บทความนี้ไม่มีจาก |
สงครามทุ่งกุรุเกษตร เป็นเหตุการณ์ในมหาภารตะ ทุ่งกุรุเกษตร เป็นที่ราบที่อยู่ใกล้ ๆ กับกรุงหัสตินาปุระ ที่ทั้งสองตระกูลคือปาณฑพและเการพใช้เป็นสมรภูมิรบ มีทหาร เจ้าชายและกษัตริย์จากแคว้นเมืองต่าง ๆ ล้มตายเป็นจำนวนมาก
ที่สมรภูมิรบแห่งนี้ ฝ่ายปาณฑพมีกำลังพลและหน่วยรบรวมกันทั้งหมด 7 อักเษาหิณี (ประมาณ 1.5 ล้านคน) และฝ่ายเการพ 11 อักเษาหิณี (ประมาณ 2.4 ล้านคน) ในสงครามหนนี้ มีผู้คนล้มตายไปเกือบ 4 ล้านคน ที่รอดจากสงครามมาได้ก็มีเพียงฝ่ายเการพ 3 คนและฝ่ายปาณฑพ 8 คน
การเจรจาสงบศึกก่อนสงคราม
- การเจรจาครั้งที่ 1 ฝ่ายปาณฑพ ส่งปุโรหิตของท้าวทรุปัทไปเป็นทูต แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
- การเจรจาครั้งที่ 2 ฝ่ายเการพส่งสัญชัยสารถีไปเป็นทูต แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
- การเจรจาครั้งที่ 3 ฝ่ายปาณฑพส่งพระกฤษณะไปเป็นทูต พร้อมด้วยสาตยกีและ ก่อนวันเจรจา พระกฤษณะมาพำนักอยู่กับพระนางกุนตีและท้าววิทูร เมื่อถึงวันเจรจาพระกฤษณะได้ยื่นข้อเสนอให้ ทุรโยธน์มอบเมืองให้ปาณฑพห้าเมือง คือ อริสถัล กุสาสถัล วฤกาสถัล มะกาณฑี วรรณาพรต แต่ทุรโยธน์ไม่ยอมให้ และทุรโยธน์ยังพยายามจะจับตัวพระกฤษณะ แต่พระกฤษณะแสดงรูปเป็นพระวิศวรูปต่อหน้าทุกคนในราชสภา และได้กล่าวเตือนถึงหายนะของทุรโยธน์และกุรุราชวงศ์
- การเจรจาครั้งที่ 4 ฝ่ายเการพส่ง บุตรของท้าวศกุนิไปเป็นทูตแต่ก็ไม่สำเร็จ
ในปีที่เกิดสงครามนั้นมีลางร้ายบอกเหตุ นั่นคือ เกิดสุริยุปราคาขึ้น ถึง 3 ครั้งในปีเดียว ในทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นลางร้าย
ผู้บัญชาการรบเและกำลังพล
ฝ่ายปาณฑพ
ฝ่ายปาณฑพมีกำลัง 7 อักเษาหิณี ธฤษฏะทยุมันได้รับเลือกเป็นประธานเสนาบดี (แม่ทัพใหญ่) ทุก ๆ อักเษาหิณีจะมีแม่ทัพหนึ่งคน ได้แก่ ธฤษฏัทยุมนะ ศิขัณทิน ท้าวทรุปัท สาตยกี ภีมะ นอกจากนั้นยังมีพี่น้องปาณฑพทั้งห้า บุตรของเหล่าพี่น้องปาณฑพและพระกฤษณะ ยุยุตสุ น้องชายต่างมารดาของทุรโยธน์ ที่ย้ายข้างมาอยู่ฝ่ายปาณฑพ ท้าวสหเทพ บุตรของท้าว กษัตริย์แคว้นมคธ ท้าววฤหัธกษัตร กับพี่น้องสี่คน บุตรของท้าวทยุมัตเสน กษัตริย์แคว้นไกเกยะ ท้าวธฤษฏเกตุ บุตรของ กษัตริย์แคว้นเจที ท้าว ตาของพี่น้องปาณฑพ และท้าวปุรูชิต พี่ชายของพระนางกุนตี ลุงของพวกปาณฑพ กษัตริย์แคว้นกุนตี ท้าวอภิภู กษัตริย์แคว้นกาศี ท้าวราชา ท้าวโรจมัน กษัตริย์แคว้นภารตวรรษ ท้าวเสนาวินทุ กษัตริย์เมืองเทวปรัสถ์ ท้าวนีละ กษัตริย์แคว้นอนุปะ ท้าวมาลยธวัช กษัตริย์แคว้นปาณฑยา และอีกหลายอาณาจักรได้เป็นพันธมิตรกับฝ่ายปาณฑพ
ฝ่ายเการพ
ฝ่ายเการพมีกำลังถึง 11 อักเษาหิณี มากกว่าฝ่ายปาณฑพ ภีษมะเป็นประธานเสนาบดี (แม่ทัพใหญ่) แม่ทัพคนสำคัญของเการพได้แก่ โทรณาจารย์ ทุรโยธน์ ทุหศาสัน กฤปาจารย์ อัศวัตถามา ชัยทรัถ ศกุนิ และ นอกจากนั้นยังมีพี่น้องเการพ บุตรของเหล่าพี่น้องเการพ กษัตริย์แคว้นปราคชโยติษะ แคว้นพาหลีกะ กษัตริย์แคว้นตรีครรตะ สุทักษิณ กษัตริย์แคว้นกัมโพช ท้าววินทะ ท้าวอนุวินทะ กษัตริย์แคว้นอวันตี ท้าวศรุตายุษ กษัตริย์แคว้นกาลิงคะ ท้าวศรุตายุธ กษัตริย์แคว้นโกศล ท้าวพฤหัทพละ กษัตริย์เมืองอโยธยา ท้าวนีละ กษัตริย์เมืองมาหิษมดี และอีกหลายอาณาจักรรวมทั้งกองทัพยาทพของพระกฤษณะหรือเรียกว่านารายณีเสนา ส่วนกรรณะเข้าร่วมรบในภายหลังที่ภีษมะถูกปราบ ภีษมะเป็นแม่ทัพใหญ่สิบวันแรก โทรณาจารย์ห้าวัน กรรณะสองวัน วันสุดท้ายเป็นแม่ทัพ แม่ทัพใหญ่ทุกคนที่กล่าวมาถูกสังหารทุกคน ส่วนอัศวัตถามาเป็นแม่ทัพวันสุดท้ายลอบเข้าไปในค่ายปาณฑพ สังหารแม่ทัพและทหารไปมากมาย
ฝ่ายที่เป็นกลาง
พระพลรามพี่ชายของพระกฤษณะ ท้าวรุกมี กษัตริย์แคว้นวิทรรภะ พี่ชายของพระนางรุกมินี มเหสีของพระกฤษณะ และท้าววิทูร ปฏิเสธที่จะร่วมรบ
กฎแห่งสงคราม
สงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร มีกฎหรือจริยธรรมแห่งการทำสงคราม เรียกว่า ธรรมยุทธ ซึ่งจะตั้งโดยประธานเสนาบดีของทั้งสองฝ่าย ซึ่งได้ตั้งไว้ 13 ข้อ ได้แก่
- การรบจะเริ่มเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและสิ้นสุดเมื่อพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า โดยใช้เสียงสังข์เป็นสัญญาณ
- นักรบหนึ่งคนต้องรบกับนักรบหนึ่งคนเท่านั้น
- นักรบคู่หนึ่งอาจรบกันได้นานหากใช้อาวุธเหมือนกัน หรือใช้พาหนะเหมือนกัน หรือเดินเท้าเหมือนกัน
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายนักรบผู้ยอมจำนน
- นักรบที่ยอมจำนนจะกลายเป็นเชลยศึก และจะได้รับการปกป้องโดยสิทธิเชลยศึก ตามสมควร
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายนักรบผู้ไร้ซึ่งศาสตราวุธ
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายนักรบผู้หมดสติ
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายคนหรือสัตว์ ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในสงคราม
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายนักรบจากด้านหลัง
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายสตรี
- ห้ามสังหารหรือทำร้ายสัตว์ที่ไม่สร้างภัยคุกคามในสงคราม
- นักรบต้องปฏิบัติตามกฎที่เฉพาะเจาะจงสำหรับอาวุธแต่ละชนิด เช่น ห้ามใช้คทาตีต่ำจากสะเอวลงมา ตามกฎของคทายุทธ
- นักรบไม่อาจเข้าร่วมในสงครามที่ไม่เป็นธรรมใด ๆ
กฎธรรมยุทธ ถูกรักษามาโดยอย่างดี แต่หลังจากโทรณาจารย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเสนาบดี กฎทุกอย่างถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง
เหตุการณ์ตามวัน
- วันที่หนึ่ง
- ผู้ตาย: โดย เจ้าชายเศวตะ โดยภีษมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปวัชระ (วัชระพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพแบบปลอดภัยทุกด้าน (สรรวะโตภัทรพยุหะ) ภีษมะสร้างความเสียหายย่อยยับให้แก่ฝ่ายปาณฑพ อภิมันยุเผชิญหน้ากับภีษมะและสามารถสู้ได้อย่างสูสี
- วันที่สอง
- ผู้ตาย: ท้าวศรุตายุษ กษัตริย์แคว้นกาลิงคะ และบุตรอีก 4 คน คือ สักระเทพ ภานุมัต สัตยเทพ สัตยะ เจ้าชายเกตุมัต บุตรของเอกลัพย์ และกองทัพช้างกาลิงคะ โดยภีมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปนกกระสา (เกราญจะพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปตะกร้าเหล็ก (ศกฏะพยุหะ) อรชุนปะทะกับภีษมะ ท้าวทรุปัทรบกับอัศวัตถามา ภีมะรบกับทุรโยธน์ สหเทพรบกับศกุนิ อภิมันยุรบกับทุหศาสัน สาตยกีและภีมะช่วยกันทำลายกองทัพจากแคว้นกาลิงคะ สาตยกีฆ่าสารถีของภีษมะตาย
