วิลเฮ็ล์ม โบเดอวีน โยฮัน กุสทัฟ ไคเทิล (เยอรมัน: Wilhelm Bodewin Johann Gustav Keitel) นายทหารชาวเยอรมัน เป็นจอมพลเยอรมันซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป ตำแหน่งของเขาเทียบได้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
วิลเฮ็ล์ม ไคเทิล | |
---|---|
จอมพล วิลเฮ็ล์ม ไคเทิลในปีค.ศ. 1942 | |
ชื่อเล่น | ลาไคเทิล (Lakeitel) |
เกิด | 22 กันยายน ค.ศ. 1882 จักรวรรดิเยอรมัน |
เสียชีวิต | 16 ตุลาคม ค.ศ. 1946 เนือร์นแบร์ค เยอรมนีภายใต้การยึดครองของสัมพันธมิตร | (64 ปี)
รับใช้ | เยอรมนี เยอรมนี ไรช์เยอรมัน |
แผนก/ | กองทัพบกจักรวรรดิเยอรมัน ไรชส์แฮร์ กองทัพบกเยอรมัน |
ประจำการ | 1901–1945 |
ชั้นยศ | จอมพล |
บังคับบัญชา | กองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ |
การยุทธ์ | สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สอง |
บำเหน็จ | กางเขนอัศวินแห่งกางเขนเหล็ก |
ลายมือชื่อ |
ประวัติ
ไคเทิลเป็นบุตรคนโตของนายคาร์ล ไคเทิล เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ ในตอนแรกเขาคิดอยากสืบทอดกิจการฟาร์มจากบิดา แต่บิดาไม่ยอมเพราะบิดาต้องการดูแลกิจการด้วนตนเอง ด้วยเหตุนี้เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมในปี 1901 เขาจึงเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายร้อยปรัสเซีย ซึ่งเป็นค่านิยมของบรรดาลูกชายเจ้าของที่ดินในขณะนั้น โดยตัวเขาเลือกสังกัดเหล่าทหารปืนใหญ่ และได้ติดยศร้อยตรีในปี 1902
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ในปี 1914 ร้อยโทไคเทิลปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในแนวรบด้านตะวันตก มีส่วนร่วมในการรบในภาคเหนือของประเทศเบลเยียมและได้รับบาดเจ็บหนัก ในปีนั้นเขาได้พบกับพันตรีแวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค ผู้ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อเขาในเวลาต่อมา หลังไคเทิลรักษาตัวจนหายดี เขาได้เลื่อนเป็นร้อยเอกและได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารเสนาธิการของกองพลแห่งหนึ่ง
ช่วงเว้นว่างสงคราม
ภายหลังสงครามสิ้นสุดในปี 1919 ไคเทิลยังประจำการในกองทัพต่อไป เขามีตำแหน่งเป็นครูสอนวิชายุทธวิธีในโรงเรียนทหารม้า ณ ฮันโนเฟอร์ เป็นเวลาสามปี แล้วถูกโยกย้ายไปเป็นนายทหารเสนาธิการของกรมทหารปืนใหญ่ที่หก ต่อมาในปี 1925 เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองในสำนักงานกำลังพล ต่อมาในปี 1927 ไคเทิลได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 กองพลที่ 2
ในปี 1929 ไคเทิลเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงการสงคราม จนกระทั่งในปี 1935 ได้ดำรงตำแหน่งปลัดแวร์มัคท์ ภายใต้รัฐมนตรีแวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค ต่อมาเมื่อฮิตเลอร์เข้าบัญชาการแวร์มัคท์โดยตรงในปี 1938 ฮิตเลอร์ยุบกระทรวงการสงคราม (ซึ่งเป็นการปลดจอมพลบล็อมแบร์คในตัว) และตั้งกองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ขึ้นแทน ไคเทิลเป็นหัวหน้ากองบัญชาการใหญ่ฯ ด้วยอุปนิสัยว่านอนสอนง่ายต่อฮิตเลอร์ บรรดาเพื่อนนายทหารแอบเรียกเขาว่าเป็นชายที่ "ได้ครับผม เหมาะสมครับท่าน"
