรือเป่ยหยางของจีนที่ลอยลำอยู่ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจึงออกแถลงการณ์ว่า "...จีนได้ส่งกองทัพใหญ่มายังคาบสมุทรเกาหลีเพื่อหมายจะโจมตีเรือรบญี่ปุ่น..." และจักรพรรดิเมจิทรงประกาศสงครามกับจักรวรรดิชิง พระองค์โปรดให้ย้ายฐานทัพหลักมาอยู่ที่เมืองฮิโระชิมะ จักรพรรดิวัย 42 ปีทรงบัญชาการรบด้วยองค์เองตลอด 225 วัน ทรงสนพระทัยสถานการณ์ศึกตลอดเวลาถึงขนาดมีรับสั่งไว้ว่าให้ปลุกพระองค์ได้ทุกเมื่อหากมีความคืบหน้า และยังทรงห้ามมิให้เหล่าข้าหลวงนางในมาปรนนิบัติพระองค์ที่ค่ายทหาร ทรงเรียนรู้การใช้ผ้าขนหนูถูหลังด้วยองค์เอง การกระทำเหล่านี้สร้างขวัญกำลังใจแก่ทหารญี่ปุ่นเป็นอันมาก
พระบรมวงศ์
พระอัครมเหสีและพระสนม
จักรพรรดิเมจิอภิเษกสมรสกับท่านหญิงฮารูโกะ อิจิโจ ซึ่งต่อมาเมื่อสวรรคตได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดินีพันปีหลวง แต่ไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาด้วยกัน เนื่องจากพระพลานามัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีไม่เอื้ออำนวย แต่มีพระราชโอรส-ธิดาทั้งสิ้น 15 พระองค์ โดยประสูติจากพระสนมทั้งหมด โดยมีรายนาม พระมเหสี และพระสนม ดังนี้
- พระอัครมเหสี
- สมเด็จพระจักรพรรดินีฮารูโกะ (นามเดิม ท่านหญิงฮารูโกะ อิชิโจ)
- พระสนม
- พระสนมมิตสึโกะ (1853-1873)
- พระสนมนัตสึโกะ ฮาชิโมโตะ (1856–1873)
- พระสนมนารุโกะ ยานางิวาระ (1855–1943)
- พระสนมโคโตโกะ ชิงุซะ (1855–1944)
- พระสนมซาชิโกะ โซโนะ (1867–1947)
พระราชโอรสและธิดา
แม้ว่าจักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเก็งจะไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาด้วยกัน แต่ก็มีพระราชโอรส-ธิดาประสูติจากพระสนม ทั้งสิ้น 15 พระองค์ คือ
- เจ้าชาย (ไม่ปรากฏพระนาม) ประสูติ 18 กันยายน ค.ศ. 1873 และสิ้นพระชนม์ในวันเดียวกัน ประสูติแด่พระสนมมิตสึโกะ
- เจ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) ประสูติ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1876 และสิ้นพระชนม์ในวันเดียวกัน ประสูติแด่พระสนมนัตสึโกะ
- เจ้าหญิงชิเงโกะ เจ้าอูเมะ ประสูติ 25 มกราคม ค.ศ. 1879 ประสูติแด่พระสนมนะรุโกะ
- เจ้าชายโยชิฮิโตะ เจ้าฮารุ ประสูติ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1879 (ต่อมาคือจักรพรรดิไทโช) ประสูติแด่พระสนมนะรุโกะ
- เจ้าชายยูกิฮิโตะ เจ้าทาเกะ ประสูติ 23 กันยายน ค.ศ. 1880 ประสูติแด่พระสนมนะรุโกะ
- เจ้าหญิงอากิโกะ เจ้าชิเงะ ประสูติ 3 สิงหาคม ค.ศ. 1884 ประสูติแด่ พระสนมโคโตะโกะ
- เจ้าหญิงฟูมิโกะ เจ้ามาซุ ประสูติ 26 มกราคม ค.ศ. 1886 ประสูติแด่พระสนมโคโตะโกะ
- เจ้าหญิงชิซูโกะ เจ้าฮิซะ ประสูติ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1889 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าชายมิชิฮิโตะ เจ้าอากิ ประสูติ ค.ศ. 1890 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าหญิงมาซาโกะ เจ้าทาซูเนะ ประสูติ 30 กันยายน ค.ศ. 1891 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าหญิงฟูซาโกะ เจ้าคาเนะ ประสูติ 28 มกราคม ค.ศ. 1893 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าหญิงโนบูโกะ เจ้าฟูมิ ประสูติ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1894 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าชายเทรูฮิโตะ เจ้ามิซุ ประสูติ ค.ศ. 1896 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าหญิงโทชิโกะ เจ้ายาซุ ประสูติ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1899 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
- เจ้าหญิงทากิโกะ เจ้าซาดะ ประสูติ ค.ศ. 1900 ประสูติแด่พระสนมซะชิโกะ
ประชวรและเสด็จสวรรคต
ในช่วงปลายรัชกาล พระจักรพรรดิทรงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับโรคเบาหวาน และ (โรคไตอย่างหนึ่ง) ที่พระอาการมีแต่ทรุดลง จนในรัฐพิธีหลายวาระ สมเด็จพระจักรพรรดิทรงอ่อนเพลียอย่างหนักให้ผู้คนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งในปีที่พระองค์เสด็จสวรรคตก่อนฤดูร้อนปี ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) นั้น ก็ยังไม่มีสัญญาณบอกเหตุว่าจะเสด็จสวรรคตในปีเดียวกันนั้น
เดือนมกราคมปี ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) พระจักรพรรดิเสด็จร่วมงานประกวดกวีนิพนธ์ในวันปีใหม่ที่จัดขึ้นในพระราชวังเป็นประจำอย่างเช่นทุกปีเช่นที่เคยทรงปฏิบัติมา