- วันที่สาม
- ผู้ตาย: ไม่มีแม่ทัพตายในวันนี้
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว (จันทรกาลพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปพญาครุฑ (ครุฑพยุหะ) อภิมันยุและสาตยกีรบกับศกุนิทำให้ศกุนิและทหารแคว้นคันธาระล่าถอย ภีมะและฆโฎตกัจรบกับทุรโยธน์ทำให้ทุรโยธน์สลบไป อรชุนรบอย่างดุเดือดกับภีษมะ
- วันที่สี่
- ผู้ตาย: เจ้าชายเการพ 8 คน โดยภีมะ บุตรของท้าวศาละ น้องชายของ โดยอภิมันยุ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปเขาสัตว์ (ศฤงคฏกะพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปวงกลม (มณฑลพยุหะ) อภิมันยุและธฤษฏัทยุมนะ รบกับ โทรณาจารย์ กฤปาจารย์ อัศวัตถามา ท้าวศาละ และจิตรเสน ภีมะสังหารน้องชายของทุรโยธน์ถึงแปดคน และกองทัพช้างของทุรโยธน์ ทุรโยธน์จึงสั่งให้ไปจัดการกับภีมะ ถูกฆโฎตกัจเข้าขัดขวางและปกป้องภีมะ
- วันที่ห้า
- ผู้ตาย: ท้าวศตานีกะ น้องชายของ โดยภีษมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปพญาครุฑ (ครุฑพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปมกร (มกรพยุหะ) ภีมะรบกับภีษมะ สาตยกีรบกับโทรณาจารย์ อภิมันยุรบกับ อรชุนรบกับอัศวัตถามา ศิขัณทินรบกับ
- วันที่หก
- ผู้ตาย: เจ้าชายเการพอีก 8 คน โดยภีมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปมกร (มกรพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปนกกระสา (เกราญจะพยุหะ) ภีมะรบกับโทรณาจารย์ นกุลรบกับภีษมะ ภีมะสังหารน้องชายอีกแปดคนของทุรโยธน์ ธฤษฏัทยุมนะใช้ศรปราโมหนะ (ศรยาสลบ) ยิงใส่พี่น้องเการพ ทำให้โทรณาจารย์ต้องแผลงศรปรัชนะ(ศรทำให้ตื่น) มาแก้ไขสถานการณ์ อภิมันยุแปรขบวนทัพเป็นรูปรูของเข็มเย็บผ้า (สูจิมุขพยุหะ) เข้าไปช่วยธฤษฏัทยุมนะ ภีมะเข้าไปรบอีกครั้งกับทุรโยธน์จนทุรโยธน์สลบไป ชัยทรัถ ผู้เป็นน้องเขยต้องเข้ามาช่วย (ลูกชายของพี่น้องปาณฑพ) ทั้ง 5 คน คือ รบกับอัศวัตถามาและทำลายรถศึกของอัศวัตถามา
- วันที่เจ็ด
- ผู้ตาย: เจ้าชายศังขะ โดยโทรณาจารย์
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปวัชระ (วัชระพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปวงกลม (มณฑลพยุหะ) ยุธิษฐิระรบกับภีษมะ ท้าวทรุปัท และเจ้าชายศังขะ รบกับ โทรณาจารย์ ศิขัณทินรบกับอัศวัตถามา ธฤษฏัทยุมนะรบกับทุรโยธน์และศกุนิ นกุลและสหเทพรบกับ อรชุนรบกับ ท้าววินทะ ท้าวอนุวินทะ สองพี่น้องกษัตริย์แคว้นอวันตี ภีมะรบกับ อภิมันยุ รบกับ จิตรเสน และทุหศาสัน ฆโฎตกัจรบกับ สาตยกีรบกับ รบกับท้าวธฤษฏเกตุ รบกับกฤปาจารย์
- วันที่แปด
- ผู้ตาย: เจ้าชายเการพอีก 8 คน โดยภีมะ น้องชาย 6 คนของศกุนิ โดยอิราวัต อิราวัต โดย ท้าวสุธรรมัน โดย
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปตรีศูล (ตรีศูลพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปคลื่นในมหาสมุทร (อูรมิพยุหะ) สหเทพ ภีมะ และธฤษฏัทยุมนะ รบกับภีษมะ อิราวัต รบกับศกุนิและ นกุลรบกับโทรณาจารย์ หลังจากอิราวัตถูกสังหาร ฆโฎตกัจเกิดความแค้นมากจึงเข้าต่อสู้กับทุรโยธน์ ภีมะต้องเข้ามาช่วยฆโฎตกัจผู้เป็นบุตรชาย ทุรโยธน์เพลี้ยงพล้ำถอยทัพไป และสั่งให้นำกองทัพช้างเข้าไปโจมตีภีมะ ยุธิษฐิระจึงออกคำสั่งให้ ท้าวสุธรรมัน กษัตริย์แคว้นทารศนะ นำกองทัพเข้าไปรบกับท้าวภาคทัตต์ ท้าวสุธรรมันกระทำยุทธหัตถีกับท้าวภาคทัตต์ ถูกท้าวภาคทัตต์สังหารตาย อรชุนจึงนำทัพมาสมทบ และตีโต้กลับท้าวภาคทัตต์
- วันที่เก้า
- ผู้ตาย: ไม่มีแม่ทัพตายในวันนี้
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปหมู่ดาวนักรษัตรในท้องฟ้า (นักษัตรมณฑลพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพแบบปลอดภัยทุกด้าน (สรรวะโตภัทรพยุหะ) อภิมันยุและรบกับทุรโยธน์ ชัยทรัถ และ สาตยกีรบกับโทรณาจารย์ กฤปาจารย์และอัศวัตถามา ภีมะรบกับ อรชุนรบกับภีษมะ พระกฤษณะทนไม่ได้ที่ภีษมะ สังหารกองทัพฝ่ายปาณฑพไปมากมาย จึงลงจากรถศึกและคว้ากงล้อรถศึก ซึ่งกลายเป็นจักรสุทรรศนะจะสังหารภีษมะ แต่อรชุนเข้ามาห้ามไว้
- วันที่สิบ
- ผู้ตาย: ภีษมะเจ็บหนักต้องถอนตัวจากสนามรบ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปเทวดา (เทวพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปอสูร (อสูรพยุหะ) แม่ทัพฝ่ายปาณฑพกีดกันแม่ทัพคนอื่น ๆ ให้ออกห่างภีษมะ คือ ธฤษฏัทยุมนะไปรบกับโทรณาจารย์ ภีมะรบกับทุรโยธน์ สหเทพรบกับกฤปาจารย์ ยุธิษฐิระรบกับ สาตยกีรบกับ นกุลรบกับอัศวัตถามา อภิมันยุรบกับศกุนิ ท้าวทรุปัทรบกับชัยทรัถ รบกับ รบกับทุหศาสัน อรชุนวางแผนให้ศิขัณทินนำหน้ารถศึก ภีษมะปฏิเสธที่จะฆ่าศิขัณทินที่เกิดเป็นหญิง เป็นช่องทางให้อรชุนระดมยิงธนูไปทั่วร่างของภีษมะด้วยความเศร้าใจ หลังจากภีษมะล้มลงบนเตียงธนู ทุกคนทั้งฝ่ายปาณฑพและเการพเข้าห้อมล้อมท้าวภีษมะเพื่อแสดงความอาลัย
- วันที่สิบเอ็ด
- ผู้ตาย: เจ้าชายเการพอีก 20 คน โดยภีมะ ท้าวอัมพัษฐราช ท้าวสุทรรศนะ ท้าวสมุทรไสนี โดยโทรณาจารย์
- เหตุการณ์สำคัญ: กรรณะเข้าสู่สนามรบเป็นวันแรก โทรณาจารย์ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเสนาบดี (แม่ทัพใหญ่) แทนภีษมะ โทรณาจารย์สัญญากับทุรโยธน์ว่าจะจับตัวยุธิษฐิระมาให้ ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปนกกระสา (เกราญจะพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปตะกร้าเหล็ก (ศกฏะพยุหะ) อรชุนรบกับกรรณะเป็นวันแรก ยุธิษฐิระรบกับโทรณาจารย์ อภิมันยุรบกับ ศิขัณทินรบกับ ฆโฎตกัจรบกับ สหเทพรบกับศกุนิ ภีมะรบกับพี่น้องเการพ คือ วิวินศติ จิตรเสน โสมัน สุวรมัน อุปจิตร และคนอื่น ๆ อีก ภีมะสังหารพี่น้องเการพไปอีก 20 คน วิกรรณะและวิวินศติหนีมาได้ ภีมะเข้ามารบด้วยกระบองกับท้าวศัลยะ เพื่อช่วยอภิมันยุ ท้าวศัลยเพลี้ยงพล้ำถูกภีมะฟาดกระบองใส่อย่างแรง ต้องเข้ามาช่วยพาท้าวศัลยะ ขึ้นรถศึกหนีออกไป และอัศวัตถามารบกับพวก
- วันที่สิบสอง
- ผู้ตาย: ท้าวนีละ ท้าวมาลยธวัช โดยอัศวัตถามา กษัตรธรรมัน โดย สัตยชิต ท้าววฤตกะ สุจิตร ท้าวอนาธฤษฏิ ท้าวสัตยธฤติ โดยโทรณาจารย์ โดยอรชุน วัชรทัตต์ โดยนกุล ภูตกรรมา ศรุตวรมา โดย