สงครามโลกครั้งที่สอง
ในสงครามโลกครั้งที่สอง ไคเทิลในฐานะหัวหน้ากองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ ถือเป็นผู้มีส่วนตัดสินใจต่อปฏิบัติการทางทหารในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ในวาระส่วนใหญ่ เขาวางตัวเป็นเพียงตรายางของฮิตเลอร์ และไม่ได้ดูกระตือรือร้นที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ในปี 1940 ภายหลังความสำเร็จในยุทธการที่ฝรั่งเศส ไคเทิลพร้อมนายพลอีกสิบเอ็ดคนได้รับเลื่อนยศเป็นจอมพลในวันที่ 19 กรกฎาคม
ในปี 1945 ภายหลังกองทัพแดงบุกเข้ากรุงเบอร์ลิน จอมพลไคเทิลเป็นผู้ลงนามในตราสารยอมจำนนของเยอรมนีเพื่อยุติสงคราม ต่อมาถูกนำตัวเข้ารับการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์คของฝ่ายสัมพันธมิตร เขาพยายามต่อสู้คดีแต่สุดท้ายถูกตัดสินโทษประหาร ถือเป็นหนึ่งในสามผู้บัญชาการระดับสูงสุดของเยอรมันที่ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดี เขาถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในวันที่ 16 ตุลาคม 1946 แม้ว่าเจ้าตัวเรียกร้องขอการยิงประหารชีวิตโดยแถวทหารก็ตาม
ยศทหาร
- ตุลาคม 1901 : นักเรียนทำการนายร้อย (Fähnrich)
- สิงหาคม 1902: ร้อยตรี (Leutnant)
- สิงหาคม 1910 : ร้อยโท (Oberleutnant)
- ตุลาคม 1914 : ร้อยเอก (Hauptman)
- มิถุนายน 1923 : พันตรี (Major)
- กุมภาพันธ์ 1929 : พันโท (Oberstleutnant)
- ตุลาคม 1931 : พันเอก (Oberst)
- เมษษยน 1934 : พลตรี (Generalmajor)
- มกราคม 1936 : พลโท (Generalleutnant)
- สิงหาคม 1937: พลเอกทหารปืนใหญ่ (General der Artillerie )
- พฤศจิกายน 1938 : พลเอกอาวุโส (Generaloberst)
- กรกฎาคม 1940 : จอมพล (Generalfeldmarschall)
บรรณานุกรม
- Barnett, Correlli, ed. (2003) [1989]. Hitler’s Generals. New York: Grove Press.
- Brinkley, Douglas, and Michael E. Haskew, eds. (2004). The World War II Desk Reference. New York: Grand Central Press.
- Burleigh, Michael (2010). Moral Combat: Good and Evil in World War II. New York and London: Harper Collins.
- (1994). Scorched Earth. Atglen, PA: Schiffer Military History.
- Clark, Alan (2002) [1965] Barbarossa: The Russian-German Conflict, 1941–45. New York: Harper Perennial.
- Conot, Robert E. (2000) [1947]. Justice at Nuremberg. New York: Carroll & Graf Publishers.
- Higgins, Trumbull (1966) Hitler and Russia: The Third Reich in a Two-front War, 1937–1943. New York: The Macmillan Company. ASIN: B007T4QZQS
- Hildebrand, Klaus (1986). The Third Reich. London & New York: Routledge.