เดือนกุมภาพันธ์ สมเด็จพระจักรพรรดิทรงพระประชวร แต่ไม่นานพระอาการก็ดีขึ้น สามารถทรงงานตามหมายงานที่กำหนดได้ตามปรกติเป็นต้นว่า
- วันที่ 30 พฤษภาคม เสด็จไปร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของโรงเรียนเตรียมทหารในสังกัดกองทัพบก ทรงตรวจแถวนักเรียนที่เพิ่งจบ และพระราชทานปริญญาบัตร
- วันที่ 28 มิถุนายน เสด็จออกต้อนรับนายชาร์ล วิลเลี่ยม เอลเลียต อดีตอธิการบดีประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีแขกผู้มีเกียรติทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างประเทศมาร่วมด้วย
- แต่ในวันที่ 10 กรกฎาคม ขณะเสด็จไปยังมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลเพื่อพระราชทานปริญญาบัตรในพิธีสำเร็จการศึกษา สมเด็จพระจักรพรรดิทรงรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง และทรงพระดำเนินขึ้นบันไดได้อย่างยากเย็น ซึ่ง 5 วันต่อมาขณะกำลังจะประทับในที่ประชุมสภาองคมนตรี พระวรกายเกิดอาการสั่นอย่างแรง ระหว่างการประชุมก็ทรงเผลอหลับไปกับที่ประทับ สีพระพักตร์บอกได้ว่าเพลียหนักอย่างชัดเจน
วันที่ 19 เดือนเดียวกัน ได้เสด็จไปประทับที่โต๊ะทรงพระอักษร แต่ทรงเหนื่อยเกินกว่าจะทรงงานใด ๆ ได้ และขณะกำลังจะประทับยืนขึ้นนั่นเอง ทรงล้มลง บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยโตเกียวแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิถูกเรียกตัวมาช่วยคณะแพทย์หลวงถวายการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งรัฐบาลได้ตัดสินแถลงข่าวให้สาธารณชนได้รับทราบในทันที
ระยะเวลาหลายวันต่อจากนั้น หนังสือพิมพ์ต่างพากันรายงานถึงพระอาการอย่างละเอียด ทั้งพระอัตราชีพจรที่อ่อนลงเรื่อย ๆ และการทำงานเสื่อมทรุดลงของอวัยวะต่าง ๆ ประชาชนต่างสวดอธิษฐานให้สมเด็จพระจักรพรรดิหายประชวร มหาชนมารวมตัวกันอยู่รายรอบพระราชวัง หลายคนคุกเข่าหรือหมอบกราบอยู่กับพื้น
ท้ายที่สุดสมเด็จพระจักรพรรดิเสด็จสวรรคตด้วยอาการพระหทัยวาย เมื่อเวลา 0.43 นาฬิกา ของวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) พระชนมายุได้ 60 พรรษา ณ พระราชวังโตเกียว
ภายหลังการสวรรคต
ชาติทั้งชาติจมหายไปในความรู้สึกสูญเสียที่ท่วมท้น นักเขียนนวนิยาย บรรยายไว้ว่า
การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิได้ปิดบันทึกประวัติศาสตร์ในรัชสมัยเมจิลงแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกราวกับว่าแม้ชีวิตของตัวเองก็ถูกปลิดหลุดจากขั้ว
ยะมะงะตะเองก็สะเทือนใจ จนถ่ายทอดออกมาในบทกวีว่า
แสงฟ้า วันนี้ ดับลงแล้ว ปล่อยให้โลก มิดมืด
คืนวันที่ 13 กันยายน ประชาชนต่างยืนเบียดเสียดกันรอรับขบวนเสด็จอย่างเงียบ ๆ ขณะที่หีบบรรจุพระบรมศพบนเคลื่อนผ่านเสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงกงล้อบดเบา ๆ ไปบนพื้นทรายกับเสียงเอียดอาดของเพลารถ พอขบวนแห่เคลื่อนไปถึงศาลาพระราชพิธีที่สร้างขึ้นบนลานสวนสนามโอะยะมะที่เตรียมไว้สำหรับวาระนี้โดยเฉพาะ โดยมีจักรพรรดิไทโช จักรพรรดิพระองค์ใหม่ มีพระราชดำรัสสรรเสริญจักรพรรดิเมจิ เจ้าชายไซองจิ นายกรัฐมนตรี และวะตะนะเบะ ชิอะกิ สมุหราชมนเทียร ก็ได้กล่าวคำสรรเสริญแด่จักรพรรดิเมจิด้วยเช่นกัน
วันที่ 15 กันยายน ได้อัญเชิญพระบรมศพจากกรุงโตเกียว ไปสู่นครเกียวโตโดยทางรถไฟเพื่อประกอบพิธีฝังพระบรมศพไว้ที่ เขตฟุจิมิ เหตุการณ์เดียวที่ทำให้ช่วงเวลาที่คนทั้งชาติกำลังโศกเศร้าและไว้ทุกข์ต้องสะดุดไปคือข่าว นายพลโนงิ หนึ่งในวีรบุรุษจากสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น พร้อมด้วยภริยา กระทำพิธีอัตวินิบาตกรรมภายในบ้านพักของตัวเองเมื่อวันที่ 13 กันยายน
สำหรับชาวญี่ปุ่นหลายคน การตายของนายพลโนงิ กระตุ้นให้พวกเขาหวนรำลึกถึงประเพณีปฏิบัติของซามูไรในยุคกลางที่จะตามเจ้านายของตนไปด้วยความจงรักภักดี แต่สำหรับคนอื่น ๆ การตายของโมงิกลับเป็นเรื่องหลงยุคหลงสมัย และขัดกับเจตนารมณ์ที่ต้องการพาญี่ปุ่นเข้าสู่การเป็นสมัยใหม่ที่จักรพรรดิเมจิทรงเป็นสัญลักษณ์
ในฐานะที่ทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกที่ปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชน และมีพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ให้ชมพระบารมีแทนสมเด็จพระบรมสาทิสลักษณ์เช่นในสมัยก่อน ต้องนับว่าจักรพรรดิเมจิมีพระบุคลิกภาพที่เด็ดขาด เปี่ยมด้วยพระราชอำนาจยิ่ง โดยรวมแล้ว พระราชจริยวัตรที่งามสง่าของจักรพรรดิเมจิ ส่งให้ทรงเป็นจักรพรรดิของญี่ปุ่นยุคใหม่เพียงพระองค์เดียวที่เรียกได้ว่าทรงพระบรมเดชานุภาพ อย่างแท้จริง