- เหตุการณ์สำคัญ: พี่เขยของทุรโยธน์ กษัตริย์แคว้นตรีครรตะ และน้องชายของเขา รวมกลุ่มกันสาบานหน้ากองไฟ ว่าจะสังหารอรชุน เรียกว่า สังศัปตกะ ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว (จันทรกาลพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปพญาครุฑ (ครุฑพยุหะ) อรชุน รบกับและน้องชายของเขา อรชุนยิงธนูตัดมือสุพาหุ น้องชายของสุศรรมาขาด และตีกองทัพนารายณีเสนาแตกพ่าย อรชุนแผลงศรทวัสตาสตร์ ทำให้ฝ่ายเการพเห็นภาพลวงตาและสังหารกันเอง และยังแผลงศรวายวยาสตร์ สร้างพายุหมุนในกองทัพฝ่ายเการพ อีกด้านหนึ่งท้าวทรุปัทรบกับทุรโยธน์ อภิมันยุรบกับกรรณะ ธฤษฏัทยุมนะรบกับทุรมุข น้องชายของทุรโยธน์ ยุธิษฐิระรบกับโทรณาจารย์ สัตยชิต เข้ามาช่วยแต่ถูกโทรณาจารย์ ยิงธนูตัดหัวขาด แผลงศรไวษณวาสตร์ใส่พระกฤษณะ แต่ศรกลับกลายเป็นพวงมาลัย อรชุนแผลงศรใส่ช้างสุประติกะ และแผลงศรปักเข้าที่หน้าผากท้าวภาคทัตต์ เสียชีวิต ส่วนวัชรทัตต์ถูกนกุลสังหาร
- วันที่สิบสาม
- ผู้ตาย: ท้าวพฤหัทพละ กษัตริย์แคว้นโกศล กษัตริย์แคว้นอัศมกะ มารติกวัต บุตรของกฤตวรมา ชยัตเสน รุกมะรถ บุตรของท้าวศัลยะ ท้าวนีละ โดยอภิมันยุ อภิมันยุ โดยทุรโยธน์ ทุหศาสัน กรรณะ ศกุนิ อัศวัตถามา และน้องชายของเขา โดยอรชุน
- เหตุการณ์สำคัญ: โทรณาจารย์วางกลศึกจัดทัพเป็นรูปกงจักร (จักรพยุหะ) ยุธิษฐิระขอร้องให้อภิมันยุซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้วิธีการทะลวงเข้า แต่ไม่รู้จักวิธีออก ฝ่ายปาณฑพพยายามจะตามเข้าไป โดยเฉพาะท้าวทรุปัท ผู้รู้วิธีทะลวงออกจากจักรพยุหะ แต่ไม่อาจฝ่ากองทัพของชัยทรัถเข้าไปได้ เพราะชัยทรัถได้พรวิเศษจากพระศิวะ ให้สามารถรบชนะพวกปาณฑพได้หนึ่งวัน หากในสมรภูมิไม่มีพระกฤษณะและอรชุน ซึ่งถูกดึงตัวออกไปรบเพื่อป้องกันแคว้นมัตสยะ ของ อภิมันยุถูกรุมโจมตี จนอาวุธต่าง ๆ ถูกทำลาย ต้องใช้ล้อรถศึกมาเป็นอาวุธแทน สุดท้ายเขาถูกรุมสังหารอย่างโหดเหี้ยม และถูกทุรมะเสน ลูกชายของทุหศาสันใช้กระบองฟาดหัวจนตาย อรชุนสาบานจะล้างแค้นโดยการสังหารชัยทรัถ ผู้เป็นต้นเหตุการณ์ตายของอภิมันยุ
- วันที่สิบสี่
- ผู้ตาย: สุทักษิณ กษัตริย์แคว้นโกศล และน้องชาย 2 คน คือ ศรุตายุส อชุตายุส ท้าววินทะ ท้าวอนุวินทะ ชัยทรัถโดยอรชุน บุตร 10 คน ของสาตยกี โดย ท้าวชลาสันธ์ ท้าวศัลวะ จิตรเสน ประเสน โดยสาตยกี ท้าวจิตรยุธ ท้าวจิตรโยธิน โดย พนเสน บุตรของกรรณะ เจ้าชายเการพ 6 คน คือ วิวินศติ ทุรชัย ทุรมุข ทุรมรรศนะ ทุหสาลัน โดยภีมะ ท้าววฤหัทวาหนะ โดยท้าวธฤษฏเกตุ ท้าวเกษมธุรติ โดยท้าววฤหัทกษัตร ท้าววฤหัทกษัตร ท้าวธฤษฏเกตุ ท้าวกุนตีโภช ท้าวปุรุชิต ท้าวสหเทพ ท้าวอภิภู ท้าวราชา ท้าวโรจมัน โดยโทรณาจารย์ ท้าวศาละ ท้าวภีมรถ ท้าวกุลินทะ โดย
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปพระขรรค์ (ขัฑคะพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพรัดกุมมาก ถึงสามชั้นคือ ชั้นที่หนึ่ง เป็นรูปกงจักร (จักรพยุหะ) ชั้นที่สอง เป็นรูปตะกร้าเหล็ก (ศกฏะพยุหะ) ชั้นที่สาม เป็นรูปรูของเข็มเย็บผ้า (ศูจิมุขพยุหะ) เพื่อปกป้องชัยทรัถ อรชุนแค้นถึงกับบุกทะลวงเข้าไปเข่นฆ่าทหารฝ่ายเการพไปถึง 1 อักเษาหิณี สาตยกีและภีมะตามเข้าไปช่วยอรชุน สาตยกีถูกขัดขวาง แต่สาตยกีสามารถสังหารภูริศรวัสได้ ส่วมภีมะเข้าปะทะกับกรรณะ และพ่ายแพ้ในการรบกับกรรณะ แต่กรรณะไว้ชีวิตภีมะ เมื่อรบกันไปจนใกล้จะเย็น พระกฤษณะใช้จักรสุทรรศนะบดบังดวงสุริยะ ทำให้เกิดสุริยคราส ฝ่ายเการพเข้าใจว่าสุริยะลับขอบฟ้าไปแล้ว ชัยทรัถจึงออกมาจากแนวป้องกัน เมื่อพระกฤษณะเรียกจักรกลับมา แสงส่องอีกครั้ง อรชุนจึงแผลงศรปาศุปัต ตัดหัวชัยทรัถ
- คืนวันที่สิบสี่
- ผู้ตาย: ท้าวเสนาวินทุ โดย โดยสาตยกี ทุรมะเสน ลูกชายของทุหศาสัน และเจ้าชายเการพอีก 30 คน โดยภีมะ บุตรของเหล่าพี่น้องเการพ โดย อัญชนปรรวัน บุตรฆโฎตกัจ โดยอัศวัตถามา อลายุธ โดย ฆโฎตกัจ ฆโฎตกัจ โดยกรรณะ
- เหตุการณ์สำคัญ: การต่อสู้เลยมาถึงตอนกลางคืน สหเทพรบกับกรรณะ คันธนู หอก และขวานของสหเทพ ถูกยิงจนหัก สารถีถูกยิงจนตาย ล้อรถศึกถูกยิงจนแตก คทาถูกทำลาย สหเทพจึงใช้ดาบ เข้าต่อสู้กับกรรณะ ก็ได้รับความพ่ายแพ้ แต่กรรณะไว้ชีวิตสหเทพ ฆโฎตกัจมีพละกำลังเพิ่มในยามค่ำ ไม่มีใครปราบได้ กรรณะถึงกับต้องใช้หอกวาสวีศักติ อาวุธวิเศษจากพระอินทร์ สังหารฆโฎตกัจตายในที่สุด แต่ทำให้กรรณะหมดฤทธิ์ไปมาก หลังการรบอย่างหนักในคืนนี้ทหารทั้งหลาย ต่างสลบไสลหลับไป ด้วยความเหนื่อยอ่อน
- วันที่สิบห้า
- ผู้ตาย: ท้าวทรุปัทและ โดยโทรณาจารย์ โทรณาจารย์ โดยธฤษฏัทยุมนะ
- เหตุการณ์สำคัญ: โทรณาจารย์ สังหารท้าวทรุปัทและ อีกทั้งยังทำลายกองทัพแคว้นปัญจาละ แคว้นมัตสยะ ภีมะออกอุบายว่าอัศวัตถามาลูกชายของโทรณาจารย์ถูกฆ่าตาย โทรณาจารย์หลงเชื่อและเศร้าใจอย่างยิ่ง ธฤษฏัทยุมนะถือโอกาสตัดหัวโทรณาจารย์ล้างแค้นให้บิดา อัศวัตถามาแผลงศรนารายณาสตร์ และ ศรอาคเนยาสตร์ หมายจะแก้แค้นเช่นกัน แต่ไม่อาจทำอันตรายฝ่ายปาณฑพได้
- วันที่สิบหก
- ผู้ตาย: สุเษณ จิตรเสน สัตยเสน โดยนกุล ท้าวจิตระ โดย ท้าวจิตรรถ ท้าวจิตรเสน โดย ท้าววฤหันต์ โดยทุหศาสัน พี่น้องเการพที่เหลืออยู่อีก 18 คน โดยภีมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: กรรณะเป็นขึ้นเป็นประธานเสนาบดี (แม่ทัพ) แทนโทรณาจารย์ ทุรโยธน์ขอร้องให้ มาทำหน้าที่สารถีให้กรรณะ ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว (จันทรกาลพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปมกร (มกรพยุหะ) นกุลรบกับกรรณะ คันธนูของนกุล ถูกยิงจนหัก สารถีถูกยิงจนตาย ล้อรถศึกถูกยิงจนแตก คทาถูกทำลาย นกุลจึงใช้ดาบ เข้าต่อสู้กับกรรณะ ก็ได้รับความพ่ายแพ้ แต่กรรณะไว้ชีวิตนกุล หลังจากนั้นกรรณะได้เข้าไปช่วยทุรโยธน์ ที่กำลังรบกับยุธิษฐิระ ภีมะรบกับทุหศาสัน จับทุหศาสันจิกผมลากไปกับพื้น และถูกภีมะฉีกแขนทั้งสองข้าง และแหวกอกดื่มเลือดทุหศาสัน และนำเลือดของทุหศาสันมาล้างผมของพระนางเทราปตี เพื่อล้างแค้นให้พระนางเทราปตี
- วันที่สิบเจ็ด
- ผู้ตาย: กรรณะ วฤษเสน ศัตรุญชัย ทวิปัต โดยอรชุน ทุหศาสัน โดยภีมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปกระบือ (มหิษพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นรูปดวงสุริยะ (สูรยะพยุหะ) อรชุนต่อสู้กับกรรณะอย่างดุเดือด กรรณะใช้ศรนาคาสตร์ซึ่งคือพญาตักษกะนาคราช สถิตอยู่ในลูกศร แผลงศรออกไปใส่อรชุน พระกฤษณะกระทืบเท้าทำให้รถศึกเอียงข้างหนึ่ง ทำให้ศรนาคาสตร์ไปโดนมงกุฎกิรีฏิของอรชุน แทนที่จะโดนอรชุน และในที่สุดรถศึกของเขาพลัดตกลงไปในหล่มขยับไม่ได้ เขาจึงลงจากรถศึกมาเข็นล้อรถขึ้นจากหล่ม เขาอ้อนวอนให้อรชุนหยุดยิงธนูตามหลักธรรมยุทธ พระกฤษณะไม่เห็นด้วยเพราะ กรรณะมีส่วนร่วมในการรุมสังหารอภิมันยุ ซึ่งผิดหลักธรรมยุทธ จึงสั่งให้อรชุนแผลงศรอัญชลิกะตัดหัวกรรณะ ในที่สุดกรรณะก็ถึงแก่ความตาย พระนางกุนตีเปิดเผยตัวว่าเป็นแม่กรรณะ ศกุนิขอร้องให้พระนางคานธารี แก้ผ้าผูกตาของนางออก เพื่อจะทำให้ทุรโยธน์มีร่างกายแข็งแกร่งดังวัชระ แต่ที่ต้นขาของทุรโยธน์ไม่ได้รับการปกป้อง เพราะสวมใบตองคลุมไว้