ก่อนหน้า | วิลเฮ็ล์ม ไคเทิล | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พลเอกทหารราบ ฮันส์ เครพส์ | เสนาธิการกองทัพบก (1 พฤษภาคม 1945 — 13 พฤษภาคม 1945) | พลเอกอาวุโส อัลเฟรท โยเดิล | ||
จอมพล แวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค (ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการสงคราม) | หัวหน้ากองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ (4 กุมภาพันธ์ 1938 — 8 พฤษภาคม 1945) | — | ||
พลตรี วัลเทอร์ ฟ็อน ไรเชอเนา | (ปลัดแวร์มัคท์) (1 ตุลาคม 1935 — 4 กุมภาพันธ์ 1938) | — |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wilehlm obedxwin oyhn kusthf ikhethil eyxrmn Wilhelm Bodewin Johann Gustav Keitel naythharchaweyxrmn epncxmphleyxrmnsungdarngtaaehnnghwhnakxngbychakarihyaehngaewrmkhth tlxdchwngsngkhramolkkhrngthisxnginthwipyuorp taaehnngkhxngekhaethiybidkbrthmntriwakarkrathrwngklaohmaekenxraleflthmarchl wilehlm ikhethilcxmphl wilehlm ikhethilinpikh s 1942chuxelnlaikhethil Lakeitel ekid22 knyayn kh s 1882 1882 09 22 ckrwrrdieyxrmnesiychiwit16 tulakhm kh s 1946 1946 10 16 64 pi enuxrnaebrkh eyxrmniphayitkaryudkhrxngkhxngsmphnthmitrrbich eyxrmni eyxrmni ircheyxrmnaephnk wbr sngkd kxngthphbkckrwrrdieyxrmn irchsaehr kxngthphbkeyxrmnpracakar1901 1945chnyscxmphlbngkhbbychakxngbychakarihyaehngaewrmkhthkaryuththsngkhramolkkhrngthihnung sngkhramolkkhrngthisxngbaehnckangekhnxswinaehngkangekhnehlklaymuxchuxprawtiikhethilepnbutrkhnotkhxngnaykharl ikhethil ecakhxngthidinkhnadihy intxnaerkekhakhidxyaksubthxdkickarfarmcakbida aetbidaimyxmephraabidatxngkarduaelkickardwntnexng dwyehtuniemuxcbkarsuksaradbmthyminpi 1901 ekhacungekhaeriyntxinorngeriynnayrxyprsesiy sungepnkhaniymkhxngbrrdalukchayecakhxngthidininkhnann odytwekhaeluxksngkdehlathharpunihy aelaidtidysrxytriinpi 1902 sngkhramolkkhrngthihnung inpi 1914 rxyothikhethilptibtihnathiinsngkhramolkkhrngthihnunginaenwrbdantawntk miswnrwminkarrbinphakhehnuxkhxngpraethsebleyiymaelaidrbbadecbhnk inpinnekhaidphbkbphntriaewrenxr fxn blxmaebrkh phusungcamixiththiphltxekhainewlatxma hlngikhethilrksatwcnhaydi ekhaideluxnepnrxyexkaelaidrbaetngtngepnnaythharesnathikarkhxngkxngphlaehnghnung chwngewnwangsngkhram phayhlngsngkhramsinsudinpi 1919 ikhethilyngpracakarinkxngthphtxip ekhamitaaehnngepnkhrusxnwichayuththwithiinorngeriynthharma n hnonefxr epnewlasampi aelwthukoykyayipepnnaythharesnathikarkhxngkrmthharpunihythihk txmainpi 1925 ekhamitaaehnngepnhwhnakxnginsankngankalngphl txmainpi 1927 ikhethilidrbaetngtngepnphubychakarkrmthharpunihythi 6 kxngphlthi 2 inpi 1929 ikhethilerimptibtihnathiinkrathrwngkarsngkhram cnkrathnginpi 1935 iddarngtaaehnngpldaewrmkhth phayitrthmntriaewrenxr fxn blxmaebrkh txmaemuxhitelxrekhabychakaraewrmkhthodytrnginpi 1938 hitelxryubkrathrwngkarsngkhram sungepnkarpldcxmphlblxmaebrkhintw