ในปี ค.ศ. 1913 รัฐสภาได้ตัดสินใจสร้างศาลเจ้าเมจิขึ้นที่เขตโยโยงิ กรุงโตเกียว เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงพระวิญญาณ เป็นการประโลมจิตใตและบรรเทากระแสจงรักภักดีแบบสุดโต่งของประชาชาชนลงบ้าง ก่อนที่พระอารามจะสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1920 หนุ่มสาวหลายพันคนอาสาเข้าช่วยก่อสร้างพระอาราม และปลูกต้นไม้ที่นำมาจากทุกภาคของประเทศให้เต็มพื้นที่สวนอันกว้างขวางโดยรอบ ความเทิดทูนบูชาในสมัยจักรพรรดิเมจิของพวกเขายังคงมีสูง โดยมีรายงานว่า หญิงสาวบางคนแสดงความประสงค์ที่จะถูกฝังทั้งเป็นใต้พระอารามก่อนสร้างเสร็จ โชคดีที่มีคนเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวเหล่านั้นตัดปอยผมของตนถวายแทน
พระอิสริยยศ
- 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1852 – 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1860: เจ้าซาชิ
- 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1860 – 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1867: มกุฎราชกุมาร
- 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1867 – 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1912: สมเด็จพระจักรพรรดิ
- ภายหลังสวรรคต: จักรพรรดิเมจิ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์
- เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.)
อ้างอิง
- Keene 2002, p. 200.
- "หนังสือแรติฟิเคชันแห่งหนังสือประกาศทางพระราชไมตรี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 6 มกราคม 1888. สืบค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2019.
...หนังสือปฏิญญาณฉบับหนึ่ง ว่าด้วยทางพระราชไมตรีแลการค้าขาย ในระหว่างประเทศสยามกับประเทศยี่ปุ่น ได้ทำตกลงกันที่กรุงโตกิโย ณวัน ๒ เดือน ๑๑ ขึ้น ๙ ค่ำปีกุนนพศก จุลศักราช ๑๒๔๙ ตรงกับวันที่ ๒๖ เดือน ๙ ศักราชไมชี ๒๐ ปี แลตรงกับวันที่ ๒๖ เซบเตมเบอคฤสตศักราช ๑๘๘๗...ฝ่ายสมเดจพระเจ้ากรุงสยาม พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เสนาบดีผู้ว่าการต่างประเทศ...
- "ข่าวเจ้ายี่ปุ่นจะเข้ามากรุงเทพฯ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 7 พฤศจิกายน 1887. สืบค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2019.
...กำหนดเจ้ายี่ปุ่นชื่อปรินสกุมัสสุซึ่งเปนผู้แทนสมเดจพระเจ้าเอมเปอเรอยี่ปุ่น ไปในการเฉลิมศิริราชสมบัติสมเดจพระนางเจ้าราชินีกรุงอังกฤษ จะกลับจากกรุงอังกฤษมาถึงเมืองสิงคโปร์...พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดวังสราญรมย์สำหรับเปนที่พัก...
- "เจ้ายี่ปุ่นเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 7 พฤศจิกายน 1887. สืบค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2019.
...แล้วปรินส์ อากิหิโต โกมัตสุ ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาสน ของสมเดจพระเจ้ามุสุหิโต มิคาโด ราชาธิราชประเทศยี่ปุ่น เจริญทางพระราชไมตรี แลถวายเครื่องราชอิสริยยศยี่ปุ่นอย่างสูงชื่อไครเสนถิมัม...
- "สำเนาพระราชสาสนไปเมืองยี่ปุ่น" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 30 พฤศจิกายน 1887. สืบค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2019.
...ด้วยในการที่เราได้ทรงมอบให้ที่ปฤกษาราชการอันเปนที่รัก แลไว้วางพระราชหฤไทยของเรา พระยาภาสกรวงศ ที่ปฤกษาราชการแผ่นดิน จางวางมหาดเล็ก ที่ปฤกษาราชการในพระองค์ เลฟเตอแนนตคอลอแนลตำแหน่งวิเสศ ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์...ได้ให้เรามีโอกาศอันเปนที่ยินดีเหมือนกัน ที่จะได้ทรงตั้งพระองคด้วยเครื่องขัตติยราชอิศริยยศ อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งตรามหาจักรกรี บรมราชวงษของเรา เพื่อเปนที่หมายอย่างสูงสุดแห่งทางพระราชไมตรีแลความนับถึออย่างยิ่ง...
- หวังหลง (2559) ราชสำนักจีนหันซ้าย โลกหันขวา. สำนักพิมพ์มติชน.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 4 (37): 296. 30 ธันวาคม 2430. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-05-08. สืบค้นเมื่อ 2021-07-07.