- วันที่สิบแปด
- ผู้ตาย: โดยยุธิษฐิระ ศกุนิ วฤกาสุระ โดยสหเทพ ท้าวทมัน ท้าวธรุมเสน ท้าวสัมยมณีและบุตร โดยธฤษฏัทยุมนะ ท้าวสุเกตุ โดยกฤปาจารย์ โดยทุรโยธน์ ทุรโยธน์ โดยภีมะ
- เหตุการณ์สำคัญ: ฝ่ายปาณฑพจัดทัพเป็นรูปวัชระ (วัชระพยุหะ) ฝ่ายเการพจัดทัพเป็นแบบปลอดภัยทุกด้าน (สรรวะโตภัทระพยุหะ) รับตำแหน่งประธานเสนาบดี และถูกสังหารในวันนี้โดยยุธิษฐิระ ศกุนิถูกสหเทพใช้ขวานฟันคอตายอย่างโหดเหี้ยม หลังจากความตายของท้าวศัลยะและศกุนิ ทุรโยธน์โกรธแค้นมากจึงนำทัพด้วยตนเองและสังหาร กษัตริย์เมืองบุษกรเสียชีวิต ทุรโยธน์ฮึกเหิมมากหลังจากได้รับพรด้วยเกราะวิเศษจากพระนางคานธารี แต่เมื่อกองทัพถูกตีแตกพ่ายยับเยิน ทุรโยธน์ก็จำเป็นต้องหนีไปซ่อนอยู่ในสระแห่งหนึ่ง ใกล้ทุ่งกุรุเกษตร ภีมะ ธฤษฏัทยุมนะ เหล่าปาณฑพ และพระกฤษณะ ได้ตามไปและรบกันด้วยคทา พระพลรามเดินทางมาและร่วมชมการปะทะกันระหว่างลูกศิษย์ทั้งสอง ภีมะเอาชนะทุรโยธน์ไม่ได้ พระกฤษณะจึงตบต้นขาเป็นสัญญาณให้ภีมะใช้คทาฟาดต้นขาใส่ทุรโยธน์ พระพลรามโกรธมากที่ภีมะทำผิดกฎคทายุทธ จะใช้คราดสังหารภีมะ แต่พระกฤษณะเข้าห้าม และอธิบายให้พระพลรามเข้าใจในเหตุการณ์ ทุรโยธน์จึงถูกทิ้งให้นอนรอความตายอยู่ ณ ที่นั้น วันสุดท้ายฝ่ายเการพเป็นฝ่ายแพ้ กองทัพเการพที่เหลือจึงหนีออกจากยุทธสงคราม พระกฤษณะเป่าสังข์ปัญจชัญญะ เป็นสัญญาณว่าสงครามยุติลงแล้ว
- คืนวันที่สิบแปด
- ผู้ตาย: ธฤษฏัทยุมนะ ศิขัณทิน อุตตเมาชะ ยุธมันยุ เยาเธยะ สรรวทา นิรมิตร สุโหตระ โดยอัศวัตถามา
- เหตุการณ์สำคัญ: อัศวัตถามา กฤปาจารย์ เป็นแม่ทัพฝ่ายเการพสามคนที่รอดชีวิต ได้มาพบทุรโยธน์ก่อนจะตาย ทุรโยธน์ตั้งอัศวัตถามาเป็นประธานเสนาบดี และออกคำสั่งสุดท้ายคือ ให้ตัดหัวเหล่าปาณฑพ มาสังเวยให้ตน เขาทั้งสามจึงรับคำสั่งแก้แค้นโดยการบุกค่ายปาณฑพยามค่ำ อัศวัตถามาฆ่าลูกชายของพี่น้องทั้งห้า () ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นเหล่าปาณฑพ รวมทั้งธฤษฏัทยุมนะ ศิขัณทิน อุตตเมาชะ ยุธมันยุ และได้หนีไป เมื่อพระนางเทราปที พระกฤษณะ และเหล่าปาณฑพมาพบเข้า ก็เกิดความเศร้าโศกและโกรธแค้น จึงออกติดตามหาตัวอัศวัตถามา ซึ่งกำลังทำพิธีศพให้ทุรโยธน์ อัศวัตถามาจึงคิดที่จะทำลายทายาทของเหล่าปาณฑพแทน จึงแผลงศรพรหมเศียร อรชุนได้ตอบโต้ด้วยศรพรหมาสตร์ ฤๅษีวยาสและเทวฤๅษีนารัท ทราบเรื่องจึงมาขัดขวางการต่อสู้ อรชุนยอมถอนศรพรหมาสตร์คืน แต่อัศวัตถามาไม่ยอมจึงแผลงศรพรหมเศียรไปยังครรภ์ของนางอุตตรา มเหสีของอภิมันยุ เพื่อหวังจะให้นางแท้งลูกตาย พระกฤษณะโกรธมากจึงใช้จักรสุทรรศนะตัดทิพยมณีบนหน้าผากของอัศวัตถามาออก และสาปอัศวัตถามาให้มีชีวิตยืนยาวไปอย่างโดดเดี่ยว จนกว่าจะพบพระกัลกียาวตารจึงจะพ้นคำสาป
- หลังจากสงครามสิ้นสุดลง
- ผู้รอดชีวิต: ฝ่ายปาณฑพ ได้แก่ ยุธิษฐิระ ภีมะ อรชุน นกุล สหเทพ พระกฤษณะ สาตยกี ยุยุตสุ ฝ่ายเการพ ได้แก่ อัศวัตถามา กฤปาจารย์
- เหตุการณ์สำคัญ: ยุธิษฐิระ เดินทางเข้าสู่หัสตินาปุระ ท้าวธฤตราษฎร์ต้องการแก้แค้นภีมะ โดยการสวมกอดภีมะ พระกฤษณะรู้ถึงความคิดในใจและพละกำลังอันมหาศาลของท้าวเธอ จึงนำรูปปั้นที่เหมือนภีมะเข้าไปให้ท้าวธฤตราษฎร์สวมกอด ด้วยพลังมหาศาลรูปปั้นนั้นแตกออก และเมื่อท้าวธฤตราษฎร์ทรงหายพิโรธ ก็ยอมมอบราชบัลลังก์กรุงหัสตินาปุระให้ พระนางคานธารี สาปแช่งพระกฤษณะให้ราชวงศ์ยาทพของพระกฤษณะเข่นฆ่ากันเองเหมือนกับราชวงศ์กุรุ ยุธิษฐิระขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิ ครองกรุงหัสตินาปุระ ภีมะขึ้นเป็นพระมหาอุปราช อรชุนขึ้นครองราชย์กรุงอินทรปรัสถ์ นกุลและสหเทพไปครองแคว้นมัทระของท้าวศัลยะ ยุยุตสุได้รับตำแหน่งมหามนตรีกรุงหัสตินาปุระแทนท้าววิทูรซึ่งสละตำแหน่งไปผนวชเป็นฤๅษี สัญชัยสารถีได้รับตำแหน่งมหามนตรีกรุงอินทรปรัสถ์ กฤปาจารย์กลับมาดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำราชสำนักหัสตินาปุระ (กุลคุรุ) ตามเดิม ยุธิษฐิระปกครองอาณาจักรอย่างร่มเย็น สี่เดือนหลังจากสงคราม ภีษมะก็ถึงแก่ความตายท่ามกลางความโศกเศร้าของพี่น้องปาณฑพ หลายปีต่อมา ยุธิษฐิระทำพิธีอัศวเมธ ปล่อยม้าอัศวเมธออกไปยังอาณาจักรต่าง ๆ โดยมีอรชุนและลูกชายของกรรณะที่ถือกำเนิดหลังสิ้นสุดสงครามทุ่งกุรุเกษตรตามไปด้วย จนกระทั่งมาถึงเมืองมณีปุระ อรชุนได้พบกับ ลูกชายที่เกิดจากนางจิตรางคทา แต่อรชุนจำไม่ได้จึงรบกับพภรุวาหนะ เขาสังหารวฤษเกตุ และสังหารอรชุนได้ด้วยลูกศรซึ่งได้รับมาจากพระแม่คงคา เพราะพระแม่คงคาแค้นอรชุนที่สังหารภีษมะ ผู้เป็นปู่ของตน จึงต้องการให้ลูกของเขาสังหารตัวเขาเอง ภีมะและพระกฤษณะต้องนำทัพมาช่วย นางนาคอุลูปี มเหสีอีกคนหนึ่งของอรชุน นำนาคมณีมาชุบชีวิตอรชุน ส่วนพระกฤษณะก็ชุบชีวิตวฤษเกตุ เมื่อทุกคนรู้ความจริงทั้งหมดต่างก็ยุติสงคราม อรชุนดีใจมากที่ได้พบลูกของเขาอีกครั้ง อรชุน วฤษเกตุ ภีมะ และพระกฤษณะยกทัพกลับกรุงหัสตินาปุระ ท้าวธฤตราษฎร์ พระนางคานธารี พระนางกุนตี สละวรรณะกษัตริย์ออกผนวชเป็นฤๅษีบำเพ็ญตบะ ทั้งสามถูกไฟป่าเผาตายในขณะกำลังบำเพ็ญตบะ แต่ก็ได้บรรลุโมกษะหลุดพ้น ส่วนวิทูรที่ออกผนวชก่อน ตายไปก่อนหน้าขณะบำเพ็ญตบะอย่างหนัก 36 ปีต่อมาราชวงศ์ยาทพเข่นฆ่ากันตายภายใต้การนำของสาตยกี พระกฤษณะ พระพลราม ฯลฯ ราชวงศ์ยาทพสูญสิ้นเหลือแต่พระกฤษณะและพระพลราม ทั้งคู่จึงสละราชสมบัติออกเดินป่า พระพลรามคืนร่างเป็นพญาอนันตนาคราชกลับสู่เกษียรสมุทร ส่วนพระกฤษณะถูกนายพรานชื่อ ชระ ซึ่งเป็นพาลีกลับชาติมาเกิด ยิงธนูใส่พระบาท จนพระกฤษณะสิ้นพระชนม์ กลับคืนสู่ร่างพระนารายณ์ หลังจากนั้น 7 วัน กรุงทวารกาก็จมลงสู่มหาสมุทร หลังความตายของพระกฤษณะ เหล่าปาณฑพสละราชบัลลังก์ ให้เจ้าชาย ออกเดินทางสู่เขาหิมาลัยพร้อมด้วยพระนางเทราปตี และสุนัขตัวหนึ่ง สุดท้ายพี่น้องปาณฑพทั้งสี่และนางเทราปตีก็สิ้นชีวิตลงและขึ้นสวรรค์บนยอดเขาหิมาลัย จากนั้นสุนัขที่ติดตามมาด้วยก็กลับกลายเป็นพระธรรมเทพ (พระยม) และพายุธิษฐิระขึ้นไปบนสวรรค์ (แต่ตอนนั้นยุธิษฐิระยังไม่ตาย และมีผู้กล่าวว่ายุธิษฐิระเป็นคนคนเดียวในโลกที่สามารถขึ้นไปยังยอดเขาหิมาลัยได้ทั้งเป็น) แต่กลับพบว่าทุรโยธน์นั่งครองบัลลังก์อยู่ แต่ปาณฑพและนางเทราปตีต้องตกนรกเพราะฆ่าพี่น้องของตน ยุธิษฐิระจึงตัดสินใจตกนรกด้วย จากนั้นพระธรรมเทพจึงบอกว่าทั้งหมดเป็นภาพลวงตา จริง ๆ แล้วเการพต้องตกนรก แต่ปาณฑพอยู่บนสวรรค์ ทั้งหมดที่ทำมาคือการทดสอบจิตใจของยุธิษฐิระ ยุธิษฐิระ พี่น้องปาณฑพและนางเทราปตีก็ได้อยู่บนสวรรค์ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดมา
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir sngkhramthungkuruekstr epnehtukarninmhapharta thungkuruekstr epnthirabthixyuikl kbkrunghstinapura thithngsxngtrakulkhuxpanthphaelaekarphichepnsmrphumirb mithhar ecachayaelakstriycakaekhwnemuxngtang lmtayepncanwnmakphismanxnbnetiyngthnu thismrphumirbaehngni faypanthphmikalngphlaelahnwyrbrwmknthnghmd 7 xkesahini praman 1 5 lankhn aelafayekarph 11 xkesahini praman 2 4 lankhn insngkhramhnni miphukhnlmtayipekuxb 4 lankhn thirxdcaksngkhrammaidkmiephiyngfayekarph 3 khnaelafaypanthph 8 khnkarecrcasngbsukkxnsngkhramkarecrcakhrngthi 1 faypanthph sngpuorhitkhxngthawthrupthipepnthut aetkimprasbkhwamsaerc karecrcakhrngthi 2 fayekarphsngsychysarthiipepnthut aetkimprasbkhwamsaerc karecrcakhrngthi 3 faypanthphsngphrakvsnaipepnthut phrxmdwysatykiaela kxnwnecrca phrakvsnamaphankxyukbphranangkuntiaelathawwithur emuxthungwnecrcaphrakvsnaidyunkhxesnxih thuroythnmxbemuxngihpanthphhaemuxng khux xristhl kusasthl wvkasthl makanthi wrrnaphrt aetthuroythnimyxmih aelathuroythnyngphyayamcacbtwphrakvsna aetphrakvsnaaesdngrupepnphrawiswruptxhnathukkhninrachspha aelaidklawetuxnthunghaynakhxngthuroythnaelakururachwngs karecrcakhrngthi 4 fayekarphsng butrkhxngthawskuniipepnthutaetkimsaerc inpithiekidsngkhramnnmilangraybxkehtu nnkhux ekidsuriyuprakhakhun thung 3 khrnginpiediyw inthangohrasastrthuxwaepnlangrayphubychakarrbeaelakalngphlfaypanthph faypanthphmikalng 7 xkesahini thvstathyumnidrbeluxkepnprathanesnabdi aemthphihy thuk xkesahinicamiaemthphhnungkhn idaek thvstthyumna sikhnthin thawthrupth satyki phima nxkcaknnyngmiphinxngpanthphthngha butrkhxngehlaphinxngpanthphaelaphrakvsna yuyutsu nxngchaytangmardakhxngthuroythn thiyaykhangmaxyufaypanthph thawshethph butrkhxngthaw kstriyaekhwnmkhth thawwvhthkstr kbphinxngsikhn butrkhxngthawthyumtesn kstriyaekhwnikekya thawthvstektu butrkhxng kstriyaekhwnecthi thaw takhxngphinxngpanthph aelathawpuruchit phichaykhxngphranangkunti lungkhxngphwkpanthph kstriyaekhwnkunti thawxphiphu kstriyaekhwnkasi thawracha thaworcmn kstriyaekhwnphartwrrs thawesnawinthu kstriyemuxngethwprsth thawnila kstriyaekhwnxnupa thawmalythwch kstriyaekhwnpanthya aelaxikhlayxanackridepnphnthmitrkbfaypanthph fayekarph fayekarphmikalngthung 11 xkesahini makkwafaypanthph phismaepnprathanesnabdi aemthphihy aemthphkhnsakhykhxngekarphidaek othrnacary thuroythn thuhsasn kvpacary xswtthama chythrth skuni aela nxkcaknnyngmiphinxngekarph butrkhxngehlaphinxngekarph kstriyaekhwnprakhchoytisa aekhwnphahlika kstriyaekhwntrikhrrta suthksin kstriyaekhwnkmophch thawwintha thawxnuwintha kstriyaekhwnxwnti thawsrutayus kstriyaekhwnkalingkha thawsrutayuth kstriyaekhwnoksl thawphvhthphla kstriyemuxngxoythya thawnila kstriyemuxngmahismdi aelaxikhlayxanackrrwmthngkxngthphyathphkhxngphrakvsnahruxeriykwanarayniesna swnkrrnaekharwmrbinphayhlngthiphismathukprab phismaepnaemthphihysibwnaerk othrnacaryhawn krrnasxngwn wnsudthayepnaemthph aemthphihythukkhnthiklawmathuksngharthukkhn swnxswtthamaepnaemthphwnsudthaylxbekhaipinkhaypanthph sngharaemthphaelathharipmakmay faythiepnklang phraphlramphichaykhxngphrakvsna thawrukmi kstriyaekhwnwithrrpha phichaykhxngphranangrukmini mehsikhxngphrakvsna aelathawwithur ptiesththicarwmrbkdaehngsngkhramsngkhramthithungkuruekstr mikdhruxcriythrrmaehngkarthasngkhram eriykwa thrrmyuthth sungcatngodyprathanesnabdikhxngthngsxngfay sungidtngiw 13 khx idaek karrbcaerimemuxphraxathitykhunaelasinsudemuxphraxathitytklbkhxbfa odyichesiyngsngkhepnsyyan nkrbhnungkhntxngrbkbnkrbhnungkhnethann nkrbkhuhnungxacrbknidnanhakichxawuthehmuxnkn hruxichphahnaehmuxnkn hruxedinethaehmuxnkn hamsngharhruxtharaynkrbphuyxmcann nkrbthiyxmcanncaklayepnechlysuk aelacaidrbkarpkpxngodysiththiechlysuk tamsmkhwr hamsngharhruxtharaynkrbphuirsungsastrawuth hamsngharhruxtharaynkrbphuhmdsti hamsngharhruxtharaykhnhruxstw thiimidmiswnrwminsngkhram hamsngharhruxtharaynkrbcakdanhlng hamsngharhruxtharaystri hamsngharhruxtharaystwthiimsrangphykhukkhaminsngkhram nkrbtxngptibtitamkdthiechphaaecaacngsahrbxawuthaetlachnid echn hamichkhthatitacaksaexwlngma tamkdkhxngkhthayuthth nkrbimxacekharwminsngkhramthiimepnthrrmid kdthrrmyuthth thukrksamaodyxyangdi aethlngcakothrnacary khundarngtaaehnngprathanesnabdi kdthukxyangthukthalaylngodysinechingehtukarntamwnwnthihnung phutay ody ecachayeswta odyphisma ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupwchra wchraphyuha fayekarphcdthphaebbplxdphythukdan srrwaotphthrphyuha phismasrangkhwamesiyhayyxyybihaekfaypanthph xphimnyuephchiyhnakbphismaaelasamarthsuidxyangsusiwnthisxng phutay thawsrutayus kstriyaekhwnkalingkha aelabutrxik 4 khn khux skraethph phanumt styethph stya ecachayektumt butrkhxngexklphy aelakxngthphchangkalingkha odyphima ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupnkkrasa ekraycaphyuha fayekarphcdthphepnruptakraehlk sktaphyuha xrchunpathakbphisma thawthrupthrbkbxswtthama phimarbkbthuroythn shethphrbkbskuni xphimnyurbkbthuhsasn satykiaelaphimachwyknthalaykxngthphcakaekhwnkalingkha satykikhasarthikhxngphismataywnthisam phutay immiaemthphtayinwnni ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupphracnthresiyw cnthrkalphyuha fayekarphcdthphepnrupphyakhruth