สนธิสัญญาแรเมซีส-ฮัททูซิลี หรือ สนธิสัญญาคาเดซ มีการลงนามและให้สัตยาบันระหว่างศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล ระหว่างฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 แห่งอียิปต์ และกษัตริย์ แห่งฮิตไทต์ จุดประสงค์ของข้อตกลงนี้คือสร้างและรักษาความสัมพันธ์อย่างสันติระหว่างทั้งสองฝ่าย มันเป็นความตกลงที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้จักกันจากตะวันออกใกล้ และเป็นสนธิสัญญาฉบับเขียนที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน (ซึ่งอาจมิใช่สนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก) สนธิสัญญาดังกล่าวมีการจารึกไว้ในภาษาอียิปต์ ดังที่ปรากฏในกำแพงเทวสถานด้วยไฮโรกลิฟฟิก และในอดีต ซึ่งปัจจุบันคือ ประเทศตุรกี ที่ซึ่งมันถูกเก็บรักษาไว้บนแผ่นจารึกดินเผา
สนธิสัญญาฉบับฮิตไทต์ (ด้านบน อยู่ที่) และอียิปต์ (ด้านล่าง อยู่ที่ในคาร์นัก) | |
สร้าง | ประมาณ 1259 ก่อนคริสตกาล |
---|---|
ค้นพบ | ค.ศ.1828 (อียิปต์) และ ค.ศ.1906 (ฮิตไทต์) |
ที่อยู่ปัจจุบัน | และในคาร์นัก |
เบื้องหลัง
สนธิสัญญาดังกล่าวมีการลงนามเพื่อยุติสงครามอันยาวนานระหว่างจักรวรรดิฮิตไทต์และอียิปต์ ผู้ซึ่งสู้รบกันมานานกว่าสองศตวรรษเพื่อครองความเป็นใหญ่เหนือดินแดนเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ความขัดแย้งถึงจุดสูงสุดเมื่ออียิปต์พยายามรุกรานเมื่อ 1274 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งถูกหยุดยั้งโดยฮิตไทต์ที่เมือง ริมฝั่งแม่น้ำออรอนตีส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในซีเรีย สิ้นสุดลงโดยที่ทั้งสองฝ่ายสูญเสียรี้พลไปเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีฝ่ายใดสามารถเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไปอีกนานกว่าสิบห้าปีโดยที่ไม่มีฝ่ายใดแพ้ชนะก่อนหน้าจะมีการลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว ถึงแม้ว่ามันมักจะถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "สนธิสัญญาคาเดซ" ความจริงแล้วสนธิสัญญาดังกล่าวเว้นช่วงเวลาจากยุทธการดังกล่าวไปนานมาก และชื่อเมืองคาเดซมิได้ถูกเอ่ยถึงในสนธิสัญญา คาดกันว่าสนธิสัญญาดังกล่าวมีการเจรจากันโดยคนกลางโดยที่พระมหากษัตริย์ทั้งสองฝ่ายมิได้ทรงมาพบปะกัน ทั้งสองฝ่ายมีเจตนาที่จะสร้างสันติภาพ อียิปต์เผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นจาก "ชาวทะเล" ขณะที่ฮิตไทต์กังวลกับการขยายอำนาจของอัสซีเรียทางตะวันออก สนธิสัญญาดังกล่าวมีการลงนามในปีที่ 21 ในรัชสมัยของแรเมซีสที่ 2 (1258 ปีก่อนคริสตกาล) และยังคงมีผลบังคับใช้จนกระทั่งจักรวรรดิฮิตไทต์ล่มสลายลงอีกแปดสิบปีต่อมา
อ้างอิง
- Barker, Craig J. International Law and International Relations. Continuum International Publishing Group, 2000, , p. 2.
- Zeitschrift für Assyriologie und vorderasiatische Archäologie. Walter de Gruyter & Co, 1999, p. 149.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-24. สืบค้นเมื่อ 2011-02-26.