- Sidney Devere Brown and Akiko Hirota, 'The Diary of Kido Takayoshi', 3 vois., Tokyo: University of Tokyo Press, 1983-86
- Herschel Webb, 'The Japanese Imperial Institution in the Tokugawa Period', New York: Columbia University Press, 1968
ก่อนหน้า | จักรพรรดิเมจิ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
จักรพรรดิโคเม | จักรพรรดิญี่ปุ่น (พ.ศ. 2410 - พ.ศ. 2455) | จักรพรรดิไทโช |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisudbthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul ckrphrrdiemci khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir smedcphrackrphrrdimutsuhiota hruxphranamhlngswrrkhtkhux ckrphrrdiemci yipun 明治天皇 ormaci Meiji tennō epnckrphrrdiyipunxngkhthi 122 tamthrrmeniymkarsubrachsnttiwngstampraephni khrxngrachsmbtitngaetpi 1867 cwbcnswrrkhtinpi 1912 thrngepnpramukhxngkhaerkkhxngckrwrrdiyipun sungekidkarfunfuemci karepliynaeplngxyangrwderwhlaytxhlaykhrngkhxngyipunidepliynyipuncak thioddediywipsumhaxanacthangxutsahkrrmckrphrrdiemciphrabrmchayalksnkhxng smedcphrackrphrrdiemci inpi emcithi 6 kh s 1873 ckrphrrdiyipunkhrxngrachy3 kumphaphnth kh s 1867 30 krkdakhm kh s 1912 43 pi 292 wn phithikhun12 tulakhm kh s 1868 phrarachwnghlwngekiywotkxnhnackrphrrdiokhemthdipckrphrrdiithochphrarachsmphph3 phvscikayn kh s 1852 ekiywot yipun mutsuhiota 睦仁 phrarachthanemuxwnthi 9 phvscikayn kh s 1852swrrkht30 krkdakhm kh s 1912 59 phrrsa otekiyw ckrwrrdiyipunfngphrasph13 knyayn kh s 1912 susanhlwngfuchimiomaomayamackrphrrdiniharuoka xichioc xphieskemux 9 kumphaphnth 1869phrarachbutrsmedcphrackrphrrdioychihiota ecahyingmasaoka thaekhda ecahyingfusaoka khitachirakawa ecahyingonbuoka xasaka ecahyingothchioka hingachikunirchskekhox Keiō 1867 1868 emci Meiji 1868 1912 phramrnnamckrphrrdiemci 明治天皇 thwayemuxwnthi 27 singhakhm kh s 1912rachwngsrachwngsyipunphrarachbidackrphrrdiokhemphrarachmardaphrasnmoychiokalayphraxphiithychwngewlaehtukarnsakhykarfunfuemciprakasichskrachephiyngskrachediywtlxdrchsmyxnepnthrrmeniymsubtxmacnthungpccubnprakasich rththrrmnuyemciekid sngkhramcin yipunkhrngthihnungekid sngkhramrsesiy yipun inchwngthickrphrrdiemciprasutiinpi 1852 yipunepnpraethsskdinakxnyukhxutsahkrrmthipkkhrxngodyochkunaelaidemiywthipkkhrxngehnux 270 aehngthwpraeths inchwngthickrphrrdiemciswrrkhtinpi 1912 yipunidphankarptiwtithangkaremuxng esrsthkic aelasngkhm cnklayepnhnunginmhaxanacthiyingihybnewthiolkphrarachprawtiwyphraeyaw ckrphrrdiemciesdcphrarachsmphphemuxwnthi 3 phvscikayn kh s 1852 intahnkelk nxkphrarachwnghlwngekiywot miphranamwa ecachaymutsuhiota aelaemuxaerkprasutithrngrachthinnamepn ecasachi epnphrarachoxrsxngkhthi 2 inckrphrrdiokhem xngkhaerksinphrachnmipkxn swnmardakhxngphraxngkhkhux oychioka caktrakulnakayama trakulkharachbripharinwnghlwngtrakulhnung oychiokaepnnangsnmnanghnunginbrrdanangsnmhlaysibkhnkhxngckrphrrdiokhem sieduxnhlngprasuti yipunidephchiyhnakbkarmathungkhxng kxngeruxda inbychakhxngphleruxctwaaemththiw si ephrri cakshrthxemrika ekhamayngxawexodaaelabngkhbihrthbalochkunepidpraeths karepidpraethsniexngthaihrthbalochkunephchiyhnakbfaykbd fayhwsmyihm thngsxngfaytangkxyakidckrphrrdimaepnphwk aetphrarachbidakhxngphraxngkheluxkthicawangtwepnklangkhxaekhihphrarachwngsidxyurxdplxdphy chiwitthilabakyakaekhninwyedkthaihecachaymutsuhiotaepnedkkhikhlad inpi 1864 faykbdaekhwnochchuphyayambukwnghlwngcnekidepnkartxsukbfayochkuncnesiyngpunihydngsnnthwthngwnghlwng inkhnannecachaymutsuhiotainwy 11 chnsatkicthungkbepnlm karthirchthayathxxnaexechnniidsrangkhwamwitktxtrakulnakayamaxyangmak thaihphwkekhaerimtrahnkidwacaepntxngfukfnihwathickrphrrdinn rangkaykaya citicehiymhay phwkekhacungih isong thakaomri samuireluxngchuxhwsmyihmmarbhnathiphraxacaryxbrmsngsxnecachaymutsuhiota hlngisongklaymaepnphraxacary isongidepliynsnamkhxngwnghlwngepnlanpralxng ekhaxbrmsngsxnecachaymutsuhiotainaebbkhxngnkrb thngwichafndab yingthnu khima mwypla ecachayxngkhnxyphubxbbangidetibihyepnnkrbcakkarxbrmkhxngisong khunepnckrphrrdi ckrphrrdiemciinwy 20 phrrsa phayhlngphrarachbidaidesdcswrrkhtinwnthi 