khruthphyuha xphimnyuaelasatykirbkbskunithaihskuniaelathharaekhwnkhntharalathxy phimaaelakhodtkcrbkbthuroythnthaihthuroythnslbip xrchunrbxyangdueduxdkbphismawnthisi phutay ecachayekarph 8 khn odyphima butrkhxngthawsala nxngchaykhxng odyxphimnyu ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupekhastw svngkhtkaphyuha fayekarphcdthphepnrupwngklm mnthlphyuha xphimnyuaelathvstthyumna rbkb othrnacary kvpacary xswtthama thawsala aelacitresn phimasngharnxngchaykhxngthuroythnthungaepdkhn aelakxngthphchangkhxngthuroythn thuroythncungsngihipcdkarkbphima thukkhodtkcekhakhdkhwangaelapkpxngphimawnthiha phutay thawstanika nxngchaykhxng odyphisma ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupphyakhruth khruthphyuha fayekarphcdthphepnrupmkr mkrphyuha phimarbkbphisma satykirbkbothrnacary xphimnyurbkb xrchunrbkbxswtthama sikhnthinrbkbwnthihk phutay ecachayekarphxik 8 khn odyphima ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupmkr mkrphyuha fayekarphcdthphepnrupnkkrasa ekraycaphyuha phimarbkbothrnacary nkulrbkbphisma phimasngharnxngchayxikaepdkhnkhxngthuroythn thvstthyumnaichsrpraomhna sryaslb yingisphinxngekarph thaihothrnacarytxngaephlngsrprchna srthaihtun maaekikhsthankarn xphimnyuaeprkhbwnthphepnruprukhxngekhmeybpha sucimukhphyuha ekhaipchwythvstthyumna phimaekhaiprbxikkhrngkbthuroythncnthuroythnslbip chythrth phuepnnxngekhytxngekhamachwy lukchaykhxngphinxngpanthph thng 5 khn khux rbkbxswtthamaaelathalayrthsukkhxngxswtthamawnthiecd phutay ecachaysngkha odyothrnacary ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupwchra wchraphyuha fayekarphcdthphepnrupwngklm mnthlphyuha yuthisthirarbkbphisma thawthrupth aelaecachaysngkha rbkb othrnacary sikhnthinrbkbxswtthama thvstthyumnarbkbthuroythnaelaskuni nkulaelashethphrbkb xrchunrbkb thawwintha thawxnuwintha sxngphinxngkstriyaekhwnxwnti phimarbkb xphimnyu rbkb citresn aelathuhsasn khodtkcrbkb satykirbkb rbkbthawthvstektu rbkbkvpacary wnthiaepd phutay ecachayekarphxik 8 khn odyphima nxngchay 6 khnkhxngskuni odyxirawt xirawt ody thawsuthrrmn ody ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnruptrisul trisulphyuha fayekarphcdthphepnrupkhluninmhasmuthr xurmiphyuha shethph phima aelathvstthyumna rbkbphisma xirawt rbkbskuniaela nkulrbkbothrnacary hlngcakxirawtthuksnghar khodtkcekidkhwamaekhnmakcungekhatxsukbthuroythn phimatxngekhamachwykhodtkcphuepnbutrchay thuroythnephliyngphlathxythphip aelasngihnakxngthphchangekhaipocmtiphima yuthisthiracungxxkkhasngih thawsuthrrmn kstriyaekhwntharsna nakxngthphekhaiprbkbthawphakhthtt thawsuthrrmnkrathayuththhtthikbthawphakhthtt thukthawphakhthttsnghartay xrchuncungnathphmasmthb aelatiotklbthawphakhthtt wnthieka phutay immiaemthphtayinwnni ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnruphmudawnkrstrinthxngfa nkstrmnthlphyuha fayekarphcdthphaebbplxdphythukdan srrwaotphthrphyuha xphimnyuaelarbkbthuroythn chythrth aela satykirbkbothrnacary kvpacaryaelaxswtthama phimarbkb xrchunrbkbphisma phrakvsnathnimidthiphisma sngharkxngthphfaypanthphipmakmay cunglngcakrthsukaelakhwaknglxrthsuk sungklayepnckrsuthrrsnacasngharphisma aetxrchunekhamahamiwwnthisib phutay phismaecbhnktxngthxntwcaksnamrb ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupethwda ethwphyuha fayekarphcdthphepnrupxsur xsurphyuha aemthphfaypanthphkidknaemthphkhnxun ihxxkhangphisma khux thvstthyumnaiprbkbothrnacary phimarbkbthuroythn shethphrbkbkvpacary yuthisthirarbkb satykirbkb nkulrbkbxswtthama xphimnyurbkbskuni thawthrupthrbkbchythrth rbkb rbkbthuhsasn xrchunwangaephnihsikhnthinnahnarthsuk phismaptiesththicakhasikhnthinthiekidepnhying epnchxngthangihxrchunradmyingthnuipthwrangkhxngphismadwykhwamesraic hlngcakphismalmlngbnetiyngthnu thukkhnthngfaypanthphaelaekarphekhahxmlxmthawphismaephuxaesdngkhwamxalywnthisibexd phutay ecachayekarphxik 20 khn odyphima thawxmphsthrach thawsuthrrsna thawsmuthrisni odyothrnacary ehtukarnsakhy krrnaekhasusnamrbepnwnaerk othrnacarydarngtaaehnngepnprathanesnabdi aemthphihy aethnphisma othrnacarysyyakbthuroythnwacacbtwyuthisthiramaih faypanthphcdthphepnrupnkkrasa ekraycaphyuha fayekarphcdthphepnruptakraehlk sktaphyuha xrchunrbkbkrrnaepnwnaerk yuthisthirarbkbothrnacary xphimnyurbkb sikhnthinrbkb khodtkcrbkb shethphrbkbskuni phimarbkbphinxngekarph khux wiwinsti citresn osmn suwrmn xupcitr aelakhnxun xik phimasngharphinxngekarphipxik 20 khn wikrrnaaelawiwinstihnimaid phimaekhamarbdwykrabxngkbthawslya ephuxchwyxphimnyu thawslyephliyngphlathukphimafadkrabxngisxyangaerng txngekhamachwyphathawslya khunrthsukhnixxkip aelaxswtthamarbkbphwkwnthisibsxng phutay thawnila thawmalythwch odyxswtthama kstrthrrmn ody stychit thawwvtka sucitr thawxnathvsti thawstythvti odyothrnacary odyxrchun wchrthtt odynkul phutkrrma srutwrma ody ehtukarnsakhy phiekhykhxngthuroythn kstriyaekhwntrikhrrta aelanxngchaykhxngekha rwmklumknsabanhnakxngif wacasngharxrchun eriykwa sngsptka faypanthphcdthphepnrupphracnthresiyw cnthrkalphyuha fayekarphcdthphepnrupphyakhruth khruthphyuha xrchun rbkbaelanxngchaykhxngekha xrchunyingthnutdmuxsuphahu nxngchaykhxngsusrrmakhad aelatikxngthphnarayniesnaaetkphay xrchunaephlngsrthwstastr thaihfayekarphehnphaphlwngtaaelasngharknexng aelayngaephlngsrwaywyastr srangphayuhmuninkxngthphfayekarph xikdanhnungthawthrupthrbkbthuroythn xphimnyurbkbkrrna thvstthyumnarbkbthurmukh nxngchaykhxngthuroythn yuthisthirarbkbothrnacary stychit ekhamachwyaetthukothrnacary yingthnutdhwkhad aephlngsriwsnwastrisphrakvsna