aelatngkxngbychakarihyaehngaewrmkhthkhunaethn ikhethilepnhwhnakxngbychakarihy dwyxupnisywanxnsxnngaytxhitelxr brrdaephuxnnaythharaexberiykekhawaepnchaythi idkhrbphm ehmaasmkhrbthan sngkhramolkkhrngthisxng cxmphlikhethil saysud inkarprachumthangthhar 1940 insngkhramolkkhrngthisxng ikhethilinthanahwhnakxngbychakarihyaehngaewrmkhth thuxepnphumiswntdsinictxptibtikarthangthharinphaphrwm xyangirktam inwaraswnihy ekhawangtwepnephiyngtrayangkhxnghitelxr aelaimiddukratuxruxrnthicaprbepliynklyuthth inpi 1940 phayhlngkhwamsaercinyuththkarthifrngess ikhethilphrxmnayphlxiksibexdkhnidrbeluxnysepncxmphlinwnthi 19 krkdakhm inpi 1945 phayhlngkxngthphaedngbukekhakrungebxrlin cxmphlikhethilepnphulngnamintrasaryxmcannkhxngeyxrmniephuxyutisngkhram txmathuknatwekharbkarphicarnakhdienuxrnaebrkhkhxngfaysmphnthmitr ekhaphyayamtxsukhdiaetsudthaythuktdsinothsprahar thuxepnhnunginsamphubychakarradbsungsudkhxngeyxrmnthithuknatwkhunphicarnakhdi ekhathukpraharchiwitdwykaraekhwnkhxinwnthi 16 tulakhm 1946 aemwaecatweriykrxngkhxkaryingpraharchiwitodyaethwthharktamysthharcxmphlikhethillngnamtrasaryxmcann 8 ph kh 1945 tulakhm 1901 nkeriynthakarnayrxy Fahnrich singhakhm 1902 rxytri Leutnant singhakhm 1910 rxyoth Oberleutnant tulakhm 1914 rxyexk Hauptman mithunayn 1923 phntri Major kumphaphnth 1929 phnoth Oberstleutnant tulakhm 1931 phnexk Oberst emssyn 1934 phltri Generalmajor mkrakhm 1936 phloth Generalleutnant singhakhm 1937 phlexkthharpunihy General der Artillerie phvscikayn 1938 phlexkxawuos Generaloberst krkdakhm 1940 cxmphl Generalfeldmarschall brrnanukrmBarnett Correlli ed 2003 1989 Hitler s Generals New York Grove Press ISBN 978 0 80213 994 8 Brinkley Douglas and Michael E Haskew eds 2004 The World War II Desk Reference New York Grand Central Press ISBN 978 0 06052 651 1 Burleigh Michael 2010 Moral Combat Good and Evil in World War II New York and London Harper Collins ISBN 978 0 00 719576 3 1994 Scorched Earth Atglen PA Schiffer Military History ISBN 0 88740 598 3 Clark Alan 2002 1965 Barbarossa The Russian German Conflict 1941 45 New York Harper Perennial ISBN 0 688 04268 6 Conot Robert E 2000 1947 Justice at Nuremberg New York Carroll amp Graf Publishers ISBN 978 0 88184 032 2 Higgins Trumbull 1966 Hitler and Russia The Third Reich in a Two front War 1937 1943 New York The Macmillan Company ASIN B007T4QZQS Hildebrand Klaus 1986 The Third Reich London amp New York Routledge ISBN 0 04 9430327kxnhna wilehlm ikhethil thdipphlexkthharrab hns ekhrphs esnathikarkxngthphbk 1 phvsphakhm 1945 13 phvsphakhm 1945 phlexkxawuos xlefrth oyedilcxmphl aewrenxr fxn blxmaebrkh intaaehnngrthmntriwakarsngkhram hwhnakxngbychakarihyaehngaewrmkhth 4 kumphaphnth 1938 8 phvsphakhm 1945 phltri wlethxr fxn irechxena pldaewrmkhth 1 tulakhm 1935 4 kumphaphnth 1938