30 mkrakhm kh s 1867 phraxngkhkkhunkhrxngrachsmbtiinsiwnihhlng hlngcakkhrxngrachyidsxngeduxn inwnthi 7 emsayn phraxngkhkthrngprakasphrarachoxngkarbyytihakhxthithukrangodykhnathipruksahwkawhna sungthuxepnphrarachoxngkaraerkinsmyemci swnhnungkhxngphrarachoxngkardngklawmidngkhwam cngkhnkhwaaelarwbrwmwithyakarthnghlaythwolkephuxesrimsrangrakthankarpkkhrxngaehngckrphrrdi karthickrphrrdiimidesdcxxknxknkhrhlwngekiywotelytngaetkhunkhrxngrachyineduxnmkrakhm kh s 1867 cnkrathngidesdcipyngnkhroxsakaineduxnminakhm kh s 1868 chiihehnwaphraxngkhtxngichphrawiriyxutsahayawnanephiyngid kwacalwngphnwisythsnxnkhbaekhbkhxngehlakharachkarinchwngtnrchsmyipidkarptiruppraethsecriyrxytamtawntk yuwckrphrrdiidrbkarplukfngcakbukhkhlklumhwkawhna bukhkhlehlaniidtngihthwaykhwamruaekckrphrrdi echnkhwamthnsmykhxngeyxrmni wthnthrrmfrngess kdhmayeyxrmni karemuxngkarpkkhrxngkhxngfrngess naythunkhxngyuorpaelaxemrika phuiklchidphraxngkhtangcdhahnngsuxthikratunkhwamkhidaebbyuorpwangiwbnotathrngnganesmx dwyehtuniexngthaihckrphrrdiemcithrngtuntwaelaepidrbwthnthrrmtawntkidxyangrwderw thrngykelikthrrmeniymobrankhrakhruxyang oknkhiwyxmfnda thrngkahndihekhruxngaetngkaychudsuthaebbtawntkepnekhruxngaetngkaythangkar thrngepnphunakarrbprathanenuxwwaelanmwwinyipun chawotekiywhnmabriophkhenuxwwxyangcringcng cakwnla 1 twepnwnla 20 tw inwnthi 20 minakhm kh s 1878 phraxngkhthrngtdphraeksadwyxngkhexngcnsncnepneruxngthituntalungipthngpraeths aelayngxxkphrarachoxngkar tdphmsn pldxawuth yayemuxnghlwng thrngyayemuxnghlwngipotekiyw khnamiphrachnmayu 16 phrrsa olkthsnkhxngphraxngkhkhybkhyayxyangrwderwemuxekhavduibimrwngkhxngpi 1868 hlngcakthikhnarthbalinphraxngkhtdsinicyayemuxnghlwngipyngnkhrexoda aelaepliynchuxepnotekiyw ckrphrrdiemciesdcphrarachdaeninthangchlmarkhipyngnkhrhlwngihmepnkhrngaerk iphrphlinkhbwnesdckhrngnnmicanwnthung 3 300 chiwit rahwangthangidthxdphraentrduphunnathaelepnkhrngaerkdwyechnkn ehtukarnnithaihkhioda thakaoyachi thiodyesdcxyudwybnthukiwwa khaphecatuntncnminata emuxtrahnkwanikhuxcuderimtnaehngyukhsmythiedchanuphaphcaidaephipthwolkxniphsal khrnkhbwnesdcthungkrungotekiywinwnthi 5 phvscikayn phsknikrmakmayhlayhmunmaefarxrbesdcxyuthngsxngkhangthang ephuxthwaykhwamcngrkphkdi phrxmknnn phrarachyanpradbrupikfathxngkhakekhluxntrngipyngprasathexoda xditthiphankkhxngochkunthicaichepnthiprathb xyangirktam ineduxnmkrakhm kh s 1869 xngkhckrphrrdiesdcklbipyngekiywotepnrayaewlasn kxncaesdcmaprathbthiotkiywepnkarthawrinxik 2 eduxntxma noybaydankarsuksa rthbalemciihkhwamsakhykbkarsuksaxyangmhasal khaptikrrmsngkhramcanwn 200 lantalungsungyipunidrbmacaksnthisyyachiomoneski swnihythukichipinkarsuksakhnphunthan playyukhemciphbwamiprachachnkwarxyla 95 khxngpraethsthiidrbkarsuksa immibanihnimideriyn immikhnihnimideriyn enuxngcakkareriynepnhlksutrphakhbngkhbtamkdhmay inhlayemuxngtxngichtarwcbngkhbihedkiporngeriyntngaet 8 nalikathung 15 nalika haktarwcphbedkwyeriynxyunxkorngeriyninewladngklawcathukcbtwsngorngeriynthnthikaremuxngkarpkkhrxngtxntnrchkalehtuphlhlkthiphunakhnsakhyinrthbalchudihm odyechphaaxyangying oxkuoba othchimici aelaisong thakaomri aehngaekhwnstsuma idkrabthulechiyckrphrrdiemciipyngotekiyw kephuxphlkdnihsmedcphrackrphrrdiphrapramukhepnxisracakaenwkhidaelalksnaxnurksniymkhxngchawekiywot kh s 1871 isokidthulekla thwayesnxaephnptirupodymiwtthuprasngkhdngni xndbaerk ephuxldcanwnnangkanl ekhachiaecngwanbaetxditmacnbdnn phwknangmkcamixiththiphlkhrxbngawnghlwngmakekinip xndbthisxng ephuxepidoxkasihbukhkhltang thngfaythhartngaetchnnkrbsamyhruxsamuirkhunip aelaphuthisubechuxsay hruxsubkhwamruthangkarpkkhrxng idekhathanganaelarbphrarachthantaaehnngsung tamkhwamehmaasmphayinwnghlwngid xiththiphlkarsuksaaebbxnurksniymsngphlihsmedcphrackrphrrdithrngkhdkhanaephnptirupehlani kxnthicaoprdekla ihprakasepnphrarachoxngkaridin kh s 1872 imcha smedcphrackrphrrdiksnithsnmkbisongepnphiess isongsnbsnunihphraxngkhthrngmaephuxxkkalngesrimsrangkhwamaekhngaekrngaekphrawrkay aelasngesrimihmikhwamsnphrathyinkarthharinthanathithrngepncxmthph ckrphrrdiemcioprdkarxxktrwckalngphl