aetsrklbklayepnphwngmaly xrchunaephlngsrischangsupratika aelaaephlngsrpkekhathihnaphakthawphakhthtt esiychiwit swnwchrthttthuknkulsnghar wnthisibsam phutay thawphvhthphla kstriyaekhwnoksl kstriyaekhwnxsmka martikwt butrkhxngkvtwrma chytesn rukmarth butrkhxngthawslya thawnila odyxphimnyu xphimnyu odythuroythn thuhsasn krrna skuni xswtthama aelanxngchaykhxngekha odyxrchun ehtukarnsakhy othrnacarywangklsukcdthphepnrupkngckr ckrphyuha yuthisthirakhxrxngihxphimnyusungepnkhnediywthiruwithikarthalwngekha aetimruckwithixxk faypanthphphyayamcatamekhaip odyechphaathawthrupth phuruwithithalwngxxkcakckrphyuha aetimxacfakxngthphkhxngchythrthekhaipid ephraachythrthidphrwiesscakphrasiwa ihsamarthrbchnaphwkpanthphidhnungwn hakinsmrphumiimmiphrakvsnaaelaxrchun sungthukdungtwxxkiprbephuxpxngknaekhwnmtsya khxng xphimnyuthukrumocmti cnxawuthtang thukthalay txngichlxrthsukmaepnxawuthaethn sudthayekhathukrumsngharxyangohdehiym aelathukthurmaesn lukchaykhxngthuhsasnichkrabxngfadhwcntay xrchunsabancalangaekhnodykarsngharchythrth phuepntnehtukarntaykhxngxphimnyuwnthisibsi phutay suthksin kstriyaekhwnoksl aelanxngchay 2 khn khux srutayus xchutayus thawwintha thawxnuwintha chythrthodyxrchun butr 10 khn khxngsatyki ody thawchlasnth thawslwa citresn praesn odysatyki thawcitryuth thawcitroythin ody phnesn butrkhxngkrrna ecachayekarph 6 khn khux wiwinsti thurchy thurmukh thurmrrsna thuhsaln odyphima thawwvhthwahna odythawthvstektu thaweksmthurti odythawwvhthkstr thawwvhthkstr thawthvstektu thawkuntiophch thawpuruchit thawshethph thawxphiphu thawracha thaworcmn odyothrnacary thawsala thawphimrth thawkulintha ody ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupphrakhrrkh khthkhaphyuha fayekarphcdthphrdkummak thungsamchnkhux chnthihnung epnrupkngckr ckrphyuha chnthisxng epnruptakraehlk sktaphyuha chnthisam epnruprukhxngekhmeybpha sucimukhphyuha ephuxpkpxngchythrth xrchunaekhnthungkbbukthalwngekhaipekhnkhathharfayekarphipthung 1 xkesahini satykiaelaphimatamekhaipchwyxrchun satykithukkhdkhwang aetsatykisamarthsngharphurisrwsid swmphimaekhapathakbkrrna aelaphayaephinkarrbkbkrrna aetkrrnaiwchiwitphima emuxrbknipcniklcaeyn phrakvsnaichckrsuthrrsnabdbngdwngsuriya thaihekidsuriykhras fayekarphekhaicwasuriyalbkhxbfaipaelw chythrthcungxxkmacakaenwpxngkn emuxphrakvsnaeriykckrklbma aesngsxngxikkhrng xrchuncungaephlngsrpasupt tdhwchythrthwnthi 16 phimadumeluxdthuhsasnkhunwnthisibsi phutay thawesnawinthu ody odysatyki thurmaesn lukchaykhxngthuhsasn aelaecachayekarphxik 30 khn odyphima butrkhxngehlaphinxngekarph ody xychnprrwn butrkhodtkc odyxswtthama xlayuth ody khodtkc khodtkc odykrrna ehtukarnsakhy kartxsuelymathungtxnklangkhun shethphrbkbkrrna khnthnu hxk aelakhwankhxngshethph thukyingcnhk sarthithukyingcntay lxrthsukthukyingcnaetk khthathukthalay shethphcungichdab ekhatxsukbkrrna kidrbkhwamphayaeph aetkrrnaiwchiwitshethph khodtkcmiphlakalngephiminyamkha immiikhrprabid krrnathungkbtxngichhxkwaswiskti xawuthwiesscakphraxinthr sngharkhodtkctayinthisud aetthaihkrrnahmdvththiipmak hlngkarrbxyanghnkinkhunnithharthnghlay tangslbislhlbip dwykhwamehnuxyxxnwnthisibha phutay thawthrupthaela odyothrnacary othrnacary odythvstthyumna ehtukarnsakhy othrnacary sngharthawthrupthaela xikthngyngthalaykxngthphaekhwnpycala aekhwnmtsya phimaxxkxubaywaxswtthamalukchaykhxngothrnacarythukkhatay othrnacaryhlngechuxaelaesraicxyangying thvstthyumnathuxoxkastdhwothrnacarylangaekhnihbida xswtthamaaephlngsrnaraynastr aela srxakhenyastr hmaycaaekaekhnechnkn aetimxacthaxntrayfaypanthphid wnthisibhk phutay suesn citresn styesn odynkul thawcitra ody thawcitrrth thawcitresn ody thawwvhnt odythuhsasn phinxngekarphthiehluxxyuxik 18 khn odyphima ehtukarnsakhy krrnaepnkhunepnprathanesnabdi aemthph aethnothrnacary thuroythnkhxrxngih mathahnathisarthiihkrrna faypanthphcdthphepnrupphracnthresiyw cnthrkalphyuha fayekarphcdthphepnrupmkr mkrphyuha nkulrbkbkrrna khnthnukhxngnkul thukyingcnhk sarthithukyingcntay lxrthsukthukyingcnaetk khthathukthalay nkulcungichdab ekhatxsukbkrrna kidrbkhwamphayaeph aetkrrnaiwchiwitnkul hlngcaknnkrrnaidekhaipchwythuroythn thikalngrbkbyuthisthira phimarbkbthuhsasn cbthuhsasncikphmlakipkbphun aelathukphimachikaekhnthngsxngkhang aelaaehwkxkdumeluxdthuhsasn aelanaeluxdkhxngthuhsasnmalangphmkhxngphranangethrapti ephuxlangaekhnihphranangethrapti wnthisibecd phutay krrna wvsesn struychy thwipt odyxrchun thuhsasn odyphima ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupkrabux mhisphyuha fayekarphcdthphepnrupdwngsuriya suryaphyuha xrchuntxsukbkrrnaxyangdueduxd krrnaichsrnakhastrsungkhuxphyatkskanakhrach sthitxyuinluksr aephlngsrxxkipisxrchun phrakvsnakrathubethathaihrthsukexiyngkhanghnung thaihsrnakhastripodnmngkudkiritikhxngxrchun aethnthicaodnxrchun aelainthisudrthsukkhxngekhaphldtklngipinhlmkhybimid ekhacunglngcakrthsukmaekhnlxrthkhuncakhlm ekhaxxnwxnihxrchunhyudyingthnutamhlkthrrmyuthth phrakvsnaimehndwyephraa krrnamiswnrwminkarrumsngharxphimnyu sungphidhlkthrrmyuthth cungsngihxrchunaephlngsrxychlikatdhwkrrna inthisudkrrnakthungaekkhwamtay phranangkuntiepidephytwwaepnaemkrrna skunikhxrxngihphranangkhanthari aekphaphuktakhxngnangxxk ephuxcathaihthuroythnmirangkayaekhngaekrngdngwchra aetthitnkhakhxngthuroythnimidrbkarpkpxng ephraaswmibtxngkhlumiw wnthisibaepd phutay odyyuthisthira skuni wvkasura odyshethph thawthmn thawthrumesn thawsmymniaelabutr odythvstthyumna thawsuektu odykvpacary odythuroythn thuroythn