- Fitzgerald, Stephanie. Ramses II: Egyptian Pharaoh, Warrior, and Builder, p. 64. Compass Point Books, 2008.
- Bederman, David J. International law in antiquity, pp. 147-150. Cambridge University Press, 2001.
- Burney, p. 233
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
snthisyyaaeremsis hththusili hrux snthisyyakhaeds mikarlngnamaelaihstyabnrahwangstwrrsthi 13 kxnkhristkal rahwangfaorhaeremsisthi 2 aehngxiyipt aelakstriy aehnghititht cudprasngkhkhxngkhxtklngnikhuxsrangaelarksakhwamsmphnthxyangsntirahwangthngsxngfay mnepnkhwamtklngthiekaaekthisudethathiruckkncaktawnxxkikl aelaepnsnthisyyachbbekhiynthiekaaekthisudthiyngkhngehluxrxdmacnthungpccubn sungxacmiichsnthisyyathiekaaekthisudinolk snthisyyadngklawmikarcarukiwinphasaxiyipt dngthipraktinkaaephngethwsthandwyihorkliffik aelainxdit sungpccubnkhux praethsturki thisungmnthukekbrksaiwbnaephncarukdinephasnthisyyaaeremsis hththusilisnthisyyachbbhititht danbn xyuthi aelaxiyipt danlang xyuthiinkharnk srangpraman 1259 kxnkhristkalkhnphbkh s 1828 xiyipt aela kh s 1906 hititht thixyupccubnaelainkharnkebuxnghlngsnthisyyadngklawmikarlngnamephuxyutisngkhramxnyawnanrahwangckrwrrdihitithtaelaxiyipt phusungsurbknmanankwasxngstwrrsephuxkhrxngkhwamepnihyehnuxdinaednemdietxrereniyntawnxxk khwamkhdaeyngthungcudsungsudemuxxiyiptphyayamrukranemux 1274 pikxnkhristkal sungthukhyudyngodyhitithtthiemuxng rimfngaemnaxxrxntis sungpccubnxyuinsieriy sinsudlngodythithngsxngfaysuyesiyriphlipepncanwnmak aetimmifayidsamarthexachnaxikfayhnungidxyangeddkhad khwamkhdaeyngyngkhngdaenintxipxiknankwasibhapiodythiimmifayidaephchnakxnhnacamikarlngnaminsnthisyyadngklaw thungaemwamnmkcathukeriykxikchuxhnungwa snthisyyakhaeds khwamcringaelwsnthisyyadngklawewnchwngewlacakyuththkardngklawipnanmak aelachuxemuxngkhaedsmiidthukexythunginsnthisyya khadknwasnthisyyadngklawmikarecrcaknodykhnklangodythiphramhakstriythngsxngfaymiidthrngmaphbpakn thngsxngfaymiectnathicasrangsntiphaph xiyiptephchiyhnakbphykhukkhamthiephimmakkhuncak chawthael khnathihitithtkngwlkbkarkhyayxanackhxngxssieriythangtawnxxk snthisyyadngklawmikarlngnaminpithi 21 inrchsmykhxngaeremsisthi 2 1258 pikxnkhristkal aelayngkhngmiphlbngkhbichcnkrathngckrwrrdihitithtlmslaylngxikaepdsibpitxmaxangxingBarker Craig J International Law and International Relations Continuum International Publishing Group 2000 ISBN 0826450288 p 2 Zeitschrift fur Assyriologie und vorderasiatische Archaologie Walter de Gruyter amp Co 1999 p 149 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 09 24 subkhnemux 2011 02 26 Fitzgerald Stephanie Ramses II Egyptian Pharaoh Warrior and Builder p 64 Compass Point Books 2008 ISBN 9780756538361 Bederman David J International law in antiquity pp 147 150 Cambridge University Press 2001 ISBN 9780521791977 Burney p 233