thiswnihymacakaekhwnochchuaelastsuma eriykwa okchimep thharrachxngkhrks cdtngkhunemuxeduxnemsayn kh s 1871khwamsmphnthkbrachxanackrsyamrchsmykhxngphraxngkhtrngkbrchsmykhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwaehngrachxanackrsyam thngsxngphraxngkhthrngmiphraprasngkhthicasubthxdkhwamsmphnthrahwangrachxanackrsyamaelackrwrrdiyipun phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwidthrngsngphraecanxngyaethx krmhlwngethwawngsworpkar phraysinkhnann esnabdiwakarkrathrwngkartangpraethsepnphuaethnphraxngkhesdcipecriysmphnthimtriaelalngphranaminsnthisyyakbphuaethnphraxngkhkhxngckrphrrdiemcithikrungotekiywemuxwnthi 26 knyayn kh s 1887 ephuxkrachbsmphnthimtriaelasngesrimkarkharahwangthngsxngpraeths inewlatxmahlngcakphrarachphithikaycnaphieskinsmedcphrarachininathwiktxeriyaehngshrachxanackr ecachayxakihiota okhmtsuonamiyaaelakhnaphuaethnphraxngkhkhxngsmedcphrackrphrrdirahwangthangesdcklbcakshrachxanackridekhaefa phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwaelaprathbthiwngsrayrmy inkarni smedcphrackrphrrdiidthrngmiphrabrmrachoxngkarihecachayokhmtsuonamiyanaphrarachsasnecriyphrarachimtriaelaekhruxngrachxisriyaphrnxnsungsngyingdxkebycmassungepnekhruxngrachxisriyaphrnradbsungthisudkhxngyipunthulekla thwayphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw inewlatxma phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwidthrngmiphrabrmrachoxngkarihphrayaphaskrwngs thipruksarachkarinphraxngkhthiiwwangphrarachhvthynaphrarachsasntxbaelaekhruxngkhttiyrachxisriyaphrnxnmiekiyrtikhunrungeruxngyingmhackribrmrachwngssungepnekhruxngrachxisriyaphrnradbsungthisudkhxngsyaminsmynn ekhruxngrachxisriyaphrnxnepnmngkhlyingrachmitraphrnsungepnekhruxngrachxisriyaphrnradbsungthisudkhxngithyinpccubnsthapnakhuninrchsmykhxngphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr thulekla thwaysmedcphrackrphrrdisngkhramkbcininwnthi 25 krkdakhm 1894 ckrphrrdiemcithrngbychaihkxngthphyipunichwithikaraebbocrsldinkarocmtikxngeruxepyhyangkhxngcinthilxylaxyuinkhabsmuthrekahli hlngcaknnrthbalyipuncungxxkaethlngkarnwa cinidsngkxngthphihymayngkhabsmuthrekahliephuxhmaycaocmtieruxrbyipun aelackrphrrdiemcithrngprakassngkhramkbckrwrrdiching phraxngkhoprdihyaythanthphhlkmaxyuthiemuxnghiorachima ckrphrrdiwy 42 pithrngbychakarrbdwyxngkhexngtlxd 225 wn thrngsnphrathysthankarnsuktlxdewlathungkhnadmirbsngiwwaihplukphraxngkhidthukemuxhakmikhwamkhubhna aelayngthrnghammiihehlakhahlwngnanginmaprnnibtiphraxngkhthikhaythhar thrngeriynrukarichphakhnhnuthuhlngdwyxngkhexng karkrathaehlanisrangkhwykalngicaekthharyipunepnxnmakphrabrmwngsphraxkhrmehsiaelaphrasnm ckrphrrdiniochekng ckrphrrdiemcixphiesksmrskbthanhyingharuoka xicioc sungtxmaemuxswrrkhtidrbkarsthapnaepnckrphrrdiniphnpihlwng aetimmiphrarachoxrshruxphrarachthidadwykn enuxngcakphraphlanamykhxngsmedcphrackrphrrdiniimexuxxanwy aetmiphrarachoxrs thidathngsin 15 phraxngkh odyprasuticakphrasnmthnghmd odymiraynam phramehsi aelaphrasnm dngni phraxkhrmehsi smedcphrackrphrrdiniharuoka namedim thanhyingharuoka xichioc phrasnm phrasnmmitsuoka 1853 1873 phrasnmntsuoka hachiomota 1856 1873 phrasnmnaruoka yanangiwara 1855 1943 phrasnmokhotoka chingusa 1855 1944 phrasnmsachioka osona 1867 1947 phrarachoxrsaelathida phaphrachwngsyipuninsmyemci aemwackrphrrdiemciaelackrphrrdiniochekngcaimmiphrarachoxrshruxphrarachthidadwykn aetkmiphrarachoxrs thidaprasuticakphrasnm thngsin 15 phraxngkh khux ecachay impraktphranam prasuti 18 knyayn kh s 1873 aelasinphrachnminwnediywkn prasutiaedphrasnmmitsuoka ecahying impraktphranam prasuti 13 phvscikayn kh s 1876 aelasinphrachnminwnediywkn prasutiaedphrasnmntsuoka ecahyingchiengoka ecaxuema prasuti 25 mkrakhm kh s 1879 prasutiaedphrasnmnaruoka ecachayoychihiota ecaharu prasuti 31 singhakhm kh s 1879 txmakhuxckrphrrdiithoch prasutiaedphrasnmnaruoka ecachayyukihiota ecathaeka prasuti 23 knyayn kh s 1880 prasutiaedphrasnmnaruoka ecahyingxakioka ecachienga prasuti 3 singhakhm kh s 1884 prasutiaed phrasnmokhotaoka ecahyingfumioka ecamasu prasuti 