odyphima ehtukarnsakhy faypanthphcdthphepnrupwchra wchraphyuha fayekarphcdthphepnaebbplxdphythukdan srrwaotphthraphyuha rbtaaehnngprathanesnabdi aelathuksngharinwnniodyyuthisthira skunithukshethphichkhwanfnkhxtayxyangohdehiym hlngcakkhwamtaykhxngthawslyaaelaskuni thuroythnokrthaekhnmakcungnathphdwytnexngaelasnghar kstriyemuxngbuskresiychiwit thuroythnhukehimmakhlngcakidrbphrdwyekraawiesscakphranangkhanthari aetemuxkxngthphthuktiaetkphayybeyin thuroythnkcaepntxnghniipsxnxyuinsraaehnghnung iklthungkuruekstr phima thvstthyumna ehlapanthph aelaphrakvsna idtamipaelarbkndwykhtha phraphlramedinthangmaaelarwmchmkarpathaknrahwangluksisythngsxng phimaexachnathuroythnimid phrakvsnacungtbtnkhaepnsyyanihphimaichkhthafadtnkhaisthuroythn phraphlramokrthmakthiphimathaphidkdkhthayuthth caichkhradsngharphima aetphrakvsnaekhaham aelaxthibayihphraphlramekhaicinehtukarn thuroythncungthukthingihnxnrxkhwamtayxyu n thinn wnsudthayfayekarphepnfayaeph kxngthphekarphthiehluxcunghnixxkcakyuththsngkhram phrakvsnaepasngkhpycchyya epnsyyanwasngkhramyutilngaelw khunwnthisibaepd phutay thvstthyumna sikhnthin xuttemacha yuthmnyu eyaethya srrwtha nirmitr suohtra odyxswtthama ehtukarnsakhy xswtthama kvpacary epnaemthphfayekarphsamkhnthirxdchiwit idmaphbthuroythnkxncatay thuroythntngxswtthamaepnprathanesnabdi aelaxxkkhasngsudthaykhux ihtdhwehlapanthph masngewyihtn ekhathngsamcungrbkhasngaekaekhnodykarbukkhaypanthphyamkha xswtthamakhalukchaykhxngphinxngthngha dwykhwamekhaicphidwaepnehlapanthph rwmthngthvstthyumna sikhnthin xuttemacha yuthmnyu aelaidhniip emuxphranangethrapthi phrakvsna aelaehlapanthphmaphbekha kekidkhwamesraoskaelaokrthaekhn cungxxktidtamhatwxswtthama sungkalngthaphithisphihthuroythn xswtthamacungkhidthicathalaythayathkhxngehlapanthphaethn cungaephlngsrphrhmesiyr xrchunidtxbotdwysrphrhmastr visiwyasaelaethwvisinarth thraberuxngcungmakhdkhwangkartxsu xrchunyxmthxnsrphrhmastrkhun aetxswtthamaimyxmcungaephlngsrphrhmesiyripyngkhrrphkhxngnangxuttra mehsikhxngxphimnyu ephuxhwngcaihnangaethngluktay phrakvsnaokrthmakcungichckrsuthrrsnatdthiphymnibnhnaphakkhxngxswtthamaxxk aelasapxswtthamaihmichiwityunyawipxyangoddediyw cnkwacaphbphraklkiyawtarcungcaphnkhasaphlngcaksngkhramsinsudlng phurxdchiwit faypanthph idaek yuthisthira phima xrchun nkul shethph phrakvsna satyki yuyutsu fayekarph idaek xswtthama kvpacary ehtukarnsakhy yuthisthira edinthangekhasuhstinapura thawthvtrasdrtxngkaraekaekhnphima odykarswmkxdphima phrakvsnaruthungkhwamkhidinicaelaphlakalngxnmhasalkhxngthawethx cungnaruppnthiehmuxnphimaekhaipihthawthvtrasdrswmkxd dwyphlngmhasalruppnnnaetkxxk aelaemuxthawthvtrasdrthrnghayphiorth kyxmmxbrachbllngkkrunghstinapuraih phranangkhanthari sapaechngphrakvsnaihrachwngsyathphkhxngphrakvsnaekhnkhaknexngehmuxnkbrachwngskuru yuthisthirakhunkhrxngrachyepnphrackrphrrdi khrxngkrunghstinapura phimakhunepnphramhaxuprach xrchunkhunkhrxngrachykrungxinthrprsth nkulaelashethphipkhrxngaekhwnmthrakhxngthawslya yuyutsuidrbtaaehnngmhamntrikrunghstinapuraaethnthawwithursungslataaehnngipphnwchepnvisi sychysarthiidrbtaaehnngmhamntrikrungxinthrprsth kvpacaryklbmadarngtaaehnngxacarypracarachsankhstinapura kulkhuru tamedim yuthisthirapkkhrxngxanackrxyangrmeyn sieduxnhlngcaksngkhram phismakthungaekkhwamtaythamklangkhwamoskesrakhxngphinxngpanthph hlaypitxma yuthisthirathaphithixswemth plxymaxswemthxxkipyngxanackrtang odymixrchunaelalukchaykhxngkrrnathithuxkaenidhlngsinsudsngkhramthungkuruekstrtamipdwy cnkrathngmathungemuxngmnipura xrchunidphbkb lukchaythiekidcaknangcitrangkhtha aetxrchuncaimidcungrbkbphphruwahna ekhasngharwvsektu aelasngharxrchuniddwyluksrsungidrbmacakphraaemkhngkha ephraaphraaemkhngkhaaekhnxrchunthisngharphisma phuepnpukhxngtn cungtxngkarihlukkhxngekhasnghartwekhaexng phimaaelaphrakvsnatxngnathphmachwy nangnakhxulupi mehsixikkhnhnungkhxngxrchun nanakhmnimachubchiwitxrchun swnphrakvsnakchubchiwitwvsektu emuxthukkhnrukhwamcringthnghmdtangkyutisngkhram xrchundiicmakthiidphblukkhxngekhaxikkhrng xrchun wvsektu phima aelaphrakvsnaykthphklbkrunghstinapura thawthvtrasdr phranangkhanthari phranangkunti slawrrnakstriyxxkphnwchepnvisibaephytba thngsamthukifpaephatayinkhnakalngbaephytba aetkidbrrluomksahludphn swnwithurthixxkphnwchkxn tayipkxnhnakhnabaephytbaxyanghnk 36 pitxmarachwngsyathphekhnkhakntayphayitkarnakhxngsatyki phrakvsna phraphlram l rachwngsyathphsuysinehluxaetphrakvsnaaelaphraphlram thngkhucungslarachsmbtixxkedinpa phraphlramkhunrangepnphyaxnntnakhrachklbsueksiyrsmuthr swnphrakvsnathuknayphranchux chra sungepnphaliklbchatimaekid yingthnuisphrabath cnphrakvsnasinphrachnm klbkhunsurangphranarayn hlngcaknn 7 wn krungthwarkakcmlngsumhasmuthr hlngkhwamtaykhxngphrakvsna ehlapanthphslarachbllngk ihecachay xxkedinthangsuekhahimalyphrxmdwyphranangethrapti aelasunkhtwhnung sudthayphinxngpanthphthngsiaelanangethraptiksinchiwitlngaelakhunswrrkhbnyxdekhahimaly caknnsunkhthitidtammadwykklbklayepnphrathrrmethph phraym aelaphayuthisthirakhunipbnswrrkh aettxnnnyuthisthirayngimtay aelamiphuklawwayuthisthiraepnkhnkhnediywinolkthisamarthkhunipyngyxdekhahimalyidthngepn aetklbphbwathuroythnnngkhrxngbllngkxyu aetpanthphaelanangethraptitxngtknrkephraakhaphinxngkhxngtn yuthisthiracungtdsinictknrkdwy caknnphrathrrmethphcungbxkwathnghmdepnphaphlwngta cring aelwekarphtxngtknrk aetpanthphxyubnswrrkh thnghmdthithamakhuxkarthdsxbcitickhxngyuthisthira yuthisthira phinxngpanthphaelanangethraptikidxyubnswrrkhdwyknxyangmikhwamsukhtlxdma