26 mkrakhm kh s 1886 prasutiaedphrasnmokhotaoka ecahyingchisuoka ecahisa prasuti 10 kumphaphnth kh s 1889 prasutiaedphrasnmsachioka ecachaymichihiota ecaxaki prasuti kh s 1890 prasutiaedphrasnmsachioka ecahyingmasaoka ecathasuena prasuti 30 knyayn kh s 1891 prasutiaedphrasnmsachioka ecahyingfusaoka ecakhaena prasuti 28 mkrakhm kh s 1893 prasutiaedphrasnmsachioka ecahyingonbuoka ecafumi prasuti 7 singhakhm kh s 1894 prasutiaedphrasnmsachioka ecachayethruhiota ecamisu prasuti kh s 1896 prasutiaedphrasnmsachioka ecahyingothchioka ecayasu prasuti 11 phvsphakhm kh s 1899 prasutiaedphrasnmsachioka ecahyingthakioka ecasada prasuti kh s 1900 prasutiaedphrasnmsachiokaprachwraelaesdcswrrkhtinchwngplayrchkal phrackrphrrdithrngtxngthnthukkhthrmanxyukborkhebahwan aela orkhitxyanghnung thiphraxakarmiaetthrudlng cninrthphithihlaywara smedcphrackrphrrdithrngxxnephliyxyanghnkihphukhnsngektehnidxyangchdecn sunginpithiphraxngkhesdcswrrkhtkxnvdurxnpi kh s 1912 ph s 2455 nn kyngimmisyyanbxkehtuwacaesdcswrrkhtinpiediywknnn eduxnmkrakhmpi kh s 1912 ph s 2455 phrackrphrrdiesdcrwmnganprakwdkwiniphnthinwnpiihmthicdkhuninphrarachwngepnpracaxyangechnthukpiechnthiekhythrngptibtima eduxnkumphaphnth smedcphrackrphrrdithrngphraprachwr aetimnanphraxakarkdikhun samarththrngngantamhmaynganthikahndidtamprktiepntnwa wnthi 30 phvsphakhm esdciprwmphithisaerckarsuksakhxngorngeriynetriymthharinsngkdkxngthphbk thrngtrwcaethwnkeriynthiephingcb aelaphrarachthanpriyyabtr wnthi 28 mithunayn esdcxxktxnrbnaycharl wileliym exleliyt xditxthikarbdipracamhawithyalyharward miaekhkphumiekiyrtithngchawyipunaelatangpraethsmarwmdwy aetinwnthi 10 krkdakhm khnaesdcipyngmhawithyalyotekiywximphieriylephuxphrarachthanpriyyabtrinphithisaerckarsuksa smedcphrackrphrrdithrngrusukimmieriywaerng aelathrngphradaeninkhunbnididxyangyakeyn sung 5 wntxmakhnakalngcaprathbinthiprachumsphaxngkhmntri phrawrkayekidxakarsnxyangaerng rahwangkarprachumkthrngephlxhlbipkbthiprathb siphraphktrbxkidwaephliyhnkxyangchdecn wnthi 19 eduxnediywkn idesdcipprathbthiotathrngphraxksr aetthrngehnuxyekinkwacathrngnganid id aelakhnakalngcaprathbyunkhunnnexng thrnglmlng brrdaaephthyphuechiywchaycakmhawithyalyotekiywaehngsmedcphrackrphrrdithukeriyktwmachwykhnaaephthyhlwngthwaykarrksaxyangerngdwn sungrthbalidtdsinaethlngkhawihsatharnchnidrbthrabinthnthi rayaewlahlaywntxcaknn hnngsuxphimphtangphaknraynganthungphraxakarxyanglaexiyd thngphraxtrachiphcrthixxnlngeruxy aelakarthanganesuxmthrudlngkhxngxwywatang prachachntangswdxthisthanihsmedcphrackrphrrdihayprachwr mhachnmarwmtwknxyurayrxbphrarachwng hlaykhnkhukekhahruxhmxbkrabxyukbphun thaythisudsmedcphrackrphrrdiesdcswrrkhtdwyxakarphrahthyway emuxewla 0 43 nalika khxngwnthi 30 krkdakhm kh s 1912 ph s 2455 phrachnmayuid 60 phrrsa n phrarachwngotekiywphayhlngkarswrrkhtkhbwnphrabrmsph chatithngchaticmhayipinkhwamrusuksuyesiythithwmthn nkekhiynnwniyay brryayiwwa karswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdiidpidbnthukprawtisastrinrchsmyemcilngaelw khaphecarusukrawkbwaaemchiwitkhxngtwexngkthukplidhludcakkhw yamangataexngksaethuxnic cnthaythxdxxkmainbthkwiwa aesngfa wnni dblngaelw plxyiholk midmud khunwnthi 13 knyayn prachachntangyunebiydesiydknrxrbkhbwnesdcxyangengiyb khnathihibbrrcuphrabrmsphbnekhluxnphanesiyngediywthiidyinkhuxesiyngknglxbdeba ipbnphunthraykbesiyngexiydxadkhxngephlarth phxkhbwnaehekhluxnipthungsalaphrarachphithithisrangkhunbnlanswnsnamoxayamathietriymiwsahrbwaraniodyechphaa odymickrphrrdiithoch ckrphrrdiphraxngkhihm miphrarachdarssrresriyckrphrrdiemci ecachayisxngci naykrthmntri aelawatanaeba chixaki smuhrachmnethiyr kidklawkhasrresriyaedckrphrrdiemcidwyechnkn wnthi 15 knyayn idxyechiyphrabrmsphcakkrungotekiyw ipsunkhrekiywotodythangrthifephuxprakxbphithifngphrabrmsphiwthi ekhtfucimi ehtukarnediywthithaihchwngewlathikhnthngchatikalngoskesraaelaiwthukkhtxngsadudipkhuxkhaw nayphlonngi hnunginwirburuscaksngkhramrsesiy yipun phrxmdwyphriya krathaphithixtwinibatkrrmphayinbanphkkhxngtwexngemuxwnthi 13 knyayn sahrbchawyipunhlaykhn kartaykhxngnayphlonngi kratunihphwkekhahwnralukthungpraephniptibtikhxngsamuirinyukhklangthicatamecanaykhxngtnipdwykhwamcngrkphkdi aetsahrbkhnxun kartaykhxngomngiklbepneruxnghlngyukhhlngsmy aelakhdkbectnarmnthitxngkarphayipunekhasukarepnsmyihmthickrphrrdiemcithrngepnsylksn inthanathithrngepnckrphrrdiphraxngkhaerkthipraktphraxngkhtxsatharnchn aelamiphrabrmchayalksniwihchmphrabarmiaethnsmedcphrabrmsathislksnechninsmykxn txngnbwackrphrrdiemcimiphrabukhlikphaphthieddkhad epiymdwyphrarachxanacying odyrwmaelw phrarachcriywtrthingamsngakhxngckrphrrdiemci sngihthrngepnckrphrrdikhxngyipunyukhihmephiyngphraxngkhediywthieriykidwathrngphrabrmedchanuphaph xyangaethcring inpi kh s 1913 rthsphaidtdsinicsrangsalecaemcikhunthiekhtoyoyngi krungotekiyw ephuxxuthisthwayaeddwngphrawiyyan epnkarpraolmcititaelabrrethakraaescngrkphkdiaebbsudotngkhxngprachachachnlngbang kxnthiphraxaramcasrangesrcinpi kh s 1920 hnumsawhlayphnkhnxasaekhachwykxsrangphraxaram aelapluktnimthinamacakthukphakhkhxngpraethsihetmphunthiswnxnkwangkhwangodyrxb khwamethidthunbuchainsmyckrphrrdiemcikhxngphwkekhayngkhngmisung odymiraynganwa hyingsawbangkhnaesdngkhwamprasngkhthicathukfngthngepnitphraxaramkxnsrangesrc ochkhdithimikhnekliyklxmihhyingsawehlanntdpxyphmkhxngtnthwayaethnphraxisriyys3 phvscikayn kh s 1852 11 phvscikayn kh s 1860 ecasachi 11 phvscikayn kh s 1860 3 kumphaphnth kh s 1867 mkudrachkumar 3 kumphaphnth kh s 1867 30 krkdakhm kh s 1912 smedcphrackrphrrdi phayhlngswrrkht ckrphrrdiemciekhruxngrachxisriyaphrntangpraethsekhruxngrachxisriyaphrnkaretxr ekhruxngkhttiyrachxisriyaphrnxnmiekiyrtikhunrungeruxngyingmhackribrmrachwngs m c k ekhruxngrachxisriyaphrnculcxmekla chnpthmculcxmekla p c xangxingKeene 2002 p 200 sfn error no target CITEREFKeene2002 hnngsuxaertifiekhchnaehnghnngsuxprakasthangphrarachimtri PDF rachkiccanuebksa 6 mkrakhm 1888 subkhnemux 23 thnwakhm 2019 hnngsuxptiyyanchbbhnung wadwythangphrarachimtriaelkarkhakhay inrahwangpraethssyamkbpraethsyipun idthatklngknthikrungotkioy nwn 2 eduxn 11 khun 9 khapikunnphsk culskrach 1249 trngkbwnthi 26 eduxn 9 skrachimchi 20 pi aeltrngkbwnthi 26 esbetmebxkhvstskrach 1887 faysmedcphraecakrungsyam phraecanxngyaethx krmhlwngethwawngsworprakar esnabdiphuwakartangpraeths khawecayipuncaekhamakrungethph PDF rachkiccanuebksa 7 phvscikayn 1887 subkhnemux 23 thnwakhm 2019 kahndecayipunchuxprinskumssusungepnphuaethnsmedcphraecaexmepxerxyipun ipinkarechlimsirirachsmbtismedcphranangecarachinikrungxngkvs caklbcakkrungxngkvsmathungemuxngsingkhopr phrabathsmedcphraecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla ihcdwngsrayrmysahrbepnthiphk ecayipunekhaefathullxxngthuliphrabath PDF rachkiccanuebksa 7 phvscikayn 1887 subkhnemux 23 thnwakhm 2019 aelwprins xakihiot okmtsu thulekla thwayphrarachsasn khxngsmedcphraecamusuhiot mikhaod rachathirachpraethsyipun ecriythangphrarachimtri aelthwayekhruxngrachxisriyysyipunxyangsungchuxikhresnthimm saenaphrarachsasnipemuxngyipun PDF rachkiccanuebksa 30 phvscikayn 1887 subkhnemux 23 thnwakhm 2019 dwyinkarthieraidthrngmxbihthipvksarachkarxnepnthirk aeliwwangphrarachhvithykhxngera phrayaphaskrwngs thipvksarachkaraephndin cangwangmhadelk thipvksarachkarinphraxngkh elfetxaenntkhxlxaenltaaehnngwiess inkrmthharmhadelkrksaphraxngkh idiheramioxkasxnepnthiyindiehmuxnkn thicaidthrngtngphraxngkhdwyekhruxngkhttiyrachxisriyys xnmiekiyrtikhunrungeruxngyingtramhackrkri brmrachwngskhxngera ephuxepnthihmayxyangsungsudaehngthangphrarachimtriaelkhwamnbthuxxyangying hwnghlng 2559 rachsankcinhnsay olkhnkhwa sankphimphmtichn ISBN 9789740214564 PDF rachkiccanuebksa 4 37 296 30 thnwakhm 2430 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 05 08 subkhnemux 2021 07 07 Sidney Devere Brown and Akiko Hirota The Diary of Kido Takayoshi 3 vois Tokyo University of Tokyo Press 1983 86 Herschel Webb The Japanese Imperial Institution in the Tokugawa Period New York Columbia University Press 1968kxnhna ckrphrrdiemci thdipckrphrrdiokhem ckrphrrdiyipun ph s 2410 ph s 2455 ckrphrrdiithoch